รายงาน เร่ือง เพลงหน้าพาทย์ จดั ทำโดย นางสาวภัณฑริ า กา้ งคำมา 3014632001 นางสาวศิรนิ ันท์ บุญปัน๋ 3014632012 นางสาวพิมลวรรณ ซาลอื 3014632013 นางสาวพลอยปภสั พฒุ ชิ ินเสฏฐ์ 3014632014 นางสาวอัฐธนกาญจน์ แซเ่ ฮอ่ ร์ 3014632019 นายนัฐวฒุ ิ มเี กศ 3014632020 นางสาวกติ ตวิ รรณ คำเหลก็ 3014632024 นางสาวชฎาภรณ์ จรทอง 3014632026 ปริญญาตรชี นั้ ปีท่ี 1 เสนอ ดร.สุรสทิ ธ์ิ วเิ ศษสงิ ห์ รายงานเล่มนเี้ ป็นส่วนหน่ึงของวชิ าทกั ษะนาฏศิลป์ (301-22002) สถาบันบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ วิทยาลยั นาฎศลิ ปะเชยี งใหม่ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563
รายงาน เร่ือง เพลงหน้าพาทย์ จดั ทำโดย นางสาวภัณฑริ า กา้ งคำมา 3014632001 นางสาวศิรนิ ันท์ บุญปัน๋ 3014632012 นางสาวพิมลวรรณ ซาลอื 3014632013 นางสาวพลอยปภสั พฒุ ชิ ินเสฏฐ์ 3014632014 นางสาวอัฐธนกาญจน์ แซเ่ ฮอ่ ร์ 3014632019 นายนัฐวฒุ ิ มเี กศ 3014632020 นางสาวกติ ตวิ รรณ คำเหลก็ 3014632024 นางสาวชฎาภรณ์ จรทอง 3014632026 ปริญญาตรชี นั้ ปีท่ี 1 เสนอ ดร.สุรสทิ ธ์ิ วเิ ศษสงิ ห์ รายงานเล่มนเี้ ป็นส่วนหน่ึงของวชิ าทกั ษะนาฏศิลป์ (301-22002) สถาบันบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ วิทยาลยั นาฎศลิ ปะเชยี งใหม่ ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563
ก คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาทักษะนาฎศิลป์ (301-22002) ปริญญาตรีปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โดยมีจุดดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับความหมายของเพลงหน้าพาทย์ ความสำคัญของเพลงหน้าพาทย์ การรำเพลงหน้าพาทย์ตระ เพลงหน้าพาทย์ตร ะเชิญ เพลงหน้าพาทย์ ตระนารายณ์ เพลงหน้าพาทย์คุกพาทย์ เพลงหน้าพาทย์รัวสามลา เพลงหน้าพาทย์เสมอสามลา และโอกาส ในการแสดง เปน็ ตน้ เพ่ือนำไปใช้ในการประกอบการเรียนการสอนได้อยา่ งเขา้ ใจ ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือนักเรียนนักศึกษาที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ เพลงหน้าพาทย์ และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้มีทักษะและความสามารถต่อการนำไป ประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม หากมีข้อบกพร่องประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และผู้จัดทำ ยินดนี ้อมรับคำแนะนำเพอ่ื ใชใ้ นการปรบั ปรุงขอ้ มลู ใหม้ ีความสมบูรณ์และเกดิ ประโยชน์สูงสุดในครง้ั ตอ่ ไป คณะผู้จดั ทำ 30 มีนาคม 2564
สารบญั ข คำนำ หน้า สารบญั ก สารบญั รปู ภาพ ข สารบญั ตาราง ง เพลงหนา้ พาทย์ จ 1 ความหมายของเพลงหนา้ พาทย์ 1 ความสำคัญของเพลงหนา้ พาทย์ 1 การรำเพลงหน้าพาทย์ตระ 2 เพลงหนา้ พาทยต์ ระเชญิ 2 2 ทมี่ าและความหมายของเพลงตระเชญิ 3 โอกาสทีใ่ ชเ้ พลงหน้าพาทย์ตระเชิญ 3 กระบวนทา่ รำเพลงหนา้ พาทย์ตระเชญิ 6 เพลงหน้าพาทยต์ ระนารายณ์ 6 ทม่ี าและความหมายของ คำว่า “ตระนารายณ”์ 6 โอกาสท่ใี ชเ้ พลงหนา้ พาทย์ตระนารายณ์ 7 กระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทย์ตระนารายณ์ 10 เพลงหนา้ พาทย์คุกพาทย์ 10 ทมี่ าและความหมายของเพลงหน้าพาทยค์ กุ พาทย์ 11 โอกาสทใ่ี ชเ้ พลงหน้าพาทยค์ ุกพาทย์ 11 กระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทย์คกุ พาทย์ 16 เพลงหนา้ พาทยร์ วั สามลา 16 ทมี่ าละความหมายของเพลงวั สามลา 17 โอกาสท่ใี ชเ้ พลงหนา้ พาทยร์ วั สามลา 17 กระบวนทา่ รำเพลงหน้าพาทยร์ ัวสามลา 22 เพลงหนา้ พาทยเ์ สมอสามลา 22 ทม่ี าละความหมายของเพลงเสมอสามลา 22 โอกาสท่ีใชเ้ พลงหน้าพาทยเ์ สมอสามลา
กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทยเ์ สมอสามลา ค เอกสารอา้ งองิ 23 27
สารบญั รูปภาพ ง กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทยต์ ระเชญิ หน้า ภาพท่ี 1-4 3 ภาพท่ี 5-10 3 2 กระบวนทา่ รำเพลงหนา้ พาทยต์ ระนารายณ์ 7 ภาพที่ 1-6 7 ภาพที่ 7-12 8 ภาพที่ 13-16 9 11 กระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทย์คกุ พาทย์ 11 ภาพที่ 1-2 12 ภาพท่ี 3-8 13 ภาพท่ี 9-14 14 ภาพที่ 15-20 17 17 กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทยร์ ัวสามลา 18 ภาพท่ี 1-4 19 ภาพท่ี 5-10 20 ภาพที่ 11-16 23 ภาพท่ี 17-20 23 24 กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทยเ์ สมอสามลา 25 ภาพท่ี 1-4 ภาพท่ี 5-10 ภาพที่ 11-14
สารบญั ตาราง จ ตารางที่ 1 กระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทยต์ ระเชญิ หน้า ตารางท่ี 2 กระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทยต์ ระนารายณ์ 5 ตารางที่ 3 กระบวนทา่ รำเพลงหนา้ พาทยค์ ุกพาทย์ 9 ตารางท่ี 4 กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทยร์ วั สามลา 15 ตารางท่ี 5 กระบวนทา่ รำเพลงหนา้ พาทยเ์ สมอสามลา 20 25
1 เพลงหนา้ พาทย์ ความหมายของเพลงหนา้ พาทย์ เพลงหน้าพาทย์ คือเพลงที่ใช้บรรเลงประกอบอากัปกิริยาของตัวโขน ละคร หรือใช้สำหรับอัญเชิญ พระเป็นเจ้า ฤษี เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหลายให้มาร่วมในพิธีไหว้ครู และพิธีที่เป็นมงคลต่าง ๆ อากัปกิริยา ของตัวโขนละครต่าง ๆ นั้น เป็นกิริยาที่มองเห็นได้ เพราะกำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน เช่น กิริยาเดิน วิ่ง นั่ง นอน กิน เศร้าโศก ร้องไห้ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนอากัปกิริยาของพระเป็นเจ้า ฤษี และเทพพรหมต่าง ๆ ที่อัญเชิญมาร่วม ในพิธีไหว้ครู และพิธีมงคลต่างๆ นั้นถือว่าเป็นกิริยาสมมุติ เพราะมองไม่เห็น เช่น สมมุติว่าเวลานี้ได้เสด็จแล้วก็ บรรเลงเพลงหน้าพาทย์รับเสด็จอนึ่ง เพลงหน้าพาทย์นั้นถือเป็นเพลงชั้นสูงและมีความศักดิ์สิทธิ์จึงมักจะบรรเลง ตามขนบดั้งเดิม ไม่นิยมดัดแปลงหรือแต่งเดิมอย่างเพลงที่ใช้บรรเลงทั่วไป นอกจากนี้แล้วเพลงหน้าพาทย์ยังเป็น เพลงท่ใี ชบ้ รรเลงเพยี งอยา่ งเดียวไมม่ ีบทร้อง หรอื เนือ้ ร้องประกอบ ความสำคญั ของเพลงหนา้ พาทย์ ดนตรีไทย ถือว่าเพลงในการประกอบการแสดงโขนนั้นเป็นเพลงหน้าพาทย์ ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่ศักดิ์ และมีความสูงส่งเป็นที่ควรเคารพบูชาของเหล่าศิลปิน การที่จะได้ท่ารำมานั้นมันไม่ง่าย เพราะท่ารำของ เพลงหน้าพาทย์ต่าง ๆ ครูอาจารย์มักหวงแหน เมื่อจะถ่ายทอดก็ต้องดูถึงความเหมาะสมพฤติกรรม อันเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาช้านาน เพราะในการฝึกการสั่งสอนให้บูชาพระรัตนตรัย ครูอาจารย์ ทุกครั้งไป ต้องสักการต่อหน้าพระพุทธรูป ครูฤษี ครูพระพิราบ การฝึกหัดท่ารำ หรือการฝึกหัดจนเกิดความชำนาญ ก่อนออกการแสดงจะต้องมีการกราบไหว้เคารพบูชา ต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ ตลอดจนการขอพรครูอาจารย์ให้ช่วย ดลบันดาลให้การแสดงสัมฤทธ์ิ และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมในขณะเดียวกันก็ขอขมาต่อการแสดงปฏิบัติท่ารำ ผิดพลาดในการปฏิบัติท่วงทำนองเพลงหน้าพาทย์ต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนท่ารำที่คลาดเคลื่อนไปช่วยยกโทษให้ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาช้านาน ผู้ศึกษาทางนาฏศิลป์ไม่ควรละเว้นแม้ขณะที่ได้ยินเพลงหน้าพาทย์ ก็ควรยกมือไหว้ เพื่อระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์แม้กระทั้งการฝึกหัดต่อท่าเพลงหน้าพาทย์ต่อครูอาจารย์ก็ควร ให้ความเคารพเช่นกัน หรือจะต้องต่อเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงๆ จะต้องต่อในพิธีไหว้ครู ซึ่งจะมีการจัดพิธีไหว้ครู ประจำขึ้นทุกปี ศิษย์คนใดที่ครูเห็นว่าควรที่จะต่อเพลงหน้าพาทย์จะต้องเตรียมของมาคำนับครู เช่น ขันล้างหน้า 1 ใบ ผ้าเช็ดหน้า 1 ผืน ดอกไม้ ธูปเทียน หญ้าแพรก ดอกมะเขือ พร้อมด้วยเงิน 6 บาท หรือ 12 บาท เงินบูชานี้ นิยมทำกันเป็นธรรมเนียมว่า จะนำไปทำบุญอุทิศให้แก่บูรพาจารย์เหนือขึ้นไป มิฉะนั้นจะผิดครู ฉะนั้นก่อนที่ผู้ฝึก จะทำการต่อเพลงหน้าพาทย์ต่าง ๆ ได้นั้น จะต้องได้รับการครอบหรือการไหว้ครูก่อน ถ้าผู้ฝึกจะจบการศึกษา ระดบั นาฏศิลปช์ ้นั สูง หรอื จะไปเป็นครนู าฏศิลปต์ อ่ ไป ผนู้ น้ั จะไดร้ ับการมอบจากครูผู้ใหญ่(ประธานพิธไี หว้ครู) ก่อน
2 เพลงหนา้ พาทยแ์ บง่ ระดบั ความสำคญั ออกได้เป็น 3 ระดับ คือ 1. เพลงหน้าพาทย์ธรรมดา ใช้กับตัวละครชั้นสามัญทั่วไปที่ไม่มีความสำคัญมากนัก เชน่ เพลงเสมอ 2. เพลงหน้าพาทย์ชั้นกลาง ใช้กับตัวละครที่มีความสำคัญมากขึ้น เช่น เพลงเสมอข้ามสมุทร เพลงเสมอเถร เพลงเสมอมาร 3. เพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง ใช้กับตัวละครที่สูงศักดิ์ เช่น เพลงบาทสกุณี (เสมอตีนนก) เพลงดำเนินพราหมณ์ การรำเพลงหนา้ พาทยต์ ระ คำว่า “ตระ” มาจากคํากริยาในภาษาบาลีว่า “ตร” และในภาษาสันสกฤตว่า “ตรฺ” หมายถึง ข้ามพ้น ชนะอุปสรรค โดยเฉพาะมุ่งชนะห้วงกิเลสหรือโอฆะซึ่งมี 4 อย่างคือ กาโมฆะ หมายถึง โอฆะคือกาม ภโวฆะ หมายถึง โอฆะคือภพ ทิฏโฐฆะ หมายถึง โอฆะคอื ทฐิ ิ และอวิช โชฆะ หมายถงึ โอฆะคอื วชิ า รวมหมายถึง การข้าม พ้นและชนะอุปสรรคที่เป็นกิเลสทั้งหลาย ดังนั้นความหมายของ “เพลง ตระ” จึงหมายถึง ทํานองเพลงที่มี ลักษณะเฉพาะอันแสดงถึงการข้ามพ้นอุปสรรคและความ ยากลําบาก ซึ่งในบทที่ 2 นี้ จะได้อธิบายถึงการรําหน้า พาทย์ประเภทเพลงตระ 4 เพลงคือ ตระ นิมิต ตระนารายณ์ ตระสันนิบาตและตระเชิญ ตามที่กําหนดในหลักสูตร การเรยี นการสอน เพลงหน้าพาทย์ตระเชญิ ทม่ี าและความหมายของเพลงหน้าพาทย์ตระเชิญ เพลงตระเชิญ เป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงมีปรากฏมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีหลักฐานแน่ชัด และไม่ปรากฏนามผู้แต่งเพลงนี้ใช้จังหวะหน้าทับ ตระ อัตราจังหวะสองชั้น ต่อท้ายด้วยเพลงรัวลาเดียว เพลงตระ เชิญนอกจากจะปรากฏอยู่ในการแสดงโขนละครแล้วยังปรากฎในพิธีไหว้ครูดนตรี โขน ละครและการไหว้ครูช่าง ด้วย ตระเชิญ เป็นคําประสมมาจากคํา 2 คํา มารวมกันคือคําว่า ตระ และคําว่า เชิญ พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2546: 799) ให้ความหมายไว้ดังนี้ “เพลงตระ เชิญ น. ชื่อเพลงหน้าพาทย์ ที่ใช้อัญเชิญเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ดังนั้น เพลงตระเชิญจึง หมายถึง ทํานองดนตรีเพลงไทยทํานองหนึ่ง ที่ใช้บรรเลง ประกอบกิรยิ าอาการออ่ นน้อมในการเชญิ สงิ่ ศกั ดสิ์ ิทธิ์ ด้วยความเคารพของตัวละครและตวั โขน โอกาสทใ่ี ชเ้ พลงหนา้ พาทยต์ ระเชิญ
3 เพลงหน้าพาทย์ตระเชิญ ใช้บรรเลง ประกอบพิธีไหว้ครู และประกอบการแสดงโขน ละคร สําหรับ ตวั ละครทม่ี ยี ศศักดท์ิ ง้ั ฝา่ ย พระ นาง ยักษ์ และลงิ ใช้ในพธิ ีไหว้ครู 1. พิธไี หวค้ รนู าฏศลิ ปใ์ นพิธีไหวค้ รนู าฏศลิ ป์ 2. พิธีไหว้ครดู นตรีและพธิ ไี หว้ครชู ่าง 3. ใช้ประกอบการแสดงนาฏศิลป์ กระบวนท่ารำของเพลงหนา้ พาทย์ตระเชญิ ภาพท่ี 1 ภาพท่ี 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4
4 ภาพที่ 5 ภาพท่ี 6 ภาพท่ี 7 ภาพที่ 8 ภาพที่ 9 ภาพที่ 10
5 ลำดบั ภาพท่ี อธิบายลักษณะทา่ รำ 1 นั่งกระทบ หนา้ ตรง มอื ทง้ั 2 วางบนหน้าขา 2 กระทบ 3 ครั้ง ก้ม-เงยหน้าเล็กน้อย-ก้ม-หน้าตรง ช้อนมือทั้ง 2 ขึ้นไปไหว้ (หัวแม่นิ้วโป้งจรด ตนี ผม) จากน้ันดงึ ลงมาพนมมอื ไว้ทอี่ ก 3 ขยับตัวเฉียงไปด้านขวา เอียงขวา มือซ้ายตั้งวงหงายแขนงอระดับเอว มือขวาจีบคว่ำ แขนงออยู่ระดบั เอว 4 ตั้งขาซ้ายข้ึนแล้วกระดกเทา้ หลงั เอียงซา้ ยมองนอก มือซา้ ยดึงไปจบี ส่งหลงั มือขวาดงึ ขน้ ไปตงั้ วง หงายแขนงอตั้งฉาก(วงเทริด) 5 ดึงขาซ้ายลงมานั่งกระทบจากนั้นตั้งขาขึ้นเหมือนเดิม เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา แทงมือทั้ง 2 ขึ้นตั้งวง โดยมือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาตั้งวงบน จากนั้นยืด-ยุบย้อนหนักหน้า-หนักหลัง 4 คร้งั /จงั หวะ *ปฏิบัติซ้ำภาพที่ 4 แตท่ ำคนละขา้ งกนั *ปฏิบตั ซิ ำ้ ภาพท่ี 5 แต่ทำคนละขา้ งกัน 6 นั่งกระทบหน้าตรง เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือทำท่ากลางอัมพร โดยมือซ้ายจีบคว่ำ แขนงอระดับเอวแล้วดึงขึ้นม้วนจีบตั้งวงหงายแขนงอ(วงเทริด) มือขวาตั้งวงหงาย แขนงอระดบั เอวพริบขน้ึ ตง้ั วงแขนเหยยี ดตงึ 7 นั่งกระทบหน้าตรง เอียงขวา แทงมือซ้ายลงมาตั้งวงกลาง ดึงมือขวาไปตั้งวงบน จากนั้นยักตวั 2 คร้งั /จังหวะ (ตวั นางกระดกเท้าขวา) *ปฏิบตั ิซ้ำภาพท่ี 6 แตท่ ำคนละข้างกนั *ปฏบิ ัตซิ ้ำภาพที่ 7 แต่ทำคนละข้างกนั 8 นั่งกระทบเฉียงตัวไปด้านขวาเล็กน้อย มือทั้ง 2 จีบหงายเข้าหาตัวเองม้วนจีบออกขึ้นไปไหว้ ดา้ นขวาแลว้ ลดลงมาหนา้ ตรง 9 ปฏบิ ัตซิ ำ้ ภาพที่ 8 แต่ทำคนละขา้ งกนั และไม่ตอ้ งจบี ให้ดึงมอื ข้ึนไปไหว้เลย 10 ปฏบิ ตั ซิ ้ำภาพที่ 9 แต่ทำดา้ นหนา้ หมายเหตุ ท่าเหมือนกนั แตกตา่ งกันทบี่ างทา่ ตัวนางกระดกเทา้ แตต่ ัวพระไมก่ ระดกเท้า ตารางท่ี 1 กระบวนท่ารำของเพลงหน้าพาทย์ตระเชญิ
6 เพลงหนา้ พาทยต์ ระนารายณ์ ทีม่ าและความหมายของเพลง คาํ วา่ “ตระนารายณ์” หมายถึง ชื่อเรียกเพลงรําหน้าพาทย์เฉพาะตอนที่พระนารายณ์แปลงกาย ซึ่งการกําหนดเรียกชื่อเพลง “ตระนารายณ์” นี้ ครูทางฝ่ายนาฏศิลป์เป็นผู้เรียกและเข้าใจกันในกลุ่มนาฏศิลป์ แท้ที่จริงแล้ว เพลงหน้าพาทย์ที่ใช้บรรเลงประกอบการแปลงกายของพระนารายณ์ก็คือเพลงตระนิมิตนั่นเอง เพียงแต่ท่ารําหน้า พาทย์เพลงตระนิมิตของพระนารายณ์มีลักษณะเฉพาะ โดยเฉพาะในกรณีท่ี พระนารายณ์ถืออาวุธรํา ซึ่งพระนารายณ์มี 4 กร ถือ สังข์ จักร ตรี คทา (ในการรํามือทั้งสองข้าง มักจะถือจักร ตรี หรือคทา ไม่นิยม ถือสังข์ เพราะไม่สะดวกในการถือรํา) ดังนั้นมือทั้งสองข้างจึงไม่มีการจีบหรือแบมือแบบรําเพลงตระนิมิตทั่วไปได้ ถ้าไม่ถืออาวุธก็จะทํามือล่อแก้วแทน จึงเป็นที่มาของการเรียกเพลงตระนิมิตที่ใช้ทา่ รําเฉพาะพระนารายณ์รําแปลง กายว่า “ตระนารายณ์” หากพิจารณาเพลงหน้าพาทย์ช้ันสูงที่บรรเลงประกอบในพิธีไหว้ครูดนตรี และนาฏศิลป์ จะพบว่ามีเพลงหลายเพลงที่ใช้บรรเลงประกอบคาถาหรือบทโองการเพื่อไหว้บูชา และเชิญเทพเจ้าทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรเลงประกอบกิริยาสมมุติในการเสด็จมาในมณฑลพิธีของเทพเจ้า เช่น เพลงตระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ตระพระพรหม ตระพระปรคนธรรพ ตระพระ วิสสุกรรม ตระพระปัญจสีขร ตระพระพิฆเนศ ตระฤๅษีกไลโกฏ เป็นต้น ล้วนแต่เป็นเพลงหน้าพาทย์เฉพาะองค์เทพเจ้านาม นั้นๆ ทั้งสิ้น การกําหนดเรียกชื่อ “ตระนารายณ์” โดยที่ ไม่มีเพลงหน้าพาทย์เฉพาะสําหรับบทบาท ตัวละครพระนารายณ์เช่นนี้ บางครั้งก็สร้างความสับสนให้กับนักดนตรีที่บรรเลงปี่พาทย์ได้ เนื่องจากนักดนตรีไม่รู้ ทม่ี าของชือ่ ตระนารายณท์ ีฝ่ ่ายนาฏศลิ ป์บัญญตั ิกนั เองประการหน่ึง อกี ประการหนึง่ นกั ดนตรีอาจจะเข้าใจท่ีมาของ การเรียกชื่อแต่ไม่ยอมรับการเรียกเช่นนั้นเพราะคนบรรเลงเพลงตระนิมิตซึ่งครูบาอาจารย์ได้เรียกกันมาช้านาน หรืออาจจะด้วยความเข้าใจว่าตระนารายณ์หมายถึงเพลงตระนารายณ์บรรทมสินธุ์ จึงบรรเลงเพลงตระนารายณ์ บรรทมสินธุ์ ความหมายของการรําแปลงกายเป็นร่างใหม่ของพระนารายณ์กลายเป็นการบรรเลงเพลง ให้พระนารายณ์เข้าบรรทม ซึ่งผิดขนบการแสดงนาฏศิลป์ไทย อย่างไรก็ตามคํา www.ssru.ac.th 100 ว่าตระนารายณ์ได้กลายเป็นที่เข้าใจกันของฝ่ายโขนละครอย่างกว้างขวางแล้ว เพลงตระนารายณ์ ใช้ทํานองเพลง ตระนมิ ติ โอกาสที่ใชเ้ พลงตระนารายณ์ ใช้เฉพาะพระนารายณ์รําแปลงกาย เช่น ใช้ประกอบการแปลงกายของพระนารายณ์ที่แปลงเปน็ พราหมณ์ น้อย เข้าไปร่ายรําถวายพระอุมาในบทละครเบิกโรงเรื่องพระคเณศวร์เสียงาและใช้ประกอบการแปลงกายของ พระนารายณเ์ ป็นนางนารายณไ์ ปปราบนนทุก เป็นตน้
7 กระบวนทา่ รำเพลงหนา้ พาทยต์ ระนารายณ์ ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพท่ี 4 ภาพท่ี 3 ภาพท่ี 4 ภาพท่ี 5 ภาพที่ 6
ภาพท่ี 7 8 ภาพท่ี 9 ภาพท่ี 11 ภาพท่ี 8 ภาพท่ี 10 ภาพท่ี 12
9 ภาพท่ี 13 ภาพท่ี 14 ภาพท่ี 15 ภาพที่ 16 ลำดับภาพท่ี อธบิ ายลักษณะทา่ รำ 1 (ยืนท่าพระ) เอยี งขวา 2 (ท่าขัดจางนาง) เอียงขวา-ซ้าย ประเท้าขวายืดยุมห่มเข่าแล้วก้าวข้าง จากนั้นยืด-ยุบ แลว้ ยอ้ น 2 จังหวะ 3 ปฏิบตั ิเหมอื นภาพท่ี 2 แตท่ ำคนละขา้ ง 4 หันหน้าไปด้านขวา ประเท้าซ้ายยืดยุบ เอียงขวาแล้วกลับเอียงซ้ายมองนอก ดึงมือซ้าย มาวางไว้บนหน้าขาซ้าย ดึงมือขวาขึ้นไปแล้วม้วนออกไปตั้งวงบน จากนั้นสะดุ้งตัวขึ้น 2 คร้ัง (ขวา-ซ้าย) 5 วางเท้าซา้ ยไปดา้ นหนา้ แล้วหมุนไปด้านซ้าย จากนัน้ ปฏิบตั ภิ าพท่ี 4 แต่ทำคนละขา้ ง
10 6 (ท่ากลางอัมพร) วางเท้าขวาแล้วหมุนไปด้านขวา ประเท้าซ้ายยืดยุมห่มเข่าแล้วก้าวข้าง เอียง ซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือทำท่ากลางอัมพร โดยมือซ้ายตั้งวงหงายมือตั้งฉากขึ้น(เหมือนท่าจีบ 7 ปรกข้าง) มอื ขวาตง้ั วงแขนเหยยดี ตงึ ยดื ยุบแล้วยอ้ น 2 ครง้ั 8 หมุนมาด้านซา้ ย จากน้นั ปฏบิ ัตภิ าพที่ 6 แต่ทำคนละข้างกนั 9 (ท่ากรบน) หมุนมาด้านหน้าประเท้าซ้ายยืดยุบห่มเข่าแล้วก้าวข้าง เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา 10 มอื ทัง้ 2 จบี หงายเขา้ หาตัวเองจากนน้ั ดงึ มอื ออกไปตง้ั วงกลาง ยืดยบุ แล้วยอ้ น 2 คร้งั 11 (ท่างกรล่าง) ปฏิบัติเหมือนภาพที่ 8 แต่ทำคนละข้างกัน มือทั้ง 2 จีบคว่ำอยู่ที่ชายพกจากนั้นดึง 12 มอื ออกไปตง้ั วงหงายงอแขนเข้าหาตัวเองระดับเอว ยืดลากเท้าซ้ายมาก้าวหน้ายุบแล้วขยั่นเท้าหมุนไปด้านซ้าย เอียงขวาเล็กน้อยแล้วกลับเอียงซ้าย 13 มองนอก ดงึ มือซา้ ยมาต้ังวงล่าง มอื ขวาดงึ ขึน้ ไปตั้งวงบน(ควงคฑา) 14 ปฏิบัติเหมอื นภาพท่ี 10 แตท่ ำคนละข้างกัน ดึงมือขวาลงมาแทนท่มี อื ซา้ ย 15 (ท่าแปลงกาย/ท่าสอดสร้อยมาลาแปลง) ก้าวข้างเท้าซ้ายยืดยุบแล้วกลับมาก้าวข้างเท้าขวายืด 16 แล้วหมนุ ไปดา้ นซา้ ย เอยี งขวาแลว้ กลับเอยี งซ้ายมองนอก มอื ทงั้ 2 จบี คว่ำอยู่ที่อกแล้วดึงออกไป หมายเหตุ จากนั้นก้าวข้างเท้าขวา จรดเท้าซ้ายแล้วหมุนมาด้านหน้า เอียงขวาแล้วกลับเอียงซ้าย มือทำท่า สอดสร้อยมาลา โดยมือซ้ายจีบหหงายอยูช่ ายพก มือขวาตั้งวงบน (เปลี่ยนมอื ท่าสอดสร้อยมาลา แปลงท้งั หมด 3 ครัง้ ) (ท่ารำร่าย) ประสมเท้าขวา เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือซ้ายตั้งวงอยู่ระดับปาก มือขวาตั้งวง บน ยืดยุบก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเท้าซ้ายมาวาง(ใช้ส้นเท้าวาง) มือซ้ายจีบส่งหลัง มือขวาหยิบจีบ แล้วปล่อยออกต้ังวงบน (ท่าป้องหน้า)ประเท้าขวายืดยบุ ห่มเข่าแล้วก้าวข้าง เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือซ้ายป้องหนา้ มอื ขวาจีบสง่ หลงั ยนื ทา่ พระ มอื ขวาจับคฑา มือซา้ ยจักร ตรีเหนบ็ ไวท้ เ่ี อว (ถา้ ไม่มอี าวธุ ใหท้ ำมือในท่าลอ่ แกว้ ) ตารางที่ 2 กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทยต์ ระนารายณ์ เพลงหนา้ พาทยค์ กุ พาทย์ ที่มาและความหมายของเพลงหน้าพาทยค์ กุ พาทย์ เพลงคุกพาทย์ เป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงใช้ในพิธีการไหว้ครูดนตรีไทยครูผู้ประกอบพิธีจะเรียกเพลงน้ี เพื่อเป็นการอัญเชิญพระพิฆเณศมาชุมนุมในมณฑลพิธีไหว้ครู โดยถือว่าท่านเป็นบรมครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา
11 ฟ้อนรำ และประกอบการแสดงอิทธิฤทธิ์ของตัวละครสูงศักดิ์ หรือแม้กระทั่งเมื่อมีบทพระพิฆเณศ ก็มักจะออกเพลงคุกพาทย์ ลีลาของเพลงจะช้าเร็วสลับกันไปเป็นตอนๆ ให้เกิดความรู้สึกเร้าใจ เกรี้ยวกราด น่าเกรงขาม เพลงคุกพาทย์ยังใช้ในเทศน์มหาชาติใช้ประจำกัณฑ์จุลพน ต่างจากเพลงเพลงตระพระพิฆเณศ ตอนขึ้นเพลง คุกพาทย์ หมายถึง เพลงปี่พาทย์เพลงหนึ่งที่ใช้ประกอบการแสดงมหิทธิฤทธิ์ของตัวละครสูงศักดิ์ลีลา ของเพลงจะช้าและเร็วสลับกันไปเป็นตอนๆ ทำให้เกิดความรู้สึกเร้าใจ เกรี้ยวกราด น่าเกรงขาม ใช้ประกอบ พฤติกรรมของตัวละครทั้งพระ นาง ยักษ์และลิง ที่เกิดโทสะอย่างแรงกล้า ท่วงทำนองแบ่งออกเป็น 2 ลา เรียก ลา 1 , ลา 2 ในเทศน์มหาชาติใช้ประจำกัณฑ์จุลพน เพลงนี้ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งและแต่งขึ้นเมื่อใด อีกทั้งคำว่า “คุกพาทย์” ซึ่งเป็นชื่อเพลงนั้น ไม่ได้มีความหมายสัมพันธ์กับเหตุการณ์ในเรื่องหรือกิริยาอารมณ์ของตัวโขนละคร แต่ประการใด คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเพลงคุกพาทย์นี้เป็นหน้าพาทย์ที่ใช้สำหรับยักษ์และพระเท่านั้น จะไม่ใช้กับลิง เป็นอันขาด เมื่อพิจารณาบทโขนหลายตอนพบว่าในการแผลงฤทธิ์หรือแสดงอารมณ์โกรธรุนแรงของลิงก็ใช้เพลง คุกพาทย์ได้ เช่น ตอนที่หนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือนเพื่อแสดงตนว่าเป็นหนุมาน หรือตอนที่หนุมานแสดง อิทธฤิ ทธห์ิ าวเป็นดาวเปน็ เดอื น เพ่ือสรา้ งความสว่างภายในถำ้ สรุ กานต์ เปน็ ตน้ โอกาสท่ีใชเ้ พลงหนา้ พาทย์คุกพาทย์ 1. ใชใ้ นพธิ ีไหว้ครโู ขนละคร 2. ใชใ้ นพิธไี หวค้ รูดนตรี 3. ใช้ในพธิ กี ารหรือขนบปฏิบตั ทิ างพระพทุ ธศาสนา 4. ใชป้ ระกอบการแสดงโขนละคร กระบวนทา่ รำเพลงหน้าพาทยค์ กุ พาทย์ ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2
ภาพท่ี 3 12 ภาพที่ 5 ภาพที่ 7 ภาพที่ 4 ภาพท่ี 6 ภาพที่ 8
ภาพที่ 9 13 ภาพที่ 11 ภาพท่ี 13 ภาพท่ี 10 ภาพที่ 12 ภาพที่ 14
ภาพที่ 15 14 ภาพที่ 17 ภาพท่ี 19 ภาพท่ี 16 ภาพท่ี 18 ภาพท่ี 20
15 ลำดับภาพท่ี อธบิ ายลักษณะทา่ รำ 1 นั่งกระทบ หนา้ ตรง มือท้งั 2 วางไวบ้ นหน้าขา 2 นั่งกระทบ ก้ม-เงยหน้าเล็กน้อย-ก้ม-หน้าตรง ช้อนมือทั้ง 2 ขึ้นไปไหว้ (หัวแม่นิ้วโป้งจรด ตีนผม) จากน้นั ดงึ ลงมาพนมมอื ไวท้ อี่ กพรอ้ มกับกระทบ 1 ครัง้ 3 นั่งกระทบจากนั้นตั้งขาขวาขึ้น ลักคอขวาเล็กน้อยแล้วก้มลงจากนั้นขึ้นมาหน้าตรง มือซ้ายจีบ คว่ำแล้วพริบขึ้นจีบหงายอยู่ชายพก มือขวาตั้งวงหงายงอแขนระดับเอวจากนั้นพริบมือลงไปจับ พระขรรคแ์ ลว้ ควง 1 ครั้ง ต้ังขึ้นอยู่ชายพก 4 ลุกขึ้นย้ำเท้าหลัง(เท้าซ้าย) ย้ำเท้าหน้า(เท้าขวา) ทำสลับกันประมาณ 4ครั้ง/จังหวะ ลักคอขวา -ซ้ายเล็กน้อยตามจังหวะ มือซ้ายจีบหงายอยู่ชายพก มือขวาควงไม้(ควงไม้ลงจังหวะเลขคี่ ต้งั ไมข้ น้ึ จงั หวะเลขค่)ู ทำไปเร่อื ยๆจนหมดจังหวะ 5 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเท้าซ้าย หน้าตรง มือทั้ง 2 อยู่ในท่าเดิม แต่มือขวาให้ควงไม้ แลว้ ตง้ั ขน้ึ 1 ครง้ั 6 ปฏบิ ตั เิ หมอื นภาพท่ี 4 แตเ่ ท้าซา้ ยอยหู่ น้า เทา้ ขวาอยู่หลัง (จงั หวะจะกระชับกวา่ ภาพที่ 4) 7 ถอนเท้าขวาวางหลังแล้วหันไปด้านซ้ายยกเท้าซ้าย จากนั้นวางเท้าซ้ายแล้วจรดเท้าขวา และ เร่ิมขยน่ั เท้าถ่ๆี หันไปด้านขวา เอยี งขวาลว้ กลับเอียงซา้ ย มือซา้ ยจีบปรกขา้ งแลว้ มว้ นจีบไปต้ังวง กลาง มือขวาตงั้ วงกลางแล้วม้วนมือขึ้นไปจีบปรกข้าง 8 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเท้าซ้ายยืด-ยุบห่มเข่าก้าวข้าง เอียงเดิมจากนั้นกลับไปเอียงขวา มือทั้ง 2 ม้วนขึ้นเป็นท่ากลางอัมพร โดยมือตั้งวงหงายแขนงอตั้งฉาก(วงเทริด) มือขวาตั้งวง แขนเหยยี ดตึง 9 พริบเท้าขวาขึ้นมาก้าวข้าง เอียงซ้าย มือขวาควงไม้ขึ้น 1 ครั้ง จากนั้นปฏิบัติซ้ำอีกคร้ัง แต่ทำคนละขา้ งกัน 10 ยกส้นเท้าซ้ายขึ้นทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าขวา(หนักหลัง) ยกส้นเท้าขวาขึ้นทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าซ้าย (หนักหนา้ ) ทำสลบั กบั ประมาณ 6 คร้ัง/จงั หวะ เอยี งซ้าย(กม้ หนา้ เลก็ น้อย) เอียงขวา มอื ขวาควง ไม้ลง-ขึ้น ประมาณ 3 คร้ง/6 จังหวะ จากนั้นยกเท้าซ้ายเล็กน้อยแล้วขยั่นเท้า หันหน้าไป ด้านขวา หน้าตรง มือขวาควงไม้ แล้วก้าวหน้าเท้าซ้ายแล้วแตะเท้าขวาเอียงขวาแล้วกล่อมหน้า 2 ครัง้ มอื อยูใ่ นทา่ กลางอัมพร จากนน้ั ยบุ ขยั่นเท้าหันไปด้ายซา้ ย 11 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเทาซ้ายยืด-ยุบห่มเข่าก้าวข้าง เอียงซ้ายแล้วเอียงขวา มืออยู่ในท่ากลาง อมั พร โดยมือซ้ายตง้ั วงบน มอื ขวาตง้ั วงหงายแขนงอระดบั เอว 12 พริบเท้าขวามาก้าวข้าง เอียงซ้าย พริบมือขวาขึ้นตั้งวงกลาง จากนั้นยกส้นเท้าขวาข้ึน ทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าซ้าย(หนักหลัง) ยกส้นเท้าซ้ายขึ้นทิ้งน้ ำหนักไว้ที่เท้าขวา(หนักหน้า)
16 13 ทำสลับกับประมาณ 6 ครั้ง/จังหวะ เอียงขวา(ก้มหน้าเล็กน้อย) เอียงซ้าย มือขวาควงไม้ 14 ลง-ข้นึ ประมาณ 3 ครง้ /6 จังหวะ จากน้ันยกเท้าซา้ ยเล็กน้อยแลว้ ขย่นั เทา้ ถๆ่ี หน้าตรง 15 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วแตะเท้าซ้าย เอียงซ้ายแล้วกล่อมหน้า 2 ครั้ง มือซ้ายอยู่ในท่าเดิม 16 มือขวาตัง้ วงกลาง(มอื จับพระขรรค์) จากน้นั ยบุ แลว้ หันไปด้ายขวา กระทบื เท้า 2 ครั้ง(ขวา-ซา้ ย) แล้วยกเทา้ ขวา-ยุบยดื ห่มเขา่ กา้ วข้างจากน้นั สืบเท้าหมุนรอบตัวมา 17 ดา้ นหนา้ เอยี งขวาแลว้ เอยี งซ้ายมองนอก มอื ทัง้ 2 จีบควำ่ อยู่ท่ีอกจากน้ันดงึ ออกไปควำ่ กดมอื ลง 18 ปฏบิ ัตเิ หมอื นภาพที่ 4 19 ก้าวเท้าซ้าย(ใช้ส้นแตะพื้น)ขยับเท้าขวาตาม ทำทั้งหมด 2 ครั้งหันไปด้านขวา จา กน้ัน 20 ยืดยกเท้าซ้ายแล้วยุบ เอียงขวาแล้วกลับเอียงซ้ายมองนอก มือซ้ายม้วนจีบขึ้นตั้งวงล่าง หมายเหตุ มอื ขวาดงึ ขน้ึ ไปตงั้ วงบนแล้วม้วนเขา้ มาจีบปรกขา้ ง(มือจบั พระขรรค)์ วางเท้าซ้ายแล้วหมุนมาด้านซ้ายยืด-ยุบพร้อมกับยกเท้าขวาเอียงขวามองนอก มือซ้าย หยิบจีบขน้ึ ไปตัง้ วงหงายแขนต้งั ฉาก(วงเทรดิ ) วางเท้าขวาก้าวข้างแล้วสืบเท้าหันไปด้านซ้าย เอียงซ้าย มืออยู่ในท่านางนร โดยลดมือซ้ายลงมา ตง้ั วงหงายแขนงอระดบั เอว มือขวาตัง้ วงล่าง(มือจบั พระขรรค์) ยงั่ เทา้ ซา้ ยเลก็ น้อยยืด-ยุบพรอ้ มกบั ยกเทา้ ขวา เอยี งขวา มือซา้ ยปอ้ งหน้า มือขวาต้งั วงหงายแขน งอระดบั เอว(มอื จบั พระขขรรค์) ยนื ทา่ พระ เอยี งขวา มอื ซา้ ยลดลงมาตง้ั วงลา่ ง มือขวาพรบิ ขน้ึ ไปต้งั วงบน มอื ขวาจับพระขรรค์ ตารางท่ี 3 กระบวนท่ารำเพลงหนา้ พาทย์คกุ พาทย์ เพลงหน้าพาทยร์ ัวสามลา ทมี าและความหมายของเพลงหนา้ พาทย์รวั สามลา คำว่า “ลา” ในศัพท์สังคีตหมายถึง “จบ” หรือ “ครั้ง” เพราะฉะนั้น รัวสามลา จึงหมายถึง รัว 3 จบหรือ กราบ 3 ครั้งแทนการกล่าวคาถา “ธมฺมสวนกาโล อยมฺภทนฺตา” เพลงรัวสามลาเป็นเพลงที่มีมานานเช่นเดียวกับ เพลงหน้าพาทย์อื่นๆ ซึ่งไม่ปรากฏนามผูแ้ ต่งเพลง ด้วยเหตุผลที่เพลงรัวสามลามีความหมายเกี่ยวกับการแสดงฤทธิ์ เดช การชบุ ศรหรืออาวธุ สำคญั จงึ มีการเรยี กเพลงรัวสามลา อีกช่อื หนึง่ ว่า “รวั สำเรจ็ ”
17 โอกาสทใ่ี ชเ้ พลงหนา้ พาทย์ 1. ใชใ้ นพิธไี หวค้ รโู ขนละคร 2. ประกอบพิธีไหว้ครดู นตรี 3. ใช้ในพธิ ีการหรอื ในขนบปฏบิ ัตขิ องพระพทุ ธศาสนา 4. ใช้ประกอบการแสดงนาฏศลิ ป์ กระบวนท่ารำเพลงหน้าพาทย์รวั สามลา ภาพท่ี 1 ภาพท่ี 2 ภาพที่ 3 ภาพท่ี 4
ภาพที่ 5 18 ภาพท่ี 7 ภาพท่ี 9 ภาพที่ 6 ภาพที่ 8 ภาพท่ี 10
ภาพที่ 11 19 ภาพที่ 13 ภาพท่ี 15 ภาพท่ี 12 ภาพที่ 14 ภาพท่ี 16
20 ภาพที่ 17 ภาพที่ 18 ภาพท่ี 19 ภาพท่ี 20 ลำดบั ภาพที่ อธบิ ายลักษระท่ารำ 1 นง่ั กระทบ หน้าตรง มือทง้ั 2 วางไวบ้ นหน้าขา 2 นั่งกระทบ ก้ม-เงยหน้าเล็กน้อย-ก้ม-หน้าตรง ช้อนมือทั้ง 2 ขึ้นไปไหว้ (หัวแม่นิ้วโป้งจรด ตนี ผม) จากน้ันดงึ ลงมาพนมมอื ไว้ทอ่ี กพร้อมกบั กระทบ 1 คร้งั 3 นั่งกระทบจากนั้นตั้งขาซ้ายขึ้นเฉียงตัวหันไปด้านขวา ลักคอขวาเล็กน้อยแล้วก้มลง จากนั้นขึ้นมาเอียงขวา มือซ้ายจีบคว่ำแล้วพริบขึ้นจีบหงายอยู่ชายพก มือขวาตั้งวงหงายงอแขน ระดบั เอวแล้วพรบิ มือลงไปจับพระขรรค์ จากน้ันดงึ มือทง้ั 2 ขน้ึ มาม้วนออกตัง้ วงระดับหน้า 4 ลุกขึ้นก้าวข้างเท้าซ้ายขยับเท้าขวาตาม และก้าวซ้ายอีกครั้งแล้วยกเท้าขวาขึ้นเล็กน้อยจากน้ัน วางลง(ใช้จมูกเท้าแตะพื้น) ยุบแล้วสืบเท้าหมุนไปด้านซ้าย เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา ดึงมือ
21 ทั้ง 2 แยกออกมาแขนเหยียดตึงคว่ำมือและกดมือลง จากนั้นเปลี่ยนพระขรรค์มาไว้ที่มือซ้ายอยู่ ระดับวงลา่ ง มอื ขวาต้งั วงบน 5 ก้าวข้างเท้าขวาขยับเท้าซ้ายตาม และก้าวซขวาอีกครั้งแล้วยกเท้าซ้ายขึ้นเล็กน้อย จากนนั้ วางลง(ใช้จมกู เท้าแตะพน้ื ) เอยี งซา้ ย ลดมือขวาแขนเหยียดตึงคว่ำมอื และกดมอื ลง 6 ถอนเท้าขวาวางหลังแล้วหันไปด้านซ้ายยกเท้าซ้าย จากนั้นวางเท้าซ้ายแล้วจรดเท้าขวา และเริ่มขยั่นเท้าถี่ๆ หันไปด้านขวา เอียงขวาล้วกลับเอียงซ้าย เปลี่ยนพระขรรค์มาไว้ ที่มือขวาเหมือนเดิม จากนั้นมือซ้ายจีบปรกข้างแล้วม้วนจีบไปตั้งวงกลาง มือขวาตั้งวงกลางแล้ว ม้วนมอื ขน้ึ ไปจีบปรกขา้ ง(มอื จบั พระขรรค์) 7 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเท้าซ้ายยืด-ยุบห่มเข่าก้าวข้าง เอียงเดิมจากนั้นกลับไปเอียงขวา มือทั้ง 2 ม้วนขึ้นเป็นท่ากลางอัมพร โดยมือตั้งวงหงายแขนงอตั้งฉาก(วงเทริด) มือขวาตั้งวงแขน เหยยี ดตึง 8 พริบเท้าขวาขึ้นมาก้าวข้าง เอียงซ้าย มือขวาควงไม้ขึ้น 1 ครั้ง จากนั้นปฏิบัติซ้ำอีกคร้ัง แต่ทำคนละข้างกัน 9 ยกสน้ เทา้ ซ้ายขน้ึ ท้ิงนำ้ หนกั ไวท้ เ่ี ทา้ ขวา(หนักหลัง) ยกสน้ เท้าขวาขึ้นทงิ้ น้ำหนักไว้ที่เท้าซ้าย(หนัก หน้า) ทำสลับกับประมาณ 6 ครั้ง/จังหวะ เอียงซ้าย(ก้มหน้าเล็กน้อย) เอียงขวา มือขวาควงไม้ ลง-ขึ้น ประมาณ 3 คร้ัง/6 จังหวะ จากนั้นยกเท้าซ้ายเล็กน้อยแล้วขยั่นเท้าหันหน้าไปด้านขวา หน้าตรง มือขวาควงไม้ แล้วก้าวหน้าเท้าซ้ายแล้วแตะเท้าขวาเอียงขวาแล้วกล่อมหน้า 4 ครั้ง มอื อยใู่ นท่ากลางอมั พร จากนัน้ ยบุ ขยัน่ เท้าหันไปด้ายซา้ ย 10 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเทาซ้ายยืด-ยุบห่มเข่าก้าวข้าง เอียงซ้ายแล้วเอียงขวา มืออยู่ในท่ากลาง อมั พร โดยมอื ซ้ายตง้ั วงบน มอื ขวาต้ังวงหงายแขนงอระดับเอว 11 พริบเท้าขวามาก้าวข้าง เอียงซ้าย พริบมือขวาขึ้นตั้งวงกลาง จากนั้นยกส้นเท้าขวาข้ึน ทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าซ้าย(หนักหลัง) ยกส้นเท้าซ้ายขึ้นทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าขวา(หนักหน้า) ทำสลับกับประมาณ 6 ครั้ง/จังหวะ เอียงขวา(ก้มหน้าเล็กน้อย) เอียงซ้าย มือขวาควงไม้ ลง-ขน้ึ ประมาณ 3 คร้ัง/6 จงั หวะ จากน้นั ยกเท้าซา้ ยเล็กนอ้ ยแลว้ ขยน่ั เทา้ ถ่ีๆ หนา้ ตรง 12 ก้าวหน้าเท้าขวาแล้วแตะเท้าซ้าย เอียงซ้ายแล้วกล่อมหน้า 4 ครั้ง มือซ้ายอยู่ในท่าเดิม มือขวาตั้งวงกลาง(มือจับพระขรรค)์ จากนน้ั ยบุ แลว้ หนั ไปดา้ ยขวา 13 ถอนเท้าซ้ายวางหลังแล้วก้าวข้างเท้าขาวยุบ จากนั้นสบื เท้าหมนุ รอบตวั เองแล้วมาด้านหน้าเอียง ขวาแล้วกลับเอียงซ้าย มือซ้ายลดลงมาตั้งวงกลาง มือขวาจีบหงายเข้าหาตัวเอง (มือจับพระขรรค)์
22 14 ก้าวหน้าเท้าซ้ายจากนั้นก้าวข้างเท้าขวา เอียงขวาแล้วกลับเอียงซ้าย มือทำท่านางนร 15 โดยมอื ซ้ายตั้งหงายแขนงอระดับเอว มือขวาม้วนจบี ออกไปตั้งวงล่าง พริบเท้าซ้ายมาก้าวข้าง ยกส้นเท้าซ้ายขึ้นทิ้งน้ำหนักไว้ที่เท้าขวา(หนักหลัง) ยกส้นเท้าขวาขึ้นทิ้ง 16 น้ำหนักไว้ที่เท้าซ้าย(หนักหน้า) ทำสลับกับประมาณ 8 ครั้ง/จังหวะ เอียงซ้าย (ก้มหน้าเล็กน้อย) เอยี งขวา มืออยใู่ นทา่ เดมิ 17 ก้าวข้างเท้าซ้ายขยับเท้าขวาตาม และก้าวซ้ายอีกครั้งแล้วยกเท้าขวาขึ้นเล็กน้อยจากนั้นวางลง (ใช้จมูกเท้าแตะพื้น) เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวาจากนั้นกล่อมหน้า 2 ครั้ง พริบมือซ้ายมา 18 ตง้ั วงลา่ ง ดึงมอื ซา้ ยข้ึนไปตั้งวงหงายแขนงอตง้ั ฉาก(วงเทริด) 19 พริบเท้าซ้ายขึ้นมาก้าวข้าง เอียงขวามองไปทางขวา พริบมือสลับกันกับภาพที่ 16 แล้วพริบเท้า 20 ขวามาก้าวข้าง เอียงซ้าย มืออยู่ในท่าเดิม จากนั้นก้าวข้างเท้าขวาขยับเท้าซ้ายตาม หมายเหตุ และก้าวเท้าขวาอีกครั้งแล้วยกเท้าซ้ายขึ้นเล็กน้อยจากนั้นวางลง(ใช้จมูกเท้าแตะพื้น) เอยี งซา้ ย มอื อยู่ในทา่ เดมิ วางเท้าขวาก้าวข้างแล้วสืบเท้าหันไปด้านซ้าย เอียงซ้าย มืออยู่ในท่านางนร โดยลดมือซ้ายลงมา ตั้งวงหงายแขนงอระดับเอว มือขวาตั้งวงลา่ ง(มอื จบั พระขรรค์) ยั่งเท้าซ้ายเลก็ น้อยยดื -ยุบพรอ้ มกับยกเทา้ ขวา เอียงขวา มอื ซ้ายป้องหนา้ มอื ขวาต้ังวงหงายแขน งอระดับเอว(มือจบั พระขขรรค)์ ยืนท่าพระ เอยี งขวา มอื ซา้ ยลดลงมาต้งั วงล่าง มอื ขวาพริบข้ึนไปตัง้ วงบน มือขวาจับพระขรรค์ ตารางท่ี 4 กระบวนทา่ รำเพลงหน้าพาทยร์ ัวสามลา เพลงหน้าพาทย์เสมอสามลา ทีมาและความหมายของเพลงหนา้ พาทยเ์ สมอสามลา เป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงใช้ประกอบพฤติกรรมของตัวละครสูงศักดิ์และในพิธีไหว้ครู ในกรณีใช้กับพญา ยักษ์ใหญ่ แสดงความเป็นมาด้วยความโอ่อ้า สง่างามและภาคภูมิ เช่น ทศกัณฐ์ หรือยักษ์อุปราช เช่น กุมกรรณ มูลพลัม หรือยักษ์ต่างเมือง เช่น แสงอาทิตย์ มังกรกัญฐ์ หรือการแสดงโขนตอนสามทัพ ซึง่ มีตวั แสดงคือ ทศกณั ฐ์ สหัสสะเดชะ มูลพลมั ตวั ละครทม่ี ศี กั ด์สิ งู เชน่ เทพเจา้ ฝา่ ยพลับพลา เพลงสามลาน้ี มี 15 ไม้เดิน ท่ารำกำหนดไว้ข้างละ 5 ไม้เดิน คือ หมุนตัวทางด้านขวา – ซ้าย เดินขึ้น หน้าตรง แล้วลงอีก 4 ไม้
23 โอกาสท่ีใช้เพลงหน้าพาทยเ์ สมอสามลา 1. ใช้ในพิธไี หวค้ รโู ขนละคร 2. ประกอบพธิ ไี หวค้ รดู นตรี 3. ใชใ้ นพธิ กี ารหรือในขนบปฏิบัตขิ องพระพทุ ธศาสนา 4. ใชป้ ระกอบการแสดงนาฏศิลป์ กระบวนทา่ รำเพลงหนา้ พาทย์เสมอสามลา ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพท่ี 3 ภาพท่ี 4
24 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7 ภาพที่ 8 ภาพท่ี 9 ภาพที่ 10
25 ภาพท่ี 11 ภาพท่ี 12 ภาพท่ี 13 ภาพท่ี 14 ลำดบั ภาพท่ี อธิบายลักษณะทา่ รำ 1 ยนื ท่าพระ เอยี งขวา 2 (ท่านางนร) หันตัวไปด้านขวา ถอนเท้าซ้ายวางหลังแล้วก้าวหน้าเท้าขวา(เท้าซ้ายก้าวข้าง เท้า ขวากา้ วหน้า เดนิ ไปทง้ั หมด 5 ครงั้ /จงั หวะ) เอยี งซา้ ยแล้วกลับเอียงขวา(เอียงตามเท้า) 3 มือซ้ายตั้งวงแล้วพริบมือลงไปตั้งวงหงายมืองออยู่ระดับเอว มือขวาจีบหงายแล้วม้วนจีบตั้งวง 4 ล่าง(ไม่เปลี่ยนมอื ) ปฏบิ ตั เิ หมอื นภาพท่ี 2 แต่ทำคนละขา้ งกัน มอื ซ้ายแทงขึน้ ไปตงั้ วงบน มอื ขวาตงั้ วงลา่ ง (ท่ากลางอัมพร) หันมาหน้าตรงประเท้าขวาแล้วก้าวหน้า เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือทำท่ากลางอัมพร มือซ้ายตั้งวงแขนเหยียดตึง มือขวาตั้งวงหงายตั้งฉาก (ปฏิบัติซ้ำแต่ทำ สลบั ขวา-ซา้ ย ขึน้ ไป 5 คร้ัง/จังหวะ)
26 5 ปฏิบตั เิ หมือนภาพท่ี 4 แต่ทำลงท้งั หมด 4 ครัง้ /จังหวะ 6 (ท่าสอดสร้อยมาลา) ถอยหลัง 4 ก้าว/จังหวะ(เริ่มถอยจากเท่าขวาก่อน) พร้อมกับหันหน้าไป ด้านขวา หน้าตรง มือค้างท่ากลางอัมพรไว้ จากนั้นประเท้าขวายืดยุบห่มเข่าแล้วก้าวข้าง เอียงขวาแล้วกลับเอยี งซา้ ยมองนอก มอื ซา้ ยจบี หงายอยู่ชายพก มอื ขวาต้งั วงบน 7 ลากเท้าซ้ายมาประแล้วยกยืด-ยุบ หน้าตรง ดึงมือซ้ายขึ้นมาตั้งวงแขนเหยียดตึงด้านหน้า (แขนเฉียงออกมาขา้ งลำตวั เล็กน้อย) ดงึ มือขวาไปจีบสง่ หลัง 8 ยืด-ยุบ ห่มเข่าแล้วก้าวข้าง เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา ดึงมือทั้งสองมาตั้งวงหงาย แขนเหยยี ดตึง 9 ยืด-ยุบ หมุนมาด้านหน้าแล้วประเท้าซ้ายยืดยุบห่มเข่าวางเท้าลงแล้วลากเท้าขวา มาประสมหน้าตรง เอียงซา้ ยแลว้ กลบั เอียงซ้าย แทงมือทงั้ 2 ขึ้นเปน็ ทา่ พสิ มัยเรยี งหมอน โดย มือซา้ ยตั้งวงบน มอื ขวาตั้งวงแขนเหยียดตึง 10 (ท่าชักแป้งผัดหน้า) ประสมเท้าซาย เอียงขวา มือซ้ายตั้งวงอยู่ระดับปาก มือขวา จีบปรกขา้ ง ปฏิบตั ซิ ้ำอีก 1 ครงั้ ทำเหมือนกันแต่คนละขา้ งกนั 11 (ท่ารำร่าย) ประสมเท้าขวา เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือซ้ายตั้งวงอยู่ระดับปาก มือขวา ตั้งวงบน 12 ยืดยุบก้าวหน้าเท้าขวาแล้วยกเท้าซ้ายมาวาง(ใช้ส้นเท้าวาง) มือซ้ายจีบส่งหลัง มือขวาหยิบจีบ แลว้ ปลอ่ ยออกตง้ั วงบน 13 (ท่าป้องหน้า) ประเท้าขวายืดยุบห่มเข่าแล้วก้าวข้าง เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา มือซ้ายป้อง หนา้ มอื ขวาจบี ส่งหลงั 14 ยืนท่าพระ เอียงขวา ตารางที่ 5 กระบวนทา่ รำเพลงหน้าพาทยเ์ สมอสามลา
27 เอกสารอ้างอิง วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี. (2561). เพลงหน้าพาทย์ หมวดหมู่ : เพลงไทยเดิม | ดนตรีไทย. สืบค้นจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0 % B9 % 8 0 % E0 % B8 % 9 E%E0 % B8 % A5 % E0 % B8 % 8 % E0 % B8 % AB%E0 % B8 % 9 9 % E0 % B9 % 8 9 % E0 % B8 % B2 % E0 % B8 % 9 E%E0 % B8 % B2 % E0 %B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C. (20 มกราคม 2564) Matoy. (2556).ความสำคญั ของเพลงหนา้ พาทย์.สืบคน้ จาก:https://www.gotoknow.org/posts/520004. (18 มกราคม 2564) Unknown. ( 2 5 5 7 ) . VDO ร า ย ก า ร น า ฏ ย า น ุ ร ั ก ษ ์ ต อ น เ พ ล ง ห น ้ า พ า ท ย ์ . ส ื บ ค ้ น จ า ก : http://yusu3236.blogspot.com/2014/09/blog-post_57.html . (18 มกราคม 2564) กจิ ขันธ์. (2015) . การรำเพลงหนา้ พาทยต์ ระ. สบื ค้นจาก : http://www.eresearch.library.ssru.ac.th/bitstream/123456789/82/8/ird_127_53.pdf%2 0%2-87%29.pdf (18 มกราคม 2564) วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม. เพลงหน้าพาทย์คุกพาทย์ เพลงหน้าพาทย์รัวสามลา เพลงหน้าพาทย์ปฐม(มาตุลี) (ออนไลน์). สืบค้นจาก : https://sites.google.com/site/phelnghnaphathypheraphnit/phelng-hna-phathy-raw- sam-la/thima-laea-khwam-hmay-khxng-phelng-hna-phathy-raw-sam-lax. ( 1 5 ม ี น า ค ม 2564)
28
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: