Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชนิดแรงแม่เหล็ก2563

ชนิดแรงแม่เหล็ก2563

Published by jutatip.190206, 2021-01-06 02:28:41

Description: ชนิดแรงแม่เหล็ก2563

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี 4 ชอ่ื หน่วย รู้มัน่ คงกับแรงในสนามกบั แรงภายในนวิ เคลยี ส แรงแมเ่ หล็กในสนามแมเ่ หล็ก ครผู ้สู อนและผ้จู ัดทา นางจฑุ าทพิ ย์ รักษ์ศรี ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะชานาญการพิเศษ

แรงแมเ่ หลก็ • 1. สนามแม่เหลก็ • 8. แรงแมเ่ หล็กบนเส้นลวดทีม่ ี • 2. ทฤษฎีแม่เหล็ก กระแสไฟฟ้าไหล • 3. การเหนีย่ วนาแมเ่ หล็ก • 4. การสร้างแมเ่ หลก็ • 9. แรงแม่เหลก็ ระหว่างเสน้ ลวดที่มี • 5. แมเ่ หลก็ จากกระแสไฟฟา้ กระแสไฟฟา้ ไหล • 6. แรงแม่เหล็กบนประจไุ ฟฟ้า • 10. มอเตอร์ไฟฟา้ • 7. เสน้ ทางการเคลือ่ นทีข่ องประจุไฟฟ้าใน สนามแม่เหลก็ • 11. แรงเคลือ่ นไฟฟ้าเหนี่ยวนา • 12. เคร่ืองกาเนิดไฟฟา้ • 13. หม้อแปลง • 14. ประโยชน์ของแรงแมเ่ หล็ก

แรงแมเ่ หลก็ http://www.damrong.ac.th/pittaya/webstudy/Magne

• We can use iron filings to show the look of the magnetic field. • The field lines around a bar magnet. http://www.schoolscience.co.uk/content/3/physics/coppe

• แมเ่ หลก็ ขวั้ เดยี วกนั - ผลกั กัน • แม่เหลก็ ขัว้ ต่างกัน - ดูดกัน http://www.readingtarget.com/magpulse/Magnets



1. สนามแมเ่ หลก็ • สนามแม่เหลก็ (magnetic field) คอื บรเิ วณทแ่ี รงแม่เหลก็ สง่ ไปถึง • ซึง่ บรเิ วณน้ตี อ้ งมเี สน้ แรงแมเ่ หลก็ • สนามแมเ่ หลก็ มที ศิ สมั ผัสกับเสน้ แรง แมเ่ หล็ก http://www.readingtarget.com/magpulse

2. ทฤษฎีแม่เหลก็ • 1. การรกั ษาอานาจแมเ่ หลก็ • 2. แมเ่ หลก็ อ่ิมตวั • 3. การทาลายอานาจแม่เหลก็ อาจทาไดโ้ ดย – การทบุ (hammering) – การเผา (heating) – ใชไ้ ฟฟ้ากระแสสลบั

3. การเหน่ียวนาแม่เหลก็ • ถ้านาแทง่ เหลก็ ธรรมดาไปจ่อใกล้ ๆ ตะปู จะไม่เกดิ แรงแมเ่ หลก็ • แต่ถา้ จ่อแมเ่ หลก็ ใกล้ ๆ แท่งเหลก็ จะพบวา่ แทง่ เหลก็ ดดู ตะปไู ปตดิ บน แทง่ เหล็ก • แสดงวา่ แท่งเหล็กเป็นแมเ่ หลก็ โดยการเหนยี่ วนา • โดยโดเมนแมเ่ หลก็ ของเหลก็ ธรรมดาเรียงตัวอย่างเปน็ ระเบยี บ

4. การสร้างแม่เหลก็ • 1. การถู – ถูทางเดยี ว – ถูสองทาง • 2. การใชก้ ระแสไฟฟ้า

5. แม่เหล็กจากกระแสไฟฟ้า • Hans Christian Oersted (1777-1851) • พบว่าเข็มทศิ จะมีการเบย่ี งเบน เมอ่ื อยู่ ใกล้ ๆ เส้นลวดทีม่ กี ระแสไฟฟ้าไหล • เป็นจดุ เร่ิมต้นของการศึกษา สนามแม่เหลก็ จากกระแสไฟฟา้ • ทาใหส้ ามารถประดิษฐอ์ ปุ กรณ์ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าได้ เช่น มอเตอร์ โทรศพั ท์ ลาโพง ไมโ่ ครโฟน เปน็ ตน้ http://brunelleschi.imss.fi.it/genscheda.asp?appl=SIM&xsl=biografia&lingua=ENG&chiave=300437

แมเ่ หลก็ จากสนามแม่เหลก็ • 1) สนามแม่เหลก็ รอบเสน้ ลวด • 2) ขดลวดโซเลนอยด์ (solenoid)

1) สนามแมเ่ หลก็ รอบเสน้ ลวด • 1. บนระนาบหนงึ่ เสน้ แรงแม่เหล็กเป็นวงกลมรอบเสน้ ลวด • 2. ความเข้มของสนามแมเ่ หลก็ แปรผนั ตรงกับระยะหา่ งจากขดลวด • 3. ความเข้มของสนามแมเ่ หล็ก แปรผนั ตรงกบั ปริมาณกระแสไฟฟ้า • 4. ถ้าเปลย่ี นทิศของกระแสไฟฟ้า จะทาใหท้ ศิ ของสนามแม่เหล็ก เปลยี่ นไป แตร่ ูปแบบของเสน้ แรงไฟฟ้าเหมือนเดิม ความเขม้ ของ สนามแม่เหล็กทีห่ า่ งจากเส้นลวดยาวมากเปน็ ระยะ r มีคา่ ดงั สมการ B=kI/r

B=kI/r http://www.uq.edu.au/_School_Science_Lessons/UNP

• เมอื่ B B=kI/r •I •r คอื ความเขม้ ของสนามแมเ่ หลก็ (T , Wb/m2) •k คอื กระแสไฟฟ้า (A) คือ ระยะหา่ งจากเส้นลวด (m) คือ คา่ คงที่ (k = 2 x 10-7 Wb/Am)

2) ขดลวดโซเลนอยด์ (solenoid) • เป็นขดลวดเหมอื นสปริง • ทิศทางของสนามแม่เหลก็ หาไดจ้ ากกฎมือขวา • นิ้วหวั แม่มอื ชี้ตามทิศสนามแม่เหล็ก • นว้ิ ทัง้ ส่ชี ีต้ ามกระแสไฟฟา้ • เราสามารถหาความเข้มของสนามแม่เหลก็ ตรงกลางขดลวดโซเลนอยด์ ได้จากสมการ B = µ0 nI

• เมอื่ B B = µ0nI •I •n คอื ความเข้มของสนามแม่เหลก็ (T , Wb/m2) คอื กระแสไฟฟา้ (A) • µ0 คือ จานวนขดลวดต่อหนึง่ หน่วยความยาวของขดลวดโซ เลนอยด์ (รอบ/m) คือ ค่าคงที่ (k = 4π x 10-7 Wb/Am)

solenoid http://www.yourdictionary.com/ahd/s/s0547000.h

The magnetic field B caused by long current- carrying solenoid. Ampere's law reduces to four straight- line paths of integration. The integral over three of the paths will be zero. http://www.physics.sjsu.edu/becker/physics51/mag_fiel

Torque on a solenoid in a magnetic field http://www.physics.sjsu.edu/becker/physics51/mag_

6. แรงแมเ่ หล็กไฟฟา้ บนประจุไฟฟา้ • เมอื่ ประจุไฟฟา้ เคลื่อนท่ผี ่านเข้าไปในสนามแม่เหลก็ • สามารถเกิดแรงแมเ่ หล็กกระทาบนประจไุ ฟฟา้ น้ี • โดยเขียนสมการได้ดงั นี้ F = qvB sin θ • เมอื่ θ คอื มมุ ระหวา่ ง v และ B •q คอื ประจุไฟฟ้า (C) •B คอื สนามแม่เหล็ก (T , Wb/m2) •v คอื ความเร็ว (m/s) •F คือ แรงแม่เหล็ก (N)

กฎมอื ขวา ทิศของแรงแมเ่ หล็กเปน็ ไปตามกฎมอื ขวา โดยใหน้ วิ้ ท้ังสีท่ ิศตามความเร็ว (v) จากนนั้ วน นวิ้ ทงั้ สเ่ี ข้าหาสนามแม่เหล็ก (B) http://www.rsu.ac.th/tlsd/e_learning/b_field/mag

แรงแม่เหล็กบนประจุบวก • กฎมือขวาใชส้ าหรับหาทิศจากการ cross เวกเตอรส์ องเวกเตอรเ์ ขา้ ดว้ ยกัน • ทิศของเวกเตอรห์ าไดโ้ ดยใหน้ ว้ิ ท้ังส่ีทิศ ตามเวกเตอรต์ ัวแรก • จากนัน้ กวาดน้ิวทงั้ สี่เขา้ หาเวกเตอรต์ ัวท่ี สอง (โดยกวาดตามมมุ ท่มี คี า่ น้อย) • น้วิ หวั แมม่ ือจะแสดงทศิ ของเวกเตอรท์ ้งั สอง http://www.rsu.ac.th/tlsd/e_learning/b_field/mag4.htm

แรงแมเ่ หล็กบนประจลุ บ • สาหรับประจุลบ (-q) ทิศของแรงแสดง ดงั รปู ทางซ้ายมอื • ทาเช่นเดียวกับประจบุ วก (+q) เพียงแต่ ทิศตรงกนั ข้ามกบั ประจบุ วก • นน่ั คอื ทิศตรงกนั ขา้ มกับนวิ้ หวั แม่มอื http://www.rsu.ac.th/tlsd/e_learning/b_field/mag

7. เสน้ ทางการเคลอ่ื นที่ของประจไุ ฟฟา้ ในสนามแม่เหลก็ • แรงแม่เหลก็ (F) ตั้งฉากกับความเรว็ (v) ของประจุตลอดการเคล่ือนท่ี • แรงนไี้ มเ่ ปลีย่ นขนาดความเร็ว • แต่ทิศทางการเคล่อื นท่ีของประจเุ ปลยี่ นไป • ถา้ สนามแมเ่ หลก็ (B) คงที่ประจไุ ฟฟ้าจะเคล่ือนทเี่ ป็นวงกลม • โดยแรงแมเ่ หล็กมที ศิ พุง่ เขา้ สู่ศนู ย์กลางของวงกลมนตี้ ลอดเวลา • ถ้าแรงไฟฟา้ คงท่ีทง้ั ขนาดและทิศทาง • ประจจุ ะเคล่ือนที่เปน็ เส้นโค้งพาราโบลา

8. แรงแม่เหลก็ บนเส้นลวดท่มี กี ระแสไฟฟ้าไหล • เมอื่ เสน้ ลวดมีกระแสไฟฟ้าไหล และอยูใ่ นสนามแมเ่ หลก็ • พบว่า เกดิ แรงแมเ่ หล็กกระทาบนเสน้ ลวดน้ี • โดยเขยี นสมการของแรงแมเ่ หลก็ ได้เป็น F = ILB sin θ

F = ILB sin θ • เม่ือ θ คือ มุมระหว่าง L และ B •I คือ กระแสไฟฟ้า (A) •B คอื สนามแมเ่ หลก็ (T , Wb/m2) •L คอื ความยาวเส้นลวด (m) •F คอื แรงแมเ่ หล็ก (N)

9. แรงแมเ่ หล็กระหว่างเส้นลวดทม่ี ีกระแสไฟฟ้าไหล • เมอื่ นาลวดตรง 2 เส้นวางขนานกนั • ปลอ่ ยกระแสไฟฟา้ ใหไ้ หลในเส้นลวดนี้ • จะเกดิ แรงแม่เหลก็ ระหว่างเสน้ ลวดทง้ั สอง โดย • เป็นแรงดดู เมอ่ื กระแสไฟฟ้าไหลทิศทางเดยี วกนั • เป็นแรงผลัก เมอื่ กระแสไฟฟ้าสวนทางกนั

10. มอเตอร์ไฟฟา้ • มอเตอร์ไฟฟา้ เปน็ อปุ กรณ์ทเ่ี ปล่ียนพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลังงานกล • โดยอาศัยแรงแม่เหลก็ บนเส้นลวดท่มี ีกระแสไฟฟา้ ไหล และอยใู่ น สนามแม่เหล็ก

สว่ นประกอบของมอเตอร์ไฟฟา้ http://en.wikipedia.org/wiki/Electric_motor

ชนดิ ของมอเตอรไ์ ฟฟา้ • มอเตอร์ไฟฟ้ามี 2 ชนดิ คือ • 1. มอเตอร์กระแสตรง (วงแหวนซีก) • 2. มอเตอร์กระแสสลบั (วงแหวนวง) • สว่ นประกอบเหมือนกนั ยกเว้น วงแหวน

11. แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ เหน่ียวนา • Michael Faraday : 1791-1867 • เปน็ ผ้คู น้ พบแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนยี่ วนา (ε) • โดยมหี ลักการ ดังน้ี • เม่อื เส้นลวดตวั นาเคลื่อนท่ตี ัดสนามแมเ่ หลก็ จะเกิดแรงแม่เหล็กบนอเิ ล็กตรอนใน เส้นลวดตัวนา (ตามกฎมือขวา) • ทาใหเ้ กิดความต่างศักยไ์ ฟฟ้าที่ปลายทง้ั สอง ข้างของเส้นลวดตวั นา http://en.wikipedia.org/wiki/Michael_Faraday

ε = VBL • เมอื่ ε คอื แรงเคลือ่ นไฟฟ้าเหนีย่ วนา (N) •V คอื ความเร็วของเสน้ ลวด (m/s) •B คือ สนามแมเ่ หล็ก (T , Wb/m2) •L คือ ความยาวเสน้ ลวด (m)

แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหน่ยี วนา • 1. แรงเคลือ่ นไฟฟ้าเหนยี่ วนาโดยการเปลยี่ นแปลงสนามแมเ่ หล็ก – เมื่อนาแทง่ แมเ่ หล็กเคลอ่ื นท่ีเขา้ ออกจากขดลวดตัวนา – จะเกิดแรงเคล่ือนไฟฟ้าเหนย่ี วนาในขดลวด ทาให้มกี ระแสไฟฟ้าไหลใน ขดลวดนนั้ • 2. กฎของฟาราเดย์ (Faraday’s Law) แรงเคล่อื นไฟฟา้ เหน่ียวนา ของขดลวด จะเพมิ่ ขนึ้ เมื่อ – 1. ความเข้มของสนามแม่เหลก็ จากแทง่ แมเ่ หลก็ มคี ่ามาก – 2. เคลื่อนแท่งแมเ่ หลก็ ดว้ ยความเรว็ สงู – 3. เพ่ิมจานวนรอบของขดลวด

12. เครื่องกาเนดิ ไฟฟ้า • เครื่องกาเนิดไฟฟ้า (generator) หรอื ไดนาโม (dynamo) เปน็ เคร่ืองมือท่เี ปลย่ี นพลงั งานกลเปน็ พลงั งานไฟฟ้า • แบง่ ได้ 2 ชนดิ คอื • 1. เครอ่ื งกาเนิดไฟฟ้ากระแสตรง (direct current generator : d.c. generator) ใช้วงแหวนผา่ ซกี • 2. เครือ่ งกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (alternating current generator : a.c. generator) ใชว้ งแหวนวง

a.c. generator • มกี ารเปล่ยี นแปลงขว้ั ไฟฟ้าบวก (+) และลบ (-) สลบั กัน • แอมพลจิ ดู (ค่าสงู สดุ ) ของกระแสไฟฟ้าหรอื ความตา่ งศักย์ เรียกว่า พคี (peak : Ip หรอื Vp) • ในทางปฏิบัติ เราใช้คา่ รากท่ีสองของกาลังสองเฉลี่ย (root mean square : rms) หรือเรยี กว่า คา่ ยังผล (effective value) • ซึง่ วัดได้โดยมเิ ตอร์ อาจเรียกว่า คา่ มเิ ตอร์ ก็ได้ มดี งั น้ี Irms = 0.707 Ip Vrms = 0.707 Vp

13. หม้อแปลง (transformer) • เปน็ อปุ กรณท์ ่ีเปล่ยี นแรงเคลือ่ นไฟฟ้าเหนีย่ วนาใหม้ ากข้ึน หรอื น้อยลง • เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกับการใช้งาน • เชน่ โรงผลิตไฟฟา้ , บา้ นเรอื น , เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าบางประเภท เปน็ ตน้

หม้อแปลง http://en.wikipedia.org/wiki/Transformer

หมอ้ แปลง (transformer) • 1) ส่วนประกอบของหมอ้ แปลง • 2) ความสมั พนั ธข์ องแรงดันไฟฟ้ากบั จานวนรอบของขดลวด • 3) หลกั การทางานของหมอ้ แปลงไฟฟ้า

1) สว่ นประกอบของหม้อแปลง • 1. ขดลวดปฐมภมู ิ (primary coil) ต่อกบั แหล่งจา่ ยกระแสไฟฟ้า สลับ • 2. ขดลวดทตุ ยิ ภูมิ (secondary coil) ตอ่ กับแหลง่ นาไปใช้งาน • เราเรยี ก แรงเคลือ่ นไฟฟา้ เหนี่ยวนา ว่า แรงดนั ไฟฟา้

สิ่งควรร้เู กี่ยวกับหมอ้ แปลง • 1. จานวนรอบของ primary coil = จานวนรอบของ secondary coil จะได้แรงดันไฟฟา้ ทข่ี ดลวดทงั้ สองเทา่ กนั • 2. ถ้าจานวนรอบของ primary coil > จานวนรอบของ secondary coil จะได้แรงดนั ไฟฟ้า primary coil > แรงดนั ไฟฟ้าของ secondary coil เรียกวา่ หมอ้ แปลงลง (step down transformer) • 3. ถา้ จานวนรอบของ primary coil < จานวนรอบของ secondary coil จะไดแ้ รงดันไฟฟ้า primary coil < แรงดันไฟฟ้าของ secondary coil เรียกว่า หมอ้ แปลงข้ึน (step up transformer) • 4. สัญลักษณ์ คือ

step up transformer http://www.bartleby.com/61/imagepages/A4trsfm

2) ความสัมพันธข์ องแรงดันไฟฟ้า กับ จานวนรอบของขดลวด

http://en.wikipedia.org/wiki/Transformer

3) หลกั การทางานของหม้อแปลงไฟฟา้ • ใช้กับไฟฟ้ากระแสสลบั เท่านั้น • เมอ่ื กระแสไฟฟา้ สลบั ไหลใน primary coil จะเหนยี่ วนาให้เกิด สนามแมเ่ หลก็ ไมค่ งท่ใี นแกนเหล็กออ่ น • และผ่านเขา้ ไปใน secondary coil • เกดิ การเหนยี่ วนาใหม้ กี ระแสไฟฟ้าสลบั ใน secondary coil

http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/HBASE/magnetic/

http://www.physics.miami.edu/~zuo/class/fall_05/lecture%2

14. ประโยชนข์ องแมเ่ หล็กไฟฟา้ • 1. แท่นยกแมเ่ หลก็ • 2. กระดิง่ ไฟฟา้ • 3. รถไฟฟา้ • 4. กลอนประตไู ฟฟ้า • 5. โทรศัพท์ • 6. ลาโพง • 7. เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า • 8. เครอ่ื งเลน่ เทปมหี ัวบนั ทกึ และหวั อา่ น • 9. รีเลย์ (relay) • 10. ไดนาโมรถจกั รยาน • 11. มเิ ตอร์ไฟฟ้า

จบแลว้ คะ่ • นกั เรียนอยา่ งลมื เขา้ ไปฝกึ แบบทดสอบนะค่ะ • คนเกง่ คือคนทฝ่ี ึกฝนตวั เองสม่าเสมอในทุกด้าน • อยา่ งลืมว่าเรากม็ คี วามโดดเด่นในตนเอง อย่าดูถกู ตนเอง ตวั เรา รู้เองวา่ เรามคี วามสามารถอะไร ต้องแสดงใหค้ นอนื่ ยอมรบั เราได้ • ทกุ คนมีสิทธเิ สรภี าพ แตต่ อ้ งเคารพสทิ ธคิ นอื่นด้วย หนา้ ท่ีเรา สาคญั ท่ีสดุ อยา่ เอาแต่เรยี กรอ้ งสิทธิ์ แต่ลืมหน้าท่ที พี่ ึงกระทา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook