คานา รายงานฉบบั น้ีจดั ทาเพอ่ื เป็นเอกสารประกอบการเรยี นวชิ าสบื คน้ ขอ้ มลู ทางอนิ เตอร์ ง. 30204 เรอ่ื ง ระบบสรุ ยิ ะ โดยมแี รงบนั ดาลใจจากการไดไ้ ปดรู ายการโทรทศั น์รายการหน่งึ ซง่ึ เป็นรายการทเ่ี กย่ี วกบั ระบบสรุ ยิ ะ และทาใหด้ ฉิ นั สนใจเกย่ี วกบั ระบบสรุ ยิ ะ จงึ นามาศกึ ษา คน้ ควา้ เพอ่ื เป็นประโยชน์แก่ผอู้ ่นื และเป็นความรเู้ พม่ิ เตมิ ใหก้ บั ตนเอง ในรายงานเลม่ น้ี ประกอบดว้ ย ระบบสรุ ยิ ะ การสารวจยุคแรก การสารวจดว้ ยยานอวกาศ กาเนิดและ ววิ ฒั นาการของระบบสรุ ยิ ะ และเน้ือหาสาระความรเู้ กย่ี วกบั ดวงดาวต่างๆ การจดั ทารายงานครงั้ น้ีผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ เน้ือหาทจ่ี ดั ทามานนั้ จะครบ สมบรู ณ์และมปี ระโยชน์แกผ่ อู้ ่านและสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ หาก ผดิ พลาดประการใดกข็ ออภยั มา ณ ทน่ี ้ี และขอขอบคุณ คณุ ครู ศุภสณั ห์ แกว้ ราราญ ทใ่ี หค้ าแนะนาและตรวจทานเน้อื หา จน รายงานเลม่ น้ีสาเรจ็ และเพอ่ื นๆทค่ี อยชว่ ยเหลอื และใหค้ าแนะนาในการจดั ทารายงานเรอ่ื ง ระบบสรุ ยิ ะ
ขอบเขตเฮลิโอพอส (Heliosphere) (เขตแดนตามทฤษฎีที่ซง่ึ ลมสรุ ิยะสนิ ้ กาลงั ลง เนื่องจากมวลสารระหวา่ งดวงดาว) และพ้นไปจากนนั้ คือยา่ นของเมฆออร์ต (Oort cloud) แถบดาวเคราะห์น้อย (Asteroid belt) แถบดาวเคราะห์น้อย เป็นบริเวณในระบบสรุ ิยะท่อี ยรู่ ะหวา่ งวงโคจรของดาวองั คารกบั ดาว พฤหสั บดี ประกอบไปด้วยวตั ถรุ ูปร่างไม่แนน่ อนจานวนมาก เรียกวา่ ดาวเคราะห์น้อย (Asteroid หรือ Minor planet) บางครัง้ ก็เรียกแถบดาวเคราะห์น้อยวา่ \"แถบ หลกั \" เพอ่ื แยกแยะมนั ออกจากดาวเคราะห์น้อยกลมุ่ อนื่ ๆ ทีม่ ีอยใู่ นระบบสรุ ิยะ เช่น แถบไค เปอร์ มวลกวา่ คร่ึงหนงึ่ ของแถบดาวเคราะห์น้อยอยใู่ นดาวเคราะห์น้อยท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสดุ 4 ดวง ได้แก่ ซรี ีส, เวสตา, พลั ลสั และไฮเจีย ทงั้ สี่ดวงนีม้ ีเส้นผ่านศนู ย์กลางเฉลย่ี มากกวา่ 400 กิโลเมตร สาหรับซีรีสซง่ึ ถือเป็นดาวเคราะห์แคระเพียงดวงเดยี วในแถบดาวเคราะห์น้อย มีเส้น ผ่านศนู ย์กลางประมาณ 950 กิโลเมตร สว่ นที่เหลือมีขนาดลดหลน่ั กนั ไปจนถงึ เศษฝ่ นุ วตั ถใุ น แถบดาวเคราะห์น้อยกระจายอยอู่ ยา่ งเบาบางจนกระทง่ั ยานอวกาศหลายลาสามารถเคลอื่ น ผ่านไปได้โดยไมช่ นกบั อะไรเลย นอกจากนนั้ การชนกนั ระหวา่ งดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ได้ ทาให้เกิดวงศ์ดาวเคราะห์น้อยท่ีมีองค์ประกอบธาตแุ ละวงโคจรใกล้เคียงกนั การแตกสลายทา ให้เกิดเศษฝ่ นุ ละเอียดซงึ่ กลายเป็นองค์ประกอบสว่ นหนง่ึ ของแสงในแนวจกั รราศี ดาวเคราะห์
ทฤษฎีการกาเนิดระบบสุริยะ 1. ทฤษฎจี ุดกาเนิดระบบสรุ ยิ ะของบฟู ง (Georges Louis leclere Buffon) นกั วทิ ยาศาสตรช์ าวฝรงั่ เศส เมือ่ พ.ศ. 2288 เสนอว่า มีดาวฤกษ์ดวงหน่ึงเคลื่อนทเี่ ขา้ ใกลด้ วงอาทิตย์มีขนาดใกล้เคยี งกัน แล้วแรงดงึ ดดู ระหว่างกัน ทาใหม้ วลส่วนหนงึ่ หลุดออกมา กลายเปน็ ดาวเคราะห์โลก และวัตถุอื่น ๆ ในระบบสุรยิ 2. ทฤษฏจี ดุ กาเนิดระบบสรุ ยิ ะของ ลาพลาส โดยนักวิทยาศาสตรช์ าวฝร่งั เศส ชื่อ ลาพลาส (Piere Simon Laplace) ได้ร่วมงานกับ คานท์ เมอ่ื พ.ศ. 2349 เสนอว่า ระบบสรุ ยิ ะเกิดมาจาก มวลของกลุ่มกา๊ ซฝนุ่ ละออง หมอกควัน ซึ่งมขี นาดใหญ่และรอ้ นจดั รวมกล่มุ กันหมนุ รอบตวั เองอยา่ งช้าๆ ทาให้มีมวลขนาดใหญข่ ้ึน ยุบตวั ลง อัดแน่นมากขึน้ หมุนเร็วมากขน้ึ ทาใหม้ วลบางส่วนหลุดออกมาเป็น วงแหวน และวงแหวนมีการหมนุ จนหดตัวเป็นดาวเคราะห์ โลก และวัตถอุ ่นื ๆ ในระบบสุริยะ จงึ เรยี ก ทฤษฎีของคานท์และลาพลาสว่า “The Nebula Hypothesis” 3. ทฤษฎจี ุดกาเนิดระบบสุรยิ ะของเจมส์ ยีนส์ (Sir James Jeans) เมื่อประมาณ พ.ศ.2444 เจมส์ ยีนส์ (Sir James Jeans) นักดาราศาสตร์ ชาวองั กฤษ เสนอไวว้ ่า มดี าวฤกษ์ขนาด ใหญเ่ คล่ือนที่ผา่ นเขา้ ใกลด้ วงอาทติ ย์ ทาให้เกิดแรงดงึ ดูดมหาศาล แรงดึงดูดระหว่างดวงอาทิตย์ และ ดาวฤกษ์ ทาให้มวลบางสว่ นของดาวฤกษ์และดวงอาทิตย์หลดุ ออกมา มวลท่หี ลุดออกมานกี้ ลายเป็นดาว เคราะห์ต่างๆ รวมทงั้ โลก และสง่ิ อน่ื ๆ ในระบบสรุ ยิ ะจักรวาล จากทฤษฎนี ้จี ะเห็นไดว้ า่ ดวงอาทิตยเ์ กิดมา
กอ่ นดาวเคราะห์ และดวงอาทติ ย์กบั ดาวเคราะห์หมนุ ไปทางเดียวกัน ซงึ่ ทฤษฎีนี้ บูฟง นกั วิทยาศาสตร์ ชาวฝร่งั เศสเคยเสนอไวแ้ ล้วเม่อื พ.ศ.2288 และกอ่ นหน้าน้ัน เมื่อ พ.ศ.2443 มีนกั วิทยาศาสตร์ อเมริกนั 2 คน คอื โทมัน แซมเบอรล์ นิ (Thomas Chamberlin) และเอฟ. อาร.์ โมลตนั โดยใช้หลกั การของ บูฟง และเชอื่ วา่ เนือ้ สารของดวงอาทติ ยใ์ นตอนแรกนั้นกระจายเป็นช้ินเลก็ หลายชนิ้ แล้วมารวมกันเป็นกอ้ นใหญ่ข้นึ และหลอมรวมกันเป็นดาวเคราะห์ โลก และวตั ถอุ ื่นๆ ในระบบสุริยะ จกั รวาล 4. ทฤษฎีจุดกาเนินระบบสุรยิ ะของ เฟรด ฮอยล์ (Fred Hoyle) และ ฮานส์ อัลเฟน (Hans Alphen) เมือ่ ปี พ.ศ.2493 เฟรด ฮอยล์ (Fred Hoyle) และฮานส์ อัลเฟน (Hans Alphen) นักวทิ ยาศาสตรช์ าวองั กฤษ เสนอทฤษฎไี ว้ โดยอาศัยแนวทฤษฎขี อง คานท์ และลาพลาส และหลกั ฐานจากการศกึ ษาปรากฏการณท์ ้องฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งสรุปความได้วา่ มดี วง อาทติ ยเ์ กดิ ขึน้ กอ่ น ( ดวงอาทิตย์กอ่ นเกิด หรือ Protosun ) จากการรวมตัวของกล่มุ ก๊าซและฝ่นุ ละออง ต่อมาดวงอาทติ ย์เร่ิมมีแสงสว่าง และยังคงมกี ลุ่มก๊าซและฝุ่นละอองหอ้ มลอ้ มอยู่ โดยหมุนไปรอบๆ ดวงอาทิตย์ กล่มุ กา๊ ซและฝุ่นละอองเหลา่ นีถ้ ูกดึงดูดให้อดั แน่นข้ึน และรวมตวั เปน็ กอ้ นขนาด ใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นกอ้ นวัตถุขนาดใหญ่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ซ่งึ กค็ ือดาวเคราะห์นั่นเอง 5. ทฤษฎจี ดุ กาเนินระบบสรุ ยิ ะของแมคเครีย ในช่วง พ.ศ.2500 – 2503 แมคเครยี (maxclear) ไดเ้ สนอทฤษฎมี ีใจความ สรุปวา่ กลุ่มกา๊ ซและฝุ่นละอองด้ังเดมิ น้ันถูกอัดตัวแน่นเป็นกอ้ น เล็ก เรียกว่า ฟลอคคูล (Floccules) ซึ่งมีประมาณแสนก้อน ซงึ่ กอ้ นฟลอคคูลเหลา่ น้จี ะเคล่ือนทไี่ ปมา อยูอ่ ย่างสบั สน บางครัง้ จะชนกนั แลว้ รวมกันเข้าเป็นก้อนใหญ่ขึ้น ก้อนทใ่ี หญ่ที่สุดจะมีแรงดึงดูดมาก ดงึ ดูดเอาก้อนอนื่ ๆ เข้าหาตัวเองไดม้ าก จนกลายเป็นดวงอาทิตย์ สว่ นก้อนท่เี หลอื ก็จะเขา้ สู่วงโคจร มี ลกั ษณะคลา้ ยจานแบนแลว้ รวมกันเป็นดาวเคราะหข์ ้ึน ปัจจุบนั ทฤษฎที ่ีกลา่ วถึงการกาเนิดของระบบ สรุ ิยะจกั รวาลจากกลุม่ กา๊ ซและฝุ่นละออง เปน็ ทฤษฎที ่ีไดร้ บั การยอมรับกันอยา่ งกว้างขวาง เราเรียก ทฤษฎีเหล่าน้ีวา่ ทฤษฎเี นบวิ ลา
ทมี นกั วิทยาศาสตร์นานาชาติค้นพบเม็ดฝนุ่ ชนิดหน่ึง ซึ่งตดิ อยู่ในอุกกาบาต \"เมอร์ชิสัน\" (Murchison) ที่ตกจากห้วงอวกาศลงสู่ทวปี ออสเตรเลยี เม่ือปี 1969 โดยผลการตรวจสอบพบวา่ หนงึ่ ในเม็ดฝ่นุ เหล่านีม้ อี ายเุ กา่ แก่ถงึ 7.5 พนั ล้านปี นับว่าเป็นวัสดุท่เี ก่าแก่ท่สี ดุ ในโลก และยังมอี ายมุ ากกวา่ ระบบสรุ ิยะหลายพันลา้ นปีอีกดว้ ย ทมี นกั วิทยาศาสตรจ์ ากสหรฐั ฯและสวติ เซอร์แลนด์ ตีพิมพ์ผลการค้นพบขา้ งต้นในวารสาร PNAS โดย ระบวุ า่ เม็ดฝุ่นซิลิคอนคาร์ไบด์ (Silicon carbide) อายุเก่าแกด่ ังกล่าว ก่อตัวขน้ึ ในดาวฤกษ์ยุค โบราณท่ีถอื กาเนดิ ขึ้นกอ่ นระบบสุริยะราว 3 พันลา้ นปี อุกกาบาตกอ่ ตัวพร้อมระบบสุรยิ ะชว่ ยไขปริศนาเรือ่ งกาเนิดชวี ิตได้ โลก-ดวงจันทร์ ถูกอกุ กาบาตพงุ่ ชนเพ่ิมข้ึน 3 เทา่ ในช่วง 300 ลา้ นปีท่ผี า่ นมา ประมวลภาพสุดยอดแหง่ วงการดาราศาสตร์ ปี 2019 เมอ่ื ดาวฤกษ์ยุคโบราณส้ินอายขุ ัย มวลสารตา่ ง ๆ ที่อยภู่ ายในจะถูกเหว่ียงด้วยแรงระเบิดออกสหู่ ว้ ง อวกาศภายนอก กลายเป็นวสั ดสุ าหรับการก่อตัวของบรรดาดวงดาวกาเนิดใหม่ และบางสว่ นกลายเป็น สะเกด็ ดาวหรืออุกกาบาตทีต่ กลงสู่โลกของเรา รศ. ดร. ฟิลิปป์ เฮกค์ จากมหาวิทยาลยั ชคิ าโก ผู้นาทีมวจิ ยั บอกวา่ \"นเ่ี ป็นการค้นพบตัวอย่างของแข็ง จากดาวฤกษ์ในอดตี จริง ๆ เรียกได้วา่ เป็นละอองดาวของแท้\" มีการสกัดเอาเมด็ ฝุ่นขนาดไมก่ ่ีไมโครเมตรออกจากชนิ้ สว่ นอกุ กาบาตได้เป็นจานวน 40 เม็ด โดย นักวทิ ยาศาสตร์บดบางส่วนของอุกกาบาตให้แตกออก จนได้วัสดุท่ีมีลักษณะคล้ายปูนเปยี กและมีกล่ิน เหม็นเหมอื นเนยถ่วั เน่า จากนน้ั นาเอาวัสดุดังกลา่ วไปละลายในกรด ซ่งึ จะแยกเอาเม็ดฝุ่นโบราณออกมา
สาหรบั การตรวจหาอายุทแ่ี ทจ้ ริงของเม็ดฝนุ่ เหล่าน้ี นักวทิ ยาศาสตรใ์ ชว้ ิธกี ารหาปริมาณของไอโซโทป ฮเี ลียม-3 (He-3) และนีออน-21 (Ne-21) ซึ่งจะชี้ถงึ ระยะเวลาที่เมด็ ฝุ่นไดส้ ัมผสั และทาปฏกิ ิรยิ ากับ รงั สีคอสมิกในห้วงอวกาศ ยิง่ มีปรมิ าณของไอโซโทปเหลา่ นม้ี ากขนึ้ เทา่ ใด ก็ยิ่งแสดงวา่ เม็ดฝุ่นดังกล่าวมี อายเุ กา่ แกม่ ากขึ้นเทา่ นั้น เม็ดฝุ่นทส่ี กัดได้ส่วนใหญ่มีอายุเกา่ แกร่ ะหว่าง 4.6 - 4.9 พันล้านปี ซ่ึงถอื วา่ มีอายใุ นรุน่ ราวคราว เดยี วกบั โลกและดวงอาทิตย์ แตเ่ ม็ดฝุ่นทพี่ บว่ามีความเก่าแกม่ ากท่ีสดุ น้นั มอี ายถุ ึง 7.5 พันล้านปี ทาให้ นกั วทิ ยาศาสตร์เรียกมนั ว่า \"เม็ดฝุ่นทีเ่ กิดก่อนระบบสุริยะ\" (pre-solar grains)
แหลง่ อ้างองิ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A% E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4% E0%B8%A2%E0%B8%B0 http://guru.sanook.com/7270/ https://sites.google.com/site/sjeneralscience/solarsystem-2 https://chutikarnwuyuekps.wordpress.com/2013/08/19/%E0%B8%94%E 0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0 %B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0 %B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0 %B8%81
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: