Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไวยากรณ์ญี่ปุ่น

ไวยากรณ์ญี่ปุ่น

Published by popo ipip, 2022-02-16 10:59:37

Description: f

Search

Read the Text Version

ไวยากรณ์ญี่ปุ่น เบื้องต้นที่คุณต้องรู้

คำนำ การเรียภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม ไวยากรณ์ถือเป็นสิ่งที่สำคัษมาก ส่วนหนึ่ง เนื่องจากไวยากรณ์เป็นกระบวนการทางภาษาที่จะควบคุมและ รวบรวมคำเพื่อก่อให้เกิดความหมายขึ้น ซึ่งโครงสร้างไวยากรณ์ของแต่ละ ภาษาย่อมไม่เหมือนกันในการเรียนภาษาญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน นอกจากเรา ต้องมีพื้นฐานทางด้านการออกเสียง ต้องรู้จักคำศัพท์ที่หลายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นพื้นฐานสำคัญ คือ การเข้าใจโครงสร้างไวยากรณ์ ไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นจะค่อนข้างมีความซับซ้อน มีการผัันกาลของประโยค มีผันคำกริยาในรูปต่างๆ รวมถึงมีกฎเกณฑ์ในการบอกลักษณนามต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดค่อยข้างมาก ดังนั้นผู้เรียนควรทำความเข้าใจ หลัก ไวยากรณ์ให้ถ่องแท้ เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ในการสร้างประโยคที่ถูก ต้องและสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างสละสลวย ถูกต้องตามหลัก ไวยากรณ์

รูปประโยค

โครงสร้างประโยคภาษาญี่ปุ่นต่างจากภาษาไทยคือมีภาคแสดง (คำกริยา) อยู่ท้ายประโยค มีโครางสร้างเป็น \"ประธาน กรรม กริยา\"นอกจากนี้ในภาษาญี่ปุ่น ยังมี\"คำช่วย\"เป็นอีกส่วนที่สำคััญของประโยคเพื่อชี้ความสัมพันธ์ระะหว่างคำนามนั้นกับคำ กริยาและเมื่อจบประโยคจะใส่เครื่องหมาย กำกับไว้เสมอ 1.รูปประโยคบอกเล่า N は N ですか เป็นคำนาม จะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือคำสรรพนามก็ได้ เป็นคำช่วยอ่านว่า \"วะ\"วางไว้หลังคำนาม ทำหน้าที่ชี้หัวเรื่องหรือชี้ป ประธานของประโยค เป็นคำจบประโยค มีความหมายคล้สย Verb to be ในภาษา อังกฤษแปลว่าเป็น หรือ คือ

คำอธิบายไวยากรณ์ さん さんคำว่า SAN(ซัง)ใช้ต่อท้ายชื่อบุคคล มีความหมายว่า\"คุณ.....\"แต่จะไม่ใช้ กับชื่อตนเองและบุคคลในครอบครัว さんสำหรับคนญี่ปุ่นจะเรียกนามสุกลแล้วต่อท้ายด้วย SAN(ซัง) ちゃんนอกจากนี้ยังมีคำว่า(จัง)ซึ่งใช้เรียกต่อท้ายชื่อเด็กผู้หญิงและใช้คำว่า くん KAN(คุง)เรียกต่อท้ายชื่อเด็กผู้ชายหรือผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่า

บุรุษสรรพนาม สรรพนามบุรุษที่1 わたし WATASHI (วะตะชิ) = ผม,ฉัน わたしたち  WATASHITACHI (วะตะชิตะจิ) = พวกเรา สรรพนามบุรุษที่2 あなた ANATA (อะนะตะ) = คุณ みなさん MINASAN (มินะซัง) = ทุกคน สรรพนามบุรุษที่3 かれ KARE (คะเระ) = เขา かのじょ KANOJO (คะโนโจ) = เธอ,หล่อน โดยทั่วไปคนญี่ปุ่มมักจะเรียกชื่อหรือตำแหล่งมากกว่าที่จะใช้สรรพนาม บุรุษที่ 2 หรือ 3 เพราะจะเป็นการให้เกียรติมากกว่า

2.รูปประโยคปฏิเสธ N は N では ありません N เป็นคำนาม จะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือคำสรรพนามก็ได้ は เป็นคำำช่วยอ่านว่า วะ วางไว้หลังคำนามทำหน้าที่ชี้หัวเรื่องหรือชี้ ประธานของประโยค では ありません ですเป็นรูปปฏิเสธของ

คำอธิบายไวยากรณ์ では ありません ですเป็นรูปปฏิเสธของ (เดส)อาจจะใช้ว่า じゃありません JA ARIMASEN (จ้าอะริมะเซน)หรือ でわないです (เดะวะไน่เดส)ก็ได้ ตัวอย่างประโยค わたしわもりたさんでわありません WATASHI WA MORITA SAN DE WA ARMASEN วะตะชิ วะ โมริตะซัง เดวะ อะริมะเซน (ผมไม่ใช่คุณโมริตะ) やまださんわいしゃでわありません YAMADA SAN WA ISHA DEWA ARIMASEN (ยะมะตะซัง วะ อิซะ เดวะ อะริมะเซน) คุณยามาดะไ ม่ใช่คุณหมอ

รูปประโยคคำถาม N は N ですか N เป็นคำนาม จะเป็นคน สัตว์ สิ่งของหรือคำสรรพนาม ก็ได้ は เป็นคำช่วยอ่านว่า วะ วางไว้หลังคำนามทำหน้าที่ชี้หัวเรื่อง หรือชี้ประธานของประโยค か เป็นคำช่วยที่วางไว้ท้ายปรโยคเพื่อทำให้ประโยค นั้นเป็นประโยคคำถาม

คำอธิบายไวยากรณ์ か เป็นคำช่วยที่วางไว้ท้ายประโยค เพื่อทำให้ประโยคนั้นเป็น ประโยคคำถาม รูปประโยคคำถามแบบนี้สามารถตอบรับหรือปฎิเสธได้ดังนี้ -กรณีตอบรับ はい เมื่อตอบรับว่าHAI (ไฮ่)แล้วอาจจะทวนคำถามอีกครั้ง たなか : あなんたわまりいさんですか  TANAKA : ANNATA WA MARII SAN DESUKA ทานากะ (อะนะตะ วะ มะลี ซัง เดสก๊ะ) คุณคือคุณมาลิหรือเปล่าครับ まりい : はいえあなしわまりいえす MARII : HAI WATASHI WA MARII DESU มาลี ไฮ่ วะตะชิ วะ มาลี เดส ใช่ค่ะ ฉันคือ มาลี

 わたしわ อาจจะละคำว่า WATASHI WA(วะตะชิวะ)ไว้ก็ได้ はいそうですหรืออาจตอบรับว่าHAISOUDESU (ไฮ่ โซเดส)หมายความว่าใช่แล้วครับ/ค่ะ たなか あなたわまりいさnですか TANAKA ANATA WAMARII SAN DESUKA ทานากะ (อะนะตะ วะ มาลี ซัง เดสก๊ะ) คุณคือคุณมาลีหรือเปล่าครับ まりい はいそうです MARII HAI SOU DESU มาลี (ไฮ่โซ่เดส) ใช่แล้วค่ะ

さんข้อสังเกต จะใช้คำว่า SAN ซํ. ต่อท้ายชื่อคนอื่นเสมอ เพื่อเป็นการ  さん ให้เกียรติ แต่จะไม่ใช้ SAN (ซัง)ต่อท้ายชื่อตนเองหรือบุคคลใน ครอบครัวของตนเอง กรณีตอบปฏิเสธ いいえเมื่อตอบปฏิเสธ ว่า (อีเอะ)แล้วอาจจะตอบปฏิเสธทิ้งปรธโยคอ รกครั้งและต่อด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้อ まりい  たなかさんわがくせいですか MARII TANAKA SAN WAGAKUSEI DESUKA มาลี ทะนะตะ ซัง วะ กะคุเซ เดสก๊ะ คุณทานากะเป็นนักศึกษาหรือเปล่าคะ

たでわなかあ りま えいいnえ わたしわがくせい          わたしわせんせです TANAKA IIE WAGAKUSEI DE WA RIMAEN WATASHI WA SENSEI DESU ทานากะ อีเอะ วะตะชิ วะกะดุเซเดะวะ อะริมะเซน วะตะชิวะ เซนเซเดส ไม่ใช่ครับผมไม่ใช่นักศึกษา ผมเป็นอาจารย์

わたしわ  いいえちอาจจะละคำว่า (วะตะชิ วะ)ไว้ก็ได้ หรืออาจตอบรับว่า がいます (อีเอะ จิไงมัส)หมายความว่า ไม่ใช่ครับ/ค่ะ まりい  たなかさんわがくせいですか มาลี (ทะนะคะ ซัง วะ กะคุเซเดสก๊ะ) คุณทานากะเป็นนักศึกษาหรือเปล่าคะ たなか  いいえちがいます TANAKA IIE CHIGAIMASU ทานากะ (อีเอะ จิไงมัส) ไม่ใช่ครับ

รูปประโยคำถามแบบให้เลือกตอบ N は N ですか N เป็นคำนาม จะเป็นคน สัตว์ สิ่งของหรือคำสรรพนาม ก็ได้ は เป็นคำำช่วยอ่านว่า วะ วางไว้หลังคำนามทำหน้าที่ชี้หัวเรื่อง หรือชี้ประธานของประโยค か เป็นคำช่วยที่วางไว้ท้ายปรโยคเพื่อทำให้ประโยคนั้นเป็น ประโยคคำถาม คำอธิบายไวยากรณ์ かเป็นคำช่วยที่ว่งไว้ท้ายปรโยคแต่ละส่วน เมื่อต้องการถาม แบบให้เลือกตอบ はい いいえเมื่อตอบไม่ต้องตอบ (ไฮ่)หรือ(อีเอะ)นำหน้าแต่ให้ เลือกตอบได้เลย

ตำวอย่างประโยค か1)やましたさんわおにさんですか おとうとさNです YAMASHITA SAN WA ONII SAN DESUKA OTOUTO SAN DESUKA ยะมะชิคะซัง วะโอนิซัง เดสก๊ะ โอะโตโตะ ซัง เดสก๊ะ คุณยามาชิตะเป็นพี่ชายหรือน้องชายครับ やましたさNわおにいさNです YAMASHITA SAN WA ONII DESU ยะมะชิตะ ซัง วะ โอนีซัง เดส คุณยามาชิตะ เป็นพี่ชายครับ

คำสรรพนาม

1.คำสรรพนามแทนสิ่งของ これ それ   は N です あれ これ  KORE (โคะเระ ) =นี่ それ SORE (โสเระ) =นั่น あれ  ARE (อะเระ) =โน่น คำอธิบายไวยากรณ์ これ KORE (โคะเระ ) それ SORE (โสเระ) あれ  ARE (อะเระ)

เป็นคำสรรพนามที่ใช้ชี้ สัตว์ สิ่งของ สามารถใช้เป็นประธาน หรือทำหน้าที่ได้เหมือนคำนามทั่วไป これ KORE (โคะเระ ) =นี่ ใช้ชี้สิ่งที่อยู่ใกล้ผู้พูด それ SORE (โสเระ) =นั่น ใช้ชี้สิ่งที่อยู่ไกลผู้พูด あれ  ARE (อะเระ) =โน่น โน่นใช้ชี้สิ่งที่อยู่ไกลจากผู้พูด ข้อสังเกต これ それเมื่อถามด้วย KORE (โคะเระ )=จะตอบ SORE (โสเระ) それ これเมื่อถามด้วย SORE (โสเระ)=จะตอบว่า KORE (โคะเระ ) あれ あれเมื่อถามด้วย ARE (อะเระ)=จะตอบ ARE (อะเระ) ตัวอย่างประโยค これわえんぴつですか KORE WA ENPITSU DESUKA (โคะเระ วะ เอ็มปิทสึ เดสก๊ะ) นี้คือดินสอใช่ไหมครับ はいそれわえんぴtすです HAI SORE WA ENPITSU DESU (ไฮ่โสะเระ วะ เอ็มปิทสึ เคส) ค่ะ นั้นคือดินสอ

คำสรรพนามแทนสถานที่ ここ そこ    は     p です  あそこ ここ   KOKO (โคะโคะ) = ที่นี้ そこ SOKO(โซะโคะ) = ที่นั้น あそこASOKO(อะโซะโคะ) = ที่โน่น คำอธิบายไวยากรณ์ ここ   KOKO (โคะโคะ) そこ SOKO(โซะโคะ) あそこASOKO(อะโซะโคะ)

เป็นคำสรรพนามที่ใช้แทนสถานที่สามารถใช้เป็น ประธานหรือทำ หน้าที่ได้เหมือนคำนามทั่วไป ここ   KOKO (โคะโคะ)ที่นี่ใช้ชี้สถานที่ที่อยู่ใกล้ผู้พูด そこ SOKO(โซะโคะ) = ที่นั้นใชี้สถานที่ที่อยู่ไกลผู้พูด あそこASOKO(อะโซะโคะ) = ที่โน่นใช้ชี้สถานที่ที่ไกลจากทั้งผู้พูดและ ผู้ฟัง ข้อสังเกต ここ    そこเมื่อถาม KOKO (โคะโคะ) จะตอบ SOKO(โซะโคะ) そこ ここ   เมื่อถามด้วย SOKO(โซะโคะ) จะตอบ KOKO (โคะโคะ) あそこ あそこเมื่อถามด้วย ASOKO(อะโซะโคะ) ASOKO(อะโซะโคะ) จะตอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook