Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Life Story Book by พิมพ์ลภัส คำแก้ว

Life Story Book by พิมพ์ลภัส คำแก้ว

Description: Life Story Book
Wellness & Life Extension Summer Class 2020

Search

Read the Text Version

pimlapat kamkaew pim faculty of science year 2 6133172523

Preface Life story book เล่มนี้ เป็นเรื่องราวของฉัน ที่เล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ตั้งแต่วัยเด็กจนปัจจุบัน ซึ่งต่างมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่า สนใจมากมาย ตลอดจนเรื่องราวของบุคคลสำคัญในชีวิตของฉัน เรื่อง ราวของภูมิปัญญาท้องถิ่นของบ้านเกิด เรื่องราวขององค์ความรู้ที่ฉัน ศึกษา ไปจนถึงความต้องการในอนาคต life story book เล่มนี้ จะ ให้คุณค่าทางจิตใจ ความทรงจำที่อบอุ่น แก่ผู้อ่าน เพราะเรื่องราว ภายในหนังสือ ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวดี ๆ จากเหตุการณ์และบุคคลที่ ดี และขอขอบคุณบุคคลทุกท่านที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวใน ชีวิตของฉัน ทำให้ฉันมีความทรงจำที่ดีที่สามารถนำมาเขียนเพื่อส่งต่อ เรื่องราวที่ดีเหล่านี้สู่ผู้อื่น พิมพ์ลภัส คำแก้ว 12 มิถุนายน 2563

jourMy life ney mm mm mm mm pp A• เรื่องเด่นในวัยอนุบาล murmur : ทำอาหารได้ โดยเฉพาะชงโอวัลตินอร่อยมาก! มี puppy love ครั้งแรก! : เย็บแขนน้องเน่าได้เอง แต่งตัวไปโรงเรียนได้เองตั้งแต่อนุบาล 1 : คัด A-Z เป็นก่อนเพื่อนในห้อง ท่องจำ 1-100 ได้ก่อนคนอื่น ๆ \\ ตัวหนังสือสวยมาก ๆ จนคุณครูชมทุกวัน : เป็นผู้ช่วยครูสอนคนอื่น ๆ ในการคัดตัวอักษร บวกลบเลขง่าย ๆ ได้แม้จะอยู่แค่อนุบาลเพราะคุณพ่อสอนให้คิดก่อนที่อาจารย์จะสอนในห้อง I สามารถปั่นจักยาน 2 ล้อได้ตั้งแต่อนุบาล 1! \\l l, เรื่องเด่นในวัยประถมศึกษา mmmm : บวกลบเลขหลักพันได้ก่อนเพื่อน ๆ ในห้อง ลายมือสวยที่สุดในห้อง I ท่องสูตรคูณถึงแม่ 25 ได้ตั้งแต่ ป.2 \\ เข้าห้องคิงได้เมื่อมีการวัดระดับนักเรียนตอนป. 3 : เป็นตัวแทนแข่งขันวิชาการหลายวิชาจนอาจารย์แย่งตัวกันให้วุ่น (รู้สึกมีความสุขมาก ที่อาจารย์แย่งตัวเรา) ทำกิจกรรมหลากหลายมาก เป็นตัวแทนจังหวัดแข่งขันเต้นแอโรบิคระดับประเทศแล้ว ได้เหรียญกลับมา : ป. 6 เป็นประธานนักเรียนที่ได้คะแนนเสียงเอกฉันฑ์! เป็นคนถือป้ายโรงเรียนตอนงานกีฬาสี เป็นตัวแทนถือพานไหว้ครูตอนประถมปลาย : เป็นวงดุริยางค์ตำแหน่งเมโลเดี้ยน ป.3-4 เป็นมัคคุเทศน์กลางสำหรับงานประเมินโรงเรียนในฝัน และได้รางวัลด้วย!

\" '- เรื่องเด่นในวัยมัธยมศึกษาตอนต้น mmmm I เขียนเรียงความเก่งมาก เคยได้รับรางวัลสูงสุดคือเรียงความระดับประเทศของบริษัท ข้าวตราฉัตร แข่งเรียงความวันแม่ได้ที่หนึ่งของสายชั้น ม.3 และได้ที่สองตอน ม.2 \\ จัดการเรื่องเงินเก่ง เพราะเป็นเหรัญญิกห้อง 3 ปีซ้อนตอนมัธยมต้น : เรียนภาษาไทยได้ดี ได้เกรด 4 คนเดียวของห้องด้วย พูดภาษาอังกฤษได้บ้างนิดหน่อย : เป็นตัวแทนแข่งคัดลายมือของห้องในวันภาษาไทย เป็นตัวแทนแข่ง sci-show งานวิชาการตอน ม. 3 : แอบชอบรุ่นพี่กลุ่มหนึ่ง แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็กลายเป็นความรักกุ๊กกิ๊กของเราตลอดการเรียนมัธยม ได้เกรดเฉลี่ยรวม 4.00 ตอน ม.1 และ ม.2 : ตอน ม.1 วิชาดนตรี อาจารย์ให้ฟอร์มวงดนตรีสากล กลุ่มของฉันเป็นวงเดียวที่แสดงโคฟเวอร์ เพลงแล้วได้คะแนนเต็มสิบ! ฉันเล่นอูคูเลเล่ในตอนนั้น รำนาฏศิลป์ได้ rb t• เรื่องเด่นในวัยมัธยมศึกษาตอนปลาย muumuus : เป็นเหรัญญิกของสีม่วงในงานกีฬาสีตอน ม.5 เป็นตัวแทนแข่งเรียงความวันสุนทรภู่ และตัวแทนแข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์วัน วิทยาศาสตร์ตอนม.6 I รุ่นพี่คนที่แอบชอบรู้แล้วว่าเราแอบชอบ ทำให้เวลาเจอหน้ากันพี่เค้าจะยิ้มให้ตลอดเลย \\ ตอนวันเกิดตอน ม.4 เพื่อนพารุ่นพี่คนนั้นมาเซอร์ไพรส์โดยการถือเค้กและเอาตุ๊กตาหมี พูห์ที่เป็นตัวการ์ตูนตัวโปรดของเรามาให้ : วันวาเลนไทน์มีโอกาสเอาของขวัญไปให้พี่เขาด้วย วันที่พี่เขาเรียนจบ ได้คุยกับพี่เขาเป็นครั้งแรก! เพราะเอาของขวัญแสดงความยินดีไปให้ : สอบติดรับตรงหลายที่เลย เคยโดดเรียนครั้งแรกตอนคาบวิชาสังคมเพราะอาจารย์ผู้สอนใจร้ายมาก ๆ โดยให้ เหตุผลที่ไม่เข้าเรียนว่า ไปตรวจผมที่ฝ่ายปกครอง เพราะตอนนั้นที่โรงเรียนจะมีการตรวจ ผมของนักเรียนม.6 เพื่อติดรูปถ่ายใบปพ. เป็นการเกเรครั้งแรกเลย i เพิ่งเคยมีประสบการณ์คนมาจีบครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาเลย งานปัจฉิมโรงเรียน ได้ของขวัญมากมายจากเพื่อน พี่ น้อง ที่รู้จักหลายคน วันนั้นเป็นการ ปิดฉากวัยมัธยมได้อย่างมีความสุขที่สุดเลย

D8 A • เรื่องเด่นในวัยมหาวิทยาลัย mmmm : มีความอดทนมากขึ้น มีความกล้าที่จะเข้าหาผู้คนมากขึ้น กินข้าวคนเดียวได้แล้ว เพราะเป็นคนที่กินข้าวคนเดียวไม่ได้เลยตั้งแต่ประถมจนมัธยมปลาย I ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้งบ้านรับน้อง ค่ายจังหวัด ออกค่ายอาสา กิจกรรมต่าง ๆ ที่ เราไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสทำมัน รวมถึงได้ลองทำงานพาร์ทไทม์ด้วย \\ ได้ไปร้านเหล้าเป็นครั้งแรก : เอาชนะฟิสิกส์ได้ด้วยความอดทนหลังจากที่ไม่เคยชอบมาตลอดสามปีตอนมัธยมปลาย ปรับหาวิธีในการให้กำลังใจตัวเองเวลาท้อ และเรียนรู้ที่จะเป็นคนที่ให้กำลังใจคนอื่นบ้าง : เลิกเป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะเราต้องอยู่กับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาคอยตามใจเราเหมือนพ่อกับแม่ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้ลองสอนพิเศษครั้งแรก เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลย i ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศกับเพื่อนโดยที่ไม่มีพ่อแม่ไปด้วย ได้ไปคอนเสิร์ตครั้งแรก!

My In fluential people Daddy -\" \" \" - - บุคคลแรกที่มีอิทธิพลในชีวิตของฉันคือ คุณพ่อ คุณพ่อเป็นบุคคลคนที่มีอิทธิพลในชีวิตของ ฉันมาก เพราะตั้งแต่เด็กจนโต ด้านการงานการเรียนจะเป็นคุณพ่อที่รับผิดชอบด้านการเรียน ของฉันมาโดยตลอด จึงค่อนข้างเชื่อฟังคำพูดของคุณพ่อมาก ๆ คุณพ่อท่านเป็นคนที่จริงจัง กับหน้าที่การงานหรือสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาก ๆ เพราะท่านเป็นเป็นตำรวจในตำแหน่ง พนักงานสอบสวน ทำให้ค่อนข้างต้องมีระเบียบแบบเป็นขั้นเป็นตอน และงานทุกงานจะต้อง ออกมาเพอร์เฟ็ค ทำให้ฉันรับความคิดนั้นมาจากคุณพ่อเต็ม ๆ จนช่วงเวลาที่กำลังจะเข้ามหา ลัย ฯ ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่คุณพ่อคอยสอนคอยไกด์มันไม่ตรงกับความต้องการของฉัน พ่ออยาก ให้ฉันเรียนนิติศาสตร์จะได้สอบผู้พิพากษา พ่อเคยพูดประโยคหนึ่งกับฉันว่า “ความฝันสูงสุด ของพ่อ คือการที่มีลูกเป็นนายของตัวเอง” นั้นคือการเป็นผู้พิพากษา แต่ฉันไม่ชอบทางด้าน นั้นเลย กฏเกณฑ์มันเยอะ รู้ตัวเองเลยว่าฉันไม่เหมาะกับมัน ทำให้ฉันที่คอยเชื่อฟังคำพูดของ พ่อมาตลอดกล้าที่จะปฏิเสธและขอเดินตามทางของตัวเอง ซึ่งฉันนับถือท่านมาก ๆ เพราะลึก ๆ แล้วท่านก็ยังอยากให้ฉันเป็นผู้พิพากษาแบบที่ท่านต้องการ แต่เพราะฉันไม่ชอบสิ่งนั้น ท่าน ก็ไม่ว่าอะไร ปล่อยให้ฉันได้ทำตามใจตัวเองอย่างเต็มที่ คอยซัพพอร์ตทุกเส้นทางที่ฉันเลือก เดิน ต่อให้ฉันจะเดินทางผิดท่านก็จะไม่ว่า ท่านจะทำเพียงแค่ยื่นมือมาพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นยืน แล้วเริ่มต้นใหม่ จากนั้นก็ค่อย ๆ ประคับประคองฉันไปเรื่อย ๆ จนกว่าฉันจะทำตามความ ต้องการของตนเองได้สำเร็จ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันรักท่านมาก ๆ และมีอิทธิพลในชีวิต ของฉันมาก ๆ เช่นกัน 11 'l l, - - .

A D MOM.MY . A คนที่สอง คุณแม่ บุคคลเดียวที่คอยเชียร์อัพฉันทุกเรื่อง ทุกเรื่องจริง ๆ แม้สิ่งที่ฉัน ทำนั้นอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจแต่เค้าก็ยังเชีร์อัพเราเรื่อย ๆ แม้กระทั่งความฝัน ของฉันในอนาคตที่อยากเป็นหนึ่งในทีม FBI หรือ CSI แม่เค้าก็ไม่รู้นะว่ามันคืออะไร แต่คุณแม่ก็คอยซัพพอร์ตตลอด คุณแม่เป็นบุคคลที่ฉันคิดว่าหวังดีสำหรับฉันที่สุด A แล้ว ท่านหวังดีกับฉันมากกว่าตัวฉันเองเสียด้วยซ้ำ เค้าหวังแค่ให้ฉันมีความสุข ไม่ ว่าจะทำอะไรก็ตามเค้าจะคอยถามแค่คำเดียวเสมอว่า \"น้องทำแล้วมีความสุขมั้ย ถ้ามีความสุขก็ลุยมันเลย ถ้าไม่มีความสุขก็ถอยออกมาแม่พร้อมซัพพอร์ตน้องใน เรื่องใหม่ ๆ เสมอ\" คุณแม่เป็นบุคคลที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่อยากที่จะทำให้ท่าน รู้สึกผิดหวังแม้วินาทีเดียว เป็นคนหนึ่งที่ทำให้ฉันมีกำลังใจตลอดเวลา เป็นบุคคลที่ ฉันไม่ต้องการเอาความทุกข์หรืออะไรไปทำให้ท่านไม่สบายใจ เพราะท่านมักจะคอย ดูดซับเอาความทุกข์นั้นของฉันไปเก็บไว้เอง เพื่อให้ตัวฉันมีแต่ความสุข ตอนสอบ เข้ามหาลัยฯ ฉันเกิดความเครียดขึ้นอย่างหนัก และมีความท้อเกิดขึ้นจนเผลอพูด ออกไปว่าไม่อยากอยู่แล้ว แม่พูดกับฉันพร้อมน่ำตาว่า \"อย่าพูดว่าไม่อยากอยู่ต่อ แล้วได้ไหม แค่น้องพูดว่าไม่อยากอยู่ ใจแม่มันสลายไปก่อนแล้ว ถ้าน้องเป็นอะไรไป ขึ้นมาจริง ๆ แม่คงไม่อยากจะมีชีวิตต่อ\" คำพูดนี้ของคุณแม่ทำให้ฉันไม่เคยมีความ คิดที่จะอยากฆ่าตัวตายอีกเลยต่อให้ต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรก็ตาม ฉะนั้น คุณแม่ จึงเป็นบุคคลที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อตัวฉันมากที่สุดในชีวิต it. A love you mom

lovely Auntie คุณน้าที่เรารัก น้าสาวฉันชื่ออ้อน บุคคลนี้ขาดไม่ได้เลยสำหรับบุคคลที่มีผลต่อชีวิต ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากพ่อกับแม่ที่ทำงานหาเงินส่งเสียเลี้ยงดู ก็มีน้าอ้อนนี่แหละที่ ช่วยส่งเสียเลี้ยงดูฉัน น้าอ้อนเป็นคนที่ขยัน อดทน และมุ่งมั่น แกไม่เคยยอมแพ้ อะไร ตั้งแต่อายุ 20 ปี น้าอ้อนไปทำงานที่ต่างประเทศคนเดียว เพื่อส่งเงินกลับมา ให้ที่บ้าน จนตอนนี้ทั้งครอบครัวต่างอยู่ดีกินดีเพราะเงินที่น้าอ้อนตั้งใจทำงาน ทุ่มเท ทุ่งแรงกายแรงใจเพื่อสานต่ออนาคตของหลาน ๆ น้าอ้อนเป็นคนที่คอยดึงฉันให้ ออกสู่โลกกว้าง ต้องกล้าคิดกล้าทกล้าพูดำ ไม่ใช่จะอยู่แต่ในกะลา หรืออย่ามัวแต่ กลัวความล้มเหลว ต้องลองให้รู้ และเรียนให้เป็น ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีความมุ่งมั่น l lตั้งใจ ทุ่มเทให้กับการกระทำนั้นของตัวเอง เป็นคนที่ทำให้ฉันได้รู้ได้ลองสิ่งใหม่ ๆ ที่ฉันมักจะไม่กล้าอยู่เสมอ เป็นคนที่คอยมอบทัศนคติดี ๆ ให้ ให้ข้อคิดและคติเตือน ใจทุกครั้งที่ฉันทำพลาด จะไม่มีการซ้ำเติมหากหลานทำผิด แต่จะให้เรียนรู้ข้อผิด พลาดและหาทางแก้ไขด้วยตัวเองให้ได้โดยที่ตัวท่านเองก็คอยมองดูเราแก้ไขสิ่งที่ ผิดพลาดอย่างใกล้ชิด น้าอ้อนจึงเป็นบุคคลหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของฉัน hope you healthy awn

Taeyeon Taeyeon girls’ generation แทยอนเป็นนักร้องเกาหลีวงแรกที่ทำให้ฉันเข้าสู่ วงการติ่งเกาหลี เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่สู้ชีวิตมาก ฉันติดตามเธอตั้งแต่อยู่ ป. 5 เรียกได้ว่าโตมาพร้อมแทยอนเลยก็ว่าได้ แทยอนเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ฉัน อยากมีงานที่มั่นคงเพื่อที่จะมีรายได้ในการซัพพอร์ตเธอตลอดไปเท่าที่เธอจะอยู่ ในวงการให้ฉันได้ติดตามผลงาน หลายคนอาจจะมองการติ่งเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็มีศิลปินเหล่านี้แหละที่ทำให้ฉันยิ้มได้และฮึดสู้อีก ครั้ง เสียงของแทยอนสามารถฮีลฉันจากเรื่องแย่ ๆ ไม่น่าเชื่อที่เพียงแค่ฉันได้ฟัง เพลงของแทยอนก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น พูดแล้วจะหาว่าเว่อร์ แต่แค่ได้เห็นหน้า ได้ฟัง เสียงของแทยอน ฉันก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบนี้ยังมีสิ่งสวยงามที่รอคอยฉันอยู่ ไม่ใช่มี แต่สิ่งแย่ ๆ ที่ฉันเจอมา Inn

Mark Lee 2- Mark NCT มาร์คเป็นเด็กผู้ชายที่มาจากแคนาดา มาร์คเป็นรุ่นน้องฉันหนึ่งปี แต่มาอยู่ที่ เกาหลีเพื่อตามความฝันที่ต้องการเป็นนักร้อง kpop และมาร์คก็ทำมันได้สำเร็จ มาร์คเป็น คนหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า เราต้องเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเป็นแฟนคลับที่ดีของมาร์ค เขาเป็นคนที่ ทำงานหนักมาก หนักถึงขั้นที่ทำงานทุกวันตลอดทั้งปี จนเรารู้สึกว่า ทำไมมาร์คถึงเก่งได้ ขนาดนี้ทั้งที่มาร์คก็อายุแค่ 20 ปีเท่านั้น แต่ฉันที่อายุ 21 ปีกลับไม่สามารถทำอะไรได้เป็น ชิ้นเป็นอันแบบที่มาร์คทำ มาร์คเป็นแรงผลักดันให้ฉันกล้าคิดอะไรใหม่ ๆ และเป็นคนหนึ่งที่ คอย push up เราจากความคิดดูถูกตัวเอง พอฉันมองมาร์ค ฉันรู้สึกว่า ขนาดเด็กชายวัย ยี่สิบคนนี้ยังทำได้ เราเองที่เป็นแฟนคลับของเด็กชายวัยยี่สิบคนนี้ก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นมาร์คเป็นเป็นอีกคนที่มีผลต่อเราในชีวิต -

my greatteacher In อาจารย์ที่เยี่ยมยอดที่สุดในชีวิตของฉันมีอยู่สองท่านด้วยกัน คือ อาจารย์ธนาพร เชื้อนนท์ อาจารย์ประจำห้อง ป.3/4 โรงเรียนบ้านอากาศ อาจารย์ธนาพร เป็นอาจารย์ที่ฉันรักมาก ๆ เพราะท่านคอย สอนทั้งในเรื่องของวิชาการ และการใช้ชีวิต ท่านเป็นเหมือนแม่ คนที่สองของฉัน เพราะท่าน ฉันถึงได้มีโอกาสที่ดีมากมาย มี ความสามารถและทักษาะทางวิชาการนำไปใช้ในระดับชั้นมัธยม = ส่วนอีกท่าน คือ รศ. ดร. สมศักดิ์ เพียรวณิช อาจารย์ที่ ปรึกษาระดับมหาลัยของฉัน อาจารย์เหมียว เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ภาควิชาเคมีของฉัน ตอนปีหนึ่งเทอมสอง ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนที่หนักหนาพอ สมควร แต่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์เหมียวที่ท่านให้ ความช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ ทำให้ฉันผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ ในวันนั้น ถ้าฉันไม่มีอาจารย์ท่าน ฉันก็คงแก้ปัญหาไม่ได้ ท่านจึง เป็นอาจารย์ที่เยี่ยมยอดที่สุดสำหรับฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักอาจารย์ ในเวลาเพียงแค่สองปีก็ตาม - -

My self- capital nunnery ฉันชื่อพิมพ์ลภัส คำแก้ว ชื่อเล่นพิมพ์ เป็นนิสิตปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ่อแม่ของฉันมีอาชีพรับราชการทั้ง คู่ คุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่เป็นครู มีพี่น้องรวมตัวฉันแล้ว 3 คน ฉันเป็นลูก คนที่ 3 ตอนนี้พี่ชายทั้งสองคนของฉันทำงานแล้วเรียบร้อย คนโตเป็น ตำรวจเหมือนพ่อ ส่วนคนกลางเป็นวิศวกรไฟฟ้าและเกษตรกร ฉันมีรูปร่าง ค่อนข้างอวบและผิวสองสี ส่วนหน้าตาสำหรับตัวฉันแล้วก็เรียกได้ว่าสวยพอ สมควร :D ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวแต่ไม่ได้สูง เพียงแค่ชอบ ความสงบ เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ก็ต้องมีความสะดวกสบาย บางคนอาจ จะไม่เข้าใจนิสัยของฉัน แต่เพื่อนหลาย ๆ คนก็เข้าใจมันได้ดี เพราะโดย ส่วนตัวฉันค่อนข้างเป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองแบบเงียบ ๆ ไม่ต้องการ ให้คนอื่นสนใจเท่าไรนัก แต่ก็มีความมั่นใจในตัวเองสูงอยู่เหมือนกัน งาน อดิเรกของฉันก็มีแค่การแต่งนิยาย อ่านนิยาย ทำขนม ฟังเพลงที่ชอบ ดูสิ่ง ที่สนใจ อะไรก็ได้ที่ฉันทำแล้วรู้สึกว่ามันทำให้ฉันมีความสุข

My head wisdom mm l l บ้านของฉันอยู่ที่จังหวัดสกลนคร เรามีภูมิปัญญาที่โด่งดัง คือ ผ้าย้อมคราม ผ้าย้อมครามนี้เป็นภูมิปัญญาของชาวสกลนครที่สามารถ ทำรายได้ให้กับชาวบ้านในหลายอำเภอ ปัจจุบัน ผ้าย้อมครามดังไกล ถึงเมืองอังกฤษโดยที่ทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตีได้เอาผ้าย้อมครามไปเป็น ยูนิฟอร์มของทีม ทำให้ผ้าย้อมครามมีชื่อเสียงที่กว้างขวางมากขึ้น ใน อนาคต ฉันหวังว่าตัวเองจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของบ้านเกิดของฉันให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น -

tyg toda!y ledge now run - คณะวิทยาศาสตร์ ภาคเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือคณะที่ฉันกำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี เรียนเกี่ยวกับทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เป็นเคมี ซึ่งเจาะลึกไปถึงเรื่องของอนุภาค อะตอม โมเลกุล ลงลึกในเนื้อหาของเคมีที่คนทั่วไปไม่รู้ ซึ่งความรู้ใน ส่วนนี้นั้นฉันสามารถนำมันไปต่อยอดได้อย่างหลากหลายเพราะ เคมีล้วนเกี่ยวข้องกับตัวเรา ตั้งแต่ร่างกายของเรา การใช้ชีวิต ของเราตลอดจนสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา หลายๆอย่างล้วน เกี่ยวข้องกับเคมีทั้งสิ้น เคมีนั้นเกี่ยวข้องกับตัวเราทั้งทางตรงและ ทางอ้อม เคมีนั้นมีข้อดีอีกมากมายซึ่งสิ่งที่ฉันเรียน ณ ตอนนี้ ใน อนาคตฉันสามารถนำมันไปต่อยอดได้ เพราะฉันต้องการที่จะ เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานซึ่งต้องใช้พื้นฐานทางเคมีเหล่านี้ไป ประกอบการทำงานเพื่อพิสูจน์สิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งนักวิจัย หลาย ๆ คนก็ต้องใช้ทักษะทางเคมีเหล่านี้ในการค้นคว้าวิจัยสิ่ง ใหม่ใหม่ให้เกิดขึ้น

My personal mission statement Value \"คุณค่าในตัวเอง\" คุณค่าในตัวฉันและทักษะความสามารถของฉันที่สร้างขึ้นนั้น ฉันสร้าง ขึ้นเพื่อที่จะต่อยอดในสิ่งที่ฉันต้องการทำในอนาคต ฉันเลือกที่จะเรียนเคมี เพราะสิ่งที่ฉันต้องการทำในอนาคตนั้นคือเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ซึ่งต้อง ใช้ทักษะทางด้านนี้อย่างสูงในการทำงานฉันจึงต้องสร้างทักษะความสามารถ ของตัวเองให้สามารถรองรับเงื่อนไขของอาชีพนี้ และในตอนนี้ฉันมีทักษะ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเคมีที่อยู่ในระดับที่จะสามารถสืบหาค้นคว้าและ พิสูจน์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและเข้าใจ และฉันยังมีทักษะของการ สังเกตุซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่นักวิทยาศาสตร์ควรมีและนักพิสูจน์หลักฐาน ก็ต้องมีด้วยเช่นกัน Who \"ทำเพื่อใคร\" สิ่งต่างๆที่ฉันทำนี้ก็เพื่อตัวของฉันเอง ความชื่นชอบส่วนตัวของฉันมันเป็นแรง ผลักดันให้ฉันก้าวผ่านความกลัว ความยากลำบากต่าง ๆ ก้าวผ่านคำสบประมาท จากคนรอบข้างที่คอยแต่ดูถูกว่าเรียนคณะวิทยาศาสตร์จบไปแล้วจะมีงานอะไรทำ ฉัน ทำเพื่อให้ตัวฉันนั้นรู้สึกเติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วฉันยังทำให้พ่อแม่ได้ ภูมิใจว่าความต้องการของฉันนั้นคุ้มค่ากับสิ่งที่ท่านได้มอบให้ และสุดท้ายฉันทำเพื่อ เหยื่อทุกคนในทุกๆคดีที่ได้รับความไม่เป็นธรรมจากคดีที่เกิดขึ้น ให้เขาได้รับความ เป็นธรรมและทำให้นักโทษผู้กระทำความผิดได้รับผลจากที่พวกเขากระทำ “ ฉันจะเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่มีความสามารถ และทักษะที่เหมาะสมต่อการทำงานเพื่อช่วยเหลือให้ เราทุกคนได้รับความเป็นธรรม”

My life legacy belugas\" Two: '\" er @ ma egg 670 Es Goo ความต้องการของฉันในวัย 70 ปีนั้น คือการเป็นคนแก่ที่ยังสุขภาพดี สามารถทำอะไร ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ไม่เป็นภาระของลูกหลาน ที่สำคัญคือ จะต้องสามารถเดิน ทางท่องเที่ยวได้อย่างไม่มีปัญหาสุขภาพมากวนใจ อยากจะมีบ้านพักตากอากาศที่ ต่างประเทศสักหลัง ตื่นเช้ามาพบกับธรรมชาติอันแสนงดงาม ดื่มชาทานอาหารเช้า พร้อมวิวที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีกแล้วนอกจากหน้าบ้านของคนเอง ยามสายก็ ถักนิตติ้ง อ่านหนังสือ ดื่มด่ำกับแสงแดดอุ่น ๆ ยามบ่ายก็นอนพักผ่อนท่ามกลางลม ธรรมชาติที่พัดไปมาเบา ๆ ตกค่ำก็นั่งทานดินเนอร์พร้อมไวน์ดี ๆ เนื้อดี ๆ สักจาน ฉัน ค่อนข้างไม่กังวลในเรื่องการมีครอบครัวมากนัก ขอแค่เพียงสิ่งที่กล่าวมาด้านบน แค่นี้ ฉันก็พอใจแล้ว