Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-book AE2

E-book AE2

Published by pimlapus.kongma, 2020-06-06 17:15:54

Description: E-book โดย น.ส. พิมพ์ลภัส คงมา

Search

Read the Text Version

3. รักษาความสมดลุ ของนา้ และ อเิ ลค็ โตรลัยท์ โดยเฉพาะในรายทไ่ี ดร้ บั ยาขบั ปัสสาวะ 4. ดูแลให้ได้รบั สารอาหารอย่างเพยี งพอ 5. ลดความวติ กกังวลของผู้ปว่ ยและญาติ 6. กรณที ่ีผปู้ ่วยจาเป็นต้องไดร้ บั การรกั ษาดว้ ยการชอ็ คไฟฟา้ และผูป้ ว่ ยรสู้ ึกตวั ดี พยาบาลควรให้ความมั่นใจและดูแลให้ ผ้ปู ว่ ยไดร้ บั ยากลอ่ มประสาทตามแผนการรกั ษา หลังการชอ็ คไฟฟา้ ต้องเฝา้ ระวงั การเปลีย่ นแปลงของคลืน่ ไฟฟ้า อย่างใกลช้ ิด



โรคทสี่ นใจ : โรคหลอดเลอื ดสมอง (Stroke, Cerebrovascular disease) โรคหลอดเลอื ดสมอง เปน็ การหยดุ การทางานของสมองอย่างฉับพลนั โดยมสี าเหตมุ าจากการรบกวนของหลอดเลือด ที่ไปเลย้ี งสมอง โดยสามารถเกดิ ไดท้ ัง้ ในเส้นเลือดแดงขนาดใหญ่ และเสน้ เลือดแดงขนาดเลก็ ทเ่ี ปน็ สาขาจากเส้นเลอื ดขนาด ใหญท่ อี่ ยลู่ กึ ลงไปในสมอง ซ่ึงมผี ลทาใหเ้ กดิ อัมพาตครึ่งซกี (hemiplegia) ไมส่ ามารถขยับแขนขาส่วนใดหรอื ซีกใดซีกหนึ่งได้ หรือ ตาบอดคร่ึงซีก (hemianopsia) ไม่สามารถมองเหน็ อกี ครง่ึ ซกึ ของลานสายตา ถา้ มีความรุนแรงมาก อาจทาใหเ้ สยี ชีวิตได้ สาเหตุ โรคหลอดเลือดสมอง แบง่ ตามสาเหตกุ ารเกดิ ได้ 2 ชนิดคอื 1. โรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลอื ด (ischemic stroke) พบประมาณรอ้ ยละ 75-80 2. โรคหลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) พบประมาณร้อยละ 20-25 สาเหตุการเกดิ ได้แก่ 1) การขาดเลอื ด (ischemia) เกิดขึน้ เมือ่ เลือดท่ไี ปเลีย้ งสมองถูกขดั ขวางหรืออุดตนั สมบรู ณ์ 2) ภาวะมลี ่มิ เลอื ดอดุ ตัน (thrombosis) 3) ภาวะกอ้ นเลอื ดอุดตนั (embolism) 4) ภาวะเลือดออก (hemorrhage) ในสมอง เป็นผลจากการฉีกขาดของเสน้ เลือดในสมอง 4.1) Epidural hematoma (EDH) คือ เลอื ดออกบรเิ วณเหนือเยือ่ หุ้มสมองดรู า 4.2) Subdural hematoma (SDH) คือเลอื ดออกใตเ้ ยื่อหมุ้ สมองดูรา 4.3) Intracerebral hematoma (ICH) หรอื cerebral contusion 4.4) Intraventricular hemorrhage (IVH) อาจเกดิ จากการบาดเจบ็ เล็กน้อยและมี IVH อยา่ งเดียว 4.5) Subarachnoid hemorrhage (SAH) คอื เลอื ดออกใต้ชนั้ arachnoid พยาธสิ รรี วทิ ยา เม่อื มลี มิ่ เลอื ดท่ีผนังหรือหลดุ ลอยมาจากท่อี นื่ มาอดุ หลอดเลือดสมอง ทาใหก้ ารไหลเวียนเลือดของเลือดในสมอง หยุดชะงกั ยังผลใหก้ ารสง่ ออกซิเจนไปไมถ่ งึ ปลายทางคอื เนอื้ สมองส่วนทอ่ี ยถู่ ดั ไป การขาด ออกซเิ จน 1 นาที ทาให้หมดสติ สมองอาจกลบั คนื เป็นปกตไิ ด้ แตก่ ารขาดออกซเิ จนนานกว่า 4 นาที อาจทาลายเซลล์ประสาทในสมองอย่างถาวร เซลลส์ มอง จะเกิดการตายทาใหเ้ น้ือสมองตาย อาการและอาการแสดง 1. สมองขาดเลอื ดไปเลย้ี งชวั่ คราว (transient Ischemic Attack: TIA) อาการมกั นอ้ ยกว่า 30 นาทแี ละหายไปภายใน 24 ชว่ั โมง เปน็ อาการที่ปรมิ าณเลอื ดไปเล้ยี งสมองบางส่วนไมเ่ พียงพอช่ัวขณะ 2. อาการก้าวหนา้ ขึน้ (progressive Stroke) อาการเร่ิมรุนแรงขนึ้ หลังจากเกดิ เนื้อสมองตาย 72 ชว่ั โมงทาใหม้ ีสมอง บวม จะพบอาการหมดสติ เกิด brain herniation อัมพาตครง่ึ ซกี ตาบอดครึง่ ซกี พูดไมไ่ ด้ใน 36 ชัว่ โมงแรก 3. อาการสโตรคสมบรู ณ์ (complete stroke) อาการผิดปกติทางระบบประสาทไมเ่ ปลีย่ นแปลง ในชว่ ง 2-3 สปั ดาห์ การรกั ษา 1. Ischemic stroke ระยะแรกให้ยาละลายลมิ่ เลือดเรียกวา่ Thrombolytic โดยใช้ยา Recombinant tissue activator (rt-PA) ระยะหลงั ให้ยาต้านเกลด็ เลือดหรอื ยาละลายลิม่ เลือดชนิดกินเพ่อื ป้องกันการเกดิ เปน็ ซ้า 2. Hemorrhagic stroke ควบคมุ ปรมิ าณเลอื ดท่อี อกด้วยการรกั ษาระดบั ความดันโลหติ ในกรณที เ่ี ลอื ดออกมาก แพทย์อาจพจิ ารณาทกการผ่าตดั แตถ่ า้ กอ้ นเลอื ดขนาดไม่ใหญ่ จะให้การรักษาโดยการรกั ษาประคบั ประคองตาม อาการ การรักษาดว้ ยการผ่าตัดทที่ าบอ่ ย ไดแ้ ก่

1. Craniotomy เปน็ การผา่ ตัดเปดิ หนังศีรษะ ใช้เครอ่ื งมือเจาะกะโหลกใหเ้ ปน็ รู เพอื่ เปิดกะโหลกและนาก้อนเลือดออก 2. Craniectomy คือ การผ่าตดั เปิดกะโหลกศีรษะเพ่อื ลดความดนั ในกะโหลกศรี ษะ 3. Burr holes คอื การเจาะรูใสส่ ายเพอื่ ดดู เอาเลอื ดออก 4. Shunt คือ การใสท่ อ่ ระบายนา้ ในโพรงสมอง ตวั อยา่ งข้อวนิ จิ ฉยั ทางการพยาบาลและกจิ กรรมการพยาบาล ข้อวินิจฉยั ท่ี 1 การกาซาบเลือดของเนือเย่อื สมองไมม่ ีประสทิ ธภิ าพ เนือ่ งจากการไหลเวียนของเลือดในสมองถกู ขดั ขวาง 1) วัดสัญญาณชีพ 2) ดแู ลทางเดนิ หายใจให้โลง่ และใหอ้ อกซิเจนตามแผนการรกั ษา 3) สงั เกตอาการปวดศีรษะทร่ี ุนแรงเพมิ่ ขึน้ อาเจยี น แขนขาอ่อนแรงมากข้ึน 4) หลกี เลีย่ งการผูกยดึ ผู้ปว่ ย 5) จัดส่ิงแวดลอ้ มใหส้ งบ และลดส่ิงกระตุ้น ขอ้ วินจิ ฉยั ที่ 2 การหายใจไมม่ ีประสทิ ธิภาพ เนอ่ื งจากทางเดินหายใจอุดตันและระดบั ความรู้สตเิ ปลยี่ นแปลง 1) ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ใหไ้ ด้รบั ออกซเิ จนตามแผนการรักษา 2) สังเกตและประเมินลักษณะการหายใจ การขยายตัวของทรวงอก และฟังเสียงลมเข้าปอดทงั้ สองข้าง 3) ผปู้ ว่ ยใชเ้ คร่อื งชว่ ยหายใจ ดูแลใหป้ ลอดภยั จากภาวะแทรกซอ้ น 4) ผปู้ ว่ ยใส่ท่อหลอดลมคอ ให้ปฏบิ ัตติ ามแนวทางการดดู เสมหะทางทอ่ หลอดลมคอ 5) ตดิ ตามผล Arterial Blood gas และรายงานแพทย์ ข้อวินิจฉยั ที่ 3 ไดร้ บั สารอาหารไมเ่ พยี งพอตอ่ ความต้องการของร่างกาย เน่อื งจากการกลืนและเคี้ยวลาบากจากกลา้ มเนือ้ ท่ี เกีย่ วข้องออ่ นแรง 1) ประเมนิ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนอง (Reflex) 2) จดั ทา่ ในการรับประทานอาหารใหอ้ ยใู่ นทา่ นงั่ ศีรษะตงั้ ตรงเพ่อื ช่วยให้การกลนื ง่ายขนึ้ 3) แนะนาไม่ใหผ้ ู้ป่วยรับประทานอาหาร 2 ประเภทที่มลี กั ษณะแตกตา่ งพร้อมกนั 4) จัดบรรยากาศในการรบั ประทานอาหารใหผ้ อ่ นคลาย 5) ดแู ลความสะอาดปากฟันกอ่ นและหลงั การรบั ประทานอาหาร ข้อวนิ จิ ฉยั ที่ 4 ความรสู้ ึกมีคณุ คา่ ในตนเองเปลยี่ นแปลง เนื่องจากสญู เสยี บทบาทหนา้ ที่ของตนเอง 1) ยอมรับพฤตกิ รรมทผ่ี ูป้ ว่ ยแสดงออก 2) ชี้แจงความเป็นจริงเก่ียวกับสภาพของตนเอง เพ่อื ใหผ้ ปู้ ว่ ยยอมรบั สภาพ 3) สนับสนนุ ใหผ้ ูป้ ว่ ยมีกาลังใจ และมคี วามรสู้ กึ ดี 4) กระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้ปว่ ยชว่ ยเหลอื ตนเองมากทส่ี ดุ 5) อธิบายให้ครอบครวั หรือญาติยอมรับสภาพของผปู้ ่วย ขอ้ วนิ ิจฉยั ที่ 5 เส่ียงต่อการเกดิ แผลกดทบั เน่อื งจากการเคลอ่ื นไหวรา่ งกายบกพรอ่ งและจากอัมพาตซกี ซา้ ยของร่างกาย 1) ประเมินผวิ หนงั โดยเฉพาะบรเิ วณป่มุ กระดกู และส่วนทรี่ ับน้าหนัก 2) พลกิ ตะแคงตัวนวดบริเวณปมุ่ กระดกู และบริเวณรอบ ๆ ด้วยความนมุ่ นวล อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง 3) ใช้ผ้าหรอื แผ่นช่วยเล่ือนพลิกตัวผปู้ ว่ ย 4) ดูแลผวิ หนงั ให้แห้งสะอาด ทาความสะอาดหลงั การขบั ถา่ ยและดูแลผ้าปทู ี่นอนใหเ้ รยี บตึง 5) ดูแลให้ผ้ปู ่วยไดร้ ับสารอาหารอย่างเพยี งพอต่อความตอ้ งการของรา่ งกาย

หน่วย 11 การพยาบาลผปู้ ว่ ยในทางเดนิ ปสั สาวะในระยะวกิ ฤต การบาดเจบ็ ของไตแบบเฉยี บพลนั ( Acute Kidney Injury : AKI ) คือเกดิ ขน้ึ ทนั ทหี รือเกดิ ความเสียหาย ท่เี กดิ ขนึ้ ภายในจานวนนอ้ ยไม่ก่ีชั่วโมงหรอื ไม่กี่วนั  อาการและอาการแสดงของไตเฉยี บพลนั การบาดเจบ็ แตกตา่ งกนั ไปขน้ึ อยู่กบั สาเหตุ 1. สญั ญาณของภาวะ hypovolemia 2. ต่อมลูกหมากโต กระเพาะปสั สาวะเตม็ 3. ในบางกรณี AKI ทาใหไ้ ม่อาการและพบเฉพาะ  การบาดเจบ็ ของไตเฉยี บพลนั อาจแตกตา่ งกนั สาเหตุ AKI อาจเกดิ จากสงิ่ ตอ่ ไปน้ี 1. การไหลเวยี นของเลอื ดลดลง 2. ความดนั โลหิตตา่ 3. การสญู เสยี เลือดหรือของเหลว (เช่นเลือดออกทอ้ งเสยี อยา่ งรนุ แรง) 4. หวั ใจวาย หัวใจล้มเหลวนาไปสู่การทางานของหัวใจลดลง อวยั วะล้มเหลว (เช่นหัวใจตบั ) 5. การใช้ยาแก้ปวดมากเกนิ ไปเรยี กวา่ \"NSAIDs\" ซ่ึงใช้เพ่ือลดอาการบวมหรือบรรเทาอาการปวดจากปวดหวั ,หวดั , ไขห้ วัดใหญ่และโรคอนื่ ๆ ตัวอยา่ ง รวมถงึ ibuprofen, ketoprofen และ naproxen 6. เกดิ อาการแพอ้ ย่างรนุ แรง 7. แผลไหม้ 8. การบาดเจบ็  การวดั ปริมาณปสั สาวะตดิ ตามจานวนปสั สาวะทคี่ ณุ ผา่ นในแตล่ ะวนั เพ่ือชว่ ยในการคน้ หาสาเหตขุ อง AKI 1. การทดสอบปสั สาวะ: ปัสสาวะ เพอ่ื คน้ หาสัญญาณของไตวาย 2. การทดสอบเลือด: การทดสอบเลอื ดจะชว่ ยหาระดบั ของcreatinine ฟอสฟอรัสยเู รยี ไนโตรเจนและโพแทสเซียม 3. GFR: การตรวจเลอื ดของคุณจะช่วยค้นหา GFR ของคุณ(อัตราการกรองของไต) เพ่อื ประเมินการลดลงของฟงั ก์ชั่นไต 4. การทดสอบการถา่ ยภาพ: การทดสอบการถ่ายภาพ 5. การตดั ชิน้ เน้อื ไตภายใต้กล้องจลุ ทรรศน์  กลไกการเกดิ ไตวายเฉยี บพลนั - ระยะปสั สาวะนอ้ ย คอื หลอดฝอยไตเสอื่ มสมรรถภาพปัสสาวะไม่เกนิ 400 cc/วนั พบไดใ้ นภาวะ Shock แคททีโคลา มีนหลง่ั เขา้ กระแสเลอื ดมากข้ึน หลอดเลือดแดงหดรดั ตัว ท าใหเ้ ลอื ดเล้ยี งไตลดลง - กลไก เรนนิ เข้ากระแสเลือดทาใหแ้ องจโิ อเทนซิโนเจน เปน็ แองจิโอเทนซิน แลว้ เปลี่ยนเปน็ 2 ทาให้หลอดเลือดหด ตวั เลือดเล้ียงไตลดลง เกิดการไหลลัดของเลือดจากผิวไตเขา้ ส่แู กนไต เกดิ ลม่ิ เลอื ดในหลอดเลือด การลดการ ทางานทีไ่ ต การอุดกนั้ ของหลอดฝอยไต

 ระยะท่ี 1 ปสั สาวะน้อย (Oliguria) การเสยี สมดลุ ของน้าและโซเดยี ม ความดันต่าชพี จรเบาเรว็ ขับน้าออกลดลง สับสน ซมึ • เสยี สมดลุ กรดดา่ ง เกดิ ภาวะกรดเกิน ไตดดู กลับ HCO3 ได้นอ้ ย จึงหายใจเรว็ เกร็งกระตกุ • เสยี สมดลุ โปแตสเซยี ม ทาให้ K ในเลือดสูง เกดิ อาการอ่อนแรง หายใจลาบาก • เสยี สมดลุ Ca, P, Mg สญู เสียการขับ อเิ ลค็ โทรไลต์ P, Mg ในเลือดสงู Ca ตกตะกอนในเนือ้ เยอื่ ต่างๆ ทาให้ Caในเลือดต่า • การคงั่ ของยเู รีย คล่นื ไส้อาเจยี น • การตดิ เชื้อ  ระยะท่ี 2 ปสั สาวะมาก (DIURESIS) ปัสสาวะมากกว่าวนั ละ 400 cc จนมากกวา่ 1,500 cc ไตเรม่ิ ฟน้ื ตัว  กลไก • ระยะเริม่ ปสั สาวะมาก อตั ราการกรองเพม่ิ ขนึ้ ขบั น้าแตไ่ มข่ ับของเสียหลอดฝอยไตอยใู่ นระยะซ่อมแซม • ระยะปัสสาวะมาก มากกว่า 1500 CC/วนั การกรองเกือบปกติหลอดฝอยไตทาหนา้ ที่ได้ แต่สว่ นตน้ ยังไมส่ มบรู ณ์ ปสั สาวะ มาก สูญเสีย NA ,K • อาการ • ขาดนา้ • Na ในเลือดต่า ผิวแหง้ เป็นตะคริว • K ตา่ กล้ามเนือ้ อ่อนแรง อาเจยี น หายใจลาบาก  ระยะที่ 3 ระยะฟนื้ ตวั (RECOVERY) ระยะท่ีไตฟืน้ ตัว หลอดเลือดอยู่ใน เกณฑ์ปกตหิ ลอด ฝอยไต ยงั ไม่สมบูรณ์ ปัสสาวะเข้มข้น และเป็นกรด ใช้ เวลา 6-12 เดอื น

 ไตวายเรื้อรงั (CHRONIC KIDNEY DISEASE/CHRONIC RENAL FAILURE) ไตวายเร้ือรัง คือ ภาวะทไี่ ตถูกทาลายจนส่วนทเ่ี หลอื ไมส่ ามารถทางานชดเชยได้  สาเหตุ • พยาธิสภาพทีไ่ ต Chronic Glomerulonephritis • โรคของหลอดเลือด (renal ARTERY STENOSIS)ความดนั โลหิตสูง • การติดเชอ้ื กรวยไตอักเสบ • ความผดิ ปกตแิ ตก่ าเนดิ • โรคอน่ื ๆ เบาหวาน SLE • ขาด K เรอ้ื รัง  อาการเตือนทสี่ าคญั 1. ปัสสาวะบอ่ ยกลางคนื หรอื ปสั สาวะน้อย 2. ปสั สาวะขดั สะดดุ ปสั สาวะมเี ลอื ดปน 3. บวม ใบหนา้ หลังเท้า 4. ปวดบนั้ เอว หรือหลงั  ขอ้ บ่งชใี้ นการทา CAPD ผปู้ ว่ ย CKD ระยะที่ 5 - มีอาการของ Uremia ภาวะนา้ เกนิ ทร่ี ักษาไมไ่ ดด้ ว้ ยการกาจดั น้าและเกลือหรอื ยาขบั ปสั สาวะ - ภาวะทุพโภชนาการ (Serum albumin <3.5 g/dl)  หลักการทาของ CAPD 1. ใสน่ ้ายาเข้าชอ่ งทอ้ ง ใช้เวลาทาประมาณ 10 นาที 2. ท้ิงน้ายาไว้ในช่องทอ้ งประมาณ 4 – 6 ช่ัวโมง 3. ปลอ่ ยน้ายาในชอ่ งทอ้ งออกใชเ้ วลาประมาณ 20 นาที 4. ของเสยี และนา้ ส่วนเกินจากเลอื ดเขา้ สูน่ า้ ยา

 กลไกของ Solute Transport 1. Osmosis (การซึมผา่ น) คอื การเคล่อื นท่ขี องตัวทาละลายจากทท่ี ม่ี คี วามเขม้ ข้นน้อยไปทที่ ี่มีความเขม้ ขน้ มาก 2. Diffusion (การแพร่ผา่ น) คือ การเคลอ่ื นที่ของสารละลายจากทที่ ่มี คี วามเข้มข้นมากไปท่ีทม่ี ีความเขม้ ข้นนอ้ ย 3. Convection (การนาพา) คอื การนาสารออกจากรา่ งกาย โดยอาศยั คุณสมบตั ิในการละลายของสารนนั้ ในตัวทา ละลาย 4. Ultrafiltration (การกรองนา้ ) คือ การดงึ น้าส่วนเกินออกจากรา่ งกายผา่ นทางเยือ่ บชุ อ่ งทอ้ งโดยอาศยั สารทม่ี ี คณุ สมบัตใิ นการดูด

 ขนั้ ตอนการลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ งแบบตอ่ เนือ่ ง (CAPD) 1. ผู้ปว่ ยทาการลา้ งวันละ 3-6 คร้ัง โดยการเปล่ียนถา่ ยนา้ ยา 3 ขนั้ ตอน ทาต่อเน่อื งเป็นวงจร 2. ขน้ั ถา่ ยน้ายาออก (Drain) ถ่ายนา้ ยาคา้ งไว้ในช่องทอ้ ง 20 นาที 3. ข้นั เตมิ น้ายาใหม่ (fill) ขน้ั เตมิ น้ายาใหมแ่ ทนที่ของเดิม นาน 10-15นาที 4. ขนั้ การพกั ท้อง (repression) การคงค้างนา้ ยา เพ่ือใหเ้ กิดการฟอก 4-6 ชม.  การฟอกเลือดดว้ ยเครื่องไตเทยี ม 1. Weekly renal Kt/V urea ตา่ กวา่ 20 เนอ่ื งจากเสย่ี งตอ่ ภาวะทพุ โภชนาการ 2. การเรม่ิ ทาในผู้ปว่ ยไตวายระยะสดุ ทา้ ยทุพโภชนาการท่ีมกี ารปรับปรงุ การบรโิ ภคโปรตีนและพลังงานแล้ว  เสน้ เลอื ดเพื่อการฟอกเลือด 1. เส้นฟอกชัว่ คราว double lumen catheter (DLC) หลอดเลือดดาา ท่ี คอ หรอื ขาหนีบ 2. เสน้ ฟอกเลอื ดถาวร Arteriovenous Fistula (AVF) AVF และ AVG นิยมทาท่ีแขนทอ่ นบน ทอ่ นลา่ ง และต้นขา  การผา่ ตดั ปลกู ถา่ ยไต คือ การนาไตของผอู้ ่นื ทเ่ี ข้าได้กับผปู้ ่วยมาปลกู ถ่ายใหก้ ับผ้ปู ว่ ย มิใช่การเปลย่ี นเอาไตผปู้ ่วยออกแลว้ เอาไตผู้อ่นื ใสเ่ ขา้ ไป แทนที่ การผา่ ตดั ทาโดยวางไตใหมไ่ ว้ในองุ้ เชิงกรานขา้ งใดขา้ งหนึ่งของผู้ปว่ ย แลว้ ต่อหลอดเลอื ดของไตใหมเ่ ข้ากับหลอดเลือด ของผปู้ ว่ ย





หนว่ ย 13 หว่ งโซแ่ หง่ การรอดชวี ติ การฟน้ื คนื ชพี หว่ งโซแ่ ห่งการรอดชวี ติ (CHAIN OF SURVIVAL) ในโรงพยาบาล นอกโรงพยาบาล

Basic Life Support: BLS Steps of BLS: C > A > B  C : Circulation คลาcarotid pulse 10 sec (ยกเวน้ Hypothermia 30-60sec) start CPR วางสันมอื ข้างหนึ่งตรงกลางหน้าอกผูป้ ว่ ยบริเวณคร่ึงล่างของกระดูกหน้าอก แขน 2 ข้างเหยยี ดตรง ในแนวดิ่ง กดหนา้ อกลกึ ประมาณ 5 cm แต่ไม่ เกิน 6 cm • กดด้วยอัตราเร็ว 100120 คร้งั ต่อนาที • สลบั คนป๊มั ตอนท่ี ครบ 5 cycle ต้องให้สัญญาณ/ ประเมินชีพจร Cardiac arrest in pregnancy Cardiac arrest in Paediatrics

 A : Airway Non-Trauma: Head tilt chin lift Trauma : Jaw thrust Open airway: Remove Foreign body  B : Breathing เป่าลมเขา้ ปอดทั้งสองขา้ ง มองจากการเคลอื่ นข้ึนลงของหน้าอก ใช้ เวลา 1 วินาทตี อ่ ครัง้ อตั ราการกดหนา้ อก : การชว่ ยหายใจ (30:2)



 Automatic External Defibrillator : AED 5 ป : เปิด – แปะ – แปล – เปรี้ยง – ปั๊ม ทนั ที AED มาถึงใหเ้ ริ่มเปดิ สวิชตท์ ันที ตดิ แผ่นกระตุกหัวใจท่ีกระดูกหนา้ อกผูป้ ่วย เครื่องแนะนาให้ช็อค กด ปุ่มชอ็ ค เครื่องไม่แนะนาใหช้ ็อคให้กดหนา้ อกต่อ ***แนใ่ จวา่ ไมม่ ใี ครสมั ผสั ผปู้ ว่ ย ขณะเครอื่ งทาการวเิ คราะหห์ วั ใจ หรือกดปุ่มชอ็ ค  advance cardiac life support  Adrenaline รูปแบบยา 1mg/ml 1. กระตุ้น αadrenergic receptor มผี ลเพิ่ม ความดนั โลหิตจากการ หดตัวของหลอดเลือด 2. กระตุ้น ß-adrenergic receptor มผี ลการ กระตุ้นการบีบตวั ของหวั ใจ และกระตุ้นอตั ราการเต้นของหวั ใจ  Cardiac arrest (asystole, PEA) : • IV 1mg push ทกุ 3-5 นาที (push NSS ตาม 10ml และยกแขนสงู ) • Intratracheal 2-3 mg +NSS 10 ml  Symptomatic sinus bradycardia : • ใชเ้ มอื่ ไมต่ อบสนองตอ่ atropine • 10mg + 5%D/W 100 ml (1:10) IV 5-20ml/hr  Anaphylaxis Angioedema • 0.5 mg IM +load IV NSS • กรณไี มต่ อบสนองต่อการรักษาให้ชา้ 0.5 mg IM ทุก 10-15 นาที 2-3 ครั้งหรืออาจพจิ ารณาcontinuous IV drip  Cordarone (Amiodarone)

กลไกการออกฤทธิ์ antiarrhythmic drug โดยลด automaticity ของ sinus node ทาให้หวั ใจเต้นช้าลง • Cardiac arrest • Recurrent VT/VF ท่ีไมต่ อบสนองตอ่ defibrillation และยา adrenaline ขนาดยา : 300mg + 5%D/W 20 ml IV slow push ใน 3นาที อาจพจิ ารณาใหซ้ ้ า 150 mg อกี 5นาทตี อ่ มา ขอ้ ควรระวงั 1. ขณะdripไม่ควรไดร้ ับยา - Betablocker, digoxin, diltiazem: เพมิ่ risk bradycardia, AV block - Warfarin : เพ่มิ risk bleeding 2. การใหย้ าต้องไมเ่ กิน 2,200 mg in 24 ชว่ั โมง 3. ระดบั K และ Mg ต้องอยูใ่ นเกณฑ์ปกติ เน่อื งจากอาจเกดิ arrhythymia  7.5% Sodium bicarbonate เปน็ สารละลายมฤี ทธเิ์ ปน็ ดา่ ง มสี ว่ นประกอบคอื โซเดยี มและไบคารบ์ อเนต - เมือ่ เข้าสู่รา่ งกายจะทาหนา้ ทเี่ พม่ิ ความเปน็ ด่างในรา่ งกายเพ่ิมปรมิ าณโซเดียมและไบคารบ์ อเนต - เสริมกบั ไบคารบ์ อเนตซง่ึ รา่ งกายสรา้ งข้นึ ท่ีไต - โซเดียมไบคารบ์ อเนตมีการขับออกทางปัสสาวะทาให้ปสั สาวะมคี วามเปน็ ด่างมากขน้ึ ขอ้ บง่ ใช้ • Severe metabolic acidosis (PH <7.15) • 50 ml IV push ช้าไดท้ ุก 30 นาที • หรือ Continuous drip โดยใน Septic shock : rate 20-50 ml/hr โดยไม่ต้องผสมกับสารนา้ อืน่ • DKA : 100 ml + 5%D/W 400 ml IV rate 250 ml/hr *หยดุ ใหเ้ มื่อ blood PH > 7.2



Algorithm1 Pulseless arrest

Algorithm 2 Tachycardia with pulse

Algorithm 3 Bradycardia with pulse

การจดั ทา่ Sniffing position END TIDAL CO2 ใชป้ ระเมนิ ตาแหน่ง ETT เขา้ Trachea ใชว้ ดั Quality CPR • บอกภาวะ ROSC


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook