วทิ ยาศาสตร์ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรียนรู้ชีวติ พชื คณุ ครูปทั สอมนโาดย ยะภกั ดี โรงเรยี นอนบุ าลรกั ภาษา
คาถามชวนคิด .....ปจั จัยที่จาเปน็ ต่อ การดารงชีวติ ของพืชมอี ะไรบาง ???
ปัจจยั ทจ่ี าเปน็ ต่อการดารงชวี ติ ของพืช แสง • พชื มคี ลอโรฟิลลเ์ ป็นตัวดดู กลนื แสง เพ่ือนาแสงมาใช้เป็น พ ลั ง ง า น ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร สังเคราะห์ด้วยแสง หรือการ สร้างอาหารของพชื วิทยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
ปจั จยั ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การดารงชวี ิตของพืช น้า • นา้ ช่วยละลายธาตุอาหารท่ีอยใู่ นดิน ทาให้รากดูดและลาเลียงธาตุอาหาร เหลา่ นั้นไปยังสว่ นต่างๆ ของพืชได้ • พืชใช้น้าในกระบวนการสังเคราะห์ ดว้ ยแสงหรอื การสร้างอาหารของพืช วทิ ยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
ปจั จยั ทจี่ าเป็นตอ่ การดารงชีวิตของพชื อากาศ • ในตอนกลางวัน ช่วงที่มีแสงพืชจะ • ในตอนกลางคืน ช่วงท่ีไม่มี ใ ช้ แ ก๊ ส ค า ร์ บ อ น ไ ด อ อ ก ไ ซ ด์ ใ น แสงพืชจะใช้แก๊สออกซิเจน กระบวน การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงหรอื สาหรับหายใจ การสร้างอาหารของพืชและหายใจ เอาแกส๊ ออกซิเจนออกมา ������������ แกส๊ ออกซเิ จน แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ ������������������ แกส๊ ออกซเิ จน ������������ วิทยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
ปจั จัยทจ่ี าเปน็ ต่อการดารงชีวิตของพืช ธาตอุ าหาร ธาตอุ าหารหลกั พืชตอ้ งการมากและมอี ยู่ในดินปรมิ าณนอ้ ย • พืชต้องการธาตุอาหารชนิดต่างๆ ไดแ้ ก่ ที่มีอยู่ในดิน โดยรากของพืชจะ ดูดซึม ธาตุอาหารไปเล้ียงส่วน NP K ต่างๆ ของพืช เพ่ือทาให้พืชมกี าร เจริญเติบโตและแข็งแรง ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซียม วิทยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee ธาตอุ าหารรอง พชื ต้องการรองลงมาจากธาตอุ าหารหลักและ มีอยู่ในดนิ ปริมาณมาก ไดแ้ ก่ Ca Mg S แคลเซียม แมกนเี ซียม กามะถัน ธาตุอาหารเสริม พชื ตอ้ งการน้อย มอี ยู่ในดินปรมิ าณนอ้ ย ได้แก่ Mo Mn Cu โมลิบดีนัม แมงกานีส ทองแดง Zn Cl Fe B สงั กะสี คลอรีน เหล็ก โบรอน
วทิ ยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
สว่ นประกอบต่างๆ ของพืชดอก เกสรเพศเมยี เกสรเพศผู้ เปน็ สว่ นทอ่ี ยชู่ นั้ ในสุด ทาหนา้ ทใี่ เปน็ สว่ นทอี่ ยถู่ ดั จากกลบี ดอก นการสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศเมยี มกั มีอยหู่ ลายอนั ทาหนา้ ทส่ี รา้ ง เซลลส์ บื พนั ธเุ์ พศผู้ กลบี ดอก เป็นสว่ นทม่ี สี สี วยงาม มกี ล่นิ หอม กลีบเลย้ี ง เพ่ือชว่ ยลอ่ แมลงใหม้ าผสมเกสร เปน็ สว่ นทอี่ ยดู่ า้ นนอกสดุ มกั มสี เี ขียว ทาหนา้ ทหี่ อ่ หมุ้ เกสรขณะทเี่ กสรยงั ออ่ นอยู่ ทาหนา้ ทห่ี อ่ หมุ้ สว่ นของดอก ในขณะทยี่ งั ตมู อยู่ เพื่อปอ้ งกนั อนั ตรายจากแมลง วิทยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
ข้ันตอนการปฏิสนธขิ องพืชดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี ขั้นท่ี 1 ข้ันท่ี 2 ขั้นที่ 3 ละอองเรณปู ลวิ ไปตก ละอองเรณงู อกหลอด ละอองเรณงู อกเปน็ หลอดยาว บนยอดเกสรเพศเมีย ไปตามเกสรเพศเมีย เขา้ ไปผสมกบั เซลลไ์ ข่ เกิดการปฏสิ นธิ วิทย์แสนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
ขนั้ ตอนหลงั จากการปฏสิ นธขิ องพืชดอก รงั ไข่ • รังไข่จะเจริญกลายเป็นผล ผนงั รังไข่ ออวลุ • ผนงั รังไข่จะเจรญิ เปน็ เปลอื ก และเนอื้ ของผลไม้ วทิ ยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee • ออวลุ จะเจรญิ เปน็ เมล็ด • ภายในเมล็ดจะเก็บต้นอ่อน และละเก็บสะสมอาหารไว้ ภายใน เพ่ือเกิดไปเป็นพืช ต้นใหม่ตอ่ ไป
วทิ ยแ์ สนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
วัฏจกั รชวี ติ ของพชื ดอก วัฏจกั รชวี ติ ของพชื ดอกแต่ละชนดิ จะมวี ฏั จกั รทค่ี ล้ายๆ กัน ดงั น้ี 1. เม่ือนาเมลด็ ไปปลกู 2. เม่ือเมล็ดเรมิ่ งอก จนมสี ภาวะทเี่ หมาะสมสาหรับการงอก เปน็ ตน้ ออ่ น รากจะเรม่ิ ดดู นา้ ได้ ลาตน้ เมล็ดกจ็ ะเจรญิ เตบิ โต เล็กๆ เร่มิ โผลข่ นึ้ มาจากดนิ และมีใบท่ี ไปเปน็ ตน้ พชื ตน้ ใหม่ เรมิ่ จะสรา้ งอาหารเองได้ 4. เมื่อดอกไดร้ บั การสบื พนั ธ์ุ 3. เม่อื เจริญเตบิ โตเตม็ ท่ี จะออกผล ซึง่ ผลจะมเี มลด็ อยขู่ า้ งใน ตน้ พืชจะเรมิ่ ออกดอก ซงึ่ ดอกจะทาหนา้ ทใ่ี นการสืบพนั ธุ์ เมอ่ื สภาพแวดลอ้ มมคี วามเหมาะสม พชื จะเกดิ การหมนุ เวยี นเปน็ เชน่ นไ้ี ปเรอ่ื ยๆ เรียกวา่ วฏั จกั รชวี ิตของพชื ดอก วทิ ย์แสนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
ตัวอยา่ งวัฏจักรชีวติ ของพชื ดอกใบเลีย้ ง ตน้ ท่เี จรญิ เตบิ โตเตม็ ทจ่ี นมดี อก เด่ียว ผลและเมลด็ วฏั จกั รชวี ติ ของมะพร้าว มีวฏั จกั รชวี ติ ประมาณ 4-6 ปี วิทย์แสนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee ต้นออ่ น
ตัวอย่างวัฏจักรชีวติ ของพืชดอกใบเล้ยี งคู่ ตน้ ท่เี จรญิ เตบิ โตเตม็ ทจี่ นมดี อก ผลและเมล็ด วัฏจักรชวี ติ ของมะมว่ ง มีวัฏจักรชวี ติ ประมาณ 4-6 ปี ตน้ ออ่ น
วทิ ย์แสนสนกุ By K.Pattama Yaphakdee
QR Code วิทยาศาสตร์ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เอกสารประกอบการเรียน เรอ่ื ง...เรยี นรูช้ ีวติ พชื คุณครูปทั สมอนาโดย ยะภกั ดี โรงเรยี นอนบุ าลรกั ภาษา
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: