หนว ยท่ี 1 ความรทู ั่วไปเกี่ยวกับต๋วั เงนิ
สาระการเรยี นรู 1.ความหมายของตั๋วเงิน 2. ประเภทของตว๋ั เงิน 3. การคํานวณวนั ครบกําหนดของตว๋ั เงนิ 4. การคาํ นวณดอกเบ้ยี ของต๋ัวเงิน 5. การคํานวณมลู คาเมอื่ ครบกําหนดของตั๋วเงนิ
ความหมายของตั๋วเงิน ต๋ัวเงินในทางบัญชี หมายถึง เอกสาร หลักฐานท่ีแสดงถึงการเปนหน้ี ระหวางลกู หนแ้ี ละ เจา หน้ี ต๋วั เงิน ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 898 บัญญัติวา “อนั วา ตว๋ั เงิน ตามความหมายแหง ประมวลกฎหมายน้ี มี 3 ประเภท ประเภทหน่งึ คือ ตั๋วแลกเงนิ ประเภทหนึง่ คือ ตว๋ั สญั ญาใชเ งิน ประเภท หนึ่งคือ เช็ค”
ความหมายของต๋ัวเงิน จากความหมายดงั กลาว พอจะสรปุ ลกั ษณะของตัว๋ เงินไดดงั นี้ 1 2 3 4 1. เปนสัญญาอยางหน่ึง โดยใชกฎหมายเกี่ยวกับ 2. เปน หนังสือตราสาร ซึ่ง 3. สามารถโอนเปล่ียนมือได 4. มีวัตถุแหงหน้ีเปนเงินตรา การทํานิติกรรมตางๆ มา จ ะ ต อ ง มี ข อ ค ว า ม ห รื อ ดว ยการสงมอบหรือการสลัก คือ เงิน (Money) เทานั้น ใช บั ง คั บ โด ย อ นุ โ ล ม ร า ย ก า ร ที่ ก ฎ ห ม า ย หลังโดยไมตองมีการบอก จ ะ เ ป น สิ น ท รั พ ย อ ย า ง อื่ น ย ก เ ว น บ า ง ร า ย ก า ร ที่ มี กําหนดไวครบถวน จึงจะ กลาว เกี่ยวกับการโอนตั๋ว ไมได วัตถุแหงหนี้ หมายถึง กฎหมายเกี่ยวกับตั๋วเงิน สมบูรณ เงนิ น้ีแกลูกหนี้แตอ ยา งใด ข อ ต ก ล ง ท่ี ลู ก ห นี้ จ ะ ต อ ง บัญญัตไิ วโ ดยเฉพาะ ปฏบิ ัติตอ เจา หน้ีเก่ียวกับการ ชาํ ระหน้ี
• Infographic Style 1. ตั๋วแลกเงนิ (Bill of Exchange) 2. ตวั๋ สัญญาใชเ งนิ (Promissory Note) ประเภทของตว๋ั เงนิ 3. เช็ค (Cheque) ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา 898 ไดแ บงตั๋วเงนิ เปน 3 ประเภท คอื
1. ตัว๋ แลกเงิน (Bill of Exchange) ต๋วั แลกเงิน (Bill of Exchange) ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา 908 ไดบัญญัติวา “อันวา ตั๋วแลกเงินนั้น คือ หนังสือตราสารซ่ึงบุคคลคนหนึ่งเรียกวา ผูส่ังจาย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกวา ผูจายเงิน ใหใชเงินจํานวนหนึ่งแกบุคคลอีกคนหน่ึงหรือใชตามคําสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่ง เรยี กวา ผูรบั เงนิ ” จากบทบัญญัติขางตนจะเห็นไดวา ผูออกตั๋วแลกเงินหรือผูสั่งจายต๋ัวแลกเงินคือเจาหนี้ ผู จายเงนิ คอื ลูกหน้ี ซง่ึ ลกู หนน้ี จ้ี ะตองลงช่อื รับรองในต๋ัวจึงจะถือวาต๋ัวฉบับน้ีสมบูรณตามกฎหมาย สวน ผูรับเงินนั้นจะเปน ฝา ยกําหนดวา ตวั๋ เงนิ ฉบบั น้มี บี ุคคลเกี่ยวของก่ฝี าย
1. ตวั๋ แลกเงิน (Bill of Exchange) ต๋วั แลกเงนิ 2 ฝา ย คือ ต๋ัวเงินทผี่ สู ั่งจายและผรู ับเงนิ เปนบุคคลคนเดยี วกนั รูปท่ี 1.1 ตว๋ั แลกเงิน 2 ฝา ย
จากตัวอยา งขา งตน หมายความวา นายจรินทร จรงุ ใจ ไดขายสนิ คา เช่อื ใหนายวรวุฒิ ทรงธรรม เมือ่ วนั ที่ 13 พฤษภาคม 25X1 เปน เงิน 90,000 บาท และนายจรินทรไ ดจ ัดทําตัว๋ แลกเงนิ ข้นึ เพอื่ ให นายวรวุฒิลงช่ือรับรองการจายเงินในวนั เดียวกันน้ี รปู ท่ี 1.2 แสดงการซือ้ ขายสินคา ดวยต๋วั แลกเงิน 2 ฝาย
ต๋ัวแลกเงนิ 3 ฝาย คอื ตว๋ั เงนิ ทม่ี ผี ูเก่ยี วของ 3 ฝา ย ไดแก 1. ผูสงั่ จาย (ผอู อกตั๋ว หรอื เจา หน)้ี 2. ผรู บั รองตวั๋ (ผจู า ยเงนิ หรือลกู หนี)้ 3. ผูรบั เงนิ
ต๋วั แลกเงนิ 3 ฝา ย คอื ต๋ัวเงนิ ทมี่ ีผเู กย่ี วของ 3 ฝา ย รูปที่ 1.3 ต๋ัวแลกเงิน 3 ฝาย
จากตัวอยางขางตน หมายความวา บริษัท ไพศาล จํากัด ไดขายสินคาเช่ือใหนายธเนศ วรเดช และนายธเนศก็ไดขายสินคาเช่ือใหนายธนิต อบอุน ตอมาเม่ือวันท่ี 13 พฤษภาคม 25X1นายธเนศ ไดจัดทําต๋ัวแลกเงินข้ึนเพื่อใหนายธนิตลงชื่อรับรองการจายเงินใหแก บริษัท ไพศาล จํากัด แทนตน ซึ่งนายธนิตไดลงช่ือรับรองใน วันท่ี 14 พฤษภาคม 25X1 และไดคืนตั๋วเงินน้ีใหนายธเนศ ซึ่งนายธเนศ จะไดนําตว๋ั เงินน้ีไปมอบให บรษิ ัท ไพศาล จํากัด เพือ่ หกั ลางหนี้สินของตนในวนั ตอ ไป ธเนศ วรเดช ซ้ือสินคา้ เช่ือ ขายสินคา้ เชื่อให้ บริษทั ไพศาล จาํ กดั จ่ายเงินเม่ือครบกาํ หนด ธนิต อบอุน่ รปู ท่ี 1.4 แสดงการซ้ือขายสินคา ดว ยตวั๋ แลกเงนิ 3 ฝา ย
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา 909 ไดก าํ หนดไววา ตว๋ั แลกเงินน้ันจะตอ ง มีรายการดังตอไปน้ี 1. คําบอกชอ่ื วา เปนตว๋ั แลกเงิน 2. คาํ สง่ั อันปราศจากเงอ่ื นไขใหจายเงนิ เปนจาํ นวนแนน อน 3. ชอื่ หรือย่ีหอผูจ า ย 4. วันถงึ กําหนดใชเงนิ 5. สถานท่ใี ชเ งิน 6. ช่ือหรือยี่หอผรู ับเงนิ หรอื คําจดแจงวาใหใชเ งนิ แกผถู ือ 7. วันและสถานทีอ่ อกตว๋ั เงิน 8. ลายมอื ช่ือผูสั่งจา ย
ถา ตวั๋ แลกเงนิ ฉบบั ใด มีรายการขาดตกบกพรอ งไปจากขางตนตามมาตรา 909 ถือวา ตั๋วแลก เงนิ ฉบับนน้ั ไมส มบูรณ เวนแตจะเขาในกรณีทกี่ าํ หนดไวใ นมาตรา 910 ดังนี้ 1. ถาตว๋ั แลกเงินนนั้ ไมไดร ะบเุ วลาวาใหใชเ งินเม่ือใด ใหถ ือวาพงึ ใชเ งนิ เมอื่ ไดเ ห็น 2. ถาตั๋วแลกเงินนั้นไมไดระบุสถานท่ีใหใชเงินที่ไหน ใหถือเอาภูมิลําเนาของผูจายเงิน เปน สถานที่จายเงนิ 3. ถาตั๋วแลกเงินน้ันไมปรากฏสถานท่ีออกตั๋ววาไดออกตั๋วจากท่ีใด ใหถือวาต๋ัวแลกเงินน้ัน ไดอ อก ณ ภูมลิ ําเนาของผูทีไ่ ดส ั่งจาย 4. ถาต๋ัวแลกเงินน้ันไมไดลงวันท่ีออกตั๋ววาไดออกต๋ัวเมื่อใด ใหผูทรงต๋ัวโดยชอบดวย กฎหมายคนหน่งึ คนใด ทาํ การโดยสจุ ริตจดแจง วนั ทถ่ี กู ตองแทจริงลงไปกไ็ ด
รปู ท่ี 1.5 ต๋วั แลกเงินธนาคาร
ต๋วั แลกเงนิ แบงเปน 2 ชนดิ คือ 1. ตั๋วแลกเงินในประเทศ (Domestic Bill) เปน ตวั๋ เงินทจ่ี ัดทาํ ข้ึนในการชําระหนี้ โดยผูสง่ั จา ย ผจู ายเงิน และผรู ับเงินอยูในประเทศเดียวกนั 2. ตัว๋ แลกเงินตางประเทศ (Foreign Bill) เปนตั๋วเงินท่ีจัดทําขึ้นในการชําระหน้ี โดยผูส่ังจา ย ผจู ายเงนิ และผรู บั เงนิ อยูคนละประเทศ วธิ กี ารใชตัว๋ แลกเงิน จะใชช ําระหนี้ ระหวางลูกหนีก้ บั เจาหน้ี
2. ตัว๋ สัญญาใชเงิน (Promissory Note) ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 982 ได บัญญัติวา “อันวาต๋ัวสัญญาใชเงินน้ัน คือ หนังสือตราสารซ่ึงบุคคล คนหนึ่งเรียกวา ผูออกตั๋ว ใหคํามั่นสัญญาวาจะใชเงินจํานวนหน่ึง ใหแกบุคคลอีกคนหน่ึง หรือใชใหตามคําส่ังของบุคคลอีกคนหน่ึง เรยี กวา ผรู ับเงนิ ” จากบทบัญญัติขางตนจะเห็นวา ต๋ัวสัญญาใชเงินมีบุคคล เก่ยี วขอ ง 2 ฝาย คอื ผอู อกตั๋ว หรือ ลกู หนี้ และผรู ับเงนิ หรือ เจาหนี้ DDDD D
รปู ที่ 1.6 ตั๋วสญั ญาใชเ งนิ
จากตวั อยางขางตน หมายความวา นายพเิ ชษฐ พริ ยิ ะ ไดซ อื้ สนิ คาเชื่อจากบรษิ ทั ไพศาล จํากัด และไดออกตั๋วสัญญาใชเ งนิ ใหแ กบ ริษทั ไพศาล จาํ กัด เปนการชาํ ระหนี้ พิเชษฐ์ ő αŚřαż ซ้ือสินคา้ เชื่อจาก พเิ ชษฐ์ ő αŚřαż ออกตวั๋ สญั ญาใชเ้ งินให้ รูปที่ 1.7 แสดงการซอ้ื ขายสนิ คาดวยต๋ัวสัญญาใชเ งิน
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ยม าตรา 983 ไดก าํ หนดไวว า ต๋วั สัญญาใชเงนิ น้นั จะตองมีรายการดังตอ ไปนี้ 1. คาํ บอกชือ่ วาเปนตั๋วสญั ญาใชเ งิน 2. คํามั่นสญั ญาอันปราศจากเง่อื นไขวาจะใชเงนิ เปน จาํ นวนแนนอน 3. วันถงึ กําหนดใชเ งิน 4. สถานท่ีใชเงิน 5. ชือ่ หรือย่หี อของผรู ับเงิน 6. วันและสถานทอี่ อกต๋ัวสญั ญาใชเ งนิ 7. ลายมอื ชื่อผอู อกต๋ัว
เลขที่ ............. ต๋ัวสัญญาใชเ งิน ................................................... Promissory Note ................................................... (สถานทอ่ี อกตวั๋ ) วนั ที่............................................................... .......................วัน จากวนั ทใ่ี นตั๋วสญั ญาใชเงนิ ขาพเจา .................................................................................................................................................. สัญญาจะจายเงิน.............................................................บาท (...........................................................................) อตั ราดอกเบย้ี รอยละ .......................................... ตอป ใหแก ............................ ณ ........................................... ................................................. ผอู อกต๋ัว รปู ที่ 1.8 ต๋ัวสัญญาใชเงิน
เลขที่ 235 ตว๋ั สัญญาใชเงิน 203 ถนนกรงุ เทพกรฑี า แขวงหวั หมาก เขตบางกะป กรงุ เทพฯ วันท่ี 15 มิถนุ ายน 25X1 หกสิบวนั นับแตวันน้ี ขาพเจา ขอสัญญาวา จะจา ยเงนิ ใหน ายนริ ันดร คงกําเนิด จํานวน 5,000 บาท (หา พนั บาทถวน) พรอมดอกเบย้ี ในอตั รา 12% ตอป ทธ่ี นาคาร ไทยพาณิชย จํากดั สาขาหัวหมาก วริ ัตน สนิทใจ รปู ที่ 1.9 ต๋ัวสัญญาใชเ งนิ
วธิ กี ารใชต ๋วั สัญญาใชเ งนิ 1. ลูกหนี้จะจัดทําตั๋วสัญญาใชเงินข้ึน เพ่ือชําระหนี้คาสินคาหรือ บริการใหแกเ จาหนี้ 2. บุคคลใดบุคคลหนึ่งจัดทําขึ้น เพ่ือเปนหลักฐานในกรณีไปกูยืมเงิน จากสถาบันการเงนิ
ขอแตกตางของตัว๋ แลกเงินและตั๋วสัญญาใชเ งนิ ต๋ัวแลกเงนิ ต๋วั สัญญาใชเ งิน 1. เปนคําสั่งใหใชเ งนิ ตามน้นั 1. เปนคาํ ม่นั สัญญาวาจะใชเงินตามน้ัน 2. มีบคุ คลเกย่ี วขอ ง 2 ฝา ย หรือ 3 ฝายกไ็ ด 2. มบี คุ คลเกย่ี วขอ ง 2 ฝายเทา นนั้ 3. เจาหน้ีเปนผูออกต๋ัว โดยใหลูกหน้ีเปนผูรับรองการ 3. ลกู หนี้เปนผอู อกตวั๋ ใหก บั เจา หนี้ จา ยเงิน 4. ไมตองมีการรบั รองต๋ัว เพราะลกู หนี้หรอื ผจู า ยเงนิ เปน ผู 4. ลูกหนี้หรือผูจายเงินตองลงช่ือรับรองการจายเงินทุก ออกตวั๋ เอง ครง้ั จึงจะสมบรู ณตามกฎหมาย
3. เชค็ (Cheque) ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา 987 บญั ญตั ิไวว า “อัน วา เช็ค น้นั คือ หนังสือตราสารซ่ึงบุคคลคนหนึ่งเรียกวา ผูสั่งจาย สั่งธนาคารให ใชเงินจํานวนหน่ึงเม่ือทวงถาม ใหแกบุคคลอีกคนหน่ึง หรือใหใชตามคําส่ังของ บคุ คลอกี คนหน่ึงเรยี กวา ผูรบั เงนิ ” จากบทบัญญัตขิ า งตนจะเหน็ วา เช็คน้นั มีผูเก่ยี วของ 3 ฝา ย คือ 1. ผอู อกเชค็ หรือผสู ่งั จายเช็ค 2. ธนาคาร (ผูจา ยเงิน) 3. ผรู บั เงนิ ในบางคร้ังเช็คอาจจะมีบุคคลเกี่ยวของ 2 ฝายก็ได เชน กรณีเบิกเงิน มาใชเ องจะเหน็ วา ผสู ั่งจายและผูรบั เงินเปน บคุ คลคนเดียวกนั
วธิ ีการใชเชค็ ผทู ่จี ะใชเ ชค็ ไดน ัน้ จะตอ งเปดบญั ชีเงินฝากกระแสรายวนั กับธนาคารพาณิชย เม่อื ตองการถอนเงนิ จากธนาคารมาเปน คาใชจา ยตางๆ กจ็ ะเขียนเชค็ ใหธนาคารเปนผจู า ยเงนิ รูปที่ 1.10 เชค็
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา 988 บัญญตั ิไวว า อนั วา เชค็ นั้นจะตอ งมี รายการ ดังตอไปน้ี 1. คําบอกชอ่ื วาเปน เช็ค 2. คําสง่ั อันปราศจากเงอื่ นไขใหใ ชเ งนิ เปนจํานวนแนนอน 3. ช่ือหรือยี่หอและสาํ นกั งานของธนาคาร 4. ช่อื หรอื ยีห่ อ ของผรู บั เงนิ หรือคาํ จดแจงวา ใหใชเงินแกผถู ือ 5. สถานทใ่ี ชเงนิ 6. วันและสถานทอ่ี อกเชค็ 7. ลายมอื ชอ่ื ผสู ่ังจาย
การคํานวณวันครบกําหนดของต๋ัวเงนิ วธิ ีการคาํ นวณวนั ครบกําหนดของต๋ัวเงินมี 2 วิธี คอื 1. คํานวณวนั ครบกําหนดอายุตัว๋ ท่ีจะชําระเงนิ 2. คาํ นวณดอกเบี้ยของตว๋ั เงิน การคํานวณวนั ครบกาํ หนดอายุตัว๋ ที่จะชาํ ระเงิน เนื่องจากต๋ัวบางฉบับผูออกตั๋วหรือ ผูส่ังจายต๋ัวมิไดกําหนด วนั ครบกําหนดอายตุ ัว๋ ทจี่ ะชําระเงินไวชดั เจนวา ตวั๋ ฉบบั นั้นจะครบกาํ หนด ในวนั ใด เพราะฉะน้ันจึงจาํ เปน ตอ งคาํ นวณ วันครบกาํ หนดของตวั๋ ดังกลาว ถา ต๋วั เงนิ มกี ําหนดระยะเวลาเปน วนั ใหเริ่มนับถดั จากวนั ทอ่ี อกต๋ัวจนถงึ วนั ครบกาํ หนด (ไมนับวันออกตั๋ว)
ตัวอยา ง 1.1 ต๋วั เงินลงวันที่ 17 มถิ นุ ายน กําหนด 60 วัน ใหห าวันครบกาํ หนดชําระเงนิ วิธคี ํานวณ เดอื น มิถุนายน (30 - 17) = 13 วนั กรกฎาคม = 31 วนั สงิ หาคม = 16 วนั (วันครบกําหนด) รวม = 60 วัน เพราะฉะนน้ั วนั ครบกาํ หนดชาํ ระเงนิ คือ วันที่ 16 สงิ หาคม หมายเหตุ การนบั วนั ปกตใิ หนับถดั จากวนั ออกตัว๋ เวนแต จะระบไุ วเ ปนอยา งอ่นื เชน ใหน บั จากวนั รับรองตั๋ว
ตวั อยาง 1.2 ตัว๋ เงนิ ลงวนั ท่ี 17 สิงหาคม กาํ หนดเวลา 30 วนั นบั จากวันรบั รองต๋ัว ซ่ึงลงช่ือ รับรองตั๋วใน วนั ที่ 18 สงิ หาคม ใหห าวนั ครบกาํ หนดชําระเงิน วิธีคํานวณ เดือน สิงหาคม (31 - 18) = 13 วนั กันยายน = 17 วัน (วนั ครบกาํ หนด) รวม = 30 วนั เพราะฉะน้ัน วนั ครบกาํ หนดชาํ ระเงนิ คอื วันท่ี 17 กนั ยายน ถา ตัว๋ เงนิ มีกําหนดระยะเวลาเปนเดือน วนั ครบกําหนดของตวั๋ เงินจะเปน วันท่ีเดียวกัน กับวันที่ออก ต๋วั (วันชนวัน) ยกเวน วันสิน้ เดือน ถา ส้นิ เดอื นทค่ี รบกําหนดมวี ันท่นี น้ั ก็ใหใ ชว นั นัน้ (วนั ชนวนั ) แตถาไมมี ใหถ อื วันสุดทายของเดอื นนน้ั แทน
ตัวอยา ง 1.3 วันทอี่ อกตวั๋ เงิน กําหนดเวลาของตว๋ั เงิน วันครบกําหนด 15 ก.พ. 3 เดอื น 15 พ.ค. ลาํ ดบั 28 ม.ค. 1 เดือน 28 ก.พ. 1. 31 ม.ค. 1 เดอื น 28 ก.พ. 2. 28 ก.พ. 1 เดือน 28 มี.ค. 3. 1 พ.ค. 3 เดอื น 1 ส.ค. 4. 5.
การคาํ นวณดอกเบ้ยี ของตั๋วเงนิ ในกรณชี ําระหน้ีสินระหวางกนั นน้ั ถาต๋ัวเงินกาํ หนดอตั ราดอกเบ้ียไว ผูจา ยเงนิ จะตอ ง ชาํ ระ เงินตามเงินหนาตั๋วพรอมท้ังดอกเบ้ยี เมือ่ ถึงวนั ครบกาํ หนด สตู รในการคาํ นวณดอกเบยี้ ด = ตxปxอ 100 ด ต = ดอกเบย้ี ป อ = เงนิ ตน = ระยะเวลา (ป) = อัตราดอกเบ้ยี
ถาตั๋วเงินกําหนดระยะเวลาเปนวัน ในการคํานวณดอกเบ้ียใหแปลงจํานวนวันของตั๋วเงิน ใหมรี ะยะเวลาเปนป โดยหารดวย 365 หรือ 360 ซ่งึ ใชหลักเกณฑ 1 ป = 365 วัน แตเพื่อความสะดวก ในการคาํ นวณอาจจะใชปท างธุรกิจ คอื 1 ป = 360 วันกไ็ ด ตวั อยาง 1.4 นายจรญั ออกต๋ัวสญั ญาใชเ งนิ จาํ นวน 60,000 บาท ตั๋วลงวันท่ี 24 มถิ ุนายน กําหนดระยะเวลา 60 วัน อัตราดอกเบีย้ 15% ตอ ป การคาํ นวณดอกเบย้ี จะเปน ดังน้ี ดอกเบี้ย = 60,000 x 60 x 15 365 100 = 1,479.45 บาท ถาต๋ัวเงินกําหนดระยะเวลาเปนเดือน สําหรับต๋ัวเงินท่ีมีระยะเวลาเปนเดือน ใหใชเกณฑ 1 ป = 12 เดอื น
ตวั อยา ง 1.5 นายจรญั ออกตั๋วสัญญาใชเงนิ จํานวน 60,000 บาท ต๋วั ลงวนั ที่ 24 มถิ ุนายน กาํ หนดระยะเวลา 3 เดอื น อัตราดอกเบ้ยี 15% ตอ ป การคาํ นวณดอกเบีย้ จะเปนดงั นี้ ดอกเบย้ี = 60,000 x 3 x 15 12 100 = 2,250 บาท ถา ต๋วั เงินกาํ หนดระยะเวลาเปน ป
ตวั อยาง 1.6 นายจรญั ออกตวั๋ สัญญาใชเงนิ จํานวน 60,000 บาท ตั๋วลงวนั ที่ 24 มิถนุ ายน กําหนดระยะเวลา 3 ป อัตราดอกเบ้ยี 15% ตอ ป การคาํ นวณดอกเบยี้ ตอ ปจ ะเปน ดังนี้ ดอกเบ้ยี = 60,000 x 1 x 15 = 12 100 9,000 บาท หมายเหตุ ถากาํ หนดจายดอกเบย้ี ปละคร้ัง นายจรญั จะตอ งจา ยดอกเบีย้ ในวนั ที่ 24 มิถุนายน ปละ 9,000 บาท
การคํานวณมลู คาเม่อื ครบ ในการคํานวณมูลคาเม่อื ครบกาํ หนดของ กําหนดของตัว๋ เงิน ตั๋วเงนิ จําแนกไดต ามชนิดของต๋วั เงิน ไดแ ก ตว๋ั เงนิ ชนดิ มดี อกเบยี้ และตัว๋ เงินชนดิ ไมมีดอกเบี้ย วิธีคํานวณแบง เปน 2 กรณี คอื 1. มลู คา เมือ่ ครบกาํ หนดของตั๋วเงิน ชนดิ มดี อกเบี้ย หมายถึง จาํ นวนเงนิ หนา ต๋ัว บวก ดวยดอกเบ้ยี ของตวั๋ เงนิ สําหรบั ระยะเวลาท่ีถอื ตัว๋ เงนิ ไวใ นมอื
ตวั อยาง 1.7 กจิ การมตี วั๋ เงนิ รับฉบบั หนึ่ง จํานวน 60,000 บาท ตว๋ั ลงวันท่ี 24 มิถนุ ายน 25X1 กําหนดเวลา 60 วัน อัตราดอกเบ้ีย 15% ตอ ป การคํานวณวนั ครบกาํ หนด เดือน มิถนุ ายน (30-24) = 6 วัน กรกฎาคม = 31 วนั สงิ หาคม = 23 วนั (วันครบกําหนด) รวม = 60 วัน วันครบกาํ หนดชําระเงนิ คอื วันที่ 23 สิงหาคม 25x1 การคาํ นวณดอกเบีย้ ของตว๋ั เงิน = เงินหนา ตัว๋ x ระยะเวลาของต๋ัวเงิน x อตั ราดอกเบี้ย = 60,000 x 60 x 15 365 100 = 1,479.45 บาท
ตวั อยาง 1.7 กิจการมีตว๋ั เงินรบั ฉบบั หนง่ึ จํานวน 60,000 บาท ต๋ัวลงวันท่ี 24 มิถนุ ายน 25X1 กําหนดเวลา 60 วนั อตั ราดอกเบี้ย 15% ตอป การคํานวณมูลคาเมอื่ ครบกําหนดของต๋วั เงิน การคาํ นวณมลู คาเม่อื ครบกาํ หนดของตว๋ั เงิน = เงนิ หนาต๋ัว + ดอกเบยี้ ของต๋วั เงิน = 60,000 + 1,479.45 = 61,479.45 บาท 2. มูลคา เมื่อครบกําหนดของต๋ัวเงนิ ชนดิ ไมมีดอกเบี้ย หมายถึง จาํ นวนเงินหนาตวั๋ เมื่อถงึ วนั ครบ กําหนดตามระยะเวลาในต๋วั จากตวั อยา ง 1.7 ถา เปน ตัว๋ เงินรับชนดิ ไมม ีดอกเบย้ี มลู คาของต๋ัวเงินเมอื่ ครบกําหนด ในวนั ที่ 23 สิงหาคม 25X1 จะมคี า เทากับจาํ นวนเงินหนา ตว๋ั คอื 60,000 บาท
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: