ห น้ า | 41 บทที่ 3 มาตรฐานระบบบริหารการเรียนการสอน ปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิ่ง กาลังเป็นที่นิยมโดยเฉพาะการเรียน การสอนแบบออนไลน์ หรือการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีหน่วยงานหรือ องค์กรพัฒนาระบบบริหารการเรียนการสอน หรอื ที่เรยี กว่า LMS เพื่อรองรบั การเรียนการสอน ในรูปแบบดังกล่าว แต่เนื่องจากความนิยมและเป้าหมายของการใช้งานระบบบริหารการเรียน การสอน มีความแตกต่างกันและไม่สามารถใช้งานร่วมกับระบบบริหารการเรียนการสอนอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาขึ้นมาได้ จึงได้มีหน่วยงาน สถาบันหรือองค์กรต่าง ๆ ได้กาหนดมาตรฐาน การเรียนการสอนอีเลิร์นนิ่ง เพื่อทาให้บทเรียนหรือระบบบริหารการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้น สามารถใช้งานร่วมกันได้ (Interoperability) เข้าถึงข้อมูลได้ (Accessibility) และนามาปรับใช้ได้ (Reusability) ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน มาตรฐานที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย เชน่ มาตรฐานสกอร์ม (SCORM) มาตรฐานไอทริปเปิน้ อี (IEEE) เปน็ ต้น 1. ความหมายของมาตรฐานอีเลิรน์ นิ่ง มาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง จากทัศนะของนักวิชาการทางการศึกษา มีผู้ให้ความหมาย ดังตอ่ ไปนี้ ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2550) ได้ให้ความหมายมาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง หมายถึง ข้อกาหนดคุณลักษณะที่ได้รับการกาหนดขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรการเรียนรู้ หรือ หน่วยการเรียนการสอนในรูปแบบดิจิทัลที่มีความสามารถในการใช้งานร่วมกันได้ โดยสามารถ ใช้งานร่วมกันระหว่างระบบบริหารจัดการเนื้อหาสารสนเทศ ที่มีความต่างกันหรือในทาง ตรงกันข้าม คือ การใช้ระบบบริหารจัดการเนื้อหาสารสนเทศ ระบบเดียวที่สามารถจะเรียกใช้ ทรัพยากรการเรียนรู้จากที่ต้ังที่แตกต่างกัน รวมท้ังมาตรฐานยังสามารถทาให้เกิดการใช้งาน ร่วมกันระหว่างเครื่องมอื การเข้าถึงสารสนเทศ (Devices) ทีแ่ ตกต่างกันได้ ใจทิพย์ ณ สงขลา (2550) ได้ให้ความหมายว่า มาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง หมายถึง มาตรฐานระบบการเรียนอิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาโดยผู้ผลิตที่แตกต่างแต่มีมาตรฐานเป็นสากล
ห น้ า | 42 เนื้อหาสาระที่ผลิตออกมาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีมาตรฐานที่หน่วยงานส่วนใหญ่ ยอมรับ จงึ สามารถนาไปแลกเปลีย่ นได้กบั ระบบอืน่ ๆ ได้ กระทรวงศึกษาธิการ (2557) ได้ให้ความหมายว่า มาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง หมายถึง ระบบที่สามารถเรียกดูฐานข้อมูลหรือสื่อการเรียนการสอนร่วมกันได้ เน่ืองจากมีการพัฒนา อีเลิร์นนิ่งกันอย่างหลากหลาย ท้ังในสถาบันการศึ กษ า รวมถึงองค์กรทางธุรกิ จ มีสภาพแวดล้อมของระบบที่แตกต่างกนั ไป จากความหมายดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า มาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง หมายถึง มาตรฐาน ระบบการเรียนอิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาขึ้นจากหน่วยงาน สถาบันการศึกษารวมถึงองค์กร ทางธุรกิจ โดยอาศัยข้อกาหนดคุณลักษณะที่ได้รับการกาหนดขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากร การเรียนรทู้ ี่สามารถใช้งานรว่ มกนั และสามารถใช้เครือ่ งมือการเข้าถึงสารสนเทศทีแ่ ตกต่างกนั 2. ข้ันตอนการกาหนดมาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง การกาหนดมาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง (ใจทิพย์ ณ สงขลา, 2550) มีขั้นตอนในการกาหนด มาตรฐานโดยเริ่มจากการวิจัยเพื่อศึกษากรอบแนวทางของมาตรฐาน หลังจากน้ันจึงมีการ กาหนดคุณสมบัติของเทคโนโลยีและนาต้นแบบนั้นมาประยุกต์หรือทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง จงึ นามาสู่ขน้ั ตอนการตรวจสอบมาตรฐานและรบั รองมาตรฐานในขั้นสุดท้าย ดงั ภาพที่ 3-1 วิจยั กาหนดคุณสมบัติ ใช้ตามตน้ แบบ รบั รองมาตรฐาน ตรวจสอบ มาตรฐาน ภาพที่ 3-1 : ข้ันตอนการกาหนดมาตรฐานอีเลิร์นนิง่ ทีม่ า : ดัดแปลงจาก ใจทิพย์ ณ สงขลา (2550)
ห น้ า | 43 3. ประเภทของมาตรฐานอีเลริ น์ นิ่ง มาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง มีองค์กรต่าง ๆ กาหนดมาตรฐานขึ้นมา ดังที่ ใจทิพย์ ณ สงขลา (2550) ได้แบ่งประเภทของมาตรฐานอีเลิรน์ นิ่ง ดงั ตอ่ ไปนี้ 3.1 เมตา ดาตา้ (Meta data) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลเน้ือหา หมายถึง การต้ังชื่อของหมวดหมู่ เพื่ออธิบาย สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเพจ คลิป วีดิทัศน์ รูปภาพ ชื่อเรื่อง ผู้แต่งหรือวัตถุประสงค์ การเรียนของสื่ออิเล็กทรอนิกส์น้ัน มาตรฐานที่ใช้กันอยู่แพร่หลายในปัจจุบัน เรียกว่า มาตรฐานสกอร์ม (SCORM : Sharable Content Object Reference Model) ซึ่งมีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ๆ จนถึงปนั จบุ นั เป็นเวอร์ชน่ั SCORM2004 3.2 แพค๊ เก็จจิ้ง (Packaging) เป็นมาตรฐานในการจัดรวมส่วนต่างของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยนาหัวข้อหรือ บทเรียน รวมกันเป็นรายวิชา ซึ่งหน่วยงานที่สามารถจัดการมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ ไอเอม็ เอส (IMS) 3.3 การสื่อสาร (Communication) เป็นมาตรฐานการสื่อสารระหว่างข้อมูล สื่ออิเล็กทรอนิกส์และระบบบริหาร การเรียนการสอน กล่าวคือ เม่ือมีการเรียนเริ่มขึ้น ระบบจะจัดการผสานเน้ือหาจาก สื่ออิเล็กทรอนิกส์ส่งไปยังผู้เรียน ขณะเดียวกันก็ทาการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมรวม ท้ังคะแนนของผู้เรยี นน้ัน 3.4 คณุ ภาพ (Quality) เป็นมาตรฐานในเชิงคุณภาพ หมายถึง คุณภาพของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ น้ัน ๆ ที่สามารถใช้ได้เม่ือสร้างขึ้นในแต่แรกจึงจะเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในมาตรฐานที่สามารถ นามาใช้ซ้าได้ โดยต้องคานงึ ถึงต่อไปนี้ 3.4.1 โอกาสที่ผู้เรียนจะต้องเข้าสู่เน้ือหาได้อย่างท่ัวถึงและเท่าเทียม เช่น สือ่ อิเล็กทรอนิกส์น้ันจะต้องสร้างให้มีทางเลือกการเรียนรู้ด้วยเสียงแทนข้อความและภาพ หรือ ภาพและข้อความแทนเสียง การใช้เฟรมหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ในกรณีที่ผู้เรียนอาจจะมี ความบกพร่องในด้านกายภาพ เช่น สายตาพร่ามวั ตาบอด หูหนวก หรอื ผทู้ ี่มีความไม่เท่าเทียม ทางเทคโนโลยีหรือความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างเครือข่าย สามารถเข้าถึง และใช้เน้ือหาได้
ห น้ า | 44 3.4.2 ประเด็นของคุณภาพในเนื้อหาสาระที่ทาให้เกิดการเรียนรู้ คุณภาพด้านนี้ เน้นให้เห็นว่า ไม่ว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์น้ันจะได้มาตรฐานในเชิงเทคโนโลยี คือ เมตาดาต้า แพ๊คเกจ็ จงิ้ หรอื การส่อื สาร ส่วนทีส่ าคัญทีส่ ุด คือ เนือ้ หาที่มคี ุณภาพ จากข้อมลู ดังกล่าว สามารถสรปุ เป็นแผนภาพ ดงั น้ี ภาพที่ 3-2 : ประเภทของมาตรฐานอีเลิรน์ นิง่ ทีม่ า : ดดั แปลงจาก ใจทิพย์ ณ สงขลา (2550) ปัจจุบันมีมาตรฐานการเรียนการสอนที่มีหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ นาไปใช้ งานและมีการยอมรบั กนั อย่างแพร่หลาย ดังน้ี 1) มาตรฐาน SCORM พัฒนาโดยหน่วยงาน ADL 2) มาตรฐาน AICC พัฒนาโดยหน่วยงาน AICC 3) มาตรฐาน IMS พัฒนาโดยหน่วยงาน IMSPROJECT 4) มาตรฐาน ARIADNE พฒั นาโดยหน่วยงาน Ariadne 5) มาตรฐาน IEEE LTSC พัฒนาโดยหน่วยงาน ltsc.ieee 6) มาตรฐาน LRN Microsoft พัฒนาโดยหน่วยงาน Microsoft ในเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ จะกล่าวถึงรายละเอียดมาตรฐาน สกอร์ม ซึ่งสอดคล้องกับ ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2550) ได้กล่าวว่า สกอร์ม เป็นมาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง ที่ไดรับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มของ นักพัฒนามาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง โดยมีการแบ่งความรับผิดชอบของการพัฒนาอย่างชัดเจน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อกาหนดและคาแนะนาร่วมกัน รวมท้ังมีมาตรฐานในการทดสอบที่มี ประสิทธิภาพ
ห น้ า | 45 4. มาตรฐานสกอรม์ สกอร์ม (SCORM) ย่อมาจาก คาว่า Sharable Content Object Reference Model (ศยามน อินสะอาด, 2550) ซึ่งเริ่มต้นมาจากกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อ ศึกษาปัญหาของความไม่เข้ากันของระบบอีเลิร์นนิ่งและเน้ือหาวิชาที่มีการพัฒนาแตกต่าง รูปแบบหรือแพลตฟอร์ม (Platform) กัน ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ จึงได้ต้ังหน่วยงานเรียกว่า Advanced Distributed Learning (ADL) ในปี ค.ศ. 1997 โดยมีภารกิจสาคัญ คือ การพัฒนา และเตรียมความพร้อมให้การเรียนการสอนและการฝึกอบรมบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มี คุณภาพสูงสุด สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ทุกที่ (Anywhere) และทุกเวลา (Anytime) โดย เป้าหมายระยะแรกเป็นการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบการเรียนการสอนขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นการ ขยายความสามารถในการจัดการศึกษา การฝึกอบรม อุตสาหกรรมด้านการจัดการเรียน การสอนและได้ออกข้อกาหนดแรกในเวอร์ช่ัน 1.0 เม่ือปี ค.ศ. 2000 เวอร์ชั่นที่ประสบ ความสาเร็จเป็นที่ยอมรับ คือ เวอร์ช่ัน 1.2 ซึ่งเผยแพร่เม่ือเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2001 และ ปัจจบุ นั ได้พัฒนาถึงเวอร์ช่นั 2004 4TH ดงั ภาพที่ 3-3 ภาพที่ 3-3 : ภาพชว่ งเวลาของการพฒั นาสกอร์ม ที่มา : http://www.slideshare.net/teeled/an-introduction-to-scorm-2004
ห น้ า | 46 ตารางท่ี 3-1 มาตรฐานสกอร์มในแต่ละรุ่น ชื่อรุ่น รายละเอียด SCORM 1.0 เป็นเวอร์ชั่นแรกที่ได้รับการพิสูจน์ในเชิงแนวคิด เป็นการแนะนาให้รู้จัก Sharable Content Object (SCO) แล ะ API Model ซึ่ งได้ รวบ ก ารจัด ก าร SCORM 1.1 ติดต่อสื่อสารผ่านระบบ Run-time Environment ไม่ใช่ส่งผ่านโดยใช้ Content SCORM 1.2 Objects กาหนดโครงสร้างรายวิชาด้วยภาษา XML based ภายใต้โครงสร้างเน้ือหา SCORM 2004 บทเรียนตาม AICC ขอ้ กาหนด แตย่ งั ขาดการรวมกัน และการสนบั สนุน มีการทดสอบและนาเสนอผลงานในการประชุมวิชาการ โดยการใช้วิธีการ สร้างเน้ือหาตามข้อกาหนดของ IMS ซึ่งแสดงถึงการสนับสนุน Metadata ใน เนื้อหาบทเรียน ซึ่งการทดสอบผ่านไปด้วยดี ทั้งระบบการส่งผ่านเน้ือหา และ เรียนเนื้อหา แต่ยังขาดลาดับการเรียนและยังไม่ได้รับการสนับสนุนจาก หนว่ ยงาน ADL เท่าที่ควร พื้ นฐาน ของ IEEE ท้ั งใน ส่วนของ API และ Content Object to Runtime Environment Communication ซึ่งได้รับการแก้ปัญหาที่ยังคลุมเครือในรุ่นที่ ผ่านมา รวมท้ังความสามารถในการปรับลาดับกิจกรรมการเรียนการสอนให้ เหมาะกับการใช้เนื้อหาบทของผู้เรียนและความสามารถในการใช้เนื้อหา ร่วมกันและรายวิชาข้ามระบบการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้มีความเป็น interoperability ADL ประกาศรับรองมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ดังรายช่ือ ปรากฏในเว็บไซต์ http://www.adlnet.gov/SCORM/certified/ ทีม่ า : นทิยา วิวัฒนว์ านชิ กลุ (2557) 5. โครงสร้างระบบมาตรฐานสกอรม์ โครงสร้างการจดั ระบบของสกอร์มน้ันอาจเปรียบไดกบั ชุดของหนังสือที่จดั เรียงกันอยู่ บนห้งิ ประกอบไปดว้ ย(ชุด) หนงั สอื 4 เล่ม(ชุด) (ถนอมพร เลาหจรสั แสง, 2550) ไดแก่
ห น้ า | 47 5.1 SCORM Overview Book หรอื หนังสือภาพรวมของ SCORM เป็นส่วนซึ่งสรุปที่มา ของ SCORM และครอบคลุมเกี่ยวกับข้อกาหนดและข้อตกลงด้านมาตรฐานซึ่ง SCORM ใชใ้ นการอา้ งองิ อธิบายเกีย่ วกบั ความสัมพันธ์ระหวา่ ง (ชุด) หนังสือแต่ละเล่ม (ชุด) 5.2 SCORM Content Aggregation Model Book หรือ หนังสืออธิบายข้อมูลเพิ่มเติม ของเน้ือหา เป็นส่วนอธิบายถึงองค์ประกอบของข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียน ที่ต้องการ เพื่อประโยชนในการวิเคราะห์ข้อมูลเข้าด้วยกัน เช่น เวลาที่ใช้ในการทางาน จานวนคร้ังการทาแบบฝึกหัดและวิธีการในการจัดกลุ่ม เป็นต้น ซึ่งจะช่วยในการสืบค้น หรือค้นหาเนื้อหาที่ต้องการค้น นอกจากนี้ ยังประกอบไปด้วยส่วนสาคัญ ที่อธิบายถึง องค์ประกอบของกฎการจัดลาดับการเรียนรู้รวมทั้งวิธีในการกาหนดชือ่ เน้ือหา การแลกเปลี่ยน และการค้นพบเนื้อหาที่ตอ้ งการ 5.3 SCORM Run-Time Environment Book หรือ หนังสือเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง เป็นส่วนอธิบายถึงข้อกาหนดด้านระบบบริหารการเรียนการสอนในการจัดการเชิงเทคนิค โดยใช้ข้อกาหนดของเนือ้ หาการเรียนรู้ที่ตอ้ งการใช้รว่ มกนั 5 .4 SCORM Sequence and Navigation Book ห รื อ ห นั งสื อ อ ธิ บ า ย เกี่ ย ว กั บ การจัดลาดับและการนาทาง เป็นส่วนอธิบายถึงการจัดลาดับเน้ือหาที่สนับสนุนมาตรฐาน SCORM เพื่อนาเสนอสู่ผเู้ รียน ภาพที่ 3-4 : องค์ประกอบของมาตรฐานสกอร์ม 2004 ทีม่ า : http://www.claudiocancelli.blogspot.com
ห น้ า | 48 6. เปา้ หมายของสกอร์ม สุชาย ธนวเสถียรและชูเกียรติ ศักดิ์จิรพาพงษ์ (2549) ได้กล่าวว่าการพัฒนา มาตรฐานสกอร์ม มีเป้าหมายในการพฒั นา ดังตอ่ ไปนี้ 6.1 การเข้าถึง (Accessibility) คือ การเข้าถึงเน้ือหาของกิจกรรมการเรียนการสอน จากสถานทีห่ นง่ึ ไปยงั สถานที่อื่น ๆ ทีอ่ ยู่ระยะไกลได้ 6.2 การทางานร่วมกัน (Interoperability) คือ การสร้างองค์ประกอบหรือบทเรียน จากสถานที่หนึ่ง ด้วยเคร่ืองมือประเภทหนึ่ง แล้วสามารถนาไปใช้ในสถานที่อื่น ด้วยเคร่ืองมือ ประเภทอื่น ๆ ที่แตกต่างกนั ได้ 6.3 ความทนทาน (Durability) คือ การเข้าถึงบทเรียนโดยการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยี แตไ่ ม่ต้องออกแบบบทเรียนหรอื ปรับเปลีย่ นรหสั คาสั่ง (Redesign Recoding) ใหม่ 6.4 การนาไปใช้ (Reusability) คือ การนาเน้ือหาบทเรียนไปใช้ใหม่และใช้ร่วมกันได้ ในโปรแกรมหลาย ๆ ประเภท โดยไม่ต้องสร้างใหม่ 6.5 การปรับตัว (Adaptability) คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอน ตามความต้องการของผู้เรยี นรายบคุ คลหรอื ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป 6.6 การเพิ่มประสิทธิภาพ (Affordability) คือ ความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเรียนการสอนได้ ในขณะทีล่ ดเวลาและตน้ ทนุ ในการจัดการเรียนการสอนลง 7. ตวั อย่างการใช้งานสกอร์มในระบบบริหารการเรียนการสอน ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่สามารถรองรับมาตรฐานสกอร์ม ท้ังในรูปแบบเนื้อหาบทเรียน หรือแบบทดสอบนั้น ในที่นี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างการส่งออกและนาเข้าสกอร์มเข้าสู่ระบบ บริหารการเรียนการสอน โดยใช้การส่งออกแบบทดสอบจาก ซอฟต์แวร์ Adobe Captivate 7 แล้วนาเข้าไฟล์สกอร์มในระบบบริหารการเรียนการสอนมเู ดิ้ล แบ่งการทางานเป็น 2 สว่ นดังน้ี 7.1 การสง่ ออกไฟล์ SCORM จากซอฟตแ์ วร์ Adobe Captivate 7 หลังจากที่ได้สร้างแบบทดสอบใน Adobe Captivate 7 เสร็จแล้ว มีข้ันตอน การส่งออกสกอร์มดังรายละเอียดต่อไปนี้
ห น้ า | 49 7.1.1 คลิกทีเ่ มนู Edit เลือกคาส่งั Preferences ดงั ภาพที่ 3-5 ภาพที่ 3-5 การใชง้ านคาส่ัง Quiz Preferences 7.1.2 จะปรากฏหน้าจอการตั้งค่าแบบสอบถามในหัวข้อ Quiz แล้วคลิกที่ Reporting แล้วไปที่หัวข้อ Quiz จากน้ันให้ทาเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อความ Enable reporting for this project เพื่อเปิดการทางาน เม่ือผู้เรียนทาแบบทดสอบเสร็จแล้วจะปรากฏรายงาน การทาแบบทดสอบของผู้เรียนทาแบบทดสอบได้คะแนนเท่าไหร่ และผ่านการประเมินหรือไม่ ดังภาพที่ 3-6
ห น้ า | 50 ภาพที่ 3-6 การตง้ั ค่าการรายงานผลการทาแบบทดสอบ จากภาพ สามารถตั้งคา่ การส่งออกผลงาน ดงั น้ี หมายเลข 1 Quiz Reporting คือ การเลือกหัวข้อการตั้งค่าแบบทดสอบ โดยเลือก ที่ Quiz แล้วไปที่ Reporting หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าจอเพื่อทาการตง้ั ค่า หมายเลข 2 Quiz คือ การเลือกเปิดการใช้รายงานแสดงผลแบบทดสอบหลงั จาก ผเู้ รียนทาแบบทดสอบเสรจ็ แล้ว หมายเลข 3 LMS คือ การเลือกรูปแบบระบบบริหารการเรียนการสอน โดยเลือก ที่ Other Standard LMSs หมายเลข 4 Standard คือ การเลือกรุ่นของสกอร์ม ซึ่งจะต้องเลือกรุ่นให้ เหมาะสมกับรุ่นของระบบบริหารการเรียนการสอน โดยเลือกที่ SCORM 1.2 หมายเลข 5 Status Representation คือ รูปแบบของการแสดงผลเม่ือทา แบบทดสอบเสรจ็ โดยเลือกที่ Incomplete --- > Complete
ห น้ า | 51 หมายเลข 6 Success/Completion Criteria คือ การกาหนดรูป แบ บ ในการ แสดงผลและรูปแบบแสดงผลการทาแบบทดสอบ โดยเลือกที่ Slide views and/ or Quiz หมายเลข 7 Data To Report คือ รูปแบบการให้คะแนนแบบทดสอบ มี 2 รูปแบบ คือ 1) การให้คะแนนรูปแบบเป็นร้อยละ (Percentage) และ 2) การให้คะแนนรูปแบบคะแนน (Points) โดยเลือกที่ Percentage หมายเลข 8 เมื่อทาการตั้งค่าการส่งออกสกอร์มเสรจ็ แล้ว ให้คลิกทีป่ ุ่ม OK 7.1.3 ส่งออกไฟล์ผลงาน โดยคลิกทีเ่ มนู File เลือกคาสง่ั Publish ดงั ภาพที่ 3-7 ภาพที่ 3-7 การส่งออกไฟล์ผลงาน
ห น้ า | 52 7.1.4 จะปรากฏหน้าจอการส่งออกผลงาน ทาการต้ังค่าการส่งออกไฟล์ผลงาน ดงั ภาพที่ 3-8 ภาพที่ 3-8 การส่งออกไฟล์ผลงานแบบ SWF/HTML5 จากภาพ สามารถตั้งคา่ การส่งออกผลงาน ดังน้ี หมายเลข 1 กาหนดรปู แบบการส่งออกเป็น SWF/HTML5 หมายเลข 2 Project Title คือ กาหนดการต้ังชื่อผลงาน โดยตั้งชื่อผลงานเป็น Quiz-computer หมายเลข 3 Folder คือ การกาหนดตาแหน่งที่สง่ ออกไฟล์ผลงาน หมายเลข 4 Output Format Option คือ การกาหนดรูปแบบการส่งออกไฟล์โดย เลือกเป็น SWF และ HTML5 หมายเลข 5 Output Option คือ การกาหนดรูปแบบเพิ่มเติม ได้แก่ การบีบอัด ไฟล์ (Zip Files) การขยายชิ้นงานให้เต็มหน้าจอ (Full screen) การส่งออกเป็นไฟล์ PDF (Export PDF) และ การสร้างไฟล์เล่นอัตโนมัติสาหรับซีดี (Generate Auto run For CD) ในที่นี้ให้เลือก เป็นการบีบอัดไฟล์ หมายเลข 6 คลิกที่ปุ่ม Publish เพื่อส่งออกไฟล์ผลงาน หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ จะแสดงสถานะของการส่งออกผลงานว่าเสรจ็ สมบรู ณ์ แล้วคลิกที่ปุ่ม OK ดงั ภาพที่ 3-9
ห น้ า | 53 ภาพที่ 3-9 ภาพแสดงสถานะของการส่งออกไฟล์ผลงานว่าเสร็จสมบูรณ์ 7.2 การนาเขา้ ไฟลส์ กอร์มสรู่ ะบบมเู ดิ้ล หลังจากที่ได้สร้างแบบทดสอบใน Adobe Captivate 7 และได้ส่งออกไฟล์ ผลงานออกมาในรูปแบบของสกอร์มเสร็จแล้ว ส่วนต่อไปจะเป็นการนาเข้าสกอร์มเข้าสู่ระบบ มเู ดิ้ล ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ 7.2.1 เข้าสู่ระบบมูเดิ้ลในฐานะของผู้ดูแลระบบหรือผู้สอน แล้วคลิกปุ่ม Turn editing on ที่ปรากฏอยู่ขวามอื ด้านบนของจอภาพ ดงั ภาพที่ 3-10 ภาพที่ 3-10 หน้าจอระบบบริหารการเรียนการสอนมูเดิล้
ห น้ า | 54 7.2.2 เลือกหัวข้อเนื้อหาที่ต้องการเพิ่มแบบทดสอบ สกอร์ม แล้วคลิก เพิ่มกิจกรรมในหัวข้อ Add an activity or resource เลือกหวั ข้อ SCORM/AICC ดังภาพที่ 3-11 ภาพที่ 3-11 การเพิ่มหวั ขอ้ เนื้อหาของแบบทดสอบสกอร์ม 7.2.3 จะปรากฏหน้าจอให้เพิ่มรายละเอียด เช่น เพิ่มชื่อแบบทดสอบในหัวข้อ Name เพิ่มรายละเอียดของแบบทดสอบในหัวข้อ Summary และเลือกไฟล์สกอร์ม ในหัวข้อ Package File แล้วคลิกปุ่ม Choose or upload a file ดังภาพที่ 3-12 ภาพที่ 3-12 การเพิม่ รายละเอียดของแบบทดสอบในหัวข้อ Summary
ห น้ า | 55 7.2.4 จะปรากฏหนา้ จอเพือ่ อพั โหลดไฟล์สกอร์มเข้าสู่ระบบมูเดิ้ล โดยคลิกที่ปุ่ม Upload a file ดงั ภาพที่ 3-13 ภาพที่ 3-13 หนา้ จอการอัพโหลดไฟล์สกอร์มเข้าสู่ระบบมูเดิ้ล 7.2.5 จะปรากฏหน้าจอการอัพโหลดไฟล์ โดยคลิกที่ปุ่มเลือกไฟล์สกอร์ม เม่ือเลือกไฟล์แล้วให้คลิกที่ปุ่ม Upload this file หากต้องการยกเลิกไฟล์ให้คลิกที่ปุ่ม Cancel ดังภาพที่ 3-14 ภาพที่ 3-14 การเลือกไฟล์สกอร์มในเครือ่ งคอมพิวเตอร์
ห น้ า | 56 7.2.6 จากน้ันคลิกไฟล์สกอร์มที่อัพโหลดเข้าสู่ระบบมูเดิ้ล แล้วคลิกเลือกไฟล์ ทีป่ ุ่ม Choose ดงั ภาพที่ 3-15 ภาพที่ 3-15 การเลือกไฟล์สกอร์มทีอ่ ัพโหลดเสรจ็ แล้ว 7.2.7 ต้ังค่าการใชง้ านส่วนต่าง ๆ แล้วคลิกที่ปุ่ม Save and Display ดงั ภาพที่ 3-16 ภาพที่ 3-16 การตั้งค่าส่วนต่าง ๆ ของเนือ้ หาจากสกอร์ม
ห น้ า | 57 7.2.8 จะปรากฏไฟล์แบบทดสอบที่นาเข้าโดยใช้สกอร์ม ในตาแหน่งหัวข้อ เนือ้ หาทีก่ าหนด และคลิกทีป่ ุ่ม Turn editing off เพือ่ ปิดการแก้ไขข้อมูล ดงั ภาพที่ 3-17 ภาพที่ 3-17 หนา้ จอแสดงเนื้อหาที่นาเข้าจากไฟล์สกอร์ม 7.2.9 เมื่อคลิกแบบทดสอบจะปรากฏหน้าจอแบบทดสอบ ดงั ภาพที่ 3-18 ภาพที่ 3-18 หนา้ จอแบบทดสอบทีน่ าเข้าจากไฟล์สกอร์ม
ห น้ า | 58 7.3 การตัง้ คา่ สกอรม์ ในระบบบมเู ดิล้ ตั้งค่าการใช้งานสกอร์มในระบบมูเดิ้ล โดยตั้งค่าที่ เมนู Settings เลือก SCORM/AICC Administration จะปรากฏหน้าจอการตั้งค่า ดังภาพที่ 3-19 ภาพที่ 3-19 หนา้ จอการต้ังค่าสกอร์มในระบบบมูเดิ้ล จากภาพ สามารถตั้งคา่ การส่งออกผลงาน ดังน้ี หมายเลข 1 Grading method คือ การกาหนดวิธีการให้คะแนน โดยกาหนดเป็น คะแนนสงู สดุ หมายเลข 2 Maximum grade คือ การกาหนดคะแนนเต็ม โดยกาหนดให้เป็น 100 คะแนน หมายเลข 3 Number of attempts คือ การกาหนดจานวนครั้งในการตอบ โดย กาหนดให้ไม่จากดั จานวนครั้งในการตอบ หมายเลข 4 Attempts grading คือ การกาหนดการใช้คะแนน โดยกาหนดเป็น คะแนนสงู สดุ หมายเลข 5 Width คือ การกาหนดความกว้างของการแสดงผลหน้าจอ โดย กาหนดเป็น 100 % หมายเลข 6 Height คือ การกาหนดความสูงของการแสดงผลหน้าจอ โดย กาหนดเปน็ 500 พิกเซล หมายเลข 7 Display package คือ การแสดงผลหน้าจอ โดยกาหนดเป็น หนา้ ต่างปัจจบุ ัน เมือ่ ตง้ั ค่าเสร็จแล้วให้คลกิ ทีป่ ุ่ม บนั ทึกการเปลีย่ นแปลง
ห น้ า | 59 8. ประโยชนข์ องมาตรฐานสกอร์ม ประโยชน์ของมาตรฐานสกอร์มมีมากมาย ท้ังทางด้านการศึกษา ด้านธุรกิจ ดังที่ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ประโยชน์ของสกอร์ม ดงั น้ี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2557) 8.1 นาเนื้อหามาใช้ได้ใหม่ (Reuse Content) ทาให้การพัฒนาเนื้อหารวดเร็วขึ้น โดยเมอ่ื พฒั นาข้นึ เร่ืองหนึ่งสามารถนาไปใช้กับผเู้ รียนหรอื วิชาอืน่ ๆ ได้ 8.2 เน้ือหาสามารถใช้ร่วมกันระหว่างระบบได้ (Share Content) ทาให้การรวบรวม ข้อมูลในระบบง่ายขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ช่วยป้องกันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาบทเรียน 8.3 ลดค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษาบทเรียน (Content Maintenance) โดยที่หน่วยงาน หรือองค์กรสามารถปรับปรุงเน้ือหาบทเรียนได้เอง สามารถเลือกใช้เคร่ืองมือได้หลากหลาย โดยไม่ติดกับซอฟต์แวรใ์ ด ๆ หรอื ผผู้ ลติ ทาให้ค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษาบทเรียนถูกลง 8.4 ทาให้การลงทุนในเทคโนโลยีเกิดประโยชน์สูงสุด (Maximize Technology Investment) เพราะเนื้อหาบทเรียนในมาตรฐานสกอร์มสามารถใช้งานได้ดีกับระบบบริหาร การเรียนการสอนใด ๆ ตามมาตรฐานสกอร์มด้วยกัน ทาให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อท้ังเน้ือหา และระบบริหารการเรียนการสอนจากผู้ผลติ รายใดกไ็ ด้ทีไ่ ด้มาตรฐาน 8.5 หลีกเลี่ยงซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง (Proprietary Authoring Tools) เนื่องจากเน้ือหาในบทเรียนตามข้อกาหนดของมาตรฐานสกอร์มเป็น Web based Content จงึ สามารถใช้ HTML tool ไปสร้างเน้ือหาได้ 8.6 ฝึกหัดผู้พัฒนาเน้ือหาได้เร็วกว่า (Train Developer Faster) เน่ืองจากการนา มาตรฐานสกอร์มไปใช้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทาให้ ในอนาคตเราสามารถหาผู้ผลิต ผู้พัฒนา เนือ้ หาได้งา่ ย 9. สรุป ปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์กาลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะการเรียน การสอนแบบอีเลิร์นนิ่ง ซึ่งมีองค์กรหรือหน่วยงานพัฒนาระบบบริหารการเรียนการสอน ผ่านระบบแอลเอ็มเอส หรือระบบจัดการเรียนรู้ และได้กาหนดมาตรฐานการเรียนการสอน อีเลิร์นนิ่ง เพื่อให้สะดวกต่อผู้ใช้งานในระบบการเรียนการสอนและสามารถใช้งานร่วมกัน หลายระบบภายใต้มาตรฐานเดียวกนั
ห น้ า | 60 มาตรฐานอีเลิร์นนิ่ง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ เมตาดาต้า แพ๊คเก็จจ้ิง การสื่อสาร และคุณภาพ มาตรฐานอีเลิร์นนิ่งที่ไดรับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน คือ มาตรฐานสกอร์ม ถูกพัฒนามาโดย หน่วยงาน Advanced Distributed Learning : ADL ในปี 1997 มีภารกิจสาคัญ คือ การพัฒนาและเตรียมความพร้อมให้การเรียนการสอนและการฝึกอบรมบนเครือข่าย คอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพสูงสุด สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยระบบ มาตรฐานสกอร์ม ประกอบด้วยไปด้วย(ชุด)หนังสือ 4 เล่ม(ชุด) ได้แก่ 1) SCORM Overview Book หรือหนังสือภาพรวมของสกอร์ม 2) SCORM Content Aggregation Model Book หรือ หนงั สืออธิบายข้อมูลเพิม่ เติมของเนื้อหา 3) SCORM Run-Time Environment Book หรอื หนงั สือ เชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง และ 4) SCORM Sequence and Navigation Book หรือหนังสืออธิบาย เกี่ยวกบั การจดั ลาดับและการนาทางในการใชง้ าน 10. แบบฝึกหดั ตอนท่ี 1 จงตอบคาถามต่อไปน้ี 1. จงบอกความหมายของมาตรฐานอีเลิร์นนิง่ 2. อะไรเปน็ สาเหตทุ ี่ทาให้เกิดการพฒั นามาตรฐานอเี ลิร์นนิ่ง 3. จงอธิบายข้ันตอนการกาหนดมาตรฐานอีเลิรน์ นิ่ง 4. มาตรฐานอีเลิรน์ นิ่งมีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบายมาพอสังเขป 5. ให้นักศึกษายกตัวอย่างมาตรฐานอีเลิรน์ นิ่งที่มกี ารยอมรับมา 3 มาตรฐาน 6. มาตรฐานสกอร์มคืออะไร และมีความสามารถอะไรบ้าง จงอธิบายมาพอสงั เขป 7. ใหน้ ักศึกษาเปรียบเทียบระบบมาตรฐานสกอร์มในแต่ละรุ่นว่ามีคณุ สมบตั ิอย่างไร 8. โครงสร้างระบบมาตรฐานสกอร์มประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบายมาพอสงั เขป 9. ใหน้ ักศึกษายกตัวอย่างระบบบริหารการเรียนการสอนที่สามารถรองรบั การใช้งาน มาตรฐานสกอร์มมา 3 ระบบ 10. จงบอกประโยชน์ของมาตรฐานสกอร์มมา 3 ข้อ พร้อมท้ังอธิบายมาพอสังเขป ตอนท่ี 2 (กรณีศกึ ษา) ให้นักศกึ ษาแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน ค้นหาตวั อย่างระบบบริหารการเรียน การสอนที่สามารถใช้งานสกอร์ม กลุ่มละ 5 ระบบบริหารการเรียนการสอน แล้วส่งตัวแทน นาเสนอ หนา้ หอ้ งเรียน
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: