กการบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั
ขการบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั
คการบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัค ำน ำ ผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรมการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาื่ื้การส่งผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม เป็นผลงานที่เคยได้รับรางวัลเหรียญเงินของคุรุสภา ประเภทจัดการเรียนรู้ และมีการน ามาพฒนาเพมเติม หรือต่อยอดนวัตกรรม จากประเภท การจัดการเรียนรู้ พฒนาสู่ การบริหารและการัิ่ัจัดการสถานศึกษา พฒนาโดยผู้บริหารสถานศึกษา นายโชติชัย กิ่งแก้ว ต าแหน่งผู้อานวยการโรงเรียนน้ าปลีกัศึกษา , นายวิทยา ทรวงดอน รองผู้อ านวยการโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา และ นายเถลิงศักดิ์ เถาว์โท ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ ผู้ช่วยผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา อาเภอเมือง จังหวัดอ านาจเจริญ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศกษา เขต อุบลราชธานีอ านาจเจริญ สังกัดศึกษาธิการึจังหวัดอ านาจเจริญ ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ที่สนใจศึกษาในการยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของ เพอเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้มีื้ื่คุณภาพต่อไป โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพื้นที่การศกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อ านาจเจริญ ึสังกัดศึกษาธิการจังหวัดอ านาจเจริญ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนส าเร็จรูป กระตุ้นการเรียนรู้ตามรูปแบบ 1L3R ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา (ผลงานเก่า) Link : https://online.pubhtml5.com/ylqa/ukoo/การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียน๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา(ผลงานใหม)่ Link : https://online.pubhtml5.com/ylqa/jezo/
งการบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัสารบัญเรื่อง หน้าค าน า ค สารบัญ ง แบบ นร. ๑1 1.หน้าปก 1 ๒. บทสรุป2 ๓. ความเป็นมาและความส าคัญ4 ๔. วัตถุประสงค์5๕. กระบวนการพัฒนาผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม7 ๑) สภาพปัญหาก่อนการพัฒนา7 ๒) การออกแบบนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา 10 ๓) สภาพปัญหาก่อนการพัฒนา11 ๔) ผลงานที่เกิดจากการด าเนินงาน13 ๕) สรุปสิ่งที่เรียนรู้และปรับปรุงให้ดีขึ้น14 ๖) การขยายผลและเผยแพร่พัฒนา22 ๖ ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง25 ๗ จุดเด่น หรือลักษณะพิเศษของผลงานนวัตกรรม29 ๘ บรรณานุกรม 29 แบบ นร. ๒31 เอกสารอ้างอิง การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียน ๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา Link : https://wow.in.th/c524V
๑การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัแบบ นร. ๑ กำรน ำเสนอผลงำน หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม ประจ ำปี ๒๕๖๕ “” ๑. หน้ำปก ประกอบด้วย ๑) ชื่อผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรมการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนส าเร็จรูปกระตุ้นการเรียนรู้ตามรูปแบบ 1L3R ของโรงเรียนน าปลีกศึกษา๒) ระยะเวลาด าเนินงานตั้งแต่ 1๕ มีนาคม 2563 ถึง 17 พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๓) การส่งผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม ( กรุณาระบุ √ ลงใน ที่ตรงกับผลงาน ) เป็นผลงานที่ไม่เคยส่งเข้ารับการคัดสรรกับคุรุสภา เป็นผลงานที่เคยส่งเข้ารับการคัดสรรกับคุรุสภา ปี ....... เรื่อง ........แต่ไม่ได้รับรางวัลของคุรุสภา√ เป็นผลงานที่เคยได้รับรางวัลของคุรุสภาและมีการน ามาพัฒนาเพิ่มเติม หรือต่อยอดนวัตกรรม (ต้องกรอกแบบ นร. ๒)๔) ประเภทผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม ( กรุณาระบุ √ ลงใน ที่ตรงกับผลงาน)(เลือกได้เพียง ๑ ด้ำนเท่ำนั้น)การจัดการเรียนรู้ สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ √ การบริหารและการจัดการสถานศึกษา การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ การวัดและประเมินผล ๕) ข้อมูลสถานศึกษาชื่อสถานศึกษา โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา เลขที่…......-........ถนน................-..................... ต าบล/แขวง น้ าปลีก อ าเภอ/เขต เมือง. จังหวัด อ านาจเจริญ รหัสไปรษณีย์ 37000 โทรศัพท์ โทรสาร...............-........................ ๖) สังกัด ๑. สพป. ..................เขต....... ๒. สพม. เขต. จังหวัด อุบลราชธานี – อ านาจเจริญ√29๓. สอศ. ๔. สช. ๕. กทม. ๖. อปท. ............. ๗. กศน. ๘. การศึกษาพิเศษ ๙. อื่น ๆ (โปรดระบุ)............... ๗) ผู้บริหารสถานศึกษาชื่อผู้บริหารสถานศึกษา (นาย) โชติชัย นามสกุล กิ่งแก้ว เลขบัตรประชาชน 3341600125800 ต าแหน่ง ผู้อ านวยการโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา วิทยะฐานะ ช านาญการพิเศษ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 089-582-4763 E-mail : [email protected]๘) ผู้ประสานงาน (นาย) เถลิงศักดิ์ นามสกุล เถาว์โท เลขบัตรประชาชน 3341600254847 ต าแหน่ง ผู้ช่วยผู้อ านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ วิทยะฐานะ ช านาญการพิเศษ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 095-613-1257 E-mail : [email protected] ๙) คณะผู้ร่วมพัฒนาผลงานนวัตกรรม ( ครู /นักเรียน/ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จ านวนตามจริง ) (นาย) วิทยา นามสกุล ทรวงดอน เลขบัตรประชาชน ๑๑๐๐๗๐๐๖๔๐๐๙๓ ต าแหน่ง รองผู้อ านวยการโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา วิทยะฐานะ ช านาญการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 090-269-5321 .E-mail : [email protected] (นาย) เถลิงศักดิ์ นามสกุล เถาว์โท เลขบัตรประชาชน 3341600254847 ต าแหน่ง ผู้ช่วยผู้อ านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ วิทยะฐานะ ช านาญการพิเศษ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 095-613-1257 E-mail : [email protected]
๒การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๒. บทสรุป การน าเสนอผลงาน “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” ประจ าปี ๒๕๖๔ชื่อผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวตกรรม ัการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาชื่อเรื่องการค้นคว้าแบบอิสระ การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑ ๓ เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั นพื นฐานของL R โรงเรียนน าปลีกศึกษา ผู้เขียนนายเถลิงศักดิ์ เถาว์โทที่ปรึกษาการค้นคว้าแบบอิสระ ผู้อ านวยการ ดร. โชติชัย กิ่งแก้วรองผู้อ านวยการ นายวิทยา ทรวงดอน..................................................................................................................................................................การศึกษาค้นคว้าอสระการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอิื่ยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส าหรับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ื้คือบุคลากรระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานใน โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา 29 คน และกลุ่มนักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2563 จ านวน 149 คน วัตถุประสงค์ ๑. เพอศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมื่บทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ๒. ื่ื้นักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 ๓. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพอใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อยในการพฒนาื่ัผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของิโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique (NP-EAT) ผลการการศึกษาค้นคว้าอิสระผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑ ๓ เพื่อL R ยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั นพื นฐานของโรงเรียนน าปลีกศึกษา ท าให้ได้แนวทาง1) การวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ มีการวิเคราะห์ปัญหาและการส ารวจความต้องการและ ความคาดหวังด้านสุขภาพของผู้รับบริการ /ชุมชนที่รับผิดชอบ, วิเคราะห์จุดแข็ง จุดออน โอกาส ่อุปสรรค สิ่งคุกคามขององค์กร รวมทั้งปัจจัยส าคัญอื่นๆ และความสามารถในการน าแผนกลยุทธ์ ไปปฏิบัติ 2) การถ่ายทอดเพื่อน าไปสู่การปฏิบัติ มีการจัดท าแผนปฏิบัติการและถ่ายทอดแผนไปสู่การปฏิบัติเพอบรรลุื่วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ที่ส าคัญ สร้างความมั่นใจในความยั่งยืนของการเปลี่ยนแปลงส าคัญที่เป็นผลจากแผนปฏิบัติ การที่บุคลากรตระหนักในบทบาทและการมีส่วนต่อการบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ 3) การก าหนดตัวชี้วัด ถ่ายทอดจากกรอบการประเมินผลการปฏิบัติ ราชการตามค ารับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัด และตัวชี้วัดตามแผนยุทธศาสตร์ของโรงเรียน แล้วถ่ายทอด ตัวชี้วัดลงสู่ระดับองค์กรและระดับหน่วยงาน โดยให้ตัวชี้วัดที่ส าคัญต่างๆ มีความเชื่อมโยง/ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 4) การวัดผลการด าเนินงาน น าผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดมาประมวลผลหรือ วิเคราะห์ผลในภาพรวมเพอื่ใช้ติดตาม ความก้าวหน้าการปฏิบัติงานตามแผนงาน/การด าเนินงานตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์หรือ
๓การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัเป้าประสงค์ของ โดยน าผลลัพธ์จากการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดที่ส าคัญตามค ารับรอง การปฏิบัติราชการและตามแผนปฏิบัติราชการของโรงเรียน น าเสนอต่อผู้บริหาร ระดับสูง เพื่อใช้สนับสนุนการตัดสินใจในการปรับปรุงพัฒนางานทั้งในระดับกลยุทธ์ ระดับองค์กร และระดับหน่วยงานต่างๆ 5) การบริหารทรัพยากรบุคคลด้านทรัพยากรบุคคล โรงเรียนมีแผนการบริหารอตราก าลังเพอรองรับภาระงาน ัื่การบริหารจัดการภายใต้ข้อจ ากัดด้านการจ้าง การจ่ายค่าตอบแทน และการเพมอตราก าลัง โดยมีแผน ด้านิ่ัการอบรมพฒนา การพฒนาศักยภาพ การสร้างขวัญก าลังใจ และการเพมสวัสดิการที่จ าเป็น ส่วนทรัพยากรััิ่และเครื่องมือที่ใช้ในการด าเนินงานได้ท าแผนเตรียมการจัดหาการบ ารุงรักษา และการบริหารให้เกิดความคุ้มค่า 6) การพฒนาบุคลากรการจัดท าแผนพฒนาบุคลากรรายบุคคล (IDP) โดยพจารณาจากผลการประเมินััิสมรรถนะ เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career path) และแผนที่การฝึกอบรม (Training Road Map) จะรวบรวมข้อมูลในส่วนของการอบรม และหัวหน้างานก ากับดูแลการพัฒนาและเรียนรู้ของ บุคลากรผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ ชัดเจนประเมินจากผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด 7) การให้รางวัลผลตอบแทน โรงเรียนยึดหลักการให้ผลตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดรายบุคคล โดย แบ่งเป็นระดับ ของผลการด าเนินงาน ดีเด่น ดีมาก ดีพอใช้ ต้องปรับปรุง มีการมอบเกียรติบัตรให้กับคุณครูที่สามารถท างานได้บรรลุตัวชี้วัด ในส่วนของผู้เรียน จะได้รับทุนการศึกษาเมื่อท าผลงานได้ตามตัวชี้วัด 8) การบริหารงบประมาณ มีระบบบริหารด้านการเงิน และพสดุอย่างเป็นระบบ มีแผนการจัดหาและับ ารุงรักษา โดย มีตัวชี้วัดที่แสดงผลการด าเนินงาน มีระบบควบคุมภายในที่ด าเนินการตามระเบียบคณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดิน มีการจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส มีการบริหารระบบการเงินการคลัง มี ระบบการตรวจสอบภายในและจากหน่วยงานภายนอกเป็นประจ า นักเรียนโรงเรียนน าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั นพื นฐาน (O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีการศึกษา ื้2562 มีผู้เข้าสอบ 95 คน มีคะแนนเฉลี่ย 103.83 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 22.44 คะแนน ในปีการศึกษา 2563 มีผู้เข้าสอบ 71 คน มีคะแนนเฉลี่ย 131.91 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 31.06 คะแนน และเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับื้มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) อยู่ที่ระดับ 0.93 ึคือ มีผลการการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สูงขึ้นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา ื้2562 มีผู้เข้าสอบ 60 คน มีคะแนนเฉลี่ย 133.69 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 14.46 คะแนน ในปีการศึกษา 2563 มีผู้เข้าสอบ 45 คน มีคะแนนเฉลี่ย 157.63 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 35.75 คะแนน และเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับื้มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) อยู่ที่ระดับ 32.41 คือ มีผลการการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สูงขึ้นครูโรงเรียนน าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อยในการพฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบองมาตรฐานัิกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique (NP-EAT)
๔การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัจากการนิเทศติดตามพบว่า ครูโรงเรียนน้ าปลีกส่งนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป ในภาคเรียนที่ 1 ครบทุกท่าน และในภาคเรียนที่ 2 ครบทุกท่าน คิดเป็น ร้อยละร้อย ๓. ความเป็นมาและความส าคัญการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พทธศักราช 2545 หมวด ๔ ุมาตรา 22 ยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความส าคัญัที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพฒนาตามธรรมชาติและ เต็มตามศักยภาพ เน้นัความส าคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษา ส่วนการจัดกระบวนการเรียนรู้นั้นให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอานวยความสะดวกเพอให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ื่และมีความรอบรู้ ทั้งนี้ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ แหล่งข้อมูลและแหล่งการเรียนรู้อนๆ (คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,๒๕๔๒. : ๘ ๙) ื่–นอกจากนี้ มาตรา ๓๐ ให้สถานศึกษาพฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้ัผู้สอนสามารถวิจัยเพอพฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษาการจะส่งเสริมและื่ัพฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์จึงต้องอาศัยการวางรากฐานทางการศึกษาที่มีคุณภาพในหลักสูตรการศึกษาขั้นัพนฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยการจัดการเรียนรู้ในแต่ละช่วงชั้นควรใช้รูปแบบวิธีการที่หลากหลาย มุ่งเน้นการจัดื้กิจกรรมที่พฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ มีกระบวนการคิด ได้ลงมือปฏิบัติเพอสืบเสาะหาความรู้ด้วยกระบวนการัื่ทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการแก้ปัญหา การสื่อสารและความสามารถในการตัดสินใจ น าความรู้ไปแก้ปัญหาในชีวิตประจ าวันและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยี มีเจตคติ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม รวมทั้งเรียนอย่างมีความสุขด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐ : ๑) ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้ท าการวิเคราะห์ข้อมูลเพอพฒนารูปแบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการื่ัื่ทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ดังนี้ จากตารางเปรียบเทียบผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานฐาน (O-NET) มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ต่ ากว่าระดับประเทศในทุกรายวิชา ซึ่งจากการวิเคราะห์ร่วมกันของคณะครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเพราะผู้เรียนจ านวนมากมผลสัมฤทธิ์ทางการีเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่ า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้เรียนขาดความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการแก้ปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการเรียนรู้ ที่จะศึกษาศาสตร์ต่างๆ ที่ต้องอาศัยการคิดอย่างมีเหตุผล สามารถใช้เหตุผลในการแสดงความคิดอย่างมีระเบียบชัดเจนและรัดกุม ดังนั้นผู้สอนต้องเน้นให้ผู้เรียนฝึกท ากิจกรรมต่าง ๆ ในการเสาะแสวงหาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการลงมือปฏิบัติการทดลอง การแก้โจทย์ปัญหาต่าง ๆ เพอที่จะท าให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงหลักการ กฎ ทฤษฎี และื่ธรรมชาติของวิชานั้นๆ เพื่อให้เกิดทักษะในกระบวนการแก้ปัญหา พร้อมทั้งสามารถน าหลักการไปประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติได้ ครูจึงควรมีเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบแบบแผน กระชับ และเข้าใจง่าย ผ่านบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อให้เป็นไปตาม การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2545 หมวด 4 มาตรา 22 ยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้และถอว่าผู้เรียนมีความส าคัญที่สุด ืURL : https://wow.in.th/fPOVV
๕การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๔. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาื้๒. นักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศกษา ๒๕๖๓ สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 ึ๓. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพอใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามื่หลักวิชาการร้อยละร้อยในการพฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ัข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active ิTechnique NP-EAT ()ค านิยามศัพท์๑. นักเรียน หมายถึง นักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาทุกระดับชั้น ที่ก าลังเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา จังหวัดอ านาจเจริญ ปีการศึกษา ๒๕๖๓-2564 ๒. บทเรียนส าเร็จรูป หมายถึง บทเรียนที่ผู้สอนจัดท าขึ้นเพอใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการื่เรียนรู้ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ในแต่ละสาระการเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ในแต่ละบทเรียน โดยเริ่มจากเนื้อหาสาระที่ง่าย ๆ ไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นไปตามล าดับ เป็นบทเรียนที่สร้างขึ้นโดยก าหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า และประเมินผลการเรียนด้วยตนเองตามขั้นตอนที่ก าหนดไว้ ทั้งนี้ให้รวมถึง บทเรียนส าเร็จรูป แบบเรียนส าเร็จรูป ชุดการเรียนการสอน บทเรียนโปรแกรม โปรแกรมการสอน แบบเรียนด้วยตนเอง ที่ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้จัดการเรียนรู้ผลต่อการจัดการศึกษา1. ได้แนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผล การทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา 2. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาทุกคนสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ได้ ถูกต้องตามหลักวิชาการ 3. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาใช้บทเรียนส าเร็จรูปในการพัฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ิNamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT ผ่านขันตอนการด าเนินงานดังนี้ ()เมื่อครูสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป ผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบอิงมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT 15 ขั้นตอน ดังนี้ ()1. จัดท า/ปรับโครงการยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ครอบคลุมทุกกิจกรรมมีก าหนดชัดเจน URL: https://pubhtml5.com/bookcase/qhou
๖การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั2. เมื่อครูวางแผนการสอนตามมาตรฐาน และตัวชี้วัดแล้ว ให้โรงเรียนตรวจสอบการวิเคราะห์หลักสูตรให้ตรงตามตัวชี้วัด URL: https://pubhtml5.com/bookcase/dpeg 3. วางแผนการสอนชั้น ม. 3 และ ม.6 ให้จบ และครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ศึกษาขอมูลผลสัมฤทธิ์ O-Net ที่กลุ่มงาน้วิชาการได้ท าการวิเคราะห์ ปีการศึกษา 59-62 URL: https://wow.in.th/fPOVV 4. สืบค้นสื่อ และ แบบทดสอบ เพื่อจัดท าบัญชีรายชื่อคลังสื่อ และแบบทดสอบ O-Net จาก Google และYoutube URL: https://wow.in.th/K4HaL ๕.เข้าพัฒนาความรู้การจัดท าข้อสอบอิงมาตรฐานการเรียนรู้และจัดท าข้อสอบอิงมาตรฐานการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนปกติและสอนเสริมเติมเต็ม ตามแนวข้อสอบของ สทศ. ในห้องเรียน หรือ ก าหนดกิจกรรม วันเวลาให้ชัดเจน URL: https://wow.in.th/KY6Q6 6. ครูผู้รับผิดชอบในโรงเรียนทุกคนร่วมกันสร้างข้อสอบตามแนวข้อสอบของ สทศ. ข้อสอบอิงมาตรฐานการเรียนรู้ แล้วแลกเปลี่ยนข้อสอบผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขั้นตอนการสร้างข้อสอบ URL: http://online.pubhtml5.com/ylqa/aypx/ 7. น าแนวข้อสอบ O-NET ไปใช้แทรกในการเรียนการสอนปกติ และในการสอนเสริมเติมเต็ม ในชั้นเรียนให้นักเรียนคุ้นเคยและมีประสบการณการท าข้อสอบ (รูปแบบ์ข้อสอบ/กระดาษค าตอบ/การระบายค าตอบฯ) URL: https://online.pubhtml5.com/ylqa/pxcr/ 8. ผู้บริหารก าหนดปฏิทินการนิเทศภายในโรงเรียนเพอยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการื่เรียนให้ชัดเจน (ก าหนดวันที่ กิจกรรมที่ต้องท า) URL: https://online.pubhtml5.com/ylqa/kdwz/9. ผู้บริหารติดตามการน าข้อสอบ O-NET ไปใช้ในสถานศกษา การน าข้อสอบ O-ึNET ไปใช้ในชั้นเรียน ติดตามผลการท างานของครูผู้รับผิดชอบทุกระยะอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ด าเนินงานบรรลุตามแผนงาน หรือแกไขปัญหาต่างๆ ได้ทันเวลา ้URL: https://pubhtml5.com/bookcase/dpeg
๗การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั10. จัดกิจกรรมสอนเสริมเติมเต็ม ให้ต่อเนื่องก่อนถึงวันสอบจริง O-NET สอบ เดือน 13-14 มีนาคม พ.ศ.2564 และ 27-28 มีนาคม พ.ศ.2564 URL: https://online.pubhtml5.com/ylqa/vqpa/ 11. จัดสอบเสมือนจริง โดยใช้ข้อสอบ กระดาษค าตอบ การคุมสอบ เวลาสอบเสมือนจริงทุกประการ โดยใช้ข้อสอบในคลังข้อสอบ ซึ่งจัดท าขึ้นตามแนวข้อสอบของ สทศ. บันทึกผลการสอบ ตรวจค าตอบ และวิเคราะห์ผลการทดสอบเพอปรับปรุงแกไขื่้นักเรียนก่อนวันสอบจริง URL: https://wow.in.th/5Fx0k 12. จัดกิจกรรมเสริมแรงทางบวก (จัดอาหารว่างน้ าหวาน ขนมช่วงพักสอบ) สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ท าสมาธิก่อนเวลาสอบ 13. ประชาสัมพันธ์ความส าคัญของการสอบ O-NET ทุกสัปดาห์ 14. ประกาศ/ป้าย นับเวลาถอยหลัง Count Down ทุกวัน URL: https://wow.in.th/5Fx0k 15. โรงเรียนให้รางวัลนักเรียนที่มีคะแนนสอบสูง/มีความก้าวหน้าสูง โดยก าหนดหนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ที่มีผลการทดสอบสูงกว่า 50% จะได้ทุนการศกษาวิชาึละ ๒00บาท ในทุกรายวิชา และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ที่มีผลการทดสอบสูงกว่า 50% จะได้ทุนการศึกษาวิชาละ 300บาท ในทุกรายวิชา URL: https://wow.in.th/CkqMC ๕. กระบวนการพัฒนาผลงานหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม๑) สภาพปัญหาก่อนการพัฒนา ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานฐาน (O-NET) มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ต่ ากว่าื้ระดับประเทศในทุกรายวิชา ซึ่งจากการวิเคราะห์ร่วมกันของคณะครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเพราะผู้เรียนจ านวนมากมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่ า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้เรียนขาดความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการแก้ปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการเรียนรู้ ที่จะศึกษาศาสตร์ต่างๆ ที่ต้องอาศัยการคิดอย่างมีเหตุผล สามารถใช้เหตุผลในการแสดงความคิดอย่างมีระเบียบชัดเจนและรัดกุม ดังนั้นผู้สอนต้องเน้นให้ผู้เรียนฝึกทากิจกรรมต่าง ๆ ในการเสาะแสวงหาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการลงมือปฏิบัติการทดลอง การแก้โจทย์ปัญหาต่าง ๆ เพอที่จะท าให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงหลักการ กฎ ทฤษฎี และธรรมชาติื่ของวิชานั้นๆ เพอให้เกิดทักษะในกระบวนการแกปัญหา พร้อมทั้งสามารถน าหลักการไปประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติื่้ได้ ครูจึงควรมีเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบแบบแผน กระชับ และเข้าใจง่าย ผ่านบทเรียนส าเร็จรูป เพอให้เป็นไปตาม การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พทธศักราช ืุ่2545 หมวด 4 มาตรา 22 ยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความส าคัญที่สุด๒) การออกแบบนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา ความหมายและแนวความคิดของการบริหารแบบมงผลสัมฤทธิ์ุ่ระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้น มักจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป เช่น การ บริหารงานโดยยึดวัตถุประสงค์ (Management by Objective : MBO) การบริหารแบบเน้นผลส าเร็จ (Managing for
๘การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัResults) การบริหารที่เน้นผล (Results-Oriented Management) หรือการบริหารผล การด าเนินงาน (Performance Management) ซึ่งนักวิชาการ ได้ให้ความหมายของการบริหารแบบ มุ่งผลสัมฤทธิ์ไว้ดังต่อไปนี้ Canadian International Development Agency ; CIDA (1999) กล่าวว่า การบริหารแบบมุ่ง ผลสัมฤทธิ์ เป็นวิธีการในการปรับปรุงการบริหาร ให้เกิดประสิทธิผล (Effectiveness) และโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ (Accountability) โดยที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการก าหนด เป้าหมาย ประเมินความเสี่ยง ก ากบติดตามกระบวนการด าเนินงาน เพอการบรรลุผลตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้รวมถึงการมีส่วนัื่ร่วมในการตัดสินใจทางบริหารและการรายงานผลการปฏิบัติงาน ทศพร ศิริสัมพันธ์ (2543 : 146) กล่าวว่า การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ เป็นการบริหารที่ เน้นการวางแผน การก าหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และกลยุทธ์การด าเนินงานแบบมีส่วนร่วม ผู้บริหารในแต่ละระดับขององค์การต้องยอมรับและค านึงถึงผลงาน รวมทั้งต้องให้ความส าคัญกับ จัดวางระบบการตรวจสอบผลงานและการให้รางวัลตอบแทนผลงาน (Performance Related Pay) จากเนื้อหาสาระดังกล่าวข้างต้นจึงก าหนดให้ทุก ส่วนราชการที่จะท าภารกิจใดต้องมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เพื่อให้ทราบแนวทางการปฏิบัติ ราชการที่มจุดมุ่งหมายที่แน่นอน มีการแสดงผลลัพธ์ให้เห็นว่าจะเกิดีประโยชน์อย่างไรบ้างใน ภารกิจนั้น มีกรอบระยะเวลาและผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนและมีการรับรู้ผลส าเร็จของงานนั้นว่าเกิดขึ้น จริงตามเป้าหมายได้เพียงใด กล่าวโดยสรุปคือเป็นการบริหาร โดยมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์หรือความ สัมฤทธิ์ผลเป็นหลัก ใช้ระบบการประเมินผลงานที่อาศัยตัวชี้วัดเป็นตัวสะท้อนผลงานให้ออกมา เป็นรูปธรรม เพื่อการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้นและแสดงผลงานต่อ สาธารณะ จากที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Results Based Management ; RBM) เป็นการบริหารที่ให้ความส าคัญต่อผลการด าเนินงานและการตรวจวัด ผลส าเร็จในการด าเนินงานขององค์การ ทั้งในแง่ของปัจจัยน าเข้า กระบวนการ ผลผลิตและผลลัพธ์ ซึ่งจะต้องมีการก าหนดตัวชี้วัดผลการด าเนินงาน (Key Performance Indicators ; KPIs) รวมทั้งการ ก าหนดเป้าหมาย (Targets) และวัตถุประสงค์ (Objectives) ไว้ล่วงหน้า โดยอาศัยการมีส่วนร่วม ระหว่างผู้บริหาร สมาชิกขององค์การ และตลอดถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ (Stakeholders) ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานขององค์การ การบริหารงานของภาครัฐในอดีตจะเน้นที่การการบริหารปัจจัยน าเข้า (Inputs) ซึ่งได้แก ทรัพยากรต่างๆ ที่รัฐ่จะน ามาใช้ในการปฏิบัติงาน คือ เงิน คน วัสดุ ครุภัณฑ์ต่างๆ โดยเน้นการ ท างานตามกฎ ระเบียบ และความถูกต้องตามกฎหมาย และมาตรฐาน แต่การบริหารแบบมุ่ง ผลสัมฤทธิ์จะเน้นที่ผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcomes) ของงาน โดยจะให้ความส าคัญที่การ ก าหนดพันธกิจและวัตถุประสงค์ของโครงการ/งาน เป้าหมายที่ชัดเจน การก าหนดผลผลิตและ ผลลัพธ์ที่ต้องการของทุกโครงการในองค์การ ให้สอดคล้องเป็นไปในทางเดียวกับภารกิจและ วัตถุประสงค์ขององค์การ มีการก าหนดตัวชี้วัดผลการท างานหลัก (Key Performance Indicators)ไว้ อย่างชัดเจน เป็นที่เข้าใจของทุกคนในองค์การ การวัดความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานโดยใช้ตัว บ่งชี้ การยืดหยุ่นทางการบริหารและสนับสนุนทรัพยากรแก่ผู้บริหารระดับล่างอย่างเหมาะสม การ ประเมินผลการปฏิบัติงานและการให้ค่าตอบแทนตามผลงาน ตลอดจนถึงการปรับปรุงพัฒนางาน ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงขึ้น เพื่อให้สามารถสนองตอบต่อปัญหาและความต้องการ ของประชาชนในฐานะผู้รับบริการจากองค์กรของรัฐได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Results Based Management ; RBM) จึงเป็นการ บริหารเพื่อการจัดหาให้ได้ทรัพยากรการบริหารมาอย่างประหยัด (Economy) เน้นใช้ทรัพยากรอย่าง มีประสิทธิภาพ (Efficiency) และการได้ผลงานที่บรรลุเป้าหมายขององค์การ (Effectiveness)
๙การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ักระบวนการของการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์จะประกอบด้วยขั้นตอนที่ส าคัญๆ 4 ขั้นตอน (Richard S. Williams ,1998 : 25-27 และทศพร ศิริสัมพันธ์ 2543 :151-152) ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. การวางแผนกลยุทธ์ขององค์การ ซึ่งองค์การจะต้องท าการก าหนดทิศทางโดยรวมว่า ต้องการที่จะท าอะไรอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของการวางยุทธศาสตร์หรือวางแผนกลยุทธ์ เพื่อท าการ วิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในองค์การ (SWOT Analysis) และให้ได้มาซึ่ง เป้าประสงค์สุดท้ายที่ต้องการขององค์การหรือวิสัยทัศน์ (Vision) อันจะน าไปสู่การก าหนดพันธกิจ (Mission) วัตถุประสงค์ (Objective) เป้าหมาย (Target) และกลยุทธ์การด าเนินงาน (Strategy) รวมทั้งพจารณาถึงปัจจัยส าคัญแห่งความส าเร็จขององค์การ ิ(Critical Success Factors) และสร้าง ตัวชี้วัดผลการด าเนินงาน (Key Performance Indicators) ในด้านต่างๆ 2. การก าหนดรายละเอียดของตัวชี้วัดผลด าเนินงาน เมื่อผู้บริหารขององค์การได้ท าการตก ลงร่วมเกี่ยวกับตัวชี้วัดผลการด าเนินงานแล้ว จะเริ่มด าเนินการส ารวจเพื่อหาข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับ สภาพในปัจจุบัน (Baseline Data) เพื่อน ามาช่วยในการก าหนดความชัดเจนของตัวชี้วัดดังกล่าว ทั้ง ในเชิงปริมาณ (Quantity) คุณภาพ (Quality) เวลา (Time) และสถานที่หรือความครอบคลุม (Place) อันเป็นเป้าหมายที่ต้องการของแต่ละตัวชี้วัด 3. การวัดและการตรวจสอบผลการด าเนินงาน ผู้บริหารจะต้องจัดให้มีการตรวจสอบและ รายงานผลการด าเนินงานของแต่ละตัวบ่งชี้ตามเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ เช่น รายเดือน รายไตรมาส ราย ปี เป็นต้น เพื่อแสดงความก้าวหน้าและสัมฤทธิ์ผลของการด าเนินงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ ต้องการหรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ในบางกรณีอาจจะจัดให้มีคณะบุคคลเพอท าการตรวจสอบผล การด าเนินงานเป็นเรื่องๆ ไปก็ได้ ื่4. การให้รางวัลตอบแทน หลังจากทได้พิจารณาผลการด าเนินงานแล้ว ผู้บริหารจะต้องมี การให้รางวัลตอบี่แทนตามระดับของผลงานที่ได้ตกลงกันไว้ นอกจากนี้อาจจะมีการให้ ข้อเสนอแนะหรือก าหนดมาตรการบางประการเพื่อให้มีการปรับปรุงผลงานให้เป็นไปตาม เป้าหมายที่ก าหนดไว้ กล่าวโดยสรุปการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ คือ วิธีการบริหารที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์หรือผลการปฏิบัติงาน เป็นหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยตัวชี้วัดอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้ ท าให้ผู้บริหารทราบผลความก้าวหน้าของการด าเนินงานเป็นระยะ ๆ และสามารถแก้ไข ปัญหาได้ทันท่วงที่เป็นการควบคุมทิศทางการด าเนินงานให้มุ่งสู่วิสัยทัศน์ฯ ของหน่วยงาน ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ์ (Outcomes) ผลผลิต (Outputs) หมายถึง งาน บริการ หรือกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ท าเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง มอบให้ประชาชนผู้รับบริการ ผลผลิตเป็นผลงานที่เกิดจากการด าเนินกิจกรรมโดยตรง ผลลัพธ์ (Outcomes) หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นตามมา ผลกระทบ หรือเงื่อนไขทเกิดจากผลผลิต ผลลัพธ์ี่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับประชาชนผู้รับบริการ และสาธารณชนดังนั้น ผลสัมฤทธิ์ คือ งาน บริการ หรือกิจกรรมที่เกิดจากการท างานได้ผลผลิต (Outputs) ตามเป้าหมาย และเกิดผลลัพธ์ (Outcomes) ตรงตามวัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์ของการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ มีวัตถุประสงค์เพอปรับปรุงการปฏิบัติงานขององค์กร ช่วย ให้การบริหารการื่ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม มีทิศทางในการปฏิบัติงาน มีระบบการประเมินผลการ ปฏิบัติงานเป็นระยะ ๆ ท าให้ทราบผลการปฏิบัติงานเมื่อเทียบกับแผนหรือเป้าหมาย สามารถ รายงานความก้าวหน้าผลการปฏิบัติงานต่อ
๑๐การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผู้บริหาร และ ท าให้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที หากผลการ ปฏิบัติงานไม่น่าพึงพอใจ ผู้บริหารมีโอกาสปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ เกี่ยวข้องกับทุกกระบวนการของการบริหาร (PDCA) ได้แก่ Plan มีวัตถุประสงค์ หรือ เป้าหมายที่ชัดเจน (ต้องการทราบว่าผลสัมฤทธิ์คืออะไร) Do มีการปฏิบัติงานที่มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามแผนที่วางไว้หรือไม่ Check มีการตรวจสอบว่าปฏิบัติได้ผลสัมฤทธิ์ตามที่วางแผนไว้หรือไม่ Act ปรับปรุงแกไขให้ได้ผลสัมฤทธิ์ตามแผนที่วางไว้ ้๒) กำรออกแบบนวัตกรรมเพื่อกำรพัฒนำ กรอบแนวคิดในการพัฒนาที่แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงสัมพันธ์ระหว่างปัญหา แนวคิด หลักการและทฤษฎีที่ใช้ วิธีการพัฒนา และผลส าเร็จที่พึงประสงค์ จากผลการวิเคราะห์ผู้เรียนจากครูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ จึงน ามาพฒนาแนวคิด ๑L๓R เพอใช้พฒนาัื่ัผู้เรียนให้มีทักษะ การเรียนรู้ ผ่านแนวคิด ๑L๓R ซึ่งประกอบด้วย L = Listening = กำรฟัง R = Read = กำรอ่ำน R = Review = กำรทบทวน R = Remember = กำรจ ำ โดย ๑L๓R ขับเคลื่อนโดยใช้หลัก อิทธิบาท ๔ อันประกอบไปด้วย ๑. ฉันทะ การมีใจรัก ศรัทธาและเชื่อมั่นต่อสิ่งที่ท า ๒. วิริยะ ความเพยร ความมุ่งมั่นทุ่มเท หมายถึงความเพยรพยายามอย่างสูง ที่จะท าตามฉันทะหรือีีศรัทธาของตัวเอง ๓. จิตตะ ใจที่จดจ่อและรับผิดชอบ เมื่อมีใจที่จดจ่อแล้วก็จะเกิดความรอบคอบ ๔. วิมังสา สิ่งที่ท าอนเกิดจากการมีใจรัก (ฉันทะ) แล้วท าด้วยความมุ่งมั่น (วิริยะ) อย่างใจจดใจจ่อัและรับผิดชอบ (จิตตะ) โดยใช้วิจารณญาณอย่างรอบรู้และรอบคอบ จะต้องมีกระบวนการสุดท้ายคือ การทบทวนตัวเอง จำกแนวคิดน ำมำพัฒนำ เป็นบทเรียนส ำเร็จรูป บทเรียนส าเร็จรูปเป็นสื่อส าหรับเรียนด้วยตนเอง อาจใช้ส าหรับศึกษาเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม ซึ่งอาจจะพบว่ามีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ตามลักษณะของการน าไปใช้ เช่น บทเรียนส าเร็จรูป แบบเรียนส าเร็จรูป บทเรียนโปรแกรม โปรแกรมการสอน แบบเรียนด้วยตนเอง เป็นต้น ถึงแม้จะมีชื่อเรียกแตกต่างกัน แต่ลักษณะโดยทั่วไปของบทเรียนส าเร็จรูปมีความคล้ายคลึงกัน คือเป็นวิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้วิธีหนึ่งควำมหมำยบทเรียนส าเร็จรูป หมายถึง บทเรียนที่ผู้สอนจัดท าขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ในแต่ละสาระการเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ในแต่ละบทเรียน โดยเริ่มจากเนื้อหาสาระทง่าย ี่ๆ ไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นไปตามล าดับ เป็นบทเรียนที่สร้างขึ้นโดยก าหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียนสามารถศกษา ค้นคว้า และประเมินผลการเรียนด้วยตนเองตามขั้นตอนที่ึก าหนดไว้
๑๑การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัจุดมุ่งหมำยของบทเรียนส ำเร็จรูป 1. เพอให้ผู้เรียนสามารถประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยครูคอยให้ื่ค าแนะน าช่วยเหลือเมื่อผู้เรียนมีปัญหา 2. เพอให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ไปตามล าดับขั้น จากง่ายไปหายาก ื่3. เพอให้ผู้เรียนสามารถประเมินตนเอง และทราบถึงพัฒนาการในการเรียนรู้ของตนเอง ื่4. เพอให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจ เมื่อประสบความส าเร็จในการเรียนรู้ ื่หลักการเรียนรู้ด้วยบทเรียนส าเร็จรูป1. ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรม หรือมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม 2. ผู้เรียนได้ประเมินตนเอง และรู้ค าตอบได้ทันที 3. มีการเสริมแรงให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจเมื่อสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง และมความพยายามที่จะีแก้ไขส่วนที่บกพร่อง 4. ผู้เรียนได้เรียนรู้ไปที่ละล าดับ จากง่ายไปยากตามศกยภาพและความสามารถของ แต่ละคน ักิดานันท์ มลิทอง (2531 : 85) กล่าวว่า ชุดการเรียนการสอนประกอบด้วย ๑. คู่มือส าหรับผู้สอนในการใช้ชุดการสอน และส าหรับผู้เรียนในการใช้ชุดการเรียน ๒. ค าสั่ง เพื่อก าหนดแนวทางในการสอนหรือการเรียน ๓. เนื้อหาบทเรียนจัดอยู่ในรูปของสไลด์ เทปบันทึกเสียง หนังสือบทเรียน ฯลฯ ๔. กิจกรรมการเรียน เป็นการี่ให้ผู้เรียนท ารายงาน กิจกรรมที่ก าหนดให้หรือค้นคว้าต่อจากการเรียนไปแล้ว เพื่อให้รู้กว้างมากขึ้น ๕. แบบทดสอบ เป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับบทเรียนนั้น เพื่อการประเมิน ๓) ขั นตอนการด าเนินงานพัฒนาการศึกษาการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา มีวิธีการ ด าเนินการวิจัยดังต่อไปนี้ การศึกษานี้ด าเนินการโดยใช้ระเบียบวิธี วิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research Methodology) เป็นแนวทางในการแสวงหาค าตอบของค าถามการวิจัยที่ก าหนดไว้ ซึ่งเป็นวิธีที่ท า ให้เห็นกระบวนการของพฤติกรรมโดยเน้นการเข้าถึงกระบวนการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ใช้การการสังเกตุพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการการวิจัยแบบนี้แสดงให้เห็น การเกิดขึ้นของปรากฏการณ์เหล่านี้ได้อยางชัดเจน ผู้วิจัยได้ด าเนินการวิจัยเพื่อตอบค า ถามการวิจัย โดยมี 4 ขั้นตอนคือ 3.1 การเลือกกรณีศึกษา ( Case Selection ) 3.2 การออกแบบการวิจัย ( Research Design ) 3.3 แนวทางการรวบรวมขอมูล ( Data Collection Methods ) ้3.4 แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล ( Data Analysis ) โดยมีรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมีดังต่อไปนี้ 3.1 การเลือกกรณีศึกษา ( Case Selection ) เลือกศึกษาการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาื่นอกจากนี้ยังได้ท าการศึกษาบริบทขององค์กร ซึ่ง ประกอบด้วย วัตถุประสงค์การด าเนินการ วิสัยทัศน์ พันธ์กิจ เป้าประสงค์ของการด าเนินการ 3.2 การออกแบบการวิจัย ( Research Design )
๑๒การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัแผนภูมิที่ 11 กรอบแนวคิดงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาได้จากวิจัยฉบับเต็ม Link : https://online.pubhtml5.com/ylqa/jezo/
๑๓การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัออกแบบให้มีความเชื่อมโยงของวัตถุประสงค์การวิจัย ค าถามการวิจัย และวิธีวิจัย ดัง แสดงไว้ในตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 9 ความเชื่อมโยงของวัตถุประสงค์การวิจัย ค าถามการวิจัย และวิธีวิจัย วัตถุประสงค์การวิจัยค าถามการวิจัยวิธีวิจัย ๑. เพื่อศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการ บริหารงานแบบมุ่งบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียน ผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เป็นอย่างไรตรวจเอกสารร่องรอยหลักฐานการด าเนินงาน และนิเทศติดตาม ๒. นักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามีผลการ ผลการทดสอบระดับชาติทดสอบระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ในระดับ ขั้นพื้นฐาน (O-NET) ื้มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปี สูงขึ้นหรือไม่ อย่างไร การศึกษา ๒๕๖3 สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 เปรียบเทียบผลการทดสอบระดับชาติในปีการศึกษา ๒๕๖3 สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 ๓. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้าง ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษานวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพอใช้จัดการเรียนรู้ได้ สามารถสร้างนวัตกรรมื่ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อยในการพฒนา บทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้ัผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการ ตามหลักวิชาการหรือไม่ ิเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT ()การตรวจเอกสารการนิเทศติดตามนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป 3.3 แนวทางการรวบรวมขอมูล ( Data Collection Methods ) ้3.3.1 การศึกษาขั้นปฐมภูมิ (Primary Data) ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงระดับกลาง ระดับล่าง ผู้ปฏิบัติงานและผู้เรียน เกี่ยวกับ กระบวนการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ 3.3.2 การศึกษาทุติยภูมิ (Secondary Data) ใช้วิธีการเกบรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Document ็Research) ที่เกยวข้อง เช่น เอกสารนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ แผน ผลการด าเนินงานตาม ตัวชี้วัด ี่ 3.3.3 วิธีการเก็บข้อมูลและผู้ให้ข้อมูลหลัก เทคนิคที่ใช้ในการเก็บรวบรวมขอมูลคือการสัมภาษณ์ ้(Interview) เป็นการสัมภาษณ์แบบ กึ่งมีโครงสร้าง และผู้ให้ข้อมูลหลักในการศึกษานี้คือ ผู้อ านวยการโรงเรียน รองผู้อ านวยการโรงเรียน ผู้ช่วยผู้อ านวยการ และ ผู้ปฏิบัติงาน3.4 แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล ( Data Analysis ) โดยมีรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมีดังต่อไปนี้ 3.4.1 แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน๔) ผลงานที่เกิดขึ นจากการด าเนินงาน ผู้วิจัยได้ท าการเก็บรวบรวมขอมูลโดยการศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และ้นักเรียน โดยแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยดังนี้ ๑. เพื่อศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาื้
๑๔การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๒. นักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 ๓. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพอใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามื่หลักวิชาการร้อยละร้อยในการพฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ัข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active ิTechnique NP-EAT ()4.1 การเลือกกรณีศึกษา ( Case Selection ) เลือกศึกษาการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาื่นอกจากนี้ยังได้ท าการศึกษาบริบทขององค์กร ซึ่ง ประกอบด้วย วัตถุประสงค์การด าเนินการ วิสัยทัศน์ พันธ์กิจ เป้าประสงค์ของการด าเนินการ 4. สรุปประเด็นจากผลการวเคราะห์ข้อมลิู4.1 ปัจจัยภายในที่เป็นจุดแข็ง ต่อการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุวัตถุประสงค์ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษาอบลราชธานี อานาจเจริญ ืุ้มีปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่เป็นจุดแข็ง คือ ๑) มีข้อตกลงร่วมกันระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง ชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพนฐาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพอพฒนาคุณภาพการศึกษา และเป็นื้ื่ัแนวทางในการพัฒนาระบบการปฏิบัติงานของโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ ๒) มีการกระจายอ านาจแบ่งงานตามความถนัด ท าให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ๓)มีการแบ่งงานตามโครงสร้างการบริหารอย่างชัดเจน 4) มีระบบตรวจสอบภายในอย่างเข้มแข็ง 5) นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และประสบความส าเร็จในการแข่งขันศักยภาพ 6) อตราการศึกษาต่อของนักเรียนสูงขึ้น 7) นักเรียนมีระเบียบวินัย 8)ันักเรียนมีจิตสาธารณะ 9) นักเรียนมีคุณธรรมในขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่น 10) มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ๑1) ครูมีความตื่นตัวและกระตือรือร้นในการพฒนาตนเอง น าความรู้ที่ได้มาใช้ในการัจัดการเรียนการสอน 12) ครูมีผลงานดีเด่นสามารถเป็นแบบอย่างแก่คนอนได้ 13) บุคลากรมีความสามัคคีในื่หมู่คณะ ท าให้การปฏิบัติงานประสบความส าเร็จและมีประสิทธิภาพ 14) ครูน าภูมิปัญญาท้องถิ่นมาจัดการเรียนการสอน ส่งผลให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างหลากหลายตามความถนัดและความสนใจ 15) ครูมีอตราการัโยกย้ายต่ า ส่งผลให้การปฏิบัติงาบได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ 16) ครูมีความสามัคคีในการท างาน 17) ครูใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยงในการด าเนินชีวิต 18) ครูยึดมั่นและปฏิบัติตนตามขนบธรรมเนียม ีประเพณีไทย 19) ครูสอนตรงตามวิชาเอก 2๐) ครูดูแลเอาใจใส่นักเรียนอย่างใกล้ชิด 2๑) ครูมีมนุษย์สัมพนธ์ัที่ดีกับผู้ปกครองและชุมชน 22)โรงเรียนมีระบบการใช้เงินถูกต้องตามระเบียบของทางราชการสามารถตรวจสอบได้ ๒3) ครูและกรรมการโรงเรียนมีส่วนร่วมในการพจารณาเบิกจ่ายเงินของโรงเรียน 24) มีการิบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ 25) ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมในการวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณ 26) มีเอกสารการเงินที่ชัดเจน 27) มีการควบคุมการใช้ตู้นิรภัยโดยมีค าสั่งชัดเจน 28)โรงเรียนมีสื่อเทคโนโลยีทางการศึกษาที่ทันสมัย 29) ครูคิดค้นออกแบบ และผลิตสื่อนวัตกรรมใช้ในการประกอบการเรียนการสอนได้30) ครูน าวัสดุในท้องถิ่นมาใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน ส่งผลให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรง 31) มีแหล่งเรียนรู้มากมาย ภายในสถานศึกษา ชุมชน เขตพื้นที่รับบริการเพอื่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ 32) โรงเรียนจัดการบริหารแบบมีส่วนร่วม และการกระจายอานาจสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 33) โรงเรียนมีการท าแผนปฏิบัติการและจัดสรรงบประมาณตามโครงการโดยมีครูทุกคนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน
๑๕การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั4.2 ปัจจัยภายในที่เป็นจุดอ่อน ต่อการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุวัตถุประสงค์ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษาอบลราชธานี อานาจเจริญ ืุ้มีปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่เป็นจุดออน คือ 1)ภาระงานของโรงเรียนมีมากกว่าจ านวนบุคลากรมีจ านวนจ ากัด ่ปฏิบัติงานซับซ้อน ๒)การด าเนินงานตามนโยบายที่มีมากมาย ท าให้เกิดผลเสียต่อการเรียนการสอน ๓)การขับเคลื่อนระบบการบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ๔)ขาดการนิเทศติดตาม 5)นักเรียนบางส่วนมีปัญหาทางด้านครอบครัว มีผลกระทบต่อนักเรียนในด้านสุขภาพและการเรียน 6)นักเรียนไม่กล้าแสดงออก 7)นักเรียนขาดความกระตือรือร้นในการมาโรงเรียน ใฝ่เรียนรู้ 8)ครูบางคนขาดทักษะการใช้เทคโนโลยี ที่ทันสมัย ใช้สื่อไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้นักเรียนเรียนรู้ได้ไม่เต็มตามศกยภาพ 9)ครูขาดความรู้เฉพาะด้านัส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน 10)จ านวนครูไม่เพยงพอท าให้การมอบหมายงานบางอย่างไม่ตรง ีกับความถนัด และมีภาระงานเพมมากขึ้น 11)การจัดสอนแทน ท าให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ไม่เต็มตามิ่ศักยภาพ 12)ครูขาดการประชาสัมพนธ์ตนเอง และการประสานงานกับหน่วยงานอน ๑3)ขาดความคล่องตัวัื่ในการเบิกจ่ายจากต้นสังกัดส่งผลให้เกิดปัญหาต่อระบบการวางแผน พฒนาของโรงเรียน 14)ครูที่เป็นัเจ้าหน้าที่มีภาระงานมาก จึงท าให้การจัดท าเอกสารหลักฐานไม่ค่อยเป็นปัจจุบัน ๑5)วัสดุครุภัณฑ์ไม่เพยงพอีกับความต้องการใช้และบางส่วนช ารุดเสื่อมสภาพไม่สามารถน ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ 16)สื่อเทคโนโลยีไม่เพยงพอต่อการให้บริการ ๑7)การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศไม่เป็นระบบปัจจุบันท าให้ ีขาดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน 18)โรงเรียนขาดการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง 4.3 ปัจจัยภายนอกที่เป็นโอกาส ต่อการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุวัตถุประสงค์ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษาอบลราชธานี อานาจเจริญ ืุ้มีปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่เป็นโอกาส คือ 1)การศึกษาของประซากรในชุมชนจบการศึกษาภาคบังคับ มีความรู้อานออกเขียนได้ ๒)ชุมชนความส าคัญในการอนุรักษ์ประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น และความร่วมมืออย่างดี ่๓)ชุมชนมีความสัมพนธ์อนดีต่อกันและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ๔)เป็นชุมชนที่มีความพร้อม ััด้านสาธารณูปโภค ๕)ชุมชนมีความพร้อมในด้านบุคลากรสนับสนุนการศึกษา ๖)ชุมชนให้ความไว้วางใจ ในสุขภาพด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียน 7)ชุมชนมีภูมิปัญญาท้องถิ่นและแหล่งเรียนรู้ตามศักยภาพ 8)มีลักษณะการด าเนินชีวิตแบบสังคมเมือง 9)ครอบครัวในชุมชนให้ความส าคัญต่อการศึกษา 10)ชุมชน มีเทคโนโลยีที่หันสมัย เป็นผลดีต่อการ ศึกษาของบุตรหลาน 11)มีโอกาสในการรับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น 12)มีการติดต่อสื่อสารได้รวดเร็วทันเหตุการณ์ 13)ผู้ปกครองส่วนใหม่ มีอาชีพมั่นคง และมีรายได้ค่อนข้างดี พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการศึกษา 14)มีท าเลที่เหมาะสมกับการท าธุรกิจ 15)ชุมชนมีอาชีพเสริมนอกเหนือจากการท านา เช่น การปลูกถั่วลิสง การปลูกยางพารา ร้านอาหาร ฯลฯ 16)ชุมชนมีผู้ประกอบอาชีพราชการ หรืออาชีพที่มั่นคง 17)ชุมชนให้ความร่วมมือในการระดมทรัพยากรเพอการศึกษา 18)องค์การื่ปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนร่วมและสนับสนุนการจัดการศึกษา 19)นโยบายการเมืองให้ความเสมอภาค ทางการศึกษา 4.4 ปัจจัยภายนอกที่เป็นอุปสรรค ต่อการบริหารจัดการและพฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุัวัตถุประสงค์ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษาอบลราชธานี อานาจเจริญ ืุ้มีปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่เป็นอปสรรค คือ 1)ชุมชนบางส่วนยังมีการมั่วสุมเล่นการพนัน และสิ่งเสพติด ุท าให้นักเรียนเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ๒)การย้ายถิ่นของผู้ปกครอง ท าให้นักเรียนเรียนไม่ต่อเนื่องส่งผล ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ า
๑๖การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั3)ผู้ปกครองไม่ได้เป็นแบบอย่างในด้านระเบียบวินัย ส่งให้นักเรียนน าพฤติกรรมจากที่บ้านมาที่โรงเรียน 4)ผู้ปกครองมีรายได้สูง นิยมน าบุตรหลานไปเรียนนอกเขตพนที่ ๕)นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับพอแม่ ื้่๖)ครอบครัวแตกแยกเพิ่มมากขึ้น ๗)สังคมมีสิ่งเสพติดหรืออบายมุขเพมมากขึ้น 8)สภาพสังคมมีความเหลื่อมล้ าิ่กันค่อนข้างสูง 9)สถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ๑0)เยาวชนบางส่วนไม่รู้จัก ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์ 11)ผู้ปกครองบางคนใช้เทคโนโลยีด้านบันเทิง จนท าให้เกิดปัญหาครอบครัวและปัญหาสังคมมีสื่อลามก อนาจารมากขึ้น 12)ไม่มีหน่วยงานที่ดูแล และควบคุมการใช้บริการสื่อ และเทคโนโลยีอย่างจริงจัง 13)ผู้ปกครองบางส่วนมีอาชีพไม่มั่นคง รายได้ไม่แน่นอน ส่งผลต่อการเรียนของเด็ก 14)ภัยธรรมชาติ น้ าท่วม ภัยแล้ง ในบางพนที่ที่มีการเกษตร 15)สภาพสังคมที่เป็นกึ่งสังคมเมือง ท าให้ ื้มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ 16)ขาดการออม 17)สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ผู้ปกครองนักเรียนขาดรายได้ ประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในครอบครัว ๑8)การปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีบ่อยๆ ท าให้การท างานไม่ต่อเนื่อง และเกิดความซ้ าซ้อน 19)นโยบายขององค์กรส่วนท้องถิ่นไม่สอดคล้องกับนโยบายการศึกษา ท าให้เกิดปัญหาต่อระบบการท างาน 20)สถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้มีการออกกฎ ระเบียบ มาตรการการป้องกันบ่อยครั้ง แผนภูมิที่ 12 กรำฟรูปภำพแสดงสถำนภำพโรงเรียนน้ ำปลีกศึกษำ ส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำอุบลรำชธำนี อ ำนำจเจริญ STARS เอื้อและแข็ง Question Marks เอื้อแต่อ่อน Cash ไม่เอื้อแต่แข็ง Dogs ไม่เอื้อและอ่อน โอกำส Opportunities O จุดอ่อน Weaknesses W จุดแข็ง Strengths S T อุปสรรค Threats 5 4 3 2 1 -1 -2 -3 -4 -5 -1 -2 -3 -4 -5 5 4 3 2 1 4.124.14-3.22-3.63
๑๗การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัจากรูปกราฟ จะเห็นว่าปัจจัยภายใน จุดแข็งอยู่ที่ 4.14 จุดอ่อนอยู่ท -3.22 ี่และปัจจัยภายนอก โอกาสอยู่ที่ 4.12 อุปสรรคอยู่ที่ -3.63 แสดงให้เห็นว่า จุดแรเงาอยู่ทางด้านจุดแข็งและโอกาส จึงถือว่าเป็น STARS แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษาอบลราชธานี ืุ้อานาจเจริญ มีสภาพแวดล้อมภายนอกเออ คือภายนอกให้การสนับสนุน ส่วนปัจจัยภายในดี ื้คือ ให้ความร่วมมือร่วมใจในการท างานส่งผลให้งานประสบผลส าเร็จ มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ส านักงานเขตพนที่การศึกษามัธยมศึกษาื้อบลราชธานี อ านาจเจริญ ยังไม่มีความสมบูรณ์ โดยสังเกตจากปัจจัยที่เป็นอปสรรค แสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยุุภายนอกที่ยังเป็นอุปสรรคในการท างาน ซึ่งโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา จะต้องให้ความสนใจเป็นพเศษ โดยจะพยามิก าจัดจุดออนที่มีอยู่และอปสรรคบางอย่างที่อาจเกิดขึ้น เพอให้การท างานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ประสบุ่ื่ผลส าเร็จมากยิ่งขึ้นต่อไป ๒. นักเรียนโรงเรียนน าปลีกศึกษามผลการทดสอบระดับชาติขั นพื นฐาน ี(O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2ตารางที่ 13 เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั นพื นฐาน (O-NET) ประจ าปีการศึกษา 2561-2563 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงขึ นเป็นอันดับ 1 ของโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดส านักงานเขตพื นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อ านาจเจริญเอกสารอ้างอิง วิเคราะห์ผลการทดสอบโอเน็ต ม.3 Link….>>>https://online.pubhtml5.com/ylqa/omzy/ <<<…Link เอกสารอ้างอิง วิเคราะห์ผลการทดสอบโอเน็ต ม.6 https://online.pubhtml5.com/ylqa/zveo/
๑๘การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ันักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในระดับมธยมศึกษาปีที่ ๓ และึัมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖3 สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2ภาษาไทยคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ภาษาอังกฤษปี256150.5926.0234.1427.60ปี256251.8922.5329.2727.14ปี256351.7220.9228.4929.9650.5926.0234.1427.60 27.1451.89 51.7222.5329.27 28.4920.9229.960 102030405060แผนภูมิที่ 16 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั นพื นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2561- 2563 ชั นมัธยมศึกษาปีที่ 3ปี2561ปี2562ปี2563ภาษาไทยคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์สังคมศึกษาภาษาอังกฤษปี256143.4021.1028.3833.6324.18ปี256236.7018.3226.2832.6523.30ปี256342.7621.3232.8736.6724.0643.4021.1028.3833.6324.1836.7018.3226.2832.6523.3042.7621.3232.8736.6724.060 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50แผนภูมิที่ 17 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั นพื นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2561- 2563ชั นมัธยมศึกษาปีที่ 6ปี2561ปี2562ปี2563
๑๙การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัตารางที่ 14 เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ึประจ าปีการศึกษา 2562-2563 กลุ่มสาระ โรงเรียนปี ประเทศปี วิชา กศ.62 มัธยมศึกษาปีที่ 3 ค่าเฉลี่ยค่าเฉลียกศ.62 ค่าเฉลี่ยโรงเรียนปี กศ.63 ค่าเฉลียประเทศ ปี กศ.63 ผลต่างค่าเฉลี่ยระหว่างปี กศ.63กับ62 ผลต่างค่าเฉลี่ยร.ร.กับประเทศ ภาษาไทย 51.89 55.14 51.72 54.29 -0.17 -2.57 ภาษาอังกฤษ 27.14 33.25 29.96 34.38 2.82 -4.42 คณิตศาสตร์ 22.52 26.73 20.92 25.46 -1.60 -4.54 วิทยาศาสตร์ 29.27 30.07 28.49 29.89 -0.78 -1.40 ค่าเฉลี่ยรวม 32.71 36.30 32.77 36.01 0.07 -3.23 ผลคะแนนO-Net ในปีการศึกษา 2563 เมื่อเทียบในปีการศึกษา2562 ลดลง 3 รายวิชา และขึ้น 1 รายวิชา สอดคล้องกับคะแนนเฉลี่ยระดับชาติในการผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐาน โดยวิชาื้คณิตศาสตร์ลดลงมากที่สุดคือ ลดลง 1.60 รองลงมาคือวิชาวิทยาศาสตร์ ลดลง 0.78 และวิชาภาษาไทยลดลง 0.17 ส่วนวิชาที่มีผลการทดสอบสูงขึ้นคือ วิชาภาษาอังกฤษโดยสูงขึ้น 2.82 เมื่อมองภาพคะแนนเฉลี่ยโรงเรียนเทียบกับระดับประเทศ โรงเรียนมีผลการทดสอบต่ ากว่าระดับประเทศในทุกรายวิชาโดยวิชาที่มีความห่างจากระดับประเทศมากที่สุดคือ วิชาคณิตศาสตร์ มีความห่าง 4.54 รองลงมาคือวิชาภาษาอังกฤษมีความห่าง 4.42 วิชาภาษาไทย 2.57 และวิชาที่มีความห่างน้อยที่สุดคือวิชาวิทยาศาสตร์มีความห่าง 1.40 แผนภูมิที่ 18 ผลคะแนนO-Net ในปีการศึกษา 2563 เมื่อเทียบในปีการศกษา2562 ึ
๒๐การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัตารางที่ 15 เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ึประจ าปีการศึกษา 2562-2563 กลุ่มสาระ โรงเรียนปี วิชา มัธยมศึกษาปีที่ 6 ค่าเฉลี่ยกศ.62 ค่าเฉลียประเทศ ปี โรงเรียน ปี ระดับประเทศ กศ.62 ค่าเฉลี่ยกศ.63 ค่าเฉลียปี กศ.63 ผลต่างค่าเฉลี่ยระหว่างปี กศ.63กับ62 ผลต่างค่าเฉลี่ยร.ร.กับประเทศ ภาษาไทย 36.70 42.21 42.76 44.36 6.06 -1.60 สังคมศกษา ึ32.65 35.70 36.67 35.93 4.02 0.74 ภาษาอังกฤษ 23.30 29.20 24.06 29.94 0.76 -5.88 คณิตศาสตร์ 18.32 25.41 21.32 26.04 3.00 -4.72 วิทยาศาสตร์ 26.81 29.20 32.87 32.67 6.06 0.20 ค่าเฉลี่ยรวม 27.56 32.34 31.54 33.79 3.98 -2.25 ผลคะแนนO-Net ในปีการศึกษา 2563 เมื่อเทียบในปีการศึกษา2562 เพมขึ้นทุกรายวิชา ิ่สอดคล้องกับคะแนนเฉลี่ยระดับชาติในการผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน โดยวิชาวิทยาศาสตร์ศาสตร์ และภาษาไทยเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ 6.06 เท่ากันทั้งสองรายวิชา รองลงมาคือวิชาสังคมศกษา เพิ่มขึ้น 4.02 ึรองลงมาคือวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้น 3.00 และวิชาที่มีทดสอบสูงขึ้นเป็นอันดับสุดท้ายคือวิชาภาษาอังกฤษโดยสูงขึ้น 0.76 นับเป็นการพัฒนาขึ้นในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เมื่อมองภาพคะแนนเฉลี่ยโรงเรียนเทียบกับระดับประเทศ โรงเรียนมีผลการทดสอบสูงกว่าระดับประเทศ2 รายวิชาโดยวิชาที่มีค่าสูงกว่าระดับประเทศมากที่สุดคือ วิชาสังคมศึกษา สูงกว่าระดับประเทศ 0.74 รองลงมาคือวิชาวิทยาศาสตร์สูงกว่าระดับประเทศ 0.20 และผลการทดสอบต่ ากว่าระดับประเทศ 3 รายวิชาคือภาษาอังกฤษมีค่าต่ ากว่าระดับประเทศ 5.88 วิชาคณิตศาสตร์ต่ ากว่าระดับประเทศ 4.72 และวิชาภาษาไทยต่ ากว่าระดับประเทศ 1.60 แผนภูมิที่ 19 ผลคะแนนO-Net ระดับมัธยมศึกษาปีที่6 ในปีการศึกษา 2563 เมื่อเทียบในปีการศกษา2562 ึ
๒๑การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัตารางที่ 16 เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ึประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) ผลการทดสอบO-Net ปีการศึกษาS T (T-Score)2562 2563 95 71 103.83 131.91 24.44 31.06 0.93 การทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีการศึกษา ึ2562 มีผู้เข้าสอบ 95 คน มีคะแนนเฉลี่ย 103.83 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 22.44 คะแนน ในปีการศกษา 2563 มีผู้เข้าสอบ 71 คน มีคะแนนเฉลี่ย 131.91 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน ึ31.06 คะแนน และเมอเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับื่มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) อยู่ที่ระดับ 0.93 คือ มีผลการการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สูงขึ้นตารางที่ 17 เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ึประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) ผลการทดสอบO-Net ปีการศึกษาS T (T-Score)2562 2563 60 45 133.96 157.63 14.46 35.75 32.41 การทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา ึ2562 มีผู้เข้าสอบ 60 คน มีคะแนนเฉลี่ย 133.69 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 14.46 คะแนน ในปีการศกษา 2563 มีผู้เข้าสอบ 45 คน มีคะแนนเฉลี่ย 157.63 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน ึ35.75 คะแนน และเมอเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับื่มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) อยู่ที่ระดับ 32.41 คือ มีผลการการทดสอบทางการศกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สูงขึ้นึ๓. ครูโรงเรียนน าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวชาการร้อยละร้อยในการพัฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ิข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน าปลีกศึกษา ิNamPleeksuksa Education Active Technique (NP-EAT)จากการนิเทศติดตามพบว่า ครูโรงเรียนน้ าปลีกส่งนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป ในภาคเรียนที่ 1 ครบทุกท่าน และในภาคเรียนที่ 2 ครบทุกทาน คิดเป็น ร้อยละร้อย ่NXNX
๒๒การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัครูโรงเรียนน้ ำปลีกศึกษำสำมำรถสร้ำงนวัตกรรมบทเรียนส ำเร็จรูป เพื่อใช้จัดกำรเรียนรู้ได้ถูกต้องตำมหลักวชำกำรร้อยละร้อย ินวัตกรรมบทเรียนส ำเร็จรูป เพื่อใช้จัดกำรเรียนรู้ของครูโรงเรียนน้ ำปลีกศึกษำLink : https://wow.in.th/puErB๖) การขยายผลและเผยแพร่ผลการพัฒนา นวัตกรรมที่จัดสร้างขึ้นนี้สามารถน าไปประยุกต์ใช้ในสภาพบริบทที่ใกล้เคียงกันในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ทั้งในระดับเดียวกันแต่ต่างห้องเรียน ต่างระดับชั้น และประยุกต์ใช้ได้กับเนื้อหาอื่น ๆ ในบทเรียน ตลอดจนข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่น กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ และได้เผยแพร่งานวิจัยให้กับเพอนครูในโรงเรียน และโรงเรียนใกล้เคียงที่มีสภาพบริบทที่มีลักษณะใกล้เคียงกันได้น าไปศึกษา และื่ประยุกต์ใช้กับสภาพการจัดการเรียนการสอนต่อไป ขยำยผลไปยังโรงเรียนที่มีสภำพบริบททมีลักษณะใกล้เคียงกัน ี่๑) วิทยากรการใช้สื่อเทคโนโลยีลงสู่กระบวนการเรียนการสอน ณ โรงเรียนศรีเจริญศึกษา
๒๓การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๒) วิทยากรการใช้สื่อเทคโนโลยีลงสู่กระบวนการเรียนการสอน ณ โรงเรียนพนาศึกษา ๓) วิทยากรการประชุมพัฒนาวิชาชีพครูโดยเครือข่ายชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Professional Learning Community : PLC) ณ โรงเรียนนาเวียงจุลดิศวิทยา
๒๔การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๔) วิทยากรการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ณ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษา๔) วิทยากรการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ ณ โรงเรียนน้ าปลีกศึกษาได้รับรำงวัลยกย่องเชิดชูเกียรติจำกหน่วยงำนภำครัฐ เอกชน เป็นที่ยอมรับในวชำชีพ และสังคม ิเป็นผู้น าเสนอรูปแบบหรือแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ภายใต้โครงการ TFE ในพื้นที่ด าเนินงานของส านักศึกษาธิการภาค ๑๔
๒๕การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๖. ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง6.1 ข้อเสนอแนะด้านบุคลากร จากผลของการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับบุคลากรพบว่าระบบการ ประเมินผลการปฏิบัติงานยังมีขอบกพร่องในมุมมองของผู้ปฏิบัติงานที่มองว่าผู้บริหารไม่มีความ ยุติธรรมในการประเมินผลงาน ้ยังใช้ระบบอุปถัมภ์ เนื่องจากเป็นการประเมินจากด้านเดียวคือ ผู้บังคับบัญชาประเมินผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้วิจัยมีความเห็นว่าการประเมินผลการปฏิบัติงานควรมีการ ประเมินจาก 3 ด้านด้วยกันคือ จากผู้บังคับบัญชา จากเพื่อนร่วมงาน จากผู้รับบริการ ซึ่งจะก่อให้เกิด การยอมรับผลการประเมินมากขึ้น 6.2 ข้อเสนอแนะด้านระบบการบริหารงานภายใน ข้อคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานไปพิจารณาหรือปรับปรุงพัฒนาระบบการท างาน เนื่องจากผู้ปฏิบัติจริง เท่านั้นที่จะทราบข้อบกพร่องและวิธีการแกไขปัญหาอย่างแท้จริง การสื่อสารโดยตรงจากผู้บริหาร ระดับสูงถึง้ผู้ปฏิบัติงานระดับล่างโดยตรงโดยไม่ผ่านผู้บริหารระดับกลางและผู้บริหารระดับต้นจะ ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการสื่อสารและเป็นการสร้างขวัญและก าลังใจแก่ผู้ปฏิบัติที่สามารถเสนอ ความคิดเห็นในงานที่ท าต่อผู้บริหารระดับสูงได้ ข้อเสนอแนะส าหรับการศึกษาครั งต่อไปส าหรับการศึกษาครั้งต่อไปในประเด็นที่เกี่ยวกับการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ เพอเป็นแนวทางส าหรับผู้ที่ื่สนใจไว้เป็น 3 แนวทาง ดังต่อไปนี้ 5.4.1 ความส าเร็จของการบริหารงาน 1) ด าเนินการศึกษาเพอสร้างตัวชี้วัดที่สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดความส าเร็จของการ บริหารงานแบบมุ่งื่ผลสัมฤทธิ์ 2) ศึกษาเพอเชื่อมโยงผลที่ได้จากระบบ/กระบวนการจัดการความรู้ กับผลลัพธ์สุดท้ายที่จะ เกิดนักเรียน ื่ในกรณีนี้อาจใช้กรณีศึกษาทอนได้ด้วยเช่นกัน ี่ื่3) ด าเนินการศึกษาเพอค้นหาวิธีการวัดผลลัพธ์สุดท้ายที่สามารถใช้ได้เป็นการทั่วไป ื่4) ท าการศึกษาจัดการความรู้ให้ครบวงจรเซกิ เช่น เกิดวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ แล้วมีผลดี เกิดขึ้นหรือไม่ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กันใหม่หรือไม่ และมการพัฒนาไปสู่การหมุนวงจนเซกิ อย่างต่อเนื่องหรือไม่เป็นต้น โดยเน้นีจุดสนใจไปที่จุดปฏิบัติงานที่ใดที่หนึ่งก็ได้ 5.4.2 ศาสตร์การบริหารงาน 1) ศึกษาเปรียบเทียบศาสตร์ในการบริหารงานแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ระหว่างองค์การ ต่างๆ ทั้งนี้อาจเปรียบเทียบระหว่างองค์การภาครัฐ กับเอกชน หรือกับรัฐวิสาหกิจ เป็นต้นว่ามี ความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 2) ศึกษาเพอวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างระดับความส าเร็จของการบริหารงาน กับระดับ ผลสัมฤทธิ์ ื่5.4.3 ประเด็นอื่นๆ ทางด้านการบริหารงาน 1) ศึกษาปัจจัยด้านอื่นๆ กับผลกระทบต่อการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ 2) ศึกษาการจัดความรู้ในรูปแบบการลงมือปฏิบัติควบคู่ไปกับการท าวิจัย เพอค้นหา รูปแบบ/ตัวแบบทางการื่จัดการความรู้ หรือเพื่อสร้างความรู้ใหม่ทางด้านการจัดการความรู้ในบริบท ของสังคมต่อไป
๒๖การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั๗. จุดเด่น หรือลักษณะพิเศษของผลงานนวัตกรรมในการศึกษาเรื่องกระบวนการ การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามี วัตถุประสงค์เพอศึกษาื่ื้ื่กระบวนการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ เพอศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน ากระบวนการบริหารงานแบบมุ่งื่ผลสัมฤทธิ์มาใช้ในผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา โดยศึกษาจากเอกสารและื้การสัมภาษณ์ผู้บริหาร บุคลากรของโรงเรียน และ ผู้รับบริการเป็นการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ แล้วน าข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์ประกอบกันเป็น รายงานผลการศึกษา ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวสามารถสรุปผลได้ดังต่อไปนี้ 7.1.1 กระบวนการการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑ ๓ เพื่อยกระดับผลL R การทดสอบระดับชาติขั นพื นฐานของโรงเรียนน าปลีกศึกษามีประกอบด้วย 1) การวางแผนกลยุทธ์ขององค์กร ในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ มีการวิเคราะห์ปัญหาและการส ารวจความต้องการและ ความคาดหวังด้านสุขภาพของผู้รับบริการ /ชุมชนที่รับผิดชอบ, วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค สิ่งคุกคามขององค์กร รวมทั้งปัจจัยส าคัญอนๆ และความสามารถในการน าแผนกลยุทธ์ ไปปฏิบัติ ื่2) การถ่ายทอดเพื่อน าไปสู่การปฏิบัติ มีการจัดท าแผนปฏิบัติการและถ่ายทอดแผนไปสู่การปฏิบัติเพอบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ที่ส าคัญ ื่สร้างความมั่นใจในความยั่งยืนของการเปลี่ยนแปลงส าคัญที่เป็นผลจากแผนปฏิบัติ การที่บุคลากรตระหนักในบทบาทและการมีส่วนต่อการบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ 3) การก าหนดตัวชี้วัด การก าหนดตัวชี้วัด ประกอบด้วยตัวชี้วัดที่ถ่ายทอดจากกรอบการประเมินผลการปฏิบัติ ราชการตามค ารับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัด และตัวชี้วัดตาม แผนยุทธศาสตร์ของโรงเรียน แล้วถ่ายทอด ตัวชี้วัดลงสู่ระดับองค์กรและระดับหน่วยงาน โดยให้ตัวชี้วัดที่ส าคัญต่างๆ มีความเชื่อมโยง/ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 4) การวัดผลการด าเนินงาน น าผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดมาประมวลผลหรือ วิเคราะห์ผลในภาพรวมเพอใช้ติดตาม ื่ความก้าวหน้าการปฏิบัติงานตามแผนงาน/การด าเนินงานตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์หรือ เป้าประสงค์ของ โดยน าผลลัพธ์จากการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดที่ส าคัญตามคารับรอง การปฏิบัติราชการและตามแผนปฏิบัติราชการของโรงเรียน น าเสนอต่อผู้บริหาร ระดับสูง เพื่อใช้สนับสนุนการตัดสินใจในการปรับปรุงพัฒนางานทั้งในระดับกล ยุทธ์ ระดับองค์กร และระดับหน่วยงานต่างๆ 5) การบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านทรัพยากรบุคคล โรงเรียนมีแผนการบริหารอัตราก าลังเพื่อรองรับภาระงาน การ บริหารจัดการภายใต้ข้อจ ากัดด้านการจ้าง การจ่ายค่าตอบแทน และการเพิ่มอัตราก าลัง โดยมีแผน ด้านการอบรมพัฒนา การพัฒนาศักยภาพ การสร้างขวัญก าลังใจและการเพิ่มสวัสดิการที่จ าเป็น ส่วนทรัพยากรและเครื่องมือที่ใช้ในการด าเนินงาน ได้ท าแผนเตรียมการจัดหา การบ ารุงรักษา และการบริหารให้เกิดความคุ้มค่า 6) การพัฒนาบุคลากร การจัดท าแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (IDP) โดยพิจารณาจากผลการประเมินสมรรถนะ เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career path) และแผนที่การฝึกอบรม (Training Road Map) จะรวบรวมข้อมูลในส่วนของการอบรม และหัวหน้างานก ากับดูแลการพัฒนาและเรียนรู้ของ บุคลากรผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ ชัดเจนประเมินจากผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด
๒๗การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั7) การให้รางวัลผลตอบแทน โรงเรียนยึดหลักการให้ผลตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดรายบุคคล โดย แบ่งเป็นระดับ ของผลการด าเนินงาน ดีเด่น ดีมาก ดีพอใช้ ต้องปรับปรุง มีการมอบเกียรติบัตรให้กับคุณครูที่สามารถท างานได้บรรลุตัวชี้วัด ในส่วนของผู้เรียน จะได้รับทุนการศกษาเมื่อท าผลงานได้ตามข้อตกลง เช่น นักเรียนระดับึมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ท าคะแนนผ่าน50% ของคะแนนทุกรายวิชาโดยในปีการศึกษา 2563 ก าหนดทุนไว้ที่วิชาละ 200 บาท ทั้งนี้มีนักเรียนได้ท าคะแนนผลการทดสอบผ่านร้อยละ 50 ในรายวิชาภาษาไทยจ านวน 41 คน ในรายวิชาภาษาอังกฤษจ านวน 5 คน วิชาวิทยาศาสตร์จ านวน 1 คน คิดเป็น 47 รายการเป็นเงินทั้งสิ้น 9,400 บาท (เก้าพันสี่ร้อยบาทถวน) และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนที่ท าคะแนนผ่าน50% ของ้คะแนนทุกรายวิชาโดยในปีการศึกษา 2563 ก าหนดทุนไว้ที่วิชาละ 300 บาท ทั้งนี้มีนักเรียนได้ทาคะแนนผลการทดสอบผ่านร้อยละ 50 ในรายวิชาภาษาไทยจ านวน 16 คน ในรายวิชาคณิตศาสตร์จ านวน 1 คน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์จ านวน 2 คน วิชาสังคมศึกษาจ านวน 2 คน คิดเป็น 21 รายการเป็นเงินทั้งสิ้น 6,300 บาท (หกพันสามร้อยบาทถ้วน) 8) การบริหารงบประมาณ มีระบบบริหารด้านการเงิน และพัสดุอย่างเป็นระบบ มีแผนการจัดหาและบ ารุงรักษา โดย มีตัวชี้วัดที่แสดงผลการด าเนินงาน มีระบบควบคุมภายในที่ด าเนินการตามระเบียบคณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดิน มีการจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส มีการบริหารระบบการเงินการคลัง มี ระบบการตรวจสอบภายในและจากหน่วยงานภายนอกเป็นประจ า 7.1.2 ผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์มาใช้ในโรงเรียน การประเมินผลงานผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไปด้วยความสะดวก ส่งผลดีต่อบุคลากรระดับผู้บริหาร ระดับสูงและระดับกลาง ส่วนบุคลากรระดับผู้ปฏิบัติงานได้รับผลกระทบในด้านบวกกคือการมี ตัวชี้วัดช่วยให้มี็ความชัดเจนในงานที่ต้องท าไม่ต้องรอค าสั่งจากผู้บังคับบัญชา รู้บทบาทหน้าที่ของ ตนเอง มีการบันทึกผลงานและมีโอกาสได้แสดงผลงาน ส่วนผลกระทบในด้านลบในแง่ของการ ท างานเอกสารที่ต้องท ามากกว่าระบบการบริหารแบบเดิมและผลจากการปรับเปลี่ยนระบบการ ท างานท าให้เกิดความรู้สึกว่าท างานหนักขึ้นกว่าเดิมแต่ได้รับผลตอบแทนเท่าเดิม อกทั้งบุคลากร ระดับผู้บริหารระดับล่างและระดับผู้ปฏิบัติยังมีความเห็นเกี่ยวกับการีประเมินผลการปฏิบัติงานว่า ไม่ได้รับความยุติธรรมหน่วยงานยังคงใช้ระบบอุปถัมภ์ในการประเมินผลและมีการลงโทษที่ไม่ เหมาะสมกอให้เกิดการท าลายขวัญและก าลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ่2) ผลต่อระบบการบริหารงานภายใน มีการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานน าแนวคิด การบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์มาใช้ในโรงเรียน ดังนี้ 2.1) มีการปรับโครงสร้างทางการบริหาร ก าหนดบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในแต่ ละหน่วยงานให้สอดคล้องกับระบบการบริหารงานแบบใหม่ 2.2) มีการก าหนดโครงสร้างการพัฒนาคุณภาพ มีการจัดตั้งคณะกรรมการทีม บริหารงานพัฒนาคุณภาพโรงเรียน 2.3) มีการวางแผนกลยุทธ์ โดยก าหนดพันธกิจให้สอดคล้องกับกฎกระทรวง ก าหนด วิสัยทัศน์ตามบริบทของต้นสังกัด ก าหนดค่านิยมให้ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ก าหนดยุทธศาสตร์ให้ครอบคลุมการประเมินผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการทั้ง 4 มิติ ก าหนดเป้าหมายโดยมุ่งเน้นประโยชน์ของผู้รับบริการเป็นหลัก ก าหนดตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับ เป้าหมายขององค์กร 2.4) มีการจัดท าแผนปฏิบัติการ โดยก าหนดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และงบประมาณที่ ได้รับจัดสรร และถ่ายทอดแผนลงสู่การปฏิบัติ
๒๘การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั2.5) มีการก าหนดตัวชี้วัดตามกรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการ 2.6) มีการวัดผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการ 2.7) มีการวางแผนอัตราก าลังเพื่อรองรับภาระงาน 2.8) มีแผนพัฒนาบุคลากร โดยดูจากผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดรายบุคคล 2.9) มีการประเมินผลตอบแทนตามตัวชี้วัดรายบุคคล 2.10) มีการน าข้อร้องเรียน ข้อเสนอแนะจากผู้รับบริการมาปรับปรุงระบบการท างาน 2.11) มีการบริหารงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณและ แผนการใช้จ่ายเงินบ ารุงประจ าปี 5.2 อภิปรายผลการศึกษาการศึกษาเรื่อง การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลื่การทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามี ผู้วิจัยได้ อภิปรายผลการศกษา ไว้ดังต่อไปนี้ ึ5.2.1 กระบวนการ การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามี อยู่ในระดับดีมาก ข้อสรุปที่เกิดจากการวิเคราะห์ความส าเร็จดังกล่าว มีความสอดคล้องกับวุฒิศักดิ์ เหล็กค า (2553) งานส ารวจของ วัฒนธรรมองค์กร กล่าวคือ นอกเหนือจากทโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ได้มีการสร้าง กระบวนการบริหารงานของตนเองขึ้นี่มาแล้ว ได้ถกน ามาใช้ปฏิบัติจริง และถูกสอดแทรกเข้าไป กับงานประจ า บุคลากรทุกคนในโรงเรียนน้ าปลีกูศึกษา สามารถเขาถึง และเข้าใจแนวคิดการจัดการความรู้ที่ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้การยอมรับ ยึดถือ้ปฏิบัติร่วมกันจนส่งผลดีต่อการพัฒนาองค์การ การวิเคราะห์ความส าเร็จของการบริหารงานแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ครั้งนี้ เป็นการวัดผล ในระดับของผลจากระบบ และกระบวนการ และการวัดปัจจัยส่งออก (Output) เท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากระยะเวลาในการด าเนินกิจกรรมการจัดบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นช่วงระยะเวลาที่ ไม่มากนัก และยังไม่สามารถที่จะก าหนดได้อย่างชัดเจนว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการ บริหารงานคืออะไรแนวทางการวิเคราะห์ความส าเร็จดังกล่าวนี้ มีความสอดคล้องกับแนวทางการ วัดความส าเร็จของการบริหารงานในงานของ ทิพาวดี เมฆสวรรค์ (2543 : 3) ที่ได้ก าหนดการ ประเมินความส าเร็จของการจัดการความรู้ในองค์การชั้นน า 4 แห่งที่ ได้มีการด าเนินกิจกรรมการ จัดการความรู้ โดยมีการประเมินความส าเร็จใน 2 ระดับด้วยกันคือ ระบบกระบวนการ และปัจจัย ส่งออก เช่นเดียวกันกับการศึกษาในครั้งนี้ ส าหรับการก าหนดตัวชี้วัดเพื่อประเมินความส าเร็จ ได้ใช้ตัวชี้วัดที่สอดคล้องกบแนวคิด ของ ัCanadian International Development Agency : CIDA (1999) และจากการน าเสนอของ หลักการบริหารงานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวภายหลังจากได้ด าเนินการเก็บขอมูลเพื่อ น ามาประกอบกับการ้วิเคราะห์ระดับความส าเร็จตามเกณฑ์ทได้ก าหนดไว้ ผู้ศึกษาพบว่า สามารถที่ จะหาข้อมูลมาประกอบการี่วิเคราะห์ดังกล่าวได้ไม่ยากนัก ถ้าหากว่าองค์การมีการจัดระบบ ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการด าเนินงานที่ดี ดังนั้นการน าตัวชี้วัดดังกล่าวที่ได้ก าหนดไว้ในงานวิจัย ฉบับนี้ไปปรับใช้กับองค์การอื่นๆ ที่มีการด าเนินการจัดการการบริหารงานจะมี ความเป็นไปได้
๒๙การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ับรรณานุกรมกรมวิชาการ. คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วทยาศาสตร์ิ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2544. . หลักสูตรการศึกษาขั นพื นฐาน พุทธศักราช 2544. พิมพครั้งที่1. กรุงเทพฯ: ์ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2545. .ตัวบ่งชี การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ พัฒนาการเรียนการสอนส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2541.(อัดส าเนา) กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั นพื นฐาน พุทธศักราช 2551 กรุงเทพฯ โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. 2551. กิดานันท์ มะลิทอง. เทคโนโลยีการศึกษาร่วมสมัย. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2531. คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, ส านักงาน. การปฏิรูปการเรียนตามแนวคิด ทฤษฎี 5 . กรุงเทพ ฯ : ไอเดียสแควร์, 2542. คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544). กรุงเทพฯ: ส านักงานพัฒนาหลักสูตร, 2539. ชม ภูมิภาค. เทคโนโลยีการสอนและการศึกษา. กรุงเทพฯ: ประสานมิตร, 2524. ทวีรัตน์ สุหลง (2550), ผลของการบริหารจัดการโดยใช้กระบวนการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์บ ารุง ใหญ่สูงเนิน. การพัฒนาชุดการเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อเสริมความรู้เกี่ยวกับการสอน ทักษะการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ของประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหา บัณฑิต สาขาวิชาการประถมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2536. บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์, 2535. บุษยมาศ แสงเงิน. (2554).สภาพปัญหาของระบบราชการไทย. (ระบบออนไลน์) แหล่งที่มา :http://www.gotoknow.org/blogs/posts/427238 ลักขณา หมื่นจักษ์. การสร้างชุดการเรียนรู้ด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาข้าราชการ พลเรือน, ม.ป.ป. ลัดดา ศุขปรีดี. เทคโนโลยีการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: ศักดิ์โสภาการพมพ, 2524. ิ์วาสนา ชาวหา. เทคโนโลยีทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: อักษรสยามการพมพ, 2525. ิ์วิชัย วงศ์ใหญ่. วิธีการสร้างชุดการเรียนด้วยตนเอง. ในเอกสารประกอบการบรรยาย เรื่อง การสอนทางไกล. กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน, 2530.
๓๐การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ับรรณานุกรม (ต่อ)วีรวิทย์ โปร่งจันทึก. (2552) การบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ในกองบงคับการต ารวจน า ั ส านักงานต ารวจแห่งชาติ วิทยานิพนธ์ รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช.นนทบุรี : ส านักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. Brawly, O.D. A study to evaluate the effects of using multimedia instructional modules to Teach time – telling to retarded learners. Dissertation Abstracts International , 1975. Flavell,J.H.,. Matacognition and Cognitive Monitoring Anew area of cognitive developmental inquiry. America Psychologist, 34,909-911.1979. Slavin, Robert E.,. Educational Psychology. (7 th ed.). John Hopkins University. 2003. Veenman, T., et al.,. Metacognitive mediation in learning with computer- based imulation. Computer in Human Behavior, 10,93-3206A. 1994. Wang, J.T.,. A Comperetive study of metacognitive behaviors in the mathematical problem solving between gifted and average sixth-grad student in the Taiwan the republic of chaina. Dissertation Abstrana nternationnal,50,3206A. 1990. รายงานการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านนวัตกรรมการบริหารจัดการ การจัดการเรียนรู้ และการนิเทศ ติดตามและประเมินผล Link : https://online.pubhtml5.com/ylqa/dqyj/ เอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ภายใต้รูปแบบ 1L3R ภายในโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา Link : https://online.pubhtml5.com/ylqa/qcia/
๓๑การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัแบบ นร. ๒ แบบน ำเสนอผลงำนหนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม (กรณีผลงำนที่ส่งเป็นกำรพัฒนำเพิ่มเติมหรือต่อยอดนวัตกรรมจำกผลงำนเดิม) ๑. ชื่อผลงำนใหม่ (กรณีเปลี่ยนชื่อจำกผลงำนเดิม) การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป ๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา๒. ชื่อผลงำนเดิม นวัตกรรมการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนส าเร็จรูปกระตุ้นการเรียนรู้ตามรูปแบบ 1L3R ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ๓ .ปีที่ได้รับรำงวัล ผลการคัดสรรรางวัล หนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม ประจ าปี ๒๕๖๔ (กรณีได้รับรางวัลหลายปีให้ระบุปีล่าสุด)๔. รำงวัลที่ได้รับ เหรียญทอง√เหรียญเงิน เหรียญทองแดง ๕. ผลงำนระดับ ประเทศ√ภูมิภำค ๖. ประเภทผลงำนนวัตกรรม กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ √ กำรบริหำรและจัดกำรสถำนศึกษำ (ผลงานใหม่) √ กำรจัดกำรเรียนรู้ (ผลงานเดิม) การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ สิ่งประดิษฐ์ และสื่อ จิตวิทยา เทคโนโลยีการศึกษา และ Digital For Learning หลักสูตร เทคโนโลยีการศึกษาแหล่งเรียนรู้ ดิจิตัลเพื่อการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้อื่น ๆ ..............................................................๗. สรุปสำระส ำคัญ เปรียบเทียบควำมแตกต่ำงระหว่ำงผลงำนเดิมกับผลงำนใหม ่ผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่๑.กรอบแนวคิด 1. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพอใช้จัดการเรียนรู้ื่ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อย ๑. เพื่อศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการื่ทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา
๓๒การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่๑.กรอบแนวคิด 2. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาใช้บทเรียนส าเร็จรูปในการพัฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบอิงมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT ท าให้ผู้เรียนมีผลการ () ทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน๒. นักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ในระดับื้มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 ๓. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อยในการพัฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบอิงมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT ()ผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่๒.ขั้นตอนกำรพัฒนำ ในการสร้างและพฒนาชุดการเรียนัการสอนได้มีการได้ก าหนดขั้นตอน ไว้ดังนี้ 1. จะต้องศึกษาเนื้อหาสาระของวิชาที่จะน ามาสร้างชุดการเรียนอย่างละเอยดว่าีจะมุ่งเน้นให้เกิดการเรียนรู้อะไรบ้างกับผู้เรียน น ามาวิเคราะห์ แล้วแบ่งเป็นหน่วยการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะต้องมีหัวเรื่องรวมอยู่ อีกทงั้จะต้องศึกษาพจารณาให้ละเอยดชัดเจน เพอิีื่ไม่ให้เกิดความซ้ าซ้อนในหน่วยอน ๆ อนจะสร้างื่ัความสับสนให้กับผู้เรียนได้ การแบ่งหน่วยการเรียนการสอนของแต่ละวิชานั้นควรเรียงล าดับขั้นตอนของเนื้อหาสาระอะไรเป็นสิ่งจ าเป็นที่ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ก่อน2. เมื่อศึกษาเนื้อหาสาระแต่ละหน่วยการเรียนการสอนแล้ว ต้องพจารณาิตัดสินใจอกครั้งหนึ่งว่า จะท าชุดการเรียนแบบใด ีโดยค านึงถึงข้อก าหนดว่าผู้เรียนคือใคร จะให้อะไรแก่ผู้เรียน จะให้ท ากิจกรรมอย่างไร และจะท าได้ดีอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะเป็นเกณฑ์ในการก าหนดการเรียน เมื่อครูสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป ผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบอิงมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT 15 ()ขั้นตอน ดังนี้1. จัดท า/ปรับโครงการยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ครอบคลุมทุกกิจกรรมมีก าหนดชัดเจนURL: https://pubhtml5.com/bookcase/qhou 2. เมื่อครูวางแผนการสอนตามมาตรฐาน และตัวชี้วัดแล้ว ให้โรงเรียนตรวจสอบการวิเคราะห์หลักสูตรให้ตรงตามตัวชี้วัดURL: https://pubhtml5.com/bookcase/dpeg3. วางแผนการสอนชั้น ม. 3 และ ม.6 ให้จบ และครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ศึกษาข้อมูลผลสัมฤทธิ์ O-Net ที่กลุ่มงานวิชาการได้ท าการวิเคราะห์ ปีการศึกษา 59-62URL: https://wow.in.th/fPOVV
๓๓การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่3. ก าหนดหน่วยการเรียนการสอนโดยประมาณเนื้อหาสาระที่เราก าหนดขึ้น จะต้องสอดคล้องกับหน่วยและหัวเรื่องโดยค านึงถึงว่าเป็นหน่วยที่น่าสนุก น่าเรียนรู้ ให้ความชื่นบานแก่ผู้เรียน หาสื่อ การเรียนได้ง่าย พยายามศึกษาวิเคราะห์ให้ละเอยดอกครั้งว่าหน่วยการเรียนการีีสอนนั้นมีหลักการ หรือความคิดรวบยอดอย่างไร และมีหัวข้อเรื่องย่อย ๆ อะไรอกบ้างที่จะต้องีศึกษา พยายามดึงเอาแก่นของหลักการเรียนรู้ออกมา 4. ก าหนดความคิดรวบยอด ความคิดรวบยอดที่เราก าหนดขึ้นมาจะต้องสอดคล้องกับหน่วยและหัวเรื่อง โดยสรุปแนวคิด สาระและหลักเกณฑ์ เพอเป็นแนวทางในการจัดื่กิจกรรมการเรียนให้สอดคล้องกัน เพราะความคิดรวบยอดนั้นเป็นเรื่องของความเข้าใจ อันเกิดจากประสาทสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม เพอื่ตีความหมายออกมาเป็นพฤติกรรมทางสมองแล้วน าสิ่งใหม่ไปเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกับประสบการณ์เดิม เกิดเป็นความคิดรวบยอดได้ 5. จุดประสงค์การเรียน การก าหนดจุดประสงค์การเรียนจะต้องให้สอดคล้องกับความคิด รวบยอด โดยก าหนดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ซึ่งหมายถึงความสามารถของผู้เรียนที่แสดงออกมาให้เห็นได้ในภายหลังจากการเรียนการสอนบทเรียนแต่ละเรื่องจบไปแล้ว โดยผู้สอนสามารถวัดได้ จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมนี้ ถ้าผู้สอนระบุ หรือก าหนดให้ชัดเจนมากเท่าใด ก็มีทางประสบผลส าเร็จ ในการสอนมากเท่านั้น ดังนั้นจึงควรใช้เวลาในการตรวจสอบจุดประสงค์การเรียนแต่ละข้อให้ถูกต้อง และครอบคลุมเนื้อหาสาระการเรียนรู้ 6. การวิเคราะห์งาน คือ การน าจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละข้อมาท าการวิเคราะห์งาน เพอหากิจกรรมการเรียนการสอน ื่แล้วจัดล าดับกิจกรรมการเรียนการสอนให้4. สืบค้นสื่อ และ แบบทดสอบ เพื่อจัดท าบัญชีรายชื่อคลังสื่อ และแบบทดสอบ O-Net จาก Google และYoutube URL: https://wow.in.th/K4HaL๕.เข้าพัฒนาความรู้การจัดท าข้อสอบอิงมาตรฐานการเรียนรู้และจัดท าขอสอบองมาตรฐานการ้ิเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนปกติและสอนเสริมเติมเต็ม ตามแนวข้อสอบของ สทศ. ในห้องเรียน หรือ ก าหนดกิจกรรม วันเวลาให้ชัดเจน URL: https://wow.in.th/KY6Q66. ครูผู้รับผิดชอบในโรงเรียนทุกคนร่วมกันสร้างข้อสอบตามแนวข้อสอบของ สทศ. ข้อสอบอิงมาตรฐานการเรียนรู้ แล้วแลกเปลี่ยนข้อสอบผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขั้นตอนการสร้างข้อสอบURL: http://online.pubhtml5.com/ylqa/aypx/7. น าแนวข้อสอบ O-NET ไปใช้แทรกในการเรียนการสอนปกติ และในการสอนเสริมเติมเต็ม ในชั้นเรียนให้นักเรียนคุ้นเคยและมีประสบการณ์การท าข้อสอบ (รูปแบบข้อสอบ/กระดาษค าตอบ/การระบายค าตอบฯ)URL: https://online.pubhtml5.com/ylqa/pxcr/8. ผู้บริหารก าหนดปฏิทินการนิเทศภายในโรงเรียนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ชัดเจน (ก าหนดวันที่ กิจกรรมที่ต้องท า)URL: https://online.pubhtml5.com/ylqa/kdwz/9. ผู้บริหารติดตามการน าข้อสอบ O-NET ไปใช้ในสถานศึกษา การน าข้อสอบ O-NET ไปใช้ในชั้นเรียน ติดตามผลการท างานของครูผู้รับผิดชอบทุกระยะอย่างใกล้ชิดเพอให้ด าเนินงานบรรลุตามื่แผนงาน หรือแกไขปัญหาต่างๆ ได้ทันเวลา้URL: https://pubhtml5.com/bookcase/dpeg
๓๔การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่เหมาะสม ถูกต้อง สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ก าหนดไว้แต่ละข้อ 7. เรียงล าดับกิจกรรมการเรียน ภายหลังจากที่เราน าจุดประสงค์การเรียนแต่ละข้อมาวิเคราะห์งาน และเรียงล าดับกิจกรรมของแต่ละข้อเพอให้เกิดการประสานกลมกลืนของื่การเรียนการสอน จะต้องน ากิจกรรมการเรียนของแต่ละข้อที่ท าการวิเคราะห์งาน และเรียงล าดับกิจกรรมไว้แล้วมาหลอมรวมเป็นกิจกรรมการเรียนขั้นที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ าซ้อนในการเรียนโดยค านึงถึงพฤติกรรมพนฐานของผู้เรียน วิธีด าเนินการให้มีการเรียนื้การสอนขึ้น ตลอดจนติดตามผล และประเมินผลพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออกมาเมื่อมีการเรียนการสอนแล้ว 8. สื่อการสอน คือวัสดุอุปกรณ์และกิจกรรมการเรียนที่ครูและนักเรียนจะต้องท า เพอเป็นแนวทางในการเรียนรู้ซึ่งครูจะต้องจัดท าื่ขึ้นและจัดหาไว้เรียบร้อย ถ้าสื่อการเรียนเป็นของใหญ่โต หรือมีคุณค่าที่จะต้องจัดเตรียมมาก่อน จะต้องเขียนบอกไว้ชัดเจนในคู่มือที่เกี่ยวกับการใช้ชุดการเรียนว่าไปจัดหา ณ ที่ใด เช่น เครื่องฉายสไลด์ เครื่องบันทึกเสียง และพวกสิ่งที่เก็บไว้ไม่ทนทาน เพราะเกิดการเน่าเสีย เช่น ใบไม้ พช ืสัตว์ เป็นต้น 9. การประเมิน คือการตรวจสอบดูว่าหลังการเรียนการสอนแล้ว ผู้เรียนได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามที่จุดประสงค์การเรียนก าหนดไว้หรือไม่ จะวัดได้โดยวิธีใดก็ได้ แต่ต้องวัดพฤติกรรม ที่คาดหวังเป็นส าคัญ พยายามออกแบบวัดผลให้ผู้เรียนวัดกันเองและตรวจค าตอบได้เอง 10. การทดลองชุดการเรียนเพื่อหาประสิทธิภาพ การหาประสิทธิภาพชุดการเรียนเพอปรับปรุงให้เหมาะสม ควรน าไปทดลองกลุ่มื่เล็ก ๆ ดูก่อน เพอตรวจสอบหาข้อบกพร่องและื่การแก้ไขปรับปรุงอย่างดี แล้วจึงน าไปทดลองกับ10. จัดกิจกรรมสอนเสริมเติมเต็ม ให้ต่อเนื่องก่อนถึงวันสอบจริง O-NET สอบ เดือน 13-14 มีนาคม พ.ศ.2564 และ 27-28 มีนาคม พ.ศ.2564 URL: https://online.pubhtml5.com/ylqa/yxrs/11. จัดสอบเสมือนจริง โดยใช้ข้อสอบ กระดาษค าตอบ การคุมสอบ เวลาสอบเสมือนจริงทุกประการ โดยใช้ข้อสอบในคลังข้อสอบ ซึ่งจัดท าขึ้นตามแนวข้อสอบของ สทศ. บันทึกผลการสอบ ตรวจค าตอบ และวิเคราะห์ผลการทดสอบเพอื่ปรับปรุงแกไขนักเรียนก่อนวันสอบจริง ้URL: https://wow.in.th/5Fx0k12. จัดกิจกรรมเสริมแรงทางบวก (จัดอาหารว่างน้ าหวาน ขนมช่วงพกสอบ) สร้างบรรยากาศผ่อนัคลาย ท าสมาธิก่อนเวลาสอบ 13. ประชาสัมพันธ์ความส าคัญของการสอบ O-NET ทุกสัปดาห์ 14. ประกาศ/ป้าย นับเวลาถอยหลัง Count Down ทุกวันURL: https://wow.in.th/5Fx0k15. โรงเรียนให้รางวัลนักเรียนที่มีคะแนนสอบสูง/มีความก้าวหน้าสูง โดยก าหนดหนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ที่มีผลการทดสอบสูงกว่า 50% จะได้ทุนการศึกษาวิชาละ ๒00บาท ในทุกรายวิชา และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ที่มีผลการทดสอบสูงกว่า 50% จะได้ทุนการศกษาวิชาละ 300บาท ในทุกึรายวิชา URL: https://wow.in.th/CkqMCตรวจสอบผลของการด าเนินงาน1. ศึกษาถึงผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลการื่ทดสอบระดับชาติขั้นพนฐานของโรงเรียนน้ าปลีกื้ศึกษา
๓๕การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่เด็กทั้งชั้น หรือกลุ่มใหญ่ โดยก าหนดขั้นตอนไว้ ดังนี้ 10.1 ชุดการเรียนนี้ต้องการความรู้ดั้งเดิมของผู้เรียนหรือไม่ 10.2 การน าเข้าสู่บทเรียนของชุดการเรียนนี้เหมาะสมหรือไม่ 10.3 การประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนมีความสับสนวุ่นวายกับผู้เรียนหรือไม่ 10.4 การสรุปผลการเรียนการสอนเพอเป็นแนวทางไปสู่ความคิดรวบยอด หรือื่หลักการส าคัญของการเรียนรู้ในหน่วยนั้น ๆ ดีหรือไม่10.5 การประเมินผลหลังการเรียน เพอตรวจสอบพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ื่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนั้นให้ความเชื่อมั่นได้มากน้อยแค่ไหนกับผู้เรียน๒. เปรียบเทียบผลการทดสอบนักเรียนโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั้นพนฐาน ื้(O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ้นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2 ๓. ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อยในการพัฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบอิงมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique (NP-EAT) ผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่๓.ผลที่เกิดขึ้น การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนส าเร็จรูปกระตุ้นการเรียนรู้ตาม รูปแบบ 1L3R ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา Link : ระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาhttps://online.pubhtml5.com/ylqa/ukoo/ Link : 4.ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาทุกคนสามารถ สร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพอใช้จัดการื่เรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการ 5.ครูโรงเรียนน้ าปลีกศึกษาใช้บทเรียน ส าเร็จรูปในการพฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการัการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบองมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของิโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique NP-EAT ()การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียน๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบhttps://online.pubhtml5.com/ylqa/jezo/ผลที่เกิดจากการน าแนวคิดการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓ เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั นR พื นฐานของโรงเรียนน าปลีกศึกษา ท าให้ได้แนวทาง1) การวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ มีการวิเคราะห์ปัญหาและการส ารวจความต้องการและ ความคาดหวังด้านสุขภาพของผู้รับบริการ /ชุมชนที่รับผิดชอบ, วิเคราะห์จุดแข็ง จุดออน โอกาส อปสรรค สิ่งุ่คุกคามขององค์กร รวมทั้งปัจจัยส าคัญอนๆ และื่ความสามารถในการน าแผนกลยุทธ์ ไปปฏิบัติ
๓๖การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่2) การถ่ายทอดเพื่อน าไปสู่การปฏิบัติ มีการจัดท าแผนปฏิบัติการและถ่ายทอดแผนไปสู่การปฏิบัติเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ที่ส าคัญ สร้างความมั่นใจในความยั่งยืนของการเปลี่ยนแปลงส าคัญที่เป็นผลจากแผนปฏิบัติ การที่บุคลากรตระหนักในบทบาทและการมีส่วนต่อการบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ 3) การก าหนดตัวชี้วัด ถ่ายทอดจากกรอบการประเมินผลการปฏิบัติ ราชการตามค ารับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัด และตัวชี้วัดตามแผนยุทธศาสตร์ของโรงเรียน แล้วถ่ายทอด ตัวชี้วัดลงสู่ระดับองค์กรและระดับหน่วยงาน โดยให้ตัวชี้วัดที่ส าคัญต่างๆ มีความเชื่อมโยง/ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 4) การวัดผลการด าเนินงาน น าผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดมาประมวลผลหรือ วิเคราะห์ผลในภาพรวมเพอใช้ติดตาม ความก้าวหน้าการื่ปฏิบัติงานตามแผนงาน/การด าเนินงานตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์หรือเป้าประสงค์ของ โดยน าผลลัพธ์จากการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดที่ส าคัญตามค ารับรอง การปฏิบัติราชการและตามแผนปฏิบัติราชการของโรงเรียน น าเสนอต่อผู้บริหาร ระดับสูง เพื่อใช้สนับสนุนการตัดสินใจในการปรับปรุงพัฒนางานทั้งในระดับกลยุทธ์ ระดับองค์กร และระดับหน่วยงานต่างๆ 5) การบริหารทรัพยากรบุคคลด้านทรัพยากรบุคคล โรงเรียนมีแผนการบริหารอตราก าลังเพอัื่รองรับภาระงาน การบริหารจัดการภายใต้ข้อจ ากัดด้านการจ้าง การจ่ายค่าตอบแทน และการเพมิ่อตราก าลัง โดยมีแผน ด้านการอบรมพฒนา การััพฒนาศักยภาพ การสร้างขวัญก าลังใจ และการัเพมสวัสดิการที่จ าเป็น ส่วนทรัพยากรและิ่เครื่องมือที่ใช้ในการด าเนินงานได้ท าแผนเตรียมการจัดหาการบ ารุงรักษา และการบริหารให้เกิดความคุ้มค่า 6) การพฒนาบุคลากรการจัดท าแผนพฒนาัับุคลากรรายบุคคล (IDP) โดยพจารณาจากผลการิ
๓๗การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่ประเมินสมรรถนะ เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career path) และแผนที่การฝึกอบรม (Training Road Map) จะรวบรวมข้อมูลในส่วนของการอบรม และหัวหน้างานก ากับดูแลการพฒนาและัเรียนรู้ของ บุคลากรผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ ชัดเจนประเมินจากผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด 7) การให้รางวัลผลตอบแทน โรงเรียนยึดหลักการให้ผลตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดรายบุคคล โดย แบ่งเป็นระดับ ของผลการด าเนินงาน ดีเด่น ดีมาก ดีพอใช้ ต้องปรับปรุง มีการมอบเกียรติบัตรให้กับคุณครูที่สามารถท างานได้บรรลุตัวชี้วัด ในส่วนของผู้เรียน จะได้รับทุนการศึกษาเมื่อท าผลงานได้ตามตัวชี้วัด 8) การบริหารงบประมาณ มีระบบบริหารด้านการเงิน และพสดุอย่างเป็นระบบ มีแผนการจัดหาัและบ ารุงรักษา โดย มีตัวชี้วัดที่แสดงผลการด าเนินงาน มีระบบควบคุมภายในที่ด าเนินการตามระเบียบคณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดิน มีการจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส มีการบริหารระบบการเงินการคลัง มี ระบบการตรวจสอบภายในและจากหน่วยงานภายนอกเป็นประจ า นักเรียนโรงเรียนน าปลีกศึกษามีผลการทดสอบระดับชาติขั นพื นฐาน (O-NET) ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ นกว่าปีการศึกษา ๒๕๖2การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในปีื้การศึกษา 2562 มีผู้เข้าสอบ 95 คน มีคะแนนเฉลี่ย 103.83 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 22.44 คะแนน ในปีการศึกษา 2563 มีผู้เข้าสอบ 71 คน มีคะแนนเฉลี่ย 131.91 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 31.06 คะแนน และเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับื้มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) อยู่
๓๘การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่ที่ระดับ 0.93 คือ มีผลการการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สูงขึ้นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีื้การศึกษา 2562 มีผู้เข้าสอบ 60 คน มีคะแนนเฉลี่ย 133.69 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 14.46 คะแนน ในปีการศึกษา 2563 มีผู้เข้าสอบ 45 คน มีคะแนนเฉลี่ย 157.63 คะแนน และมีส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน 35.75 คะแนน และเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพนฐาน (O-NET) ระดับื้มัธยมศึกษาปีที่ 3 ประจ าปีการศึกษา 2562-2563 ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน T (T-Score) อยู่ที่ระดับ 32.41 คือ มีผลการการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สูงขึ้นครูโรงเรียนน าปลีกศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาการร้อยละร้อยในการพัฒนาผู้เรียนผ่านกระบวนการการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ข้อสอบอิงมาตรฐานกระตุ้นการเรียนรู้ของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา NamPleeksuksa Education Active Technique (NP-EAT) จากการนิเทศติดตามพบว่า ครูโรงเรียนน้ าปลีกส่งนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป ในภาคเรียนที่ 1 ครบทุกท่าน และในภาคเรียนที่ 2 ครบทุกท่าน คิดเป็น ร้อยละร้อย ผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่๔.สิ่งที่ได้เรียนรู้ ผู้สอนต้องเน้นให้ผู้เรียนฝึกท ากิจกรรมต่าง ๆ ในการเสาะแสวงหาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการลงมือปฏิบัติการทดลอง การแก้โจทย์ปัญหาต่าง ๆ เพอที่จะท าให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงหลักการ ื่กฎ ทฤษฎี และธรรมชาติของวิชานั้นๆ เพอให้ื่เกิดทักษะในกระบวนการแก้ปัญหา พร้อมทั้งสามารถน าหลักการไปประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติได้ จากผลของการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับบุคลากรพบว่าระบบการ ประเมินผลการปฏิบัติงานยังมีข้อบกพร่องในมุมมองของผู้ปฏิบัติงานที่มองว่าผู้บริหารไม่มีความ ยุติธรรมในการประเมินผลงาน ยังใช้ระบบอปถัมภ์ ุเนื่องจากเป็นการประเมินจากด้านเดียวคือ ผู้บังคับบัญชาประเมินผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้วิจัยมี
๓๙การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ัผลงำนเดิม ผลงำนใหม ่ครูจึงควรมีเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบแบบแผน กระชับ และเข้าใจง่าย ผ่านบทเรียนส าเร็จรูป เพอให้เป็นไปตาม การจัดการื่ศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พทธศักราช ุ2545 หมวด 4 ด้านระบบการบริหารงานภายใน มาตรา 22 ยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพฒนาตนเองได้และถือัว่าผู้เรียนมีความส าคัญที่สุด โดยได้เป็นผู้น าเสนอ ปฏิบัติจริง เท่านั้นที่จะทราบข้อบกพร่องและรูปแบบหรือแนวทางการพฒนาการจัดการเรียนรู้ วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง การสื่อสารโดยตรงัภายใต้โครงการ TFE ในพนที่ด าเนินงานของ จากผู้บริหาร ระดับสูงถึงผู้ปฏิบัติงานระดับล่างื้ส านักศึกษาธิการภาค ๑๔ ความเห็นว่าการประเมินผลการปฏิบัติงานควรมีการ ประเมินจาก 3 ด้านด้วยกันคือ จากผู้บังคับบัญชา จากเพอนร่วมงาน จากผู้รับบริการ ื่ซึ่งจะก่อให้เกิด การยอมรับผลการประเมินมากขึ้น ข้อคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานไปพิจารณาหรือปรับปรุงพัฒนาระบบการท างาน เนื่องจากผู้โดยตรงโดยไม่ผ่านผู้บริหารระดับกลางและผู้บริหารระดับต้นจะ ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการสื่อสารและเป็นการสร้างขวัญและก าลังใจแก่ผู้ปฏิบัติที่สามารถเสนอ ความคดเห็นในงานที่ท าต่อิผู้บริหารระดับสูงได้ การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพอยกระดับผลื่การทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษามี อยู่ในระดับดีมาก การวิเคราะห์ความส าเร็จของการบริหารงานแบบมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ครั้งนี้ เป็นการวัดผล ในระดับของผลจากระบบ และกระบวนการ และการวัดปัจจัยส่งออก (Output) เท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากระยะเวลาในการด าเนินกิจกรรมการจัดบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นช่วงระยะเวลาที่ ไมมากนัก ่และยังไม่สามารถที่จะก าหนดได้อย่างชัดเจนว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการ บริหารงานคืออะไรแนวทางการวิเคราะห์ความส าเร็จดังกล่าวนี้ มีความสอดคล้องกับแนวทางการ วัดความส าเร็จของการบริหารงานในงานของ ทิพาวดี เมฆสวรรค์ (2543 : 3) ที่ได้ก าหนดการ ประเมินความส าเร็จของการจัดการความรู้ในองค์การชั้นน า 4 แห่งที่ ได้มีการด าเนินกิจกรรมการ จัดการความรู้ โดยมีการประเมินความส าเร็จใน 2 ระดับด้วยกันคือ ระบบกระบวนการ และปัจจัย ส่งออก เช่นเดียวกันกับการศึกษาในครั้งนี้
๔๐การบริหารแบบมุ่งผลสมฤทธิ์ด้วยนวัตกรรมบทเรียนส าเร็จรูป๑L๓R เพื่อยกระดับผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐานของโรงเรียนน้ าปลีกศึกษา ั
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: