การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ชุดวิชา “การฝึกปฏิบัติวิชาชีพครูระหว่างเรียน 2” (Practicum 2) ชื่อนักศึกษา นางสาวประภาพร ษรจันทร์ รหัสประจำตัวนักศึกษา 6312106042 สาขาวิชา คณิตศาสตร์ ฝึกที่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
คำนำ รายงานนี้เปน็ ส่วนหนึ่งของการฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครูระหว่างเรยี น 2 (Practicum 2) ซ่งึ ได้ รวบรวมเอกสารเกย่ี วกับการวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษา การประกนั คณุ ภาพการศึกษาที่สอดคล้องกบั สถานศกึ ษา การวิเคราะหแ์ นวทางในการพฒั นาตนเอง การรายงานการเขา้ ร่วมโครงการส่งเสรมิ อนุรกั ษ์ วัฒนธรรม และภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ ในสถานศกึ ษา และมสี ว่ นร่วมในโรงเรียนเฉลมิ ขวญั สตรี ผู้จัดทาคาดหวังเป็นอยา่ งยง่ิ ว่าการจดั ทารายงานฉบบั นจ้ี ะมีขอ้ มูลที่เป็นประโยชนต์ อ่ ผทู้ สี่ นใจศึกษา และตอ้ งการประสบการณ์ในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเปน็ อยา่ งดี นางสาวประภาพร ษรจนั ทร์ (ผจู้ ดั ทา)
สารบัญ หน้า เรอื่ ง ก ข คานา ค สารบัญ 1 ข้อมูลผู้จัดทา 22 ใบงานที่ 1 การวิเคราะหห์ ลักสูตรสถานศึกษา 27 ใบงานที่ 2 การประกนั คุณภาพการศกึ ษาท่ีสอดคลอ้ งกับสถานศกึ ษา ใบงานที่ 3 การวเิ คราะห์แนวทางในการพัฒนาตนเอง 30 ใบงานท่ี 4 การรายงานการเขา้ รว่ มโครงการส่งเสริม อนุรักษว์ ฒั นธรรม 34 และภูมิปญั ญาท้องถิ่นในสถานศึกษา ภาคผนวก
ขอ้ มลู ทั่วไปของนักศึกษา ชอื่ -สกลุ นางสาวประภาพร ษรจันทร์ รหสั ประจาตวั นกั ศึกษา 6312106042 ว.ด.ป.เกิด 21 มกราคม พ.ศ. 2544 อายุ 21 ปี ภูมิลาเนาของนักศึกษา 47 หมู่ 9 ตาบลลนาหอ อาเภอดา่ น้าาย จังหวดั เลย สงั เกตการณ์ ณ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ที่อยู่โรงเรียน เลขท่ี 28 ถนนพุทธบลชู า ตาบลลในเมือง อาเภอเมือง จงั หวัดพษิ ณโุ ลก นกั ศกึ ษาฝึกประสบลการณ์ (ชุดสังเกตการณ์ ปี 63) ทรี่ ่วมสังเกตการณ์ในสถานศกึ ษาเดียวกนั 1. นางสาวโชติกา ชวดโี ชติหริ ญั สาขาคณิตศาสตร์ 2. นางสาวประภาพร ษรจันทร์ สาขาคณติ ศาสตร์ 3. นางสาวปิยมาศ พลวี สาขาคณิตศาสตร์ 4. นางสาวสกุ ัญญา แสงสขุ สาขาคณติ ศาสตร์ 5. นายจักรพันธ์ ออ่ นโยน สาขาภาษาอังกฤษ 6. นายวรพงศ์ แสงทา่ นั่ง สาขาสังคมศึกษา 7. นายเกรียงศักดิ์ ฤกษ์อุดม สาขาสังคมศกึ ษา 8. นางสาวอญั ชิษฐา พ่วงเกิด สาขาสังคมศกึ ษา 9. นางสาวอารสิ า อุดพวา ย สาขาสังคมศึกษา 10. นางสาวสุธิกานต์ เพชรอ่อน สาขาสังคมศกึ ษา 11. นางสาวนลนีย์ โมอ่อน สาขาสังคมศึกษา 12. นางสาวกชกร แกาวเขยี ว สาขาจิตวทิ ยาและการแนะแนว 13. นางสาวธิดารัตน์ ศิริพรม สาขาจติ วิทยาและการแนะแนว 14. นางสาวศิรลิ ักษณ์ จนั ทร์ผอ่ ง สาขาภาษาอังกฤษ
ใบงานท่ี 1 การวเิ คราะหหลกั สูตรสถานศกึ ษา วตั ถุประสงค 1. เพอื่ ใหนักศึกษามคี วามรูความเขาใจในการวเิ คราะหหลักสูตร ตามกลมุ สาระการเรียนรู ที่ตรงกับวชิ าเอกของตน 2. เพ่ือใหนกั ศึกษาสามารถฝกปฏิบัติวิเคราะหหลกั สูตรไดตามขั้นตอน 3. เพ่อื ใหนกั ศึกษาสามารถเขียนแผนการจดั การเรียนรตู ามกลุมสาระทต่ี รงกบั วิชาเอกได อยางเหมาะสม 4. เพอ่ื ใหนกั ศึกษาสามารถฝกปฏิบตั ิการสอนในสถานการณในช้ันเรยี นจรงิ ได ขอบขายของงาน 1. ใหนักศึกษาศึกษาหลักสตู รกลุมสาระทต่ี รงกับวชิ าเอกของตนแลวทาํ การวิเคราะหหลกั สตู รตาม ขนั้ ตอนท่ีกาํ หนดให 2. เขียนแผนการจดั การเรยี นรใู หสอดคลองกบั หนวยการเรยี นรู 3. วางแผนการจัดการเรียนรูท่จี ะนําไปทดลองปฏิบตั ิการสอนในชัน้ เรียน 4. ทดลองปฏบิ ตั ิการจดั การเรียนรู ผูเก่ยี วของ/แหลงขอมูล 1. ครนู เิ ทศก / ครพู เี่ ลย้ี ง 2. เอกสารหลักสตู รสถานศึกษาตามกลุมสาระ 3. เอกสารหลกั สตู ร / เอกสารประกอบหลักสตู ร 4. แผนการจัดการเรยี นรู
การวเิ คราะหหลกั สูตรกลมุ สาระ หลกั สูตรกลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร รายวิชา คณิตศาสตร ช่ือสถานศึกษา โรงเรียนเฉลิมขวญั สตรี อําเภอ เมือง จังหวดั พษิ ณโุ ลก ***************************************************************************************** ขัน้ ที่ 1 การวิเคราะหความสมั พันธระหวางมาตรฐานการเรียนรกู ลุมสาระกับตัวชีว้ ดั ช้ันป/ตัวชว้ี ัดรายภาค มาตรฐานการเรียนรูกลมุ สาระ ตวั ชว้ี ัดช้ันป / ตัวชีว้ ัดรายภาค ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 3 มาตรฐานท่ี ค 1.3 ใชนพิ จนสมการ ค 1.3 ม.3/3 ประยกุ ตใชระบบสมการเชงิ เสนสองตัวแปรใน และอสมการอธิบายความสัมพันธ การแกปญหาคณิตศาสตร หรือชวยแกปญหาที่กําหนดให มาตรฐานท่ี ค 2.1 เขาใจพ้นื ฐาน ค 2.1 ม.3/1 ประยุกตใชความรเู รื่องพ้นื ท่ผี วิ ของ พรี ะมดิ เกีย่ วกบั การวัดและคาดคะเนขนาด กรวย และทรงกลมในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหาใน ของส่งิ ที่ตองการวดั และนาํ ไปใชใน ชวี ติ จรงิ ชวี ติ จรงิ ค 2.1 ม.3/2 ประยุกตใชความรูเร่ืองปรมิ าตรของ พีระมิด กรวย และทรงกลมในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหาใน ชีวติ จริง มาตรฐานที่ ค 2.2 เขาใจและ ค 2.2 ม.3/2 เขาใจและใชความรเู ก่ียวกับอัตราสวนตรีโกณมติ ิ วเิ คราะหรูปเรขาคณติ สมบัตขิ องรูป ในการแกปญหาคณิตศาสตรและแกปญหาในชีวิตจรงิ เรขาคณติ ความสัมพนั ธระหวางรปู ค 2.2 ม.3/3 เขาใจและใชทฤษฎบี ทเกย่ี วกับวงกลมในการ เรขาคณิตและทฤษฎีบททาง แกปญหาคณิตศาสตร เรขาคณิตและนําไปใช มาตรฐานที่ ค 3.2 เขาใจหลกั การนับ ค 3.2 ม.3/1 เขาใจเก่ยี วกับการทดลองสมุ และนําผลท่ีได เบ้อื งตนความนาจะเปนและนาํ ไปใช ไปหาความนาจะเปนของเหตุการณ ขน้ั ท่ี 2 การวเิ คราะหความสมั พนั ธระหวางสาระการเรียนรชู วงชัน้ กับสาระการเรยี นรูแกนกลาง ตวั ชีว้ ดั ช้ันป / รายภาค สาระการเรยี นรแู กนกลาง ระบบสมการ ค 1.3 ม.3/3 ประยุกตใชระบบสมการ - ระบบสมการเชงิ เสนสองตวั แปร เชงิ เสนสองตัวแปรในการแกปญหา - การแกระบบสมการเชิงเสนสองตวั แปร คณติ ศาสตร - การนาํ ความรเู กย่ี วกับการแกระบบสมการเชิงเสนสองตวั แปรไปใชในการแกปญหา ค 2.1 ม.3/1 ประยุกตใชความรเู ร่ือง พนื้ ทผี่ ิว พนื้ ท่ผี ิวของ พีระมดิ กรวย และทรงกลม - การหาพน้ื ทผี่ ิวของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม ในการแกปญหาคณิตศาสตรและปญหา - การนําความรเู กยี่ วกับพืน้ ที่ผิวของพีระมิด กรวย และทรง ในชวี ิตจรงิ กลมไปใชในการแกปญหา ค 2.1 ม.3/2 ประยุกตใชความรูเรือ่ ง ปริมาตร ปริมาตรของ พรี ะมิด กรวย และทรง - การหาปรมิ าตรของพีระมิด กรวย และทรงกลม
กลมในการแกปญหาคณติ ศาสตรและ - การนาํ ความรูเกี่ยวกับปริมาตรของพีระมดิ กรวย และ ปญหาในชีวติ จริง ทรงกลมไปใชในการแกปญหา ค 2.2 ม.3/2 เขาใจและใชความรู อัตราสวนตรีโกณมติ ิ เกี่ยวกบั อตั ราสวนตรโี กณมิตใิ นการ - อตั ราสวนตรีโกณมิติ แกปญหาคณิตศาสตรและแกปญหาใน - การนําค่าํ อัตราสวนตรโี กณมติ ขิ องมมุ ๓๐ องศา ๔๕ ชีวิตจริง องศา และ ๖๐ องศา ไปใชในการแกปญหา ค 2.2 ม.3/3 เขาใจและใชทฤษฎบี ท วงกลม เกีย่ วกับวงกลมในการแกปญหา - วงกลม คอรด และเสนสมั ผสั คณติ ศาสตร - ทฤษฎบี ทเกย่ี วกับวงกลม ค 3.2 ม.3/1 เขาใจเกย่ี วกบั การทดลอง ความนาจะเปน สุมและนําผลท่ไี ดไปหาความนาจะเปน - เหตุการณจากการทดลองสุม ของเหตุการณ - ความนาจะเปน - การนําความรูเกยี่ วกับความนาจะเปนไปใชในชีวิตจรงิ ขั้นที่ 3 การวเิ คราะหความสัมพันธระหวาง ตวั ชีว้ ัด กบั ความรู/ทกั ษะ/คุณลกั ษณะฯ กลมุ สาระการเรยี นรู คณิตศาสตร ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3 ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรูแกนกลาง ความรู ทกั ษะ / กระบวนการ คุณลกั ษณะฯ ค 1.3 ม.3/3 ประยกุ ตใช นกั เรียนประยุกตใชระบบ - สามารถแกไขปญหาไดโดยการ - ทาํ ความเขาใจหรือ ระบบสมการเชงิ เสนสอง สมการเชงิ เสนสองตวั แปรใน ใชระบบสมการเชิงเสนสองตัว สรางกรณที ัว่ ไปโดย ตัวแปรในการแกปญหา การแกปญหาคณิตศาสตรได แปรในการแกปญหาคณติ ศาสตร ใชความรูทไ่ี ดจาก คณติ ศาสตร และปญหาในชีวิตจริง การศกึ ษากรณี นักเรยี นประยุกตใชความรู -สามารถสอ่ื สารส่ือความหมาย ตัวอยางหลาย ๆ ค 2.1 ม.3/1 ประยุกตใช เรือ่ งพน้ื ที่ผวิ ของ พีระมดิ ของคณติ ศาสตรไดโดยบอก กรณี ความรูเรือ่ งพน้ื ท่ผี วิ ของ กรวย และทรงกลมในการ ความหมายของระบบสมการเชงิ - มคี วามมุมานะใน พรี ะมิด กรวย และทรง แกปญหาคณิตศาสตรและ เสนสองตวั แปร การทาํ ความเขาใจ กลมในการแกปญหา ปญหาในชีวติ จรงิ ได - สามารถเชอ่ื มโยงไดโดยการนาํ ปญหาและแกปญหา คณติ ศาสตรและปญหา ระบบสมการเชงิ เสนสองตวั แปร ทางคณิตศาสตร ในชวี ิตจริง ประยกุ ตใชในการแกปญหา คณติ ศาสตรและปญหาในชวี ติ - มองเหน็ วาสามารถ จริง ใชคณิตศาสตร แกปญหาในชีวิตจริง -สามารถแกไขปญหาไดโดยการ ได ใชความรเู รอ่ื งพ้นื ท่ีผวิ ของ - มคี วามมุมานะใน พีระมิด กรวย และทรงกลมใน การทําความเขาใจ การแกปญหาคณิตศาสตรและ ปญหาในชีวติ จริง
ค 2.1 ม.3/2 ประยุกตใช นกั เรียนประยุกตใชความรู -สามารถส่อื สารสื่อความหมาย ปญหาและแกปญหา ความรเู รอ่ื งปริมาตรของ เรือ่ งปรมิ าตรของ พีระมดิ ของคณติ ศาสตรไดโดยบอก ทางคณิตศาสตร พรี ะมิด กรวย และทรง กรวย และทรงกลมในการ ความหมายของพ้ืนทีผ่ วิ ของ กลมในการแกปญหา แกปญหาคณิตศาสตรและ พรี ะมิด กรวย และทรงกลม - มองเหน็ วาสามารถ คณติ ศาสตรและปญหา ปญหาในชีวติ จรงิ ได -สามารถเช่ือมโยงไดโดยการนาํ ใชคณิตศาสตร ในชวี ิตจริง ความรเู ร่ืองพ้นื ทผ่ี วิ ของ พีระมิด แกปญหาในชีวติ จริง นกั เรียนเขาใจและใชความรู กรวย และทรงกลมประยุกตใชใน ได ค 2.2 ม.3/2 เขาใจและ เกี่ยวกบั อตั ราสวน การแกปญหาคณิตศาสตรและ - มีความมมุ านะใน ใชความรูเกี่ยวกบั อัตรา ตรโี กณมติ ใิ นการแกปญหา ปญหาในชีวิตจรงิ การทาํ ความเขาใจ สวนตรีโกณมิตใิ นการ คณติ ศาสตรและแกปญหา ปญหาและแกปญหา แกปญหาคณิตศาสตร ในชวี ติ จริงได -สามารถแกไขปญหาไดโดยการ ทางคณิตศาสตร และแกปญหาในชวี ิตจรงิ ใชความรูเร่ืองปริมาตรของ พีระมิด กรวย และทรงกลมใน - ทาํ ความเขาใจหรือ การแกปญหาคณิตศาสตรและ สรางกรณที วั่ ไปโดย ปญหาในชวี ติ จรงิ ใชความรูที่ไดจาก -สามารถส่อื สารสอ่ื ความหมาย การศึกษากรณี ของคณิตศาสตรไดโดยบอก ตวั อยางหลาย ๆ ความหมายของปริมาตรของ กรณี พีระมิด กรวย และทรงกลม - มคี วามมุมานะใน -สามารถเชื่อมโยงไดโดยการนํา การทําความเขาใจ ความรูเรอ่ื งปริมาตรของ พีระมดิ ปญหาและแกปญหา กรวย และทรงกลมประยุกตใชใน ทางคณิตศาสตร การแกปญหาคณิตศาสตรและ ปญหาในชีวติ จรงิ -สามารถแกไขปญหาไดโดย การใชความรเู ร่ืองอัตราสวน ตรีโกณมติ ิในการแกปญหา คณิตศาสตรและปญหาในชีวติ จรงิ -สามารถส่ือสารสอ่ื ความหมาย ของคณิตศาสตรไดโดยบอก ความหมายของอัตราสวน ตรีโกณมติ ิ -สามารถเชอ่ื มโยงไดโดยการนํา ความรเู รื่องอัตราสวนตรโี กณมติ ิ ประยกุ ตใชในการแกปญหา คณติ ศาสตรและปญหาในชีวติ จรงิ
ค 2.2 ม.3/3 เขาใจและ นักเรยี นเขาใจและใชทฤษฎี -สามารถแกไขปญหาไดโดย - ทําความเขาใจหรือ ใชทฤษฎบี ทเกี่ยวกับ บทเกี่ยวกบั วงกลมในการ การใชทฤษฎบี ทเก่ียวกับวงกลม สรางกรณที ั่วไปโดย วงกลมในการแกปญหา แกปญหาคณติ ศาสตรได ในการแกปญหาคณติ ศาสตรและ ใชความรูที่ไดจาก คณิตศาสตร ปญหาในชวี ติ จรงิ การศกึ ษากรณี นกั เรยี นเขาใจเกย่ี วกบั การ -สามารถส่อื สารสือ่ ความหมาย ตัวอยางหลาย ๆ ค 3.2 ม.3/1 เขาใจ ทดลองสุมและนําผลท่ีไดไป ของคณติ ศาสตรไดโดยบอก กรณี เก่ยี วกับการทดลองสุม หาความนาจะเปนของ ความหมายของวงกลม - มคี วามมมุ านะใน และนําผลทีไ่ ดไปหา เหตุการณได -สามารถเช่อื มโยงไดโดยการนาํ การทาํ ความเขาใจ ความนาจะเปนของ ความรูเร่ืองวงกลมและใชทฤษฎี ปญหาและแกปญหา เหตุการณ บทเกี่ยวกับวงกลมประยุกตใชใน ทางคณิตศาสตร การแกปญหาคณิตศาสตรและ ปญหาในชวี ติ จริง - มองเห็นวาสามารถ ใชคณิตศาสตร -สามารถแกไขปญหาไดโดย แกปญหาในชวี ติ จรงิ การใชความรูเรื่องการทดลองสมุ ได และนาํ ผลทไ่ี ดไปหาความนาจะ - คนหาลกั ษณะที่ เปนของเหตุการณในการ เกดิ ขน้ึ ซ้ํา ๆ และ แกปญหาคณติ ศาสตรและปญหา ประยกุ ตใชลกั ษณะ ในชวี ิตจรงิ ดงั กลาวเพ่ือทําความ -สามารถสอ่ื สารสือ่ ความหมาย เขาใจหรอื แกปญหา ของคณติ ศาสตรไดโดยบอก ใน สถานการณตาง ความหมายของการทดลองสุม และความนาจะเปนของ เหตุการณ -สามารถเชอ่ื มโยงไดโดยการนาํ ความรเู รอ่ื งการทดลองสมุ และ ความนาจะเปนของเหตุการณ ประยกุ ตใชในการแกปญหา คณิตศาสตรและปญหาในชีวติ จริง
ข้นั ที่ 4 การจดั ทําคาํ อธบิ ายรายวิชา คาํ อธิบายรายวชิ า รายวิชา ค 23102 คณติ ศาสตรพน้ื ฐาน กลุมสาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 จํานวนเวลาเรยี น 60 ชว่ั โมง จาํ นวน 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห จาํ นวน 1.5 หนวยกิต ศกึ ษา วิเคราะห อธิบาย ฝกทักษะการแกปญหาในสาระตอไปนี้ ระบบสมการ ระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปร การแกระบบสมการเชงิ เสนสองตัวแปร การนํา ความรเู กี่ยวกบั การแกระบบสมการเชิงเสนสองตวั แปรไปใชในการแกปญหา พ้นื ท่ีผิว การหาพืน้ ทีผ่ ิวของพีระมดิ กรวย และทรงกลม การนาํ ความรูเกยี่ วกบั พื้นท่ผี วิ ของ พรี ะมิด กรวย และทรงกลมไปใชในการแกปญหา ปริมาตร การหาปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลม การนาํ ความรูเกย่ี วกับปริมาตรของ พรี ะมิด กรวย และทรงกลมไปใชในการแกปญหา อัตราสวนตรโี กณมติ ิ อัตราสวนตรโี กณมติ ิการนําคาอตั ราสวนตรโี กณมติ ขิ องมมุ 30 องศา 45 องศา และ 60 องศา ไปใชในการแกปญหา วงกลม วงกลม คอรด และเสนสมั ผสั ทฤษฎบี ทเกี่ยวกับวงกลม ความนาจะเปน เหตุการณจากการทดลองสมุ ความนาจะเปน การนาํ ความรูเกีย่ วกับความนาจะ เปนไปใชในชวี ติ จรงิ โดยนําความรู ทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรทห่ี ลากหลายมาใชในการแกปญหาใน สถานการณตางๆไดอยางเหมาะสม มีเหตุผลประกอบในการตัดสินใจ และสรปุ ผลไดอยางเหมาะสม ใช ภาษาและสญั ลักษณทางคณิตศาสตรในการสื่อสาร สื่อความหมาย และนําเสนอไดอยางถกู ตองชัดเจน เช่อื มโยงความรตู างๆในคณิตศาสตรและนําความรทู ักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรไปเชื่อมโยงกบั ศาสตรอนื่ ๆและมีความคดิ ริเริ่มสรางสรรค เพ่ือใหเกดิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค สามารถทาํ งานอยางมรี ะบบระเบียบ รอบคอบ รับผิดชอบ มวี จิ ารณญาณ มีความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง มีความซ่ือสตั ยสจุ รติ มวี ินยั ใฝเรยี นรู มงุ มน่ั ในการทํางาน รกั ความเปนไทย มจี ิตสาธารณะ พรอมทั้งตระหนักในคุณคาและมีเจตคติที่ดีตอคณิตศาสตร รหัสและตวั ชวี้ ดั ค 1.3 ม.3/3 ค 2.1 ม.3/1 , ม.3/2 ค 2.2 ม.3/2 , ม.3/3 ค 3.2 ม.3/1 รวมทั้งหมด 6 ตวั ช้ีวดั
ขนั้ ท่ี 5 การจดั ทําโครงสรางรายวิชา โครงสรางรายวิชา คณิตศาสตร ระดบั ประถมศึกษา ชน้ั ...................................................เวลา........................................ มัธยมศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 1 เวลา 60 ชวั่ โมง จาํ นวน 1.5 หนวยกิต ลาํ ดับ ชอื่ หนวยการเรียนรู มาตรฐานการ สาระสําคัญ เวลา น้ําหนกั ที่ เรยี นร/ู ตัวช้ีวัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 ชือ่ หนวย ระบบสมการเชงิ เสนสองตัวแปร 20 1.1 ชอ่ื เร่ือง แนะนํา มาตรฐาน ค 1.3 ระบบสมการเชงิ เสนสองตัวแปร 12 20 25 ระบบสมการเชิงเสน ตวั ชีว้ ัด ม.3/3 คือ ชุดของสมการเชิงเสนสองตวั 25 สองตัวแปร แปรอยางนอย 2 สมการ ท่ีแตละ 1.2 ช่อื เร่ือง การแก สมการเขียนแสดงความสมั พันธ ระบบสมการเชิงเสน ระหวางปรมิ าณสองปริมาณ สองตัวแปร คําตอบของระบบสมการเปน 1.3 ชือ่ เรอ่ื ง การแก คาํ ตอบของแตละสมการในระบบ โจทยปญหาโดยใช สมการ เราใชระบบสมการแทน ระบบสมการเชิงเสน สถานการณหรือปญหาเพอ่ื นําไป สองตวั แปร สกู ารหาคําตอบ ซง่ึ คําตอบที่ สอดคลองกบั ทุกเง่ือน ไขและมคี วามสมเหตุสมผลจะ เปนคําตอบของปญหาหรือ สถานการณ รวมหนวยที่ 1 12 2 ชื่อหนวย วงกลม 2.1 ชื่อเรอ่ื ง มมุ ทจ่ี ุด มาตรฐาน ค 2.2 วงกลมเปนรูปเรขาคณิตสองมิติ 15 ศนู ยกลางและมุมใน ตวั ช้วี ัด ม.3/3 สวนตาง ๆ ทเ่ี กย่ี วของกับวงกลม สวนโคงของวงกลม มีมากมาย เชน คอรด เสนสมั ผสั 2.2 ชื่อเร่ืองคอรดของ วงกลม มมุ ที่จดุ ศูนยกลางของ วงกลม วงกลม มมุ ในสวนโคงของวงกลม 2.3 ชื่อเรื่อง เสนสมั ผัส ซ่งึ ความสมั พนั ธระหวางสวนตาง วงกลม ๆ เหลานัน้ ของวงกลม ประกอบ กับความรทู างเรขาคณิต ทาํ ให เกิดสมบตั แิ ละทฤษฎบี ทเกีย่ วกับ วงกลมทม่ี ปี ระโยชนในการจําลอง สถานการณ รวมถึงการอธบิ าย และแกปญหาคณิตศาสตรและ ปญหาในชีวิตจรงิ อยาง สมเหตสุ มผล รวมหนวยท่ี 2 15
ลาํ ดบั ชอื่ หนวยการเรยี นรู มาตรฐานการ สาระสําคญั เวลา นํ้าหนัก ท่ี เรยี นรู/ตัวช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน 3 ชอ่ื หนวย พีระมิด กรวย และทรงกลม 25 2.1 ช่ือเรื่อง ปรมิ าตร มาตรฐาน ค 2.1 พีระมิด กรวย และทรงกลม เปน 15 25 รูปเลขาคณติ สามมิติ เนื่องจาก 15 14 และพื้นที่ผวิ ของ ตัวชว้ี ัด ม.3/1 ปริมาตรของพรี ะมดิ สัมพันธกับ ปรมิ าตรของปริซมึ และปรมิ าตร พรี ะมิด ตวั ชี้วัด ม.3/2 ของกรวยและปรมิ าตรของทรง กลมตางก็สัมพันธกับปรมิ าตรของ 2.2 ชอ่ื เรอ่ื ง ปริมาตร ทรงกระบอก เราจึงใชปริมาตร ของปริซึมและทรงกระบอกใน และพืน้ ท่ผี ิวของกรวย การอธบิ ายท่ีมาของการหา ปรมิ าตรของพีระมดิ กรวย และ 2.3 ชอื่ เรอ่ื ง ปริมาตร ทรงกลม สาํ หรับพ้ืนท่ีผิวของ พีระมิดและกรวยสามารถอธิบาย และพ้นื ที่ผิวของทรง และหาไดจากพ้นื ทีข่ องรปู คล่ีของ พีระมิดและกรวยนน้ั แต กลม เนือ่ งจากทรงกลมมลี กั ษณะ เฉพาะที่ไมสามารถใชพื้นทข่ี องรูป เรขาคณติ สองมิตใิ นการอธบิ าย ทีม่ าของการหาพน้ื ทผี่ ิวได โดยตรง ดังน้นั จึงใชความรู เกี่ยวกบั ปริมาตรของทรงกลม และปริมาตรของพรี ะมดิ มา อธบิ ายที่มาของการหาพืน้ ท่ีผิว รวมหนวยท่ี 3 4 ชื่อหนวย ความนาจะเปน 2.1 ชอ่ื เรื่อง โอกาส มาตรฐาน ค 3.2 ความนาจะเปนเปนจํานวนท่ใี ช 8 เพ่อื บอกโอกาสทเี่ หตุการณหนงึ่ ของเหตุการณ ตวั ชี้วัด ม.3/1 ๆ จะเกิดขึ้น ซึ่งมี 3 ลกั ษณะ คอื ไมเกิดข้ึนอยางแนนอนจะมีคา 2.2 ช่ือเรอ่ื ง ความ ความนาจะเปนเทากับ 0 อาจจะ เกดิ ข้นึ หรือไมกไ็ ดจะมีคาความ นาจะเปน นาจะเปนอยรู ะหวาง 0 กบั 1 และเกิดขึ้นอยางแนนอนจะมีคา ความนาจะเปน เทากบั 1 ทงั้ นี้ ในการบอกคาความนาจะเปนอาจ เขยี นใหอยูในรปู เศษสวน ทศนิยม
ลาํ ดบั ชื่อหนวยการเรียนรู มาตรฐานการ สาระสาํ คญั เวลา นาํ้ หนัก ที่ เรยี นร/ู ตวั ช้วี ัด (ชั่วโมง) คะแนน หรอื รอยละ เราสามารถใชความ 14 16 นาจะเปนชวยในการคาดการณ 16 สรางขอสรปุ และตัดสินใจ 100 แกปญหา รวมหนวยที่ 4 8 5 ชอื่ หนวย อัตราสวนตรโี กณมิติ 2.1 ช่ือเรือ่ ง มาตรฐาน ค 2.2 อตั ราสวนตรโี กณมติ เิ ปน 10 ความหมายอัตราสวน ตวั ช้ีวัด ม.3/2 อตั ราสวนของความยาวของดาน ตรีโกณมิติ ของรปู สามเหลย่ี มมุมฉากที่ 2.2 ชอื่ เรอ่ื ง อัตราสวน สมั พันธกับขนาดของมุม ซึง่ เมื่อ ตรีโกณมิตขิ องมมุ ทราบขนาดของมุมและความยาว แหลม ของดานใดดานหน่ึงของรปู สามเหล่ยี มมมุ ฉากแลว จะ 2.3 ชอ่ื เร่อื ง การนํา สามารถนาํ ไปใชในการหาความ อตั ราสวนตรีโกณมิติไป ยาวของดานอ่นื ๆ ของรปู ใชในการแกปญหา สามเหลี่ยมมุมฉากน้ันได เรา สามารถแกปญหาหรือ สถานการณตาง ๆในชวี ติ จริง โดยเฉพาะปญหาทเี่ ก่ยี วของกับ ระยะทางหรือความสูง โดยแปลง ปญหาใหเปนแบบจําลองทางเรา ขาคณิต แลวใชความรเู ร่ือง อัตราสวนตรีโกณมติ ิมาชวยใน การแกไขปญหา รวมหนวยที่ 5 10 รวมตลอดป / ภาค 60
ข้ันที่ 6 การจดั ทําแผนการจัดการเรยี นรู แผนการจดั การเรียนรู กลมุ สาระ คณิตศาสตร วิชา คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 หนวยการเรียนรูที่ 3 พรี ะมดิ กรวย และทรงกลม แผนที่ 1 เรือ่ งปรมิ าตรของพีระมิด เวลาสอน 1 ช่ัวโมง ช่อื ผสู อน นางสาว ประภาพร ษรจนั ทร สาขาวิชา คณิตศาสตร ************************************************************************************ สาระสําคญั พีระมิด เปนรูปเรขาคณิตสามมิติเนื่องจากปริมาตรของพีระมิดสัมพันธกับปริมาตรของปริซึม เราจึง ใชปริมาตรของปรซิ ึมในการอธิบายทมี่ าของการหาปริมาตรของพีระมดิ มาตรฐาน ค 2.1 เขาใจพ้ืนฐานเก่ียวกับการวัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งทต่ี องการวัดและนําไปใชในชีวติ จรงิ ตัวชีว้ ดั ค 3.1 ประยกุ ตใชความรูเรือ่ งพ้ืนที่ผวิ ของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม ในการแกปญหาคณติ ศาสตร และปญหาในชวี ิตจรงิ จุดประสงคการเรยี นรู จดุ ประสงคการเรยี นรู ดานความรู (K) นักเรยี นสามารถหาปรมิ าตรของพีระมิดจากสตู รได ดานทกั ษะ (P) นักเรียนสามารถสื่อสารสอื่ ความหมายเกี่ยวกับปริมาตรของพีระมิดได ดานคุณลกั ษณะ (A) 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเรียนรู 3. มงุ มนั่ ในการทํางาน 4. รับผิดชอบตองานท่ไี ดรับมอบหมาย สาระการเรยี นรู ปริมาตรของพรี ะมดิ ทักษะในศตวรรษที่ 21 1. ทกั ษะการเรียนรูและนวตั กรรม - แกปญหาเปน - เต็มใจรวมมือ 2. ทักษะสารสนเทศ สื่อ เทคโนโลยี - ฉลาดสือ่ สาร 3. ทักษะชีวติ และอาชีพ - รูจักปรับตัว - รบั ผดิ ชอบหนาที่ - ใสใจดแู ลตวั เอง - รจู กั เขาสงั คม
สมรรถนะสําคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกปญหา 4. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต กิจกรรมการเรียนรู ขั้นนํา 1.นักเรียนตอบคาํ ถามกระตนุ ความคดิ ดังนี้ นักเรียนตองการหาปรมิ าตรของพีระมดิ นักเรยี นตองทราบอะไรบาง (พื้นทีฐ่ าน และความสงู ของพีระมิด) 2.ครูและนกั เรยี นชวยกันสรปุ สตู รการหาปรมิ าตรของพีระมิด จนไดวา ปริมาตรของพีระมิด เทากับ × พนื้ ที่ฐาน × ความสงู หรือ V = Ah เมื่อ V แทนปริมาตรของพีระมดิ A แทนพ้นื ที่ฐานของพีระมิด h แทนความสูงของพรี ะมดิ ข้ันสอน 1.ครนู ําเสนอตัวอยางใหนกั เรียนศกึ ษา ตัวอยาง พรี ะมิดกีเซหมฐี านเปนรูปสเี่ หลี่ยมจตั รุ ัสยาวดานละ 227 เมตร สันของพีระมดิ ยาวประมาณ 216.30 เมตร จงหาปริมาตรของพีระมิดกเี ซห 2.ใหนกั เรยี นอานโจทย แลวชวยกันวิเคราะหวธิ ีการทําและแสดงวิธีทําไดดังน้ีให ABCD เปนฐานสเ่ี หลยี่ มจตั รุ ัส เปนสวนสูง และเสนทแยงมมุ AC และ BD ตัดกนั ทจ่ี ุด E ดงั นัน้ ตั้งฉากกบั ไดดังภาพ หาระยะ AC โดยใชทฤษฎบี ทของพีทาโกรสั ไดดงั นี้ AC2 = AB2 + BC2 = 2272 + 2272 = 51,529 + 51,529 = 103,058 AC ≈ 321.03 ดังนัน้ ยาวประมาณ 160.5 เมตร
ΔFEC เปนรปู สามเหล่ียมมมุ ฉาก โดยมี เปนดานตรงขามมุมฉาก หาความสูง โดยใชทฤษฎบี ทของพีทาโกรสั ไดดังนี้ FE2 = FC2 – EC2 = (216.3)2 – (160.5)2 = 46,785.69 – 25,760.25 = 21,025.44 FE ≈ 145 ดงั น้ัน พีระมดิ มีความสงู ประมาณ 145 เมตร หาปรมิ าตรของพรี ะมดิ ปริมาตรของพีระมิด = × พื้นที่ฐาน × ความสูง = × (227 × 227) × 145 ลกู บาศกเมตร ≈ 2,490,568.33 ลกู บาศกเมตร ดงั น้ัน พรี ะมิดมปี ริมาตรประมาณ 2,490,568.33 ลกู บาศกเมตร 3. ครแู ละนักเรียนรวมกนั สรุปเกีย่ วกับตวั อยางท่คี รนู ําเสนอ 4. ใหนกั เรียนทําแบบฝกหดั ในหนังสอื เรยี น ขัน้ สรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นชวยกันเฉลยแบบฝกหัด 2. ครูและนกั เรยี นรวมกนั สรุปความรูเกย่ี วกบั ปริมาตรของพรี ะมิดทีไ่ ดรับวันน้ี สตู รการหาปริมาตรของพีระมิด = × × สอ่ื และแหลงเรยี นรู สือ่ การเรยี นรู 1. งานในช้ันเรียน 2. แบบฝกหัดหนงั สอื เรยี นคณติ ศาสตรพนื้ ฐาน ม.3 เลม 2 แหลงการเรยี นรู 1. หองสมุดโรงเรียน 2. อินเทอรเน็ต
การวดั ผลและประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ วิธีการ 1. การทาํ แบบฝกหัด แบบฝกหดั นักเรยี นทกุ คนทาํ ถกู ตองไมตํ่ากวารอยละ 70 ของคะแนนทัง้ หมด 2. สังเกตพฤติกรรมทางการ แบบสังเกตพฤติกรรมทางการ นักเรยี นผานเกณฑการประเมิน เรียนการสอน เรียนการสอน ในระดบั ดีขนึ้ ไป 3. สงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัติ แบบสังเกตพฤติกรรมการ นักเรยี นผานเกณฑการประเมิน กจิ กรรมกลมุ ปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุม ในระดบั ดีขึ้นไป กิจกรรมเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... บนั ทกึ ความคิดเหน็ ของครพู ่ีเลีย้ งกอนสอน .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................................. วัน/เดือน/ป............................ บันทกึ ความคดิ เหน็ ครพู ีเ่ ลีย้ งหลังสอน .......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................ วนั /เดือน/ป............................ บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการสอน .......................................................................................................................................................................... ปญหา/อปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... แนวทางแกไข .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..............................................นักศึกษา วัน/เดือน/ป.......................... ลงช่ือ……………………………………….. (ครูพ่ีเลี้ยง / ครนู ิเทศ / ผบู รหิ ารสถานศกึ ษา)
แผนการจัดการเรียนรู กลุมสาระ คณติ ศาสตร วชิ า คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 หนวยการเรียนรทู ี่ 3 พีระมดิ กรวย และทรงกลม แผนที่ 2 เรอ่ื งพ้ืนทผี่ ิวของพีระมดิ เวลาสอน 1 ชัว่ โมง ชอ่ื ผูสอน นางสาว ประภาพร ษรจันทร สาขาวชิ า คณิตศาสตร ************************************************************************************ สาระสําคัญ พืน้ ที่ผิวของพีระมิด สามารถอธบิ ายและหาไดจากพน้ื ท่ีของรูปคลี่ของพีระมดิ และใชความรเู กีย่ วกับ ปรมิ าตรของพรี ะมดิ มาอธบิ ายท่ีมาของการหาพ้ืนที่ผวิ มาตรฐาน ค 2.1 เขาใจพน้ื ฐานเกี่ยวกับการวัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงที่ตองการวดั และนําไปใชในชีวิตจริง ตัวช้ีวัด ค 3.1 ประยกุ ตใชความรูเรื่องพนื้ ท่ีผวิ ของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม ในการแกปญหาคณติ ศาสตร และปญหาในชวี ติ จรงิ จุดประสงคการเรยี นรู ดานความรู (K) นักเรยี นสามารถบอกไดวาพนื้ ท่ีผวิ ของพีระมดิ คือพนื้ ที่ฐานรวมกบั พ้ืนทีผ่ ิวขาง ดานทกั ษะ (P) นักเรียนสามารถสื่อสารสอื่ ความหมายเก่ยี วกบั ปรมิ าตรของพีระมิดได ดานคุณลักษณะ (A) 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเรียนรู 3. มงุ ม่ันในการทาํ งาน 4. รับผดิ ชอบตองานท่ไี ดรบั มอบหมาย สาระการเรยี นรู พืน้ ที่ผิวของพีระมิด ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 1. ทกั ษะการเรียนรูและนวัตกรรม - แกปญหาเปน - เตม็ ใจรวมมอื 2. ทักษะสารสนเทศ สอื่ เทคโนโลยี - ฉลาดสอ่ื สาร 3. ทักษะชีวิตและอาชีพ - รูจักปรบั ตัว - รบั ผิดชอบหนาที่ - ใสใจดูแลตัวเอง - รูจักเขาสงั คม
สมรรถนะสําคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญหา 4. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวติ กิจกรรมการเรียนรู ขนั้ นํา 1. ครูสนทนากบั นักเรยี นทบทวนเกีย่ วกับเร่ืองของปริซึมทีเ่ รียนมาในช่ัวโมงท่ีแลวโดยการต้ังคําถาม เชน - ปริซึมมลี ักษณะอยางไร - สูตรการหาพื้นท่ผี ิวของปรซิ ึมมีวาอยางไร - ยกตวั อยางโจทยใหนักเรียนชวยกนั หาคาํ ตอบ ขั้นสอน 1. ครูสนทนาทบทวนสตู รการหาพ้ืนท่ีของปรซิ ึมโดยการซักถาม ตอจากนัน้ ครูแสดงภาพตัวอยางของพีระมิด แบบตางๆ ใหนักเรยี นพจิ ารณาวามีลักษณะอยางไร และจะเรียกชื่อตามลักษณะของอะไร 2. ใหนักเรยี นรวมกันอภปิ รายถึงผลท่ีไดจากการพจิ ารณาภาพขางตน จนสรปุ เปนบทนยิ ามของพรี ะมดิ ไดดงั น้ี - พีระมิดเปนรปู เรขาคณิตสามมติ ิ มฐี านอยูในระนาบหนงึ่ ดานขางเปนรูปสามเหล่ยี มทมี่ ีจุดยอดมุม รวมกนั ที่จดุ ๆหนงึ่ ซ่ึงจุดยอดมุมจดุ นี้ไมอยูในระนาบของฐาน 3. ครูแนะนําสวนตางๆของพีระมิดใหนักเรยี นรูจักโดยการฉายภาพดวยเครื่องฉายภาพขามศีรษะ ดังน้ี การเรียกชือ่ สวนตางๆ ของพรี ะมิด
4. ครสู นทนากับนกั เรียนถงึ เร่ืองพีระมิดจนไดวา พีระมดิ แบงไดดังน้ี 1) พรี ะมิดตรง คือจุดทต่ี ้ังฉากกับฐานอยหู างจากมมุ ทฐ่ี านเปนระยะเทากัน 2) พรี ะมิดเอยี ง คือจดุ ที่ตั้งฉากกบั ฐานอยหู างจากมุมท่ีฐานเปนระยะไมเทากัน 5. ครนู ํากลองกระดาษพีระมิดใหนักเรียนพิจารณา จากนนั้ ครูแกะออกแลวใหนักเรียนชวยกันสังเกตสิง่ ที่ เกดิ ข้นึ ซง่ึ จะไดดงั นี้ ขนั้ สรปุ 1. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายสูตรการหาพนื้ ทีผ่ ิวของพีระมิดโดยครูเปนผูซักถามนาํ ทาง ซึง่ จะไดดงั นี้ พน้ื ท่ีผิวของพรี ะมดิ = ผลรวมของพืน้ ท่ผี ิวขางทกุ หนา + พ้นื ทฐี่ าน สื่อและแหลงเรียนรู สอ่ื การเรยี นรู 1. หนังสือเรียนคณติ ศาสตรพื้นฐาน ม.3 เลม 2 แหลงการเรียนรู 1. หองสมุดโรงเรยี น 2. อินเทอรเนต็ การวัดผลและประเมนิ ผล เครอื่ งมือ เกณฑ วิธกี าร แบบฝกหัด นักเรียนทุกคนทําถกู ตองไมต่ํากวารอยละ 1. การทําแบบฝกหดั 70 ของคะแนนทัง้ หมด นักเรียนผานเกณฑการประเมิน 2. สงั เกตพฤติกรรมทางการ แบบสังเกตพฤติกรรมทางการ ในระดับดีข้นึ ไป นักเรียนผานเกณฑการประเมิน เรยี นการสอน เรยี นการสอน ในระดบั ดีขน้ึ ไป 3. สงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัติ แบบสังเกตพฤติกรรมการ กิจกรรมกลมุ ปฏบิ ัติกิจกรรมกลุม
กจิ กรรมเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... บันทึกความคิดเหน็ ของครพู ่ีเลยี้ งกอนสอน .......................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .............................................................. วัน/เดือน/ป............................ บันทกึ ความคดิ เห็นครพู ี่เลยี้ งหลังสอน .......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ........................................................ วัน/เดอื น/ป............................ บันทึกผลหลังสอน ผลการสอน .......................................................................................................................................................................... ปญหา/อุปสรรค .......................................................................................................................................................................... แนวทางแกไข .......................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ..............................................นกั ศึกษา วัน/เดือน/ป.......................... ลงชื่อ……………………………………….. (ครูพเี่ ล้ยี ง / ครูนิเทศ / ผบู รหิ ารสถานศึกษา)
แผนการจัดการเรียนรู กลมุ สาระ คณติ ศาสตร วิชา คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 พีระมดิ กรวย และทรงกลม แผนท่ี 3 เรื่องพื้นท่ีผวิ ของพีระมดิ เวลาสอน 1 ช่ัวโมง ชื่อผูสอน นางสาว ประภาพร ษรจันทร สาขาวชิ า คณติ ศาสตร ************************************************************************************ สาระสาํ คญั พน้ื ทีผ่ ิวของพรี ะมดิ สามารถอธิบายและหาไดจากพื้นที่ของรูปคลขี่ องพรี ะมดิ และใชความรเู กี่ยวกบั ปรมิ าตรของพรี ะมิดมาอธบิ ายที่มาของการหาพน้ื ท่ีผวิ มาตรฐาน ค 2.1 เขาใจพืน้ ฐานเกี่ยวกบั การวัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงทต่ี องการวัดและนาํ ไปใชในชีวติ จริง ตัวชี้วดั ค 3.1 ประยกุ ตใชความรเู รือ่ งพ้นื ท่ผี ิวของพีระมดิ กรวย และทรงกลม ในการแกปญหาคณิตศาสตร และปญหาในชีวิตจรงิ จุดประสงคการเรียนรู ดานความรู (K) นักเรยี นสามารถหาพนื้ ทผี่ วิ ของพีระมิดจากสูตรได ดานทักษะ (P) นักเรยี นสามารถส่ือสารสื่อความหมายเกย่ี วกับปริมาตรของพีระมิดได ดานคุณลักษณะ (A) 1. มีวินัย 2. ใฝเรยี นรู 3. มงุ ม่ันในการทํางาน 4. รับผิดชอบตองานทีไ่ ดรบั มอบหมาย สาระการเรยี นรู พื้นท่ผี ิวของพีระมดิ ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 1. ทกั ษะการเรียนรูและนวัตกรรม - แกปญหาเปน - เต็มใจรวมมอื 2. ทักษะสารสนเทศ สอ่ื เทคโนโลยี - ฉลาดส่ือสาร 3. ทักษะชวี ติ และอาชพี - รจู กั ปรับตวั - รับผดิ ชอบหนาท่ี - ใสใจดูแลตัวเอง - รจู ักเขาสังคม
สมรรถนะสาํ คัญ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกปญหา 4. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต กจิ กรรมการเรียนรู ข้ันนํา 1. ครสู นทนากบั นักเรยี นทบทวนสตู รการหาพน้ื ทผ่ี วิ ของพีระมดิ โดยครเู ปนผูซักถามนาํ ทาง ซง่ึ จะไดดงั น้ี พ้นื ที่ผิวของพีระมิด = ผลรวมของพื้นท่ีผวิ ขางทุกหนา + พน้ื ท่ีฐาน ข้ันสอน 1. ครูนําเสนอตัวอยางที่ 2 ใหนักเรยี นศกึ ษาและทาํ ความเขาใจโดยครเู ปนผอู ธิบายดังน้ี ตัวอยางที่ 2 จงหาพืน้ ทผี่ ิวของพรี ะมิดตอไปน้ี 1) พีระมดิ ฐานส่เี หลยี่ มจัตุรัสฐานยาวดานละ 12 เซนตเิ มตร สงู เอยี งยาว 10 เซนตเิ มตร 2) พรี ะมดิ ฐานสเี่ หลีย่ มจตั รุ สั ฐานยาวดานละ 20 เซนตเิ มตร สวนสงู ยาว 24 เซนติเมตร 3) พีระมิดฐานสเ่ี หล่ียมจัตุรสั ฐานยาวดานละ 10 เซนติเมตร สันดานขางยาว 13 เซนตเิ มตร 2. ใหนักเรียนชวยกนั วาดรปู จากโจทยท่ีกําหนดใหและหาพ้ืนทีผ่ วิ ทัง้ หมด ซ่ึงจะไดดังน้ี 1) พรี ะมดิ ฐานสี่เหลย่ี มจัตรุ ัสฐานยาวดานละ 12 เซนติเมตร สูงเอยี งยาว 10 เซนตเิ มตร พื้นท่ผี ิวของพีระมดิ = พ้นื ที่ฐาน + พืน้ ทีผ่ วิ ขาง = (12 × 12) + 4 × × 12 × 10 ตารางเซนติเมตร = 144+ 240 ตารางเซนติเมตร = 384 ตารางเซนตเิ มตร ดงั นัน้ พีระมิดมีพ้ืนท่ีผวิ 384 ตารางเซนตเิ มตร 3. ใหนกั เรียนชวยกนั ตง้ั โจทยเก่ยี วกับการหาพน้ื ที่ผิวของพีระมิด แลวใหหาคาํ ตอบ 2-3 ตวั อยาง ครตู รวจสอบ ความเขาใจของนักเรยี นวาเขาใจการหาพนื้ ทีผ่ วิ ของพรี ะมิดหรือเปลา ขั้นสรุป 1. ครูใหนกั เรียนชวยกันบอกชอื่ สวนตาง ๆ ของพรี ะมดิ
2. ครแู ละนักเรียนรวมกนั สรุปเกยี่ วกบั สูตรการหาพน้ื ท่ีผวิ ของพรี ะมดิ พื้นทีผ่ วิ ของพีระมดิ = ผลรวมพ้นื ทผ่ี ิวขางทุกหนา + พื้นทฐ่ี านสองหนา สอื่ และแหลงเรยี นรู ส่อื การเรยี นรู 1. หนงั สือเรยี นคณิตศาสตรพืน้ ฐาน ม.3 เลม 2 2. แบบฝกหัด แหลงการเรียนรู 1. หองสมดุ โรงเรียน 2. อนิ เทอรเนต็ การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ 1. การทําแบบฝกหัด แบบฝกหดั นกั เรยี นทกุ คนทําถูกตองไมตํ่ากวารอยละ 2. สงั เกตพฤติกรรมทางการ แบบสังเกตพฤติกรรมทางการ 70 ของคะแนนทงั้ หมด นกั เรียนผานเกณฑการประเมิน เรยี นการสอน เรียนการสอน ในระดับดีข้ึนไป นกั เรยี นผานเกณฑการประเมิน 3. สงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัติ แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ในระดบั ดีขน้ึ ไป กิจกรรมกลุม ปฏบิ ัติกิจกรรมกลุม กจิ กรรมเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... บันทกึ ความคดิ เห็นของครูพี่เล้ียงกอนสอน .......................................................................................................................................................................... ลงช่อื .............................................................. วัน/เดือน/ป............................ บันทึกความคดิ เหน็ ครพู ่ีเล้ียงหลังสอน .......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ........................................................ วัน/เดอื น/ป............................
บนั ทึกผลหลังสอน ผลการสอน .......................................................................................................................................................................... ปญหา/อปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... แนวทางแกไข .......................................................................................................................................................................... ลงช่อื ..............................................นกั ศกึ ษา วนั /เดือน/ป.......................... ลงช่ือ……………………………………….. (ครพู ่เี ล้ยี ง / ครนู เิ ทศ / ผบู ริหารสถานศกึ ษา)
ใบงานที่ 2 การประกนั คณุ ภาพการศึกษาท่สี อดคลองกับสถานศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค 1. เพื่อใหนักศึกษามีความรูความเขาใจในโครงสรางระบบการประกันคุณภาพการศึกษาที่สอดคลอง กับสถานศึกษาแตละระดับ (ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ระดับปฐมวัย, ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ศนู ยการศึกษาพเิ ศษ) 2. เพอื่ ใหนกั ศึกษามีความรคู วามเขาใจในมาตรฐานการศึกษา ในแตละระดบั (ระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน , ระดับปฐมวัย, ระดบั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานศนู ยการศึกษาพเิ ศษ) 3. เพอื่ ใหนกั ศึกษาสามารถฝกปฏิบตั งิ านประกันคุณภาพการศึกษาที่สอดคลองกบั สถานศกึ ษาไดจริง ขอบขายของงาน ใหนักศึกษา ศึกษาโครงสรางระบบการประกันคุณภาพการศึกษาท่ีสอดคลองกับสถานศึกษา แตละระดับ ในแตละมาตรฐานตามท่กี ําหนดให ผูเกย่ี วของ/แหลงขอมูล 1. ครูนเิ ทศก / ครพู ่ีเล้ียง 2. เอกสารประกนั คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
1. กรอบการประเมินคุณภาพการศึกษาทส่ี อดคลองกบั สถานศึกษา ระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ชอ่ื สถานศกึ ษา โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ป 2563 ประเดน็ การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน 1. แนวคดิ หลกั ในการประเมินคุณภาพ 1. การประเมนิ คณุ ภาพภายนอกตองมีความเชื่อมโยง การศึกษาของสถานศกึ ษา กับระบบประกันคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา และ หนวยงานตนสังกัดในการปฏบิ ัตหิ นาท่ที รี่ ับผิดชอบให บรรลุถงึ เปาหมายมาตรฐานท่ีกําหนด และรวมรับผดิ ชอบ ตอผลการจดั การศกึ ษาท่ีเกดิ ขึ้น (Accountability) 2. การประเมินคุณภาพภายนอกตองมีความทาทาย และชวยกระตนุ หนวยงานท่ีเก่ยี วของใหเกดิ การสงเสริม การยกระดบั คุณภาพของสถานศกึ ษาสสู ากล ตามนโยบาย ปฏิรปู การศึกษาของรฐั บาล เพ่อื การบรรลุเปาหมาย ทงั้ ในระดับชาตแิ ละระดับนานาชาติ (Empowerment) 2. วัตถปุ ระสงคในการประเมินคุณภาพ 1. สรางมาตรฐานการตรวจประเมนิ (Quality Code/ การศกึ ษาของสถานศกึ ษา Criteria/ Guideline) และสงเสรมิ ใหสถานศึกษาสราง มาตรฐานการจัดการศกึ ษาท่ีมคี ุณภาพทกุ ระดบั และทุก กลุมประเภท และสรางผูเชี่ยวชาญดานการประเมิน คณุ ภาพภายนอกสาํ หรบั สถานศึกษาทกุ ระดับและทุกกลมุ ประเภทเพื่อใหเกดิ กลไกการขับเคลอ่ื นจากผูมีหนาทีใ่ นการ สราง “วฒั นธรรมคุณภาพ” ภายในสถานศึกษา และการ ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาสูสากลตามแผนยุทธศาสตร ชาตแิ ละความคาดหวงั ของประเทศ 2. ประเมนิ คณุ ภาพภายนอกเพือ่ สะทอนคุณภาพการจดั การศกึ ษา พรอมทัง้ รายงานสถานการณดานคุณภาพ การศึกษาเพ่อื ใหขอมลู แกรัฐบาลในการพจิ ารณากําหนด นโยบายการพัฒนา ทีน่ าํ ไปสูการจัดสรรงบประมาณและ ทรพั ยากรในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของ สถานศกึ ษาอยางมีประสิทธิภาพ 3. เปาหมายในการประเมินคุณภาพการศึกษา มมี าตรฐานสําหรับการประเมินคณุ ภาพภายนอกตาม ของสถานศึกษา หลกั เกณฑทกี่ ําหนดไวในกฎหมายทเ่ี กีย่ วของติดตามและ ตรวจสอบคุณภาพการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา โดย คํานงึ ถงึ บรบิ ทของสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาชาติ และมาตรฐานระดับสากล พรอมท้งั รายงานผลการ
4. วิธีการประเมิน ประเมนิ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของชาตติ อ รัฐบาลอยางตอเนื่องทกุ ป เพื่อใหเกิดการยกระดบั คุณภาพ 5. ขั้นตอนการดาํ เนินงานในการประเมิน การจัดการศกึ ษาของประเทศ คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา การประเมินคุณภาพภายนอกจะเปนการประเมนิ เชิง คุณภาพ เนนขอมูลเชงิ ประจักษ (Evidence Based) ทีส่ ะทอนผลลพั ธการดําเนินงาน โดยใชการตดั สินใจของ ผูเชี่ยวชาญ (Expert Judgment) และการตรวจทานผล การประเมนิ โดยคณะกรรมการประเมนิ ในระดบั เดยี วกัน (Peer Review) ใหครอบคลุมองคประกอบ ทงั้ ระบบแบบ องครวม (Holistic Approach) โดยองคประกอบของ วธิ ีการประเมนิ คุณภาพภายนอก ดงั น้ี 1. การศกึ ษาขอมูลดานบรบิ ทพน้ื ฐานของสถานศึกษา (Organization Context) 2. การศึกษารายงานผลการประเมินตนเองของสถาน ศกึ ษา (Self-Assessment Report: SAR) 3. การลงพ้ืนทีต่ รวจเยีย่ ม (Site Visit) 1. สถานศึกษาประเมินตนเอง (Self-Assessment) วิเคราะห สังเคราะหผลการดําเนินงานตามระบบ การประกันคุณภาพภายใน แลวจัดสงรายงานการประเมนิ ตนเองที่ไดรับความเห็นชอบจากตนสังกดั ให สมศ. ตาม ระยะเวลาและเงอ่ื นไขท่ีกาํ หนด 2. สมศ. วิเคราะหขอมูลพนื้ ฐานของสถานศึกษา (Pre-Analysis) จากฐานขอมูลของหนวยงานตนสังกัด เพ่อื ตรวจสอบความพรอมดานปจจัยการดาํ เนนิ งานของ สถานศึกษาขนั้ ตนตามโปรแกรมการตรวจสอบท่ีกําหนด 3. คณะผูประเมินภายนอกประชุมพิจารณาผลการ ดําเนินงานของสถานศกึ ษาจากรายงานการประเมินตนเอง รวมกับผลการวิเคราะหขอมลู พ้ืนฐาน (Pre-Assessment) เพอ่ื วางแผนการลงพืน้ ทตี่ รวจเยย่ี มตามมาตรฐานและ เกณฑการประเมินคุณภาพภายนอก รวมทง้ั ระบุประเดน็ จดุ แขง็ ประเดน็ ปรับปรุงและกาํ หนดวันลงพ้ืนที่ตรวจเยย่ี ม 4. คณะผปู ระเมนิ ภายนอกลงพน้ื ทตี่ รวจเยีย่ ม (Site Visit) เพือ่ ประชมุ เสวนาสรางสรรครวมกับผูมีสวนไดสวนเสยี และเก็บรวบรวมขอมูลเชงิ คุณภาพกับบุคลากรหลักฐานเชงิ ประจกั ษ และหนวยงาน/บุคคล ที่มสี วนเก่ียวของเพิ่มเติม รวมทงั้ ทําการรายงานผลประเมินดวยวาจา
5. คณะผูประเมินภายนอกจัดทํารายงานผลการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก (EQA Report) พรอมขอเสนอแนะ เพ่อื การปรบั ปรุงพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา แลวจดั สง ให สมศ. เพ่ือพิจารณาใหการรับรองผลการประเมิน จากน้ัน สมศ. จะจดั สงใหกบั สถานศึกษาและหนวยงานตน สงั กดั หรอื หนวยงานท่ีกาํ กับดูแลสถานศกึ ษานั้นๆ เพื่อใช ประโยชนตอไป ภายในระยะเวลา 7 วัน นบั ถัดจากวนั ที่ คณะกรรมการบรหิ าร สมศ. ใหการรับรองผลการประเมนิ 2. สรุปการประเมินคุณภาพการศึกษาท่ีสอดคลองกับสถานศึกษา ตามกรอบมาตรฐานการศึกษา พทุ ธศักราช 2561 ระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน 2.1 มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพของผเู รียน ระดับคุณภาพ : ยอดเยี่ยม 2.1.1 ผลสมั ฤทธิ์ทางวิชาการของผูเรยี น ดานผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผูเรยี น แยกตามประเด็นพจิ ารณา ดังน้ี ดานความสามารถในการอาน การเขียน การสื่อสารภาษาไทยและภาษาตางประเทศ อยูในระดับคุณภาพดีเลิศ คิดเปนรอยละ 73.73 และ ความสามารถในการคิดคาํ นวณอยูในระดบั คุณภาพยอดเย่ียม คิดเปนรอยละ 65.18 ดานความสามารถในการ คิดวิเคราะห คิดอยางมีวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ และแกปญหาอยูในระดับคุณภาพ ยอดเยย่ี ม คิดเปนรอยละ 82. 75 ดานความสามารถในการสรางนวตั กรรม อยูในระดบั คุณภาพดีเลิศ คิดเปน รอยละ 40.94 ดานความสามารถในการใชเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร อยใู นระดบั คุณภาพยอดเย่ยี ม คดิ เปนรอยละ 90.35 ดานผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา ผูเรยี นบรรลุและมีความกาวหนา ในการเรยี นรตู ามหลักสูตรสถานศกึ ษาจากพ้นื ฐานเดมิ ในดานความรู ความเขาใจ ทักษะ กระบวนการตางๆ อยใู นระดบั คุณภาพยอดเย่ียม คดิ เปนรอยละ 84.01 มคี วามกาวหนาในผลการทดสอบระดบั ชาติ หรือผลการ ทดสอบอน่ื ๆ อยใู นระดบั คณุ ภาพดเี ลศิ และดานความรู ทักษะพ้ืนฐาน และเจตคตทิ ี่ดีตองานอาชพี อยูใน ระดบั คุณภาพยอดเยีย่ ม คดิ เปนรอยละ 97.79 2.1.2 คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงคของผูเรียน ดานคุณลกั ษณะและคานยิ มท่ีดตี ามท่สี ถานศกึ ษากาํ หนดอยูในระดบั คุณภาพ ยอดเยย่ี ม คิดเปนรอย ละ 95.14 ดานความภูมใิ จในทองถ่นิ และความเปนไทยอยูในระดบั คุณภาพยอดเยี่ยม คิดเปนรอยละ 92.99 ดานยอมรับทจ่ี ะอยูรวมกนั บนความแตกตางและหลากหลาย อยใู นระดบั คณุ ภาพ ยอดเย่ียม คดิ เปนรอยละ 96.12 ดานมสี ขุ ภาวะทางรางกาย และจติ สงั คม อยูในระดับคณุ ภาพยอดเยย่ี ม คดิ เปนรอยละ 97.38 2.2 มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ ระดบั คุณภาพ : ยอดเยยี่ ม จากการประเมนิ ตนเองในภาพรวมอยูในระดบั คณุ ภาพยอดเยยี่ ม แยกตามประเดน็ พจิ ารณา ดงั นี้ มีเปาหมายวิสยั ทัศนและพันธกจิ ท่ีสถานศึกษากาํ หนดชัดเจน มีระบบบรหิ ารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษา ดําเนินงานพัฒนาวิชาการท่เี นนคุณภาพผเู รียนรอบดานตามหลักสตู รสถานศกึ ษา และทกุ กลมุ เปาหมาย
พัฒนาครแู ละบคุ ลากรใหมคี วามเช่ยี วชาญทางวิชาชีพ จัดสภาพแวดลอมทางกายภาพและสังคมท่ีเอื้อตอการ จดั การเรียนรูอยางมคี ุณภาพ จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและการเรียนรู ทกุ ประเด็นพิจารณา อยูในระดบั คุณภาพยอดเย่ียม เมือ่ เทียบกบั เกณฑการศึกษาของโรงเรยี น 2.3 มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจดั การเรยี นการสอนที่เนนผเู รยี นเปนสําคญั ระดับคุณภาพ : ยอดเยยี่ ม จากการประเมินตนเองในภาพรวมอยใู นระดบั คุณภาพยอดเยี่ยม คดิ เปนรอยละ 89.54 แยกตาม ประเดน็ พิจารณา ดังน้ี ตานจัดการเรยี นรผู านกระบวนการคดิ และปฏิบตั จิ รงิ และสามารถนาํ ไประยกุ ติใชใน ชีวติ ได อยูในระดับคุณภาพยอดเยี่ยม คิดเปนรอยละ 90.19 ดานใชสื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหสง เรียนรทู ่ีเอ้ือตอการเรยี นรูอยูในระดบั คุณภาพยอดเยยี่ ม คดิ เปนรอยละ 83.66 ดานการบริหารจดั การ ชนั้ เรียน เชงิ บวกอยใู นระดับคุณภาพยอดเยยี่ ม คดิ เปนรอยละ 92.81 ดานตรวจสอบและประเมินผเู รียนอยาง เปน ระบบและนําผลมาพัฒนาผเู รียนอยูในระดับคุณภาพยอดเยี่ยม คิดเปนรอยละ 87.58 ดานการ แลกเปล่ยี น เรยี นรูและใหขอมลู สะทอนกลบั เพ่อื พฒั นาและปรบั ปรงุ การจัดการเรยี นรอู ยใู นระดบั คณุ ภาพ ยอดเยย่ี ม คิด เปนรอยละ 93.46 โดยสถานศกึ ษาไดทําการวิเคราะหผลการประเมินคุณภาพภายใน วางแผนกาํ หนดแนวทางการ สถานศึกษาในอนาคต เพ่อื นําประเด็นมาพจิ ารณาจัดทาํ เปนกจิ กรรม โครงการ ประกอบคณุ ภาพการจัด การศึกษา ใหไดมาตรฐานท่สี ูงขึน้ ในปถดั ไป ดังนี้ 1. สงเสรมิ ใหครวู ิเคราะห และออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูแบบบรู ณาการ สรางนวตั กรรมทาง การสอน ใชกระบวนการวิจัย เพ่อื พัฒนาศักยภาพดานการเรียนรู ทักษะการเรยี นรู และสมรรถนะแหงศตวรรษ ที่ 21 ของผูเรยี น โดยท่ีครจู ะตองสามารถบูรณาการความรูตางๆทมี่ ี มาใชในการสรางสรรคและพฒั นาองค ความรใู หมๆ มีความคดิ วเิ คราะหและสรางสรรค สอนใหเด็กมที ักษะกระบวนการคดิ โดยสามารถ คดิ วิเคราะห ในเรอื่ งตางๆ และมีความคิดสรางสรรคทเี่ ปนประโยชน เนนใหเด็กเกิดการเรยี นรู โดยการสงเสริม การเรียนรู แบบผูเรียนเปนสาํ คัญ เพ่ือใหเดก็ ตกผลึกทางความคิดไดดวยตวั เอง และมีโอกาสแลกเปล่ียนความ คดิ เห็น ระหวางกัน รแู ละเขาใจเทคโนโลยีใหม มที กั ษะใหมๆ พรอมทงั้ ชีแ้ นะขอดีขอเสียใหผเู รยี นได ครจู ะตอง สามารถใชเทคโนโลยสี งเสริมการศกึ ษาไดหลากหลาย และสามารถชี้ใหเด็กเหน็ ถึงขอดขี อเสีย และการใช เทคโนโลยตี างๆอยางเหมาะสม 2. สงเสรมิ สนบั สนุนใหครแู ละบุคลากรสงผลงาน แนวปฏิบตั ิท่เี ปนเลิศ นวัตกรรมดานการเรยี น การสอน เขาประกวดในเวทีระดับสาํ นกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา ระดับภาค และระดบั ประเทศอยางตอเนื่อง 3. สงเสรมิ และสนับสนุนผเู รยี นใหมีทกั ษะ ความสามารถ มีความพรอมสาํ หรับการแขงขันทงั้ ในระดับ เขตพน้ื ท่ี ระดับภาค ระดบั ประเทศ และมีทักษะชีวิต ดาํ รงชวี ิตอยใู นสงั คมไดอยางมีความสขุ 4. พฒั นาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการเรยี นรูและการบรหิ ารจัดการใหมปี ระสิทธิภาพ ลงช่ือ………น…………ม…………………….. (ครูพเี่ ล้ียง / ครูนเิ ทศก / ผบู ริหารสถานศึกษา)
ใบงานที่ 3 การวิเคราะหแนวทางในการพัฒนาตนเอง วัตถปุ ระสงค เพื่อใหนักศึกษามีความรูความเขาใจเกี่ยวกับการวิเคราะหตนเองนําไปสูการพัฒนาตนเองใหมี ความเปนครมู ืออาชีพท่ีเทาทันตอการเปล่ยี นแปลงทัง้ ทางดานศาสตรวชิ าชพี ครู และศาสตรสาขาวชิ าเอก ขอบขายงาน 1. ใหนักศึกษาทําการวิเคราะหตนเอง SWOT นําไปสูการพัฒนาตนเองใหมีความเปนครูมืออาชีพ ทีเ่ ทาทันตอการเปลี่ยนแปลงท้ังทางดานศาสตรวิชาชีพครูและศาสตรสาขาวิชาเอก 2. ส รุ ป ก า ร เ ค ร า ะ ห ต น เ อ ง เ พื่ อ เ ป น แ น ว ท า ง นํ า ไ ป สู ก า ร เ ป น ค รู มื อ อ า ชี พ ท่ี เ ท า ทั น ตอการเปลี่ยนแปลงทง้ั ทางดานศาสตรวชิ าชีพครูและศาสตรสาขาวชิ าเอก ผูเก่ยี วของ / แหลงขอมูล 1. นักศกึ ษา 2. ครูพ่เี ลยี้ ง/เพื่อนกั ศกึ ษา/อาจารยนเิ ทศก
1. วเิ คราะห SWOT ของตนเอง ชือ่ ผูวิเคราะห นางสาวประภาพร ษรจนั ทร วิชาเอก คณติ ศาสตร วนั ท่ี 14 เดือน ธนั วาคม พ.ศ. 2564 คาํ อธิบาย S (Strength) หมายความวา จดุ แข็ง W (Weakness) หมายความวา จดุ ออน O (Opportunity) หมายความวา โอกาส T (Threat) หมายความวา อปุ สรรค S W (จุดแขง็ ของตนเอง) (จดุ ออนของตนเอง) - มีความรบั ผดิ ชอบ - ไมกลาแสดงออก - มีความขยัน หมั่นเพียร - ไมคอยพูด - มคี วามอดทน - มคี วามมุงม่ันในการทํางาน O T (โอกาสท่ตี นเองไดรบั ) (อุปสรรคที่พบเจอ) - มีผใู หญคอยแนะนํา ชวยเหลอื และให - สถานการณการแพรระบาด covid-19 การสนับสนนุ ทําใหฝกประสบการณวชิ าชีพครไู ดไม เต็มที่
2. สรุปการเคราะหตนเองเพื่อเปนแนวทางนําไปสูการเปนครูมืออาชีพที่เทาทันตอการเปลี่ยนแปลง ท้ังทางดานศาสตรวชิ าชพี ครู และศาสตรสาขาวชิ าเอก จากการวิเคราะหตนเองเพือ่ เปนแนวทางนําไปสูการเปนครูมืออาชีพ สามารถสรุปไดดงั นี้ ขาพเจาเปนคนขยัน หมั่นเพียร อดทน มีความรับผดิ ชอบ มุงม่นั ในการทาํ งาน แตก็มจี ดุ บกพรองของ ตนเองคือ ไมมีความแสดงกลาออก พูดนอย และไมมคี วามรอบคอบในการทํางาน แตขาพเจาพรอมท่จี ะพฒั นา ตนเองเพ่ือเปนแนวทางนําไปสกู ารเปนครูมืออาชพี ทีเ่ ทาทันตอการเปลี่ยนแปลงทงั้ ทางดานศาสตรวชิ าชพี ครู และศาสตรสาขาวชิ าเอก โดยจะกลาแสดงออกใหมากขึ้น มีความรอบคอบมากยิ่งขึน้ และจะพัฒนาตนเองใหมี ความเหมาะสมตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ เพอ่ื ใหเปนท่ียอมรับของของบุคคลท่วั ไป หมัน่ ศึกษาและพฒั นา ตนเองอยเู สมอ ฝกฝนทกั ษะในการใชเทคโนโลยเี พ่ือสงเสริมการจัดการเรยี นรู พัฒนาตัวเองใหเปนคนท่ีมี มนุษยสมั พนั ธดีกบั บุคคลอนื่ สามารถทาํ งานรวมกับผอู นื่ ได ลงช่อื ..น...า.ง...ส..า..ว..ป..ร..ะ..ภ...า..พ....ร......ษ...ร...จ..น...ท........นักศกึ ษา วัน/เดอื น/ป..1..4.....ธ....ค.........6..4...... ลงชื่อ ...............ล..........ม..................................... (ครพู ี่เล้ียง/ ครนู เิ ทศก) ร์
ใบงานท่ี 4 แบบรายงานโครงการส่งเสรมิ อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม และภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่นของสถานศึกษา จดุ ประสงค์ 1. เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจลักษณะของโครงการท่ีส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรม และ ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ 2. เพ่อื ใหน้ ักศกึ ษาสามารถเขียนโครงการพัฒนาผ้เู รียนตามรปู แบบที่กาหนดได้ 3. เพื่อให้นักศึกษาเขียนรายงานผลการดาเนินงานตามโครงการเม่ือโครงการเสร็จสิ้นแล้วได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง ขอบข่ายของงาน 1. ใหน้ ักศึกษาเขียนโครงการท่ีสง่ เสริม อนุรักษ์วัฒนธรรม และภมู ิปัญญาท้องถิน่ หรือเขียนโครงการที่ บรู ณาการตามเนอ้ื หาวิชาของตนเองท่ีส่งเสริม อนรุ ักษว์ ัฒนธรรม และภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ โดยเขยี นตามรปู แบบ ท่ีกาหนด 2. ใหน้ ักศึกษาดาเนนิ และเขา้ ร่วมโครงการท่ีส่งเสริม อนุรกั ษ์วัฒนธรรม และภูมิปญั ญาท้องถน่ิ 3. ให้นักศึกษานาผลจากการเรียนรู้โครงการที่ส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถ่ิน ของสถานศึกษาเขียนรายงาน และนาไปประเมนิ สะทอ้ นกลับ (AAR) โดยนาผลมาแลกเปลี่ยนเรียนร้ใู นรูปแบบ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) เพ่ือนาไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ทันสมัยและทันต่อ การเปลีย่ นแปลง ในวนั สมั มนาหลังฝึกประสบการวิชาชพี ครู ผเู้ กีย่ วขอ้ ง/ แหลง่ ขอ้ มลู 1. ครูพี่เลี้ยง 2. ครูผรู้ บั ผิดชอบโครงการที่สง่ เสรมิ อนุรักษ์วฒั นธรรม และภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ของสถานศกึ ษา 3. แผนปฏบิ ัตกิ าร 4. รายงานการประเมนิ ตนเอง (SAR)
1. โครงการสง่ เสรมิ อนรุ ักษ์วฒั นธรรม และภมู ิปัญญาท้องถิน่ ช่ือโครงการ การพฒั นาแหล่งเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ผู้รับผดิ ชอบโครงการ นางสาวนิษฎาพร พรหมวัชรานนท์ โครงการสงั กัดกลุ่มงาน/ฝา่ ย กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ังคมศึกษา ******************************************************************************* หลักการและเหตผุ ล นโยบายของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ปงี บประมาณ พ.ศ.2564 กลา่ ววา่ หัวใจ สาคัญของการจัดกรศึกษาช้นั พ้นื ฐานคอื การสรา้ งและพัฒนาคนไทยเพื่ออนาคตของประเทศ สร้างคนไทยให้ เปน็ คนดแี ละคนเก่ง มคี ณุ ลักษณะอันพึงประสงคต์ ามคานยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ มีความเขม้ แข็งทั้ง รา่ ยการและจิตใจ เน้นการอา่ นออก เขยี นได้คิดวิเคราะหเ์ ป็น สามารถสร้างวิสัยทศั นแ์ ละวางแผนอนาคตท่ดี ี ของตนเองได้ รวมถงึ รักษาขนบธรรมเนยี มประเพณีอันดีงามของคนไทยและคานงึ ถงึ ประโยชน์ส่วนรวมและ ประเทศชาติเป็นหลัก และข้อ 6 กลา่ วถึง เร่งรัดปรับปรุงโรงเรยี นให้เป็นองค์กรทม่ี คี วามเขม้ แข็ง มีคุณภาพ และได้มาตรฐานระดับสากล ตลอดจนตามพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่ชาติ พ.ศ.2542 ได้กลา่ วถงึ บรรยากาศ ของโรงเรียนเป็นสถานอนั เกดิ จากการมีปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างบคุ คลกบั สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน แล้วส่งผลถึงความ รสู้ ึกของบุคคล โรงเรยี นเฉลมิ ขวญั สตรี โดยกลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษาฯ จงึ พฒั นาศูนย์การเรียนรู้อาเซียน สารานกุ รมและศนู ย์การเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพ่ือพฒั นาสถานที่ สง่ิ แวดลอ้ มที่เอือ้ ต่อการ จดั การเรยี นร้อู ย่างมีคุณภาพ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื พฒั นาศนู ย์อาเซียนของโรงเรยี นเฉลมิ ขวัญสตรใี หเ้ ป็นแหลง่ เรยี นร้ใู นการพัฒนาทักษะ กระบวนการและ ศกั ยภาพของผเู้ รียน 2. เพื่อพฒั นาหอ้ งสมุดสารานุกรมใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพและทนั สมัย 3. เพอื่ สนับสนุนให้สถานศึกษามกี ารจัดสภาพแวดลอ้ มและการบรกิ ารทส่ี ง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นพัฒนาเต็ม ศักยภาพ โดยประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. เพอื่ สนบั สนุนสถานศึกษาให้มกี ารสร้าง สง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหส้ ถานศึกษาเปน็ สงั คมแห่งการเรยี นรู้ เป้าหมาย 1. เชงิ ปริมาณ - ศูนย์การเรียนรู้สังคมศึกษาและสารานุกรม ศูนย์การเรียนรู้อาเซยี น มสี ื่อการเรยี นการสอนสาหรบั ครู และนักเรียนอยูใ่ นสภาพใช้การได้ดี คดิ เปน็ ร้อยละ 90 - นักเรยี นครูและบุคลากรทางการศกึ ษาโรงเรียนเฉลมิ ขวญั สตรีใชบ้ ริการศนู ยก์ ารเรยี นรู้ ร้อยละ 80 - นักเรยี นได้รับการสง่ เสริมหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง รอ้ ยละ 90 2. เชงิ คุณภาพ - ผใู้ ช้บริการศนู ยส์ ังคมศึกษามคี วามพึงพอใจในระดับดี คิดเป็นรอ้ ยละ 90 - โรงเรยี นมแี หลง่ เรยี นรใู้ นการศกึ ษาค้นควา้ เก่ียวกบั ประชาคมอาเซียนและมีหอ้ งสมุดสารานกุ รม
วิธีดาเนินการ ระยะเวลา ที่ กิจกรรม 2564 2565 หมายเหตุ 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 1 การวางแผน (Plan -P) 1. ศึกษาสภาพปัจจบุ นั ปญั หา การจัด กจิ กรรม 2. กาหนดผูร้ บั ผดิ ชอบทีเ่ กยี่ วข้อง 3. ประชมุ ชแ้ี จงเพ่ือสรา้ งความเขา้ ใจแนว ทางการดาเนินการ 2 การนาไปปฏิบตั ิ (Do-D) 1. จัดซ้ือจดั หาวสั ดุอปุ กรณ์ 2. ปรบั ระบบการบนั ทึกข้อมูล การรับส่ง หนงั สอื ใหเ้ ปน็ ปจั จุบนั และทันสมยั 3. จดั สภาพแวดล้อมท่ีเออ้ื ตอ่ การเรียนรู้ 4. สร้างสอื่ การเรยี นการสอน สอนเสริม ม่งุ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น 5. มลู นธิ ิครอบครวั พอเพยี งให้การอบรม 6. เชิญวิทยากรถอดบทเรียนหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3 การเรยี นรู้ (Study - S) 1. ประเมนิ ผลการจดั กิจกรรม 2. วเิ คราะห์ผลการดาเนนิ งาน 3. จดั กจิ กรรมแลกเปลย่ี นเรยี นร้ถู อด บทเรียน 4 การปรับปรุง (Act -A) 1. ปรับปรุง/แกไ้ ข เพ่ือเปน็ แนวทางในปี ต่อไป 2. สรุปรายงานผลและเผยแพร่ 3. บูรณาการกับฐานการเรียนรู้ สารานกุ รมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง งบประมาณ 36,500 บาท
สถานท่ี โรงเรียนเฉลมิ ขวัญสตรี ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ 1. ศนู ย์การเรียนรู้สงั คมศึกษามีสือ่ การเรยี นการสอนสาหรบั ครแู ละนกั เรยี นอยู่ในสภาพใช้การได้ดี 2. ศนู ยก์ ารเรยี นรู้สงั คมศกึ ษาเปน็ สว่ นหนงึ่ ของการสร้าง ส่งเสริม สนบั สนนุ ให้สถานศกึ ษาเป็นสังคม แหง่ การเรยี นรู้ 3. นักเรยี นนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั การประเมินโครงการ วธิ ปี ระเมนิ ผล เครื่องมอื ประเมินผล ตัวบง่ ชคี้ วามสาเรจ็ ประเมินความพึงพอใจ แบบประเมนิ ความพึงพอใจ 1. รอ้ ยละ 90 ของผู้เกย่ี วข้องมีความพึงพอใจใน - การลงชือ่ เขา้ รว่ ม - แบบลงทะเบียน สง่ิ แวดล้อมและการจดั สถานศกึ ษาใหเ้ ป็นสังคม กิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม แห่งการเรยี นรู้ - การสังเกตพฤติกรรม - รปู ถา่ ย - การบูรณาการจัดการ - ชิน้ งาน 2. นักเรียนไดร้ บั การส่งเสริมความรดู้ า้ นปรชั ญา เรยี นการสอน เศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งน้อย 200 คน - แบบสอบถาม
ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: