Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานเศรษฐกิจพอเพียง

รายงานเศรษฐกิจพอเพียง

Published by photjanee panyasen, 2022-09-11 08:30:46

Description: รายงานเศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

รายงานการอบรม โครงการพฒั นาศกั ยภาพ ขา้ ราชการครูและบคุ ลากร สายงานการสอนดว้ ย SET e-learning OTD 1401 : หลักสตู รหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง นางสาวพจนีย์ ปญั ญาเสน ครู วิทยฐานะ ครชู ำนาญการ โรงเรยี นบา้ นท่าอาจ สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรงศกึ ษาธิการ

บนั ทึกข้อความ สว่ นราชการ โรงเรียนบา้ นท่าอาจ สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ ท่ี พิเศษ/2565 วันท่ี ๑๐ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๕ เร่ือง รายงานการเข้าร่วมอบรมโครงการพัฒนาข้าราชการครแู ละบคุ ลากร สายงานการสอนดว้ ย SET e-learning หลักสูตรหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เรยี น ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านทา่ อาจ ด้วยข้าพเจ้า นางสาวพจนีย์ ปัญญาเสน ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ โรงเรียนบา้ นท่าอาจ ได้เข้าร่วมโครงการ พัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร สายงานการสอนด้วย SET e-learning รหัส OTD 1401 หลักสูตรหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง บัดนี้ กิจกรรมทางวิชาการดงั กลา่ วได้เสร็จสนิ้ แล้ว ข้าพเจ้าจึงขอรายงานผลการเข้าร่วมกิจกรรม ดงั เอกสารแนบทา้ ย จงึ เรยี นมาเพื่อโปรดพจิ ารณา ลงช่อื ........................................................... ( นางสาวพจนีย์ ปัญญาเสน ) ตำแหนง่ ครู คศ.๒ ข้อเสนอแนะจากผู้อำนวยการโรงเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ........................................................... ( นายกิชสณพนธ์ เฉลิมวิสุตมก์ ลุ ) ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านทา่ อาจ

เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรัชญาชี้ถงึ แนวการดำรงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนในทกุ ระดับ ตงั้ แต่ระดับครอบครัว ระดับ ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รฐั ท้ังในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศให้ดำเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพือ่ ให้ ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภวิ ัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจำเป็นทจ่ี ะต้องมรี ะบบ ภมู คิ มุ้ กันในตวั ทดี่ พี อสมควร ตอ่ การกระทบใดๆ อันเกดิ จากการเปลย่ี นแปลงทง้ั ภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งย่ิงในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุฟกขน้ั ตอน และ ขณะเดียวกนั จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หน้าทีข่ องรัฐ นักทฤษฎี และนกั ธรุ กิจในทกุ ระดบั ให้มี สำนึกในคณุ ธรรม ความซื่อสตั ย์สุจริต และให้มคี วามรอบรู้ทเ่ี หมาะสม ดำเนินชวี ิตด้วยความอดทน ความเพียร มสี ติ ปญั ญา และ ความรอบคอบ เพ่อื ให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรบั การเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ และกว้างขวาง ทั้งดา้ นวตั ถุ สังคม ส่งิ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพียง จงึ ประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้ ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบยี นตนเองและผ้อู น่ื เชน่ การผลติ และ การบริโภคท่ีอยใู่ นระดับพอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเก่ยี วกบั ระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเปน็ ไปอย่างมีเหตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตุ ปัจจัยที่เกย่ี วขอ้ ง ตลอดจนคำนึงถงึ ผลท่คี าดวา่ จะเกิดขึ้นจากการกระทำน้ันๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภูมิคมุ้ กัน หมายถงึ การเตรียมตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงดา้ นตา่ งๆ ทจี่ ะเกิดขน้ึ โดยคำนงึ ถึงความเปน็ ไป ไดข้ องสถานการณต์ า่ งๆ ทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต โดยมี เงอื่ นไข ของการตัดสนิ ใจและดำเนินกจิ กรรมต่างๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพยี ง ๒ ประการ ดังนี้ ๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกยี่ วกับวชิ าการตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วข้องรอบดา้ น ความรอบคอบทีจ่ ะนำความรู้เหล่านั้นมา พิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพือ่ ประกอบการวางแผนและความระมัดระวงั ในการปฏบิ ตั ิ ๒. เงือ่ นไขคุณธรรม ทจี่ ะตอ้ งเสริมสรา้ ง ประกอบดว้ ย มีความตระหนักใน คณุ ธรรม มีความซอ่ื สตั ย์สจุ ริตและมีความอดทน มี ความเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดำเนนิ ชีวติ แนวทางการทำการเกษตรแบบเศรษฐกจิ พอเพียงเน้นหาข้าวหาปลากอ่ นหาเงนิ หาทอง คือ ทำมาหากินก่อนทำมาค้าขายโดยการ สง่ เสริม: 1.การทำไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสานเพื่อใหเ้ กษตรกรพฒั นาตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง 2.การปลกู พืชผักสวนครวั ลดค่าใชจ้ า่ ย 3.การทำป๋ยุ หมักปุย๋ คอกและใชว้ ัสดเุ หลอื ใช้เป็นปจั จัยการผลิต(ปุ๋ย)เพ่ือลดค่าใช้จา่ ยและบำรงุ ดิน 4.การเพาะเห็ดฟางจากวสั ดเุ หลอื ใช้ในไร่นา 5.การปลกู ไมผ้ ลสวนหลังบ้าน และไม้ใช้สอยในครวั เรือน 6.การปลกู พชื สมุนไพร ชว่ ยส่งเสรมิ สขุ ภาพอนามัย 7.การเลยี้ งปลาในร่องสวน ในนาข้าวและแหล่งน้ำ เพอ่ื เป็นอาหารโปรตนี และรายได้เสริม 8.การเล้ยี งไก่พ้นื เมือง และไก่ไข่ ประมาณ 10-15 ตัวต่อครวั เรือนเพือ่ เป็นอาหารในครวั เรอื น โดยใช้เศษอาหาร รำ และปลาย ขา้ วจากผลผลติ การทำนา ข้าวโพดเลย้ี งสตั วจากการปลกู พืชไร่ เป็นต้น 9.การทำก๊าซชีวภาพจากมลู สัตว์

พระราชดำรัสโดยยอ่ เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงในวนั ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ทรงเข้าพระราชหฤทัยในความเป็นไปของเมืองไทยและคนไทยอย่างลึกซงึ้ และกว้างไกล ได้ทรง วางรากฐานในการพัฒนาชนบท และช่วยเหลอื ประชาชนใหส้ ามารถพ่งึ ตนเองได้มคี วาม \" พออยพู่ อกิน\" และมีความอสิ ระท่ี จะอยู่ไดโ้ ดยไม่ต้องติดยึดอยู่กับเทคโนโลยแี ละความเปลย่ี นแปลงของกระแสโลกาภวิ ัฒน์ ทรงวเิ คราะห์วา่ หากประชาชน พ่งึ ตนเองได้แลว้ ก็จะมีสว่ นชว่ ยเหลอื เสริมสร้างประเทศชาติโดยสว่ นรวมได้ในทส่ี ุด พระราชดำรสั ที่สะท้อนถึงพระวสิ ัยทัศน์ใน การสรา้ งความเขม้ แข็งในตนเองของประชาชนและสามารถทำมาหากินให้พออยพู่ อกนิ ได้ ดงั นี้ \"….ในการสร้างถนน สรา้ งชลประทานให้ประชาชนใชน้ น้ั จะตอ้ งช่วยประชาชนในทางบุคคลหรอื พัฒนาให้บุคคลมคี วามรู้และ อนามยั แข็งแรง ดว้ ยการให้การศกึ ษาและการรกั ษาอนามัย เพอ่ื ให้ประชาชนในท้องท่ีสามารถทำการเกษตรได้ และค้าขายได…้ \" ในสภาวการณ์ปจั จุบัน ซง่ึ เกดิ ความถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรนุ แรงข้นึ น้ีจึงทำให้เกดิ ความเข้าใจไดช้ ดั เจนในแนว พระราชดำริของ \"เศรษฐกิจพอเพยี ง\" ซงึ่ ได้ทรงคิดและตระหนกั มาชา้ นาน เพราะหากเราไม่ไปพง่ี พา ยึดตดิ อยู่กบั กระแสจาก ภายนอกมากเกนิ ไป จนได้ครอบงำความคดิ ในลักษณะด้งั เดิมแบบไทยๆไปหมด มีแตค่ วามทะเยอทะยานบนรากฐานท่ีไม่มน่ั คง เหมือนลักษณะฟองสบู่ วกิ ฤตเศรษฐกจิ เช่นน้ีอาจไม่เกิดขึ้น หรอื ไมห่ นักหนาสาหสั จนเกิดความเดือดร้อนกนั ถว้ นทว่ั เช่นน้ี ดงั นน้ั \"เศรษฐกิจพอเพยี ง\" จงึ ไดส้ อ่ื ความหมาย ความสำคัญในฐานะเป็นหลักการสังคมทีพ่ งึ ยดึ ถอื ในทางปฏบิ ตั จิ ุดเริม่ ตน้ ของการพฒั นาเศรษฐกจิ พอเพียงคือ การฟ้ืนฟูเศรษฐกจิ ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ ทัง้ หลกั การและกระบวนการทางสงั คม ตง้ั แตข่ น้ั ฟ้ืนฟูและขยายเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยนื เปน็ การพฒั นาขดี ความสามารถใน การผลิตและบรโิ ภคอย่างพออยู่พอกินขนึ้ ไปถึงขั้นแปรรูปอุตสาหกรรมครัวเรอื น สรา้ งอาชีพและทักษะวิชาการท่ีหลากหลายเกดิ ตลาดซอื้ ขาย สะสมทนุ ฯลฯ บนพ้ืนฐานเครือข่ายเศรษฐกจิ ชุมชนน้ี เศรษฐกจิ ของ 3 ชาติ จะพัฒนาข้ึนมาอย่างมน่ั คงทงั้ ใน ด้านกำลงั ทนุ และตลาดภายในประเทศ รวมท้ังเทคโนโลยีซ่งึ จะค่อยๆ พฒั นาข้ึนมาจากฐานทรพั ยากรและภูมิปัญญาท่ีมอี ยู่ ภายในชาติ และทงั้ ท่ีจะพงึ คัดสรรเรียนรู้จากโลกภายนอก เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ เศรษฐกจิ ท่พี อเพียงกบั ตัวเอง ทำให้อยูไ่ ด้ ไม่ต้องเดือดรอ้ น มีส่ิงจำเป็นที่ทำได้โดยตวั เองไม่ต้องแขง่ ขนั กับใคร และมเี หลือเพ่ือชว่ ยเหลอื ผูท้ ี่ไม่มี อนั นำไปสกู่ ารแลกเปล่ยี นในชุมชน และขยายไปจนสามารถท่ีจะเป็นสินค้า สง่ ออก เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นเศรษฐกิจระบบเปิดทเี่ ริ่มจากตนเองและความร่วมมือ วธิ กี ารเชน่ นจี้ ะดงึ ศักยภาพของ ประชากร ออกมาสร้างความเข้มแข็งของครอบครวั ซง่ึ มีความผู้พันกับ “จติ วญิ ญาณ” คือ “คุณค่า” มากกว่า “มลู ค่า” ในระบบเศรษฐกจิ พอเพียงจะจัดลำดบั ความสำคัญของ “คุณค่า” มากกว่า “มลู คา่ ” มลู ค่านนั้ ขาดจติ วญิ ญาณ เพราะเปน็ เศรษฐกจิ ภาคการเงิน ทีเ่ น้นท่ีจะตอบสนองต่อความต้องการทไี่ มจ่ ำกดั ซ่งึ ไรข้ อบเขต ถา้ ไม่สามารถควบคมุ ไดก้ ารใช้ทรัพยากร อย่างทำลายลา้ งจะรวดเร็วข้ึนและปัญหาจะตามมา เป็นการบริโภคทกี่ อ่ ให้เกดิ ความทุกข์หรือพาไปหาความทกุ ข์ และจะไม่มี โอกาสบรรลุวัตถุประสงคใ์ นการบรโิ ภค ท่จี ะกอ่ ใหค้ วามพอใจและความสุข (Maximization of Satisfaction) ผบู้ ริโภคตอ้ งใช้ หลกั ขาดทนุ คอื กำไร (Our loss is our gain) อย่างน้จี ะควบคมุ ความต้องการท่ีไม่จำกดั ได้ และสามารถจะลดความตอ้ งการลง มาได้ ก่อใหเ้ กิดความพอใจและความสุขเทา่ กบั ได้ตระหนกั ในเรื่อง “คุณคา่ ” จะช่วยลดค่าใชจ้ ่ายลงได้ ไม่ต้องไปหาวธิ ีทำลาย ทรัพยากรเพ่ือให้เกิดรายได้มาจดั สรรสงิ่ ทเ่ี ปน็ “ความอยากท่ไี ม่มีท่ีส้นิ สุด” และขจัดความสำคญั ของ “เงิน” ในรปู รายไดท้ ่ีเป็น ตัวกำหนดการบริโภคลงไดร้ ะดับหนง่ึ แลว้ ยงั เป็นตัวแปรที่ไปลดภาระของกลไกของตลาดและการพ่ึงพิงกลไกของตลาด ซึง่ บคุ คล โดยท่ัวไปไม่สามารถจะควบคุมได้ รวมทงั้ ได้มสี ่วนในการป้องกันการบรโิ ภคเลยี นแบบ (Demonstration Effects) จะไม่ทำให้ เกิดการสูญเสีย จะทำให้ไมเ่ กิดการบริโภคเกิน (Over Consumption) ซ่งึ ก่อให้เกิดสภาพเศรษฐกจิ ดี สังคมไมม่ ีปญั หา การ พัฒนายั่งยืน

การบรโิ ภคทีฉ่ ลาดดังกลา่ วจะช่วยปอ้ งกันการขาดแคลน แม้จะไม่รำ่ รวยรวดเร็ว แตใ่ นยามปกติก็จะทำใหร้ ำ่ รวยมากขึ้น ในยาม ทุกขภ์ ยั ก็ไม่ขาดแคลน และสามารถจะฟ้ืนตัวไดเ้ ร็วกว่า โดยไม่ต้องหวงั ความชว่ ยเหลือจากผู้อื่นมากเกินไป เพราะฉะน้ันความ พอมีพอกนิ จะสามารถอุ้มชูตัวได้ ทำใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ และความพอเพียงน้นั ไมไ่ ด้หมายความว่า ทกุ ครอบครวั ต้องผลิตอาหาร ของตัวเอง จะต้องทอผ้าใสเ่ อง แต่มกี ารแลกเปล่ยี นกนั ได้ระหว่างหม่บู า้ น เมือง และแม้กระทั่งระหวา่ งประเทศ ท่สี ำคัญคือการ บริโภคนน้ั จะทำให้เกิดความรู้ทจี่ ะอย่รู ว่ มกับระบบ รกั ธรรมชาติ ครอบครัวอบอนุ่ ชุมชนเข้มแข็ง เพราะไม่ต้องทิง้ ถิ่นไปหางาน ทำ เพ่ือหารายได้มาเพอื่ การบริโภคที่ไมเ่ พียงพอ ประเทศไทยอุดมไปดว้ ยทรัพยากรและยังมีพอสำหรับประชาชนไทยถ้ามีการจดั สรรทดี่ ี โดยยดึ \" คุณคา่ \" มากกว่า \" มูลคา่ \" ยึด ความสัมพนั ธข์ อง “บุคคล” กับ “ระบบ” และปรับความต้องการที่ไมจ่ ำกัดลงมาให้ไดต้ ามหลักขาดทุนเพื่อกำไร และอาศยั ความ ร่วมมือเพอ่ื ใหเ้ กดิ ครอบครัวที่เข้มแข็งอันเปน็ รากฐานท่ีสำคัญของระบบสงั คม การผลติ จะเสียคา่ ใช้จา่ ยลดลงถา้ รูจ้ กั นำเอาส่งิ ที่มีอยู่ในขบวนการธรรมชาติมาปรงุ แตง่ ตามแนวพระราชดำรใิ นเรื่องตา่ ง ๆ ท่ี กล่าวมาแล้วซ่ึงสรุปเป็นคำพดู ที่เหมาะสมตามที่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ตินณสลู านนท์ ท่ีว่า “…ทรงปลูกแผน่ ดนิ ปลกู ความสุข ปลดความทุกขข์ องราษฎร” ในการผลติ นนั้ จะต้องทำด้วยความรอบคอบไมเ่ หน็ แก่ได้ จะต้องคิดถึงปัจจัยท่ีมแี ละประโยชน์ของ ผูเ้ ก่ียวข้อง มิฉะน้ันจะเกดิ ปัญหาอย่างเช่นบางคนมีโอกาสทำโครงการแต่ไม่ได้คำนึงว่าปัจจัยตา่ ง ๆ ไมค่ รบ ปจั จัยหนึ่งคือขนาด ของโรงงาน หรือเครื่องจักรที่สามารถที่จะปฏบิ ัตไิ ด้ แต่ขอ้ สำคญั ทส่ี ุด คือวัตถุดิบ ถา้ ไม่สามารถท่จี ะใหค้ ่าตอบแทนวตั ถดุ ิบแก่ เกษตรกรทเี่ หมาะสม เกษตรกรกจ็ ะไมผ่ ลิต ยงิ่ ถ้าใชว้ ตั ถุดิบสำหรับใชใ้ นโรงงานนั้ เปน็ วัตถุดิบทจี่ ะต้องนำมาจากระยะไกล หรือ นำเข้าก็จะยงิ่ ยาก เพราะว่าวตั ถดุ ิบท่ีนำเขา้ นัน้ ราคาย่ิงแพง บางปวี ตั ถุดบิ มบี รบิ ูรณ์ ราคาอาจจะต่ำลงมา แตเ่ วลาจะขายส่งิ ของท่ี ผลติ จากโรงงานก็ขายยากเหมือนกัน เพราะมีมากจงึ ทำให้ราคาตก หรือกรณีใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร เกษตรกรรดู้ ีวา่ เทคโนโลยที ำใหต้ ้นทุนเพมิ่ ข้ึน และผลผลติ ท่ีเพ่มิ นนั้ จะล้นตลาด ขายไดใ้ นราคาทล่ี ดลง ทำให้ขาดทนุ ต้องเป็นหนี้สิน การผลิตตามทฤษฎีใหมส่ ามารถเปน็ ต้นแบบการคดิ ในการผลิตท่ีดไี ด้ ดังนี้ 1. การผลติ นน้ั มุ่งใช้เป็นอาหารประจำวันของครอบครัว เพื่อใหม้ ีพอเพียงในการบรโิ ภคตลอดปี เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวนั และ เพอ่ื จำหนา่ ย 2. การผลิตต้องอาศยั ปจั จยั ในการผลิต ซงึ่ จะต้องเตรยี มให้พรอ้ ม เชน่ การเกษตรตอ้ งมีน้ำ การจัดให้มีและดแู หลง่ นำ้ จะ ก่อให้เกิดประโยชน์ท้ังการผลิต และประโยชน์ใช้สอยอนื่ ๆ 3. ปัจจัยประกอบอื่น ๆ ทจี่ ะอำนวยใหก้ ารผลิตดำเนินไปด้วยดี และเกดิ ประโยชน์เชอื่ มโยง (Linkage) ท่จี ะไปเสริมให้เกิดความ ยงั่ ยืนในการผลิต จะต้องรว่ มมือกนั ทกุ ฝ่ายทั้ง เกษตรกร ธุรกจิ ภาครฐั ภาคเอกชน เพ่ือเชื่อมโยงเศรษฐกจิ พอเพียงเข้ากบั เศรษฐกจิ การค้า และใหด้ ำเนินกจิ การควบคู่ไปดว้ ยกันได้ การผลติ จะต้องตระหนักถงึ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง “บุคคล” กับ “ระบบ” การผลิตนั้นต้องยดึ มนั่ ในเรื่องของ “คุณค่า” ให้ มากกวา่ “มลู คา่ ” ดังพระราชดำรสั ซ่งึ ไดน้ ำเสนอมาก่อนหน้าน้ที ่วี า่ “…บารมีนนั้ คอื ทำความดี เปรยี บเทียบกับธนาคาร …ถ้าเราสะสมเงนิ ใหม้ ากเราก็สามารถทีจ่ ะใชด้ อกเบี้ย ใชเ้ งนิ ท่เี ป็นดอกเบ้ีย โดยไมแ่ ตะตอ้ งทุนแต่ถา้ เราใช้มากเกิดไป หรอื เราไม่ระวงั เรากนิ เข้าไปในทุน ทนุ มนั ก็นอ้ ยลง ๆ จนหมด …ไปเบกิ เกนิ บัญชี เขากต็ ้องเอาเรือ่ ง ฟ้องเราให้ล้มละลาย เราอย่าไปเบกิ เกินบารมที ีบ่ า้ นเมือง ทป่ี ระเทศไดส้ รา้ งสมเอาไวต้ ้งั แต่บรรพบุรุษของเรา ใหเ้ กนิ ไป เราต้องทำบ้าง หรอื เพ่ิมพนู ใหป้ ระเทศของเราปกติมีอนาคตท่ีมน่ั คง บรรพบรุ ุษของเราแตโ่ บราณกาล ไดส้ รา้ ง บ้านเมืองมาจนถึงเราแลว้ ในสมัยน้ีท่เี รากำลงั เสยี ขวัญ กลวั จะได้ไม่ต้องกลวั ถ้าเราไม่รักษาไว้…”

การจัดสรรทรัพยากรมาใช้เพ่ือการผลิตที่คำนึงถึง “คุณค่า” มากกวา่ “มูลคา่ ” จะก่อให้เกิดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง “บุคคล” กับ “ระบบ” เป็นไปอยา่ งย่ังยนื ไมท่ ำลายทัง้ ทุนสังคมและทนุ เศรษฐกจิ นอกจากน้ีจะต้องไม่ติดตำรา สร้างความรู้ รกั สามัคคี และ ความร่วมมอื รว่ มแรงใจ มองกาลไกลและมีระบบสนับสนุนทีเ่ ป็นไปได้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงปลูกฝงั แนวพระราชดำรใิ หป้ ระชาชนยอมรบั ไปปฏิบตั ิอย่างต่อเน่ือง โดยให้วงจรการพฒั นา ดำเนนิ ไปตามครรลองธรรมชาติ กลา่ วคือ ทรงสรา้ งความตระหนกั แก่ประชาชนใหร้ ับรู้ (Awareness) ในทุกคราเมือ่ เสด็จพระ ราชดำเนินไปทรงเยย่ี มประชาชนในทุกภูมภิ าคตา่ ง ๆ จะทรงมพี ระราชปฏิสนั ถารให้ประชาชนไดร้ ับทราบถึงสิ่งท่คี วรรู้ เชน่ การ ปลูกหญา้ แฝกจะชว่ ยปอ้ งกันดินพังทลาย และใชป้ ๋ยุ ธรรมชาติจะชว่ ยประหยดั และบำรงุ ดิน การแก้ไขดนิ เปร้ียวในภาคใตส้ ามารถ กระทำได้ การ ตดั ไม้ทำลายป่าจะทำใหฝ้ นแลง้ เปน็ ต้น ตวั อย่างพระราชดำรสั ทเี่ ก่ียวกับการสร้างความตระหนกั ใหแ้ ก่ประชาชน ไดแ้ ก่ “….ประเทศไทยนีเ้ ป็นท่ที ่เี หมาะมากในการตั้งถนิ่ ฐาน แต่วา่ ตอ้ งรกั ษาไว้ ไมท่ ำให้ประเทศไทยเปน็ สวนเปน็ นากลายเป็น ทะเลทราย ก็ปอ้ งกนั ทำได้….” ทรงสรา้ งความสนใจแก่ประชาชน (Interest) หลายท่านคงไดย้ ินหรือรับฟัง โครงการอนั เน่อื ง มาจากพระราชดำรใิ น พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทมี่ ีนามเรยี กขานแปลกหู ชวนฉงน นา่ สนใจตดิ ตามอยเู่ สมอ เชน่ โครงการแก้มลิง โครงการแกลง้ ดนิ โครงการเสน้ ทางเกลือ โครงการน้ำดีไล่นำ้ เสีย หรือโครงการน้ำสามรส ฯลฯ เหลา่ นี้ เป็นต้น ลว้ นเชญิ ชวนให้ ติดตามอย่างใกลช้ ิด แตพ่ ระองคก์ จ็ ะมีพระราชาธิบายแตล่ ะโครงการอย่างละเอยี ด เปน็ ทีเ่ ขา้ ใจง่ายรวดเรว็ แก่ประชาชนทง้ั ประเทศ ในประการตอ่ มา ทรงใหเ้ วลาในการประเมินคา่ หรือประเมินผล (Evaluate) ดว้ ยการศึกษาหาข้อมลู ต่าง ๆ วา่ โครงการ อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริของพระองค์นั้นเป็นอยา่ งไร สามารถนำไปปฏบิ ัตไิ ดใ้ นส่วนของตนเองหรอื ไม่ ซึง่ ยังคงยึดแนวทางท่ี ให้ประชาชนเลือกการพฒั นาดว้ ยตนเอง ที่ว่า “….ขอให้ถือว่าการงานทจี่ ะทำนน้ั ตอ้ งการเวลา เปน็ งานทม่ี ีผ้ดู ำเนนิ มาก่อนแลว้ ทา่ นเป็นผู้ทีจ่ ะเขา้ ไปเสริมกำลงั จงึ ต้อง มีความอดทนที่จะเขา้ ไปรว่ มมือกับผู้อนื่ ต้องปรองดองกบั เขาใหไ้ ด้ แม้เหน็ ว่ามจี ดุ หน่ึงจุดใดตอ้ งแก้ไขปรบั ปรุงก็ต้องค่อย พยายามแกไ้ ขไปตามที่ถกู ทคี่ วร….” ในข้ันทดลอง (Trial) เพื่อทดสอบว่างานในพระราชดำริท่ีทรงแนะนำนั้นจะได้ผลหรือไม่ซ่ึงในบางกรณีหากมีการทดลองไมแ่ นช่ ัด ก็ทรงมักจะมใิ ห้เผยแพร่แกป่ ระชาชน หากมผี ลการทดลองจนแน่พระราชหฤทัยแล้วจงึ จะออกไปสูส่ าธารณชนได้ เชน่ ทดลอง ปลกู หญา้ แฝกเพอื่ อนุรกั ษด์ ินและน้ำนั้น ได้มีการค้นควา้ หาความเหมาะสมและความเป็นไปได้จนทวั่ ทงั้ ประเทศวา่ ดยี ิ่งจึงนำออก เผยแพรแ่ ก่ประชาชน เปน็ ต้น ขั้นยอมรบั (Adoption) โครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดำรนิ น้ั เม่อื ผ่านกระบวนการมาหลายข้ันตอน บ่ม เพาะ และ มกี ารทดลองมาเปน็ เวลานาน ตลอดจนทรงให้ศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริและสถานที่อื่น ๆ เป็นแหล่ง สาธิตท่ีประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาดูได้ถงึ ตวั อย่างแห่งความสำเรจ็ ดังนน้ั แนวพระราชดำรขิ องพระองค์จึงเป็นสงิ่ ท่ีราษฎร สามารถพิสจู น์ไดว้ า่ จะไดร้ บั ผลดีต่อชีวิต และความเปน็ อย่ขู องตนไดอ้ ย่างไร แนวพระราชดำริทั้งหลายดังกล่าวขา้ งต้นน้ี แสดงถงึ พระวริ ิยะอุตสาหะที่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงทุ่มเทพระ สติปัญญา ตรากตรำพระวรกาย เพอ่ื คน้ ควา้ หาแนวทางการพฒั นาให้พสกนกิ รทั้งหลายได้มีความรม่ เยน็ เป็นสขุ สถาพรยัง่ ยืนนาน นับเปน็ พระมหากรุณาธิคณุ อันใหญห่ ลวงทไี่ ด้พระราชทานแกป่ วงไทยตลอดเวลามากกว่า 50 ปี จงึ กล่าวไดว้ า่ พระราชกรณียกิจ ของพระองคน์ ัน้ สมควรอย่งยิง่ ท่ีทวยราษฎรจักไดเ้ จริญรอยตามเบ้ืองพระยุคลบาท ตามทท่ี รงแนะนำ สง่ั สอน อบรมและวาง แนวทางไวเ้ พ่ือให้เกิดการอยู่ดีมีสขุ โดยถ้วนเชน่ กนั โดยการพัฒนาประเทศจำเปน็ ต้องทำตามลำดับขน้ึ ตอนต้องสรา้ งพ้ืนฐาน คือ ความพอมี พอกนิ พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญเ่ ป็นเบอ้ื งตน้ กอ่ น โดยใช้วธิ กี ารและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตาหลกั วิชาการ เพื่อไดพ้ นื้ ฐานทีม่ ่นั คงพรอ้ มพอสมควรและปฏิบตั ไิ ด้แล้ว จงึ ค่อยสรา้ งค่อยเสริม ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจข้นึ ทส่ี ูงขึ้นไปตามลำดบั จะก่อให้เกิดความยง่ั ยืนและจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของครอบครวั ชุมชน และสังคม สุดทา้ ยเศรษฐกจิ ดี สงั คมไมม่ ีปญั หา การพัฒนายั่งยืน

ประการทสี่ ำคญั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. พอมพี อกิน ปลูกพืชสวนครวั ไว้กนิ เองบ้าง ปลูกไมผ้ ลไวห้ ลงั บ้าน 2-3 ต้น พอทีจ่ ะมีไว้กนิ เองในครวั เรือน เหลือจงึ ขายไป 2. พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านนา่ อยู่ ปราศจากสารเคมี กล่นิ เหม็น ใชแ้ ต่ของที่เป็นธรรมชาติ (ใช้จุลินทรยี ์ผสมน้ำถพู ืน้ บ้าน จะ สะอาดกว่าใช้น้ำยาเคมี) รายจา่ ยลดลง สุขภาพจะดีขึน้ (ประหยดั คา่ รักษาพยาบาล) 3. พออกพอใจ เราต้องรจู้ กั พอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มเี ชน่ ผู้อื่น เพราะเราจะหลงตดิ กบั วัตถุ ปญั ญาจะไม่เกิด \" การจะเปน็ เสือน้นั มันไม่สำคัญ สำคัญอยทู่ ี่เราพออยู่พอกนิ และมีเศรษฐกิจการเป็นอยแู่ บบพอมพี อกิน แบบ พอมีพอกิน หมายความว่า อุ้มชตู วั เองได้ ให้มีพอเพียงกบั ตัวเอง \" \"เศรษฐกิจพอเพยี ง\" จะสำเร็จได้ด้วย \"ความพอดีของตน\"



ข้นั ตอนการเขา้ เรยี น

ผลการเรยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook