เศรษฐกจิ พอเพยี ง คือ ปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวทรงชี้ แนวทางการดาเนนิ ชีวติ ให้แก่ปวงชนชาวไทยมาเป็ นระยะเวลานาน ในช่วง ต้งั แต่ก่อนการเกดิ วกิ ฤตเศรษฐกจิ เพ่ือมุ่งให้พสกนกิ รได้ดารงชีวติ อย่ไู ด้อย่าง ยง่ั ยืน มน่ั คง และปลอดภยั ภายใต้ความเปลยี่ นแปลงต่างๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามกระแส โลกภวิ ฒั น์ อกี ท้ังพระองค์ยงั ได้ทรงพระราชทานความหมายของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เอาไว้เป็ นภาษาองั กฤษว่า Sufficiency Economy ดงั พระราชดารัสท่ี ได้ทรงตรัสไว้เมื่อวนั ท่ี 23 ธันวาคม 2554 “ในที่นเี้ ราฟังเขาถามว่าเศรษฐกจิ พอเพยี ง จะแปลเป็ นภาษาองั กฤษว่า อย่างไร กอ็ ยากจะตอบว่ามีแล้วในหนงั สือ ไม่ใช่หนังสือตาราเศรษฐกจิ แต่เป็ น หนงั สือพระราชดารัสที่อุตส่าห์มาปรับปรุงให้ฟังได้ และแปลเป็นภาษาองั กฤษ เพราะคนทฟี่ ังภาษาไทยบางทไี ม่เข้าใจภาษาไทย ต้องแปลเป็ นภาษาองั กฤษ จึง ได้แปลเป็ นภาษาองั กฤษ และเน้นว่าเศรษฐกจิ พอเพยี ง แปลว่า Sufficiency Economy โดยเขยี นเป็ นตวั หนาในหนงั สือ” แต่เนื่องด้วยคาว่า Sufficiency Economy เป็ นคาที่เกดิ มาจากความคดิ ใหม่ อกี ท้งั ยงั เป็ นทฤษฎใี นพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว จึงไม่มปี รากฏอย่ใู นตารา เศรษฐศาสตร์ ซ่ึงบางคนอาจจะยงั สงสัยอย่วู ่า Self-Sufficient Economy สามารถใช้แทน Sufficiency Economy ได้หรือไม่ หากว่าไม่ได้มีความหมาย อย่างเดยี วกนั หรือไม่สามารถใช้เหมือนกนั ด้จะมีความเหมือน หรือแตกต่างกนั อย่างไร โดยคาว่า Self-Sufficiency มีความหมายตามพจนานุกรทวี่ ่า การไม่ ต้องพง่ึ ใคร และการไม่ต้องพงึ่ ใครในความหมายของพระองค์ท่านน้ัน คือ “Self-Sufficiency น้นั หมายความว่า ผลติ อะไรมพี อที่จะใช้ ไม่ต้อง ไปขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง”
หลกั แนวคดิ ของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง การพฒั นาตามหลักแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง คอื การพฒั นาท่ี ตงั้ อยู่บนพนื้ ฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภมู ิคุม้ กันทดี่ ีในตัว ตลอดจนใชค้ วามรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สนิ ใจและการกระทา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีหลักพจิ ารณาอยู่ ๕ ส่วน ดังนี้ 1. กรอบแนวความคดิ เป็ นปรัชญาทช่ี แี้ นะแนวทางการดารงอยูแ่ ละปฏิบตั ิตนในทางท่ี ควรจะเป็ น โดยมีพนื้ ฐานมาจากวิถชี วี ติ ด้ังเดิมของสงั คมไทย สมารถ นามาประยุกตใ์ ชไ้ ด้ตลอดเวลา และเป็ นการมองโลกเชงิ ระบบทมี่ ีการ เปลีย่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤต เพอ่ื ความม่ันคง และ ความย่งั ยนื ของการพฒั นา 2. คุณลักษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนามาประยกุ ต์ใช้กบั การปฏบิ ัตติ นได้ในทุก ระดบั โดยเน้นการปฏิบตั บิ นทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเป็ นข้นั ตอน
3. คานิยาม ความพอเพยี งจะต้องประกอบด้วย ๓ คุณลกั ษณะ พร้อม ๆ กนั ดงั นี้ 1. ความพอประมาณ: หมายถึง ความพอดที ี่ไม่น้อยเกนิ ไปและไม่มาก เกนิ ไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผ้อู ่ืน เช่นการผลติ และการบริโภคทอ่ี ย่ใู น ระดบั พอประมาณ 2. ความมเี หตผุ ล: หมายถึง การตดั สินใจเกยี่ วกบั ระดบั ของความ พอเพยี งน้ัน จะต้องเป็ นไปอย่างมเี หตุผลโดยพจิ ารณาจากเหตปุ ัจจัยที่ เกย่ี วข้องตลอดจนคานึงถึงผลทีค่ าดว่าจะเกดิ ขนึ้ จากการกระทาน้นั ๆ อย่าง รอ3บ.คกอาบรมภี ูมคิ ้มุ กนั ที่ดใี นตวั : หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลยี่ นแปลงด้านต่าง ๆ ท่ีจะเกดิ ขนึ้ โดยคานงึ ถงึ ความเป็ นไปได้ของ สถานการณ์ ต่าง ๆ ทีค่ าดว่าจะเกดิ ขนึ้ ในอนาคตท้ังใกล้และไกล 4. เง่ือนไขการตดั สินใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดับ พอเพยี งนั้นต้องอาศัยทงั้ ความรู้ และคุณธรรมเป็ นพนื้ ฐาน กลา่ วคือ เงื่อนไขความรู้: ประกอบด้วย ความรอบรู้เกย่ี วกบั วชิ าการต่าง ๆ ที่เกย่ี วข้อง อย่างรอบด้าน ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่าน้ันมาพจิ ารณาให้เชื่อมโยง กนั เพ่ือประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในข้นั ปฏิบตั ิ เง่ือนไขคุณธรรม: ท่จี ะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มคี วามตระหนักใน คุณธรรม มคี วามซ่ือสัตย์สุจริตและมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สตปิ ัญญา ในการดาเนนิ ชีวติ 5. แนวทางปฏบิ ัต/ิ ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผลจากการนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้ คือ การพฒั นาที่ สมดลุ และยงั่ ยืน พร้อมรับต่อการเปลยี่ นแปลงในทุกด้าน ท้ังดา้ นเศรษฐกจิ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี
เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ทฤษฎี ใหม่ตามแนวพระราชดาริ เศรษฐกจิ พอเพยี งและแนวทางปฏิบัตขิ องทฤษฎใี หม่ เป็ นแนวทางใน การพฒั นาที่นาไปสู่ความสามารถในการพงึ่ ตนเอง ในระดบั ต่าง ๆ อย่างเป็ น ข้ันตอน โดยลดความเส่ียงเกยี่ วกบั ความผนั แปรของธรรมชาติ หรือการ เปลย่ี นแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ โดยอาศัยความพอประมาณและความมเี หตผุ ล การสร้างภูมคิ ุ้มกนั ท่ดี ี มคี วามรู้ ความเพยี รและความอดทน สตแิ ละปัญญา การช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั และความสามคั คี เศรษฐกจิ พอเพยี งมคี วามหมายกว้างกว่าทฤษฎใี หม่โดยท่ี เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็ นกรอบแนวคดิ ทชี่ ี้บอกหลกั การและแนวทาง ปฏบิ ัตขิ องทฤษฎใี หม่ในขณะที่ แนวพระราชดาริเกยี่ วกบั ทฤษฎใี หม่ หรือเกษตรทฤษฎใี หม่ ซึ่งเป็ นแนวทางการพฒั นาภาคเกษตรอย่างเป็ น ข้ันตอนน้นั เป็ นตวั อย่างการใช้หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในทางปฏิบตั ิ ที่ เป็ นรูปธรรมเฉพาะในพืน้ ท่ที เี่ หมาะสม
ทฤษฎใี หม่ตามแนว พระราชดาริ อาจเปรียบเทยี บกับหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง ซ่ึงมีอยู่ 2 แบบ คอื แบบพนื้ ฐานกับแบบกา้ วหน้า ได้ดังนี้ ความพอเพยี งในระดบั บุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็ น เศรษฐกจิ พอเพยี งแบบพืน้ ฐานเทยี บได้กบั ทฤษฎใี หม่ข้ันที่ 1 ทมี่ ุ่งแก้ปัญหา ของเกษตรกรทีอ่ ยู่ห่างไกลแหล่งนา้ ต้องพง่ึ นา้ ฝนและประสบความเสี่ยง จากการทน่ี า้ ไม่พอเพยี ง แม้กระท่งั สาหรับการปลูกข้าวเพ่ือบริโภค และมี ข้อสมมตวิ ่า มที ี่ดนิ พอเพยี งในการขดุ บ่อเพ่ือแก้ปัญหาในเรื่องดงั กล่าวจาก การแก้ปัญหาความเสี่ยงเร่ืองนา้ จะทาให้เกษตรกรสามารถมขี ้าวเพื่อการ บริโภคยงั ชีพในระดบั หน่ึงได้ และใช้ที่ดนิ ส่วนอื่น ๆ สนองความต้องการ พืน้ ฐานของครอบครัว รวมท้ังขายในส่วนทีเ่ หลือเพ่ือมรี ายได้ทจ่ี ะใช้เป็ น ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ท่ไี ม่สามารถผลติ เองได้ ท้งั หมดนเี้ ป็ นการสร้างภูมคิ ้มุ กนั ใน ตวั ให้เกดิ ขนึ้ ในระดบั ครอบครัว อย่างไรกต็ าม แม้กระทง่ั ในทฤษฎใี หม่ข้ัน ที่ 1 กจ็ าเป็ นทีเ่ กษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนราชการ มลู นธิ ิ และภาคเอกชน ตามความเหมาะสมความพอเพยี งในระดับชุมชน และระดบั องค์กร เป็ นเศรษฐกจิ พอเพยี งแบบก้าวหน้า ซ่ึงครอบคลุมทฤษฎี ใหม่ข้นั ท่ี 2 เป็ นเร่ืองของการสนบั สนุนให้เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรูปกลุ่ม หรือสหกรณ์ หรือการที่ี่ธุรกจิ ต่าง ๆ รวมตวั กนั ในลกั ษณะเครือข่ายวสิ าหกจิ กล่าวคือ เม่ือสมาชิกในแต่ละครอบครัวหรือองค์กรต่าง ๆ มคี วามพอเพยี ง ข้ันพืน้ ฐานเป็ นเบื้องต้นแล้วกจ็ ะรวมกล่มุ กนั เพ่ือร่วมมือกนั สร้างประโยชน์ ให้แก่กลุ่มและส่วนรวมบนพืน้ ฐานของการไม่เบียดเบยี นกนั การแบ่งปัน ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ตามกาลงั และความสามารถของตนซ่ึงจะสามารถ ทาให้ ชุมชนโดยรวมหรือเครือข่ายวสิ าหกจิ น้นั ๆ เกดิ ความพอเพยี งในวถิ ี ปฏิบัตอิ ย่างแท้จริง
การสร้างขบวนการขบั เคลื่อน เศรษฐกิจพอเพยี ง สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอให้ริเร่ิมการสร้างขบวนการขบั เคลื่อนเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อสานต่อความคดิ และเชื่อมโยงการขยายผลที่เกดิ จากการนาหลกั ปรัชญาฯ ไปใช้อย่างหลากหลาย รวมท้งั เพ่ือจุดประกายให้เกดิ ความรู้ ความเข้าใจท่ถี ูกต้อง ซึ่งจะนาไปสู่การยอมรับ และการนาไปประยุกต์ใช้ ให้เกดิ ผลในทางปฏบิ ัตใิ นทุกภาคส่วนของสังคมอย่างจริงจัง จากพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสของพระองค์ นบั ต้งั แต่ปี 2517 เป็ นต้นมา จะพบว่าพระองค์ท่านได้ทรงเน้นยา้ แนวทางการพฒั นา ทอ่ี ยู่บนพืน้ ฐานของการพงึ่ ตนเอง ความพอมพี อกนิ พอมพี อใช้ การ รู้จักความพอประมาณ การคานึงถึงความมเี หตผุ ล การสร้างภูมคิ ุ้มกนั ท่ี ดใี นตวั และทรงเตือนสตปิ ระชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท ตระหนักถึง การพฒั นาตามลาดบั ข้นั ตอนทถ่ี ูกต้องตามหลกั วชิ าการ ตลอดจนมี คุณธรรมเป็ นกรอบในการดารงชีวติ ซึ่งท้ังหมดนเี้ ป็ นที่รู้กนั ภายใต้ช่ือว่า เศรษฐกจิ พอเพยี ง
สศช. จงึ ได้เชิญผ้ทู รงคณุ วุฒจิ ากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกนั กลนั่ กรองพระราชดารัสฯ สรุปเป็ นนิยาม ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และได้อญั เชิญมาเป็ นปรัชญานาทางในการจัดทา แผนพฒั นา ฯ ฉบับที่ 9 เพ่ือส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดบั มคี วามเข้าใจและนาไป ประกอบการดาเนินชีวติ การขับเคลื่อนเศรษฐกจิ พอเพยี ง มเี ป้าหมายหลกั เพ่ือสร้าง เครือข่ายเรียนรู้ ให้มกี ารนาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งไปใช้เป็ นกรอบ ความคดิ เป็ นแนวทางในการปฏิบตั ิ ตลอดจนเป็ นส่วนหน่งึ ของวถิ ี ชีวติ ของคนไทยในทุกภาคส่วน วตั ถุประสงค์ของการขับเคล่ือนเพ่ือ สร้างความรู้ความเข้าใจทถ่ี ูกต้อง เกย่ี วกบั หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งให้ประชาชนทึก คนสามารถนาหลกั ปรัชญาฯ ไปประยุกต์ ให้ได้อย่างเหมาะสม และปลูกฝัง ปรับเปลย่ี นกระบวนทัศน์ในการดารงชีวติ ให้อย่บู นพืน้ ฐานของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตลอดจนนาไปสู่การปรับแนวทางการ พฒั นาให้อยู่บนพืน้ ฐานของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สศช. จึงได้เชิญผ้ทู รงคุณวุฒจิ ากสาขาต่าง ๆ มาร่วมกนั กลน่ั กรองพระ ราชดารัสฯ สรุปเป็ นนิยาม ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และได้อญั เชิญ มาเป็ นปรัชญานาทางในการจัดทา แผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 9 เพ่ือส่งเสริมให้ ประชาชนทุกระดบั มคี วามเข้าใจและนาไปประกอบการดาเนินชีวติ การขบั เคลื่อนเศรษฐกจิ พอเพยี ง มเี ป้าหมายหลกั เพื่อสร้างเครือข่าย เรียนรู้ ให้มกี ารนาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งไปใช้เป็ นกรอบความคดิ เป็ น แนวทางในการปฏบิ ตั ิ ตลอดจนเป็ นส่วนหนึง่ ของวถิ ชี ีวติ ของคนไทยใน ทุกภาคส่วน
ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นปรัชญาชีถ้ งึ แนวการดารงอยู่และปฏิบตั ติ น ของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชนจนถึงระดบั รัฐ ท้ังในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพ่ือให้ก้าวทนั ต่อโลกยุคโลกาภิวตั น์ความ พอเพยี ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ลรวมถงึ ความจาเป็ นท่ี จะต้องมรี ะบบภูมคิ ้มุ กนั ในตวั ทีด่ พี อสมควรต่อการมผี ลกระทบใด ๆ อนั เกดิ จากการเปลยี่ นแปลงท้งั ภายนอกและภายใน ท้ังนจี้ ะต้องอาศัยความรอบ รู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อย่างยงิ่ ในการนาวชิ าการต่าง ๆ มา ใช้ในการวางแผนและการดาเนนิ การทุกข้ันตอน และขณะเดยี วกนั จะต้อง เสริมสร้างพืน้ ฐานจติ ใจของคนในชาตโิ ดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐนักทฤษฎี และนักธุรกจิ ในทุกระดบั ให้มสี านกึ ในคณุ ธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้ มคี วามรอบรู้ทเ่ี หมาะสม ดาเนนิ ชีวติ ด้วยความอดทน ความเพยี ร มสี ติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการ เปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางท้ังด้านวตั ถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เป็ นอย่างดี (ประมวลและกล่ันกรองจากพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อย่หู วั เร่ืองเศรษฐกิจพอเพยี ง ซ่งึ พระราชทานในวโรกาสตา่ ง ๆ รวมทง้ั พระราชดารัสอน่ื ๆ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง โดยไดร้ ับพระราชทานพระบรมรา ชานุญาตใหน้ าไปเผยแพร่ เมื่อวันท่ี ๒๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒ เพอื่ เป็ น แนวทางปฏิบตั ขิ องทกุ ฝ่ ายและประชาชนโดยท่วั ไป)
เศรษฐกจิ พอเพยี ง “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” เป็ นปรัชญาที่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั พระราชทานพระราชดาริชีแ้ นะแนวทาง การดาเนนิ ชีวติ แก่พสกนิกรชาว ไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ต้งั แต่ก่อนเกดิ วกิ ฤตการณ์ทาง เศรษฐกจิ และเมื่อภายหลงั ได้ทรงเน้นยา้ แนวทางการแก้ไขเพ่ือให้รอด พ้น และสามารถดารงอย่ไู ด้อย่างมนั่ คงและยง่ั ยืนภายใต้กระแสโลกาภิ วตั น์และความ เปลยี่ นแปลงต่างๆ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: