รปู แบบการเรียนการสอน กระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ (Synectics Instructional Model)
การรสปู อแนบกบรกะบารวเนรีกยนารกคาิดรสอรา้นงกสรระรบคว์ นการคิดสรา้ งสรรค์ tics Instructio(nSaylnMecotdicesl)Instructional Model) จอยส์ และ วีล (Joyce and Weil)ไดน้ ำแนวคิดของ กอรด์ อน (Gordon) มำพฒั นำข้ึน กอรด์ อน กลำ่ ววำ่ กำรยึดติดกบั วิธีคิดแกป้ ญั หำแบบเดิม ๆ ของคน โดยไมค่ อ่ ยคำนึง ถึงควำมคิดของคนอ่ืนทำใหก้ ำรคิดของคนคบั แคบ ไมส่ รำ้ งสรรค์ ไมเ่ กิดควำมแปลกใหม่
บุคคลจะเกิดควำมคิดเห็นท่ีสรำ้ งสรรคแ์ ตกตำ่ งไปจำกเดิมได้ ตอ้ งคิดแกป้ ัญหำดว้ ยวิธีกำรท่ีไมเ่ คยคิดมากอ่ น หรือคิดโดยสมมติตวั เองเป็นคนอ่ ืน หรือบคุ คลจากหลายกลุม่ ประสบการณม์ ำชว่ ยกนั แกป้ ัญหำ ก็จะย่ิงไดว้ ิธีกำรท่ีหลำกหลำยข้ึน มีประสิทธิภำพมำกข้ึน กอรด์ อนจึงไดเ้ สนอใหผ้ ูเ้ รียนมีโอกำสคิดแกป้ ัญหำดว้ ยแนวควำมคิดใหม่ ดว้ ยกำรใหล้ องใชค้ วำมคิดในฐำนะท่ีเป็นคนอ่ืน หรือเป็นส่ิงอ่ืน สภำพกำรณเ์ ชน่ น้ีจะกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความคิดใหม่ ๆ ข้ึนได้
บุคคลจะเกิดความคิดเห็นท่ีสรา้ งสรรคแ์ ตกต่างไปจาก เดิมไดต้ อ้ งคิดแกป้ ัญหาดว้ ยวิธีการท่ีไม่เคยคิดมาก่อน หรือคิดโดยสมมติตวั เองเป็ นคนอ่ืน หรือ บุคคลจากหลายกลุ่มประสบการณม์ าช่วยกนั แกป้ ัญหา ก็จะยิ่งไดว้ ิธีการท่ีกลากหลายข้ึน มีประสิทธิภาพมากข้ึน
กอรด์ อนเสนอวิธีกำรคิดเปรียบเทียบแบบอุปมำอปุ มยั เพ่ือใชใ้ นกำรกระตุน้ ควำมคิดใหม่ ๆ ไว้ 3 แบบ คือ กำรเปรียบเทียบแบบตรง กำรเปรียบเทียบบุคคลกบั ส่ิงของ กำรเปรียบเทียบคำคูข่ ดั แยง้ วิธีกำรน้ีมีประโยชน์มำกเป็นพิเศษสำหรับกำรเขยี น และกำรพูดอยำ่ งสรำ้ งสรรค์ รวมทงั้ กำรสรำ้ งสรรคง์ ำนทำงศิลปะ
วตั ถปุ ระสงคข์ องรปู แบบ รูปแบบน้ีมุง่ พฒั นำควำมคิดสรำ้ งสรรคข์ องผูเ้ รียนชว่ ยให้ ผูเ้ รียนเกิดแนวคิดท่ีใหมแ่ ตกตำ่ งไปจำกเดิม และสำมำรถนำควำมคิดใหมน่ ้ันไปใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนไ์ ด้
ลกั ษณะความคิดสรา้ งสรรค์ เป็นลกั ษณะควำมคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking) คือ กำรคิดหลำยๆแง่ หลำยๆทำง คิดใหม้ ำกท่ีสุดเทำ่ ท่ีจะนึกได้ เป็นกำรมองปัญหำในแนวกวำ้ งเหมือนกบั แสงอำทิตยท์ ่ีแผร่ ัศมีออกรอบดำ้ น คนท่ีมีควำมคิดสรำ้ งสรรคจ์ ะมีลกั ษณะ ควำมคิดริ เร่ ิ ม(Originality) มีความคิดยดื หยนุ่ (Flexibility) มีความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) มีความคิดละเอียดลออ(Elaboration)
กระบวนการคิดสรา้ งสรรค(์ Creative process) กระบวนกำรคิดสรำ้ งสรรค์ คือ วิธีคิด หรือกระบวนกำรทำงำนของสมองท่ีมีขน้ั ตอนตำ่ งๆ ในกำรคิดแกป้ ัญหำจนสำเร็จ
ยกตวั อยำ่ งของ Wallas ไดเ้ สนอวำ่ กระบวนกำรของควำมคิดสรำ้ งสรรคเ์ กิดจำกกำรคิดส่ิงใหมๆ่ โดยกำรลองผิดลองถูก ประกอบดว้ ย 4 ขน้ั ตอนคือ 1. ขนั้ เตรียมกำร คือกำรขอ้ มูลหรือระบุปัญหำ 2. ขน้ั ควำมคิดกำลงั ฟกั ตวั คือ กำรอยูใ่ นควำมสบั สนวุน่ วำยของขอ้ มูลท่ีไดม้ ำ 3. ขนั้ ควำมคิดกระจำ่ งชดั คือขนั้ ท่ีควำมคิดสบั สนไดร้ บั กำรเรียบเรียง และเช่ือมโยงเขำ้ ดว้ ยกนั ทำใหเ้ ห็นภำพรวมของควำมคิด 4. ขนั้ ทดสอบควำมคิดและพิสูจน์ใหเ้ ห็นจริง คือ ขนั้ ท่ีรบั ควำมคิดเห็น จำกสำมขน้ั แรกขำ้ งตน้ มำพิสูจน์วำ่ จริงหรือถูกตอ้ งหรือไม่
ประโยชนข์ องความคิดสรา้ งสรรค์ 1 2 ทำใหเ้ กิดควำมเปล่ียนแปลง กอ่ ใหเ้ กิดควำมสนุกในกำรเปล่ียนแปลง และเกิดแนวทำงใหมใ่ น ควำมคิดเดิมสูค่ วำมคิดใหม่ กำรดำเนินชีวิตและกำรทำงำน 3 4 เป็นกำรฝึกพฒั นำสมองใหเ้ กิดควำมฉลำด สรำ้ งควำมเช่ือมน่ั และควำมภิมใจในตนเอง เฉียบคม ในกำรแกป้ ญั หำ เม่ือเรำสำมำรถคิดสรำ้ งสรรค์ จนสำมำรถแกป้ ัญหำตำ่ ง ๆ ไดอ้ ยำ่ งรำบร่ืน
อุปสรรคของความคิดสรา้ งสรรค์ อุปสรรคของควำมคิดสรำ้ งสรรคม์ ี 2 ประเภทคือ อปุ สรรคภำยนอก หมำยถึง ขนบธรรมเนียมประเพณีวฒั นธรรม และกฏเกณฑข์ องสงั คมหรือสภำพแวดลอ้ มภำยนอก สว่ นอุปสรรคภำยในน้ันจะหมำยถึง นิสยั ใจคอ ทำ่ ที และทศั นคติของคนแตล่ ะคน
การพฒั นาและส่งเสริมความคิดสรา้ งสรรค์ ปัจจุบนั นักจิตวิทยำเช่ือวำ่ ควำมคิดสรำ้ งสรรคม์ ีอยูใ่ นตวั ตงั้ แตเ่ กิด สำมำรถพฒั นำข้ึนมำได้ โดยกำรสง่ เสริมไดท้ ง้ั ทำงตรงและทำงออ้ ม ดว้ ยกำรจดั บรรยำกำศสภำพแวดลอ้ มใหค้ วำมเป็นอิสระในกำรเรียนรู้
เช่น สง่ เสริมใหใ้ ชจ้ ิตนำกำร กระตุน้ กำรเรียนรูอ้ ยำ่ งตอ่ เน่ือง ยอมรบั ควำมสำมำรถและคุณคำ่ ของคนอยำ่ งไมม่ ีเง่ือนไข ใหค้ วำมสำคญั ควำมคิดของทุกคนมีคุณคำ่ และนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ เขำ้ ใจ เห็นใจควำมรูส้ ึกของคนอ่ืน ไมพ่ ยำยำมกำหนดใหท้ ุกคนคิดเหมือนกนั ทำเหมือนกนั ควรสนับสนุนผูค้ ิดคน้ ผลงำนแปลกใหมไ่ ดม้ ีโอกำสนำเสนอ เอำใจใสค่ วำมคิดแปลกๆของคนดว้ ยใจเป็นกลำง ระลึกเสมอวำ่ กำรพฒั นำควำมคิดสรำ้ งสรรคต์ อ้ งคอ่ ยเป็นคอ่ ยไปและใชเ้ วลำ
กิจกรรมในขน้ั ที่ 1 สอนใหน้ ักเรียนเรียนรูเ้ ร่ืองพ้ืนฐำนของเสน้ เบ้ืองตน้ วำ่ คืออะไร และมีควำมสำคญั อยำ่ งไร จำกนน้ั ใหน้ ักเรียนวำดเสน้ ท่ีตนเองรูจ้ กั
กิจกรรมในขนั้ ท่ี 2 อธิบำยลกั ษณะของเสน้ ในบทเรียนวำ่ มีเสน้ อะไรบำ้ ง และเปรียบเทียบเสน้ ท่ีนักเรียนวำดวำ่ คือเสน้ อะไร เหมือนหรือตำ่ งกนั อยำ่ งไร
กิจกรรมในขน้ั ที่ 3 ใหน้ ักเรียนอภิปรำยกนั ในหอ้ งวำ่ เม่ือมองเห็นเสน้ ในแตล่ ะแบบน้ันนักเรียนควำมรูส้ ึกเป็นอยำ่ งไร เชน่ เสน้ ตงั้ ใหค้ วำมรูส้ ึกสงบมน่ั คง เสน้ คดใหค้ วำมรูส้ ึกล่ืนไหลออ่ นชอ้ ย
กิจกรรมในขน้ั ที่ 4 ใหน้ ักเรียนวำดเสน้ สองแบบซอ้ นทบั กนั เชน่ วำดเสน้ ตง้ั และเสน้ คด
กิจกรรมในข้ึนที่ 5 อธิบำยควำมรูส้ ึกของภำพท่ีมีควำมขดั แยง้ ของสองเสน้ เชน่ ภำพเสน้ ตง้ั กบั เสน้ คด (ในกิจกรรมท่ี 4 ) ควำมรูส้ ึกของภำพมีควำมขดั แยง้ กนั คือมีทง้ั ควำมเคล่ือนไหว และออ่ นชอ้ ยอยูใ่ นควำมรูส้ ึกสงบมน่ั คงรวมอยูด่ ว้ ยกนั
กิจกรรมท่ี 6 นำเสน้ เหลำ่ น้ีท่ีไดเ้ รียนเรียนรูม้ ำประกอบเป็นภำพท่ีมีผลงำนใหม่ และอธิบำยอำรมณค์ วำมรูส้ ึกของภำพผำ่ นลำยเสน้
รปู แบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ (Synectics Instructional Model) รูปแบบน้ีมุง่ พฒั นำควำมคิดสรำ้ งสรรคข์ องผูเ้ รียนชว่ ยให้ ผูเ้ รียนเกิดแนวคิดท่ีใหมแ่ ตกตำ่ งไปจำกเดิม และสำมำรถนำควำมคิดใหมน่ ้ันไปใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนไ์ ด้
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: