ภัยแล้ง คอื ภัยทเ่ี กดิ จากสภาพอากาศแห้งผดิ ปกติ หรือเกดิ ฝนแล้ง เพราะปริมาณฝนมีน้อยกว่าปกติ และฝน ไม่ตกตามฤดูกาลในพนื้ ทห่ี นึ่ง ๆ เป็ นเวลานาน จนทาให้ ระดบั นา้ ในแหล่งนา้ ต่าง ๆ ลดปริมาณลง เกดิ จากสภาวะ ขาดแคลนนา้ ขนึ้
สาเหตุการเกดิ ภยั แล้ง มสี าเหตุมาจากธรรมชาติ เช่น การ เปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ อณุ หภูมิ และภยั ธรรมชาตอิ นื่ ๆ และเกดิ จากการกระทาของมนุษย์ เช่น การทาลายพนื้ ทป่ี ่ า การ พฒั นาอตุ สาหกรรมทกี่ ่อมลพษิ และผลกระทบจากปรากฏการณ์ เรือนกระจก ภยั แล้งก่อผลกระทบต่อการดาเนินชีวติ ของมนุษย์ โดยเฉพาะการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ท้งั เพาะปลูก เลยี้ งสัตว์ และประมง ทาให้ผลผลติ ทางการเกษตรลดน้อยลง
2558
ไฟป่ า หมายถงึ ไฟทเ่ี กดิ จากสาเหตุใดกต็ าม แล้วลกุ ลามไหม้ ในป่ าได้โดยอสิ ระปราศจากการควบคุม ไม่ว่าไฟจะลกุ ลามไหม้ในป่ า ธรรมชาติ หรือสวนป่ า องค์ประกอบของไฟป่ า ไฟป่ าเกดิ ขนึ้ ได้ต้องมปี ัจจัยทส่ี าคญั 3 อย่างด้วยกนั คอื ความ ร้อน ก๊าซออกซิเจน และเชื้อเพลงิ จึงจะสามารถเกดิ ไฟขนึ้ ได้ หากขาด สิ่งใดสิ่งหน่ึงไปจะไม่สามารถเกดิ ขึน้ ได้เลย องค์ประกอบท้งั 3 ส่ิงนี้ เรียกว่า “ สามเหลย่ี มไฟ”หากขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไป ไฟ กจ็ ะไม่เกดิ ขนึ้ ชนิดของไฟป่ า
สาเหตุของการเกดิ ไฟป่ า ท้งั ทเี่ กดิ จากธรรมชาตแิ ละฝี มอื มนุษย์ แต่สาเหตุ จากธรรมชาตกิ เ็ พราะภาวะความแปรปรวนของ สภาพแวดล้อม ทเ่ี นื่องจากจากฝี มอื มนุษย์น่ันเอง
ความเสียหายและผลกระทบจากไฟป่ า 1. ไฟป่ า สร้างความเสียหายต่อป่ าไม้ คอื ลดอตั ราการ เจริญเติบโต, ลดคุณภาพเนือ้ ไม้ ขาดช่วงการสืบพนั ธ์ุทดแทน ตามธรรมชาติ และเปลยี่ นแปลงโครงสร้างของป่ า 2. ไฟป่ า สร้างความเสียหายต่อ ดิน คอื ทาให้หน้าดนิ เสื่อมสภาพ, เกดิ การชะล้างหน้าดนิ และพงั ทลายของดนิ และ ดนิ เส่ือมความอุดมสมบูรณ์
3. ไฟป่ าสร้างความเสียหายต่อนา้ คอื เกดิ อทุ กภยั นา้ ท่วม ช่วงฤดูฝน เปลย่ี นแปลงคุณสมบัตขิ องนา้ และเกดิ ตะกอนขุ่นข้น 4. เกดิ ควนั พษิ ในอากาศ 5. สิ่งมชี ีวติ ในป่ า สัตว์ป่ าไร้ทอี่ ยู่อาศัยขาดทหี่ ลบภัย และ ผลเสียต่อสิ่งมชี ีวติ เลก็ ๆ ในป่ า 6. ชีวติ และทรัพย์สินของมนุษย์ ทาลายบ้านเรือนชีวติ และ ทรัพย์สินถ้าหากเกดิ ไฟป่ าทค่ี วบคุมไม่ได้
1. ลดความเสี่ยงท่จี ะทาให้เกดิ ไฟในบริเวณพนื้ ทป่ี ่ า เช่น การขุดร่องนา้ และปลูกต้นไม้โตเร็วตามแนวร่องนา้ เพอื่ ให้เกดิ ความชุ่มชื้นค่อย ๆ ทวขี นึ้ และแผ่ขยายออกไปท้งั สองข้างของ ร่องนา้ 2. การรักษาสมดุลของระบบนิเวศ อนุรักษ์ทรัพยากร และส่ิงแวดล้อม เช่น การปลูกพชื คลุมดนิ การสร้างฝายชะลอนา้ เพอื่ เพม่ิ ความชุ่มชื้นในป่ า
3. การปลูกพชื อุ้มนา้ เพอ่ื ลดความเสี่ยง และเป็ นแนว ป้ องกนั ไฟป่ า เช่น การปลูกกล้วยในช่องว่างของป่ า เป็ นต้น 4. การปรับปรุงแผนการควบคุมไฟป่ าให้มี ประสิทธิภาพยงิ่ ขนึ้ เช่น การทาแนวกนั ไฟ เพอื่ ลดความ เสียหายจากไฟป่ า
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: