Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาการป้องกัน คชรน

วิชาการป้องกัน คชรน

Published by RTA Chemical School, 2023-03-27 03:52:50

Description: การป้องกัน คชรน

Search

Read the Text Version

โรงเรยี นวิทยาศาสตรท์ หารบก แนวสอน วชิ า การป้องกัน คชรน. หลักสูตรนายสบิ คชรน.

โรงเรยี นวิทยาศาสตรท์ หารบก (อฉก. ๓๙๐๐) ภารกิจ อำนวยการและดำเนนิ การฝกึ และศึกษา อบรมกำลังพลของกองทัพบกและหน่วยอนื่ ๆ ที่เก่ียวข้อง ตาม นโยบายของกองทพั บก และปกครองบงั คบั บัญชาผ้เู ขา้ รบั การฝึกอบรมในโรงเรียนวิทยาศาสตรท์ หารบก ปรัชญา ผลิตทหารวิทยาศาสตรท์ ่ีมีความรู้ ความชำนาญ พร้อมเผชิญเหตุด้านเคมี ชีวะ รงั สี นิวเคลยี ร์ วิสัยทัศน์ เป็นศูนย์กลางการฝกึ อบรมดา้ นเคมี ชวี ะ รงั สี นวิ เคลียร์ ของกองทัพ พันธกิจ ๑. พฒั นาบุคลากรให้มีความพรอ้ มในการจัดการฝกึ อบรม และเพียบพร้อมดว้ ยคุณธรรมและจริยธรรม ๒. พัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพชีวติ ที่ดี มีขวญั และกำลังใจท่ีดใี นการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ ๓. พฒั นาผู้เรยี นให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะ ในการปฏิบตั กิ ารทางทหารดา้ นเคมี ชวี ะ รงั สี นวิ เคลียร์ ๔. พฒั นาทรัพยากรดา้ นการฝึกอบรม แหล่งการเรียนรู้ ให้เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน ๕. พัฒนาระบบการบริหารการฝึกอบรมและกระบวนการเรียนการสอนให้มีคณุ ภาพตามเกณฑ์ มาตรฐาน วตั ถุประสงค์ ๑. เพอ่ื พัฒนากำลงั พลของกองทัพบกใหม้ ีความรู้ ความชำนาญ ดา้ น เคมี ชีวะ รงั สี นวิ เคลียร์ ๒. เพ่ือเปน็ คลังความรู้ดา้ น เคมี ชวี ะ รังสี นวิ เคลยี ร์ ให้แก่กองทพั ๓. เพอ่ื ใหก้ ำลงั พลของกองทัพบก มีทักษะในการใช้และปรนนบิ ตั ิบำรงุ ยทุ โธปกรณ์สายวิทยาศาสตร์ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ อัตลักษณ์ “ทหารวทิ ยาศาสตร์ผู้พทิ ักษ์กำลังรบ” ปณิธาน “มงุ่ มน่ั สร้างสรรค์ พัฒนา กำลงั พลของกองทัพให้มสี มรรถนะ พร้อมเผชิญภยั คุกคามด้าน เคมี ชวี ะ รงั สี นวิ เคลยี ร์”

คำนำ โรงเรียนวิทยาศาสตร์ทหารบก เป็นโรงเรียนหน่วยสายวิทยาการที่เป็นแหล่งรวมความรู้ทางวิทยาการ และวทิ ยาศาสตร์อันเกี่ยวกับสงคราม เคมี ชวี ะ รังสี นวิ เคลียร์ (คชรน.) รวมถงึ ยุทโธปกรณ์และการสง่ กำลังบำรุง สายวทิ ยาศาสตร์ของกองทพั บก โรงเรยี นวทิ ยาศาสตร์ทหารบก ไดเ้ ปิดสอนหลกั สตู รการฝึกอบรม เพ่ือเพ่ิมพูนองคค์ วามรใู้ หแ้ กก่ ำลังพล ของกองทัพบก ดงั นี้ หลกั สูตรนายทหาร คชรน., หลกั สตู รนายสิบ คชรน., หลกั สตู รนายสบิ ส่งกำลังและซ่อมบำรุง สาย วศ. (ข้ันหนว่ ย), หลกั สตู รการต่อต้านการก่อการร้ายทาง คชรน. และการบรรเทาอุบตั ิภัยเคมี และ การฝกึ อบรม เคลอ่ื นท่ียุทโธปกรณส์ าย วศ. แนวสอน วิชาการป้องกัน คชรน. ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารประกอบการฝึกอบรมตามหลักสูตร นายสบิ คชรน. เปน็ คูม่ อื ให้ผูเ้ ขา้ รบั การฝึกอบรม ไดใ้ ช้เป็นแนวทางในการเรียนการสอนและเปน็ เอกสารอ้างอิงใน การนำไปขยายผล เมอ่ื สำเร็จการศกึ ษาและกลบั ไปปฏิบตั ริ าชการที่หนว่ ยต้นสงั กัด หากท่านมีความเห็นประการใดที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาแนวสอนฉบับนี้ กรุณาส่งความเห็นและ แจ้งข้อเสนอแนะไปท่ี กองการศึกษา โรงเรียนวิทยาศาสตร์ทหารบก กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โรงเรยี นวิทยาศาสตร์ทหารบก

สารบัญ เรอื่ ง หน้า บทท่ี ๑ กล่าวนำการป้องกัน คชรน. ๑ ตอนที่ ๑ เสาหลักแห่งการป้องกันอาวุธ คชรน. ๔ ตอนท่ี ๒ หลักพื้นฐานของการป้องกัน คชรน. ๑๐ ตอนท่ี ๓ ระบบการป้องกัน คชรน. ๑๓ ตอนที่ ๔ การจัดกำลังและการวางแผนการป้องกัน คชรน. ๑๕ ภาคผนวก ๒๐ ๒๐ บทท่ี ๒ การป้องกนั คชรน.เป็นบุคคล ๒๒ ตอนที่ ๑ ยทุ ธภณั ฑ์ป้องกนั ตน ๗๓ ก. หนา้ กากป้องกนั เคมี-ชีวะ ๗๖ ข. ขอ้ กำหนดสำหรับการสวมหน้ากากปอ้ งกนั เคมี-ชีวะ ๗๙ ตอนที่ ๒ เครอ่ื งแตง่ กายป้องกัน ๘๒ ก. การสวม-ถอดเคร่ืองแต่งกายปอ้ งกันช้นั นอกชนดิ อากาศผา่ นได้ ๘๗ ข. การใชเ้ คร่อื งแต่งกายป้องกนั ตนและลักษณะป้องกันตามภารกจิ ๘๗ ตอนที่ ๓ การป้องกัน และมาตรการปอ้ งกนั เป็นบุคคล ๘๘ ก. การป้องกนั และลดอันตรายจากอาวุธนวิ เคลยี ร์เป็นบุคคล ๘๙ ข. การปอ้ งกนั และลดอนั ตรายจากอาวธุ ชีวะเปน็ บุคคล ๙๐ ค. การปอ้ งกนั และลดอันตรายจากอาวุธเคมีเปน็ บคุ คล ๙๐ ๙๒ บทที่ ๓ การป้องกัน คชรน. เปน็ สว่ นรวม ๙๕ ตอนที่ ๑ การป้องกัน คชรน.เปน็ สว่ นรวม ๙๕ ตอนที่ ๒ หลกั การป้องกนั คชรน. เปน็ สว่ นรวม ๙๖ ๑๐๐ บทท่ี ๔ ทปี่ ้องกนั ภัย คชรน. สว่ นรวม ตอนที่ ๑ กลา่ วนำ ตอนท่ี ๒ ทพี่ ักกำบังป้องกนั คชรน.สว่ นรวม ตอนที่ ๓ การใชท้ ี่ป้องกันภัย คชรน. สว่ นรวม

บทท่ี ๑ กล่าวนำการป้องกัน คชรน. (Introduction to CBRN Defence) ตอนท่ี ๑ เสาหลักแห่งการป้องกนั อาวุธ คชรน. (Pillars of Defence against CBRN Weapons) .....ถึงแม้ว่ากองทพั ของเราไมม่ ่งุ หมายจะใช้ไอพษิ อันเปน็ การผิดสญั ญาแห่งสนั นิบาตชาตกิ ็ดี แต่ กระนั้น เราก็ควรจะเตรียมการปอ้ งกันไอพิษไว้โดยพรอ้ มมูลที่สุดเทา่ ท่จี ะทำได้ เมื่อเราต้องผจญกับ ไอพิษเม่ือใดจะได้ไม่อยู่ในฐานะที่งมงายด้วยความไม่รู้เสียเลยเข้าครอบงำ เหมือนอย่างกองทัพฝ่าย สมั พันธมิตรตอ้ งผจญมาแล้วเมื่อคราวมหาสงครามท่แี ล้วมา..... .....แม้การใช้ไอพิษจะเป็นการผิดสัญญาแห่งสันนิบาตชาติก็จริง แต่มีอะไรจะไปบังคับประเทศท่ี ฝา่ ฝนื ได้ ถึงประเทศใดจะเซน็ สัญญาไว้แลว้ โดยบริบูรณ์ แตก่ ็จะเช่อื ไดอ้ ย่างไรว่าประเทศนน้ั จะไมใ่ ช้ ไอพิษยามสงคราม ตัวอย่างได้เคยมจี นเห็นประจักษเ์ มือ่ คราวมหาสงครามอยู่แลว้ ..... .....เมอ่ื เราเหน็ วา่ ไอพิษเป็นอาวธุ ท่อี าจใชก้ นั ในสงครามคราวหน้าได้เช่นนี้ กย็ อ่ มจำเป็นท่ีเราจะตอ้ ง พยายามทราบเร่อื งไว้ อย่างนอ้ ยในเร่อื งการปอ้ งกัน เทา่ ท่ีจะทำได้..... พ.ต.กฤดากรราชเสนา แนวสอนการป้องกนั ไอพษิ พ.ศ.๒๔๗๘ โรงเรยี นประจำเหล่าทหารราบ กองทัพบกไทย การป้องกนั อาวธุ คชรน. มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือให้ชาติสามารถดำรงเสรีในการปฏิบัติทั้งทางการเมือง และการทหาร ไม่วา่ ภยั คุกคามจากอาวุธ คชรน.จะอยใู่ นรูปของการปรากฏ การขู่ว่าจะใช้ หรือการใช้ก็ตาม ความสำเร็จและประสิทธิผลของการปอ้ งกนั ตัง้ อยบู่ น ๔ เสาหลกั ท่สี ัมพนั ธ์กันดงั นี้ การป้องกันอาวุธ คชรน. ๑. การควบคมุ อาวธุ ๓. การปอ้ งปรามการใช้อาวธุ ๒. การป้องกันอาวธุ ๔. การป้องกันเมือ่ มกี ารใชอ้ าวธุ

๒ ๑. เสาหลกั ท่ี ๑: การควบคุมอาวธุ คชรน. (Arms Control) อารยะประเทศมีหน้าท่ีช่วยกันควบคุมอาวุธ คชรน. เพ่ือความปลอดภัยของตนเองและประชาคม โลก ฉะน้ัน จึงต้องสนับสนุนความพยายามระหว่างประเทศเพ่ือควบคุม ลด และกำจัดอาวุธ คชรน. ให้ หมดไปในท่ีสุด โดยการเป็นรัฐภาคี (member state) ความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศ (กฎหมาย ระหว่างประเทศ) ท่ีใช้ควบคุมและห้ามใช้อาวุธ คชรน. และปฏิบัติให้เป็นไปตาม (implement) พันธกรณี (obligation) ของความตกลงพหุภาคีนั้น ถึงแม้ปัจจุบันความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่าท้ังปวงจะยัง ไมส่ ัมฤทธ์ิผลในการยบั ย้ังการใช้หรือการมีอาวุธ คชรน. อย่างเปดิ เผย แต่อยา่ งน้อยกส็ ามารถป้องกนั ไม่ให้ ชาติใดสามารถผลติ และสะสมอาวุธ คชรน. จนมีปริมาณมากและเป็นภัยคกุ คามระดบั สงู [หมายเหตุ การควบคุมอาวธุ คชรน. เปน็ หน้าท่ขี องรัฐบาลทจ่ี ะตอ้ งดำเนินนโยบายและเปน็ ผู้ปฏิบตั ิ] ๒. เสาหลกั ท่ี ๒: การปอ้ งกันไม่ใหไ้ ด้รับอาวุธ คชรน. (Preventing Arms Supplies) ประชาคมโลกไมส่ ามารถพงึ่ พาความตกลงระหวา่ งประเทศว่าดว้ ยการควบคุมอาวุธโดยลำพัง ใน การป้องกันมิให้ชาติท่ีมุ่งม่ันจะมีอาวุธ คชรน. ได้รับส่ิงท่ีจำเป็นสำหรับการผลิตและระบบเคร่ืองส่งโดย อาศัยวิธีการที่ไม่เปิดเผย จึงต้องหาทางป้องกันไม่ให้ชาติท่ีประสงค์จะมีอาวุธ คชรน. โดยเฉพาะท่ีมีศักยะ เป็นข้าศึกของตนในอนาคต ได้รับเทคโนโลยีการผลิต วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ ใช้ได้สองทาง (ทางสันติและทางทหาร : dual use) และระบบเครื่องส่ง ท้ังนี้โดยอาศัยการควบคุมการ ส่งออก (export control) ป้องกันการนำผ่านและลักลอบนำออก และการงดขายและให้ความช่วยเหลือ ดา้ นอาวุธ (arms embargoes) การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลจะช่วยป้องกันไมใ่ ห้ส่ิงเหล่าน้ีจำนวนมากตก ถงึ มอื ชาติท่แี สวงหา [หมายเหตุ หน่วยราชการพลเรือนและทหารปฏิบัติตามนโยบายและคำส่ังของรัฐบาล และเป็นผู้รักษา กฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการป้องกนั ไม่ให้ไดร้ บั อาวธุ คชรน.] ๓. เสาหลักที่ ๓: การปอ้ งปรามการใช้อาวุธ คชรน. (Deterring Use) ล ำ พั ง ก า ร ค ว บ คุ ม อ า วุ ธ แ ล ะ ก า ร ป้ อ ง กั น ไม่ ให้ ได้ รั บ อ า วุ ธ ไม่ ส า ม า ร ถ ป้ อ ง กั น ก า ร แ พ ร่ ข ย า ย (proliferation) อาวุธ คชรน. จำเป็นจะต้องเสริมด้วยการป้องปราม เพื่อให้ผู้ที่มีศักยะเป็นปรปักษ์ (potential adversary) ประจกั ษ์อย่างเดน่ ชดั วา่ การใชอ้ าวธุ คชรน. • จะไม่ทำให้ได้เปรียบทางการเมืองหรือการทหาร (อาทิ ผลอันตรายไม่ทำให้เกิดประสิทธิผล ตามท่ตี ้องการ เนือ่ งจากกองทัพฝ่ายเรามกี ารป้องกัน คชรน. ทีด่ )ี • ในทางตรงกันข้าม จะได้รับการตอบโต้อย่างจริงจังและสาสมทั้งทางการทหารและทางการ เมือง • ผู้รับผิดชอบการทำให้มีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศท่ีเกี่ยวกับอาวุธ คชรน. จะต้อง ได้รับโทษเป็นบุคคล โดยเฉพาะผู้ท่ีรับผิดชอบการใช้อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในระดับใด จะตอ้ งถูกนำตัวข้นึ ศาลอาชญากรสงครามระหว่างประเทศเพื่อรบั โทษ

๓ การป้องปรามจะบังเกิดผลต่อเม่ือ ฝ่ายปรปักษ์เช่ือว่าจะไม่ได้เปรียบจากการใช้อาวุธ คชรน. และ จะ สูญเสียมากกว่าได้ การป้องปรามอาจใช้ได้ผลในขณะที่ฝ่ายปรปักษ์มีพฤติการณ์อยู่ในข้ันตรึกตรองการ โจมตี แต่จะไม่มีผลเม่ือฝ่ายปรปักษ์ไม่สามารถหรือไม่ยอมใช้เหตุผลพิจารณาการกระทำของตน หรือ ตอ้ งการจะโจมตที งั้ ทไี่ มม่ เี หตอุ า้ ง [หมายเหตุ การป้องปรามการใช้อาวุธ คชรน. เป็นการประสานการปฏิบัติระหว่างรัฐบาลและกองทัพ รัฐบาลดำเนินบทบาทด้านการเมืองเก่ียวกับกฎหมายระหว่างประเทศ กำหนดนโยบายด้านการป้องกัน ประเทศท่ีเกยี่ วกับอาวุธ คชรน. อย่างแน่ชดั และเสริมสรา้ งกองทัพให้เขม้ แข็ง เหลา่ ทัพดำเนินการดา้ นการ ปอ้ งกนั คชรน. ให้เกิดประสทิ ธิผล] ๔. เสาหลกั ท่ี ๔: การปอ้ งกันเมอ่ื มีการใช้อาวธุ คชรน. (Defending against Use) กองทัพต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ รวมทั้งภาวะ คชรน. การมีความสามารถในการป้องกัน หลายด้านและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผล จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเสาหลักอื่น มาตรการที่ใช้ ป้องกันอันตรายจากอาวุธ คชรน. จะต้องทำให้เกิดการสูญเสียประสิทธิผลทางยุทธการน้อยที่สุด และไม่ทำให้ ความลอ่ แหลมต่อการถูกโจมตดี ้วยอาวุธตามแบบมมี ากขนึ้ การป้องกันจะตอ้ งมีทางเลอื กได้หลายทางเพอื่ ความ ออ่ นตัว การปอ้ งกันอันตรายจากการใชอ้ าวุธ คชรน. ของข้าศกึ จะบงั เกิดประสิทธิผลสูงสุดเมื่อมีการดำเนินการ ๓ ประการร่วมกัน ดังน้ี การป้องกนั การใช้อาวธุ คชรน. การลดภัยคุกคาม การลดความล่อแหลม การพทิ กั ษ์กำลังรบ ๔.๑ การลดภัยคุกคาม (Threat Reduction) ถือเป็นการป้องกันเชิงรุกและเป็นการกระทำ โดยตรงเพ่ือกำจัดหรือลดภัยคุกคาม โดยทั่วไปหมายถึงการกระทำใดก็ตามที่จำเป็นเพ่ือลดความสามารถ ของฝ่ายตรงข้ามที่จะใช้อาวุธ คชรน.ต่อฝ่ายเรา อาจกระทำได้หลายรูปแบบ เช่น การโจมตีสถานท่ีผลิต สถานที่เก็บ ระบบการส่งส่งกำลัง และระบบเคร่ืองส่ง การกระทำโดยตรงจำเป็นต้องอาศัยข่าวกรองที่ แม่นยำและทันกาล เพื่อเตือนให้ทราบว่ามีภัยคุกคามและให้ข่าวสารเก่ียวกับเป้าหมายเมื่อมีความ จำเปน็ ต้องโจมตี ๔.๒ การลดความลอ่ แหลม (Vulnerability Reduction) เป็นมาตรการเพื่อลดความล่อแหลมของ ฝ่ายเราต่อการถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. อาทิ การปรับปรุงสถานที่หรืออุปกรณ์สำคัญให้สามารถป้องกัน

๔ หรือต้านทานผลอันตรายของสารเคมี-ชีวะ การใช้ส่ิงลวง (เป้าลวง) เพื่อล่อให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีผิดที่และ ไกลจากทหารและประชาชนพลเรือน และการใช้ขปี นาวธุ ตอ่ ตา้ นขีปนาวธุ ๔.๓ การพิทักษ์กำลงั รบ (Force Protection) เป็นการใช้มาตรการปฏิบัตเิ พือ่ ป้องกันอันตรายจาก การโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. อาทิ การป้องกันป้องกันร่างกาย การตรวจสารเคมี สารชีวะ และ กัมมันตภาพรังสี การรายงานตำบลเป้ือนพิษที่ตรวจพบและพื้นท่ีซ่ึงคาดว่าอันตรายจะแพร่ไปถึงในอนาคต (เพื่อการเตือนภัยอย่างทันกาล อีกท้ังให้หน่วยเหนือสามารถตัดสินใจ ควบคุมและส่ังการเพ่ือตอบสนอง สถานการณถ์ ูกโจมตีดว้ ยอาวธุ คชรน. ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง) และการทำลายล้างพิษ มาตรการปฏิบัติเพื่อพิทักษ์ กำลังรบมี ๕ ประการ คือ การป้องกันทางกายภาพ การตรวจและการพิสูจน์ทราบ การเตือนภัยและการ รายงาน การจัดการกบั อันตราย และ การป้องกันทางการแพทย์ ตอนที่ ๒ หลกั พน้ื ฐานของการปอ้ งกัน คชรน. อาวุธนิวเคลียร์ทำให้เกิดการสูญเสียด้วยแรงระเบิด รังสีความร้อน และรังสีนิวเคลียร์ ซาก ปรักหักพังของส่ิงปลูกสร้าง เพลิง และหลุมระเบิดทำให้เกิดการกีดขวางและจำกัดการใช้ภูมิประเทศ และ ยังเกิดการเป้ือนพิษกัมมันตรังสีเป็นบริเวณกว้าง อาวุธชีวะและอาวุธเคมีทำให้เกิดการป่วยและตายจาก โรคและจากพษิ ตามลำดบั นอกจากนีย้ ังทำให้พื้นทแ่ี ละสง่ิ อุปกรณ์เป้ือนพิษ ในระดับยุทธการ การป้องกัน คชรน. ที่มีประสิทธิผลจะทำให้ฝ่ายเราได้เปรียบจังหวะเวลาการ ปฏิบัติ ซ่ึงอาจทำให้ข้าศึกเลิกล้มความต้ังใจที่จะใช้อาวุธ คชรน. ต่อไป หรือต้องทำการรบต่อไปภายใต้ เงื่อนไขท่ีไม่เหมาะสม ในระดับยุทธวิธี การป้องกัน คชรน. จะช่วยให้ทหารมีชีวิตอยู่รอด ทำการรบต่อไป ได้ และประสบชัยชนะในภาวะ คชรน. ๕. ในภาวะ คชรน. ๕.๑ ในภาวะ คชรน. จำเปน็ ตอ้ งใชม้ าตรการป้องกนั คชรน. ท่วั ทง้ั ยุทธบรเิ วณ เนือ่ งจากอาวุธ คช รน.เป็นภัยคุกคามตลอดความลึก ทหารทุกนายและทุกหน่วยจึงต้องเตรียมความพร้อมท่ีจะเผชิญกับภัย คกุ คามน้ี ๕.๒ ในภาวะ คชรน. หนว่ ยจะประสบความยุ่งยากยิ่งข้ึนในการยุทธ ภารกิจการรบ การสนับสนุน การรบ และการสนับสนุนการช่วยรบ ล้วนปฏิบัติได้ด้วยความยากลำบากและต้องใช้เวลามากกว่าปกติ นอกจากนมี้ าตรการป้องกนั ยงั ทำใหเ้ กิดการสูญเสยี ประสิทธภิ าพ ๕.๓ การปอ้ งกัน คชรน. เป็นการปฏิบัติท่ีมุ่งประสงค์ให้ทั้งกำลังพลและหน่วยอยู่รอดและสามารถ ปฏบิ ัตภิ ารกจิ ไดต้ ่อไปเมอื่ เผชิญอันตรายจากอาวธุ คชรน. ๖. วิวฒั นาการดา้ นการป้องกัน คชรน. ตัง้ แต่คร้ังสงครามโลกครั้งที่ ๑ ความมุง่ ประสงค์ของการป้องกนั คชรน. มีพัฒนาการสำคัญ ๓ คร้ัง โดยมหี ว้ งเวลาการพัฒนาตามความมุ่งประสงคแ์ ตล่ ะประการท่ตี ้งั ไวเ้ หล่ือมกนั

๕ ปริมาณกจิ กรรม ปฏิบตั ภิ ารกิจไดต้ อ่ ไป ความอยู่รอด ลดการสูญเสยี ประสิทธิภาพ ๒๕๑๘ ๒๕๓๓ ๒๕๔๓ พ.ศ. ภาพแสดงววิ ฒั นาการของการปอ้ งกัน คชรน. ตามความมุ่งประสงค์ จากอดตี ถงึ อนาคต ๖.๑ ความพยายามเริ่มจากการทุ่มเทให้กับความอยู่รอดของกำลังพล โดยการค้นคว้าและผลิต ยุทธภัณฑ์ปอ้ งกันรา่ งกายเป็นอันดับแรก ตามดว้ ยการรักษาพยาบาลผู้ป่วย และเสรมิ ด้วยการเตือนภัยและ การทำลายล้างพษิ ๖.๒ ต่อมาความพยายามมุ่งไปท่ีการทำให้กำลังพลและหน่วยสามารถปฏิบัติภารกิจได้ต่อไป ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปื้อนพิษ ในห้วงแห่งความพยายามน้ีการตรวจและท่ีป้องกันภัย คชรน. สว่ นรวมได้รบั การพัฒนาขนึ้ มาก ๖.๓ ความพยายามในปัจจุบันและอนาคตมุ่งไปท่ีการลดการสูญเสียประสิทธิภาพให้เหลือน้อย ท่ีสดุ เพอื่ ลดความอึดอดั ไม่สะดวกสบายจากการใช้ยุทธภัณฑ์ป้องกนั รา่ งกายและขอ้ จำกัดจากการใชั ท่ี ปอ้ งกันภัย คชรน. ส่วนรวม โดยมุ่งให้ความจำเป็นในการใช้ยุทธภัณฑ์ดังกล่าวมรี ะยะเวลาสั้นทีส่ ุด และใน ระหว่างนั้นให้ได้รับความไม่สะดวกน้อยที่สุดเท่าท่ีจะทำได้ สิ่งท่ีพัฒนาข้ึนคือการหลีกเล่ียงการเป้ือนพิษ และการฟ้ืนคืนประสิทธภิ าพทีเ่ สยี ไปให้กลับคืนมาอยา่ งรวดเร็ว ๗. ความมุ่งประสงค์ในการป้องกัน คชรน. วิวัฒนาการด้านการป้องกัน คชรน. ข้างต้นเป็นการปฏิบัติที่มุ่งประสงค์ให้ทั้งกำลังพลและหน่วย อยู่รอดหรือได้รับอันตรายน้อยท่ีสุด เมื่อถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. และดำรงความสามารถในการ ปฏิบตั กิ ารยทุ ธจนบรรลุภารกิจทไ่ี ด้รบั มอบ เพือ่ ใหบ้ รรลุความมงุ่ ประสงคด์ ังกลา่ ว จำเป็นจะตอ้ ง • ตดิ ตามสถานการณก์ ารเปื้อนพิษและหลกี เลี่ยงไมใ่ หเ้ กิดการเปอื้ นพษิ โดยใช้การเฝ้าตรวจ การ ตรวจหา การลาดตระเวน คชรน.และระบบการเตือนภยั และการแจ้งภยั คชรน. • ป้องกันการสูญเสียและจำกัดการสญู เสียประสิทธิภาพในสถานการณ์ท่มี ีการเปื้อนพษิ โดยใช้ มาตรการป้องกนั คชรน. เป็นบุคคลและเปน็ ส่วนรวม • ฟน้ื คนื สภาพประสิทธิภาพทีเ่ สยี ไปเมอ่ื เปื้อนพษิ ดว้ ยการทำลายลา้ งพษิ

๖ ๘. หลักพืน้ ฐานการป้องกัน คชรน. (Fundamental Principles of NBC Defence) ความมุ่งประสงค์ดังกล่าวข้างต้นถูกนำมาแปลงเป็นหลักพ้ืนฐานการป้องกัน คชรน. ๓ ประการ ใหก้ ำลังพลและหนว่ ยยึดถือเปน็ หลักปฏิบตั ิ เพื่อใหก้ ารป้องกัน คชรน.สัมฤทธิผล ฉะนั้น การปฏบิ ัติทุกครั้ง ของกำลังพลและหน่วยในภาวะ คชรน. จึงตอ้ งตั้งอยบู่ นหลักพน้ื ฐานการปอ้ งกันทงั้ ๓ ประการน้ี ซ่งึ ไดแ้ ก่ • หลกี เล่ียงการเปอ้ื นพิษ (Contamination Avoidance) • ป้องกนั (Protection) • ทำลายลา้ งพิษ (Decontamination) ๙. การหลีกเล่ยี งการเป้ือนพิษ หลักพืน้ ฐานของการปอ้ งกนั คชรน. ข้อนเ้ี ป็นหลักพืน้ ฐานประการสำคัญท่สี ุด ถ้าทำได้สำเรจ็ จะ ทำให้มคี วามจำเปน็ น้อยลงหรือไมจ่ ำเป็นต้องใชห้ ลักพน้ื ฐานทีเ่ หลืออีกสองประการ ๙.๑ การหลีกเลย่ี งการเป้ือนพิษมวี ัตถุประสงคเ์ พอ่ื • ลดความเสีย่ งตอ่ การถูกโจมตีด้วยอาวธุ คชรน. • จำกัดผลของอันตรายจากการเป้อื นพิษใหเ้ หลือน้อยท่ีสดุ ๙.๒ การทราบว่ามีการเปื้อนพิษ ณ ที่ใด หรือ ทราบว่าอันตรายจากการเปื้อนพิษจะคงอยู่นาน เพยี งใด เปน็ ขา่ วสารท่ีจำเป็นสำหรบั การหลีกเล่ยี งการเปือ้ นพษิ ๙.๓ การหลีกเล่ียงการเป้ือนพิษจะประสบผลสำเร็จได้ จะต้องใช้มาตรการ ๔ ประการต่อไปนี้ ประกอบกัน • ใชม้ าตรการป้องกนั เชงิ รับ • เตือนภัยและรายงาน • ค้นหา พิสูจนท์ ราบ ตดิ ตาม และพยากรณ์การเปอื้ นพิษ • จำกัดการไดร้ ับพิษ ๙.๔ การใชม้ าตรการป้องกันเชิงรบั (Implement Passive Defensive Measures) หมายถงึ การ ใชม้ าตรการปฏบิ ัติเพ่ือลดความลอ่ แหลมต่อการถกู โจมตดี ้วยอาวุธ คชรน. หรือถา้ ถกู โจมตี เพื่อลดผลของ อันตรายจากการโจมตี ถึงแม้การใช้มาตรการป้องกันเชิงรุก (proactive defensive measures) ซึ่งได้แก่ การค้นหาและทำลายสถานที่ผลิตและเก็บอาวุธ คชรน. หรือระบบเครื่องส่งของฝ่ายตรงข้ามก่อนท่ีจะถูก นำออกใช้ จะเป็นวิธีลดความเส่ียงต่อการถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน.ที่ดีที่สุด แต่มีเพียงหน่วยระดับสูง เท่าน้ันท่ีจะสามารถทำเช่นนี้ได้ หน่วยระดับกองทัพน้อยลงมาทำได้เพียงค้นหาและทำลายอาวุธและระบบ เครื่องส่ง และยังคงต้องพึ่งพามาตรการป้องกันเชิงรับ ซึ่งเป็นมาตรการส่วนใหญ่ท่ีหน่วยในสนามใช้กันอยู่ แล้วตามปกติ ไดแ้ ก่

๗ ๙.๔.๑ การวางแผนล่วงหน้า ในภาวะ คชรน. การปฏิบัติภารกิจมีความยุ่งยากมากกว่าปกติ เนื่องจากการสูญเสียประสิทธิภาพท่ีเกิดจากการใช้ยุทธภัณฑ์ป้องกัน ผู้บังคับหน่วยจะต้องขยายเวลาการ ปฏิบัตอิ อกไปตามความจำเป็น (FM 3-4 มีตารางชว่ ยในการประมาณระยะเวลาท่ีจำเป็นสำหรบั การปฏิบัติ ภารกิจต่าง ๆ ในภาวะ คชรน. ) อีกท้ังสะสมยุทธภัณฑ์ป้องกันให้เพียงพอต่อความต้องการ และการ สิ้นเปลืองตามสถานการณ์ท่ีประมาณไว้ จึงวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบเพ่ือหาหนทางปฏิบัติท่ีดีท่ีสุด หนว่ ยต้องวางแผนใหป้ ฏบิ ัตภิ ารกิจได้ตอ่ ไปภายหลงั ทฝ่ี ่ายตรงข้ามโจมตดี ว้ ยอาวุธ คชรน. ๙.๔.๒ การป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตรวจพบ เป็นการปฏิบัติท่ีดีท่ีสุดสำหรับการป้องกัน ไม่ให้ถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. ทำได้โดยรักษาวินัยการรักษาความปลอดภัยทางการยุทธ์ (operational security - OPSEC) อย่างเคร่งครัด มาตรการรักษาความปลอดภัยทางการยุทธ์ได้แก่ การพราง การรักษา วนิ ัยในการใชแ้ สง การรักษาความปลอดภัยทางการสื่อสาร (signal security - SIGSEC) และใช้มาตรการ ต่อต้านและตอบโต้ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic counter measures - ECM, electronic counter- counter measures - ECCM) เพอ่ื ป้องกนั ไม่ให้ฝา่ ยตรงข้ามไดร้ บั ข่าวสารทีต่ ้องการในการค้นหาเป้าหมาย และลดโอกาสการพิสูจน์ทราบหนว่ ยและที่ตั้งของกำลังฝ่ายเรา ๙.๔.๓ การแจ้งเตือน การแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับอันตรายที่มีในสนามรบเป็นมาตรการที่ สำคัญยิ่งถ้าไม่สามารถป้องกันการถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. ได้ หน่วยจะต้องได้รับแจ้งให้ทราบว่ามี อันตรายตามลมและให้ทราบว่ามีหน่วยใดท่ีถูกโจมตี เพ่ือให้หน่วยสามารถใช้มาตรการป้องกันท่ีจำเป็นได้ ทนั เวลาก่อนท่ีอันตรายจะมาถึงหรือหลกี เล่ียงอันตรายโดยส้ินเชิง การติดตั้งระบบสญั ญาณแจ้งภัยสารเคมี อัตโนมัติหรือเครื่องตรวจสารชีวะเหนือลมจากที่ตั้งหน่วยหรือการเฝ้าตรวจรังสี จะแจ้งเตือนการมาถึงของ อนั ตราย (กลมุ่ ไอและแอโรซอล สารเคม-ี สารชีวะหรอื ฝ่นุ กมั มันตรังสีในอากาศ) ทหารต้องทราบวา่ อนั ตราย จากอาวุธ คชรน. มีลักษณะอย่างไร เม่ือเผชิญกับอันตรายจะได้ตอบสนองได้อย่างถูกต้อง หน่วยต้องทำ การลาดตระเวน คชรน. กอ่ นการเคล่อื นย้าย เพ่อื มใิ หเ้ ข้าไปในพ้นื ทเี่ ปื้อนพษิ โดยไม่รตู้ ัว ๙.๔.๔ การรักษาวินัย กำลังพลในหน่วยต้องรักษาวินัยในการป้องกัน คชรน. อย่างเคร่งครัด และมีความเช่ือม่ันว่าหน่วยสามารถอยู่รอดและปฏิบัติการได้ต่อไปเม่ือถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. หน่วยจึง จะสามารถผ่านพ้นภาวะช็อกหลังจากถูกโจมตีและปฏิบัติภารกิจได้ต่อไป ผู้บังคับหน่วยจะต้องวางใจได้ว่า กำลังพลจะสวมยุทธภัณฑ์ป้องกันเมอื่ จำเป็นและจะไมถ่ อดออกจนกว่าจะได้รับคำสัง่ จงึ ต้องฝึกให้กำลังพล ในหน่วยสามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานขณะสวมยุทธภัณฑ์ป้องกัน และถอดออก ได้ต่อเมอ่ื ไดร้ ับคำสั่งเท่าน้นั ๙.๔.๕ การหาท่ีป้องกัน ในการใช้ที่ป้องกันอันตรายจากอาวุธ คชรน. ต้องระวังผลเสียจาก สถานที่ดังกล่าวด้วย อาทิ ภูมิประเทศอาจให้การกำบังได้ แต่ท่ีต่ำ เช่น คู หุบเขา และหลุม เป็นที่สะสม สารเคมี ป่าทึบอาจให้การป้องกันของเหลวจากการพ่นละอองหรือกระสุนแตกอากาศตกใส่ร่างกาย แต่มี อันตรายจากกลุ่มไอเพิ่มข้ึน (ศึกษารายละเอียดในวิชาสภาพอากาศฯ) นอกจากที่ป้องกันตามธรรมชาติ แล้ว การสร้างหลังคาหรือใช้ส่ิงปิดคลุมเหนือศีรษะ เช่น ผ้าเต็นท์ หรือผ้ากันฝน จะช่วยป้องกันการตกใส่ ของสารเคม-ี ชีวะและฝุ่นกัมมันตรงั สไี ด้ แม้การหลบเข้าในรถหรอื ใตท้ ้องรถก็ชว่ ยได้

๘ ๙.๔.๖ การกระจายกำลัง หน่วยสนับสนุนการช่วยรบและกำลังท่ีอยู่ในพื้นที่รวมพลมีความ ล่อแหลมสูงต่อการถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. ผู้บังคับหน่วยต้องกำหนดความเหมาะสมของการกระจาย กำลัง เพราะการกระจายกำลังมากเกินไปอาจขัดกับแผนการยุทธ์หรอื ทำให้การรวมกำลงั ในเวลาท่ีต้องการ ณ ท่ีที่ต้องการ ล้มเหลว การกระจายกำลังพึงกระทำมากน้อยเพียงใดข้ึนอยู่กับการพิจารณาปัจจัย METT-T (Mission, Terrain, Troops and Time available ภารกิจ ข้าศึก ภูมิประเทศ กำลังฝ่ายเรา และเวลาทมี่ ีอยู่) ๙.๔.๗ รักษาสภาพความคล่องแคล่ว การวางกำลังเป็นเวลานานย่อมเพิ่มความเสี่ยงต่อการ ถกู ตรวจพบ พสิ ูจน์ทราบ และตกเป็นเป้าหมายการโจมตี ความคล่องแคล่วทางยุทธวิธจี ะช่วยไม่ใหฝ้ ่ายตรง ข้ามสามารถทราบที่ตั้งหน่วยและใช้อาวุธ คชรน. โจมตีได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตามส่ิงกีดขวางในสนาม รบ อาทิ พ้ืนที่เป้ือนพิษ ต้นไม้ล้ม เพลิง ซากปรักหักพัง และหลุมระเบิด จะจำกัดการเคล่ือนย้าย ในการ เคล่ือนย้ายแต่ละครั้งควรพิจารณาภูมิประเทศให้ดี เพราะการวางกำลังในภูมิประเทศใหม่อาจทำให้ เสียเปรียบด้านการรบ และการเคลื่อนย้ายหน่วยบ่อยครั้งเกินไปอาจกระทบกระเทือนต่อแผนการดำเนิน กลยุทธ์ ๙.๔.๘ ปิดคลุมส่ิงอุปกรณ์และยุทธภัณฑ์ ส่ิงอุปกรณ์และยุทธภัณฑ์สำคัญจะต้องปิดคลุมไว้ ไม่ให้เป้ือนพิษจากการตกใส่ของสารเคมี-ชีวะหรือฝุ่นกัมมันตรังสี การเก็บไว้ในอาคารให้การป้องกันได้ดี ทส่ี ุด แตถ่ ้าอยู่กลางแจ้งจะต้องปดิ คลมุ ดว้ ยวสั ดุ เชน่ ผา้ เต็นท์ ผา้ พลาสตกิ ๙.๔.๙ จำกัดการได้รับพิษ กำลังพลย่ิงอยู่ท่ามกลางส่ิงแวดล้อมที่เป้ือนพิษนานเท่าใดย่ิงมี โอกาสได้รับอนั ตรายจากพิษมากเท่านัน้ - การส่งกำลังพลเข้าไปในพ้ืนท่เี ป้ือนพิษจะต้องจำกัดจำนวนเฉพาะที่จำเป็นสำหรับปฏิบตั ิ ภารกิจเท่านั้นและต้องปกคลุมยุทโธปกรณ์ท่ีจะนำเข้าไป ท้ิงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่ไม่จำเป็นไว้นอก พ้ืนที่เป้ือนพิษ เพ่ือจำกัดการสูญเสียท่ีอาจเกิดข้ึนและจำกัดจำนวนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ท่ีจะต้อง ทำลายล้างพษิ ในภายหลงั ใหม้ ีน้อยทีส่ ุด ถา้ ทำไดค้ วรรอใหร้ ะดับการเป้อื นพิษลดลงจงึ เข้าไป - ในกรณีที่หน่วยตรวจพบหลังการโจมตีว่าตกอยู่ท่ามกลางพ้ืนท่ีเปื้อนพิษ จะต้อง เคลื่อนย้ายออกจากพื้นท่ีเป้ือนพิษทันทีที่สถานการณ์ทางยุทธวิธีอำนวย โดยเลือกใช้เส้นทางท่ีไม่เปื้อนพิษ หรอื เปื้อนพษิ น้อยทส่ี ดุ ซึง่ ต้องให้หนว่ ยลาดตระเวน คชรน.สำรวจหาเส้นทางเสียกอ่ น - การเป้ือนพิษอาจเกิดโดยอุบัติเหตุ กำลังพลอาจไม่ทราบว่าพื้นท่ีใดหรือยุทโธปกรณ์ ชิ้ น ใด เปื้ อ น พิ ษ จึงต้ อ งป้ อ งกั น โด ย ติ ด ป้ าย เค ร่ือ งห ม าย เตื อ น ภั ย ก ารเปื้ อ น พิ ษ ค ช ร น . (CBRN Contamination Marking Signs) เพ่ือเตอื นภัย ๙.๔.๑๐ ป้องกันการแพร่กระจายพิษ โดยจำกัดการเปื้อนพิษให้มีในพ้ืนท่ีเล็กที่สุดเท่าที่จะ ยอมให้มไี ด้ เร่ิมทีก่ ารสำรวจเพื่อใหท้ ราบถงึ ปรมิ าณและขอบเขตการเป้ือนพิษ ทำเครอื่ งหมายเตือนภยั พื้นท่ี เป้ือนพิษสาร คชรน. ที่ทราบท้ังหมดและรายงานตำแหน่งให้หน่วยเหนือและหน่วยข้างเคียงทราบ เพ่ือ ป้องกันไม่ให้หลงเข้าไป หน่วยท่ีเคล่ือนย้ายออกจากพ้ืนที่เป้ือนพิษไปยังพื้นท่ีไม่เปื้อนพิษจะต้องได้รับการ

๙ ทำลายล้างพิษใกล้กับขอบนอกของพื้นท่ีเปื้อนพิษน้ัน เส้นทางออกจากพ้ืนท่ีเปื้อนพิษให้ใช้เส้นทางเดียว หรือน้อยเส้นทางที่สุดเทา่ ทจ่ี ะทำได้ ๙.๕ การเตือนภัยและการรายงาน (Warn and Report) เม่ือเกิดการโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. ทหารทุกนายท่ีอาจได้รับอันตรายจากการโจมตีนั้นจะต้องได้รับการเตือนภัย เพื่อให้สามารถป้องกันตนได้ ทันเวลาก่อนอันตรายจะมาถึง ระบบการเตือนภัยและการรายงาน คชรน. NBC Warning and Reporting System - NBCWRS) ใช้เพ่ือเตือนภัยและรายงานเก่ียวกับอันตรายจากการโจมตีด้วยอาวุธ คชรน. ระบบนี้ใช้ข้อความและวิธีการส่งท่ีเรียบง่ายเพื่อให้สามารถส่งข่าวได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการ เข้าใจ การใช้โปรแกรมและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะช่วยให้สามารถรับ-ส่งข่าวได้รวดเร็วและง่าย ย่งิ ขน้ึ ๙.๖ การค้นหา พิสูจน์ทราบ ติดตาม และการพยากรณ์การเป้ือนพิษ (Locate, Identify, Track and Predict Hazard) ข่าวสารข้อมูลท่ีไดจ้ ากการค้นหา พิสูจน์ทราบ ติดตาม และ/หรอื การพยากรณ์การ เป้ือนพิษ จะช่วยให้ผู้บังคับหน่วยตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อจะต้องปฏิบัติภารกิจท่ามกลางหรือนอกเขต อันตราย ๙.๗ การจำกัดการได้รับพิษ (Limiting Contamination) ถ้าหน่วยจำเป็นต้องปฏิบัติการในพ้ืนท่ี เปอ้ื นพิษ ผู้บงั คบั หน่วยจะต้องใชม้ าตรการเพ่ือจำกัดการได้รับพษิ สำหรับกำลังพลและยุทโธปกรณ์ แผนทุก แผนต้องบรรจุมาตรการปฏิบัติเพ่ือจำกัดการได้รับพิษภายหลังการถูกโจมตีด้วยอาวุธ คชรน . การ “มองเห็นสนามรบ” เปน็ สงิ่ จำเปน็ สำหรบั ผ้บู งั คับหน่วยและในภาวะ คชรน.ตอ้ งอาศัยการลาดตระเวน คชรน. ๑๐. การปอ้ งกนั การป้องกันเป็นหลักพื้นฐานที่สองของการป้องกัน คชรน. ซ่ึงจะใช้ต่อเม่ือไม่สามารถหลีกเลี่ยงการ เปื้อนพิษได้ การป้องกัน คชรน. กระทำเป็น ๒ ระดบั อย่างสัมพนั ธก์ นั เพ่ือความอยู่รอดของกำลงั พลแตล่ ะนาย และความอยู่รอดของหนว่ ย ดงั นี้ • การป้องกันเป็นบุคคล (Individual Protective Measures) เป็นการใช้ยุทธภัณฑ์ ปอ้ งกนั ตนและปฏิบัตติ ามมาตรการป้องกันกอ่ น ระหวา่ ง และภายหลังการโจมตี เพื่อให้กำลังพลแต่ละนาย ไม่จำกัดช้ันยศ ตำแหน่งหน้าที่ หรือเพศ มีชีวิตอยู่รอดในเบื้องต้นและสามารถปฏิบัติการต่อไปได้ใน สภาพแวดลอ้ มเปอ้ื นพิษ • การป้องกันเป็นส่วนรวม (Collective Protection Measures) เป็นการใช้ ยุทธภัณฑ์ป้องกันประจำหน่วยและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันท่ีหน่วยกำหนด เพอ่ื ความอยู่รอดของหนว่ ย และกำลังพลในหน่วยเป็นส่วนรวม ซึ่งจะส่งให้หน่วยสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างต่อเน่ืองเป็นเวลานาน และบรรลุภารกจิ ในภาวะ คชรน.

๑๐ ๑๑. การทำลายล้างพิษ ๑๑.๑ การทำลายล้างพิษเป็นหลกั พ้นื ฐานทสี่ ามของการป้องกัน คชรน. จะปฏิบตั ิเม่อื มกี ารเป้ือน พิษและมีความจำเป็นที่จะต้องทำลายล้างพิษที่ร่างกาย ยุทโธปกรณ์ ส่ิงอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความ สะดวก เวลาท่ีต้องเริ่มและเวลาท่ีใช้ในการทำลายล้างพิษ และขอบเขต (ความมากน้อย) ของการทำลาย ล้างพิษ ข้ึนอยู่กับสถานการณ์ทางยุทธวิธี ภารกิจ ชนิดและปริมาณการเป้ือนพิษ และความสามารถในการ ทำลายล้างพษิ (กำลังพล เครอื่ งมอื สารทำลายล้างพิษ น้ำ ฯลฯ) ๑๑.๒ การทำลายล้างพิษมีวัตถุประสงค์เพ่ือป้องกันการสูญเสียกำลังพล และเพ่ือฟ้ืนคืนสภาพ อำนาจการรบซ่ึงสูญเสียไปเน่ืองจากการเป้ือนพิษท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ หรือจากมาตรการป้องกันที่ไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทำลายล้างพิษอย่างประณีตต้องใช้เวลาและการสนับสนุนทางการส่งกำลัง มากมาย การหลกี เลีย่ งการเปือ้ นพษิ จึงยังคงมีความสำคัญเป็นอันดบั หน่ึง ตอนท่ี ๓ ระบบการป้องกัน คชรน. (CBRN Defence System) ๑. การป้องกันทางกายภาพ การพิทักษ์กำลังรบ ๕. การปอ้ งกนั ทางการแพทย์ ระบบการป้องกัน คชรน. ๓. การเตือนภยั และการรายงาน ๒. การตรวจและพิสูจน์ทราบ ๔. การจัดการกับอันตราย การพิทักษ์กำลังรบ (Force Protection) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ การป้องกันเม่ือมี การใช้อาวุธ คชรน. (Defending against Use) (ข้อ ๔.๓) ซ่ึงจะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบเพ่ือให้ บรรลุความมุ่งประสงค์ของการป้องกัน คชรน. การพิทักษ์กำลังรบต้องใช้การปฏิบัติ ๕ ประการร่วมกัน ดังนี้ การป้องกันทางกายภาพ การตรวจและพิสูจน์ทราบ การเตือนภัยและรายงาน การจัดการกับ อันตราย และการปอ้ งกนั ทางการแพทย์ ๑๒. การปอ้ งกนั ทางกายภาพ (Physical Protection) การป้องกันทางกายภาพเป็นการป้องกันร่างกาย ซ่ึงประกอบด้วยระบบทางเดินลมหายใจ นัยน์ตา ผิวหนัง และระบบทางเดินอาหาร ต่ออันตรายจากสารเคมี สารชีวะ และฝุ่นกัมมันตรังสี การป้องกัน ร่างกายจำเป็นตอ้ งใช้

๑๑ ๑๒.๑ ยุทธภัณฑ์ป้องกันตน (Individual Protective Equipment, IPE หรือ Personal Protective Equipment, PPE) ซึ่งประกอบด้วย หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เครอื่ งแต่งกายป้องกัน ยาป้องกันและยาแก้ พิษจากสารประสาท ชุดทำลายล้างพิษบุคคล และเคร่ืองวัดปริมาณรังสี ตามปกติหน่วยจะกำหนดจำนวน ช้ินของเครื่องแต่งกายป้องกัน ให้กำลังพลสวมให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วย ระดับภัยคุกคาม และ สภาพอากาศ ทั้งนี้โดยกำหนดเป็น ลักษณะป้องกันตามภารกจิ (Mission Oriented Protective Posture, MOPP หรอื ลภ.) ๑๒.๒ ท่ีป้องกันภัย คชรน.ส่วนรวม (Collective Protection, COLPRO) หมายถึง พ้ืนที่ปิด (enclosure) หรือท่ีพักกำบัง (shelter) จัดไว้ให้กำลังพลจำนวนหน่ึงใช้ป้องกันอันตรายจากสารเคมี ชีวะ และฝุ่นกัมมันตรังสี โดยไม่ต้องพึ่งพายุทธภัณฑ์ป้องกันตน เพราะติดต้ังเครื่องกรองอากาศขนาดใหญ่ ซึ่ง สามารถกรองสารเคมี ชีวะ และฝุ่นกัมมันตรังสี และทำให้ภายในมีความดันอากาศสูงกวา่ ภายนอก อากาศ เป้ือนพิษภายนอกจึงไม่สามารถเข้าไปภายในได้ ที่ป้องกันภัย คชรน.ส่วนรวมจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน เช่น ท่ีบังคับการ ท่ีรักษาพยาบาลผู้ป่วยไม่เปท้อนพิษ ศูนย์การสื่อสาร ท่ีควบคุมการยิง ห้องปฏิบัติการ ภายในยานเกราะ หรือเป็นสถานที่ให้กำลังพลท่ีสวมยุทธภัณฑ์ป้องกันตนติดต่อกันมาเป็นเวลานาน ได้ ผลดั เปล่ียนหมนุ เวยี นกันเข้าไปพักผ่อน เพราะสามารถถอดยุทธภัณฑป์ ้องกันตนออกได้โดยไมเ่ ป็นอนั ตราย แมบ้ รรยากาศภายนอกจะเปื้อนพิษ ๑๓. การตรวจและการพสิ ูจนท์ ราบ (Detection and Identification) ๑๓.๑ กำลังพลท่ียังไม่ได้ป้องกันตนจะหลีกเล่ียงการได้รับสารเคมี ชีวะ หรือกัมมันตภาพรังสีใน ความเข้มข้นสูงได้ ต่อเม่ือสามารถตรวจพบอนั ตรายไดท้ ันก่อนท่ีอันตรายจะมาถึงตัว และเมอื่ ตรวจพบแล้ว จะต้องเตือนภัยฝ่ายเดียวกันทันที และทำการตรวจ พิสูจน์ทราบชนิดของสารในเวลาต่อมา (ถา้ เครอ่ื งตรวจไม่สามารถพสิ ูจน์ทราบไดเ้ ม่ือตรวจพบ) และถ้าจำเปน็ ใชม้ าตรการตอ่ ตา้ นทางการแพทย์ ๑๓.๒ เน่ืองจากอันตรายจากอาวุธ คชรน.มีหลายรูปแบบ จึงต้องใช้เคร่ืองตรวจหลายชนิดและ หลายแบบ อาทิ รถตรวจ คชรน. (ถ้าเปน็ รถเกราะอาจเรียกรถสำรวจหรือรถลาดตระเวน) รถตรวจสารชีวะ เครื่องตรวจสารเคมีแบบมอื ถอื แสดงผลการตรวจเร็ว (CAM : เคร่ืองสัญญาณแจ้งภัยสารเคมอี ัตโนมัติ และ เคร่อื งวัดอตั รารังสี นอกจากน้ี กำลงั พลยังมกี ระดาษตรวจสารเคมี และเครอ่ื งวัดปรมิ าณรังสี ๑๓.๓ การเฝ้าตรวจหรือการตรวจจับ (Monitoring) เป็นการปฏิบัติก่อนการโจมตีหรือก่อน อันตรายเคลื่อนตามลมมาถึงท่ีตั้งหน่วย กระทำเม่ือหน่วยไดร้ ับการแจ้งเตือนจากหน่วยเหนือ เมื่อตรวจพบ อนั ตรายเครือ่ งตรวจจะส่งสญั ญาณแจ้งภัย จะต้องแจง้ ให้หนว่ ยเหนือและหน่วยข้างเคยี งทราบโดยอัตโนมัติ ผ่านทางระบบส่อื สารหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ๑๓.๔ การตรวจหา (Detection) เปน็ การปฏิบตั ิภายหลังการโจมตีหรอื เม่ือได้รับรายงาน เพอ่ื • คน้ หาตำแหนง่ ของการเปื้อนพษิ และให้ทราบขอบเขตของพื้นทเี่ ป้ือนพิษ • พสิ ูจนท์ ราบชนิดของสาร เพื่อยืนยนั การโจมตี หรือยืนยันวา่ การโจมตีไม่ได้เปน็ การ โจมตีด้วยอาวุธ คชรน. ให้ทราบว่ายงั มกี ารเป้ือนพิษเหลืออยู่หรอื ไม่และที่ใดบา้ ง

๑๒ ๑๔. การเตอื นภยั และการรายงาน (Warning and Reporting) การเตือนภัยและการรายงาน สัญญาณแจง้ ภัยเฉพาะตำบล ป้ายเตอื นภัย คชรน. ระบบการรายงาน คชรน. การกระจายข่าวสารข้อมูลเก่ียวกับอันตรายและการโจมตีด้วยอาวุธ คชรน.จะต้องกระทำอย่าง รวดเร็วและเปน็ ระบบ จึงจะช่วยให้กำลังพลและหน่วยสามารถหลกี เล่ียงและปอ้ งกันอนั ตรายจากอาวธุ คช รน.ได้ทันเวลา ซ่งึ จะต้องอาศัยสญั ญาณแจ้งภยั เฉพาะตำบล ป้ายเตือนภยั และระบบการรายงาน ๑๕. การจดั การกับอันตราย (Hazard Management) เม่ือมอี ันตรายจากอาวุธ คชรน. จะต้องจัดการกบั อันตรายโดยการควบคุมและกำจัดการเปื้อนพิษ (contamination) ให้เหลือน้อยที่สุด วิธีจัดการกับอันตรายจากการเป้ือนพิษได้แก่ การหลีกเลี่ยงไม่เข้าไป ในพน้ื ทเี่ ปือ้ นพษิ การทำให้ยทุ โธปกรณเ์ ปอ้ื นพษิ ยาก การควบคุมการเปอื้ นพิษ และการทำลายลา้ งพษิ ๑๖. การป้องกันทางการแพทย์ (Medical Protection) การป้องกันทางการแพทย์ประกอบด้วย มาตรการต่อต้านทางการแพทย์และการสนับสนุนทาง การแพทย์ ๑๖.๑ มาตรการตอ่ ต้านทางการแพทย์ (Medical Countermeasures) ไดแ้ ก่ ☤ การให้วัคซีนปอ้ งกันโรคท่ีทราบว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เปน็ อาวุธชีวะหรือคาดว่าจะมีใช้ แก่กำลัง พลและจ่ายยารักษาโรคล่วงหน้า (Biological Treatment Sets, BATS) ให้กำลังพลใน ยทุ ธบริเวณรับประทานเพ่ือให้การปอ้ งกนั กอ่ นถกู โจมตีดว้ ยอาวุธชวี ะ ซึ่งเมอ่ื ใชร้ ว่ มกบั การ ใหย้ าปฏชิ วี นะและการรักษาภายหลงั การถกู โจมตีแลว้ จะเปน็ มาตรการช่วยชวี ิตกำลงั พล ☤ การให้ยารับประทานล่วงหน้าก่อนถูกโจมตีจาดสารประสาท (Nerve Agent Pre- treatment Sets : NAPS คือยา Pyridostigmine) เพ่ือบรรเทาความรุนแรงเม่ือได้รับ อันตรายจากสารประสาทในภายหลัง ☤ การจ่ายยาฉีดอัตโนมัติสำหรับต้านพิษสารประสาท (ATNAA : Antidote Treatment Nerve Agent Auto-injector) บรรจุยา Atropine และยาในตระกูล Oxime) ให้กำลัง พลใช้สำหรับปฐมพยาบาลตนเองและเพื่อน เมื่อได้รับอันตรายจากสารประสาท การ ตรวจน้ำและอาหารว่าปราศจากสารที่ใช้ในการสงครามเคมี สารชีวะ และสารกัมมนั ตรงั สี กอ่ นจะแจกจ่ายใหก้ ำลงั พลในยทุ ธบรเิ วณ

๑๓ ๑๖.๒ การสนบั สนนุ ทางการแพทย์ (Medical Support) ได้แก่ ☤ การรกั ษาพยาบาล และการส่งกลับกำลังพลทไ่ี ดร้ ับอนั ตรายจากอาวุธ คชรน. ☤ การจัดการกำลงั พลสญู เสียจำนวนมาก ☤ การทำลายล้างพิษผู้ป่วยทเ่ี ปื้อนพิษ ☤ การชนั สตู รโรค ตอนท่ี ๔ การจัดกำลังและการวางแผนการปอ้ งกัน คชรน. ๑๗. การจัดกำลงั เพอ่ื การป้องกัน คชรน. แนวความคิดหนึ่งในการจัดกำลังเพื่อการป้องกัน คชรน. กำหนดให้มี ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่ายอำนวยการ ฝา่ ยปฏิบตั ิการเป็นหน่วยทหารเคมี ส่วนฝา่ ยอำนวยการเป็นฝา่ ยอำนวยการเคมี ๑๗.๑ หน่วยทหารเคมี (หน่วยทหารวิทยาศาสตร์) (CBRN Defence Units) หน่วยทหารเคมีเป็น หน่วยสนับสนุนการรบ มีหน้าท่ีให้การสนับสนุนหน่วยในพื้นท่ีที่มีภัยคุกคามจากอาวุธ คชรน. โดยช่วย ทำลายล้างพิษให้กำลังพลและยุทโธปกรณ์จำนวนมากเพื่อฟ้ืนคืนสภาพประสิทธิภาพการรบของหน่วยที่ สูญเสียไป (ในกรณีวิกฤตจะช่วยทำลายล้างพิษพ้ืนท่ีปฏิบัติการสำคัญที่เป้ือนพิษ) นอกจากนี้ยังช่วยทำการ ลาดตระเวน คชรน. เพื่อค้นหาพื้นที่เปื้อนพิษและรวบรวมข่าวสารการใช้อาวุธ คชรน. ของฝ่ายตรงข้าม สำหรับใชใ้ นการเตอื นภยั หนว่ ยทจี่ ะไดร้ ับอนั ตราย ๑๗.๒ ฝ่ายอำนวยการเคมี (วิทยาศาสตร์) (Chemical Staff) ผทู้ ี่ไดร้ ับการศึกษาในหลักสตู รสูงสุด ของ ทบ.ด้านการป้องกัน คชรน. สามารถปฏิบัติหน้าท่ีเป็นฝ่ายกิจการพิเศษของหน่วยตน มีหน้าท่ีให้ ข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายอำนวยการและผู้บังคับหน่วยในเรื่องท้ังปวงที่เก่ียวกับการป้องกัน คชรน. และในยาม สงคราม ที่บัญชาการหลัก (ทก.หลัก) ของหน่วยตั้งแต่ระดับกองพลข้ึนไปจะจัด ศูนย์ คชรน. (CBRN Centre) เพื่อดำเนินการด้าน คชรน. ภายใต้การกำกับดูแลทางเทคนิคของนายทหารฝ่าย อำนวยการทางเคมี และภายใต้การกำกับดูแลทางฝ่ายอำนวยการของ สธ.๒ และ สธ.๓ และภายใต้ความ รับผิดชอบของเสนาธิการ ศูนย์ คชรน. มีเจ้าหน้าท่ีเรียกว่า ตอน คชรน. (CBRN Element หรือ CBRN Cell) ในจำนวนทสี่ ามารถปฏิบัตงิ านติดต่อกันได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๑๘. แนวความคดิ ในการวางแผนปอ้ งกัน คชรน. ๑๘.๑ เม่ือมีภัยคกุ คามจากอาวุธนิวเคลียร์ จะต้องคำนึงถงึ อันตรายจากการตกของฝุ่นกัมมันตรังสี เพ่ิมเติมจากอนั ตรายข้นั ตน้ ของอาวุธนิวเคลียรด์ ว้ ย และจะตอ้ งใช้มาตรการป้องกนั ทีเ่ หมาะสม ๑๘.๒ เม่ือมีภัยคุกคามจากอาวุธเคมี ผู้บังคับบัญชาจะต้องส่ังการให้หน่วยรองเร่ิมใช้ลักษณะ ป้องกันตามภารกิจ การโจมตีด้วยอาวุธยิงหนักและการโจมตีทางอากาศของฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการโจมตีด้วยอาวุธเคมี จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นอย่างอ่ืน นอกจากนี้ การใช้ ยทุ ธภัณฑ์ป้องกันตนยังสามารถให้การป้องกันอันตรายจากสารชีวะได้ด้วย ในเบ้ืองต้นให้สันนิษฐานว่าการ โจมตีดว้ ยอาวธุ ชีวะเปน็ การโจมตดี ว้ ยอาวธุ เคมี จนกวา่ จะพสิ จู น์ไดใ้ นภายหลังว่าไม่ใช่

๑๔ ๑๘.๓ ฝ่ายอำนวยการจะ ร่วมมือกับ หรือ อาศัยข้อมูลจากฝ่ายกิจการพิเศษสายเคมี (วิทยาศาสตร์) ประจำหน่วย เสนอแนะผู้บังคับหน่วยในเร่ืองเกี่ยวกับชนิดและระดับของภัยคุกคามด้าน คชรน. ระดับความพร้อมรบที่จำเป็นสำหรับเผชิญภัยคุกคามน้ัน และมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็น เพ่ือเป็น ขอ้ มลู ประกอบการวางแผนหรือการตดั สินใจของผู้บงั คบั หน่วย ๑๘.๔ ตามปกติจะจัดทำแผนการป้องกัน คชรน. ในหน่วยระดับกองพลหรือสูงกว่า โดยมีการ ประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยระดับเดียวกัน หลักฐานที่ใช้ในการวางแผนได้แก่ รปจ.และนโยบายหรือ คำสง่ั จากหน่วยเหนอื ถัดไป ๑๙. ข้อพจิ ารณาในการวางแผน อาวุธ คชรน.ทำให้มีกำลังพลสูญเสียจำนวนมากและเกิดการเปื้อนพิษ ซ่ึงเป็นอุปสรรคต่อการ ปฏิบัติการทางทหารและทำให้พ้ืนท่ีการรบมีอันตรายมากขึ้น อีกท้ังยังทำให้การส่งกำลังบำรุงมีความ ซบั ซ้อนมากกวา่ ปกติ ฉะน้ัน ผบู้ ังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการจึงตอ้ งคำนงึ ถึงปัจจยั ต่อไปนี้ในการวางแผน ทุกคร้งั ในภาวะ คชรน. ๑๙.๑ การปฏิบัติการมีความยงุ่ ยากข้ึนและใช้เวลามากกว่าปกติ ท้ังด้านการรบ การสนับสนุนการ รบ และการสนบั สนุนการชว่ ยรบ กิจและภารกจิ ทกุ ชนิดต้องใชเ้ วลาในการปฏิบตั ิมากข้ึนเน่ืองจากอันตราย จากการเปอื้ นพิษ หนว่ ยจะตอ้ งฝกึ กำลงั พลให้คุ้นเคยกับการปฏิบตั ิงานตามภารกิจขณะใช้ยุทธภัณฑ์ป้องกัน ตนติดต่อกนั เป็นเวลานาน เพื่อให้ทราบถึงความยากลำบากในการปฏิบัติและประมาณเวลาท่ีต้องใช้ปฏิบัติ ภารกิจได้อย่างถกู ตอ้ ง ๑๙.๒ อาวุธ คชรน. ทำให้เกิดอันตรายทั้งฉับพลันและในภายหลัง อาวุธนิวเคลียร์และอาวุธเคมี ทำให้เกิดอันตรายได้ท้ังสองแบบ ส่วนอาวุธชีวะทำให้เกิดอันตรายในภายหลัง อันตรายมีท้ังในพื้นที่โจมตี และพนื้ ทีอ่ ันตรายตามลม ๑๙.๓ ระบบ C3 จะได้รับความกระทบกระเทือน ทก.และศูนย์การสื่อสารมคี วามล่อแหลมมากต่อ การถูกโจมตี หากไม่มที ่ีป้องกันภัย คชรน. ส่วนรวมแล้ว ผู้ปฏิบัติงานจะต้องใช้ยุทธภัณฑ์ป้องกันตนเมื่อภัย คุกคามมีระดับสูง การส่ังการ การตรวจการณ์ การใช้เคร่ืองมือสื่อสาร และการปฏิบัติงานอ่ืน ทำได้ไม่ สะดวกและไม่คล่องแคล่ว นอกจากนี้ยังบอกไม่ได้ว่าใครเป็นใครถ้าไม่มีการทำเครือ่ งหมายแสดงตนติดไวท้ ี่ รา่ งกาย เพราะทกุ คนจะมหี นา้ ตาเหมือนกนั หมดเมื่อสวมยทุ ธภัณฑ์ปอ้ งกนั ตน ๑๙.๔ จะมกี ำลังพลสญู เสียจำนวนมาก ถา้ หนว่ ยไม่มคี วามพร้อมดา้ นการปอ้ งกัน คชรน. หรอื ถูกจู่ โจม กำลังพลที่เหลือจะเสียขวัญ ท้ังการสูญเสียและการเสียขวัญจะทำให้ภารกิจล้มเหลว การวางแผนหา กำลังทดแทนจะช่วยให้สามารถจัดตั้งหน่วยใหม่ได้อย่างรวดเร็วและช่วยบรรเทาความรุนแรงของ สถานการณล์ งบา้ ง ---------------------

๑๕ ภาคผนวก ประชาคมโลกตระหนักถึงอันตรายจากอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและพยายามควบ คุมการ แพรข่ ยายและพยายามลดอาวุธเหล่านี้มาแล้วต้ังแต่อดีต ต้ังแตศ่ ตวรรษท่ี ๒๐ มีการใชค้ วามตกลงพหุภาคี (multilateral treaties) ซงึ่ เป็นท่ีมาอย่างหนึ่งของกฎหมายระหว่างประเทศ (ประเพณีสากลและหลักการ ท่ัวไปของกฎหมายซ่ึงอารยะ ประเทศยอมรับ เป็นแหล่งท่ีมาท่ีเหลือ) เป็นเครื่องมือในการควบคุมและลด อาวธุ ท่ีมอี านุภาพทำลายลา้ งสงู เกือบทุกชาติในทวีปยุโรปได้ร่วมลงนามกันใน กติกาสัญญากรุงเฮก พ.ศ.๒๔๕๐ (ค.ศ.๑๙๐๗) ว่าดว้ ยการห้ามใช้ไอพษิ หรอื อาวธุ ท่มี ีพษิ ในการสงคราม ซ่ึงประเทศไทยในฐานะภาคีสนั นบิ าตชาติ (The League of Nations) ได้ลงนามด้วย หลังสงครามโลกครั้งท่ี ๑ (พ.ศ.๒๔๕๗-๖๑, ค.ศ.๑๙๑๔-๑๘) ซึ่งเป็นสงครามที่มีการใช้อาวุธเคมี กันอย่างกว้างขวางในการรบแบบสมัยใหม่ เป็นระยะที่มีการต่อต้านการใช้อาวุธเคมี มีการจัดทำพิธีสาร เจนวี าในปี พ.ศ.๒๔๖๘ (ค.ศ.๑๙๒๕) แต่กไ็ มส่ ามารถยับยงั้ การใช้อาวธุ เคมไี ด้ ในสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ (พ.ศ.๒๔๘๒-๘๘, ค.ศ.๑๙๓๙-๔๕) สหรัฐอเมริกาใช้ระเบิดนิวเคลียร์ โจมตีญ่ีปุ่นเม่ือเดอื นสิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๘ ซ่ึงเป็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์คร้ังแรก หลังจากน้ันหลายประเทศ ตา่ งพัฒนาอาวุธนิวเคลยี ร์ขน้ึ และแพร่ขยายสงู สดุ ในยุคสงครามเย็นจนทำให้มกี ารจัดทำสนธิสญั ญาไม่แพร่ ขยายอาวธุ นวิ เคลยี ร์ ในปี พ.ศ.๒๕๑๑ (ค.ศ.๑๙๖๘) ความตึงเครียดในยุคสงครามเย็นก่อให้เกิดความห่วงใยว่าจะมกี ารใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายลา้ ง สูงกันมาก จึงบังเกิดความพยายามในท่ีประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ (Conference on Disarmament) ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ นครเจนีวา ที่จะกำจัดอาวุธชีวะให้หมดไป เพ่ือลดความรุนแรงของ การสรู้ บและการสูญเสยี ชีวติ จนเป็นผลใหม้ กี ารจัดทำอนสุ ัญญาหา้ มอาวุธชวี ะข้นึ ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ (ค.ศ. ๑๙๗๒) ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ มีความพยายามที่จะกำจัดอาวุธเคมีให้หมดไปอีกคร้ัง เมื่อสหประชาชาติจัดทำ อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี หลังจากท่ีใช้เวลาเจรจาและยกร่างมานานถึง ๒๔ ปี อนุสัญญาฉบับนี้ทำให้การ ห้ามอาวุธเคมีมีผลสมบูรณ์ที่สุดเท่าท่ีเคยทำกันมา เพราะนอกจากจะห้ามพัฒนา ผลิต สะสม และใช้อาวุธ เคมีไม่ว่าในพฤติการณ์ใดแล้ว (ในยามสงครามหรือยามสงบ ใช้กับพลเมืองของรัฐอื่นหรือกับพลเมืองของ ตนเอง ใช้ในอาณาเขตของตนหรือของรัฐอ่ืน ฯลฯ) ยังให้ทำลายโรงงานผลิตอาวุธเคมีและอาวุธเคมีที่มีอยู่ ในดินแดนของตนหรือที่ละท้ิงไว้ในดินแดนของรัฐอื่น นอกจากน้ียังให้มีการพิสูจน์ยืนยันความจริงหรือข้อ กล่าวหาการละเมดิ อนุสญั ญาได้ นอกจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์จะเป็นที่รังเกียจของประชาคมโลกแล้ว ยังช่วยทำให้การ พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ประสพผลสำเร็จ ดังน้ัน เพ่ือเป็นการยับยั้งการแพร่ขยายและป้องกันมิให้ชาติ มหาอำนาจนิวเคลียร์พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แบบใหม่ข้ึนมาอีก จึงมีการจัดทำสนธิสัญญาห้ามการทดลอง

๑๖ ระเบดิ นิวเคลยี รโ์ ดยสมบูรณ์ขนึ้ มาเมือ่ ปี พ.ศ.๒๕๓๙ (ค.ศ.๑๙๙๖) นับว่าเปน็ ความตกลงพหภุ าคีฉบับล่าสุด เก่ียวกบั การควบคมุ อาวุธทีม่ อี านภุ าพทำลายล้างสงู ๑. พิธสี ารเจนวี า ค.ศ.๑๙๒๕ (๒๔๖๘) ๑.๑ ชื่อเต็ม “พิธีสารว่าด้วยการห้ามใช้แก๊สท่ีทำให้หายใจไม่ออก แก๊สพิษ หรือแก๊สอื่นใน สงคราม และห้ามใช้วิธีการทางแบคทีเรียในการสงคราม” (Protocol for the Prohibition of the Use in war of Asphyxiating, Poisonous or other Gases and of Bacteriological Methods of Warfare) ๑.๒ สารสำคญั คอื ห้ามการใชอ้ าวธุ เคมแี ละอาวุธชวี ะ ๑.๓ ไมห่ า้ มการพัฒนา ผลติ สะสม ได้มา ฯลฯ ๑.๔ หลายประเทศทำข้อสงวน (reservations) ท่ีจะใช้อาวุธเหล่าน้ีโต้ตอบเช่นกัน ถ้าถูกโจมตี ก่อนดว้ ยอาวุธเหล่าน้ี จงึ ทำใหพ้ ธิ สี ารน้มี ีผลห้ามใช้อาวุธเคมแี ละชวี ะก่อน โดยปริยาย ๑.๕ ประเทศไทยเปน็ ภาคีพิธีสารนี้ ๒. สนธิสัญญาวา่ ดว้ ยการไมแ่ พร่ขยายอาวธุ นิวเคลยี ร์ ๑๙๖๘ (๒๕๑๑) ๒.๑ ช่อื ภาษาอังกฤษ Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons (NPT) ๒.๒ สารสำคัญ รัฐภาคีที่มีอาวุธนิวเคลียร์รับจะไม่โอนอาวุธนิวเคลียร์ หรือประดิษฐกรรมท่ีเป็นวัตถุ ระเบิดนิวเคลียรอ์ ่ืนของตน หรือการควบคุมอาวุธดังกล่าวให้แก่ผู้รับอื่นใดท้ังส้ิน และรับ จะไม่ช่วยเหลือไม่ว่าในทางใดก็ตามให้รัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ใดผลิตหรือได้มาซ่ึงอาวุธ นิวเคลยี ร์ รัฐภาคีท่ีมีอาวุธนิวเคลียร์รับจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีรัฐภาคีท่ีไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ เวน้ แตร่ ัฐภาคนี ั้นจะให้การสนบั สนุนรฐั ทม่ี ีอาวธุ นิวเคลียรฝ์ า่ ยท่ีเป็นปรปักษ์ รัฐภาคีที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์รับจะไม่รับโอนอาวุธนิวเคลียร์หรอื ประดิษฐกรรมท่ีเปน็ วัตถุ ระเบดิ นวิ เคลียร์โดยทางตรงหรอื ทางอ้อม และไมผ่ ลติ หรอื หามาซึง่ อาวุธเหล่านี้ รัฐภาคีรับว่าจะทำการเจรจากันเพื่อหามาตรการที่มีประสิทธิผลหยุดการแข่งขันการ สะสมอาวุธนิวเคลียร์ในเวลาเร็วที่สุด และลดอาวุธให้หมดไปภายใต้การควบคุมระหว่าง ประเทศทเ่ี ข้มงวด ให้ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency - IAEA) กำหนดวิธกี ารและเฝา้ ตรวจการขนสง่ และการใช้วัสดุนิวเคลยี ร์ และให้รฐั ภาคที ่ไี ม่ มีอาวุธนิวเคลียร์แต่ละรัฐแยกทำความตกลงกับทบวงฯ ในการปฏิบัติตาม (หมายเหตุ กจิ กรรมนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์ของรัฐภาคีท่ีมีอาวุธนิวเคลียร์ไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ของทบวงฯ)

๑๗ ๒.๓ ประเทศไทยเป็นภาคีสนธิสัญญานี้และจัดต้ังสำนักงานปรมาณูเพ่ือสันติ (ปส.) เป็นหน่วย งานระดับชาติ ทำหน้าท่คี วบคุมกจิ กรรมดา้ นนวิ เคลียรภ์ ายในประเทศ รวมท้งั ความปลอดภัยด้านนิวเคลยี ร์ ใหเ้ ป็นไปตามกฏข้อบงั คบั และระเบยี บของทบวงพลังงานปรมาณรู ะหว่างประเทศ ๓. อนสุ ญั ญาหา้ มอาวุธชีวะ ๑๙๗๒ (๒๕๑๕) ๓.๑ ชื่อเต็ม “อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามพัฒนา ผลิต และสะสมอาวุธแบคทีเรีย (อาวุธชีวะ) และอาวุธทอกซิน และว่าด้วยการทำลายอาวุธเหล่าน้ี” (Convention on the Prohibition of the Development, Production and Stockpiling of Bacteriological (Biological) and Toxin Weapons and on Their Destruction - BWC) ๓.๒ สารสำคัญ  หา้ มรัฐภาคพี ฒั นา ผลิต สะสม ได้มา หรือเก็บสงิ่ ต่อไปน้ี ไม่วา่ ในพฤติการณ์ใด - จลุ ินทรีย์สารหรอื สารชวี ะอ่ืน หรือทอกซิน ไมว่ ่าจะมีแหลง่ กำเนิดหรือวธิ กี าร ผลิตอยา่ งไร ซึง่ เป็นชนดิ และในปรมิ าณที่ไมม่ ีเหตุผลอนั ควรเพือ่ การป้องกัน โรค การปอ้ งกัน หรือความมุ่งประสงคอ์ ื่นทางสนั ติ - อาวุธ เครื่องมอื หรือวธิ ีการสง่ ซึ่งออกแบบใหใ้ ชส้ ารเชน่ วา่ หรอื ทอกซนิ เพอ่ื ความมงุ่ ประสงค์ในทางปรปักษ์หรือในการขัดแย้งที่มีการใชอ้ าวุธ  ให้รัฐภาคีทำลายอาวุธชีวะและอาวธุ ทอกซนิ ใดทีม่ อี ยู่  ให้รัฐภาคีใช้มาตรการตามกระบวนการรัฐธรรมนูญของตน เพ่ือห้ามและป้องกันการ พัฒนา ผลิต สะสม ได้มา หรือเก็บสารชีวะ ทอกซิน อาวุธ เครื่องมือและวิธีการส่ง ตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญา ภายในอาณาเขตของรัฐ หรือ ณ ที่ใดภายใต้เขตอำนาจของ ตนหรอื ภายใต้การควบคุมของตน ๓.๓ อนุสัญญาน้ีไม่ได้ระบุว่าห้ามใช้อาวุธชีวะ แต่เม่ือใช้ร่วมกับพิธีสารเจนีวา ๑๙๒๕ (ซ่ึงห้าม ใช้อาวุธชีวะ) แล้ว จะทำให้การห้ามอาวุธชีวะมีผลค่อนข้างสมบูรณ์ อนุสัญญานี้เป็นความตกลงพหุภาคี ระดบั โลกฉบับแรกทจี่ ัดทำข้นึ เพือ่ กำจัดอาวธุ ท้งั ประเภทใหห้ มดไป ๓.๔ อนุสัญญาไม่ได้กำหนดให้มีมาตรการพิสูจน์ยืนยัน (verification) จึงทำให้ไม่สามารถ ตรวจได้ว่ารัฐภาคีใดละเมิดอนุสัญญาหรือไม่ แต่ขณะน้ีที่ประชุมรัฐภาคีแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจให้ ยกร่างพิธสี ารแนบท้ายอนสุ ัญญา เพม่ิ มาตรการตรวจสอบยืนยันและมาตรการอื่นเพอ่ื แสดงความโปร่งใส ๓.๕ ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญานี้ และให้ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็น หนว่ ยงานหลักแหง่ ชาติ

๑๘ ๔. อนสุ ญั ญาหา้ มอาวุธเคมี ๑๙๙๓ (๒๕๓๖) ๔.๑ ช่ือเต็ม “อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามพัฒนา ผลิต สะสม และใช้อาวุธเคมี และว่าด้วยการ ท ำ ล า ย อ า วุ ธ เห ล่ า น้ี ” (Convention on the Prohibition of the Development, Production, Stockpiling and Use of Chemical Weapons and on Their Destruction - CWC) ๔.๒ สารสำคญั  รัฐภาคีต้องทำคำประกาศ (declare) และทำลายอาวุธเคมีท่ีมีอยู่และสถานที่ที่เก่ียวข้องให้ หมด  ห้ามรฐั ภาคีพัฒนา ผลิต ได้มา สะสม และใช้อาวุธเคมี รวมถึงโยกย้ายอาวุธเคมีไปให้ผู้หนึ่ง ผู้ใด  หา้ มรฐั ภาคกี ระทำการใดทเ่ี ปน็ การเตรียมการทางทหารเพ่ือทจ่ี ะใชอ้ าวุธเคมี  ห้ามรัฐภาคีช่วยเหลือ ส่งเสริมหรือจูงใจ เพื่อให้ผู้ใดกระทำกิจกรรมใดท่ีห้ามไว้ภายใต้ อนุสญั ญานี้  ห้ามใช้สารควบคุมการจลาจลเป็นวธิ หี นง่ึ ในการสงคราม (ใช้เพอื่ การบงั คับใชก้ ฎหมายได้)  ให้รฐั ภาคีออกกฎหมายเพ่ือให้มกี ารปฏิบัติตามพันธกรณี ซง่ึ รวมทง้ั การห้ามและการลงโทษ บุคคลธรรมดาหรอื นติ บิ คุ คลที่กระทำกิจกรรมใดที่อนสุ ัญญาหา้ มรัฐภาคีไว้  มีบัญชีรายการสารเคมี (Schedules) สำหรับใช้เพ่ือการพิสูจน์ยืนยัน (verification) และ การทำคำประกาศ กำหนดไว้ในอนุสัญญา สารเคมีที่มีช่ือในบัญชีรายการประกอบด้วย สารเคมีพิษที่ใช้เพ่ือการสงครามเคมี รวมท้ังทอกซิน และสารที่ใช้ผลิตสารเคมีพิษ (precursors) ในประการหลังส่วนใหญ่เป็นสารที่ใชใ้ นอตุ สาหกรรมเคมีท่วั ไป  อนุญาตให้รัฐภาคีมีหรือหาสารเคมีพิษไว้ใช้เพื่อกิจกรรมที่ไม่ห้ามไว้ภายใต้อนุสัญญา เช่น การวจิ ัยเก่ียวกับการป้องกันอันตรายจากสารเคมีพิษ การวิจัยทางทหารที่ไม่เกี่ยวกับการใช้ สารเหลา่ นน้ั เพื่อการทำสงคราม  ให้จัดต้ังองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons - OPCW) ซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศเพ่ือดำเนินการให้มีการปฏิบัติตาม อนุสัญญา และให้แต่ละรัฐภาคีจัดต้ังหน่วยงานระดับชาติ (National Authority) ข้ึนเพื่อ ประสานงานกบั องคก์ ารฯ และชว่ ยเหลือดำเนินการใหเ้ ป็นไปตามพนั ธกรณใี นชาตขิ องตน  มีระบบการพิสูจน์ยืนยันซ่ึงประกอบด้วยการจัดทำคำประกาศโดยรัฐภาคี การตรวจโดย คณะผู้ตรวจขององค์การฯ การตรวจตามคำกล่าวหา (Challenge Inspection) และการ สอบสวนกรณีการกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมี ท้ังนี้ รัฐภาคีจะต้องยินยอมให้มีการพิสูจน์ ยืนยัน ณ สถานทซ่ี ่ึงมีกิจกรรมทเ่ี ก่ยี วข้อง ไม่ว่าจะเปน็ สถานท่ีทางทหารหรือทางพลเรอื น  รัฐภาคีท่ีถูกคุกคามหรือถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐภาคีอื่นหรือ จากองค์การฯ และแต่ละรัฐภาคีมีพันธกรณีต้องให้ความช่วยเหลือแก่รัฐภาคีที่ถูกคุกคาม

๑๙ หรือถูกโจมตีในรูปของเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือและ/หรือส่ิงอุปกรณ์ป้องกัน และอาจให้ คำแนะนำหรือส่งบุคลากรไปช่วยเปน็ การเพมิ่ เตมิ ในกรณฉี ุกเฉิน ๔.๓ อนสุ ัญญานเี้ ปน็ ความตกลงพหภุ าครี ะดบั โลกฉบับแรกท่ีจดั ทำขน้ึ เพ่ือกำจัดอาวุธทั้ง ประเภทใหห้ มดไปโดยสามารถพสิ ูจน์ยนื ยนั ได้ ๔.๔ ประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาน้ี และเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีได้จัดต้ังหน่วยงาน ระดับชาติแล้ว มีชื่อว่า ศูนย์ปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยการห้ามอาวุธเคมี ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินการของ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ๕. สนธสิ ญั ญาหา้ มการทดลองระเบิดนิวเคลียรอ์ ย่างสมบูรณ์ ๑๙๙๖ (๒๕๓๙) ๕.๑ ชือ่ ภาษาอังกฤษ Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty (CTBT) ๕.๒ สารสำคัญ  หา้ มการทดลองระเบดิ นิวเคลียร์ในทกุ สภาพแวดล้อม  ให้ใชว้ ธิ ีการทางเทคนิคทีม่ ีในชาติเพ่ือพิสูจนย์ นื ยนั การปฏบิ ัตติ ามสนธสิ ัญญา ให้จัดตั้งองค์การสนธิสัญ ญ าห้ามการทดลองระเบิดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ (Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty Organisation , CTBTO) ซ่ึ ง เ ป็ น หน่วยงานระหว่างประเทศเพ่ือดำเนินการให้มีการปฏิบัติตามอนุสัญญา และให้แต่ละรัฐ ภาคีจัดตั้งหน่วยงานระดับชาติข้ึน เพ่ือประสานงานกับองค์การฯ และช่วยเหลือ ดำเนินการให้เปน็ ไปตามพนั ธกรณใี นชาติของตน ๕.๓ ขณะน้ีสนธิสัญญายังไม่มีผลใช้บังคับ เนื่องจากรัฐที่สนธิสัญญากำหนดช่ือไว้ยังให้ สัตยาบนั ไม่ครบและบางรฐั ยงั มไิ ด้ลงนาม ๕.๔ ประเทศไทยลงนามแล้ว และมีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ทำหน้าท่ีเพื่อพลางเป็นหน่วยงานระดบั ชาติ ------------------

๒๐ บทที่ ๒ การป้องกัน คชรน.เป็นบุคคล กลา่ วทวั่ ไป การป้องกันร่างกายให้พ้นจากอันตรายจากสารเคมี จำเป็นต้องใช้ยุทธภัณฑ์ป้องกันตนควบคู่ไปกับการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ฉะน้ัน ทหารจะมีโอกาสรอดชีวิตได้ภายใต้สถานการณ์ทาง คชรน. ต่อเม่ือมี ยุทธภัณฑ์ป้องกนั ตน สามารถสวมไดอ้ ย่างถูกวธิ ี และทันเวลา สามารถถอดเพ่ือทำธุระส่วนตวั ตามความจำ เปน็ ได้อย่างปลอดภยั ในสภาพแวดล้อมที่เปอื้ นพิษ และยงั ปฏิบตั ติ ามมาตรการป้องกันไดอ้ ย่างถูกต้อง ทางเข้าสูร่ า่ งกายของสาร คชรน. สารเคมี ชวี ะ และฝุ่นกัมมันตรงั สี อาจเขา้ สรู่ า่ งกายและทำอันตรายได้ ๓ ทาง คือ ➔ทางระบบทางเดินลมหายใจ สารเคมีทีเ่ ปน็ แก๊ส เป็นไอ หรือแอโรซอล สารชีวะท่ีเป็นแอโรซอล และฝ่นุ กมั มันตรงั สี สามารถเข้าไดท้ างน้ี ➔ทางผิวหนังและนัยน์ตา สารเคมีทุกสถานะสามารถเข้าและ/หรือทำอันตรายได้ทั้งทางนัยน์ตา และทางผิวหนัง สารชีวะสามารถเข้าได้ทางผิวหนังที่ฉีกขาด และฝุ่นกัมมันตรังสีท่ีตกใส่ร่างกายสามารถ เปล่งรังสใี สผ่ ิวหนงั ได้ ➔ทางระบบทางเดินอาหาร สารเคมีที่เป็นของแข็งและของเหลวสามารถเข้าได้ทางนี้ สารชีวะ และฝุน่ กัมมันตรังสีทต่ี กใสน่ ้ำหรอื อาหารสามารถเขา้ ไดท้ างน้ี ตอนท่ี ๑ ยุทธภัณฑ์ป้องกันตน (Individual หรือ Personal Protective Equipment, IPE หรอื PPE) ในสถานการณท์ ี่มภี ัยคุกคามจากอาวุธ คชรน. ทหารแต่ละนายจะมีชวี ติ อยรู่ อดได้ถา้ • มแี ละสามารถใช้ยทุ ธภัณฑป์ อ้ งกนั ประจำกายเพ่ือป้องกนั ระบบทางเดนิ ลมหายใจและ ร่างกายส่วนอนื่ ได้ ✓ อยา่ งถูกต้อง ✓ ทันเวลา • ประกอบกบั สามารถปฏิบตั ิตามมาตรการป้องกนั ได้อย่างถกู ตอ้ งในสถานการณ์ ✓ กอ่ นการโจมตี ✓ ขณะเกดิ การโจมตี ✓ ภายหลงั การโจมตี ในสถานการณ์ที่มีภัยคุกคามจากอาวุธ คชรน. การปฏิบตั ิตามมาตรการปอ้ งกันระดับบุคคลมงุ่ ประสงค์ จะให้ทหาร ✓ สามารถมชี ีวิตอยู่รอด ✓สามารถช่วยเพอื่ นให้มชี วี ิตอยู่รอด ✓สามารถมสี ่วนร่วมในการปฏบิ ัตภิ ารกิจของหนว่ ย

๒๑ ๑. ยทุ ธภณั ฑ์ปอ้ งกันตน เป็นยุทธภัณฑ์ป้องกันประจำกาย ใช้สำหรับป้องกันร่างกาย ทหารอเมริกันเรียก “ยุทธภัณฑ์สำหรับ ลักษณะปอ้ งกันตามภารกิจ” (Mission-Oriented Protective Posture Gear หรอื MOPP Gear)  หน่วยจ่ายใหก้ ำลังพลเมื่อมีภัยคกุ คามจากอาวุธเคมแี ละ/หรอื อาวธุ ชีวะ  เมื่อได้รับทหารต้องนำติดตัวไปด้วยทุกหนแห่งหรืออย่างน้อยที่สุดเก็บไว้ใกล้ตัว เพือ่ ให้สามารถหยิบใชไ้ ด้ทันทีเม่อื อันตรายมาถึงตัว ๒. องค์ประกอบของยุทธภณั ฑ์ป้องกันตน ๒.๑ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ (Chemical-Biological Protective Mask, อังกฤษเรียก Respirator) ใหก้ ารป้องกันใบหนา้ นัยนต์ า ระบบทางเดินลมหายใจ และระบบทางเดินอาหารของผ้สู วมต่อไอ แก๊ส หรือ แอโรซอลของสารเคมี-สารชีวะ และฝุ่นกัมมันตรังสี คิดเป็นเนื้อท่ีของร่างกายที่ได้รับการป้องกันประมาณ ๕% ๒.๒ เคร่ืองแต่งกายป้องกัน (Protective Garment หรือ Protective Clothing) ให้การป้องกันผิว นอกของร่างกาย ซ่ึงเป็นส่วนที่หน้ากากป้องกันไม่สามารถให้การป้องกันได้ คิดเป็นเน้ือที่ของร่างกาย ประมาณ ๙๕% เครือ่ งแตง่ กายป้องกันประกอบดว้ ย • เสื้อ-กางเกงปอ้ งกัน (Overgarment, Protective Suit) • ผา้ คลมุ ศรี ษะ (Hood) • ถงุ มือป้องกนั (Protective Gloves) • รองเท้าป้องกนั (Protective Footwear, Overboots) เฉพาะทหารอเมริกันมีผ้าคลุมหมวก (Protective Helmet Cover) เน่ืองจาก “หมวกเหล็ก” ของทหาร อเมริกันปจั จบุ ันทำด้วยไฟเบอร์ (ช่อื ทางการค้าของวัสดุเรียกว่า “เคฟลา”) สารเคมีเหลวสามารถซมึ ผ่านได้ จงึ ตอ้ งมผี า้ คลมุ ปอ้ งกนั ๒.๓ ยาป้องกันและแก้พิษ (Prophylactic Drug and Antidote) ใช้เพ่ือป้องกันหรือใช้ในขั้นการปฐม พยาบาลเพื่อบรรเทาอาการป่วยเนื่องจากพิษของสารเคมี อาจเป็นยาที่ให้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันหรือบรรเทา อาการป่วย หรือเป็นยาแก้พิษที่ใช้เมื่อเกิดอาการป่วยแล้ว ยาเหล่าน้ีเม่ือได้รับจะต้องเก็บไว้ในช่องด้านใน ของกระเป๋าของยา่ มหนา้ กากปอ้ งกนั เสมอ ๒.๔ ชุดทำลายล้างพิษบุคคล (Individual Decontamination Kit) ใช้เพ่ือทำลายล้างพิษสารเคมีท่ี เปรอะเปื้อนผิวหนัง เส้ือผ้า และอาวุธยุทธภัณฑ์ประจำกาย เม่ือได้รับจะต้องเก็บไว้ด้านนอกกระเป๋าของ ยา่ มหน้ากากปอ้ งกนั เสมอ ๒.๕ เครอ่ื งตรวจ - เคร่ืองตรวจทางรังสี เช่นเครื่องมือวัดกัมมันตภาพรังสีบุคคล (Individual Dosimeter) ใช้ สำหรับวัดปริมาณรังสีแกมมาและนิวตรอนท่ีร่างกายได้รับ เม่ือได้รับเคร่ืองมือน้ีจะต้องพกพาไปด้วยเสมอ เช่นเสียบติดสายโยงเป้ เหน็บกระเป๋าเส้ือ ใส่ในช่องเหน็บที่แขนเส้ือป้องกัน หรือผูกข้อมือเหมือนนาฬิกา ขอ้ มือ ทัง้ น้แี ล้วแต่แบบ - เครื่องตรวจทางเคมี เช่น กระดาษตรวจสารเคมี ABC-M8 , M9 ,M256 ,CAM

๒๒ ตอนท่ี ๑ ก. หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ (Chemical-Biological Protective Mask) กลา่ วโดยรวม (General Feature) หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะเป็นยุทธภัณฑ์ท่ีเป็นส่วนหน่ึงของการป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection) และเป็นยุทธภัณฑ์ป้องกันตน (Individual หรือ Personal Protective Equipment) ท่ีใช้ ในระดับการป้องกันเป็นบคุ คล (personal protection) ในภาวะท่ีมีภัยคกุ คามจากอาวุธเคมีและอาวุธชีวะ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เป็นยุทธภัณฑ์ป้องกันตนท่ีมีความสำคัญที่สุด ความมีชีวิตอยู่รอดของทหาร ข้ึนอยู่กับการมีหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะที่ใช้ราชการได้ และสวมได้อย่างถูกต้องทันเวลา เมื่อใช้ร่วมกับ เครื่องแต่งกายป้องกันแล้ว สามารถให้การป้องกันร่างกายอย่างสมบูรณ์ต่อสารท่ีใช้ในการสงครามเคมีและ ชวี ะท่รี ูจ้ ักแล้วทุกชนิด หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะเป็นสิ่งอุปกรณ์สายวิทยาศาสตร์ โดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกเป็น หน่วยรับผิดชอบ และเป็นส่ิงอุปกรณ์ประเภทท่ี ๒ ซ่ึงจ่ายให้หน่วยใช้ตามอัตรา มีคุณลักษณะทางการส่ง กำลังเป็นสิ่งอุปกรณ์ครบชุดพร้อมใช้งาน ซึ่งหมายความว่า เมื่อหน่วยใช้ได้รับ สามารถนำไปใช้งานได้ทันที เพราะมชี ้ินส่วนหลกั และชิน้ ส่วนประกอบท่ีจำเปน็ จ่ายให้พร้อม ๑. ประเภทของหน้ากากปอ้ งกนั หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะแบ่งออกได้เป็น หน้ากากป้องกันสำหรับกำลังพลทั่วไป หน้ากากป้องกันใช้ใน อากาศยาน หนา้ กากป้องกันใช้ในยานเกราะ และหนา้ กากป้องกันตามความมุ่งหมายพิเศษ ๑.๑ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะสำหรับกำลังพลท่ัวไป หรือบางครั้งเรียกว่าหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ สนาม หมายถงึ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะทอ่ี อกแบบสำหรบั กำลังพลภาคพ้ืนดินท่ัวไปใช้ โดยไม่ต้องมีระบบ เคร่ืองช่วยหายใจอ่ืนมาประกอบ เพราะอาศัยออกซิเจนท่ีมีอยู่ในบรรยากาศรอบตัวช่วยในการหายใจ สามารถนำตดิ ตวั ไปได้ทุกหนแห่ง ๑.๒ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะใช้ในอากาศยาน หมายถึง หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะท่ีออกแบบสำหรับ นักบินและลูกเรือใช้ ภายในตัวหน้ากากมีไมโครโฟน เมื่อใช้หน้ากากป้องกันขณะอยู่ในอากาศยานจะต้อง ต่อท่ออากาศของหน้ากากป้องกันเข้ากับระบบจ่ายอากาศหายใจของอากาศยาน เม่ือจะออกจากอากาศ ยานขณะบรรยากาศภายนอกเปื้อนพิษ สามารถนำหน้ากากป้องกันสวมติดตัวออกไปได้ โดยมีเครื่องกรอง อากาศเป็นกระป๋องต่อกับปลายท่ออากาศของหน้ากากป้องกัน และอาจมีมอเตอรเ์ ป่าเพื่อช่วยให้หายใจได้ โดยสะดวก ๑.๓ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะใช้ในยานเกราะ หมายถึง หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะท่ีออกแบบสำหรับ พลประจำรถถังหรือรถเกราะใช้ รวมทั้งปืนใหญ่อัตราจรและรถบรรทุกกระสุนของปืนใหญ่อัตราจรภายใน ตัวหน้ากากมีไมโครโฟน เม่ือใช้หน้ากากป้องกันขณะอยู่ในรถจะต้องต่อท่ออากาศของหน้ากากป้องกันเข้า กับระบบจ่ายอากาศหายใจของรถ ซ่ึงจะเป่าอากาศท่ีกรองแลว้ โดยเครื่องกรองสาร คชรน.ประจำรถเข้าไป

๒๓ ในตัวหน้ากาก เมื่อจะออกจากรถขณะบรรยากาศนอกรถเปื้อนพิษ สามารถนำหน้ากากป้องกันสวมติดตัว ออกไปได้ โดยมีเครอ่ื งกรองอากาศเปน็ กระป๋องต่อกบั ปลายท่ออากาศของหนา้ กากป้องกัน ๑.๔ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะตามความมุ่งหมายพิเศษ หมายถึง หน้ากากป้องกันที่ออกแบบเพ่ือใช้ใน กรณีพิเศษ เมื่อไม่สามารถใช้หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ ๓ ชนิดที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้หรือไม่เหมาะสม อาทิ หนา้ กากป้องกัน-เคมีชีวะสำหรบั ผปู้ ่วยใชใ้ นรถยนตพ์ ยาบาล ซ่ึงใช้คลุมศีรษะผปู้ ่วยและมีท่ออากาศต่อ กับระบบจา่ ยอากาศหายใจของรถท่ีเปา่ อากาศท่ีกรองโดยเครือ่ งกรองสาร คชรน.ประจำรถแล้ว เข้าไปในตัว หนา้ กาก และหน้ากากปอ้ งกันสำหรบั กำลังพลหนว่ ยปฏบิ ัตกิ ารพิเศษ ๒. หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะท่มี ีประจำการใน ทบ. ปัจจุบัน ทบ.มีหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะประจำการ ๔ ประเภท คือ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะสำหรับ กำลังพลท่ัวไป หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะสำหรับพลประจำรถถัง หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะสำหรับผู้ป่วยใช้ ในรถยนตพ์ ยาบาล และหน้ากากปอ้ งกันเคมี-ชีวะสำหรบั กำลังพลหน่วยปฏิบตั กิ ารพิเศษ ๒.๑ หนา้ กากปอ้ งกนั เคมี-ชีวะสำหรับกำลงั พลทั่วไป ปัจจุบนั มปี ระจำการ ๓ แบบ ดังน้ี ๒.๑.๑ หน้ากากป้องกันเคมี-ชวี ะในอนุกรม เอ็ม๑๗ (M17 series) มี ๓ ร่นุ เป็นหน้ากากป้องกนั ที่ ทบ.สหรัฐฯ เคยใช้ และจัดหาจากสหรัฐฯ ปัจจุบันโรงงานเลิกผลิตแล้วและไม่มีการจัดหาอีก จะใช้ราชการ ตอ่ ไปจนกวา่ จะชำรุดจนต้องจำหนา่ ย รุ่น เอ็ม๑๗ เป็นรุ่นแรกในอนุกรม นำเข้าประจำการต้ังแต่ยุคสงครามเวียดนาม ปัจจุบัน หมดอายุการใชง้ านและปลดประจำการหมดแล้ว รุ่น เอ็ม๑๗ เอ๑ นำเข้าประจำการเปน็ รนุ่ ท่ีสองในอนุกรม ปัจจบุ ันหมดอายกุ ารใชง้ าน แลว้ และกำลงั ทยอยปลดประจำการ รุ่น เอ็ม๑๗ เอ๒ เป็นรุ่นสุดท้ายในอนุกรมและของการผลิต ขณะน้ีตัวหน้ากากใกล้ หมดอายุการใช้งาน แตเ่ ครื่องกรองอากาศหมดอายุการใช้งานสำหรับการรบแล้ว ปัจจุบันมีไวใ้ ชเ้ พอ่ื การฝึก ศกึ ษาและปราบจลาจลเท่าน้ัน ๒.๑.๒ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑ เป็นหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะที่นำเข้าประจำการ ต่อจากหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เอ็ม๑๗ เอ๒ ไม่เคยประจำการในกองทัพสหรัฐฯ จัดจำหน่ายโดยบริษัท การค้า (trading firm) อเมริกันและภายหลังโอนลิขสิทธิ์ให้บริษัทอังกฤษ จัดหาผ่านตัวแทนจำหน่ายใน ประเทศไทย ตัวหน้ากากผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน เครื่องกรองอากาศมาตรฐานองค์การสนธิสญั ญา ป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) (NATO) ผลิตในแคนาดา และย่ามหน้ากากตัดเย็บในประเทศไทย ผ้าท่ี ทำย่ามมีคุณภาพเลวและตัดเย็บผดิ แบบเป็นจำนวนมาก จัดหาครงั้ แรกในปี ๒๕๓๕ เริม่ แจกจา่ ยหน่วยใชใ้ น ปี ๒๕๓๖ ปจั จุบนั มีจำนวนมากที่สุดและจา่ ยทดแทนหนา้ กากป้องกันเคม-ี ชีวะอนื่ ทีช่ ำรดุ ปัจจุบันงดจดั หา แล้ว

๒๔ ๒.๑.๓ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เอฟเอ็ม๑๒ ผลิตในประเทศอังกฤษตามมาตรฐานนาโต โดย ปรบั ปรุงให้ดีข้ึนจากแบบ เอส๑๐ ซ่ึงเป็นหนา้ กากปอ้ งกนั เคมี-ชีวะแบบล่าสดุ ท่ีกองทัพองั กฤษเคยใช้ นำเข้า ประจำการในปี ๒๕๔๕ ปจั จุบันมจี ำนวนนอ้ ย กำลงั จัดหาเพิ่ม ๒.๒ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะสำหรับพลประจำรถถัง ท่ีมีประจำการมากที่สุดในปัจจุบัน คือ เอ็ม๒๕ เอ๑ ซ่ึงตามปกติเป็นยุทโธปกรณ์ที่มาพร้อมกับรถถังในอนุกรม เอ็ม๔๘ และ เอ็ม๖๐ ของสหรัฐฯ ท่ี ทบ. นำเขา้ ประจำการ ปัจจบุ นั หมดอายกุ ารใชง้ านแล้ว ๒.๓ หน้ากากป้องกัน-เคมีชีวะประจำรถยนต์พยาบาล เป็นส่ิงอุปกรณ์ประจำรถพยาบาล (รถฮัมวี) ของ พนั .สร. สำหรบั ให้ผ้ปู ว่ ยใช้ในรถพยาบาลขณะลำเลียง ๓. ขดี ความสามารถ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เป็นหน้ากากป้องกันท่ีออกแบบสำหรับใช้ในการรบ ถ้าอยู่ในสภาพใช้ ราชการได้และผู้ใช้สวมได้อย่างถูกต้อง จะให้การป้องกันนัยน์ตา ผิวหนังของใบหน้า ระบบทางเดินลม หายใจและระบบทางเดินอาหารของผู้สวม มิให้ได้รับอันตรายจากสารท่ีใช้ในการสงครามเคมีและชีวะ ท่ีมี ลกั ษณะเปน็ แก๊ส เปน็ ไอ หรอื เป็นแอโรซอล เมือ่ ผู้สวมเปล่งเสยี ง เสยี งจะถูกถา่ ยทอดออกไปภายนอกใหผ้ ้อู ่ืนได้ยิน ผู้สวมหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะสำหรับกำลังพลท่ัวไปสามารถดื่มน้ำได้จากกระติกน้ำโดยไม่ต้องถอด หนา้ กาก ข้อจำกัด ไม่สามารถให้การป้องกันสารพิษอ่ืนท่ีไม่ใช่สารที่ใช้ในการสงครามเคมี (ยกเว้นเคร่ืองกรอง อากาศจะผลิตให้มีขีดความสามารถสูงสามารถกรองได้ ดูข้อ ๕) และจะต้องใช้ในที่ซ่ึงอากาศหายใจมี ออกซเิ จนในปริมาณท่เี พียงพอตอ่ การหายใจ (ประมาณ ๑๘% ของอากาศ) ๔. การทำงาน ๔.๑ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะท่ีไม่มีเครื่องช่วยหายใจหรือมอเตอร์เป่าอากาศ หรืออีกนัยหน่ึงคือ หน้ากากป้องกันท่ีใช้งานตามธรรมดา ทำงานโดยใช้ระบบความดันอากาศต่ำกว่าบรรยากาศ (negative pressure) ซง่ึ หมายความวา่ เมื่อเวลาผสู้ วมสูดหายใจเขา้ เน้ือท่ีภายในหน้ากากจะมีความดันอากาศต่ำกว่า ความดันอากาศของบรรยากาศภายนอกช่ัวขณะ ภาวะเช่นนี้ทำให้อากาศภายนอก “ไหล” เข้าสู่ภายในตัว หน้ากาก ผู้สวมจำเป็นต้องออกแรงหายใจเข้า-ออก และมีความเสี่ยงสูงจากอันตรายท่ีเกิดจากการสวม หน้ากากป้องกนั ไมแ่ นบสนิท (“หน้ากากรว่ั ”) ๔.๒ ตรงข้ามกับหน้ากากป้องกันที่ทำงานโดยใช้ระบบความดันอากาศสูงกว่าบรรยากาศ (positive pressure) ซ่ึงจะมีอากาศท่ีกรองแล้วถูกเป่าเข้าไปในตัวหน้ากาก ทำให้เนื้อท่ีภายในหน้ากากมีความดัน อากาศสงู กว่าความดันอากาศของบรรยากาศภายนอกเสมอ มลี มเป่าออกตลอดเวลา ซึ่งเป็นข้อดีท่ีว่าทำให้ ผูส้ วมไม่ต้องออกแรงมากในการหายใจ และสารพิษภายนอกไม่สามารถ “ไหล” เข้าภายในหน้ากากได้ แต่

๒๕ มขี ้อเสียท่ีต้องใช้กระแสไฟในการขับเคลื่อนมอเตอร์ การทำงานของมอเตอร์มีเสียงดัง ต้องต่อกับท่ออากาศ (hose) ทำให้เกะกะและเพ่ิมนำ้ หนัก จงึ จำกัดการใช้งานในบางสถานการณห์ รือบางที่ ๔.๓ หนา้ กากป้องกันเคมี-ชีวะทใี่ ชร้ ะบบความดันอากาศตำ่ กว่าบรรยากาศทำงานดงั นี้ ๔.๓.๑ เมือ่ ผสู้ วมสดู หายใจเข้า - อากาศภายนอกซึ่งอาจมีสารเคมีและสารชีวะปะปนอยู่ จะเข้าทางช่องอากาศเข้า ผา่ เครือ่ งกรองอากาศ - เครอ่ื งกรองอากาศจะทำหน้าทีแ่ ยกสารเคมแี ละสารชวี ะออกจากอากาศ - อากาศทก่ี รองแลว้ และปราศจากสารเคมแี ละสารชวี ะจากเครื่องกรองอากาศ จะเข้า ดา้ นในของตวั หน้ากาก - จากน้นั จะเขา้ ไปในครอบจมกู ผ่านช่องจมูกของผูส้ วมเขา้ สู่ปอด ๔.๓.๒ เมอ่ื ผูส้ วมหายใจออก - ลมหายใจออกจะไหลออกจากด้านในของครอบจมูก ผ่านทางช่องอากาศออก สู่ บรรยากาศภายนอกตัวหน้ากาก ๔.๓.๓ การไหลเขา้ -ออกของอากาศหายใจเข้าสู่และออกจากหน้ากากป้องกนั จะถูกควบคุมดว้ ยล้ิน ของหน้ากาก เพื่อบังคับให้อากาศไหลทางเดียวไม่ไหลย้อนทาง และป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกท่ียัง ไมไ่ ดก้ รองไหลเขา้ สูด่ ้านในของตัวหนา้ กาก ลน้ิ หน้ากากจะได้รบั การติดต้งั ทีส่ ่วนใดของหน้ากากป้องกัน ใหศ้ กึ ษารายละเอยี ดของหนา้ กากป้องกันแต่ละแบบ ๕. เครอ่ื งกรองอากาศ (Filter) เคร่ืองกรองอากาศมีความสำคญั ยง่ิ ต่อความสามารถในการป้องกันของหน้ากาก ไม่เกนิ เลยความจรงิ ไป นกั ทจ่ี ะกล่าววา่ เครอ่ื งกรองอากาศเป็นหัวใจของหน้ากากป้องกัน เครื่องกรองอากาศมีให้เลือกหลายชนิดตามความจำเป็นหรือความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ในการ ป้องกัน อาทิ เครื่องกรองอากาศสำหรับกรองสารเคมีพิษทางอุตสาหกรรม (industrial toxic chemicals) เหมาะสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สามารถใช้ในสนามรบเพราะให้การป้องกันสารท่ีใช้ในการ สงครามเคมีไม่ได้ ส่วนเครื่องกรองอากาศใช้งานทางทหารหรือบางครั้งเรียกว่าเครื่องกรองอากาศสำหรับ สาร คชรน. (military filter หรือ NBC filter) ออกแบบสำหรับใช้กรองสารที่ใช้ในการสงครามเคมี โดยเฉพาะ ใช้กรองสารเคมีพิษทางอุตสาหกรรมไม่ได้ แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตเคร่ืองกรองอากาศท่ีนอกจากจะ สามารถกรองสารท่ีใช้ในการสงครามเคมีได้แล้วยังสามารถกรองสารเคมีพิษทางอุตสาหกรรมได้หลายชนิด นับเป็นความก้าวหน้าและแนวโน้มใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องซื้อเครื่องกรองอากาศหลายชนิดเตรียมไว้ใช้ใน สถานทต่ี ่างกัน ๕.๑ ความสามารถในการกรอง เคร่ืองกรองอากาศใช้กับหน้ากากป้องกันและท่ีป้องกันภัย คชรน. ส่วนรวม (ศึกษารายละเอียดในวิชา ป.๑๕๐) สามารถกรองสารทั้งท่ีเป็นอนุภาคและที่เป็นแก๊ส ไอ หรือละออง

๒๖ (gas-particulate filter) อนุภาครวมถึงอนุภาคสารเคมี สารชีวะ และฝุ่นกัมมันตรังสี ส่วนแก๊ส ไอ หรือ แอโรซอล จำกัดเฉพาะของสารทีใ่ ชใ้ นการสงครามเคมีทร่ี ู้จกั แล้ว (known chemical warfare agents) ๕.๒ วัสดุกรอง (filter material) เครื่องกรองอากาศ ไม่ว่าจะมีรูปทรงเป็นเช่นใด เช่น ทรงกระบอก (กระปอ๋ ง) หรอื เป็นแผน่ ภายในจะบรรจุวัสดกุ รองสำคญั ๒ ชนดิ คือ  กระดาษกรอง (filter paper) ซึ่งเป็นวสั ดุกรองท่ีบรรจุไว้ด้านหน้า ทำหน้าท่ีกรองอนุภาค ไม่ให้ผ่านเข้าไป สารเคมีท่ีเป็นแอโรซอลของแข็ง (อนุภาคของแข็ง) สารชีวะ และฝุ่น กมั มันตรังสี จะถกู สกัดกั้นเอาไว้ รวมท้ังละอองของเหลวสารเคมีหรือสารชีวะจะถูกดูดซับ ไว้ แตก่ ระดาษกรองไมส่ ามารถหยุดยั้งแก๊สหรือไอสารเคมไี ด้  วัสดุกรองท่ีอยู่หลังกระดาษกรองคือถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ซ่ึงเป็นถ่านได้ จากการนำอินทรีย์วัตถุที่แข็งและมีผิวเป็นรูพรุนมาก เช่น กะลามะพร้าว และเปลือกลูก วอลนัต ไปผ่านกระบวนการพเิ ศษจนกลายเป็นถ่าน ซึ่งอาจรวมถงึ การอบและเคลอื บด้วย สารประกอบของโลหะบางชนิด เพ่ือช่วยให้ดูดซับ (adsorb) สารท่ีใช้ในการสงครามเคมี บางชนิดได้ดีย่ิงข้ึน (ถ่านกัมมันต์มีใช้แพร่หลาย เช่น ใช้ดูดกล่ิน กรองสีในของเหลว ใช้ กรองกลิ่น ไอ หรือแก๊สก่อนปล่อยออกจากปล่องของโรงงานอุตสาหกรรม เพ่ือมิให้แพร่ มลพิษสู่บรรยากาศ ใช้กรองน้ำดิบในข้ันตอนหนึ่งของการผลิตน้ำประปา ฯลฯ) เมื่อ ถ่านกัมมันต์ที่ใช้เป็นวัสดุกรองในเคร่ืองกรองอากาศของหน้ากากป้องกันสัมผัสกับ ความช้ืนในบรรยากาศ จะสูญเสยี ประสทิ ธิภาพในการดูดซับสารเคมี (= เส่ือมสภาพ) และ จะสูญเสียประสิทธิภาพเร็วข้ึนหรือมากขึ้นเม่ือดูดซับสารเคมี ท้ังนี้ข้ึนอยู่ชนิดและความ เข้มขน้ ของสารเคมีดว้ ย สารโลหติ ทำให้ถ่านกมั มนั ต์เสือ่ มสภาพเรว็ ๕.๓ บรรจภุ ัณฑ์ของเคร่ืองกรองอากาศ ไมว่ ่าจะเป็นร่นุ ใด แบบใด หรือใชส้ ำหรบั หน้ากากปอ้ งกันแบบ ใด เคร่ืองกรองอากาศจะบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ (อาจเป็นถุงหรือเป็นกระป๋องโลหะ) ปิดผนึกจาก โรงงานผลิต เพ่ือป้องกันไม่ให้วัสดุกรองภายในเครื่องกรองอากาศสัมผัสกับความช้ืนในอากาศและ เสอื่ มสภาพกอ่ นการใชง้ าน ๕.๔ อายุการเก็บรักษา แม้จะเก็บรักษาเครื่องกรองอากาศในบรรจุภัณฑ์ท่ีปิดผนึกมาจากโรงงาน เคร่ืองกรองอากาศก็มอี ายุการเก็บรักษา (shelf life) ในเวลาจำกัด ตามธรรมดาประมาณ ๗-๑๐ ปี นับแต่ วันผลติ (ให้ดูคำแนะนำของบรษิ ัทผู้ผลิตเพื่อความแน่นอน) หลังจากนั้นจะหมดความสามารถในการให้การ ป้องกันสารที่ใช้ในการสงครามเคมี ๕.๕ อายุการใช้งาน ทันทีที่เปิดผนึกบรรจุภัณฑ์ เครื่องกรองอากาศจะสัมผัสกับอากาศและความช้ืน วัสดุกรองจะเริ่มเส่ือมสภาพ ทำให้อายุการใช้งานของเคร่ืองกรองอากาศเริ่มส้ันลงต้ังแต่บัดนั้น นับจาก เวลาท่ีแกะออกจากบรรจุภัณฑ์ เคร่ืองกรองอากาศมีขีดความสามารถในการกรองสารท่ีใช้ในการสงคราม เคมีได้ในห้วงเวลาประมาณ ๒ เดือนในสภาพอากาศร้อนช้ืนแบบประเทศไทย หลังจากนั้นความสามารถใน การกรองจะลดลงจนไม่สามารถใช้กรองสารท่ีใช้ในการสงครามเคมีได้อีก แต่ยังสามารถใช้เคร่ืองกรอง

๒๗ อากาศนั้นได้ต่อไป โดยไม่ต้องจำหน่าย แต่จำกัดการใช้เฉพาะเพื่อการฝึกและการป้องกันสารควบคุมการ จลาจลเท่านั้น ๕.๖ ระยะเวลาท่ีสามารถกรองสารเคมีได้ ไม่อาจกำหนดระยะเวลาที่เคร่ืองกรองอากาศสามารถ ให้ การป้องกันขณะท่ีผู้สวมหน้ากากป้องกันอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเปื้อนพิษ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ประการประกอบกัน เช่น อายกุ ารใช้งานท่ีเหลืออยู่กอ่ นจะสมั ผสั กับสารเคมี ความเข้มขน้ ของสารเคมี ชนิด ของสารเคมี ๖. กำหนดการเปล่ียนเคร่อื งกรองอากาศ ๖.๑ เมือ่ เปียกน้ำ หรอื ตรวจพบว่ามีรอยคราบนำ้ (น้ำทำให้วัสดกุ รองเสื่อมสภาพ) ๖.๒ เมื่อชำรุดทางกล เช่น มรี อยแตกหรือฉีก บุบ หรือบดิ เบีย้ ว ๖.๓ หายใจเข้าฝืดผดิ ปกติขณะสวมหน้ากากป้องกัน (เนอ่ื งจากเครือ่ งกรองอากาศมฝี ุ่นละอองและผงอุดตนั มาก) ๖.๔ มีคำส่งั ใหเ้ ปลีย่ น ๖.๕ ภายหลังจากทสี่ วมหน้ากากป้องกนั ในบรรยากาศเป้ือนพษิ มาแล้ว (ไม่รวมสารทใี่ ชใ้ นการฝึก) ๖.๖ เฉพาะหนา้ กากป้องกันในอนุกรม เอม็ ๑๗ ทุกรนุ่ : - ใหเ้ ปล่ยี นทงั้ ขา้ งซา้ ยและข้างขวา (เปลย่ี นท้งั คู่) ทุกครัง้ ท่ีเปลี่ยนเครอื่ งกรองอากาศ - ใหเ้ ปลย่ี นเมื่อตรวจพบวา่ เคร่ืองกรองอากาศขา้ งซา้ ยและขา้ งขวามีหมายเลขงานไม่ตรงกัน ๗. เครอ่ื งกรองอากาศท่ี วศ.ทบ.จา่ ยให้พร้อมหนา้ กากป้องกนั หน้ากากป้องฯ กันท่ี วศ.ทบ.จ่ายให้หน่วยใช้มีลักษณะเป็น สป.ครบชุดพร้อมใช้งาน กล่าวคือ จ่าย เคร่ืองกรองอากาศให้พร้อมตัวหน้ากากและเครื่องประกอบอื่น โดยมีความมุ่งประสงค์เบื้องต้นให้หน่วยมี หน้ากากป้องกันฯ ไว้ให้กำลังพลใช้ในการฝึกศึกษาและสนับสนุนมาตรการรักษาความสงบภายในประเทศ (เช่น ควบคุมการจลาจล) ฉะน้ัน แม้ในบางครั้ง กองคลัง วศ.ทบ. จะส่งเคร่ืองกรองอากาศมาพร้อมตัว หน้ากากในลักษณะท่ีเคร่ืองกรองอากาศยังแยกอยู่ในบรรจุภัณฑ์ทีป่ ิดผนกึ หน่วยสามารถนำออกจากบรรจุ ภัณฑแ์ ละประกอบเขา้ กบั ตัวหน้ากากเพอ่ื ใช้ในการฝึกศึกษาได้ โดยไม่ต้องแจง้ ให้ วศ.ทบ.ทราบหรือทำเรอ่ื ง จำหนา่ ย ส่วนเครื่องกรองอากาศสำหรับใช้ในการปฏบิ ัตกิ ารยุทธใ์ หด้ ูรายละเอยี ดในข้อ ๘. ๘. การจา่ ยเครือ่ งกรองอากาศเม่ือหน่วยปฏิบัติราชการสนาม ในสถานการณ์ท่ีมีการวางกำลังในสนาม วศ.ทบ.จะส่งกำลังเครื่องกรองอากาศใหม่ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ ให้ บชร. ซง่ึ จะนำไปสะสมไว้ ณ ตำบลสง่ กำลังและแจกจา่ ยใหห้ น่วยทวี่ างกำลงั ในยทุ ธบริเวณ เพื่อให้หน่วย ต่าง ๆ มีเคร่ืองกรองอากาศท่ีสามารถกรองสารที่ใช้ในการสงครามเคมี เม่ือหน่วยใช้ได้รับ ให้เก็บไว้หรือ แจกจ่ายให้กำลงั พลโดยไม่นำออกจากบรรจภุ ณั ฑ์ จนกว่าจะ  ได้รบั คำสงั่ จากหน่วยเหนือ หรอื  เหน็ วา่ กำลงั พลลอ่ แหลมมากต่อการไดร้ ับอันตรายจาก อาวุธเคมี-ชีวะ เช่น ไดร้ บั การ แจง้ เตอื นวา่ ขา้ ศกึ จะใช้อาวุธเคมี-ชีวะโจมตี หรือจะเขา้ ไปปฏบิ ัติการในพ้นื ที่เป้อื นพิษ

๒๘ จึงนำเครื่องกรองอากาศออกจากบรรจุภัณฑ์และประกอบเข้ากับตัวหน้ากาก ทั้งน้ี เมื่อนำเคร่ืองกรอง อากาศใหม่ออกจากบรรจุภัณฑ์เมื่อใด ให้บันทึกวัน-เดือน-ปี ที่เปล่ียน เพื่อจะได้ทราบระยะเวลาของอายุ การใช้งานที่เหลือ และการนำเครื่องกรองอากาศใหม่ออกจากบรรจุภัณฑ์ในกรณีข้างต้น จะกระทำได้ ต่อเมื่อผู้บังคับหน่วยระดับ ผบ.พัน.หรือเทียบเท่าขึ้นไปเป็นผู้สั่ง (รับมอบอำนาจจาก ผบ.ทบ.ตามหนังสือ กบ.ทบ. ลับ ดว่ นมาก ที่ กห ๐๓๑๘/๒๐๐๕ ลง ๒๘ ส.ค.๒๔) หากหนว่ ยรองเหน็ ว่ามคี วามจำเป็นและ ผบ. พัน.ยังไม่สั่ง ให้ดำเนินการได้ก่อน เพื่อป้องกันการสูญเสียกำลังพลเป็นอันดับแรก แล้วจึงแจ้งขออนุมัติใน ภายหลังเมอื่ สถานการณอ์ ำนวย ๙. การนำเครอ่ื งกรองอากาศใหมอ่ อกใชใ้ นการปฏิบตั ริ าชการสนาม เม่ือผู้บังคับหน่วยระดับ ผบ.พัน.หรือเทียบเท่า ส่ังให้เปลี่ยนเคร่ืองกรองอากาศ (ข้อ ๘) หน่วยจะต้อง รายงานขออนุมตั ิจำหน่ายเครื่องกรองอากาศท่ีสัง่ เปลีย่ นทุกครงั้ โดยใหด้ ำเนินการดงั นี้ ๙.๑ ดำเนนิ การจำหนา่ ยตามระเบยี บ ทบ.วา่ ด้วยการจำหน่าย สป.ทีม่ ีผลบังคบั ใชใ้ นปจั จุบนั ๙.๒ ใหแ้ นบหลักฐานประกอบการรายงานขออนมุ ตั จิ ำหน่าย โดยเลือกข้อใดข้อหนง่ึ ต่อไปนี้ - คำสัง่ จากหนว่ ยเหนอื ให้เปล่ียนเคร่อื งกรองอากาศ - หลกั ฐานการขา่ วทไ่ี ด้รับแสดงว่าข้าศกึ จะใช้อาวธุ เคมโี จมตีอยา่ งแนน่ อน - หลกั ฐานแสดงว่าหนว่ ยเขา้ ไปปฏบิ ัตกิ ารในพน้ื ที่เปอ้ื นพษิ หรือ คาดว่าจะการใช้อาวธุ เคมี ๙.๓ เมื่อได้รับอนุมัติจำหน่ายแล้วให้ส่งหลักฐานการอนุมัติดังกล่าวพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามข้อ ๙.๒ ให้ วศ.ทบ.ทราบ ๑๐. การปฏิบตั ติ อ่ เครอ่ื งกรองอากาศทถี่ อดเปล่ียนใหม่ ๑๐.๑ หลังจากนำหน้ากากปอ้ งกนั ฯ ไปใช้ในพ้นื ทีเ่ ปื้อนพษิ แลว้ ให้เปลีย่ นเครื่องกรองอากาศใหม่ เก็บ รวบรวมเครื่องกรองอากาศที่ถอดออกแล้วในท่ีซ่ึงส่ิงที่เป็นพิษจะไม่แพร่กระจายไปทำอันตรายกำลังพล ดำเนินการจำหน่ายเครื่องกรองอากาศท่ีใช้งานแล้วตามข้อ ๙ วศ.ทบ.จะแจ้งวิธีปฏิบัติต่อซากเคร่ืองกรอง อากาศที่ได้รบั อนมุ ตั จิ ำหนา่ ยแล้วให้ทราบในภายหลัง ๑๐.๒ เม่อื ได้รับคำสง่ั ให้เปล่ียนเครื่องกรองอากาศใหม่ เช่น เพ่ือรอรับสถานการณ์โจมตี ใหเ้ ก็บเครื่อง กรองอากาศที่มากับหนา้ กากป้องกันไว้สำหรับใช้ในการฝกึ หรือการควบคุมการจลาจลในภายหลงั เนื่องจาก ยังใช้ราชการได้ ๑๑. แว่นสายตา กำลังพลที่สวมแว่นตาไม่สามารถสวมหน้ากากป้องกันฯ ขณะสวมแว่นตา เพราะจะเกิดรอยรั่วที่ ขอบหน้ากาก สารเคมีหรือสารชีวะสามารถเข้าสู่ภายในหน้ากากป้องกันได้ หน้ากากป้องกันฯ ทุกแบบมี กรอบแว่นสายตา (Optical Inserts) เป็นเคร่ืองประกอบ สำหรับจ่ายให้กำลังพลที่มีสายตาไม่ปกติและ ต้องสวมแว่นสายตา นำไปตัดเลนส์ใส่ และเก็บไว้ใช้ส่วนตัว กรอบแว่นสายตามีก้านสำหรับเสียบเข้ากับ ด้านในของตัวหน้ากาก ทบ.ไทยไม่เคยจัดหากรอบแว่นสายตาใช้กับหน้ากากป้องกันฯ สำหรับจ่ายให้กำลัง พลท่มี สี ายตาไม่ปกติ

๒๙ หนา้ กากป้องกันเคมี-ชวี ะในอนุกรม เอม็ ๑๗ รนุ่ ตา่ ง ๆ ของหนา้ กากป้องกันเคมี-ชีวะในอนกุ รม เอ็ม๑๗ ๑๒. ลกั ษณะยุทธภณั ฑ์ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะในอนุกรม เอ็ม๑๗ เป็นหน้ากากป้องกันที่ออกแบบสำหรับให้กำลังพล ภาคพ้ืนดินทั่วไปใช้ มีลักษณะเฉพาะท่ีแตกต่างจากหน้ากากป้องกันฯ ส่วนใหญ่ในโลก คือ มีเครื่องกรอง อากาศซ่อนมิดชิดอยู่ในตัวหน้ากาก ไม่ยื่นออกมาเกะกะเหมือนเคร่ืองกรองอากาศท่ีมีรูปร่างเป็นกระป๋อง แต่มขี อ้ เสยี ในเรอ่ื งความยากลำบากในการเปล่ียนเครอื่ งกรองอากาศ ๑๓. ความแตกตา่ งระหวา่ งรุ่น - ความสามารถในการป้องกนั เหมือนกนั ท้ัง ๓ รุ่น - รปู ร่าง ดูผวิ เผินคลา้ ยกัน - ความสามารถในการดื่มน้ำ รนุ่ เอม็ ๑๗ ด่ืมนำ้ ไมไ่ ด้ รุ่นอืน่ ด่ืมได้ถา้ มฝี ากระติกนำ้ พเิ ศษ

๓๐ ช้ินส่วนของหน้ากากป้องกันเคมี-ชวี ะในอนกุ รม เอ็ม๑๗ ๑๔. ชน้ิ ส่วน ชนิ้ สว่ นของหน้ากากปอ้ งกันแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ส่วนประกอบหลัก และ เคร่ืองประกอบ ๑๔.๑ ส่วนประกอบหลัก หมายถงึ ชิ้นส่วนที่ประกอบกนั เป็นหน้ากากป้องกัน (Facepiece) จนทำให้ สามารถใช้งานหนา้ กากป้องกันได้ แต่ยังไม่เต็มประสทิ ธภิ าพ ตอ้ งใช้ควบคู่กับเคร่ืองประกอบ สว่ นประกอบ หลกั ของหนา้ กากป้องกนั เคมี-ชีวะในอนุกรม เอม็ ๑๗ มีชิ้นส่วนสำคัญต่อไปนี้ - ตัวหน้ากาก (Faceblank) ทำด้วยยางเทียม สามารถต้านทานการซึมผ่านของสารเคมีเหลว มีชอ่ งท่กี ระพงุ้ แก้มทั้งสองขา้ งสำหรับใสเ่ คร่ืองกรองอากาศ - เลนสแ์ ว่นตา (Eye-lenses) ทำด้วยพลาสติกใส ติดแนน่ กบั ตวั หนา้ กากด้วยกรอบโลหะ - ชุดประกอบเคร่ืองถา่ ยทอดเสียง-ลนิ้ ทางออก (Voicemitter-Outlet Valve Assembly) ประกอบดว้ ย : แผ่นสั่นสะเทือน (diaphragm) ทำหน้าท่ีถ่ายทอดเสียง ลิ้นทางออกทำหน้าที่ควบคุม การไหลออกของลมหายใจออก : ปุ่มบิด ใช้บังคับการกระดกของท่อดื่มน้ำและท่อเป่าลมผายปอด (ท่อเป่าลมผายปอดมี เฉพาะรนุ่ เอ็ม๑๗ เอ๑) : หัวต่อฝากระติกน้ำพร้อมท่อน้ำ : ครอบเครื่องส่งเสียง-ลิ้นทางออก (Voicemitter-Outlet Valve Cover) ทำด้วยยาง สำหรบั ครอบปิดเครอ่ื งส่งเสยี ง-ลนิ้ ทางออก

๓๑ : ท่ีขอบด้านล่างมีช่องส่ีเหล่ียม ๔ ช่องทำหน้าที่เป็นช่องทางออกของลมหายใจออก และ มีแถบจบั สำหรับแงม้ ส่วนล่างของครอบเครอื่ งสง่ เสียง-ลน้ิ ทางออกขน้ึ เพอื่ ใหเ้ ห็นลิ้นทางออก : ทีข่ อบด้านบนมีร่องสำหรบั เกบ็ ท่อน้ำด่มื : ที่ดา้ นหนา้ มกี ระเปาะเก็บหวั ต่อฝากระติกน้ำ : ฝาครอบลิ้นทางเข้า (Inlet Valve Caps) มี ๒ ฝา สีดำ ทำด้วยโลหะ ครอบติดแน่นอยู่ กับหวั ต่อโลหะของเครอ่ื งกรองอากาศที่กระพุ้งแก้มด้านนอกของตัวหน้ากาก : ด้านนอกของฝาครอบล้ินทางเข้ามีลักษณะเป็นบานเกร็ดและมีผ้าฝ้ายเนื้อหยาบปิดทับ เพ่ือป้องกันไม่ใหเ้ ศษผงหรือละอองนำ้ ฝนผา่ นเข้า : ดา้ นในของฝาครอบลิน้ ทางเข้ามีแผน่ ล้นิ ทางเขา้ ติดอยูก่ ับหมุด : ที่ขอบด้านนอกของฝาครอบล้นิ ทางเข้ามีคำว่า TOP สีขาว ใช้เปน็ เครือ่ งหมายสำหรับให้ ปดิ ฝาครอบล้ินทางเขา้ ไดใ้ นตำแหนง่ ทถ่ี ูกต้อง - เคร่ืองกรองอากาศ (Filter Elements) มี ๑ คู่ มีลักษณะเป็นแผ่นแบนรูปสามเหล่ียม ขนาดเท่าฝ่ามือโดยประมาณ สอดใส่อยู่ในช่องที่กระพุ้งแก้มของตัวหน้ากาก มีข้างซ้ายและขวา ใสส่ ลับกัน ไม่ได้ (มีคำว่า LEFT FRONT หรอื RIGHT FRONT เป็นตวั นนู ที่ขอบด้านตัดของแผ่นเครอื่ งกรองอากาศ) มี ขอบโลหะสำหรบั เปน็ ทใ่ี ห้ขอบยางของกระพุ้งแกม้ ทต่ี วั หน้ากากด้านนอกยดึ - ครอบจมูก (Nosecup) ทำด้วยยางอ่อนนุ่ม ขณะสวมหน้ากากป้องกันจะครอบกระชับพอดีกับ จมูกและปากของผู้สวม ทำหน้าท่ีบังคับลมหายใจออกให้ไหลไปออกท่ีล้ินทางออก ป้องกันไม่ให้ไอน้ำจับเลนส์ แว่นตาเปน็ ฝา้ ด้านบนของครอบจมกู มีลิน้ ของครอบจมูก ๒ แผ่น ทำหน้าท่ีบังคบั ทางเดนิ ลมหายใจ - ดุม (Flap Buttons) ทำด้วยพลาสติกแข็ง อยู่ท่ีฝาปิด (Flap) รอยผ่าที่กระพุ้งแก้มด้านในแต่ ละข้าง มี ๒ ขนาด คือ ดมุ เม็ดสั้น และ ดมุ เม็ดยาว แต่ละขนาดมี ๒ เม็ด รวม ๔ เมด็ ดุมเมด็ ส้ันสำหรบั ใช้ กลดั ฝาปิดรอยผา่ ดุมเม็ดยาวนอกจากใช้กลัดฝาปิดรอยผ่าแลว้ ยังใช้กลดั ยึดครอบจมกู ใหต้ ดิ กบั ฝาปดิ รอยผา่ - ชุดสายรัดศีรษะ (Head Harness) สายรัดศีรษะมี ๖ เส้น แต่ละเส้นทำด้วยวัสดุยืด-หดได้ (elastic) เยบ็ ตดิ รวมกันท่ีแผ่นยดึ ศรี ษะ (Head Harness Pad) - สายรัดคู่บนเรียกว่าสายรัดหน้าผาก มีสายรัดเส้นสั้นเย็บเชื่อมทางขวางเป็นที่สังเกตและ ป้องกนั ไม่ให้สายรดั ศรี ษะถ่างออกเวลาสวมหน้ากากปอ้ งกนั ฯ - สายรัดคกู่ ลางเรียกว่าสายรัดขมบั - สายรัดคู่ล่างเรยี กว่าสายรัดแก้ม - ทป่ี ลายสายรัดศีรษะแต่ละเสน้ มโี ลหะหุ้มป้องกนั ปลายสายหลดุ ลยุ่ - สายรัดศีรษะแต่ละเส้นร้อยผ่านห่วงเล่ือน (Clip-Buckle Assembly) ซึ่งติดอยู่กับหูยึดท่ีตัว หนา้ กาก เพอื่ ให้ผ้สู วมปรับความยาวของสายรดั ศรี ษะได้ตามต้องการ ๑๔.๒ เครื่องประกอบ หมายถึง สิ่งอุปกรณ์ทผี่ ลิตขึ้นเพื่อสำหรบั ใช้ควบค่กู บั หนา้ กากป้องกันฯ เพอ่ื ให้ สามารถใช้หน้ากากป้องกันฯ ได้อย่างสะดวกและเต็มขีดความสามารถ จ่ายพร้อมหน้ากากป้องกันฯ เม่ือ

๓๒ รวมกับหน้ากากป้องกันฯ แล้วถือเป็นส่ิงอุปกรณ์ครบชุด ห้ามไม่ให้แยกจ่ายหรือแยกเก็บคนละท่ีกับ หนา้ กากปอ้ งกนั ฯ เครอ่ื งประกอบของหนา้ กากป้องกนั เคมี-ชีวะในอนุกรม เอ็ม๑๗ มี ๔ รายการ ดังน้ี - ครอบแว่นตา (Eye-lenses Outserts) มี ๑ คู่ มีขนาดเท่ากัน มีเลนส์ทำด้วยพลาสติกใส ใช้ สวมทับแว่นตาของหน้ากากป้องกันฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เลนส์ของแว่นตาเป็นรอยขีดข่วนหรือถูกกระแทก แตก ครอบแว่นตามียางท่ีขอบสำหรับยึดติดกับแว่นตาของหน้ากากป้องกันฯ ให้สวมครอบแว่นตาติดกับ แวน่ ตาของหน้ากากป้องกันตลอดเวลา เว้นถอดออกเพ่ือทำความสะอาด - ฝากระติกน้ำ (M1 Canteen Cap) (จำเป็นสำหรับรุ่น เอ็ม๑๗ เอ๑ และ เอ็ม๑๗ เอ ๒ แต่มี จ่ายพร้อมหน้ากากป้องกันฯรุ่น เอ็ม๑๗ เอ๑ เท่าน้ัน เพราะปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ จ่ายฝากระติกน้ำท่ีใช้ กับหน้ากากป้องกันฯ พร้อมตัวกระติกน้ำ จึงไม่จ่ายพร้อมกับหน้ากากป้องกันฯอีกต่อไป) ทำด้วยพลาสติก ใช้กับกระติกน้ำพลาสติกมาตรฐาน เพื่อให้ผู้สวมดื่มน้ำได้ขณะสวมหน้ากากป้องกันฯ โดยนำหัวต่อฝา กระติกน้ำที่ตัวหน้ากากมาเสียบกับช่องต่อท่ีฝากระติกน้ำซึ่งมีลักษณะเป็นข้อต่อปลดเร็วและมีล้ินกันร่ัวใน ตัว สำหรับป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเล็ดลอดเข้าไปภายในกระตกิ นำ้ ได้ นอกจากน้ียงั มีฝาปิดช่องต่อเพื่อ ป้องกันไม่ให้เปือ้ นพษิ เครือ่ งประกอบของหนา้ กากป้องกนั เคมี-ชวี ะในอนุกรม เอม็ ๑๗ - ถุงกันน้ำ (M1 หรือ M1 A1 Waterproof Bag) เป็นถุงพลาสติกหนาใช้บรรจุหน้ากากป้องกันฯ เมื่อฝนตกหรือเมื่อข้ามลำน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เคร่ืองกรองอากาศเปียกน้ำและชำรุด แบบ เอ็ม๑ มียางรัด ปากถุง ๓ เสน้ จ่ายใหพ้ รอ้ ม แบบ เอม็ เอ๑ ปากถงุ กดปิดไดส้ นทิ - ย่ามหน้ากาก (M15 A1 Carrier) ทำด้วยผ้าฝ้ายเนื้อแน่น กันราขึ้นและละอองฝนได้ มีวัสดุ แข็งสอดอยู่ด้านข้างเพื่อลดอันตรายจากแรงกระแทกให้แก่หน้ากากป้องกันฯ ใช้เป็นที่ใส่หน้ากาก ป้องกันฯเพื่อให้สามารถนำติดตัวไปได้สะดวก และเป็นที่ใส่ยุทธภัณฑ์ป้องกันตนบางรายการ มีสายรัด เส้นใหญ่ ๒ เส้น เส้นยาวมีห่วงเลื่อนสำหรับปรับความยาวของสายและมีขอเกี่ยวที่ปลายสาย เส้น สั้นมีห่วงครึ่งวงกลมอันใหญ่ (ห่วงรูปตัว “ดี” ใหญ่) สำหรับเป็นที่เก่ียวขอเก่ียว และมีสายรัดเส้นเล็ก ๑ เส้น มีห่วงเลื่อนสำหรับปรับความยาวของสายและมีขอเกี่ยวที่ปลายสาย ที่โคนสายมีห่วงรูปคร่ึงวงกลม

๓๓ อันเล็ก (ห่วงรูปตัว “ดี” เล็ก) สำหรับเป็นที่เกี่ยวขอเกี่ยว และมีห่วงกลม (ห่วงรูปตัว “โอ”) ติดอยู่ท่ี ด้านข้างของยา่ มหน้ากากป้องกันฯ สำหรบั เปน็ ท่ีเก่ยี วขอเกี่ยวของสายรัดเสน้ เล็ก ฝาย่ามมดี มุ แบบ ปลดเร็ว ๒ เม็ด และมีกระเป๋าขนาดเล็กติดท่ีภายนอกและภายในย่าม สำหรับเก็บยุทธภัณฑ์ป้องกันตนและเครื่อง ประกอบของหนา้ กากปอ้ งกนั ฯ ยา่ มหน้ากากของหนา้ กากป้องกันเคมี-ชีวะในอนกุ รม เอ็ม๑๗ ๑๕. สิง่ อุปกรณท์ ่ีอนญุ าตใหเ้ ก็บไว้ในย่ามหน้ากาก นอกเหนือจากเครื่องประกอบของหน้ากากป้องกนั แล้ว อนุญาตให้เก็บยทุ ธภัณฑ์ป้องกันตนต่อไปน้ีใน กระเปา๋ ของยา่ มหน้ากากป้องกันฯ ห้ามเก็บสงิ่ อื่นใดนอกเหนอื จากนใี้ นย่ามหนา้ กาก ฯ - ยาปอ้ งกันและยาแก้พิษ - ชดุ ทำลายลา้ งพษิ ส่วนบุคคล ๑๖. ขนาด หนา้ กากป้องกันเคมี-ชีวะในอนกุ รม เอ็ม๑๗ มี ๓ ขนาด คอื ใหญ่ กลาง และเลก็ ผู้ใช้จำเป็นต้องเลือก ขนาดให้พอเหมาะกับขนาดใบหน้าของตน จึงจะสวมหน้ากากได้แนบสนิทและไม่รู้สึกรำคาญหรือเจ็บ ขนาดของหน้ากากป้องกันฯ จะต้องดูท่ีบริเวณหน้าผากด้านนอกของตัวหน้ากากและท่ีด้านในของครอบ จมกู บริเวณสว่ นยอด ดังน้ี ขนาด เครื่องหมายทีห่ น้าผาก เครอื่ งหมายทคี่ รอบจมูก ใหญ่ (สำหรบั ผทู้ ม่ี ีใบหนา้ ใหญก่ ว่าปกติ) M L กลาง (สำหรับประชากรสว่ นใหญ่) M M เล็ก (สำหรับผทู้ ่ีมใี บหน้าเลก็ กว่าปกติ) S M

๓๔ การตรวจสภาพเพื่อปรนนิบตั ิบำรุงและบริการ สำหรับหนา้ กากปอ้ งกนั เคมี-ชวี ะในอนุกรม เอ็ม๑๗ เพ่ือใหม้ ั่นใจว่าหน้ากากป้องกันฯ อยู่ในสภาพใช้ราชการได้ จะตอ้ งตรวจสภาพเพื่อปรนนิบัติบำรุงและ บริการ (Preventive Maintenance Checks and Services - PMCS) ตามวาระตอ่ ไปน้ี - ในภาวะปกติ ทกุ ๖ เดือน - ในสถานการณ์เตรยี มพรอ้ ม สปั ดาหล์ ะ ๑ ครั้ง - ภายหลงั การนำออกใช้ในการฝึกและการรบ ทกุ ครง้ั เมื่อผู้ใช้ตรวจพบการชำรุด ให้รายงานเจ้าหน้าท่ีซ่อมบำรุงประจำหน่วย เพ่ือทำการซ่อมบำรุงใน ขอบเขตท่ีไดร้ ับอนุมตั ิ นอกเหนอื ไปจากนีจ้ ะตอ้ งส่งซอ่ มยังหนว่ ยสนับสนุนตามสายการสง่ กำลังบำรงุ ๑๗. รายการตรวจสภาพเพื่อปรนนิบตั ิบำรุงและบริการ ก = ก่อนการใชง้ าน ข = หลังการใช้งาน ค = ทกุ สปั ดาห์/ทุก ๖ เดือน ลำดับ ระยะเวลา รายการท่ตี รวจ ส่ิงบง่ ช้ี ก ขค หรือวิธดี ำเนินการ ๑ ตัวหน้ากาก • • • ความสะอาด ต้องไม่มฝี ่นุ ผงเกาะหนา ไม่มรี อยเปือ้ น หรือคราบโคลนติด • • เน้ือยางเส่ือมสภาพ แบะตวั หนา้ กากออกได้ยาก เน้อื ยางแข็ง ผิดปกติ เหนยี วเหนอะหนะ เปราะ แตก ระแหง หรือไม่ยืดหยนุ่ หมายเหตุ อาจมสี ารคลา้ ยขี้ผ้ึงสีขาวหรอื สีสนมิ เหล็ก ติดเป็นคราบทย่ี างหนา้ กาก สารดงั กล่าวเปน็ สารรักษาเนอ้ื ยางซงึ่ จะ ป้องกนั ไมใ่ ห้ยางเส่อื มสภาพเรว็ อยา่ ขจดั สารน้ีจากยางหน้ากาก • • เน้ือยางฉีกขาด พบรู รอยฉีกหรือรอยปริทเ่ี น้ือยาง • • สภาพหมุดยดึ หยู ึดสายรัดศีรษะ ไมช่ ำรุด ผุกร่อน หรือสูญหาย ๒ แว่นตา ครอบแวน่ ตา และเลนส์ • • • สภาพทวั่ ไป ถ้ามรี อยแตกร้าว ขูดขดี และการเปลี่ยนสี ของเลนส์พลาสติก ซึ่งอาจรบกวนการมอง

๓๕ ลำดบั ระยะเวลา รายการท่ตี รวจ สง่ิ บ่งชี้ ก ขค หรือวธิ ดี ำเนนิ การ เหน็ ใหท้ ดลองสวมหนา้ กากดู และกรอบ โลหะของแว่นตาไม่มกี ารชำรุดหรือผุ • • สภาพยางขอบแวน่ ตาและ ยางขอบแวน่ ตาและขอบครอบแว่นตา ขอบครอบแวน่ ตา เส่ือมสภาพหรอื ฉีกขาด แวน่ ตาหลดุ ออก จากตัวหนา้ กากเม่ือดึง ๓ ชุดสายรัดศรี ษะ • • • ความสะอาด ตอ้ งไม่มรี าขนึ้ หรอื มีคราบเหง่อื ทสี่ ายรัด • • • การสูญเสียความยืดหยนุ่ ดงึ แลว้ ไมห่ ดตัว ไมส่ ามารถทำใหห้ น้ากาก ป้องกนั แนบสนทิ กบั ใบหนา้ มีรอยฉีก มี การฉกี ขาด และหลุดลุ่ย ของสายรดั ศรี ษะ เส้นดา้ ยหลดุ ลยุ่ • • • สภาพโลหะหุ้มปลายสาย ตอ้ งมีโลหะหมุ้ ปลายสาย • สภาพหว่ งเลื่อน ไม่ชำรดุ ผกุ รอ่ น หรือสูญหาย ๔ ชุดประกอบเครอื่ งส่งเสียง-ล้ินทางออก • • การชำรดุ ของครอบเครื่อง ถอดครอบเครอ่ื งสง่ เสยี ง-ลิ้นทางออกเพ่ือ ส่งเสยี ง-ล้ิน ทางออก ตรวจหารอยฉีกขาดหรอื รู • • สภาพล้นิ ทางออก ไม่สญู หาย หงกิ งอ หรือเหนยี ว • • สภาพท่รี องรับแผน่ ล้ินทางออก แงม้ แผ่นล้นิ หาส่ิงสกปรกและเศษผงท่ที ำ ใหแ้ ผน่ ลิน้ ปิดได้ไม่แนบสนทิ • • สภาพเรือนเคร่ืองสง่ เสียงและ โลหะของเรือนไมบ่ ดิ เบี้ยว ผกุ รอ่ น แผ่น แผน่ สน่ั สะเทือน สัน่ สะเทือนไมแ่ ตกหรือมีรอยทะลุ • • สภาพของปุ่มบิด ท่อนำ้ และท่อ ปุม่ บิดไมส่ ูญหาย เม่ือบดิ ไปมาทำใหท้ ่อ ด่มื นำ้ ดมื่ นำ้ ในตวั หนา้ กากกระดกได้ ยางทอ่ นำ้ ไม่ร่ัว และหวั ต่อฝากระตกิ นำ้ ไมส่ ญู หาย หรือชำรุด ๕ ฝาครอบล้ินทางเขา้ • • สภาพฝาครอบลน้ิ ทางเขา้ ต้องปิดไดส้ นทิ และเปดิ ออกได้ ไมช่ ำรดุ ผกุ รอ่ น หรือสูญหาย ดา้ ยถักปิดฝาครอบ ไม่ฉกี ขาด บานเกร็ดไม่บี้แบน และฝา ครอบปิดในตำแหน่งท่ีอักษร TOP ทขี่ อบ อย่ดู ้านบน

๓๖ ลำดับ ระยะเวลา รายการทีต่ รวจ สง่ิ บง่ ชี้ ก ขค หรือวธิ ดี ำเนินการ • • • สภาพลิน้ ทางเขา้ แกะฝาครอบลน้ิ ทางเข้า ดูว่ามลี ้นิ ทางเข้า ลิ้นทางเขา้ ไม่งอ กรอบ หรอื ตดิ แน่นกับท่ี รองรบั ไม่มีเศษผงติดอยูร่ ะหว่างแผน่ ล้ิน ทางเขา้ กบั ทร่ี องรับ ๖ เครอ่ื งกรองอากาศ • การชำรดุ ของหัวตอ่ โลหะ การ นำเคร่อื งกรองอากาศออกจากกระพงุ้ แก้ม ชำรุดทางกลของเครอื่ งกรอง ตรวจหารอยบุบและการหลวมคลอนของ อากาศ และร่องรอยการเปียกนำ้ หัวตอ่ โลหะ ตัวเคร่อื งกรองอากาศต้องไม่ มีรอยฉกี ขาด หัก มรี าขึ้น หรอื มีคราบน้ำ • หมายเลขการผลติ ของเครือ่ ง นำเครื่องกรองอากาศออกจากกระพุ้งแกม้ กรองอากาศ ตรวจดูหมายเลขการผลติ ทข่ี อบด้านข้าง ของตัวเคร่อื งกรองอากาศ หมายเลขการ ผลติ ของเครื่องกรองอากาศทั้งสองขา้ ง ต้องเหมือนกนั • • ความเรยี บรอ้ ยในการประกอบ หัวต่อโลหะต้องประกอบเขา้ กับกระพุ้ง เขา้ กับตวั หนา้ กาก แกม้ ของตวั หน้ากากเรียบร้อยและฝา ครอบล้นิ ทางเข้าปดิ ได้สนทิ ฝาปิดรอยผ่า กระพุ้งแก้มแตล่ ะข้างท่ีดา้ นในของตวั หน้า กากมดี ุมครบ ๒ เมด็ และกลัดดุมเรียบรอ้ ย • การอุดตันของเครื่องกรอง สวมหนา้ กากป้องกนั และหายใจเขา้ -ออก อากาศ ไมค่ วรตอ้ งออกแรงสดู หายใจมากผดิ ปกติ ๗ ครอบจมกู • • • การกลัดดุมครอบจมูก ดมุ เมด็ ยาวไมช่ ำรดุ หรือสญู หาย รังดมุ ไม่ ฉีกขาด และครอบจมกู กลดั ตดิ ดุมเมด็ ยาว • • • สภาพล้ินครอบจมูก ทร่ี องรบั แผ่นลน้ิ ตดิ อยู่กับครอบจมูกเรียบ ร้อย ล้ินครอบจมูกครบมคี รบ ๒ ลิ้น ไมง่ อ กรอบ หรอื ตดิ แน่นกบั ที่รองรบั ไมม่ เี ศษ ผงติดอย่รู ะหว่างแผ่นล้นิ ครอบจมูกกบั ที่ รองรับ

๓๗ ลำดบั ระยะเวลา รายการที่ตรวจ สง่ิ บง่ ช้ี ก ขค หรอื วิธดี ำเนินการ • • ส่วนคางของครอบจมูก ตอ้ งทับอย่บู นสว่ นคางดา้ นในของตัว หน้ากาก ๘ ฝากระตกิ น้ำ • • สภาพของฝากระติกนำ้ ต้องไมส่ กปรกและชำรดุ ๙ ถุงกันนำ้ • สภาพของถุงกันนำ้ ตอ้ งไม่มรี ูหรอื รอยฉกี ขาด เนอื้ พลาสติก ไม่กรอบ และยางรดั ไมข่ าด สญู หาย หรอื เส่ือมสภาพ ๑๐ ยา่ มหน้ากาก • • ความสะอาดของย่ามหนา้ กาก ตอ้ งไมส่ กปรก มีคราบโคลน คราบนำ้ มัน ฝนุ่ เกาะหนาแนน่ หรือมีราขนึ้ นำหนา้ กาก ป้องกนั และสิ่งอน่ื ออกจากยา่ ม ตรวจหา เศษผงภายในยา่ มและในกระเปา๋ ของยา่ ม • • • สภาพย่ามหน้ากาก ต้องไม่มีรอยฉีกขาดท่สี ายรัดและตวั ยา่ ม ช้ินสว่ นท่ีเป็นโลหะไม่ชำรดุ หรือสูญหาย การซอ่ มบำรงุ และการบริการ สำหรับหน้ากากป้องกันเคมี-ชวี ะในอนกุ รม เอม็ ๑๗ ๑๘. การถอดเปล่ียนหรือการตรวจสภาพเครอื่ งกรองอากาศ ดูภาพประกอบและปฏิบัติตามข้ันตอนที่กลา่ วไว้ ข้อกำหนดสำหรบั การเปลีย่ นเคร่อื งกรองอากาศดตู อนท่ี ๑ ก ข้อ ๕ และ ๗ ๑๙. การเปลยี่ นล้นิ ทางเข้า ลิ้นครอบจมูก และลิ้นทางออก ดูภาพประกอบและปฏบิ ัตติ ามวธิ ีท่กี ล่าวไว้ ขอ้ กำหนดสำหรบั การเปล่ียนล้นิ ดูข้อ ๑๕ ๒๐. การทำความสะอาด ๒๐.๑ การทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน (ไม่ถอดเคร่ืองกรองอากาศออก) ปฏิบัติตามลำดับข้ันตอน ต่อไปน้ี - คำเตือน - อย่าใหน้ ้ำเข้าเครื่องกรองอากาศเปน็ อันขาด หา้ มนำตัวหน้ากากไปจุ่มนำ้ หรือน้ำสบู่อย่าให้สายรดั ศรี ษะเปียก

๓๘  แกะครอบเครือ่ งสง่ เสยี ง-ล้นิ ทางออก  แกะฝาครอบลิ้นทางเข้าออกทั้งสองขา้ ง  แกะครอบแวน่ ตาออกท้งั สองข้าง (ดภู าพประกอบ)  ใช้ผ้าสะอาดจุ่มน้ำสบู่ บิดให้หมาด แล้วเช็ดตัวหน้ากากทั้งภายในและภายนอกให้ หมดคราบสกปรก รวมทง้ั ครอบเครื่องสง่ เสยี ง-ล้ินทางออกและครอบแวน่ ตาท่ีแกะแยกไว้  ใช้ผ้าสะอาดอีกผนื จุ่มนำ้ สะอาด บิดใหห้ มาด เช็ดคราบสบู่ออกใหห้ มด  เช็ดตัวหน้ากากและชิ้นส่วนอื่นให้แห้งสนิทด้วยผ้าแห้งเนื้อน่ิมละเอียดท่ีสะอาดและ ปราศจากขน หรอื ตั้งไว้ในท่ีรม่ ให้ลมโกรกจนแหง้ ห้ามใชล้ มรอ้ นเป่าหรอื นำไปตากแดด  ประกอบชิน้ ส่วนใหเ้ รยี บร้อย ๒๐.๒ การทำความสะอาดอย่างประณีต (ถอดเครื่องกรองอากาศออก) ปฏิบัติตามลำดบั ข้นั ตอนต่อไปนี้  ถอดเคร่ืองกรองอากาศออกจากกระพุ้งแก้มของตัวหน้ากาก (ดูภาพประกอบและ ปฏิบัตติ ามขัน้ ตอนในภาพ) และแยกเก็บไว้อย่าให้ถูกนำ้  แกะครอบเครื่องส่งเสยี ง-ลน้ิ ทางออก  แกะครอบแวน่ ตาออกทง้ั สองข้าง (ดูภาพประกอบ)  ถอดชุดสายรัดศีรษะออกจากตัวหน้ากาก ถ้าเปียกเหง่ือหรือสกปรกนำไปทำความ สะอาดร่วมกบั ตวั หน้ากาก ถ้าไมส่ กปรกใหแ้ ยกเก็บรกั ษาไว้กบั เคร่ืองกรองอากาศที่ถอดออกแล้ว  ถา้ ฝาครอบล้ินทางเข้าสกปรก ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ด  จุ่มตัวหนา้ กากและครอบแวน่ ตาลงในน้ำสบูใ่ นภาชนะ ใชผ้ า้ เชด็ ถูใหส้ ะอาด  ยกตวั หนา้ กากและครอบแวน่ ตาข้ึนจากน้ำสบู่ เทน้ำสบใู่ หไ้ หลออกหมด  จุม่ ตัวหน้ากากและครอบแว่นตาในน้ำสะอาดในอีกภาชนะหนึ่ง ล้างให้หมดคราบสบู่ แล้วล้างดว้ ยน้ำสะอาดเปน็ คร้ังทีส่ องในอีกภาชนะหนงึ่  ยกตวั หนา้ กากและครอบแว่นตาข้ึนจากน้ำ เทนำ้ ใหไ้ หลออกใหห้ มด โดยเฉพาะในกระพุ้งแก้ม  เช็ดด้วยผ้าแห้งเน้ือน่ิมละเอียดท่ีสะอาดและปราศจากขน ตรวจดูภายในกระพุ้งแก้ม ด้วย ทงิ้ ไว้ในทีร่ ่มใหล้ มโกรกจนแห้งสนทิ หา้ มใชล้ มร้อนเป่าหรอื นำไปตากแดด  ใส่เครื่องกรองอากาศ ดูภาพประกอบและปฏิบัติตามข้ันตอนในภาพ และประกอบช้ินส่วนอ่ืนให้ เรยี บร้อย ๒๐.๓ การทำความสะอาดย่ามหน้ากาก กำจัดกรวด ทราย และเศษผงจากภายในย่ามหน้ากาก ถ้า ยา่ มหนา้ กากเปื้อนโคลนใหใ้ ชแ้ ปรงขนแขง็ แปรงให้สะอาด

๓๙ ๒๑. การทำลายลา้ งพษิ ถ้าหน้ากากป้องกันฯ เป้ือนพิษสารเคมีขณะอยู่ในสถานการณ์สู้รบ ให้ใช้ชุดทำลายล้างพิษบุคคล ทำลายล้างพิษท่ีด้านนอกของตัวหน้ากากและเครื่องกรองอากาศ เมื่อสถานการณ์อำนวยแล้วจึงใช้น้ำยา ทำลายล้างพิษ อาทิ สารละลายโซเดียมเซียมไฮโปคลอไรท์หรอื น้ำสบู่ทำลายล้างพษิ ด้วยวิธีทำความสะอาด อยา่ งประณตี ถ้าหน้ากากป้องกันเป้อื นพษิ สารชีวะ ให้ทำลายล้างพษิ ด้วยสารละลายโซเดยี มเซียมไฮโปคลอ ไรทห์ รอื นำ้ สบู่ด้วยวธิ ีทำความสะอาดอย่างประณีต วธิ เี ปลี่ยนลน้ิ ทางเข้า แกะฝาครอบล้นิ ทางเข้าออกจากตวั หน้ากาก ดึงล้นิ ทางเข้าท่ีชำรดุ ออก ใสล่ น้ิ ทางเข้าช้ินใหม่ เสรจ็ แลว้ ใส่ฝาครอบลน้ิ ทางเขา้ กลบั ท่ีเดมิ วิธีเปลีย่ นลนิ้ ครอบจมกู

๔๐ วิธเี ปล่ยี นลน้ิ ทางออก ๑. เปดิ ครอบเครอ่ื งส่งเสียง-ลน้ิ ทางออกขน้ึ คร่งึ หน่ึง แลว้ ดึงลน้ิ ทชี่ ำรดุ ออก ๒. ตัดแกนสว่ นเกินของลิ้นทางออกชน้ิ ใหมท่ ้งิ ไป ๓. นำแกนลน้ิ ทางออกไปจุ่มน้ำเพือ่ ให้ล่นื แลว้ ใช้นิ้วหัวแมม่ อื กดให้เข้าท่ี ๔. ปดิ ครอบเครื่องส่งเสยี ง-ลน้ิ ทางออก

๔๑ วธิ เี ปล่ยี นเครอ่ื งกรองอากาศ: ตอนท่ี ๑ ถอดเคร่ืองกรองอากาศเก่าออก ๑. แกะครอบล้ินทางเข้าออก โดยใช้หัวแม่มือดันขอบ ฝาให้เผยอขึ้น ๒. ดึงยางกระพุ้งแก้มท่ีรัดขอบหัวต่อของเครื่อง กรองอากาศใหห้ ลุดออกจากขอบ ๓. คลายสายรดั ศีรษะทุกเสน้ แลว้ ตลบชุดสายรัดศรี ษะไปไว้ทดี่ ้านหนา้ ของตัวหน้ากากทบ่ี ริเวณ หนา้ ผาก ๔. ดงึ ครอบจมูกให้หลดุ ออกจากดุมทยี่ ึด ๕. เปิดรอยผ่าที่กระพุ้งแก้มด้านใน โดยดึงฝาบน ให้หลุดออกจากดุมท่ียึดท้ัง ๒ เม็ด (ดุมยังคง ยึดติดอยู่กับฝาล่าง) ทำเช่นนี้ที่กระพุ้งแก้มทั้ง สองขา้ ง

๔๒ ๖. ดึงเครื่องกรองอากาศออกจากกระพุ้งแก้ม โดย ใช้มือหน่ึงจับท่ีแผ่นเครื่องกรองอากาศ อีกมือ จั บ ตั ว ห น้ า ก า ก ท่ี ค ร อ บ เค ร่ื อ ง ส่ ง เ สี ย ง -ลิ้ น ทางออก เสรจ็ แลว้ ปฏิบตั ิเช่นเดียวกันกบั เครื่อง กรองอกี ข้างหนึง่ คำเตอื น อย่าดึงยางให้ยืดมากเกินไป ยางจะฉีกขาด เมื่อนำเครื่องกรองอากาศทั้งสองข้างออกจากกระพุ้งแก้มแล้ว ถ้าเป็นการถอดเพ่ือตรวจสภาพให้ ตรวจตามขอ้ ๔ ลำดับท่ี ๖ ในตารางรายการตรวจสภาพเพอ่ื ปรนนิบัติบำรงุ และบริการ วธิ เี ปลีย่ นเครอ่ื งกรองอากาศ: ตอนท่ี ๒ ใส่เครอ่ื งกรองอากาศคใู่ หม่ ๗. นำเคร่ืองกรองอากาศใหม่แต่ละแผ่นที่จะ เปล่ียนไปทาบที่กระพุ้งแก้มด้านนอกของตัว หน้ากาก เพื่อให้มั่นใจว่าใส่ถูกข้าง หรอื อาจดูคำ ว่า LEFT หรือ RIGHT ที่ขอบด้านหน้าของแผ่น เครอื่ งกรองอากาศ ๘. จับเคร่ืองกรองอากาศด้านท่ีเป็นเหล่ียม สอด แผ่นเครื่องกรองอากาศเข้าในกระพุ้งแก้มทาง รอยผ่าท่ีนำเครื่องกรองอากาศแผ่นเกา่ ออก โดย นำทางมุมแหลมสอดเข้าก่อน และหันด้านท่ีมี หัวตอ่ ไปทางด้านนอกของตวั หนา้ กาก

๔๓ วิธีเปล่ยี นเครอ่ื งกรองอากาศ: ตอนท่ี ๒ ใสเ่ ครอื่ งกรองอากาศคู่ใหม่ (ตอ่ ) ๙. ค่อย ๆ ดันแผ่นเคร่ืองกรองอากาศเข้าไปใน กระพุ้งแก้มด้วยความระมัดระวัง ขยับยาง กระพุ้งแก้มช่วยด้วย ๑๐. เม่ือใส่เคร่ืองกรองอากาศทั้ง ๒ แผ่นเข้าใน กระพุ้งแก้มแล้ว จัดครอบจมูกให้อยู่ในสภาพที่ ถูกต้อง โดยให้ส่วนล่างของครอบจมูกวางทับ ส่วนคางของตัวหน้ากาก เพ่ือไม่ให้ไอน้ำในลม หายใจออกและหยดเหง่ือเล็ดลอดเข้าในกระพุ้ง แก้ม ทำให้เคร่ืองกรองอากาศเปียกและชำรุด ไมส่ ามารถให้การปอ้ งกนั ได้ ๑๑. กลดั ดุมทง้ั ๒ เม็ดของรอยผ่าทก่ี ระพุง้ แก้มดา้ น ใน ฝาบนของรอยผ่าต้องปิดทับฝาล่าง มิฉะน้ัน เหงอ่ื จะไหลเขา้ ไปทำให้เครื่องกรองอากาศชำรุด เสร็จแล้วกลัดดุมเม็ดในเขา้ กบั ครอบจมูก ปฏิบัติ เช่นเดียวกนั ที่รอยผา่ ท้งั สองข้อง ๑๒. ตลบชดุ สายรัดศีรษะกลับสตู่ ำแหนง่ ปกติ ๑๓. ใส่ยางรัดหัวต่อของเคร่ืองกรองอากาศท้ังสอง ข้าง

๔๔ วิธีเปลย่ี นเครื่องกรองอากาศ: ตอนที่ ๒ ใสเ่ ครื่องกรองอากาศคใู่ หม่ (ต่อ) ๑๔. ใส่ฝาครอบลิ้นทางเข้า โดยกดให้เข้ากับหัวต่อ ของเคร่ืองกรองอากาศ ให้เครอ่ื งหมาย TOP อยู่ ด้านบน (อยทู่ างแวน่ ตา) หน้ากากปอ้ งกนั เคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑ ภาพที่ ๑ ส่วนประกอบหลักของหนา้ กากปอ้ งกันเคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑

๔๕ ๒๒. ความแตกตา่ งจากหนา้ กากปอ้ งกันเคมี-ชวี ะในอนกุ รม เอม็ ๑๗ หน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑ เป็นหน้ากากป้องกันสำหรับให้กำลังพลภาคพ้ืนดินทั่วไปใช้ มี วัตถุประสงค์ในการใช้งานและมีขีดความสามารถเหมือนกับหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะในอนุกรม เอ็ม๑๗ ต่างกันท่ีรูปร่างซึ่งเห็นได้ชัด คือ ใช้เคร่ืองกรองอากาศมีลักษณะเป็นกระป๋อง (canister) ซึ่งอยู่ที่บริเวณ แก้มซา้ ยของตัวหน้ากาก ๒๓. ชิน้ สว่ น ช้ินส่วนของหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑ ประกอบด้วย ส่วนประกอบหลัก และ เครื่อง ประกอบ ๒๓.๑ ส่วนประกอบหลัก (ภาพท่ี ๑) หมายถึง ชิ้นส่วนท่ีประกอบกันเป็นหน้ากากป้องกันฯ (Facepiece) จนทำให้สามารถใช้งานหน้ากากป้องกันได้ แต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ต้องใช้ควบคู่กับเคร่ือง ประกอบ ส่วนประกอบหลกั ของหน้ากากป้องกันเคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑ ประกอบด้วยชิ้นส่วน ๑๑ รายการ ตอ่ ไปน้ี  ตัวหน้ากาก (๑) (Faceblank) ทำดว้ ยยาง สามารถตา้ นทานการซึมผ่านของสารเคมีเหลว  เลนส์แวน่ ตา (๒) (Eye-lenses) ทำด้วยพลาสติกใส ติดแน่นกับตวั หน้ากากด้วยกรอบโลหะ  ชุดประกอบเครื่องถ่ายทอดเสียง-ลิ้นทางออก (Voicemitter-Outlet Valve Assembly) ประกอบด้วยลิ้นทางออก (๔) ทำหน้าที่ควบคุมการไหลออกของลมหายใจออก และแผ่น ส่ันสะเทอื น (diaphragm) ทำด้วยยาง (๕) ทำหน้าทีถ่ ่ายทอดเสียง  ครอบเคร่ืองส่งเสียง-ล้ินทางออก (๓) (Voicemitter-Outlet Valve Cover) เป็นฝา เกลียว ทำด้วยพลาสติก ครอบปิดชุดประกอบเครื่องส่งเสียง-ลิ้นทางออกเพ่ือป้องกันไม่ให้หลุดออกจากตัว หน้ากาก ฯ ด้านหน้าของครอบเครื่องส่งเสียง-ลิ้นทางออกเจาะรูเล็ก ๆ ไว้สำหรับเป็นช่องทางออกของลม หายใจออกและเสียง  ชอ่ งต่อเคร่ืองกรองอากาศ (๗) (Filter Canister Connector) เป็นช่องกลม ภายในมี เกลียวสำหรับต่อเคร่อื งกรองอากาศเขา้ กบั ตวั หน้ากาก สามารถต่อเครือ่ งกรองอากาศมาตรฐานนาโตได้  ล้นิ ทางเข้า (Inlet Valve) อยู่ในช่องต่อเครื่องกรองอากาศ ทำหน้าที่ควบคุมการไหล เขา้ ของลมหายใจเข้า  เคร่ืองกรองอากาศ (Filter Canister) เป็นรูปทรงกระบอกคล้ายกระป๋อง ช่องเล็ก เป็นช่องทางเข้าของอากาศที่ยังไม่ได้กรอง ช่องใหญ่เป็นช่องทางออกของอากาศที่กรองแล้วซึ่งมีเกลียว สำหรับต่อกับช่องต่อเคร่ืองกรองอากาศท่ีตัวหน้ากาก สามารถถอดแยกเครื่องกรองอากาศออกจากตัว หน้ากากได้ มีฝาปิดช่องอากาศเข้าและฝาปิดช่องอากาศออก สำหรับใช้ปิดป้องกันส่ิงสกปรกเข้าเครื่อง กรองอากาศเมอ่ื ถอดออกจากตวั หน้ากากแล้ว มีมากบั เครื่องกรองอากาศ

๔๖  ครอบจมกู (Nosecup) อยู่ท่ีด้านในตัวหน้ากากฯ ทำด้วยยางอ่อนนมุ่ ทำหน้าที่บงั คับ ลมหายใจออกให้ไหลไปออกท่ีลิ้นทางออก ป้องกันไม่ให้ไอน้ำจับเลนส์แว่นตาเป็นฝ้า ขณะสวมหน้ากาก ป้องกันจะครอบกระชับพอดีกับจมูกและปากของผู้สวม ด้านบนของครอบจมูกมีช่องให้อากาศท่ีถูกสูดเข้า ในตัวหนา้ กากไหลเข้าไปในครอบจมูก  ชุดสายรัดศีรษะ (Head Harness) มีสายรัดศีรษะ ๖ เส้น ทำด้วยวัสดุยืด-หดได้ (elastic) เย็บติดรวมกันท่ีแผ่นยึดศีรษะ สายรัดคู่บนเรียกสายรัดหน้าผาก มีสายรัดเส้นส้ันเย็บเชื่อมทาง ขวางเปน็ ทส่ี ังเกตและป้องกนั ไมใ่ หส้ ายรัดศีรษะถ่างออกเวลาสวมหนา้ กากปอ้ งกันฯ สายรัดคูก่ ลางเรยี กสาย รัดขมับ และสายรัดคู่ล่างเรียกสายรัดแก้ม ที่ปลายสายรัดศีรษะแต่ละเส้นมีโลหะหุ้มป้องกันปลายสาย หลุดลุ่ย สายรดั ศีรษะแต่ละเสน้ รอ้ ยผ่านห่วงเล่ือนซึ่งติดอยู่กับหมุดยึดที่ตวั หน้ากาก เพ่อื ให้ผู้สวมปรับความ ยาวของสายรดั ศรี ษะได้ตามตอ้ งการ ภาพท่ี ๒ ช่องต่อทอ่ นำ้ ของหนา้ กากป้องกันเคมี-ชีวะ เอ็มเอฟ-๑๑  ช่องต่อท่อน้ำ (ภาพท่ี ๒) (Drinking Tube Connector) อยู่ที่ด้านขวาของตัว หน้ากาก เป็นที่ต่อชุดประกอบท่อน้ำ เพื่อให้สามารถดื่มน้ำจากกระติกน้ำได้ขณะสวมหน้ากากป้องกันฯ มี ฝาปิดป้องกันไมใ่ ห้ชอ่ งต่อท่อน้ำเป้ือนพิษหรอื ป้องกันไมใ่ หส้ ิ่งสกปรกเขา้ ขณะไมใ่ ช้งาน  ท่อด่ืมน้ำ (Drinking Device) ต่อติดกับช่องต่อท่อน้ำท่ีด้านในของตัวหน้ากาก มี ลักษณะเปน็ ทอ่ งอ สำหรบั ใชป้ ากอมเวลาดื่มน้ำ ๒๓.๒ เครอื่ งประกอบ หมายถึง ส่ิงอปุ กรณ์ทผ่ี ลิตขนึ้ เพ่อื สำหรบั ใช้ควบคกู่ ับหน้ากากป้องกนั ฯ เพ่ือให้ สามารถใช้หน้ากากป้องกันฯ ได้อย่างสะดวกและเต็มขีดความสามารถ จ่ายพร้อมหน้ากากป้องกันฯ เม่ือ รวมกับหน้ากากป้องกันฯ แล้วถือเป็นส่ิงอุปกรณ์ครบชุด ห้ามไม่ให้แยกจ่ายหรือแยกเก็บคนละที่กับ หนา้ กากปอ้ งกันฯ เครื่องประกอบของหน้ากากป้องกนั เคมี-ชีวะ เอม็ เอฟ-๑๑ มี ๓ ชิน้ ดังนี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook