1 ค่มู อื PLCการขบั เคลือ่ นกระบวนการ “ชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวิชาชพี ” สู่สถานศกึ ษา เอกสารกลมุ่ นเิ ทศ ศน. ท่ี 24/2563 กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 29 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
ก2 คำนำ ในยุคปัจจุบนั เป็นท่ีทราบกนั ดีแลว้ ว่า ในแตล่ ะชนั้ เรยี นจะมีนักเรยี นท่มี ีความสามารถที่หลากหลายและ แตกตา่ งกัน ดังพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทแ่ี กไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี2) พุทธศกั ราช 2545 มาตรา 10 ทร่ี ะบวุ า่ การจดั การศึกษาต้องจัดใหบ้ ุคคลมสี ิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ นอกจากนี้แล้วในมาตรา 22 ยังระบุถึงหลักการ จดั การศกึ ษาว่า ผูเ้ รยี นทุกคนสามารถเรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองได้ ต้องจัดการศึกษาทีพ่ ฒั นาผูเ้ รียน ตาม ธรรมชาติ และเต็มศักยภาพครูทุกคนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาวิธีการที่จะช่วยให้นักเรียน ทุก คนสามารถเรียนรู้ได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งนวัตกรรมที่ครูจะต้องทราบ คือ Professional Learning Community (PLC) โดยที่ PLC ย่อมาจาก Professional Learning Community ซงึ่ หมายถงึ Community of Practice (CoP) ในการทำหนา้ ท่คี รูน่นั เอง หรือกล่าวอีกนัยหนง่ึ เปน็ การรวมตัวกันทำงานไปพัฒนาทักษะและการเรียนรู้เพื่อปฏิบตั ิหนา้ ท่คี รเู พ่ือ ศษิ ย์ไป โดยรวมตัวกัน แลกเปลีย่ นเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ทำใหก้ ารทำหนา้ ที่ครูเพอ่ื ศษิ ย์เป็นการทำงาน เปน็ กลมุ่ หรือเป็นทมี ซ่ึงอาจเป็นทีมในโรงเรยี นเดียวกนั กไ็ ด้ ตา่ งโรงเรยี นกนั ก็ได้ หรืออาจจะอยู่หา่ งไกลกันก็ได้ โดยแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ผา่ น ICT คู่มือประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ” สู่สถานศึกษา มีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับทราบ นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การขับเคลื่อน PLC สู่สถานศึกษา และรับรู้แนวทาง วิธีการขับเคลื่อน กระบวนการ PLC และนำสู่การปฏิบตั ิในสถานศกึ ษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอขอบคณุ คณะทำงานทไี่ ด้ออกแบบการนำกระบวนการ PLC ไปใชใ้ นสถานศกึ ษาไว้ ณ โอกาสน้ี และ หวงั วา่ เอกสารนี้ คงเป็นประโยชนอ์ ย่างยง่ิ ต่อการศึกษา สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน
3 สารบญั ข เร่ือง หนา้ ก คำนำ ข สารบัญ สว่ นท่ี 1 1 2 ความเปน็ มาและความสำคญั 3 PLC คอื อะไร สำคัญอย่างไร 3 ชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี (PLC) มคี วามสำคญั อย่างไร 4 กลยทุ ธใ์ นการจัดการชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวิชาชีพ (PLC) 8 องคป์ ระกอบของชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวชิ าชีพ (PLC) 10 ประโยชนข์ องชมุ ชนการเรียนรู้ทางวชิ าชีพ (PLC) 10 ส่วนที่ 2 16 กระบวนการชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวิชาชพี PLC ส่สู ถานศึกษา 16 ส่วนท่ี 3 16 การขบั เคลอ่ื นกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) 17 ระดบั สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา 19 ระดบั สถานศึกษา 20 แบบบนั ทกึ Log Book แบบรายงานผลการดำเนินงาน PLC 27 ภาคผนวก 28 ภาคผนวก ก เอกสารอา้ งองิ ภาคผนวก ข คณะบรรณาธิการกจิ
1 ส่วนท่ี 1 บทนำ ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพ (Professional Learning Community) เป็นกระบวนการสรา้ งการ เปลยี่ นแปลงโดยเรียนรจู้ ากการปฏิบัตงิ านของกลมุ่ บุคคลทม่ี ารวมตัวกันเพ่ือทางานรว่ มกนั และสนับสนนุ ซ่ึงกัน และกนั โดยมวี ตั ถุประสงค์เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ของผู้เรียน ร่วมกันวางเปา้ หมายการเรียนรขู้ องผู้เรยี น และ ตรวจสอบ สะท้อนผลการปฏิบัติงานทั้งในส่วนบุคคลและผลท่ีเกิดขึ้นโดยรวมผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ การวิพากษ์วิจารณ์ การทางานร่วมกัน การร่วมมือรวมพลัง โดยมุ่งเน้นและส่งเสริมกระบวนการ เรียนรอู้ ย่างเปน็ องค์รวม โดยมกี ารดาเนนิ การอยา่ งนอ้ ย 5 ประการ ดงั น้ี 1) มีเปา้ หมายรว่ มกนั ในการจัดการเรยี นรู้/การพฒั นาผ้เู รยี นใหพ้ ฒั นาอยา่ งเต็มศกั ยภาพ 2) มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้จากหนา้ งาน/สถานการณจ์ รงิ ของช้นั เรียน 3) ทกุ ฝ่ายเกยี่ วข้องรว่ มเรยี นรู้และรวมพลงั /หนุนเสริมให้เกิดการสรา้ งความเปลี่ยนแปลงตามเป้าหมาย 4) มกี ารวิพากย์ สะท้อนผลการทางานพฒั นาผ้เู รียน และ 5) มีการสร้าง HOPE ให้ทมี งาน อันประกอบด้วย (1) honesty & humanity เปน็ การยดึ ขอ้ มลู จรงิ ที่เกดิ ขน้ึ และใหก้ ารเคารพกนั อยา่ งจริงใจ (2) option & openness เป็นการเลือกสรรส่ิงท่ีดีท่ีสุดให้ผู้เรียนและพร้อมเปิดเผย/เปิดใจ เรียนรู้จากผ้อู ่ืน (3) patience & persistence เปน็ การพัฒนาความอดทนและความมุง่ มนั่ ทุ่มเทพยายามจน เกดิ ผลชดั เจน (4) efficacy & enthusiasm เป็นการสร้างความเช่ือมั่นในผลของวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ เหมาะสมกับผู้เรียนว่าจะทาให้ผู้เรียนเรยี นรู้ และกระตือรอื ร้นท่ีจะพัฒนาตนเองอย่างเต็มท่ี (เรวดี ชัยเชาว รัตน์, 2558) คุณลักษณะสาคัญที่ทาให้เกิดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนใดมี PLC น้ันนอกจากจะต้อง ประกอบด้วยสมาชิกซ่ึงเป็นกลุ่มบุคคลดังที่กล่าวไปแล้วนั้น การรวมตัวกันของสมาชิกชุมชนการเรียนรู้ทาง วชิ าชีพยงั ตอ้ งประกอบดว้ ยคุณลกั ษณะสาคัญ โดยมกี ารกลา่ วถึงคุณลกั ษณะสาคัญทจ่ี ะทาให้เกิด PLC ไว้อยา่ ง หลากหลาย อยา่ งไรกต็ ามสามารถสรุปคุณลกั ษณะสาคญั ที่ทาให้เกดิ PLC ได้ 5 ประการ คอื 1) การมีบรรทัดฐานและค่านยิ มร่วมกนั (Shared values and vision) 2) การร่วมกันรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน (Collective responsibility for students learning) 3) การสืบสอบเพ่ือสะทอ้ นผลเชงิ วิชาชพี (Reflective professional inquiry) 4) การรว่ มมอื รวมพลงั (Collaboration) และ 5) การสนับสนุนการจัดลาดับโครงสร้างและความสัมพันธ์ของบุคลากร (Supportive conditions structural arrangements and collegial relationships) (Hord, Roussin & Sommers, 2009) นอกจากนี้การอบรม PLC ถือเป็นการพัฒนาบคุ ลากรโดยเร่ิมจากล่างข้ึนบน (Bottom Up) อยา่ ง แท้จริงแทนท่ีจะส่ังการจากส่วนบนลงมา ซึ่งส่ิงสาคัญที่สุดของการอบรม PLC อยู่ท่ีการเรียนรู้ (Learning) กล่าวคือ ผู้เข้าอบรมต้องรู้ว่าวันนีไ้ ด้เรียนรแู้ ละแบ่งปันความรู้อะไรบ้าง และจะทาอย่างไรให้ความร้จู ากการ อบรมส่งผลถึงคณุ ภาพการศึกษาของเด็ก
2 ดงั นัน้ เพอื่ ให้เกิดประโยชน์ และมีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ในสถานศึกษาได้อยา่ งเป็นรูปธรรม สานกั งาน เขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 จึงได้จัดทาคู่มือการขับเคล่ือนกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชีพ” สสู่ ถานศึกษา ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิในสถานศึกษาได้อย่าง มปี ระสทิ ธิภาพและพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาอย่างยั่งยืนตอ่ ไป PLC คืออะไร? สำคัญอยำ่ งไร? กำรสร้ำงชุมชนกำรเรยี นรู้ทำงวิชำชพี (PLC) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ในยคุ ปจั จุบันเปน็ ที่ทราบกันดแี ลว้ วา่ ในแตล่ ะชนั้ เรยี นจะมีนกั เรียนทีม่ คี วามสามารถท่ีหลากหลายและ แตกตา่ งกัน ดังพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่2) พทุ ธศักราช 2545 มาตรา 10 ทีร่ ะบวุ า่ การจดั การศกึ ษาต้องจัดให้บคุ คลมีสิทธิและโอกาสเสมอกนั ในการรบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน ไม่น้อยกว่าสิบสองปีท่ีรัฐต้องจัดให้อย่างท่ัวถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การจัดการศึกษาสาหรับ บคุ คลซึง่ มคี วามบกพรอ่ งทางร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ สงั คม การสือ่ สารและการเรยี นรู้หรือมรี า่ งกาย พิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพ่ึงตนเองได้หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคล ดงั กลา่ วมีสทิ ธแิ ละโอกาสไดร้ ับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานเป็นพเิ ศษ การศกึ ษาสาหรบั คนพิการในวรรคสอง ใหจ้ ดั ให้ ตง้ั แต่แรกเกิดหรอื พบความพกิ ารโดยไม่เสยี คา่ ใช้จ่ายและให้บคุ คลดังกลา่ วมีสทิ ธิไดร้ บั ความช่วยเหลอื อืน่ ใดทาง การศึกษา นอกจากน้ีแล้วในมาตรา 22 ยังระบุถึงหลักการจัดการศึกษาว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และ พฒั นาตนเองได้ ตอ้ งจดั การศึกษาที่พฒั นาผู้เรยี นตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ครูทกุ คนมีความจาเป็นอย่าง ยิ่งที่จะต้องแสวงหาวิธีการท่ีจะช่วยให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ ดังกล่าว ซ่ึงนวัตกรรมใหม่ท่ีครูจะต้องทราบคือ Professional Learning Community (PLC) โดยท่ี PLC ย่อ มาจาก Professional Learning Community ซ่งึ หมายถึง Community of Practice (CoP) ในการทาหน้าที่ ครูนั่นเอง หรือกลา่ วอกี นยั หนึง่ เป็นการรวมตวั กันทางานไปพฒั นาทักษะและการเรียนรู้เพื่อปฏบิ ัติหนา้ ท่ีครูเพ่ือ ศิษย์ไป โดยรวมตัวกัน แลกเปล่ียนเรียนรู้ จากประสบการณ์ตรง ทาให้การทาหน้าที่ครูเพื่อศิษย์เป็นการ ทางานเป็นกลุ่มหรือเป็นทีม ซ่ึงอาจเป็นทีมในโรงเรียนเดียวกันก็ได้ ต่างโรงเรียนกันก็ได้ หรืออาจจะอยู่ หา่ งไกลกันกไ็ ด้ โดย แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ผ่าน ICT กล่าวโดยสรุป PLC หมายถึง การรวมตัว ร่วมใจร่วมพลัง ร่วมทา และร่วมเรียนรู้ร่วมกันของครู ผู้บริหาร และนักการศึกษา บนพ้ืนฐานวฒั นธรรมความสัมพันธแ์ บบกัลยาณมิตร มีวิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมาย และภารกิจรว่ มกัน โดยทางานรว่ มกันแบบทีม เรยี นรู้ท่ีครูเปน็ ผนู้ าร่วมกนั และผู้บรหิ ารแบบผู้ดูแลสนับสนนุ สู่ การเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพเปลี่ยนแปลงคุณภาพตนเอง สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นความสาเร็จหรือ ประสิทธิผลของผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั และความสุขของการทางานร่วมกันของสมาชิกในชุมชนการเรยี นรู้
3 ชุมชนแหง่ กำรเรียนรทู้ ำงวิชำชพี (PLC) มีควำมสำคญั อยำ่ งไร? ความสาคัญของ PLC จากผลการวิจัยโดยตรงของที่ยืนยันว่าการดาเนินการในรูปแบบ PLC นาไปสู่ การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพท้ังด้านวิชาชีพและผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนจากการสังเคราะห์รายงานการวิจัย เก่ียวกับโรงเรียนท่ีมีการจัดต้ัง PLC โดยใช้คาถามว่า โรงเรียนดังกล่าวมีผลลัพธ์อะไรบ้าง ท่ีแตกต่างไปจาก โรงเรยี นท่ัวไปทีไ่ มม่ ีชมุ ชนแหง่ วชิ าชีพ และถ้าแตกต่างแล้วจะมีผลดีต่อครูผู้สอนและตอ่ นักเรียนอย่างไรบ้างซ่ึงมี ผลสรปุ 2 ประเดน็ ดังนี้ ประเด็นท่ี 1 ผลดีต่อครูผู้สอนพบว่า PLC ส่งผลต่อครูผู้สอนกล่าวคือลดความรู้สึกโดดเดี่ยวงานสอน ของครู เพ่ิมความรู้สึกผูกพันต่อพันธกิจและเป้าหมายของโรงเรียนมากขึ้น โดยเพ่ิมความกระตือรือร้นที่จะ ปฏิบัติให้บรรลุพันธกิจอย่างแข็งขัน จนเกิดความรู้สึกว่า ต้องการร่วมกันเรียนรู้และรับผิดชอบต่อพัฒนาการ โดยรวมของนกั เรยี นถือเป็นพลงั การเรยี นรซู้ ่ึงสง่ ผลใหก้ ารปฏบิ ตั ิการสอนในช้ันเรียนใหม้ ผี ลดียง่ิ ข้ึน มกี ารค้นพบ ความรู้ และความเชื่อที่เกี่ยวกับวธิ กี ารสอนและตัวผู้เรียน อกี ท้ังการรบั ทราบข้อมูลสาระสนเทศต่างๆ ที่จาเป็น ต่อวชิ าชพี ไดอ้ ยา่ งกว้างขวาง และรวดเร็วขนึ้ สง่ ผลดีตอ่ การปรับปรุงพฒั นางานวชิ าชีพได้ตลอดเวลา เปน็ ผลให้ เกิดแรงบันดาลใจท่ีจะพัฒนาและอุทิศตนทางวิชาชีพเพื่อศิษย์ ซ่ึงเป็นท้ังคุณค่าและขวัญกาลังใจต่อการ ปฏิบัติงานใหด้ ียิง่ ขึน้ ประเด็นที่ 2 ผลดีต่อผู้เรียนพบวา่ PLC ส่งผลต่อผู้เรียนกล่าว คือ สามารถลดอัตราการตกซ้าชั้น และ จานวนชัน้ เรียนท่ีตอ้ งเลือ่ นหรือชะลอการจัดการเรยี นรใู้ ห้น้อยลง อตั ราการขาดเรียนลดลงมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์และวิชาการอ่านที่สูงข้ึนอย่างเด่นชัด เมื่อเทียบกับโรงเรียนแบบเก่า มี ความแตกต่างด้านผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นระหว่างกลุ่มนกั เรยี นท่มี ีภมู ิหลงั ไมเ่ หมอื นกนั และลดลงชดั เจน กลยทุ ธ์ในกำรจัดกำรและใช้ชมุ ชนแห่งกำรเรยี นทำงรู้วชิ ำชพี (PLC) อยำ่ งย่ังยืนเปน็ อยำ่ งไร? 1. เร่ิมต้นด้วยข้ันตอนง่ำยๆ (Take a baby steps) โดยเริ่มต้นจากการกาหนดเป้าหมาย อภิปราย สะท้อนผล แลกเปลยี่ นกบั คนอื่นๆ เพ่ือกาหนดวา่ จะดาเนินการอย่างไร โดยพิจารณาและสะทอ้ นผลในประเด็น ต่อไปน้ี 1.1 หลกั การอะไรท่จี ะสร้างแรงจูงใจในการปฏิบตั ิ 1.2 เราจะเรม่ิ ตน้ ความรใู้ หมอ่ ยา่ งไร 1.3 การออกแบบอะไรท่พี วกเราควรใช้ในการตรวจสอบหลักฐานของการเรียนรู้ที่สาคัญ 2. กำรวำงแผนด้วยควำมร่วมมือ (Plan Cooperatively) สมาชกิ ของกลุม่ กาหนดสารสนเทศทีต่ ้อง ใช้ในการดาเนนิ การ 3. กำรกำหนดควำมคำดหวังในระดับสูง (Set high expectations) และวิเคราะห์การสอนสืบ เสาะหาวธิ ีการท่จี ะทาให้ประสบผลสาเรจ็ สงู สุด 3.1 ทดสอบข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการสอนหลังจากได้มีการจัดเตรียมต้นแบบที่เป็นการ วางแผนระยะยาว (Long-term) 3.2 จัดให้มีชว่ งเวลาของการช้แี นะ โดยเน้นการนาไปใช้ในชนั้ เรยี น 3.3 ให้เวลาสาหรับครูท่ีมีความยุ่งยากในการสังเกตการณ์ปฏิบัติในชั้นเรียนของครูท่ีสร้าง บรรยากาศในการเรยี นรอู้ ย่างประสบผลสาเรจ็ 4. เรม่ิ ตน้ จำกจุดเลก็ ๆ (Start small) เริม่ ต้นจากการใช้กลมุ่ เล็กๆ กอ่ น แลว้ คอ่ ยปรบั ขยาย 5. ศึกษำและใช้ข้อมูล (Study and use the data) ตรวจสอบผลการนาไปใช้และการสะท้อนผล เพื่อนามากาหนดวา่ แผนไหน ควรใชต้ ่อไป/แผนไหนควรปรบั ปรงุ หรอื ยกเลิก
4 6. วำงแผนเพื่อควำมสำเร็จ (Plan for success) เรียนรู้จากอดีต ปรับปรุงหรือปฏิเสธในส่ิงท่ีไม่ สาเร็จ และทาตอ่ ไป ความสาเรจ็ ในอนาคต หรือความลม้ เหลวขนึ้ อยูก่ บั เจตคติและพฤตกิ รรมของครู 7. นำสู่สำธำรณะ (Go public) แผนไหนท่สี าเรจ็ ก็จะมกี ารเชิญชวนให้คนอืน่ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มยกย่อง และแลกเปลย่ี นความสาเร็จ 8. ฝึกฝนร่ำงกำยและหล่อเลย้ี งสมอง (Exercise the body & nourish the brain) จัดกิจกรรม ทีไ่ ด้มกี ารเคล่ือนไหวและ เตรยี มครทู ่ที างานสาเร็จของแต่ละกลมุ่ โดยมกี ารจดั อาหาร เครอ่ื งดื่มทม่ี ีประโยชน์ ลาดับต่อไปจะได้กล่าวถึงเทคนิคที่ใช้ในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนทางรู้วิชาชีพ (PLC) ที่สามารถ นามาใช้เป็นแนวทางสาหรบั การสร้างการแลกเปลีย่ นเรียนรภู้ ายในกล่มุ ผ้ทู ี่เขา้ มามีสว่ นรว่ มได้… ระบคุ วามต้องการของผเู้ รยี น และความสาคัญ สะท้อนผลการทางานและพิจารณา ครรู ว่ มการวางแผนการ แนวทางที่เหมาะสมกบั ผูเ้ รียน เรยี นรู้และทดลองใช้ ศกึ ษาแนวทางวธิ กี ารสอน ตรวจสอบแผนและ และทดลองใช้วิธีการใหม่ กระบวนการนาไปใช้ ปรบั ปรุงแกไ้ ขบน พ้นื ฐานของข้อมลู วงจรกำรสร้ำงชมุ ชนกำรเรยี นรู้ทำงวิชำชพี ดัดแปลงจาก: Luis Martinez อา้ งถงึ ใน Hord, Roussin&Sommers, 2010 องคป์ ระกอบของชมุ ชนกำรเรยี นร้ทู ำงวชิ ำชพี ในบรบิ ทสถำนศกึ ษำ PLC ในระดับสถานศึกษา หรือ ระดับผู้ประกอบวิชาชีพ นาเสนอเป็นองค์ประกอบของ PLC ที่มาจากข้อมูลท่ีรวบรวมและ วิเคราะห์จากเอกสารทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศนาเสนอเป็น 6 องค์ประกอบของ PLC ในบริบทสถานศึกษา ซึ่งประกอบด้วย วิสัยทัศน์ร่วมทีมร่วมแรงร่วมใจ ภาวะผู้นารว่ ม การเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพ ชุมชนกัลยาณมิตร และโครงสร้างสนับสนุน ชุมชนนาเสนอจาก การสงั เคราะหแ์ นวคดิ ตา่ งๆ และรายละเอยี ดต่อไปน้ี
5 องค์ประกอบที่ 1 วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision) วิสัยทัศน์ร่วมเป็นการมองเห็นภาพ เปา้ หมาย ทศิ ทาง เส้นทาง และสงิ่ ท่ีจะเกดิ ข้นึ จริง เปน็ เสมอื นเขม็ ทิศในการขับเคลือ่ น PLC ทม่ี ที ศิ ทางร่วมกัน โดยมีวสิ ยั ทัศน์เชิงอุดมการณท์ างวิชาชพี ร่วมกนั (Sergiovanni, 1994) คอื พัฒนาการการเรยี นรู้ของผู้เรียนเป็น ภาพความสาเร็จที่มุ่งหวังในการนาทางร่วมกัน (Hord, 1997) อาจเป็นการมองเริ่มจากผู้นาหรือกลุ่มผู้นาที่มี วิสัยทัศน์ทาหน้าท่ีเหน่ียวนาให้ผู้ร่วมงานเห็นวิสัยทัศน์น้ันร่วมกัน หรือการมองเห็นจากแต่ละปัจเจกท่ีมี วิสัยทศั น์เหน็ ในสง่ิ เดยี วกนั วสิ ัยทัศน์รว่ มมลี กั ษณะสาคัญ 4 ประการ (4 Shared) มีรายละเอียดสาคัญ ดงั น้ี 1) การเห็นภาพและทิศทางร่วม (Shared Vision) จากภาพความเช่ือมโยงให้เห็นภาพ ความสาเรจ็ ร่วมกนั ถงึ ทิศทาง สาคญั ของการทางานแบบมอง “เห็นภาพเดยี วกัน” (Hord, 1997; Hargreaves, 2003) 2) เป้าหมายร่วม (Shared Goals) เป็นท้ังเป้าหมาย ปลายทาง ระหว่างทาง และเป้าหมาย ชีวิตของสมาชิกแต่ละคนที่ สมั พนั ธก์ นั กบั เป้าหมายร่วมของชุมชนการเรียนรู้ฯ ซ่งึ เป็นความเชื่อมโยงให้เห็นถึง ทิศทางและเป้าหมายในการทางานร่วมกัน โดยเฉพาะเป้าหมายสาคัญคือพัฒนาการการเรียนรู้ของผู้เรียน (Hargreaves, 2003; Schmoker, 2004; DuFour, 2006) 3) คุณค่าร่วม (Shared Values) เป็นการเห็นท้ังภาพเป้าหมาย และที่สาคัญเม่ือเห็นภาพ ความเช่ือมโยงแล้ว ภาพดังกล่าวมีอิทธิพลกับการตระหนักถึงคุณค่าของตนเองและของ งานจนเช่ือมโยงเป็น ความหมายของงานที่เกิดจากการตระหนัก รู้ของสมาชิกใน PLC จนเกิดเป็นพันธะสัญญาร่วมกัน ร่วมกัน หลอมรวมเป็น “คุณค่าร่วม” ซึ่งเป็นขุมพลังสาคัญท่ีจะเกิดพลังในการไหลรวมกันทางานในเชิงอุดมการณ์ทาง วิชาชพี รว่ มกัน (Hord, 1997; DuFour, 2006; Hargreaves, 2003) 4) ภารกิจร่วม (Shared Mission) เป็นพันธกิจแนวทางการปฏิบัติร่วมกันเพ่ือให้บรรลุตาม เป้าหมายรว่ ม รวมถึงการ เรียนรู้ของครใู นทุกๆ ภารกจิ ส่งิ สาคัญคอื การปฏิรปู การเรียนรู้ ที่มุ่งการเรียนรู้ของ ผเู้ รียนเป็นหัวใจสาคญั (Hord, 1997) โดยการเรม่ิ จากการรับผิดชอบในการพัฒนาวิชาชีพเพื่อศิษย์ร่วมกันของ ครู (Louis & Kruse, 1995; Senge, 2000; DuFour, 2006) องค์ประกอบท่ี 2 ทีมร่วมแรงร่วมใจ (Collaborative Teamwork) ทีมร่วมแรงร่วมใจ เป็นการพัฒนามาจากกลุ่มที่ทางาน ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ลกั ษณะการทางานร่วมกันแบบมวี ิสยั ทัศน์ คณุ ค่า เปา้ หมาย และพนั ธกจิ ร่วมกนั ด้วยใจ จนเกดิ เจตจานงในการทางานรว่ มกนั อย่างสร้างสรรค์ เพ่ือให้ บรรลุผลที่ การเรียนรู้ของผู้เรียน (Louis, Kruse, & Marks, 1996) การเรียนรู้ของทีม และการเรียนรู้ของครู บนพื้นฐาน งานท่ีมี ลักษณะต้องมีการคดิ ร่วมกนั วางแผนร่วมกนั ความเขา้ ใจร่วมกัน ข้อตกลงร่วมกนั การตดั สินใจร่วมกัน แนวปฏิบัติร่วมกัน การประเมินผลรว่ มกัน และการรบั ผิดชอบร่วมกัน จากสถานการณ์ ท่ีงานจริงถือเป็นโจทย์ ร่วม (Hargreaves, 2003; Stoll & Louis, 2007) ให้เห็นและรู้เหตุปัจจัย กลไกในการทางานซ่ึงกันและกัน แบบละวางตวั ตนใหม้ ากที่สุด (There’s no I in team) (DuFour, 2006) จนเหน็ และรู้ความสามารถของแต่ละ คนร่วมกนั เหน็ และรบั ร้ถู ึงความรสู้ กึ รว่ มกันในการทางานจนเกดิ ประสบการณ์หรือความสามารถในการทางาน และพลังในการร่วมเรียนรู้ ร่วมพัฒนาบนพื้นฐานของพันธะร่วมกันท่ีเน้นความสมัครใจ และการส่ือสารที่มี คณุ ภาพบนพ้ืนฐานการรบั ฟังและความไวว้ างใจซง่ึ กันและกัน อยา่ งไรกต็ ามการท่ี PLC เน้นการขบั เคลื่อน ด้วย การทางานแบบทีมร่วมแรงรว่ มใจ ทที่ าให้ลงมอื ทาและเรียนรู้ ไปดว้ ยกันดว้ ยใจอยา่ งสร้างสรรค์ต่อเนื่องน้นั ซงึ่ มีลักษณะพิเศษของการรวมตัวที่เหนียวแน่นจากภายใน นั้นคือการเป็น กัลยาณมิตร ทาให้เกิดทีมใน PLC อยู่ร่วมกันด้วยความสัมพันธ์ ท่ีต่างช่วยเหลือเก้ือกูล ดูแลซึ่งกัน จึงทาให้การทางานเต็มไปด้วยบรรยากาศที่มี ความสุข ไม่โดดเด่ียว (Sergiovanni, 1994; Fullan, 1999) ซ่ึงรูปแบบของทีมจะมีเป็นเช่นไรนั้นข้ึนอยู่กับ เป้าประสงค์ หรือพันธกิจในการดาเนินการของชุมชนการเรยี นรู้ เช่น ทีมร่วม สอน ทีมเรียนรู้ และกลุ่มเรยี นรู้ เป็นต้น (วจิ ารณ์ พานิช, 2554; Olivier &Hipp, 2006; Little & McLaughlin, 1993)
6 องค์ประกอบที่ 3 ภำวะผู้นำร่วม (Shared Leadership) ภาวะผู้นาร่วมใน PLC มีนัยสาคัญ ของการผู้นารว่ ม 2 ลกั ษณะสาคัญ คอื ภาวะผู้นาผู้สรา้ งให้เกดิ การนาร่วม และภาวะ ผู้นาร่วมกนั ให้เปน็ PLC ทขี่ ับเคลอื่ นด้วยการนาร่วมกัน รายละเอียดดังน้ี 1) ภาวะผู้นาผู้สร้างให้เกิดการนาร่วมเป็นผู้นาท่ีสามารถทาให้สมาชิกใน PLC เกิดการเรียนรู้ เพ่ือการเปล่ียนแปลงท้ัง ตนเองและวิชาชีพ (Kotter& Cohen, 2002) จนสมาชิกเกิดภาวะผู้นาในตนเองและ เป็นผู้นาร่วมขับเคล่ือน PLC ได้โดยมี ผลมาจากการเสริมพลังอานาจจากผู้นาทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการเป็นผูน้ าท่เี รมิ่ จากตนเองก่อนดว้ ยการลงมือทางาน อยา่ งตระหนักรู้ และใส่ใจให้ความสาคัญกับ ผู้ร่วมงานทุกๆ คน (Olivier &Hipp, 2006) จนเป็นแบบที่มีพลังเหนี่ยวนาให้ ผู้ร่วมงานมีแรงบันดาลใจและมี ความสุขกับการทางานด้วยกัน อย่างวิสัยทัศน์ร่วม (Hargreaves, 2003) รวมถึงการนาแบบไม่นา โดยทา หนา้ ทผี่ ู้สนบั สนนุ และเปิดโอกาสให้สมาชิกเตบิ โตดว้ ยการสร้างความเปน็ ผ้นู ารว่ ม ผู้นาทจ่ี ะสามารถสร้างให้เกิด การนาร่วมดังกล่าวควรมีคุณลักษณะสาคัญ ดังน้ี มีความสามารถในการลงมือทางานร่วมกัน การเข้าไปอยู่ใน ความรู้สึกของผู้อ่ืนได้ การตระหนักรู้ในตนเอง ความเมตตากรุณา การคอยดูแลช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน การโค้ช ผู้ร่วมงานได้ การสร้างมโนทัศน์ การมวิสัยทัศน์การมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทต่อการเติบโตของผู้อื่น เป็นต้น (Thompson, Gregg, &Niska, 2004) 2) ภาวะผ้นู ารว่ มกนั เปน็ ผู้นารว่ มกนั ของสมาชกิ PLC ด้วยการกระจายอานาจ เพิม่ พลังอานาจ ซงึ่ กันและกนั ใหส้ มาชกิ มีภาวะผู้นาเพ่มิ ขึ้น จนเกดิ เป็น “ผนู้ ารว่ มของครู” (Hargreaves, 2003) ในการขับเคล่อื น PLC มงุ่ การพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ โดยยดึ หลกั แนวทางบริหารจัดการร่วม การสนบั สนุน การกระจายอานาจ การสรา้ งแรงบันดาลใจของครู โดยครูเป็นผู้ลงมอื กระทา หรอื ครูทาหนา้ ที่เปน็ “ประธาน” เพื่อสร้างการเปลยี่ นแปลงการจัดการเรียนรไู้ มใ่ ช่ “กรรม” หรอื ผู้ถกู กระทา และผู้ถูกให้กระทา(วิจารณ์ พานิช, 2554 ซงึ่ ผูน้ าร่วมจะเกดิ ข้นึ ไดด้ เี ม่ือมีบรรยากาศส่งเสริมให้ครูสามารถแสดงออกดว้ ย ความเต็มใจ อิสระปราศจาก อานาจครอบงาที่ขาดความเคารพ ในวชิ าชีพ แตย่ ดึ ถอื ปฏิบัติรว่ มกันใน PLC นัน่ คือ “อานาจทาง วชิ าชีพ” (Hargreaves, 2003) เปน็ อานาจเชิงคุณธรรมท่ีมขี ้อปฏิบัติท่มี าจากเกณฑแ์ ละมาตรฐานทเ่ี ห็นพอ้ งตรงกนั หรือ กาหนดรว่ มกนั เพอ่ื ยึดถอื เป็นแนวทางรว่ มกนั ของผ้ปู ระกอบชาชพี ครูทั้งหลายใน PLC (Thompson etal.,2004) กลา่ วโดยสรุป คือ ภาวะผ้นู ารว่ มดังทกี่ ล่าวมา มหี ัวใจสาคัญคอื นาการเรยี นรูเ้ พ่ือการ เปลี่ยนแปลงตนเองของแต่ละคน ทัง้ สมาชิก และผู้นาโดยตาแหนง่ เมือ่ ใดทีบ่ ุคคลนัน้ เกดิ การเรียนรู้ ท้ังดา้ นวิชาชีพ และชวี ิตจนเกดิ พลังการเปลยี่ นแปลงท่ีสง่ ผลต่อ ความสขุ ในวชิ าชพี ของตนเองและผอู้ ืน่ ภาวะผ้นู าร่วมจะเกิดผล ต่อความเป็น PLC องค์ประกอบท่ี 4 กำรเรีย นรู้และกำรพัฒนำวิชำชีพ ( Professional learning and development) การเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพใน PLC มีจุดเน้นสาคัญ 2 ด้าน คือ การเรียนรู้เพื่อพัฒนา วิชาชพี และการเรยี นรูเ้ พือ่ จติ วิญญาณความเป็นครู รายละเอยี ดดงั นี้ 1) การเรยี นรู้เพอ่ื พัฒนาวชิ าชพี หวั ใจสาคัญการเรียนรู้ บนพื้นฐานประสบการณ์ตรงในงานท่ีลงมือ ปฏบิ ตั จิ รงิ ร่วมกันของ สมาชิก จะมีสดั ส่วนการเรียนรู้มากกว่าการอบรมจากหนว่ ยงาน ภายนอก อ้างถงึ แนวคิด ของ Dale (1969) แนวคดิ กรวย ประสบการณ์ (Cone of Experience) ยืนยันอย่างสอดคล้อง ว่าการเรียนรผู้ า่ น ประสบการณ์ตรงจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการเรียนรู้ได้มากท่ีสุด ด้วยบริบท PLC ที่มีการ ทางานร่วมกันเป็นทีม (Sergiovanni, 1994) จึงทาให้การเรียน รู้จากโจทย์และสถานการณ์ท่ีครูจะต้องจัดการ เรยี นรูท้ ย่ี ึดผเู้ รยี นเป็นสาคญั เป็นการร่วมเห็น รว่ มคิด รว่ มทา รว่ มรบั ผดิ ชอบ (Dufour, 2006) ทาให้บรรยากาศ การพัฒนาวิชาชีพของครูรู้สึก ไม่โดดเด่ียว คอยสะท้อนการเรียนรู้และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกัน ถือเป็นพ้ืนท่ีการ เรียนรู้ร่วมกันทใี่ ช้วธิ กี ารที่หลากหลาย เช่น สะท้อนการเรยี นรู้ สุนทรียะสนทนา การเรียนรสู้ ืบเสาะแสวงหา การ
7 สร้างมโนทัศน์ ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ การคิดเชิงระบบ การ สร้างองค์ความรู้ การเรียนรู้บนความเข้าใจการ ทางานของสมอง และการจดั การความรู้ เป็นต้น (สุรพล ธรรมรม่ ดี และคณะ, 2553; Stoll & Louis, 2007) 2) การเรียนรู้เพื่อจิตวิญญาณความเป็นครู เป็นการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาตนเองจากข้างใน หรือ วุฒิ ภาวะความเป็นครู ให้เป็นครูที่สมบูรณ์ โดยมีนัยยะสาคัญคือ การเรียนรูต้ นเอง การ รู้จักตนเองของครู เพ่ือที่จะ เข้าใจมิติของผู้เรียนท่ีมากกว่าความรู้ แต่เป็นมิติของความเป็นมนุษย์ ความฉลาดทางอารมณ์ เมื่อครูมี ความ เข้าใจธรรมชาติตนเองแล้ว จึงสามารถมองเห็นธรรมชาติของ ศิษย์ตนเองอย่างถ่องแท้ จนสามารถสอน หรือ จัดการเรียนรู้โดยยึด การเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสาคัญได้ รวมถึงการเรียนรู้ร่วมกันของ สมาชิกในชุมชน (Hargreaves, 2003) ท่ีต้องอาศัยการตระหนักรู้ สติ การฟัง การใคร่ครวญ เป็นต้น จิตท่ีสามารถเรียนรู้และเป็น ครู ไดอ้ ย่างแท้จรงิ นนั้ จะเป็นจิตท่ีเต็มไปด้วยความรัก ความเมตตา การ กรุณา และความออ่ นน้อม เห็นศิษยเ์ ป็น ครู เห็นตนเองเป็นผู้เรยี นรู้ มีพลังเรียนรู้ในทุกสถานการณ์ที่เกิดข้ึน โดยใช้วิธีการท่ีหลากหลาย เช่น การเรียนรู้ เพอื่ การเปลย่ี นแปลง การเรยี นรู้อยา่ งใคร่ครวญ และการฝกึ สติ เปน็ ตน้ (สรุ พล ธรรมร่มดี และคณะ, 2553) กล่าวโดยสรุปการเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพของ PLC น้ันมีหัวใจสาคัญคือการเรียนรู้ร่วมกัน อย่างมีความสุขของ ทีมเรียนรู้ เป็นบรรยากาศท่ีเปิดพืน้ ที่การเรียนรู้แบบนาตนเอง ของครูเพ่ือการเปล่ียนแปลง พัฒนาตนเองและวิชาชพี อย่างตอ่ เน่ืองเปน็ สาคัญ องค์ประกอบท่ี 5 ชุมชนกัลยำณมิตร (Caring community) กลุ่มคนท่ีอยู่ร่วมโดยมีวิถีและ วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน ในชุมชน มีคุณลักษณะคือ มุ่งเน้นความเป็นชุมชนแห่งความสุข สุขท้ังการทางานและ การอยรู่ ว่ มกันทม่ี ลี ักษณะวฒั นธรรมแบบ “วัฒนธรรมแบบเปิดเผย” ที่ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความ คดิ เห็น ของตนเป็นวิถีแห่งอิสรภาพ และเป็นพื้นท่ีให้ความรู้สึก ปลอดภัย หรือปลอดการใช้อานาจกดดัน บนพ้ืนฐาน ความไวว้ างใจ เคารพซึ่งกันและกนั มจี รยิ ธรรมแหง่ ความเอ้ืออาทรเป็นพลังเชงิ คณุ ธรรม คุณงามความดีที่สมาชิก ร่ ว ม กั น ท า ง า น แ บ บ อุ ทิ ศ ต น เ พื่ อ วิ ช า ชี พ โ ด ย มี เ จ ต ค ติ เ ชิ ง บ ว ก ต่ อ ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ ผู้ เ รี ย น ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ Sergiovanni(1994) ท่ีว่า PLCเป็นกลุ่มที่มีวิทยสัมพันธ์ต่อกัน เป็นกลุ่มที่เหนียวแน่นจากภายใน ใช้ความเป็น กลั ยาณมิตรเชิงวชิ าการตอ่ กนั ทาให้ลดความโดดเดี่ยวระหว่าง ปฏิบตั งิ านสอนของครู เชือ่ มโยงปฏิสมั พันธก์ ันทั้ง ในเชงิ วชิ าชพี และชวี ติ มีความศรทั ธารว่ ม อยูร่ ว่ มกนั แบบ “สังฆะ” ถือศีล หรือ หลกั ปฏิบตั ริ ่วมกนั โดยยึดหลัก พรหมวิหาร 4 เมตตา กรณุ า มฑุ ิตา อเุ บกขา เปน็ ชุมชนท่ียดึ หลักวนิ ยั เชิงบวก เชื่อมโยงการพัฒนา PLC ไปกบั วิถี ชีวิตตนเองและวถิ ีชีวิตชุมชนอันเป็นพน้ื ฐานสาคัญของ สังคมฐานการพึ่งพาตนเอง (สุรพล ธรรมร่มดี และคณะ, 2553) มีบรรยากาศของ “วฒั นธรรมแบบเปิดเผย” ทุกคนมีเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นของตน เป็นวิถแี ห่ง อิสรภาพ ยึดความสามารถ และสร้างพื้นท่ีปลอดการใช้อานาจกดดัน (Boyd, 1992) ดังกล่าวนี้ สามารถขยาย กรอบใหก้ วา้ งขวางออกไปจนถึงเครือข่ายที่สัมพนั ธ์ กับชุมชนตอ่ ไป องค์ประกอบที่ 6 โครงสร้ำงสนับสนุนชุมชน (Supportive structure)โครงสร้างท่ีสนับสนนุ การก่อเกิดและคงอยู่ของ PLC มีลักษณะ ดังนี้ ลดความเป็นองค์การท่ียึดวัฒนธรรมแบบราชการ หันมาใช้ วัฒนธรรมแบบกัลยาณมิตรทางวชิ าการแทน และเป็น วัฒนธรรมทสี่ ่งเสริมวิสัยทัศน์ การดาเนินการท่ีต่อเนื่อง และ มุ่งความย่ังยืน จัดปัจจัยเงื่อนไขสนับสนุนตามบริบทชุมชนมี โครงสร้างองค์การแบบไม่รวมศูนย์ (Sergiovanni, 1994) หรือ โครงสร้างการปกครองตนเองของชุมชน เพ่ือลดความขัดแย้ง ระหว่างครู ผปู้ ฏิบตั ิงานสอนกบั ฝา่ ยบริหารให้น้อยลง มกี ารบริหาร จดั การ และการปฏิบตั งิ านในสถานศกึ ษาที่เนน้ รูปแบบ ทีมงาน เปน็ หลกั (Hord, 1997) การจดั สรรปัจจัยสนับสนุนให้เอ้อื ต่อการดาเนินการของ PLC เช่น เวลา วาระ สถานท่ี ขนาดชั้นเรียน ขวัญ กาลังใจ ข้อมูลสารสนเทศ และอื่นๆ ที่ตามความจาเป็นและบริบท ของแต่ละ ชุมชน (Boyd, 1992) โดยเฉพาะการเอาใจใส่สิ่งแวดล้อม ให้เกิดบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรยี นรูแ้ ละอย่รู ว่ มกัน อย่างมี ความสุข (สุรพล ธรรมร่มดี และคณะ, 2553) มีรูปแบบการ ส่ือสารด้วยใจ เปิดกว้างให้พื้นท่ีอิสระใน
8 การสร้างสรรค์ของชุมชน เน้นความคล่องตัวในการดาเนนิ การจัดการกับเง่ือนไขความ แตกแยก และมีระบบ สารสนเทศของชุมชนเพอื่ การพฒั นาวชิ าชพี (Eastwood & Louis, 1992) กล่าวโดยสรุปทัง้ 6 องค์ประกอบของ PLC ในบริบท สถานศกึ ษา กลา่ วคือ เอกลกั ษณ์สาคัญของ ความเป็น PLC แสดงให้เห็นว่าความเป็น PLC จะทาให้ความเป็น “องค์กร” หรือ “โรงเรียน” มีความหมายที่ การพัฒนาการเรยี นรูข้ องผู้เรยี นอยา่ งแท้จรงิ ซึง่ เปน็ หวั ใจสาคัญของ PLC ดว้ ยกลยุทธ์การสร้างความ ร่วมมือที่ ยึดเหนี่ยวกันด้วยวิสัยทัศน์รว่ ม มุ่งการเรียนร้ขู องผู้เรียน การเรียนรแู้ ละพัฒนาวิชาชีพ และชุมชนกัลยาณมิตร แสดงถึงการ รวมพลังของครูและนักการศึกษา ท่ีเป็นผู้นาร่วมกัน ทางานร่วมกัน แบบทีมร่วมแรงร่วมใจ มุ่ง เรยี นรู้เพ่อื พฒั นาตนเอง พฒั นาวชิ าชพี ภายใต้โครงสร้างอานาจทางวิชาชพี และอานาจเชงิ คุณธรรม ทีม่ าจาก การร่วมคิด ร่วมทา ร่วมนา ร่วมพัฒนาของครู ผบู้ ริหาร นกั การศึกษาภายใน PLC ท่ีส่งถงึ ผู้เก่ียวข้องต่อไป ประโยชนข์ องชมุ ชนแห่งกำรเรยี นรู้ทำงวิชำชีพในสถำนศึกษำ S.M. Hord. (1997) ได้ทาการสังเคราะห์รายงานการวิจัยเกี่ยวกับโรงเรียนที่มีการจัดต้ังชุมชน แห่งวิชาชีพ โดยใช้คาถามว่า โรงเรียนดังกล่าวมีผลลัพธ์อะไรบ้างท่ีแตกต่างไปจากโรงเรียนทั่วไปที่ไม่มีชุมชน แห่งวิชาชีพ และถ้าแตกต่างแล้วจะมีผลดีต่อครูผู้สอนและต่อนักเรียนอย่างไรบ้าง ได้ผลสรุปเป็นประเด็น ยอ่ ยๆ ดังน้ี ประโยชน์ต่อครูผสู้ อน - ลดความรสู้ กึ โดดเด่ยี วในงานสอนของครลู ง - เพิ่มความรู้สกึ ผูกพนั ตอ่ พันธกิจและเปา้ หมายของโรงเรียนมากขึ้น โดยเพมิ่ ความกระตือรือร้นที่ จะปฏิบตั ิให้บรรลพุ ันธกจิ อย่างแขง็ ขนั - รู้สึกว่าต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อพัฒนาการโดยรวมของนักเรียน และร่วมกันรับผิดชอบเป็น กลุม่ ตอ่ ผลสาเรจ็ ของนกั เรียน - รู้สึกเกิดสิ่งท่ีเรียกว่า “พลังการเรียนรู้ (Powerful learning)” ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติการ สอนในช้ันเรยี นของตนมผี ลดยี ิ่งข้นึ กล่าวคือ มกี ารค้นพบความรแู้ ละความเชื่อใหมๆ่ ทีเ่ ก่ียวกับวธิ ีการสอน และตวั ผเู้ รียนซึง่ ตนไม่เคยสังเกตหรอื สนใจมาก่อน - เขา้ ใจในด้านเน้ือหาสาระท่ตี ้องทาการสอนได้แตกฉานยง่ิ ข้ึน และรู้วา่ ตนเองควรแสดงบทบาท และพฤติกรรมการสอนอยา่ งไร จึงจะช่วยให้นักเรียนเกดิ การเรยี นร้ไู ด้ดที ีส่ ดุ ตามเกณฑ์ทคี่ าดหมาย - รับทราบขอ้ มูลสารสนเทศต่างๆ ทีจ่ าเป็นตอ่ วิชาชพี ได้อยา่ งกวา้ งขวางและรวดเรว็ ขนึ้ สง่ ผลดี ต่อการปรับปรงุ พัฒนางานวิชาชีพของตนได้ตลอดเวลา ครเู กดิ แรงบนั ดาลใจที่จะสรา้ งแรงบนั ดาลใจต่อการ เรียนรูใ้ ห้แก่นักเรียนตอ่ ไป - เพิ่มความพึงพอใจ เพิ่มขวัญกาลังใจต่อการปฏิบัติงานสูงขึ้น และลดอัตราการลาหยุดงาน นอ้ ยลง - มีความก้าวหน้าในการปรบั เปล่ียนวธิ ีสอน ให้สอดคล้องกับลักษณะผู้เรยี นได้อย่างเด่นชัด และ รวดเร็วกวา่ ที่พบในโรงเรียนแบบเก่า - มคี วามผูกพันท่จี ะสรา้ งการเปลยี่ นแปลงใหมๆ่ ให้ปรากฏอยา่ งเด่นชัดและยงั่ ยนื - มีความประสงคท์ ่จี ะทาให้เกิดการเปลยี่ นแปลงอยา่ งเป็นระบบ ต่อปัจจยั พ้ืนฐานด้านตา่ งๆ ประโยชน์ตอ่ นักเรยี น - ลดอตั ราการตกซา้ ช้นั และจานวนชน้ั เรยี นทีต่ ้องเลอ่ื นหรือชะลอการสอนให้นอ้ ยลง - อัตราการขาดเรียนลดลง
9 - มผี ลการเรียนรทู้ ่ีเพิม่ ขน้ึ เดน่ ชดั ปรากฏให้เหน็ ท่วั ไปโดยเฉพาะในแทบทุกโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาขนาดเลก็ - มผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นในวิชาคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ และวชิ าการอ่านที่ สูงขน้ึ อย่างเด่นชดั เม่ือเทยี บกับโรงเรยี นแบบเกา่ - มีความแตกต่างด้านผลสัมฤทธ์ิการเรียน ระหว่างกลุ่มนักเรียนที่มีภูมิหลังไม่เหมือนกัน ลดลง ชดั เจน กล่าวโดยสรุป ถ้าผลงานวิจัยดังกล่าวมีน้าหนักมากพอที่เชื่อมโยงถึงการท่ีครูผู้สอนและผู้นา สถานศึกษาได้ทางานร่วมกันในชุมชนการเรียนรู้แห่งวิชาชีพแล้ว ก็มีคาถามตามมาว่า แล้วจะเพ่ิมจานวน โรงเรียนที่มีชุมชนดังกล่าวให้มากข้ึนได้อย่างไร กระบวนทัศน์ทางการศึกษาท่ีเปลี่ยนไปบ่งช้ีว่า ท้ังบรรดา ครูผู้สอนทั้งหลายและสาธารณชน จาเป็นต้องร่วมกันกาหนดบทบาทใหมท่ ่ีเหมาะสมของครู โดยต้องทบทวน การท่ีต้องให้ครูใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวนั อยู่หน้าชั้นเรียน และอยู่กับนักเรียนตลอดเวลานั้น ได้มีการศึกษา เปรียบเทียบเร่ือง การใช้เวลาของครูผู้สอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏผลออกมาชัดเจนว่าในหลาย ประเทศ เช่น ในญี่ปุ่น พบว่า ครูมีชั่วโมงสอนน้อยลง และมีโอกาสได้ใช้เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ไปกับการ จัดทาแผนเตรียมการสอน การประชมุ ปรกึ ษาหารือกบั เพอ่ื นร่วมงาน การให้คาปรกึ ษาและทางานกับนักเรียน เปน็ รายบคุ คล การแวะเยย่ี มชน้ั เรียนอนื่ เพ่ือสังเกตการเรียนการสอน และการได้ใช้เวลาไปเพ่ือกจิ กรรมต่างๆ ด้านการพัฒนาวิชาชีพของครูมากขึ้น (Darling – Hammond, 1994, 1996) เป็นต้น การที่จะให้การ เปล่ียนแปลงดังกล่าวเกิดข้ึนได้น้ัน จาเป็นต้องสร้างความตระหนัก และให้มุมมองใหม่ต่อสาธารณชน และ วงการวชิ าชีพครูท่ีต้องเน้นและเห็นคุณค่าของความจาเป็นต้องพฒั นาครูให้มีความเปน็ มอื อาชีพยง่ิ ขนึ้ ถา้ หาก ต้องการคุณภาพการศึกษาของนักเรียน ดังท่ีมีผู้กล่าวว่า “ครูต้องเป็นบุคคลแรกที่ต้องเป็นนักเรียน (Teachers are the first learners)”โดยผา่ นกระบวนการมีส่วนรว่ มในชุมชนการเรียนรู้แห่งวชิ าชพี ซึ่ง จะสง่ ผลให้การปฏบิ ตั งิ านมีประสิทธผิ ลมากขนึ้ และชว่ ยให้ผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาของนักเรยี นสูงตามไปด้วย นนั่ คือความปรารถนาใฝฝ่ ัน ของบุคคลฝา่ ยท่มี อิ าจปฏเิ สธได้
10 ส่วนที่ 2 กระบวนกำรชมุ ชนกำรเรียนรู้ทำงวชิ ำชีพ PLC สสู่ ถำนศึกษำ Professional Learning Community : PLC 1. PLC หมายถึง การรวมตัว ร่วมใจ ร่วมพลัง ร่วมทา และร่วมเรียนร้รู ่วมกนั ของครู ผู้บริหาร และ นักการศึกษา บนพ้ืนฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ความสาเรจ็ หรอื ประสิทธผิ ลของผ้เู รียนเปน็ สาคัญ และความสุขของการทางานร่วมกันของสมาชกิ ในชุมชน ยำ้ PLC เป็นเคร่ืองมอื ในกำรพฒั นำ ไมใ่ ช่ หัวเรอ่ื งในกำรสอน 2. วตั ถปุ ระสงคข์ อง PLC 1. เพ่ือเปน็ เคร่อื งมอื ทช่ี ่วยให้การแลกเปลีย่ นเรียนรู้มปี ระสทิ ธิภาพ 2. เพือ่ ให้เกดิ การร่วมมือ รวมพลงั ของทุกฝา่ ยในการพัฒนาการเรยี นการสอนส่คู ณุ ภาพ ของผูเ้ รยี น 3. เพอื่ ให้เกิดการพฒั นาวชิ าชีพครูด้วยการพัฒนาผเู้ รยี น PLC ถอื ว่ำทุกคนคอื คนเชย่ี วชำญในงำนนัน จงึ เรยี นรูร้ ว่ มกันได้ ควำมเชื่อของ PLC 1. ยอมรบั วา่ การสอนและการปฏบิ ตั ิงานของครู มีผลต่อการเรียนรูข้ องผ้เู รยี น 2. ยอมรับหลกั การท่ีว่า การเรยี นรขู้ องครู คือการเรียนรขู้ องผู้เรียน 3. ยอมรบั วา่ ครูมีความแตกต่างกนั 4. ยอมรับวา่ การสอนบางครง้ั ตอ้ งอาศัยความร่วมมือ รว่ มใจ และสมั พนั ธภาพแบบกลั ยาณมติ ร
11 3. องค์ประกอบสำคญั ของ PLC 1. ต้องมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน หมายถึง มีเป้าหมาย ทิศทางเดียวกัน มุ่งสู่การพัฒนาการเรียน การสอน สู่คุณภาพผ้เู รียน 2. ร่วมแรง ร่วมใจ และร่วมมือ หมายถึง ต้องเปิดใจ รับฟัง เสนอวิธีการ นาสู่การปฏิบัติและ ประเมินร่วมกัน Open เปดิ ใจรับและให้ Care และ Share 3. ภาวะผู้นารว่ ม หมายถึง การทา PLC ต้องมีผูน้ าและผู้ตามในการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 4. กัลยาณมิตร หมายถงึ เปน็ เพื่อนร่วมวชิ าชีพ เติมเตม็ ส่วนท่ขี าดของแต่ละคน 5. ต้องปรับเปลี่ยนวฒั นธรรมองคก์ ร หมายถงึ ตอ้ งเนน้ การทางานทเี่ ปิดโอกาสการทางาน ทช่ี ว่ ยเหลอื กันมากกวา่ การสัง่ การ มีชว่ั โมงพูดคยุ 6. การเรียนรู้และพฒั นาวิชาชีพ หมายถงึ การเรยี นร้กู ารปฏิบตั งิ านและตรงกบั ภาระงานคอื การสอน สูค่ ุณภาพผ้เู รยี น PLC มวี ิธีกำรทำงำน (กระบวนกำร) 1. ตอ้ งมกี ารรวมกลุ่ม และกล่มุ นั้นต้องมลี ักษณะคล้ายๆกัน เช่น 1.1 จดั กลมุ่ ครูทมี่ ีลักษณะใกลเ้ คยี งกนั - กล่มุ ครูทสี่ อนวชิ า/กลมุ่ สาระเดียวกนั ในชว่ งชัน้ เดยี วกนั หรือในระดับชนั้ เดยี วกัน - กลุ่มครูตามลกั ษณะงาน 1.2 จานวนสมาชิก 6-8 คน (ผู้บริหาร/ศกึ ษานเิ ทศก์ หมุนเวียนเข้าร่วม ทกุ กลมุ่ ) 1.3 ระยะเวลา 2-3 ชม.ต่อสัปดาห์ ตลอดหน่ึงปีการศกึ ษา กาหนดเปน็ ชั่วโมงชดั เจนจะดีมาก 1.4 จดั ชว่ั โมงอยใู่ นภาระการสอนของคร/ู ภาระงาน เพ่ือไมใ่ ห้ครูถือวา่ เป็นภาระเพม่ิ ขึ้น 1.5 การจัด PLC โดยใช้ ICT ในการเข้ากลมุ่ ระหว่างการดาเนินการ 2. บทบาทของบุคคลในการทา PLC 2.1 ผอู้ านวยความสะดวก - รกั ษาระดบั การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ - ควบคุมประเด็นการพูดคุย - ยวั่ ยใุ หเ้ กดิ การแลกเปล่ยี นเรยี นรโู้ ดยให้ทกุ คนแสดงความคิดเห็น 2.2 สมาชิก - เปดิ ใจรบั ฟงั และเสนอความคดิ เหน็ อย่างสรา้ งสรรค์ - รับแนวทางไปปฏิบตั ิและนาผลมาเสนอ พร้อมต่อยอด 2.3 ผู้บนั ทกึ สรุปประเด็นการสนทนาและแนวทางแก้ปัญหา พรอ้ มบันทึก Logbook 3. กลมุ่ ร่วมกนั คดิ “ปญั หาการเรยี นรูข้ องนกั เรยี น”หาปญั หาสาคัญท่ีสดุ สิ่งทีต่ ้องระวัง คอื กำรไม่ชว่ ยกนั คน้ หำปัญหำทีแ่ ทจ้ รงิ ผลักปญั หำออกจำกตัว 4. ห า ส า เ ห ตุ ส า คั ญ ท่ี ท า ใ ห้ เ กิ ด ปั ญ ห า จ า ก นั้ น ก ลุ่ ม อ ภิ ป ร า ย ห า ส า เ ห ตุ ท่ี แ ท้ จ ริ ง เ น้ น ไปที่การสอนของครูเป็นอันดับแรก ที่ถือว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง เช่น นักเรียนอ่านไม่ออก เป็นปัญหาสาคัญ รว่ มกัน ไมใ่ ชส่ าเหตุวา่ พ่อแมแ่ ยกทาง
12 5. หาแนวทางแก้ไข “ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียน”ที่สาคัญน้ัน จะแก้ไขอย่างไรดูสาเหตุของปัญหา แนวทางแก้ปัญหาอาจใช้ประสบการณข์ องครูท่ีทาใหเ้ กิดความสาเร็จ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ งานวจิ ยั หรือแหล่งอน่ื ๆ ทม่ี ี การเสนอแนวทางไวแ้ ลว้ จากนน้ั สรปุ แนวทางการแก้ปญั หาสาคัญ 1 เรอ่ื งหรือ 2 เรือ่ งตามสภาพของโรงเรยี น 6. นาแนวทางท่ีสรุปเพื่อนาไปแก้ไขปัญหา มาช่วยกันสร้างงาน สร้างแผนงาน เลือกการจัดการเรียนรู้ แบบใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem Based Learning : PBL) โดยมีสิง่ ท่ีต้องทาต่อ คอื ทาอย่างไร ทาเมื่อไร ใช้ อย่างไร และตรวจสอบการทางานอยา่ งไร จะเสนอผลระหว่างทางานและสรุปผลเมือ่ ไร ตวั อยำ่ ง วธิ ีกำรทำงำน (กระบวนกำร) PLC 7. นาแผนท่ีร่วมกันคิดไปใช้ตามกาหนดการทางาน ต้องนาไปใช้อย่างจริงจัง และกล้าเสนอผลจะสาเรจ็ หรือไม่ก็ตามและพรอ้ มจะนาไปปรับปรุง ต้องนาผลมาเสนอตามช่วงเวลา ผลงานที่อาจนาเสนอกนั ในช่องทาง Line หรือ Facebook หรือรปู แบบอน่ื ๆ 8. นาผลมาสรุปสุดท้ายว่าผลเป็นประการใด ร่วมกันสะท้อนผล และปรับปรุงงานให้ดีขึ้น ถ้าผลการ ทดลองเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ก็เผยแพร่หรือปรับปรุงให้ย่ิงขึ้น ผลไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ กป็ รบั ปรุงทดลองใหม่ สิง่ สำเรจ็ คือ นวตั กรรม
13 ท่ีสาคญั คอื การทางานต้งั แต่ข้นั แรกถงึ ขน้ั สดุ ทา้ ย ต้องมีการบันทึก (Logbook) ออกแบบเอง ง่าย สนั้ หน่งึ หน้าก็พอ อาจนาเสนอทาง Line หรอื Facebook หรอื รูปแบบอน่ื ๆ ภำพตลอดแนวของ PLC
14 เทคนิค หรือเคลด็ ลบั ทจี่ ำเป็นในกำรเสริมกระบวนกำร PLC 1. ทักษะการฟัง 2. เรอ่ื งเล่าเรา้ พลงั 3. การวิเคราะหป์ ัญหาและแนวทางการแกป้ ญั หา 4. AAR 5. ระดบั การพฒั นาของนกั เรียน 6. ICT (After Action Review : AAR) ทบทวนผลการปฏบิ ัติงาน รปู แบบการพัฒนานกั เรยี น ในยุคปฏริ ปู การเรียนรสู้ ู่ผเู้ รียน
15 นอกจากนี้ สพฐ. ได้นาเสนอองค์ประกอบสาคัญและข้ันตอนการดาเนินการ PLC (Professional Learning Community) ไว้ ดงั นี้
16 ส่วนที่ 3 กำรขบั เคลื่อนกระบวนกำร PLC (Professional Learning Community) สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 ได้ดาเนินการขับเคล่ือนกระบวนการ PLC Professional Learning Community) ส่สู ถานศกึ ษา มีขัน้ ตอนการดาเนนิ งาน เปน็ 2 ระดบั ดังน้ี 1. ระดับสานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา 2. ระดบั สถานศึกษา โดยมีขนั้ ตอนการดาเนินงาน ตามกจิ กรรมและระยะเวลา ดังน้ี 1. ระดบั สำนกั งำนเขตพ้ืนทกี่ ำรศกึ ษำ กิจกรรม ขนั้ ตอน 1. แตง่ ตั้งคณะกรรมการ คณะกรรมการจานวนตามความเหมาะสม ขับเคลอ่ื นกระบวนการ PLC 1. ผู้อานวยการสานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา สูส่ ถานศกึ ษา ระดับเขต 2. รองผอู้ านวยการสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา พื้นทีก่ ารศึกษา 3. บุคลากรกลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผลการศึกษา 4. บคุ ลากรการกลมุ่ นโยบายและแผน 5. บุคลากรกลมุ่ บริหารงานบคุ คล 6. ผู้บรหิ ารสถานศึกษา 7. ครู 2. กาหนดแผนงานการ จัดทาแผนงานการขับเคลอ่ื นกระบวนการ PLC สู่ สถานศึกษา ประกอบดว้ ย ขับเคล่อื นกระบวนการ PLC 1. สร้างทมี งาน PLC ระดบั กลุ่ม/เครือข่าย/ศนู ย/์ สหวิทยาเขต สู่สถานศึกษา 2 สร้างความรู้ ความเข้าใจ และแนวทางการปฏิบัติให้กับบุคลากรในสานักงานเขต พืน้ ทก่ี ารศกึ ษาและสถานศกึ ษา 3. สรา้ งเครือข่ายกับหน่วยงานอืน่ (มหาวทิ ยาลยั องค์กรและหนว่ ยงานตา่ งๆ) 4. กากบั ตดิ ตาม นเิ ทศและประเมินผล 5. ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงาน การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา 3. การขับเคลอื่ น 3.1 ขับเคล่ือนกระบวนการ PLC สู่การปฏิบัติในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและ กระบวนการ PLC สกู่ าร สถานศึกษา พร้อมทั้งบันทึกลงใน Logbook ตามลาดับดังน้ี 1) ค้นหาปัญหา 2) ปฏบิ ตั ิในสานักงานเขตพื้นที่ หาสาเหตุ 3) แนวทางแก้ไข 4) ออกแบบกิจกรรมและ 5) นาสู่การปฏิบัติและ การศึกษาและสถานศกึ ษา สะท้อนผล 3.2 สรปุ รายงานผล และจดั กิจกรรมแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ 4. กากบั ติดตามนิเทศและ 4.1 จัดทาแผนและเครอื่ งมือ กากบั ตดิ ตาม นิเทศ และประเมินผลการขบั เคลอื่ น ประเมินผล กระบวนการ PLC สูส่ ถานศึกษา
17 ขัน้ ตอน กจิ กรรม 5. สรปุ และรายงานผลการ 4.2 คณะกรรมการขับเคลอื่ นกระบวนการ PLC ระดบั สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา ดาเนนิ การขับเคล่ือน ดาเนนิ การกากับ ตดิ ตาม นเิ ทศ และประเมินผลการขบั เคลอ่ื นกระบวนการ PLC สู่ กระบวนการ PLC สู่ สถานศกึ ษา ในสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาและสถานศกึ ษา สถานศึกษา 4.3 เร่งรัด ติดตาม และสนับสนุน สถานศึกษาที่ไมป่ ระสบความสาเรจ็ ในการ ขบั เคลือ่ นกระบวนการ PLC สู่สถานศกึ ษา 6. กจิ กรรมแลกเปล่ยี น 5.1 คณะกรรมการขับเคล่ือนกระบวนการPLC สู่สถานศึกษา ระดับสานักงานเขต เรยี นรู้ ถอดบทเรียน และ พื้นท่ีการศึกษา สรุปและรายงานผลดาเนินการขับเคล่ือนกระบวนการ PLC สู่ ยกยอ่ งเชดิ ชูเกยี รตกิ าร สถานศกึ ษา ขบั เคล่ือนกระบวนการ PLC 5.2 สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษารายงานผลการดาเนินการขับเคล่ือนกระบวนการ ส่สู ถานศึกษา PLC สู่สถานศึกษา ต่อ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและผู้ที่ เกี่ยวขอ้ ง 6.1 สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Show & Share) การขบั เคล่อื นกระบวนการ PLC สู่สถานศึกษา 6.2 ยกย่องเชิดชูเกียรติสถานศึกษา ท่ีมีกระบวนการดาเนินการที่ดีสามารถเป็น แบบอย่างได้ และเผยแพรด่ ว้ ยวิธกี ารท่หี ลากหลาย 2. ระดบั สถำนศกึ ษำ ขน้ั ตอน กจิ กรรม 1. แตง่ ตัง้ คณะกรรมการ คณะกรรมการจานวนตามความเหมาะสม ขับเคลอื่ นกระบวนการ PLC 1. ผ้อู านวยการสถานศึกษา ระดับสถานศกึ ษา 2. รองผู้อานวยการสถานศกึ ษา 3. หวั หน้าหมวด / ฝา่ ย 2. กาหนดแผนงานการ 4. ครู ขบั เคล่อื นกระบวนการ PLC จัดทาแผนงานการขับเคล่ือนกระบวนการ PLC สู่ สถานศึกษา ประกอบด้วย ระดบั สถานศกึ ษา 1. สรา้ งทมี งาน PLC ในสถานศึกษาท่สี อดคลอ้ งกบั บริบทของสถานศึกษา 2. สร้างความรู้ ความเข้าใจ และแนวทางการปฏิบัติให้กับบุคลากรในสถานศึกษา 3. การขบั เคลอ่ื นกระบวนการ (พาดู พาคิด พาทา) PLC สู่การปฏิบตั ใิ น 3.สร้างเครอื ข่ายกับหน่วยงานอ่ืน (ระดบั บคุ คล ระดับองค์การ ระดบั หน่วยงาน) สถานศึกษา 4. กากบั ติดตาม นิเทศ และประเมินผล 5. ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงาน การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา 3.1 ขบั เคล่อื นกระบวนการ PLC สู่การปฏิบตั ิในสถานศกึ ษา พรอ้ มท้ังบนั ทกึ ลงใน Logbook ตามลาดับดังนี้ 1) ค้นหาปัญหา 2) หาสาเหตุ 3) แนวทางแก้ไข 4) ออกแบบกจิ กรรมและ 5) นาสกู่ ารปฏิบตั ิและสะท้อนผล 3.2 สรุปรายงานผล และจดั กิจกรรมแลกเปลย่ี นเรยี นรู้
18 ขั้นตอน กิจกรรม 4. กากบั ติดตามนิเทศและ 4.1 จัดทาแผนและเคร่อื งมือ กากบั ติดตาม นเิ ทศ และประเมนิ ผลการขับเคลื่อน ประเมินผล กระบวนการ PLC สูส่ ถานศึกษา 4.2 คณะกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC สู่สถานศึกษา ระดับสถานศึกษา 5. สรุปรายงานผลการ ดาเนินการกากับ ติดตาม นิเทศ และประเมนิ ผลการขับเคลือ่ นกระบวนการ PLC ดาเนนิ การการขับเคลื่อน สูส่ ถานศกึ ษา กระบวนการ PLC 4.3 เร่งรัด ติดตาม และสนับสนุน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีไม่ ประ 6. กิจกรรมแลกเปลยี่ นเรียนรู้ สบความสาเรจ็ ในการขบั เคล่ือนกระบวนการ PLC สสู่ ถานศึกษา ถอดบทเรยี น และยกยอ่ งเชดิ ชู 5.1 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รายงานผลการดาเนินการตาม เกยี รติการขบั เคล่ือน กระบวนการ PLC สู่สถานศึกษา พร้อม Logbook เป็นรายบุคคลต่อผู้บริหาร กระบวนการ PLC สู่ สถานศึกษา สถานศกึ ษา 5.2 คณะกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC สู่สถานศึกษา ระดับสถานศึกษา สรุปและรายงานผลการดาเนินการติดตามการขับเคล่ือนกระบวนการ PLC สู่ สถานศึกษา ในสถานศึกษา 5.3 สถานศึกษารายงานผลการดาเนินการขับเคล่ือนกระบวนการ PLC สู่ สถานศึกษา ต่อสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาและผทู้ ีเ่ ก่ยี วข้อง 6.1 สถานศึกษาจัดกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ (Show & Share) การขับเคล่ือน กระบวนการ PLC สูส่ ถานศกึ ษา ท่ีสอดคลอ้ งกบั บริบทของสถานศกึ ษา 6.2 ยกยอ่ งเชิดชูเกยี รติขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มกี ระบวนการ ดาเนนิ การท่ดี ีสามารถเป็นแบบอยา่ งได้ และเผยแพรด่ ้วยวธิ ีการที่หลากหลาย
19 โรงเรยี น................................................... กลมุ่ .................................................................................................. (กลุม่ งาน/กลมุ่ สาระ/ระดับสายช้นั ) จำนวนสมำชกิ ทัง้ หมด................................. คน จำนวนสมำชกิ ที่เข้ำรว่ ม..................................... คน ชอ่ื กจิ กรรม...................................................................... (ระบสุ ง่ิ ทีต่ อ้ งการทา เช่น พฒั นาทักษะการคดิ ) วันที่ ............. เดือน............................................. พ.ศ. ........................... เวลำ …………………………. น. คร้งั ที่ ................... ภำคเรยี นที่.................ปีกำรศึกษำ............................... จำนวน.....................ชั่วโมง ชื่อ........................................................................... บทบำท (Model Teacher / Buddy / Expert) รำยชือ่ สมำชิกท่ีเข้ำร่วม ........................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 1. ประเด็นปญั หำ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 2. สำเหตุ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 3. ควำมรู้ / หลักกำรท่นี ำมำใช้ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 4. วธิ กี ำร/ขัน้ ตอนกำรดำเนนิ งำน/กระบวนกำรทำงำน ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 5. ผลกำรดำเนินงำน/ผลลพั ธท์ เ่ี กิด ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 6. กำรนำผลไปใช้ / บทเรยี นท่ีได้ / นวตั กรรม ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ………………….......…………………… รอง ผอ.ฝำ่ ยวิชำกำร …………………......…………………… ผอ.รร. (………………..…….......………….…) (………………..…….......………….…)
20 แบบตดิ ตามการขบั เคลอ่ื นกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) สสู่ ถานศกึ ษา สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต ๒๙
21 ประเด็นติดตามการขบั เคล่ือนกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) (สาหรบั สถานศึกษา) ขอ้ มูลพ้ืนฐาน ๑. ช่อื โรงเรียน...........................................................................อาเภอ..............จงั หวดั ................ ๒. ขนาดโรงเรียน เลก็ กลาง ใหญ่ สหวิทยาเขต............................... ๓. ชอื่ -สกลุ ผอ. / รักษาการ......................................................................................................... 1. การแต่งตงั้ คณะกรรมการขบั เคลื่อนกระบวนการ PLC ระดบั สถานศึกษา การปฏบิ ัติ กระบวนการดาเนินงาน ท่ี ประเดน็ ปฏิบตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ 1 จัดทาคาสงั่ แต่งต้ัง ....................................................................................................................... คณะกรรมการ ....................................................................................................................... ขบั เคล่ือน ....................................................................................................................... กระบวนการ PLC ....................................................................................................................... ระดับสถานศกึ ษา ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... 2 การกาหนดบทบาท ....................................................................................................................... หน้าท่ีคณะกรรมการ ....................................................................................................................... ขับเคล่ือน ....................................................................................................................... กระบวนการ PLC ....................................................................................................................... ทชี่ ัดเจน ....................................................................................................................... (กรรมการชุดเดียว ....................................................................................................................... รบั ผดิ ชอบทุกบทบาท หรือแยกกรรมการเป็นชุด ....................................................................................................................... และแยกบทบาทกัน ....................................................................................................................... ชัดเจน) ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... .......................................................................................................................
22 2. การกาหนดแผนงานการขับเคลือ่ นกระบวนการ PLC ระดบั สถานศกึ ษา ท่ี ประเดน็ การปฏบิ ัติ กระบวนการดาเนนิ งาน ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏิบตั ิ 1 การจัดทาแผนงาน ............................................................................................................................ การขับเคลอ่ื น ............................................................................................................................ กระบวนการ PLC ............................................................................................................................ ระดบั สถานศึกษา ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ 2 การสร้างทีมงาน ............................................................................................................................ PLC ระดับกลุ่ม ............................................................................................................................ สาระ / ช่วงช้นั / ระดับชนั้ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ 3 การสรา้ งเครอื ขา่ ย ............................................................................................................................ กับหน่วยงานอื่น ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ (เช่น มหาวทิ ยาลัย / ............................................................................................................................ หน่วยงานเอกชน / ............................................................................................................................ อบจ. พรอ้ มระบุวา่ เข้า มาสนบั สนนุ เร่อื ง ............................................................................................................................ ใดบา้ ง (เลอื กเฉพาะที่ ............................................................................................................................ เกี่ยวข้องกบั PLC)) ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................
23 3. การขบั เคลื่อนกระบวนการ PLC สกู่ ารปฏิบตั ใิ นสถานศึกษา ท่ี ประเดน็ การปฏบิ ตั ิ กระบวนการดาเนินงาน ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ตั ิ 1 การสรา้ งความ ............................................................................................................................ ตระหนักใหก้ บั ............................................................................................................................ บุคคลท่ีเกยี่ วขอ้ ง ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ (บันทึกวิธีการที่ รร. ............................................................................................................................ สร้างความตระหนกั ............................................................................................................................ ใหบ้ ุคลากรใน รร. ............................................................................................................................ เช่น การประชุม ............................................................................................................................ บุคลากรใน รร. ............................................................................................................................ เป็นต้น) กาหนดสัปดาห์ละ..........................ชว่ั โมง 2 การกาหนดชวั่ โมง ............................................................................................................................ ในการเรียนรู้ ............................................................................................................................ กระบวนการ ............................................................................................................................ PLC ร่วมกันใน ............................................................................................................................ สถานศกึ ษา ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ (บันทึกรายละเอียดวา่ ............................................................................................................................ รร.จดั ช่ัวโมง PLC ............................................................................................................................ สัปดาห์ละก่ีวนั ............................................................................................................................ กีช่ ั่วโมง และกาหนด ............................................................................................................................ กจิ กรรมในแต่ละ ............................................................................................................................ ชวั่ โมงไวอ้ ยา่ งไร) ............................................................................................................................ 3 การสร้างความรู้ ............................................................................................................................ ความเข้าใจ และ ............................................................................................................................ แนวทางการปฏบิ ัติ ............................................................................................................................ ใหก้ ับบุคลากรใน ............................................................................................................................ สถานศึกษา ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ (เช่น การส่งครเู ขา้ ............................................................................................................................ รว่ มประชมุ ............................................................................................................................ ปฏิบัตกิ าร ใหบ้ นั ทกึ ............................................................................................................................ วา่ มคี รูก่ีคนเขา้ ร่วม ประชมุ )
24 ท่ี ประเดน็ การปฏิบตั ิ กระบวนการดาเนนิ งาน ปฏิบตั ิ ไม่ปฏบิ ตั ิ 4 การกาหนดปญั หา ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ / เป้าหมายในการ ปัญหา / เป้าหมายในการจดั การเรยี นรขู้ องสถานศึกษา คือ จดั การเรยี นรู้ ............................................................................................................................ ร่วมกนั ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ (บนั ทึกประเดน็ ........................................................................................................................... ปญั หาทเี่ ก่ียวกับการ ............................................................................................................................ จัดการเรยี นรู้ หรอื ........................................................................................................................... เปา้ หมายในการ ............................................................................................................................ พัฒนาคณุ ภาพ ........................................................................................................................... ผ้เู รียนของ รร. อาจ ............................................................................................................................ มีมากกวา่ 1 ปัญหา นวัตกรรมในการจดั การเรียนรขู้ องสถานศกึ ษา คอื หรือเปา้ หมาย) ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ 5 การกาหนด ............................................................................................................................ ............................................................................................................................ นวัตกรรมใน ........................................................................................................................... การแกป้ ัญหา/ ............................................................................................................................ พฒั นาการจดั ........................................................................................................................... ............................................................................................................................ การเรยี นรู้ใหแ้ ก่ ........................................................................................................................... ผู้เรียน ............................................................................................................................ ........................................................................................................................... (บันทึกวิธกี าร หรอื ............................................................................................................................ นวตั กรรมที่ สถานศกึ ษา หรือ ............................................................................................................................ คณุ ครูนามาใชใ้ น ............................................................................................................................ การแกไ้ ขปัญหาท่ี ............................................................................................................................ ระบตุ ามข้อ ๔ ............................................................................................................................ จานวนนวัตกรรม ............................................................................................................................ ตามจานวนปญั หา/ ........................................................................................................................... เปา้ หมายของ รร.) ............................................................................................................................ ........................................................................................................................... 6 นิเทศ กากบั และ ............................................................................................................................ ติดตาม การนา กระบวน การ PLC สกู่ ารปฏบิ ัติ ในสถานศกึ ษา (บนั ทกึ วิธีการ/ ประเด็นการนเิ ทศ ภายในเรื่อง PLC ของสถานศึกษา)
25 4. วิธดี าเนินการนากระบวนการ PLC สู่การปฏิบัติในสถานศกึ ษา (บนั ทกึ ขั้นตอน / รูปแบบ (Model) / นวตั กรรม การนา PLC ไปปฏิบัติในสถานศกึ ษา) ........................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 5. สิ่งสถานศกึ ษาปฏิบตั ิได้ดี สามารถเปน็ แบบอยา่ งได้ คอื ........................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................
26 6. ปัญหา / อุปสรรค จากการดาเนนิ งาน ........................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ...................................................ผู้รับรอง (..................................................) (.................................................) ตาแหนง่ ................................................................. ตาแหน่ง.................................................................... วันท.ี่ ............เดอื น..............................พ.ศ............ วันท่ี.............เดอื น..............................พ.ศ............
27 เอกสำรอำ้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. สานักพัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา. คมู่ ือประกอบการอบรม คณะกรรมการขบั เคล่อื นกระบวนการ PLC (professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรูท้ างวิชาชีพ” สูส่ ถานศึกษา , เอกสารโรเนยี ว 79 หน้า ประเวศ วะสี และคณะ. (2547). ธรรมชาตขิ องสรรพสิ่ง: การเขา้ ถึง ความจรงิ ทง้ั หมด. กรุงเทพฯ: รว่ มดว้ ยช่วยกนั . วิจารณ์ พานิช. (2554). วถิ สี รา้ งการเรียนรู้เพื่อศษิ ยใ์ นศตวรรษท่ี 21. กรงุ เทพฯ: ตถาตาพลบั ลิเคชนั่ จากัด. สุรพล ธรรมร่มดี, ทัศนยี ์ จันอินทร์, และคงกฤช ไตรยวงค์. (2553).อาศรมศิลป์วิจยั : การวิจยั และพฒั นาชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ แนวจิตตปัญญา. โครงการเอกสารวิชาการ การเรยี นรู้สู่การเปลี่ยนแปลง ลาดบั ที่ 8. นครปฐม: เอมี่ เอน็ เตอรไ์ พรส์ จากัด. Boyd, V. (1992). School context. Bridge or barrier to change? Austin, TX : Southwest Educational Development Laboratory. Brandt, R. (1995, November). On restructuring schools : A conversation with Fred Newmann. Educational Leadership, 53 (3), 70–73, Darling – Hammond, L. (1994, November) .The current status of teaching and teacher development in the United States. New York : Teacher College, Columbia University. Hord, S.M. (1997). Professional learning communities : Communities of inquiry and improvement. Austin : Southwest Educational Development Laboratory. journal.oas.psu.ac.th/index.php/asj/article/viewFile/125/688 Leithwood, K.A., et. al (2003). What we know about successful school leadership. Philadelphia, PA : Laboratory for Student Success, Temple University. Luis, K.S. & Kruse, S.D. (1995). Professional and community : Perspectives on reforming urban schools. Thousand Oaks, CA : Corwin Press. Marquardt, M.J. (1996). Building the learning organization. New York : Mc. Graw – Hill. Morrison, K. (2002). School leadership and complexity theory. New York : Routledge Falmer. Senge, P. (1990). The fifth discipline : The art and practice of the learning organization.New York : Currency Doubleday. Sergiovanni, T. (1998). International Journal of Leadership in Education. Vol.1 , P. 37 Wallace Jr., R.C., et al. (1997). The learning school, Thousand Oaks, CA : Corwin Press Inc. Stoehr, J., Banks, M., & Allen, L. (2011). PLCs, DI, & RTI : A Tapestry for school change. Thousand Oakes, California: Crowin. http://findarticles.com/p/articles/mi_gu3696/is_199902/ai_n8832496 http://www.newhorizons.org/strategies/learnig_environments/abbot_2000html
28 บรรณำธกิ ำรกจิ 1. นายภทั ธศาสน์ มาสกุล ผู้อานวยการสานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 2. นายสุพิชญ์ ลาลนุ รองผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 29 3. นายฉัตรชัย ทองสุทธิ์ ผอู้ านวยการกล่มุ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา 4. นางวาสนา คาเพ็ง ศกึ ษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ 5. นางสาวประยงค์ศรี พลู ทรัพย์ ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพเิ ศษ 6. นายพชิ ัย ญาณศิริ ศึกษานิเทศก์ชานาญการพเิ ศษ 7. นายอานนท์ วงศว์ ิศิษฏ์รงั สี ศึกษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ 8. นางจิรา ลังกา ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพเิ ศษ 9. นางณัฐธภา ตรงดี ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพิเศษ 10. นางสาวผ่องศรี สมยา ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพิเศษ 11. นายสมรศุ หรุจันทร์ ศึกษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ 12. นางสาวสุกานดา ธิมา ศึกษานิเทศก์ชานาญการพเิ ศษ 13. นายธนา ธุศรีวรรณ ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพเิ ศษ 14. นางสาวจามรี เชอ้ื ชัย ศึกษานิเทศก์ชานาญการพิเศษ 15. นางสาวณปภัช บัญสมศรี ศกึ ษานเิ ทศก์ชานาญการพเิ ศษ 16. นางสาวกชพร พันธศ์ ริ ิ ศกึ ษานิเทศก์ชานาญการ 17. นางสาธกิ า จนั ทนป ศกึ ษานเิ ทศก์
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: