การทางานเปน็ ทมี
การทางานเป็นทมี การทางานให้สาเร็จข้นึ อยกู่ ับความสามารถสองอย่างเปน็สาคญั คือสามารถในการใชว้ ชิ าความรอู้ ย่างหนึ่ง สามารถในการประสานสัมพันธก์ บั ผ้อู น่ื อกี อยา่ งหน่ึง ท้ังสองประการนีต้ อ้ งดาเนินคูก่ นั ไป และจาเป็นต้องกระทาดว้ ยความสจุ รติ กาย สจุ ริตใจ ด้วยความคิด ความเหน็ ที่เปน็ อิสระ ปราศจากอคติ และดว้ ยความถกู ต้อง ตามเหตตุ ามผลดว้ ย จึงจะช่วยให้งานบรรลุจดุ หมายและประโยชนท์ ่พี ึงประสงคโ์ ดยครบถ้วน( พระบรมราโชวาทพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั )
การทางานเปน็ ทีมการทางานไมจ่ าเป็นต้องเปน็ อจั ฉรยิ ะ ไมจ่ าเปน็ ต้องเหนอื ผ้อู ื่น แต่ขอให้ทางานรว่ มกับเขาได้ งานนัน้ กจ็ ะสาเร็จ
ทาไมจะต้องทางานเปน็ ทมี• ทางานเก่งคนเดยี ว เกง่ ได้ไมน่ าน• เอาความเก่งของแต่ละคนมารวมกนั• หลายหัวดีกวา่ หวั เดยี ว
ประเด็นที่สาคญั• แนวคดิ และหลกั การเก่ยี วกับการทางานรว่ มกนั• ข้นั ตอนการทางานเป็นทีม• ปัญหาและอปุ สรรคของการทางานเปน็ ทีม• ลกั ษณะของทีมทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ• ความสาคญั ในการสื่อสาร• การเพม่ิ พูนประสิทธภิ าพในการสอ่ื สารเพื่อประสานงาน ในการทางานเป็นทีม
ความสาคัญของทีม• การสรา้ งทมี งานและการพัฒนาองคก์ รน้ันเป็นกิจกรรมท่ี ดีทสี่ ุด• การทางานเปน็ ทีม จะเป็นประโยชน์สงู สดุ ขององคก์ ร และมโี อกาสประสบผลสาเรจ็ มากกวา่ การทางานคน เดยี ว• แต่การสร้างทีมงานนัน้ ตอ้ งใช้ เวลา ในการพัฒนาบุคคล และพฒั นาทีมงานพอสมควร จึงจะเป็นทมี ทม่ี ี ประสทิ ธิภาพ
ลักษณะการทางานรว่ มกัน• ทางานแบบเอาบุคคลมารวมกลมุ่ ไม่มีการแบง่ หน้าท่ี ไม่มกี ฎระเบียบ ไม่มวี ัตถปุ ระสงค์ ผลงานอาจสูงหรอื ต่า• ทางานรว่ มกันแบบเปน็ คณะหรือเป็นทมี โดย สมาชิกทราบวตั ถุประสงค์ รหู้ นา้ ที่ มีกฏระเบียบ ผลงานออกมาสงู เปน็ ที่พอใจของสมาชิก ทุกคนพอใจใน ผลงาน
ทมี กลุม่ ของบคุ คลทท่ี างานร่วมกันเพ่ือบรรลวุ ัตถุประสงค์เดียวกัน โดยสมาชิกตอ้ งเสียสละความเป็นส่วนตัว มีความเข้าใจ มีความผูกพันและให้ความร่วมมอื กนั เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้าหมายของทมี ได้
ทีม การทีบ่ ุคคล 2 คน ขึ้นไป มาทางานรว่ มกนั เพือ่บรรลจุ ดุ ม่งุ หมายเดยี วกนั อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและผปู้ ฏบิ ัติตา่ งเกิดความพอใจในการปฏิบัติตอ่ กันและกัน ผลงานท่ีได้มาจากการร่วมแรงร่วมใจกันของสมาชิกในทีมที่มีประสิทธิภาพ บรรยากาศในทมี งานสมาชิกจะมีความรูส้ กึ มีความสุขสนุกสนาน และรสู้ ึกว่าตนเองก้าวหนา้ ประสบความสาเรจ็
แนวคดิ และหลกั การเก่ยี วกับการทางานรว่ มกนั ของบคุ คล “No two persons are alike” ไม่มีคนสองคนท่ีเหมือนกนั
1. การยอมรบั ความแตกต่างของบคุ คล ความเชื่อถอืทางด้านร่างกาย ค่านิยม ด้านการรับรู้จติ ใจ ด้านประสบการณ์อารมณ์ อน่ื ๆ ความรู้สึก บุคลกิ ภาพ
2. แรงจูงใจของมนุษย์5. ความต้องการความสมหวงั ในชีวติ4. ความต้องการทจ่ี ะมชี ่ือเสียง3. ความต้องการทางสังคม2. ความต้องการด้านความมน่ั คง1. ความต้องการด้านร่างกาย
3. ธรรมชาติมนษุ ย์3.1 มนุษยพ์ ฤติกรรม (การแสดงออกทางวาจา สหี น้า ท่าทาง)3.2 มนุษย์มคี วามรสู้ ึกนึกคดิ (เหตทุ ่มี นษุ ย์มีความรกั เกลียด กลัว โกรธ ชิงชงั ชอบ)3.3 มนุษยม์ ีปัญญา ( ฉลาด โง่ ในตวั เอง ) - ชอบแสดงตวั (EXTROVERT) - ชอบเก็บตัว (INTROVERT) - หวั รนุ แรง (AMBIVERT)
การแก้ปัญหาข้อ วตั ถุประสงค์ขดั แย้ง และเป้ าหมายการสร้างความร่วมมอื องค์ประกอบการ กจิ กรรม ทางานเป็ นทมี วธิ ีทางานการติดต่อส่ือสาร - ผลงานสูง - ความพอใจความเข้าใจซ่ึง หน้าท่แี ละบทบาทกนั และกนั กฎ ผู้นา ระเบยี บ
ทีมงานท่มี ปี ระสทิ ธิภาพสมาชิกทกุ คน• เขา้ ใจวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายชดั เจน• เปิดเผยจริงใจและรว่ มกนั แกป้ ญั หา• สนับสนนุ ไว้วางใจ ยอมรบั และรับฟังกนั• ร่วมมอื กัน ใชค้ วามขัดแย้งในเชิงสรา้ งสรรค์• ทบทวนการปฏบิ ัตงิ านและต่ืนตวั ตลอดเวลา• มกี ารพฒั นาตนเอง• รจู้ กั ตนเองและรจู้ ักผอู้ น่ื เขา้ ใจต่อเพ่ือนร่วมงานและสามารถ รว่ มกลมุ่ กนั ไดเ้ ปน็ อยา่ ง
ขนั้ ตอนการทางานเปน็ ทมี ประเมินข้นั สุดท้าย ติดตามผล และนิเทศงาน ปฏิบตั จิ ริงตามแผน แบ่งงานให้สมาชิกของทมี กาหนดกจิ กรรม วางแผนการทางานกาหนดเป้ าหมายร่วมกนัวเิ คราะห์งาน
อุปสรรคของการทางานเป็นทีม• สามคั คนี ัน้ ดีอย่แู ตต่ วั ขา้ พเจ้าตอ้ งเปน็ ใหญ่• ทางานคนเดยี วดีและเก่ง ทางานหลายคนเจง๊• ต่างคนตา่ งอยู่ ธุระไมใ่ ช่• มากคนก็มากเรอ่ื ง• ชิงดี ชิงเด่น• ทาอะไรได้ตามใจคอื ไทยแท้• มองเหน็ แต่ผลประโยชน์ส่วนตน มองไม่เหน็ ส่วนท้งั หมด
อุปสรรคของการทางานเป็นทมี• ขาดการตกลงกันตัง้ แต่เรม่ิ ตน้ ขาดการพูดกัน ไมแ่ จ้งเปา้ หมายของ งาน• มีการปกปิดขอ้ มูลผดิ พลาดท่ีผา่ นมา สมาชกิ หลกี เล่ยี งท่ีจะเผชญิ ปัญหาและรว่ มกันวิเคราะห์ปญั หา• ไมไ่ ด้ใชว้ ธิ กี ารประชมุ หารือ เปน็ เครอื่ งกระตุน้ เพอ่ื ใหส้ มาชกิ เกดิ ความรสู้ กึ ผกู พนั• ขาดการวางแผนงานและเวลา• ไมม่ กี ารแบ่งความรับผิดชอบ เพือ่ ให้สมาชกิ ได้ร้บู ทบาททชี่ ัดเจน• ขาดการประเมินผลการทางานของทมี ตารางตรวจติดตามประเมินผล
แนวทางการลดปัญหาในการทางานเปน็ ทมี• สรา้ งบรรยากาศในการทางานทดี่ ี• มอบหมายงานต้องชดั เจนแน่นอน• ยอมรบั ในเร่ืองความแตกตา่ งของสมาชกิ• ให้ใช้ประสบการณท์ ม่ี ีอย่ใู ห้เกิดประโยชนส์ งู สุด• ใหท้ กุ คนมสี ่วนรว่ มในการกาหนดเป้าหมาย• กาหนดจานวนผู้ทางานให้เหมาะสม• ใหท้ ุกคนมวี ินยั ในการทางาน และทาตามกฎระเบยี บ
แนวทางการลดปัญหาในการทางานเป็นทมี• จะต้องกาหนดกิจกรรมนนั้ ๆ จะมวี ธิ ปี ฏบิ ัตอิ ย่างไร• จะต้องทาทีไ่ หน อย่างไร เพอ่ื อะไร เวลาใด โดยใคร• จะตอ้ งใชท้ รัพยากรอะไรบา้ ง• จะประสานกบั ฝ่ายอน่ื ๆ อยา่ งไร
ทมี ทดี่ คี วรเป็นอยา่ งไร• สมาชิกทุ่มเทกาลังกาย ความคดิ เพอื่ งาน และ ความสาเรจ็• ทุกคนตระหนักว่าเป็นผลงานของทีม ไม่ใชข่ องคนใดคน หน่งึ• ทุกคนแสดงความคดิ เหน็ อย่างจริงใจ เปดิ เผย• ไม่มกี ารเลน่ การเมอื ง• แก้ปัญหาโดยเร็ว
ทมี ที่ดีควรเปน็ อยา่ งไร• แขง่ ขันกันเพ่ือดกี ว่า หรอื มากกว่า ไมใ่ ช่ เพือ่ เด่นหรอื ทาลาย• เช่ือมน่ั และไว้วางใจกนั• มบี รรยากาศของการชว่ ยเหลอื เกอื้ กูล• มีความผิดพลาดจะตอ้ งชว่ ยกันแกไ้ ขเหมอื นของตนเอง• ถือความสาเรจ็ ของงานเปน็ หลกั เปิดโอกาส ใหม้ กี าร เรยี นรู้
ขน้ั ทหี่ น่ึง ทมี งานสร้างผลสัมฤทธิ์ขั้นทสี่ องขั้นที่สาม เปน็ หนึง่ เดียวกัน (ONENESS)ขน้ั ที่สี่ ประชุมสม่ำเสมอข้นั ทห่ี า้ ส่ือสำรท่วั ถึง และหำแนวรว่ ม น่ำเสนอเปน็ ระยะขัน้ ท่หี ก พบปญั หำ ทบทวนใหม่ขน้ั ทเี่ จ็ด (เปำ้ หมำย วตั ถุประสงค์ ผลสัมฤทธ์ทิ ่ีคำดหมำย) ประเมินตรวจสอบเปน็ ระยะ ตรวจสอบควำมรูส้ ึก ควำมคิด สร้ำงบรรยำกำศรว่ มกันในกำรท่ำงำน
ยทุ ธวธิ เี สรมิ สร้างตัวเราใหผ้ อู้ น่ื อยากรว่ มงานด้วย• มีอารมณ์ม่ันคง• มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตย• มีความรับผดิ ชอบสูง• มีความมุง่ ม่ันทจ่ี ะทาใหส้ าเร็จ• ไม่จูจ้ ้จี ุกจกิ เจา้ ระเบียบเกินไป• ไม่เป็นคนดถู กู ดหู มน่ิ ผู้อืน่• มคี วามสภุ าพ อ่อนโยน เมตตา
ยุทธวิธีเสริมสร้างตวั เราใหผ้ ้อู น่ื อยากร่วมงานด้วย• เห็นประโยชน์สว่ นรวม• มีความซอ่ื สัตย์ สจุ ริต• รจู้ กั ชมเชยใหก้ าลงั ใจเพ่อื นรว่ มงาน
Q&A
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: