รกั ษว์ รรณคดีหนังสอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขึน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ม.๔ ★ กีรติ ไทยรัฐเทวนิ ทร์ ★ จิรกฤต ยศประสิทธิ์ ★ ภทั รา สงั ข์ประสทิ ธิ์ ★ กุสมุ า งามละมัย ★ ขวญั ดาว สพุ รม ★ อภวิ ิชญ์ เหล่าอัน
คำนำ วรรณคดีไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สาคัญย่ิงอีกประการหนึ่งของชาติ เพราะเป็นสิ่งท่ีบันทึก ความเป็นไทย สภาพสังคม แนวคิด วัฒนธรรมอันดีงามของไทยตลอดจนความงดงามของภาษาไทยที่เรียกว่า วรรณศิลป์เขา้ ไว้ด้วยกัน จากปลายปากกาของบรรดากวไี ทยผู้มากความสามารถตั้งแต่อดตี ถึงปัจจบุ ันเยาวชน ไทยในยุคปัจจุบัน แม้วิทยาการจะเจริญก้าวหน้าไปมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็มิอาจจะหลงลืมความเป็นมา อันรุ่งเรืองและยาวนานของชาติไทยได้ การศึกษาวรรณคดีไทย จะเป็นการสืบสานมรดกทางภาษาของชาติ ที่บรรพบุรุษไทยได้รังสรรคข์ ้ึน ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิเคราะห์จะทาให้เข้าใจและซาบซ้ึงในความงามของ ภาษาไทย ตลอดจนอารยธรรมของชาติไทยได้เป็นอยา่ งดี ส่งผลให้เกิดความภาคภูมิใจท่ีได้เกิดบนผืนแผ่นดิน ขวานทองไทยแห่งนี้ หนังสือเรียนเล่มน้ีจัดทาข้ึนเพื่อใช้เป็นส่ือประกอบการเรียนรู้ในรายวิชา ท๓๐๒๐๗ รักษ์วรรณคดี ซึ่งเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยประกอบด้วยเนื้อหาจานวน ๖ หน่วยการเรียนรู้ ซึ่งกาหนดผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัดในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเข้าใจลักษณะท่ัวไปของวรรณคดีและวรรณกรรมไทย สามารถ วิเคราะห์คุณค่าของวรรณคดีและอิทธิพลของวรรณคดีแต่ละยุคสมัยได้ ส่งผลให้มีความภาคภูมิใจ และ ตระหนกั ในคุณค่าของวรรณคดีไทยในฐานะทีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม คณะผู้จัดทาหวังว่า หนังสือเรียนเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้วิชารู้รักษ์วรรณคดี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามผลการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ อันจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณภาพ ตามทีห่ ลกั สตู รกาหนด และมสี ่วนชว่ ยอนรุ ักษแ์ ละสบื สานวรรณคดีมรดกทางวัฒนธรรมของชาติใหค้ งอยู่สืบไป คณะผูจ้ ัดทำ ๓๐ มีนำคม ๒๕๖๒
สารบัญ หน้า หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ รรู้ ักษว์ รรณคดี ................................................................................... ๑ ความหมายของวรรณกรรม ...................................................................................... ๑ ประเภทของวรรณกรรม ........................................................................................... ๒ ความหมายของวรรณคดี .......................................................................................... ๔ ประเภทของวรรณคดี ............................................................................................... ๔ เอกลกั ษณว์ รรณคดไี ทย ............................................................................................ ๗ การแบ่งยุคสมัยของวรรณคดี …….............................................................................. ๘ ววิ ัฒนาการวรรณกรรมไทย ....................................................................................... ๙ คณุ ค่าของการศึกษาวรรณคดี .................................................................................. ๑๑ แบบฝึกบันทกึ ความรู้ “ความรทู้ ่ัวไปเกย่ี วกับวรรณคดี” .......................................... ๑๓ แบบทดสอบหนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ ………………………………........................................ ๑๙ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ วรรณคดีสมยั สโุ ขทัย ......................................................................... ๒๒ สภาพสงั คมสมัยสโุ ขทยั .............................................................................................. x ลักษณะทั่วไปของวรรณคดสี มยั สุโขทัย ……................................................................ x ศิลาจารกึ หลักท่ี ๑ ..................................................................................................... x ไตรภมู พิ ระร่วง ........................................................................................................... x หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ วรรณคดีสมยั อยุธยา .......................................................................... x สภาพสังคมสมัยอยุธยาตอนต้น ................................................................................ x ลักษณะท่วั ไปของวรรณคดีสมยั อยุธยาตอนตน้ ……................................................... x ลิลิตพระลอ ............................................................................................................... x ลลิ ิตโองการแช่งน้า .................................................................................................... x สภาพสังคมสมัยอยุธยาตอนกลาง .............................................................................. x ลักษณะทั่วไปของวรรณคดสี มยั อยธุ ยาตอนกลาง ……................................................ x จนิ ดามณี .................................................................................................................... x ก้าสรวลศรปี ราชญ์ ..................................................................................................... x สภาพสังคมสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ……....................................................................... x ลกั ษณะทั่วไปของวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนปลาย ..................................................... x พระมาลยั ค้าหลวง ..................................................................................................... x กลบทศิรวิ ิบุลกิตติ ...................................................................................................... x
สารบัญ (ตอ่ ) หน้า หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๔ วรรณคดสี มยั ธนบุรี............................................................................. x สภาพสังคมสมยั ธนบรุ ี ……........................................................................................ x ลกั ษณะทั่วไปของวรรณคดสี มัยธนบรุ ี ...................................................................... x รามเกียรต์ิ ฉบบั พระเจ้ากรุงธนบรุ ี ........................................................................... x นิราศกวางตุ้ง ............................................................................................................ x หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๕ วรรณคดสี มัยรัตนโกสนิ ทร์กอ่ นรับอทิ ธพิ ลตะวนั ตก ........................ x สภาพสงั คมสมัยรัตนโกสินทร์กอ่ นรบั อิทธิพลตะวันตก ............................................ x ลักษณะทั่วไปของวรรณคดสี มยั รตั นโกสนิ ทร์กอ่ นรับอิทธิพลตะวนั ตก...................... x บทละครนอก ในรชั กาลท่ี ๒ ................................................................................... x นริ าศพระบาท …….................................................................................................... x กฤษณาสอนน้องค้าฉันท์ ........................................................................................... x หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ วรรณคดีสมยั รัตนโกสินทร์หลังรบั อทิ ธิพลตะวนั ตก ......................... x สภาพสงั คมสมยั รตั นโกสินทร์หลงั รบั อิทธพิ ลตะวนั ตก .............................................. x ลักษณะทวั่ ไปของวรรณคดสี มัยรตั นโกสินทร์หลงั รับอิทธพิ ลตะวนั ตก....................... x พระราชพธิ ี ๑๒ เดือน ............................................................................................. x หวั ใจนักรบ ……......................................................................................................... x สาวเครอื ฟ้า .............................................................................................................. x บรรณานุกรม ......................................................................................................................... x หมายเหตุ หวั ข้อเร่ืองยอ่ ยในหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒-๕ ข้างต้น ยึดตามรายละเอยี ดในโครงสรา้ งรายวิชา
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ รักษว์ รรณคดี ความหมายของวรรณกรรม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ความหมายคาว่า “วรรณกรรม” หมายถึง งานหนังสือ, งานประพนั ธ์, บทประพันธท์ กุ ชนดิ ท้ังที่เป็นร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง คาว่า “วรรณกรรม” มีใชค้ ร้งั แรกตามพระราชบญั ญัตคิ ุ้มครองศิลปะและวรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๘๕ ประเภทของวรรณกรรม วรรณกรรม แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ ๑. ประเภทความเรียง (ร้อยแก้ว) ๒. ประเภทคาประพันธ์ (รอ้ ยกรอง) กจิ กรรม “รอ้ ยแกว้ หรอื รอ้ ยกรอง?” ชื่อวรรณกรรมที่กาหนดใหต้ ่อไปน้ี จดั เปน็ ประเภท ร้อยแก้ว หรือ ร้อยกรอง พระอภยั มณี ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา นทิ าน เรอ่ื ง กระต่ายกบั เตา่ นวนิยาย เรือ่ ง ปนู ปิดทอง ศิลาจารกึ พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช นิราศภเู ขาทอง โคลงโลกนติ ิ กาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวาน บทละครพูด เรอื่ ง เห็นแก่ลูก ข่าวหนงั สือพิมพ์ไทยรัฐ กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ช้า บทละครนอก เร่ือง สังข์ทอง คาถามฝกึ คดิ วเิ คราะห์ วรรณกรรมประเภทร้อยแก้ว ต่างจาก ประเภทร้อยกรอง อยา่ งไร ๑
ความหมายของวรรณคดี “วรรณคด”ี ประกอบขึ้นจากคา ๒ คา ได้แก่ วรรณ คดี แปลวา่ สี ผิว ชนดิ หนงั สือ แปลว่า เรอ่ื ง แนวทาง การดาเนนิ ไป ลกั ษณะ วรรณคดี ความหมายตามรปู ศพั ท์ แปลว่า แนวทางของหนงั สือ วรรณคดี ความหมายตามพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ แปลวา่ วรรณกรรมที่ไดร้ ับยกย่องว่าแต่งดี มีคุณคา่ เชิงวรรณศิลปถ์ ึงขนาด เชน่ พระราชพธิ ีสิบสองเดือน มทั นะพาธา สามก๊ก เสภาเรื่องขนุ ช้างขนุ แผน ๒
คาว่า “วรรณคดี” ปรากฏใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในพระราชฎีกาจดั ต้ังวรรณคดสี โมสร เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ตรงกบั รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว รัชกาลที่ ๖ วรรณคดีสโมสร กอ่ ตั้งขน้ึ โดยมีวตั ถุประสงค์ เพ่อื ส่งเสรมิ การแต่งหนังสอื ให้ถกู ต้องตามหลักภาษาไทย ได้สาระประโยชน์ โดยคัดเลอื กหนงั สอื ดีที่เปน็ ตัวอยา่ งช้นั เลิศ ในการประพันธป์ ระเภทตา่ ง ๆ ซ่ึงต้องเป็นหนังสือดีและแต่งดี ตามความในพระราชกฤษฎีกาจดั ตงั้ วรรณคดีสโมสร ได้แบ่งวรรณคดอี อกเป็น ๕ ประเภท ได้แก่ รปู รปู ๑. กวีนิพนธ์ ๒. ละครไทย คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน คอื เรื่องทแี่ ต่งเปน็ กลอนแปด เพื่อการแสดง มกี ารกาหนดหน้าพาทย์ รูป รูป รปู ๓. นิทาน ๔. ละครพดู ๕. คาอธบิ าย คือ เร่ืองราวอนั ผูกขึ้น คอื เร่อื งราวทีเ่ ขยี นขึน้ คือเรื่องท่แี สดงศิลปะดว้ ยวิธีใดวิธหี นงึ่ และเปน็ ร้อยแกว้ สาหรบั ใช้แสดงบนเวที ทไ่ี มใ่ ช่แบบเรียน ตารา หนังสอื โบราณคดี หรือพงศาวดาร คาถามฝกึ คดิ วิเคราะห์ วรรณคดี เหมือนและตา่ งจาก วรรณกรรม อยา่ งไร ๓
สรปุ ลักษณะของวรรณคดี มดี งั นี้ ๑. ต้องเป็นหนังสือที่แต่งดี ดีในที่นี้หมายถึง ดีในคุณค่า ได้แก่ คุณค่าทางปัญญา จินตนาการ รูปแบบ คาประพนั ธ์และเนือ้ หาต้องสอดคล้อง เหมาะเจาะ และอาศยั กาลเวลาพิสจู นด์ ว้ ย ๒. แต่งอย่างมีศิลปะ เคารพกฎเกณฑ์แบบบังคับการแต่ง มีลักษณะของเร่ืองท่ีเหมาะสมตั้งแต่การวาง โครงเรื่องจนถงึ ทว่ งทานองศิลปะในการแต่ง ๓. แสดงความคดิ ดี ๔. อา่ นแล้วเกดิ อารมณ์คลอ้ ยตาม หรอื เกิดจนิ ตนาการ ๕. ภาษาทใ่ี ช้ไพเราะ ๖. มปี ระโยชน์ ประเภทของวรรณคดี การจาแนกประเภทของวรรณคดี มดี งั น้ี ๑. แบ่งตามความมงุ่ หมายที่แตง่ ไดแ้ ก่ ๑.๑ วรรณคดบี รสิ ุทธ์ิ (มุ่งความบันเทิงและวรรณศลิ ป์) เช่น ขุนชา้ งขนุ แผน พระอภยั มณี นิราศนรินทร์ เป็นต้น ๑.๒ วรรณคดปี ระยุกต์ (มุ่งประโยชนอ์ ื่นท่ไี มใ่ ช่ความบันเทิง) เชน่ ไตรภมู พิ ระรว่ ง (สอน) โคลงโลกนติ ิ (สอน) ลลิ ติ โองการแชง่ นา้ (พิธกี รรม) เป็นต้น ๔
๒. แบง่ ตามลกั ษณะทแี่ ต่ง ไดแ้ ก่ ๒.๑ รอ้ ยแกว้ ๒.๒ ร้อยกรอง ๓. แบ่งตามวิธีจดบันทกึ ได้แก่ ๓.๑ วรรณคดลี ายลักษณ์ ๓.๒ วรรณคดีมุขปาฐะ (สบื ทอดด้วยการบนั ทึกเป็นตัวอักษร) (สบื ทอดโดยการเล่าปากตอ่ ปาก) ๔. แบ่งตามชนิดของคาประพนั ธ์ เช่น ๔.๑ กลอน ไดแ้ ก่ กลอนส่ี กลอนหก กลอนสุภาพ กลอนสักวา กลอนดอกสร้อย ๔.๒ โคลง ไดแ้ ก่ โคลงสอง โคลงสาม โคลงส่ี โคลงห้า ๔.๓ กาพย์ ได้แก่ กาพยย์ านี ๑๑ กาพยฉ์ บัง ๑๖ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ๔.๔ ฉนั ท์ (บงั คบั ครุ-ลหุ) เช่น อนิ ทรวิเชียรฉนั ท์ วชิ ชุมมาลาฉันท์ สทั ทลุ วกิ กฬี ติ ฉนั ท์ ๔.๕ ร่าย ไดแ้ ก่ รา่ ยสุภาพ และ รา่ ยยาว ๕
๔.๖ ลลิ ติ คอื บทประพนั ธ์ท่ีแตง่ ดว้ ยโคลง และร่าย สลับกนั เป็นช่วง ๆ ๔.๗ กาพย์หอ่ โคลง คอื บทประพันธ์ทแี่ ต่งดว้ ยกาพยย์ านี สลับกบั โคลงสี่สภุ าพ ด้วยเน้อื ความอย่างเดยี วกัน ๕. แบง่ ตามลักษณะของเนือ้ เร่ือง เช่น ๕.๑ วรรณคดีเกยี่ วกบั ประวัติศาสตร์ / ๕.๒ วรรณคดเี กยี่ วกับ เฉลิมพระเกียรติ เชน่ ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย ลลิ ติ ยวนพา่ ย พิธีกรรมและขนบประเพณี เชน่ พระราชพธิ สี บิ สองเดือน นางนพมาศ ๕.๓ วรรณคดเี กย่ี วกับศาสนา ๕.๔ วรรณคดนี ริ าศ ๕.๕ วรรณคดกี ารละคร หรือศีลธรรม เชน่ มหาชาติ เช่น นริ าศภเู ขาทอง หรอื นาฏวรรณคดี เช่น รามเกยี รต์ิ เงาะปา่ อิเหนา ไตรภมู ิพระรว่ ง นริ าศนรนิ ทร์ ๖
เอกลกั ษณว์ รรณคดไี ทย วรรณคดไี ทยมีลักษณะหรือเอกลักษณ์เฉพาะท่ีโดดเด่น และเป็นลักษณะเฉพาะที่ถ่ายทอดปฎิบัติสืบเนื่องกัน มาในเร่อื งเดน่ ๆ ดังนี้ ๑. บทไหว้ครู คนไทยมจี ารตี ประเพณที ่ีดงี าม ประการหน่ึง คอื การเคารพครูอาจารย์ กตัญญตู อ่ ผมู้ พี ระคุณ การเคารพบูชาผมู้ ีพระคณุ จะเป็นสิริมงคล แก่ตน ความเชอื่ นไ้ี ด้ถ่ายทอดลงไปในวรรณกรรม จะเห็นได้ว่าวรรณกรรมเกือบทกุ เรอ่ื งจะตอ้ งเริ่มตน้ ด้วยบทไหวค้ รู ซึ่งนอกจากจะเปน็ การแสดงความ กตัญญูแล้ว ยงั เป็นสดดุ ผี ูเ้ ปน็ เจ้า สรรเสริญเกียรติ ผ้มู คี ณุ ต่อชาตบิ ้านเมือง ชมบา้ นชมเมือง อกี ทั้งเปน็ การแสดงความสามารถของกวีอกี ด้วย ๒. อารมณข์ นั คนไทยกับอารมณ์ขันเปน็ สิง่ ทีค่ ู่กันมาตลอด ในวรรณคดีไทยกม็ ีอารมณ์ขนั สอดแทรก อยู่ บางเลม่ มอี ารมณ์ขนั แสดงโดยตรง เช่น ระเดน่ ลันได ของพระมหามนตรี (ทรัพย์) เขียนเป็นเร่อื งทานองล้อเลยี น บทละคร โดยเฉพาะอเิ หนา ๓. บทอาบนา้ แตง่ ตัว ชมโฉม ในวรรณคดีไทย โดยเฉพาะบทละครจะมีบทอาบนา้ แตง่ ตวั ที่สะทอ้ นใหเ้ หน็ คา่ นยิ มของคนไทยท่นี ิยมชาระลา้ งร่างกายและแตง่ ตัว สวยงาม ซ่ึงจะปรากฏเฉพาะตวั เอกเท่าน้นั รวมไปถงึ บทชมโฉมทม่ี ักแสดงใหเ้ ห็นว่าตวั ละครเอกมรี ปู ร่างหน้าตา สวยงามท้ังชายและหญิง ๔. กลวิธถี า่ ยทอดความรู้สึก ในวรรณคดีไทยมกั ใช้ ธรรมชาติเปน็ สือ่ ในการถา่ ยทอดอารมณ์ความรู้สึกตา่ งๆ ไม่ว่า ความสุข รื่นเรงิ โศกเศร้า เพื่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์คล้อยตาม ๗
การแบง่ ยคุ สมยั ของวรรณคดี การแบ่งสมัยของวรรณคดีมักถือช่วงเวลาในการแต่งเป็นสาคัญ ระยะเวลาของแต่ละสมัยอาจไม่ต่อเนื่องกัน เพราะบางชว่ งเวลาไมป่ รากฏการแตง่ หรือไมม่ กี ารค้นพบวรรณคดี โดยสามารถแบง่ ตามสมัยการแตง่ ได้ดงั นี้ ๑. สมยั สโุ ขทัย พ.ศ. ๑๗๙๒-๑๘๙๑ ต้ังแตร่ ชั กาลพ่อขนุ ศรีอินทราทติ ย์ ถึงกรงุ สุโขทยั เสียอสิ รภาพแก่กรุงศรีอยธุ ยา ๒. สมยั อยุธยา ๒.๑ สมัยอยุธยาตอนตน้ พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๓๑๐ พ.ศ. ๑๘๙๒-๒๐๗๒ แบง่ ย่อยเป็น ๓ สมยั ต้ังแตร่ ัชกาลสมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ ๑ ถึงสมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ ๒ ๒.๒ สมยั อยธุ ยาตอนกลาง พ.ศ. ๒๑๖๓-๒๒๓๑ ตั้งแต่สมยั พระเจา้ ทรงธรรม ถงึ สมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ๒.๓ สมยั อยุธยาตอนปลาย พ.ศ. ๒๒๗๕-๒๓๑๐ ต้งั แต่รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ถงึ เสียกรงุ ศรอี ยุธยาครงั้ ที่ ๒ ๓. สมยั ธนบรุ ี พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๒๕ ๘
๔. สมัยรัตนโกสินทร์ ๔.๑ พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๔๑๑ พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๔๗๕ ตง้ั แต่สมัยสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ แบง่ ยอ่ ยเปน็ ๒ สมยั ดังน้ี จฬุ าโลกมหาราช ถงึ ปลายรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ๔.๒ พ.ศ. ๒๔๑๑ – ๒๔๗๕ ต้งั แตร่ ชั สมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว ถงึ สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว ววิ ฒั นาการวรรณกรรมไทย วรรณกรรมไทยแบ่งออกเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงแรกก่อนได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก นับต้ังแต่ สมัยสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว วรรณกรรมสมัยน้ีจัดเป็นวรรณกรรม ด้ังเดิม ส่วนช่วงที่สองภายหลังได้รับอิทธิพลจากตะวันตก เร่ิมต้ังแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปัจจุบัน เรียกว่า วรรณกรรมปัจจุบัน การที่ใช้อิทธิพลวัฒนธรรมต่างชาติเป็นเกณฑ์แบ่งช่วงวรรณกรรมไทย เนื่องจากความสัมพันธ์กับชาติต่าง ๆ มีผลกระทบต่อลักษณะของวรรณกรรรมไทยแต่ละช่วง ทาให้เกิดความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัดในด้านต่าง ๆ เช่น ถ้อยคาสานวน ทานองแต่ง รูปแบบ เนื้อเร่ือง การดาเนินเรื่อง ความมุ่งหมาย และแนวคิด ๑. ในสมัยสุโขทัยภาษาไทยค่อนข้างมีลักษณะเป็นไทยแท้ ใช้คาพยางค์เดียว ถอ้ ยคา และประโยคส้ัน ๆ คาภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนน้อย ส่วนมากเป็นภาษาบาลี สานวน สันสกฤต และเขมร ต่อมาสมัยอยุธยาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ภาษาท่ีใช้ใน วรรณกรรมไทยมีหลายพยางค์มากข้ึน เรียงประโยคซับซ้อนขึ้น ส่วนคายืมจาก ภาษาต่างประเทศมีท้งั บาลี สันสกฤต ทมฬิ เปอรเ์ ซยี เขมร มอญ ชวา มลายู และจีน ต้ังแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ซึ่งเป็น ยุคเริ่มต้นของวรรณกรรมปัจจุบัน ภาษาในวรรณกรรมไทยย่ิงมีคาหลายพยางค์มาก ขึน้ ทัง้ สร้างใหมแ่ ละเป็นคายืม การเรียงประโยคเปล่ยี นเป็นเรยี งอย่างภาษาอังกฤษ ๙
๒. วรรณกรรมยุคก่อนได้รับอิทธิพลตะวันตก แต่งเป็นร้อยกรองมากกว่าร้อยแก้ว เฉพาะสมัยสุโขทัยเท่าน้ันที่นิยมแต่งเป็นร้อยแก้ว ต้ังแต่อิทธิพลตะวันตกแพร่เข้ามา ลกั ษณะ วรรณกรรมเริม่ แตง่ ดว้ ยรอ้ ยแกว้ มากขึน้ เป็นลาดับ จนมาถึงปัจจุบนั วรรณกรรมส่วนมาก การแต่ง แต่งเป็นร้อยแก้ว ส่วนที่เป็นร้อย กรองก็พอมีอยู่บ้างและมีขนาดสั้น ยังมี ร้อยกรองทุกชนดิ แต่ส่วนมากนยิ มแตง่ เป็นกลอนสภุ าพ โคลงสีส่ ุภาพ และกาพยย์ านี ๓. ร้อยกรองในยคุ กอ่ นมีรปู แบบหลากหลายแตกตา่ งกันตามจดุ มุ่งหมายที่แต่ง รปู แบบ เช่น เพื่อการแสดงมีบทละคร บทพากย์โขน เพื่อส่ังสอนมีสุภาษิต เพ่ือเล่าเร่ืองมี นิทานนิยาย เพื่อแสดงความรู้สึกในการจากนางจากที่อยู่มีนิราศ เป็นต้น แต่ร้อยกรองในปัจจุบันมีรูปแบบจากัดเพียงบทแสดงข้อคิดหรือบทสดุดี และมี ขนาดส้ัน ๆ ร้อยแก้วสมัยสุโขทัยและอยุธยาไม่ได้แต่งเพ่ือความบันเทิง มีรูปแบบ ในเชิงสารคดีทั้งส้ิน มีตานาน พงศาวดาร ตารา เทศนา จดหมายเหตุ กฎหมาย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เกิดร้อยแก้วที่เป็นทั้งสารคดี และบนั เทิงคดที านองเกร็ดพงศาวดาร คอื สามกก๊ และราชาธิราช ร้อยแก้วภายหลังได้รับอิทธิพลตะวันตก เกิดรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มข้ึน ท่ีเป็น สารคดีมีหนังสือสารคดี บทความ ปาฐกถา บันทึก ท่ีเป็นบันเทิงคดีมีนวนิยาย เร่อื งสัน้ บทละคร ๔. วรรณกรรมด้ังเดิมส่วนมากจะมีเนื้อเรื่องเป็นเรื่องไกลตัว จากัดวงแคบ และ เนื้อเรื่อง มีลักษณะเชิงจินตนาการ เช่น ศาสนา จักรวงศ์ เทพเจ้า กษัตริย์ ยักษ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ไม่นิยมกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป ส่วนวรรณกรรม ปัจจุบันเปล่ียนเป็นเร่ืองใกล้ตัว อยู่ในวงกว้าง และมีลักษณะเชิงวิเคราะห์วิจารณ์ เช่น ชวี ิตประจาวนั ปัญหาสังคม จติ วทิ ยา ๕. วรรณกรรมดง้ั เดมิ มกั ดาเนินเรื่องเรียบงา่ ย ไม่สลับซับซ้อน ต่อเนื่องกันไปต้ังแต่ ต้นจนจบตามลาดับเวลา ส่วนวรรณกรรมปัจจุบันนิยมดาเนินเรื่องตามแบบตะวันตก การดาเนิน อย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ดาเนินเร่ืองตามระยะเวลา ดาเนินเร่ืองย้อนต้น และ เรื่อง ดาเนินเรอ่ื งสลบั กัน ๑๐
๖. วรรณกรรมดั้งเดิมส่วนมากมีเน้ือเร่ืองไกลตัว เช่น เทพเจ้า กษัตริย์ ศาสนา จักรวงศ์ อิทธิปาฏิหาริย์ จึงมีจุดมุ่งหมายเน้นทางศรัทธาและอารมณ์ ด้านศรัทธา จดุ มุ่งหมาย มุ่งโน้มน้าวใจให้ยกย่องเทิดทูนบารมีและอานุภาพของกษัตริย์และเทพเจ้า ปลุกความ เล่ือมใสในทางพุทธศาสนา และคติความเช่ือของสังคม เร่ืองส่วนมากมักกล่าวถึงชีวิต ต้งั แต่เกิดจนตาย จงึ สามารถเรา้ อารมณ์ความรู้สกึ ตา่ ง ๆ ได้ เชน่ รัก ชัง สขุ โศก วรรณกรรมปัจจุบันมักเป็นเรื่องใกล้ตัวสมจริง มุ่งเน้นความคิดและปัญญา เพ่ือสามารถวเิ คราะหว์ จิ ารณ์หาเหตผุ ลและใหค้ วามรบู้ นพน้ื ฐานของความเป็นจริง ๗. วรรณกรรมด้ังเดิมมักผูกเร่ืองข้ึนตามแนวพุทธปรัชญา โดยเฉพาะเรื่อง แนวคดิ กฎแห่งกรรม ธรรมะย่อมชนะอธรรม หรือความไม่เที่ยง หรือแทรกคติธรรมคาสอนท่ี สอดคล้องตามหลักศาสนาพุทธ แต่วรรณกรรมปัจจุบันเปิดกว้างเป็นสากลมากข้ึน ไม่จากัดอยู่เพียงคติทางพุทธศาสนา แต่บางเร่ืองจะเปลี่ยนไปเสนอข้อคิดหรือ แนวปรัชญาลัทธิอื่น ดาเนินเร่ืองตรงตามความเป็นจริงแม้อาจจะขัดกับหลักของ พระพทุ ธศาสนา คณุ คา่ ของการศกึ ษาวรรณคดี ๑. ใหค้ วามรู้ เสรมิ สรา้ งสตปิ ญั ญา ๒. ให้ขอ้ คดิ ในการดาเนนิ ชีวิต จากวัฒนธรรม ความเชื่อ คา่ นิยม วัฒนธรรมประเพณีทก่ี วีสอดแทรกไว้ ๑๑
๓. ให้ความเพลิดเพลนิ จากสุนทรียภาพ หรอื รสวรรณคดี ท้งั ๔ รส คอื เสาวรจนี อนั ซึ่งธุระของเจ้า (บทชมโฉม ชมความงามตัวละครและสง่ิ ต่าง ๆ) หนักเบาจงแจง้ ใหป้ ระจักษ์ ถ้าวาสนาเราเคยบารงุ รัก กจ็ ะเป็นภักษผ์ ลสืบไป ตัวพ่มี ิได้ลวนลาม จะถอื ความสง่ิ น้ีนี่มิได้ สาวสวรรค์ขวญั ฟา้ ยาใจ พ่ไี ร้คจู่ ะพง่ึ แตไ่ มตรี (รามเกยี รติ์) นารปี ราโมทย์ (บทเก้ียวพาราสีแสดงความรัก) พิโรธวาทงั สลั ลาปงั คพิสัย (บทแสดงความโกรธ ขนุ่ เคอื งเยาะเย้ย ตดั พ้อตอ่ ว่า เหนบ็ แนม) (บทคร่าครวญ โศกเศร้า พรา่ เพ้อ หวนไห้ อาลยั อาวรณ์) ๔. ชว่ ยขดั เกลาจติ ใจ และยกระดับจติ ใจ เพอื่ ให้เข้าใจตนเองและผู้อื่น ตลอดจนสามารถทาตนให้เป็นสขุ และอยู่ในสังคมได้ด้วยดี ๑๒
หนงั สอื อา่ นประกอบ กตญั ญู ชชู ืน่ . (๒๕๔๓). ความรพู้ ้ืนฐานเกย่ี วกบั วรรณคดีไทย. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร์. เปลอ้ื ง ณ นคร. (๒๕๔๕). ประวัติวรรณคดีไทย. พิมพค์ ร้ังที่ ๑๓. กรงุ เทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ . วชิ าการ, กรม. สถาบันภาษาไทย. (๒๕๔๒). พนิ จิ วรรณกรรม : งานวิจยั ทางภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ครุ สุ ภาลาดพร้าว. อนมุ านราชธน, พระยา. (๒๕๔๖). การศึกษาวรรณคดีแง่วรรณศิลป์. พมิ พ์คร้ังที่ ๕. กรงุ เทพฯ : ศยาม. ๑๓
แบบฝกึ บนั ทกึ ความรู้ “รกั ษว์ รรณคด”ี คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นเตมิ คาตอบลงในแบบฝึกตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้องสมบรู ณ์ ๑. วรรณคดสี โมสรสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ไดก้ าหนดประเภทของวรรณคดไี ว้ทงั้ ส้ิน ............. ประเภท ดังนี้ ๑. .......................................................................... ๒. .......................................................................... ๓. .......................................................................... ๔. .......................................................................... ๕. .......................................................................... ๒. ให้นักเรยี นระบชุ อ่ื วรรณคดใี ห้ตรงกับประเภทของวรรณคดีท่กี าหนด พร้อมบอกยคุ สมัยท่กี วแี ตง่ วรรณคดี เรื่องน้นั ๆ ประเภทของวรรณคดี ชือ่ วรรณคดี ยคุ สมัยที่แตง่ ๑. ยอดลลิ ิตสุภาพ ๒. ยอดของคาฉันท์ ๓. ยอดของร่ายยาว ๔. ยอดของกลอนสภุ าพ ๕. ยอดของบทละครรา ๖. ยอดของความเรียงนทิ าน ๗. ยอดของบทละครพดู ๘. ยอดของความเรยี งอธบิ าย ๑๔
๓. ใหน้ กั เรยี นแบ่งประเภทวรรณคดใี ห้ถกู ตอ้ งตามเกณฑท์ ีก่ าหนด พรอ้ มยกตัวอยา่ งวรรณคดีที่อยู่ในประเภทนั้น โดยไมใ่ ห้ซา้ กับในเนื้อหาบทเรียน วธิ ีการแบ่ง ประเภท / ตัวอยา่ งวรรณคดี ๑. แบง่ ตามความมงุ่ หมายทแ่ี ต่ง ๑. ๒. ๒. แบง่ ตามลักษณะท่ีแต่ง ๑. ๒. ๓. แบง่ ตามวิธจี ดบนั ทกึ ๑. ๒. ๑. ๒. ๔. แบง่ ตามชนิดของคาประพันธ์ ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๑. ๒. ๕. แบง่ ตามลักษณะเนอื้ เร่ือง ๓. ๔. ๕. ๑๕
๔. ใหน้ ักเรียนสรปุ ลกั ษณะวรรณกรรมไทยดัง้ เดมิ กบั วรรณกรรมไทยปัจจุบัน ที่ ประเด็นความแตกต่าง วรรณกรรมไทยด้งั เดิม วรรณกรรมไทยปจั จุบนั ๑ สานวนภาษา ๒ ลักษณะการแตง่ ๓ รปู แบบ ๔ เนือ้ เร่อื ง ๕ กลวธิ กี ารดาเนนิ เร่ือง ๖ ความมุ่งหมาย ๗ แนวคดิ ๑๖
๕. จากรายชอ่ื วรรณคดที กี่ าหนด ใหน้ ักเรยี นพิจารณาว่าเปน็ วรรณคดีประเภทใด โดย ระเด่นลันได ลิลิตโองการแช่งน้า บทละครเร่ืองราม ตาราฉันทลักษณ์ พระมาลัยคาหลวง พระราชพิธีสบิ สอ มหาชาตคิ าหลวง ลิลิตตะเลงพ่าย พระมะเหลเถไถ นิราศวัดเจ้าฟ้า จินดามณี โคลงชะลอพระพ วรรณคดีตารา วรรณคดี วรรณคดีนิราศ วร เฉลมิ พระเกยี รติ ศาสนา
ยนาชือ่ วรรณคดไี ปเขยี นในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง มเกียรต์ิ ฉนั ทด์ ุษฎสี ังเวยกล่อมช้าง ลิลิตยวนพ่าย องเดอื น สภุ าษิตพระรว่ ง โคลงนิราศนรินทร์ พุทธไสยาสน์ บทละครนอกเร่ืองสงั ข์ทอง กฤษณาสอนน้องคาฉนั ท์ คัมภีรฉ์ นั ทศาสตร์แพทยศาสตรส์ งเคราะห์ รรณคดี วรรณคดี วรรณคดี วรรณคดี าและคาสอน ขนบธรรมเนียม การละคร ยว่ั ล้อ ประเพณี ๑๗
๖. จากคาประพนั ธท์ ี่กาหนดให้ ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์ว่าเปน็ รสวรรณคดีประเภทใด ๑. ม่านนฝ้ี มี ือวนั ทองทา จาได้ไม่ผดิ นยั น์ตาพี่ เส้นไหมแมน้ เขียนแนบเนยี นดี ส้ินฝีมือแลว้ แต่นางเดยี ว เจ้าปักเป็นป่าพนาเวศ ขอบเขตเขาคลุ้มชอ้มุ เขยี ว รุกขชาติดาดใบระบดั เรียว พลว้ิ เพรยี วศอกดกกระดะดวง ตอบ ๒. แมน้ มิยกพลไกรไปชว่ ย แต่เราม้วยกอ็ ยา่ มาดผู ี อย่าดูทง้ั เปลวอคั คี แต่วนั นข้ี าดกันจนบรรลยั ตอบ ๓. เอออเุ หม่นะมึงชิชา่ งกระไร ททุ าสสถุลฉะนไี้ ฉน กม็ าเป็น ศึกบถ่ งึ และมงึ กย็ งั มิเหน็ จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยั้นมิทนั อะไร กห็ มิน่ กู ตอบ ๔. ท้ังจากทจ่ี ากคลองเปน็ สองข้อ ยังจากกอก็ขน้ึ ในคลองขวาง โอว้ ่าจากช่างมารวบประจวบทาง ท้งั จากบางจากไปใจระบม ตอบ ๕. จะหกั อ่นื ขืนหกั ก็หกั ได้ หกั อาลัยนไี้ มห่ ลดุ สุดจะหกั สารพัดตดั ขาดประหลาดนัก แต่ตัดรกั นีไ้ มข่ าดประหลาดใจ ตอบ ๑๘
๖. ยามสองฆอ้ งยามย่า ทกุ คืนคา่ ย่าอกเอง เสียงปีม่ ค่ี รวญเครง เหมอื นเรยี มรา่ คร่าครวญเครง ตอบ ๗. ใบบานทวาเรศ ระดับมกุ ดพู รายพรรณ เพยี งพศิ ณุกรรม์สรร นฤมิตรประดษิ ฐ์แปลง ตอบ ๘. ถงึ มว้ ยดินสิน้ ฟ้ามหาสมทุ ร ไมส่ ิน้ สดุ ความรกั สมคั รสมาน แมเ้ กิดในใตห้ ล้าสธุ าธาร ขอพบพานพศิ วาสไม่คลาดคลา ตอบ ๙. เดอื นจรสั โพยมแจ่มฟา้ ผิบ่ไดเ้ หน็ หน้า ลอราชไซรด้ เู ดือน ดจุ แล ตาเหมือนตามฤคมาศ พิศควิ้ พระลอราช ประดจุ แกว้ เกากณั ฑ์ ก่งนา ตอบ ๑๐. ผลิ ิน้ พีจ่ ะมีหลาย ก็ทุกลน้ิ จะรมุ กลา่ ว แสดงรัก ณ โฉมฉาย และทกุ ลิ้นจะเปรยปราย ประกาศถอ้ ยปฏญิ ญา พจีวา่ จะรักยืด บจางจดื สเิ นหา ตอบ ๑๙
แบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ คาชี้แจง จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องเพียงคาตอบเดยี ว ๑. ขอ้ ใดเปน็ เหตุใหค้ าวา่ “วรรณคดี” ใชต้ า่ งจากคาว่า “วรรณกรรม” ๑. ระยะเวลาทีแ่ ตง่ ๒. ฐานะของผู้แตง่ ๓. รูปแบบการแตง่ ๔. คณุ ภาพการแตง่ ๒. งานเขียนประเภทใด ไม่จดั เปน็ วรรณคดี ๒. บทละครพูด ๑. เพลงพื้นบ้าน ๔. นิทาน ๓. วทิ ยานิพนธ์ ๓. วรรณคดีประเภทสารคดีแตกตา่ งจากวรรณคดีประเภทบนั เทงิ คดตี ามข้อใด ๑. สารคดีเน้นความสนกุ สนาน ส่วนบนั เทงิ คดีเน้นความรู้ ๒. สารคดีเน้นการทอ่ งเท่ียว ส่วนบนั เทิงคดีเนน้ สภาพชีวิตในราชสานกั ๓. สารคดีเน้นการใหค้ วามรมู้ ากกวา่ ความสนุกสนาน สว่ นบันเทงิ คดเี นน้ ความสนุกสนานและใหแ้ ง่คดิ ๔. สารคดเี นน้ สภาพความเปน็ อยขู่ องคนในสงั คม ส่วนบนั เทงิ คดีเน้นเรอื่ งจินตนาการไกลตัว ๔. ข้อใดคือความหมายของคาว่าวรรณกรรม ๒. งานเขยี นทกุ ชนดิ ๑. งานเขียนทแี่ ต่งดี ๔. งานเขยี นทแี่ ตง่ ดแี ลว้ ไดร้ ับความนิยม ๓. งานเขยี นท่ีไดร้ ับความนิยม ๕. ข้อใดจัดเปน็ วรรณกรรมทุกเรื่อง ๒. สามีตตี รา กาพย์เหเ่ รอื ๑. ม้าก้านกลว้ ย ไตรภูมิพระรว่ ง ๔. นริ าศพระบาท อเิ หนา ๓. ลกู ทาส หนหู ิน่ อินเตอร์ ๖. ถา้ แบง่ วรรณคดตี ามลกั ษณะเน้อื เรือ่ ง ข้อใดจะเป็นวรรณคดขี นบธรรมเนยี มประเพณี ๑. พระราชพธิ ีสิบสองเดอื น ๒. พระมาลยั คาหลวง ๓. สุภาษติ พระรว่ ง ๔. จนิ ดามณี ๒๐
๗. วรรณคดีทเี่ กีย่ วกบั การเทดิ ทูนบคุ คลหรือชมบ้านชมเมือง กวมี ักจะแต่งด้วยคาประพนั ธ์ใด ๑. ความเรียง ๒. โคลง ๓. กลอน ๔. ฉนั ท์ ๘. เพราะเหตุใดการแตง่ วรรณคดีไทยจงึ นิยมขน้ึ ต้นดว้ ยบทไหว้ครู ๑. บทไหว้ครเู ปน็ บททไ่ี พเราะทีส่ ุด ๒. ต้องการแสดงความเคารพต่อครอู าจารยแ์ ละรักษาขนบอนั ดีงามไว้ ๓. ต้องการให้กวมี หี ลกั ยดึ เหน่ยี วในการแต่งวรรณคดี ๔. กวตี อ้ งการขอพรจากครูบาอาจารยเ์ พอื่ ความเปน็ สริ มิ งคลแก่ตนเองและผ้อู า่ น ๙. ข้อใดคือสาเหตสุ าคญั ทสี่ ดุ ทกี่ วใี นสมัยก่อนจากดั อยู่เฉพาะขา้ ราชสานัก ๑. ข้าราชสานกั มคี วามรเู้ หตุการณ์บ้านเมอื งดี ๒. ขา้ ราชสานักมีโอกาสใกลช้ ิดกษัตรยิ จ์ ึงแต่งหนงั สือถวายได้ ๓. ข้าราชสานกั มีเวลาในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานมากกว่าชาวบา้ นทีต่ ้องประกอบอาชพี ๔. ขา้ ราชสานักมักได้รับการศกึ ษาจงึ สามารถอา่ นออกเขยี นไดจ้ งึ มโี อกาสแต่งหนงั สือมากกวา่ ชาวบ้าน ๑๐. ข้อใด ไมใ่ ช่ คุณค่าของวรรณคดี ๒. ให้ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ ๑. ชว่ ยขดั เกลาจิตใจของผู้อ่าน ๔. ให้ความร้แู ละเสรมิ สตปิ ัญญาแกผ่ ู้อา่ น ๓. เขา้ ใจรปู แบบวรรณคดีไดม้ ากข้ึน ๒๑
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: