ท่ี ภาพ เสยี ง1 ตอนที่ 1 ทำไมต้องจัดกำรควำมรู้ ตอนที่ 1 ทำไมต้องจัดกำรควำมรู้ กำรจัดกำรควำมรู้ไมใ่ ชส่ ่ิงทเ่ี ริ่มเกิดขน้ึ หำกเปน็ สงิ่ ทม่ี ีมำนำนนับ รอ้ ยปีแล้ว โดยอยใู่ นรูปของกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ หรอื ถำ่ ยทอดภมู ิ ปัญญำจำกคนรุ่นหนึ่งสคู่ นอีกรนุ่ หนง่ึ สำหรับวธิ ีกำรท่ีใช้ มักเป็นกำรบอกเล่ำ กำรพูดคยุ กำรจดจำ กำรสง่ั สอน หรือกำรสังเกต ซ่งึ นำสู่กำรพัฒนำงำน และพัฒนำคนในท่ีสุด อย่ำงไรก็ตำม กำรถำ่ ยทอดควำมร้จู ำกรนุ่ สู่รุ่นดงั กล่ำว อำจตอ้ งใช้ เวลำนำนนับปี ซง่ึ แนน่ อนว่ำ ไมท่ นั ต่อกำรเปลี่ยนแปลงในปัจจบุ ัน ท่ี เข้ำสสู่ งั คมแหง่ เศรษฐกจิ ฐำนควำมรู้ (Knowledge-based Economy – KBE) ซงึ่ เป็นโลกแหง่ กำรใช้ควำมรเู้ พื่อเสรมิ สร้ำง มลู ค่ำเพม่ิ แก่ผลผลิตเกิดของตน จงึ นบั ได้ว่ำ เป็นยุคของ “ควำมรูค้ ืออำนำจ” เพรำะให้ควำมสำคญั กับคณุ ภำพและปริมำณในกำรเขำ้ ถงึ ควำมรู้ และใช้ประโยชน์จำก ควำมรู้ ดงั นนั้ ควำมทำ้ ทำยสำคญั ท่ีทกุ องค์กรต่ำงเรง่ ดำเนนิ กำร คอื กำร หำวิธีกำรรวบรวมควำมรู้ ท่ีช่วยสรำ้ งควำมรุ่งเรืองแก่หน่วยงำน เพื่อ ใช้เป็นทำงลดั ในกำรกำ้ วสูเ่ ป้ำหมำยได้โดยง่ำย อำจกลำ่ วได้ว่ำ กำรจัดกำรควำมรใู้ นองคก์ รคอื กำรนำควำมรูท้ ่ซี อ่ น อยใู่ นตัวบุคคล (tacit knowledge) โดยใชเ้ ครื่องมอื หรือวธิ ีกำรซึ่ง ทำใหบ้ ุคคลสำมำรถถำ่ ยทอดควำมรูด้ ังกล่ำวออกมำเปน็ ควำมรูท้ ี่ ปรำกฏชัดแจง้ หรือ explicit knowledge เพอื่ ให้บคุ ลำกรในองค์กร สำมำรถเข้ำถึง และใช้ควำมร้ใู ห้เป็นประโยชนใ์ นกำรพฒั นำตนเอง ...ใหเ้ ปน็ บุคลำกรที่สำมำรถปฏิบตั ิงำนอย่ำงมปี ระสิทธภิ ำพ และมี คณุ ภำพ สำมำรถสรำ้ งพลังเพ่ือขบั เคล่ือนยุทธศำสตร์ให้แกอ่ งค์กร บรรลเุ ป้ำหมำยในทส่ี ุด สำหรับในหน่วยงำนภำครำชกำร รัฐบำลได้ออกพระรำชกฤษฎีกำวำ่ ด้วยหลักเกณฑ์ และวิธกี ำรบริหำรกจิ กำรบำ้ นเมอื งที่ดี พทุ ธศกั รำช 2546 เพ่ือหน่วยงำนภำครำชกำรทกุ แห่งเปน็ องคก์ รแห่งกำรเรยี นรู้ โดยมรี ำยละเอียดอย่ใู นหมวด 3 มำตรำ 11 ดังน้ี “สว่ นรำชกำรมหี นำ้ ที่พฒั นำควำมรใู้ นส่วนรำชกำร เพอ่ื ใหม้ ีลักษณะ
ท่ี ภาพ เสียง เปน็ องค์กรแหง่ กำรเรียนรู้อย่ำงสมำ่ เสมอ โดยตอ้ งรับรขู้ ้อมูล ข่ำวสำรและสำมำรถประมวลผลควำมรู้ในด้ำนต่ำงๆ เพอ่ื นำมำ ประยกุ ต์ใชใ้ นกำรปฏิบัตริ ำชกำรได้อยำ่ งถูกต้อง รวดเรว็ และ เหมำะสมกับสถำนกำรณ์ รวมทั้งต้องสง่ เสริมและพฒั นำควำมรู้ ควำมสำมำรถ สรำ้ งวสิ ัยทัศน์ และปรับเปลยี่ นทัศนคตขิ อง ขำ้ รำชกำรในสังกดั ใหเ้ ป็นบุคลำกรที่มีประสิทธภิ ำพและมกี ำรเรียนรู้ รว่ มกนั ” ...จะเห็นว่ำ รำยละเอียดในพระรำชกฤษฎีกำ กำหนดให้ส่วน รำชกำรทุกแห่ง ตอ้ งมหี นำ้ ที่ในกำรพฒั นำควำมรูเ้ พื่อใหม้ ีลักษณะ เป็นองค์กำรแหง่ กำรเรยี นรูอ้ ยำ่ งสมำ่ เสมอ ดว้ ยกำรสร้ำงระบบรับรู้ ข่ำวสำรให้กวำ้ งขวำง และประมวลผลควำมรเู้ พอ่ื นำมำประยกุ ต์ใช้ ในกำรปฏิบัตริ ำชกำรไดถ้ กู ต้องรวดเร็ว ซง่ึ จะส่งผลให้ข้ำรำชกำร เป็นผู้มคี วำมรู้ในวิชำกำรสมัยใหม่ สำมำรถปฏิบตั หิ น้ำท่ีใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุดและมคี ุณธรรม …ตลอดจน ช่วยสร้ำงสร้ำงวัฒธรรมกำรแลกเปลี่ยนเรียนร้ซู งึ่ กนั และกนั เพอ่ื นำมำพัฒนำ กำรปฏิบัติรำชกำรร่วมกนั อย่ำงมี ประสิทธิภำพ และทำ้ ยทสี่ ุด ภำครำชกำรจะสำมำรถตอบคำถำมได้ ว่ำ ประชำชนไดร้ ับอะไรจำกกำรทำงำนของข้ำรำชกำร และเพ่อื ขำนรบั ต่อพระรำชกฤษฎกี ำ สำนักงำนคณะกรรมกำร พัฒนำระบบรำชกำร สำนกั งำน ก.พ. ได้กำหนดใหห้ นว่ ยรำชกำรทุก แห่ง มกี ำรจัดกำรควำมรู้ ...โดยให้นยิ ำมไว้ดังนี้ กำรจดั ำกรควำมรู้ในภำครำชกำร หมำยถงึ กำรรวบรวมองค์ควำมรู้ ที่มอี ยู่ในทุกสว่ นในองค์กรซึ่งกระจดั กระจำยอยู่ในตัวบุคคลหรอื เอกสำร มำพัฒนำให้เป็นระบบ เพื่อใหท้ ุกคนในองค์กรสำมำรถ เข้ำถึงควำมรู้ และพัฒนำตนเองให้เปน็ ผรู้ ู้ รวมท้ัง ปฏิบตั งิ ำนได้ อยำ่ งมีประสิทธิภำพ อนั จะส่งผลให้องคก์ รมีควำมสำมำรถในเชิง แข่งขนั สงู สุด โดยควำมรู้มี 2 ประเภท คือ ควำมรู้เฉพำะตวั (Tacit Knowledge) เป็นควำมรทู้ ฝ่ี ังลึกอยใู่ นคนที่ ได้จำกประสบกำรณ์ พรสวรรค์ หรือสัญชำตญำณของแต่ละบคุ คล
ท่ี ภาพ เสยี ง ในกำรทำควำมเขำ้ ใจในส่ิงต่ำงๆ ควำมรฝู้ งั ลกึ เป็นควำมรทู้ ี่ไม่สำมำรถถ่ำยทอดออกมำเปน็ คำพูด หรอื ลำยลักษณ์อักษรไดโ้ ดยง่ำย บำงคนจึงเรยี กวำ่ เป็นควำมร้แู บบ นำมธรรม ควำมรู้ประเภทท่ี 2 คือ ควำมรู้ทวั่ ไป คอื ควำมรชู้ ัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นควำมรูท้ ส่ี ำมำรถรวบรวม ถำ่ ยทอดได้ โดยผ่ำนวิธี ต่ำงๆ เชน่ กำรบนั ทกึ เป็นลำยลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่ำงๆ และ บำงครง้ั เรียกวำ่ เปน็ ควำมร้แู บบรูปธรรม ทง้ั นี้ คณะกรรมกำรพฒั นำระบบรำชกำร ได้กำหนดให้ภำครำชกำร ทกุ แหง่ ดำเนนิ กำรจัดกำรควำมรใู้ น 3 ระดบั ระดบั แรก คอื กำรจัดกำรควำมรู้ในองค์กร ระดบั ทสี่ อง กำรจดั กำรควำมรูใ้ นกลุ่มเพ่อื นรว่ มงำน ระดับท่สี ำม เป็นกำรจัดกำรควำมรู้ในตัวบคุ คล ซง่ึ เปน็ กำรนำข้อมลู มำประมวลเข้ำสู่ระบบสำรสนเทศ และเปน็ กำรจดั กำรควำมรู้ สมยั ใหม่ในยุคของสงั คมแห่งกำรเรยี นรู้ ในส่วนของกรมกำรพัฒนำชุมชน ได้มกี ำรปรบั ยุทธศำสตรป์ ี พทุ ธศักรำช 2551 – 2554 ไวด้ งั นี้ วิสัยทัศน์ “เป็นหนว่ ยงำนหลักในกำรสง่ เสริมกำรบริหำรจัดกำร ชมุ ชนให้เข้มแขง็ อย่ำงยงั่ ยืน” วิสยั ทศั นด์ ังกลา่ ว เกดิ ข้นึ ภายใต้แนวคดิ ว่า กรมกำรพฒั นำ ชมุ ชน เป็นหน่วยงำนหลักในกำรสรำ้ งชมุ ชนฐำนควำมร้สู ู่กำรพัฒนำ เศรษฐกิจ สังคม และควำมม่ันคงของชมุ ชน” สาหรับพันธกิจ ประกอบด้วยพนั ธกจิ 3 ประการคอื สรำ้ งพลังชมุ ชน สร้ำงระบบจัดกำรควำมรู้ และพันธกจิ สดุ ทำ้ ยคือ สร้ำงระบบกำรบรหิ ำรจดั กำรชมุ ชน พันธกิจทง้ั 3 ประการขา้ งตน้ เกดิ ขึน้ ภายใต้แนวคิดว่า.. ในกำรสรำ้ งชมุ ชนฐำนควำมรู้ กรมกำรพฒั นำชุมชน ต้องดำเนินกำร เพอ่ื ใหช้ ุมชน มีกำรจัดกำรควำมรู้ทีเ่ ปน็ ระบบ มีระบบกำรบรหิ ำร จดั กำรชุมชนที่นำไปสกู่ ำรพัฒนำเศรษฐกจิ สังคม และควำมมน่ั คง
ท่ี ภาพ เสยี ง ของชุมชนให้เข้มแข็งได้ จงึ เป็นพันธกจิ ท่กี รมฯ จะต้องดำเนนิ กำร เพอื่ ให้บรรลุเป้าหมาย 3 ประการคอื ชุมชนเข้มแข็ง ประชำชนพ่งึ ตนเองได้ และครอบครัวมีคุณภำพชวี ิตดี มีควำมสุข และในฐำนะทเี่ ปน็ ส่วนสำคัญต่อกำรขับเคล่ือนยุทธศำสตร์ขำ้ งต้น เจำ้ หน้ำทีพ่ ฒั นำชุมชนทุกระดับตำแหนง่ คงปฏิเสธคำว่ำ “กำร จดั กำรควำมรู้” ไม่ได้ สำหรบั วัตถุประสงค์กำรจัดกำรควำมรู้ คน พช. ควรดำเนินกำรใน 2 มติ ิ มติ ทิ ี่ 1 คือ มิตขิ ดำ้ นกำรสร้ำงให้ชุมชนมีระบบจัดกำร ควำมรู้ มติ ทิ ่ี 2 คือ มิติของควำมรู้ฝังลกึ ในตวั ตนของคน พช. ท่ีถูก นำมำใช้จนภำรกจิ ลุล่วงดว้ ยดนี น้ั มีควำมรใู้ ดบ้ำง อยำ่ งไรก็ตำม ไมว่ ่ำจะเป็นกำรจดั กำรควำมร้ใู นมิติใด ขอใหท้ ำจำก ประเด็นเล็กๆ และใหท้ ำด้วยควำมสนุก เพรำะกำรจัดกำรควำมรู้ คือ สว่ นหนง่ึ ของงำน ...เป็นเคร่ืองมอื ท่ีช่วยให้ คนพฒั นำงำน และงำนกจ็ ะพัฒนำคนสืบ ต่อไปไมจ่ บสน้ิ นอกจำกนี้ กำรจัดกำรควำมรู้ ยังเป็นสว่ นสรำ้ ง “ควำมเป็นชุมชน” ใหเ้ กิดขน้ึ ในหนว่ ยงำนทกุ ระดบั เพรำะเนื้อแท้ของกำรจัดกำรควำมรู้ คอื กำรแลกเปล่ยี นเรียนรู้ร่วมกนั สำหรบั วัตถุประสงคข์ องบทเรียน มุ่งหวงั ใหผ้ เู้ รียน รจู้ ักควำมหมำยของควำมรู้ และกำรจัดกำรควำมรู้ มีวิธีกำรนำควำมร้ฝู ังลกึ ของตนเอง ให้แสดงออกมำเปน็ ควำมรชู้ ัดแจ้งดว้ ยวิธกี ำรตำ่ งๆ ก่อนเข้ำบทเรียน ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอื่ ท่ีท่ำนจะไดม้ ีสิทธิ รับประกำศนียบัตรอิเล็กทรอนกิ ส์ และบนั ทึกผลกำรเรียนลง กพ.7
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: