20หน่วยท่ี 2 ความรเู้ ก่ียวกบั ข้อมูลสารสนเทศ และระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์สาระสาคญั ระบบการคอมพวิ เตอรเ์ ปน็ เคร่ืองอเิ ล็กทรอนิกสท์ ใี่ ช้ในการประมวลผล ข้อมลู ท่ีใช้ในระบบจึงเปน็ ข้อมูลแบบดจิ ติ อล การทราบประเภทข้อมูลจะชว่ ยให้ผูใ้ ชง้ านสามารถนาข้อมลู เข้าสู่ระบบเพ่ือการประมวลผลไดร้ วดเร็ว และถกู ต้อง โดยมีเคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ในการประมวลผล ซ่งึ เรียนกวา่ระบบสารสนเทศ ที่เกย่ี วข้องกันท้ัง ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ วิธีการดาเนนิ การ ข้อมลู ผปู้ ฏิบตั ิงาน และอ่นื ๆ รวมทัง้ มีการใชร้ ะบบการสือ่ สารเขา้ มาชว่ ยในการสง่ สญั ญาณข้อมลู เพื่อความสะดวกรวดเรว็ระบบการส่ือสารคอมพวิ เตอร์มีทั้งระบบสายสัญญาณ และระบบไร้สาย ชว่ ยใหผ้ ูใ้ ชง้ านเข้าถงึ ข้อมูลได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของข้อมลู ในระบบคอมพวิ เตอร์ 2. บอกความหมายของระบบสารสนเทศ 3. สามารถบอกองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ 4. สามารถบอกความแตกต่างของข้อมลู ข้อมูลดบิ และสารสนเทศได้ 5. บอกประเภทระบบสารสนเทศไดถ้ ูกต้อง 6. อธิบายความหมายของระบบสารสนเทศแตล่ ะประเภทได้ 7. บอกความหมายของระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 8. บอกประเภทของการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 9. บอกชนิดของรูปแบบการเชอื่ มโยง หรือ โทโปโลยเี ครือขา่ ยได้ 10. อธบิ ายลักษณะของโทโปโลยีของเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ได้
212.1 ความหมายของขอ้ มลู ข้อมูล (Data) หมายถึง สิ่งที่ใช้เรียกหรือแทนสิ่งที่เกิดข้ึนกับคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่หรือเหตุการณ์ โดยอยู่ในรูปแบบท่ีเหมาะสมต่อการส่ิอสาร การแปรความหมาย และการประมวลผล หรืออาจหมายถึง ข่าวสาร ข้อความ ตัวเลข ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ประเมินผลสามารถนาไปใช้ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ข้อมูล คือ ค่าของตัวแปรในเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณ ท่ีอยู่ในความควบคุมของกลุ่มของส่งิ ตา่ งๆ ข้อมูลในเรื่องการคอมพิวเตอร์ จะแสดงแทนด้วยโครงสรา้ งอย่างหนง่ึ ซึ่งมักจะเปน็โครงสรา้ งตาราง (แทนดว้ ยแถวและหลัก) โครงสรา้ งต้นไม้ (กลุ่มของจุดต่อท่ีมีความสัมพันธ์แบบพ่อลูก) หรอื โครงสรา้ งกราฟ (กลุ่มของจุดต่อทเ่ี ชือ่ มระหว่างกนั ) ข้อมลู โดยปกตเิ ปน็ ผลจากการวัดและสามารถทาใหเ้ ห็นได้โดยใช้กราฟหรือรปู ภาพ ขอ้ มูลในฐานะมโนทัศน์นามธรรมอนั หนึ่ง อาจมองไดว้ า่เป็นระดบั ต่าท่สี ดุ ของภาวะนามธรรมทส่ี บื ทอดเปน็ สารสนเทศและความรู้ โดยข้อมูลอาจมีการแยกประเภทเปน็ ข้อมลู ดบิ หรือข้อมลู ทยี่ งั ไม่ประมวลผล เปน็ ศัพท์อีกคาหน่ึงทเี่ กี่ยวข้อง หมายถึงการรวบรวมจานวนและอกั ขระต่าง ๆ ซึ่งมกั จะเกิดขึน้ ตามปกตใิ นการประมวลผลขอ้ มลู เปน็ ระยะ ข้อมูลท่ีประมวลผลแลว้ จากระยะหนึ่งอาจถือวา่ เปน็ ข้อมลู ดบิ ของระยะถัดไปก็ได้ ขอ้ มูลสนามหมายถึงขอ้ มลู ดบิ ที่รวบรวมมาจากสภาพแวดล้อม ณ แหล่งกาเนดิ ท่ีไม่อยใู่ นการควบคมุ ข้อมลู เชงิ ทดลอง หมายถงึ ข้อมูลทส่ี รา้ งขึ้นภายในสภาพแวดลอ้ มของการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์โดยการสงั เกตและการบนั ทึก2.2 ชนิดของข้อมลู ข้อมูล (Data) เปน็ รายละเอียดของสงิ่ ต่าง ๆ ซง่ึ ถูกสรา้ งและจดั เก็บดว้ ยคอมพิวเตอร์ มีรูปแบบแนน่ อน เช่น ข้อมลู เก่ียวกับบคุ คล ข้อมลู เกีย่ วกบั สินค้า เป็นตน้ ข้อมลู สามารถนับจานวนได้และสง่ ผา่ นระบบสื่อสารไดเ้ ร็วขอ้ มลู ทีใ้ ช้ในงานคอมพวิ เตอร์ จะมีหลายรูปแบบดงั น้ี 2.2.1 ข้อมลู ตวั เลข (Number) ประกอบดว้ ยตัวเลขเท่านน้ั เช่น 1 , 12 , 345 เป็นต้น มักจะนามาใชใ้ นการคานวณ 2.2.2 ข้อมลู แบบอกั ขระ (Text) ประกอบด้วยตวั อักษร ตัวเลข และตวั อักขระพิเศษ สว่ นตัวเลขท่ีใชเ้ ปน็ ตัวเลขท่ีไมส่ ามารถคานวณได้ หรอื เคร่ืองหมายอยใู่ นรูปของเอกสาร หรอื ตวั อกั ขระ
22 2.2.3 ข้อมูลภาพ (Image) เปน็ ขา่ วสารทอี่ ยใู่ นรปู ของภาพกราฟิกแบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ รปู ภาพนิ่งภาพเคล่อื นไหว ภาพวีดโี อ ซ่งึ ข้อมลู ชนิดนจี้ ะต้องอาศยั สอื่ สาหรับเก็บ และใชห้ น่วยความจาเป็นจานวนมาก 2.2.4 ขอ้ มลู เสียง (Sound) และ (Voice) เปน็ สญั ญาณท่รี ับรไู้ ดท้ างโสต หรอื หู เชน่ เสยี งเพลงเสยี งดนตรี เสยี งบรรยาย เป็นตน้ 2.2.5 ขอ้ มูลภาพเคลือ่ นไหว หรอื แอนเิ มชัน ( animation) หมายถงึ ภาพเคลือ่ นไหวโดยการฉายภาพนิ่งหลาย ๆ ภาพต่อเนอ่ื งกนั ด้วยความเร็วสงู การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกสใ์ นการคานวณสร้างภาพจะเรยี กการสร้างภาพเคล่อื นไหวดว้ ยคอมพวิ เตอรห์ รือคอมพวิ เตอร์แอนิเมชนั หากใช้เทคนคิ การถ่ายภาพหรอื วาดรปู หรือหรอื รูปถา่ ยแตล่ ะขณะท่ีคอ่ ยๆ ขยับ จะเรยี กว่า ภาพเคล่ือนไหวแบบการเคลื่อนทีห่ ยุด หรือสตอปโมชัน (stop motion) โดยหลกั การแลว้ ไม่ว่าจะสรา้ งภาพ หรือเฟรมด้วยวิธีใดกต็ าม เม่ือนาภาพดังกลา่ วมาฉายต่อกนั ดว้ ยความเร็ว ตัง้ แต่ 16 เฟรมต่อวนิ าทีขึ้นไป เราจะเหน็เหมอื นว่า ภาพดังกลา่ วเคลื่อนไหวไดต้ ่อเน่ืองกัน ทั้งน้ีเนื่องจากการเหน็ ภาพติดตา2.3 ความหมายของสารสนเทศ (Information) สารสนเทศ (information) เปน็ ผลลพั ธ์ของการประมวลผล การจดั ดาเนนิ การและการเข้าประเภทข้อมลู โดยการรวมความรู้เข้าไปตอ่ ผู้รับสารสนเทศนน้ั สารสนเทศมคี วามหมายหรอื แนวคดิ ท่ีกว้าง และหลากหลาย ตง้ั แต่การใช้คาวา่ สารสนเทศในชวี ิตประจาวนั จนถึงความหมายเชงิ เทคนคิตามปกติในภาษาพูด แนวคิดของสารสนเทศใกลเ้ คียงกบั ความหมายของการส่ือสาร เง่อื นไข การควบคุมข้อมลู รูปแบบ คาส่ังปฏบิ ัติการ ความรู้ ความหมาย สื่อความคิด การรบั รู้ สารสนเทศ หมายถึง การนาข้อมลู มาผา่ นกระบวนการประมวลผลตามความต้องการในการใช้งาน อาจเป็นการใช้การนับ การเฉลย่ี หรอื การดาเนนิ การข้ันสงู อน่ื ๆ เพื่อให้ได้ผลตามท่ีต้องการในการใช้งาน เพื่อนาผลไปใช้ประโยชนใ์ นการตัดสนิ ใจ โดยจะมีสว่ นที่เข้ามาเกย่ี วขอ้ ง คือข้อมลู ดิบ เช่นคะแนนการสอบทฤษฏี การสอบปฏบิ ตั ิ การมาเรยี น และการสอบปลายภาค เพอ่ื นามาประมวลผลใหไ้ ด้สารสนเทศ คือผลของเกรดในรายวชิ าน้ัน2.4 ระบบสารสนเทศ (Information System) ระบบสารสนเทศ (Information System หรอื IS) เป็นระบบพื้นฐานของการทางานตา่ งๆ ในรปู แบบของการเก็บ (input) การประมวลผล (processing) เผยแพร่ (output) และมีสว่ นจัดเกบ็ข้อมลู (storage) องค์ประกอบของระบบสารสนเทศคือ ระบบคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, ระบบเครอื ข่าย มนษุ ยผ์ ู้พัฒนาระบบ และผชู้ รั ะบบ , กระบวนการการดาเนนิ งาน
23 ระบบสารสนเทศนนั้ จะประกอบด้วย ขอ้ มูล (Data) หมายถึง ค่าของความจรงิ ท่ีปรากฏข้ึนโดยคา่ ความจรงิ ท่ีไดจ้ ะนามาจัดการ เพื่อใหไ้ ด้สารสนเทศตามตอ้ งการ สารสนเทศ (Information)คือ กลมุ่ ของข้อมลู ท่ีถูกตามกฎเกณฑต์ ามหลกั ความสัมพันธ์ เพือ่ ให้ข้อมลู เหล่านัน้ มปี ระโยชนแ์ ละความหมายมากขึ้น และ การจดั การ (Management) คือ การบริหารอย่างเปน็ ระบบ เป็นการกาหนดเปา้ หมายและทิศทางการจัดการขององค์กรนนั้ งมีการวางแผน กาหนดการ และจดั การทรัพยากรภายในองค์กร เพ่ือให้บรรลุถึงวตั ถปุ ระสงคข์ ององค์กรนั้นๆ ระบบสารสนเทศและ MIS (IS) - หรอื การประยุกต์ใช้ภูมิทัศน์ คอื การรวมกันของเทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology) และกจิ กรรมของผ้คู นว่าดว้ ยการดาเนนิ การให้ความช่วยเหลือใดๆ การทาการจดั การและการตัดสนิ ใจ ในความหมายท่ีกวา้ งมาก, ระบบสารสนเทศเป็นคาทีใ่ ช้บ่อยในการอา้ งถงึ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างผ้คู น กระบวนการข้อมูลและเทคโนโลยี ในแง่นี้คาที่ใชใ้ นการอ้างอิงไมเ่ พยี งแตจ่ ะใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (ICT) ทอ่ี งคก์ รจะใช้เท่านน้ั , แตย่ ังรวมถงึ วธิ ที คี่ นมีปฏสิ มั พนั ธ์กับเทคโนโลยีนใี้ นการสนบั สนุนกระบวนการทางธรุ กิจ ดังน้ันสารสนเทศ จะต้องเก่ียวขอ้ งกับ ขอ้ มูล(Data) , การประมวลผล (Process) , ผลลพั ธ์(Output) และสารสนเทศตอ้ งมีความเปน็ ปจั จบุ นั ต้องมีส่วนป้อนกลบั (feedback) แสดงได้ดังรูปInput Process Output Feedback รูป 2.2 แสดงการประมวลผลสารสนเทศ สรปุ ความหมายของระบบสารสนเทศ กค็ ือ ระบบของการจดั เกบ็ ประมวลผลข้อมลู โดยอาศัยบุคคล และเทคโนโลยีสารสนเทศในการดาเนินการ เพ่ือให้ไดส้ ารสนเทศท่เี หมาะสมกบั งาน แต่ละอยา่ ง หรือระบบสารสนเทศเปน็ การนาขอ้ มลู มาจัดกระทาให้เป็นหมวดหมู่ มรี ะเบียบแบบแผนเพื่อสะดวกต่อการค้นหา หรือเรียกใช้
242.5 ประเภทของระบบสารสนเทศ ปจั จุบนั ประการทางานของแตล่ ะองค์กรจะมีความเกีย่ วกบั ระบบสารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศมากขน้ึ และเน่ืองจากองคก์ รมีการแบ่งระดับการทางานและระดับการตัดสินใจระบบสารสนเทศในองคก์ รจึงตอ้ งมีการแบ่งออกเปน็ ประเภทดงั นี้ 2.5.1 ระบบการประมวลผลทางธุรกจิ (Transaction Processing System : TPS) เป็นระบบการประมวลผลทางธรุ กจิ มักเปน็ การประมวลผลแบบรายวนั เช่น การรับจา่ ยบิล ระบบควบคุมสนิ คา้ คงคลัง ระบบการรบั – จ่ายสินค้า เป็นต้น ระบบน้ีเปน็ ระบบสารสนเทศลาดบั แรกที่ได้รับการพฒั นาใหใ้ ช้กบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ลักษณะเดน่ ของ TPS คอื การทาใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์ทางานง่าย ไมย่ ุ่งยากซบั ซ้อน สิ่งท่อี งค์กรจะได้รบั เม่ือใช้ระบบน้ี คือ (1) ลดจานวนพนักงาน (2) องค์กรจะมีการบริการทส่ี ะดวกเรว็ (3) ลกู ค้ามจี านวนเพิม่ มากขึ้น *** ในระบบ TPS เกือบท้ังหมดใชก้ ารประมวลผลแบบออนไลน์ (ON - LINE) 2.5.2 ระบบสารสนเทศเพือ่ การจดั การ (Management Information System : MIS) เป็นระบบที่เก่ยี วข้องกับผู้บริหารทต่ี ้องการการประมวลผลของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ท่ีให้ผบู้ รหิ ารตดั สนิ ใจ วางแผน ควบคุมการปฏบิ ัติงานองคก์ ารไดอ้ ยา่ งถูกต้อง สามารถในการคานวณและเปรยี บเทยี บข้อมูล ซึง่ มีความหมายต่อการจัดการและบริหารงานสามารถสรา้ งสารสนเทศที่ถูกต้องและทันสมยั โดยท่วั ไป MIS มักรวมระบบ TPS เข้าไว้ดว้ ย 2.5.3 ระบบชว่ ยตัดสินใจ (Decision Support System : DSS) ระบบช่วยตดั สนิ ใจ หมายถงึ ระบบหนา้ ทท่ี าหน้าทจี่ ดั เตรียมสารเทศ เพ่ือช่วยในการตดั สินใจ หากเป็นการใช้โดยผูบ้ รหิ ารระดับสงู เรียกระบบน้ีว่า “ระบบสนับสนนุ การตดั สินใจเพอ่ืผบู้ รหิ ารระดับสูง” (Executive Support System : ESS) บางคร้ังสารสนเทศที่ TPS และ MIS ไม่สามารถช่วยให้ผู้บริหารตดั สินใจไดจ้ าเปน็ ต้องพฒั นาระบบช่วยตัดสินใจ DSS ขน้ึ เพอ่ื ช่วยในการตดั สินใจภายไต้ผลสรปุ และการเปรียบเทียบข้อมลู จากแหลง่ อื่น ทั้งภายในและองคก์ ร โดยเฉพาะอย่างยง่ิ เพอ่ื ช่วยในการตัดสนิ ใจท่ีไม่ได้คาดไว้ล่วงหนา้ เช่น การตัดสนิ ใจเก่ียวกับการรวมบรษิ ัทและการหาบรษิ ัทรว่ ม การขยายโรงงานงานผลติ ภณั ฑใ์ หม่ เป็นต้น 2.5.4 ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบกลมุ่ (Group Decision Support System: GDSS) เปน็ ระบบย่อยหนึ่งของระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ โดยทร่ี ะบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจจะชว่ ยผู้บรหิ ารในเรือ่ งการตัดสินใจในเหตุการณ์ หรอื กจิ กรรมทางธุรกจิ ทีไ่ ม่มีโครงสร้างแนน่ อน หรือกี่งโครงสร้าง ระบบสนบั สนุนการตดั สินใจอาจใช้คนคนเดียว หรือกลุ่ม นอกจากนั้นยงั มีระบบสนบั สนนุ ผบู้ ริหารเพอื่ ช่วยผู้บริหารตดั สนิ ใจในเชิงกลยทุ ธ
25 2.5.5 ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ ( Geographic Information System: GIS) เปน็ กระบวนการทางานเก่ยี วกับข้อมลู ในเชิงพื้นทด่ี ว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์ ทีใ่ ช้กาหนดขอ้ มูลและสารสนเทศ ที่มีความสัมพนั ธก์ บั ตาแหน่งในเชงิ พื้นที่ เชน่ ทอ่ี ยู่ บา้ นเลขที่ สมั พนั ธ์กบัตาแหนง่ ในแฟนที่ เส้นรุ้ง เสน้ แวง 2.5.6 ระบบสารสนเทศเพ่ือผู้บรหิ ารระดับสงู (Executive Information System : EIS) เป็นระบบสารสนเทศท่ีสรา้ งข้ึนเพอ่ื สนับสนนุ การตดั สินใจของผบู้ รหิ ารระดับสูงโดยเฉพาะ โดยเฉพาะช่วยให้ผบู้ ริหารระดับสูงทไี่ ม่คนุ้ เคยกับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์สามารถใชร้ ะบบสารเทศได้งา่ ยขน้ึ โดยใชเ้ มาส์เลือ่ นหรือจอภาพแบบสัมผัส เพอื่ เชื่อมโยงขา่ วสารระหว่างกัน 2.5.7 ปญั ญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI ) เป็นระบบทที่ าให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์กลายเป็นผู้ชานาญการในสาขาใดสาขาหน่งึ คล้ายกบั มนุษย์ ระบบนี้จะได้รบั ความรู้จากมนุษย์ผูเ้ ช่ียวชาญในสาขาใดๆ เก็บไวใ้ นระบบคอมพวิ เตอร์เพ่ือใหค้ อมพวิ เตอรส์ ามารถวิเคราะห์เหตผุ ล เพื่อตัดสินใจ ซ่ึงเปน็ ความสามารถเฉพาะท่ีทาใหร้ ะบบคอมพวิ เตอรส์ ามารถตดั สนิ ใจไดเ้ อง เช่น การวนิ ิจฉยั ความผิดพลาดของรถจักรดเี ซลไฟฟ้าโดยใช้คอมพิวเตอร์ ช่วยใหผ้ ูบ้ ริหารแกไ้ ขปัญหาหรอื ทาการตัดสนิ ใจไดดด้ ีขึ้น และระบบนจี้ ะช่วยในเรอ่ื งการจัดการความรู้มากกว่าสารสนเทศ 2.5.8 ระบบสานกั งานอัตโนมัติ (Office Automation System : OAS) เป็นระบบสารสนเทศทใี่ ชบ้ คุ ลากรน้อยที่สดุ โดยอาศัยเครื่องมือแบบอตั โนมัติและระบบส่อื สารเช่ือมโยงข่าวสารระหวา่ งเครอื่ งมือเหล่านน้ั เขา้ ด้วยกัน OAS มจี ุดมุง่ หมายให้เป็นระบบที่ ไม่ใช้กระดาษสง่ ขา่ วสารถึงกันดว้ ยขอ้ มูลทางอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange)แทนซึ่งมีรปู แบบการใชง้ าน 2 ลกั ษณะ คอื 1) รูปแบบของระบบงานพมิ พ์และการประมวลผลทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ได้แก่ การสื่อสารดว้ ยข้อความ รปู ภาพ E-mail FAX หรอื เสียงเปน็ ตน้ 2) รปู แบบการประชมุ ทางไกลดว้ ยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การประชุมทางไกลแบบมีแต่เสียง การประชมุ ทางไกลแบบมีทั้งภาพและเสยี ง เปน็ ต้น
262.6 องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ รูป 2.2 แสดงสว่ นประกอบของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศคอมพวิ เตอร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบหลกั 6 ส่วน คอื 2.6.1 ฮารด์ แวร์ (Hardware) หมายถงึ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณต์ ่อพว่ ง เชน่ แป้นพมิ พ์เมาส์ หนว่ ยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพมิ พ์ และอุปกรณ์อืน่ ๆ ฮาร์ดแวรจ์ ะทางานตามโปรแกรมหรอื ซอฟต์แวรท์ ี่เขยี นขนึ้ 2.6.2 ซอฟต์แวร์ (Software) บางครง้ั เรยี กว่าโปรแกรม หรอื ชดุ คาสั่งวตั ถปุ ระสงค์หลกั ของซอฟต์แวร์ท่สี ัง่ ให้ฮาร์ดแวรท์ างาน คือการประมวลผลขอ้ มลู (Data) ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ(Information) 2.6.3 ขอ้ มลู หรอื ข้อสนเทศ (Dataหรือ Information)ในการประมวลผลข้อมูล คอมพวิ เตอร์จะประมวลผลตามขอ้ มูล หรือข้อสนเทศที่ปอ้ นเขา้ สู่หน่วยรบั ข้อมูล ข้อมลู หมายถึง ข้อเทจ็ จรงิ ทไี่ ด้จากการรวบรวม ซึ่งอาจจะเป็นตวั เลข ข้อความ รูปภาพ หรอื เสียง เพ่ือให้ระบบคอมพิวเตอรท์ าการประมวลใหไ้ ดส้ ารสนเทศ สารสนเทศ หมายถงึ สิ่งทไ่ี ด้จากการประมวลผลแลว้ ซ่งึ ในในบางครงั้สารสนเทศอาจจะเป็นข้อมูลเพอ่ื การประมวลผลใหไ้ ด้ข้อสนเทศอีกอย่างหน่ึงก็ได้ เชน่ คะแนนสอบของนักศึกษาเปน็ ข้อมูล เม่ือผ่านการตัดเกรด จะไดเ้ กรดเป็นสารสนเทศ และเม่ือนาเกรดนกั ศึกษาไปคานวณหาคา่ เฉล่ีย เกรดของนักศกึ ษาจะเปน็ ข้อมูล และสารสนเทศที่ได้คือเกรดเฉลยี่ (GPA) 2.6.4 บคุ คลากร (Personal) หรือ ผู้ใช้ (User) โดยการทางานดว้ ยคอมพิวเตอร์ต้องมีคนผู้มีความร้คู วามสามารถ ความเข้าในในระบบสารสนเทศ และควบคุม ส่งั การ ทาใหร้ ะบบงานสารสนเทศทางานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2.6.5 กระบวนการทางาน (Procedure) เป็นข้นั ตอนการทางานเพ่ือใหไ้ ดผ้ ลลัพธห์ รือสารสนเทศเป็นระเบยี บวิธกี ารในการปฏิบตั ิงานของระบบเพ่ือให้ไดร้ ะบบสารสนเทศให้ตรงกบั ความตอ้ งการของหนว่ ยงาน เช่น กาหนดการป้อนข้อมูลทกุ วัน ข้อมลู มีการรายงานผลรายวนั รายสัปดาห์และรายเดือน หากระบบใดมีปัญหากจ็ ะทาให้ระบบทงั้ ระบบเกดิ ปัญหาได้
27 2.6.6 เครือข่ายและการสื่อสารข้อมลู (Network and Communication) คือการเช่อื มโยงระบบคอมพิวเตอร์เขา้ กับระบบการสื่อสารข้อมลู โดยใช้เครื่องมือการสื่อสารโทรคมนาคมเพือ่ ให้มีการติดตอ่ สอ่ื สารระหว่างกนั โดยการเช่ือมโยงอาจใช้สายเคเบิลชนิดตา่ ง ๆ รวมทั้งการเชือ่ มโยงในระบบไร้สาย หรือระบบดาวเทยี ม ระบบการส่ือสารที่ใหญ่ที่สดุ ในปจั จุบนั คือระบบอนิ เทอร์เนต็2.7 ความหมายของระบบเครือข่าย ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ เปน็ ระบบเชื่อมโยงระหว่างเคร่ืองคอมพวิ เตอรต์ ้ังแต่ 2 เครื่องข้ึนไปเพื่อการส่ือสารแลกเปล่ียนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกันได้ อีกความหมาย ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ ระบบการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ จานวนหลายๆ เคร่ือง เชื่อมโยงเข้ากับคอมพวิ เตอร์ ขนาดใหญท่ เี่ รียกวา่ โฮสต์ โดยผ่านสายเคเบิลชนิดต่างๆ โฮสต์คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บ และประเมินผลเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีการแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างไคลเอนท์กับโฮสต์ และเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ขนาดเลก็ สามารถเช่ือมต่อระหว่างกนั และทาให้เกดิ เปน็ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ได้ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หมายถึง กลุ่มของเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ตา่ งๆ ที่เช่ือมโยงเข้าด้วยกันอย่างเปน็ ระบบ มีระเบยี บแบบแผนเพ่ือใหค้ อมพวิ เตอร์ และอุปกรณ์เหล่าน้ันสามารถติดต่อสื่อสารข้อมูลกันได้ เครือข่ายคอมพิวเตอร์อาจเร่มิ ต้นจาก 2 เคร่อื ง ไปถึงหลายร้อย หลายพันเคร่ือง เช่ือมต่อเขา้ ด้วยกนั เพอ่ื แลกเปลี่ยนข่าวสาร เพ่ือใชฮ้ ารด์ แวร์ และซอฟต์แวรร์ ว่ มกนั รปู 2.3 แสดงการเชื่อมตอ่ แบบจุด ตอ่ จดุ ระหวา่ งเครอ่ื ง 2 เครื่อง รูป 2.4 แสดงการเชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คล กับปลายทางผ่านระบบโทรศัพท์
282.8 ประเภทของระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ วธิ กี ารกาหนดประเภทของระบบเครือข่าย คือ การพิจารณาระยะทางในการสื่อสารระหว่างผู้ส่งและผู้รบั ขอ้ มลู ซ่งึ จะแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) , เครือขา่ ยระดับเมือง (MAN) และ เครือข่ายระดับประเทศ หรือ ระยะไกล (WAN) ซึ่งแต่ละประเภทก็จะแบ่งออกเป็นหลายแบบ บางครั้งประเภทของระบบเครือข่ายก็เป็นแบบผสม เช่น ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตท่ีเห็นทุกวันนี้จะเป็นการเชื่อมต่อระบบเครือขา่ ยระยะไกลเข้ากับระบบเครือข่ายทอ้ งถิ่นกันเปน็ จานวนมาก 2.8.1 ระบบเครอื ขา่ ยท้องถนิ่ (LAN : local area network) เป็นระบบเครือข่ายที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณใกล้ๆ หรือ บริเวณที่มีขนาดเล็กเช่น ห้องทางานในอาคาร หรือ อาจครอบคลุมพ้ืนท่ีท้ังบริเวณสถานศึกษา ซึ่งเป็นพื้นที่ขององค์กรเพียงองค์กรเดียว จึงอาจเรียกว่าเครือข่ายองค์กร ข้อมูลทใี่ ชเ้ ป็นเฉพาะกลุม่ ทใี่ ช้งานในองค์กร ท่นี าระบบเครือข่ายท้องถ่ินมาใช้ รูป 2.5 แสดงระบบเครือข่ายท้องถนิ่ 2.8.2 ระบบเครือข่ายระดบั เมือง (MAN : metropolitan area network ) ระบบเครือข่ายระดับเมือง ถูกออกแบบมาให้มีการเช่ือมโยงเครือข่ายท้องถิ่นสองเครือข่ายเข้าด้วยกัน หรือ ระหว่างระบบเครือข่ายระยะไกล กับระบบเครือข่ายท้องถ่ิน รปู 2.6 แสดงการเช่อื มตอ่ เครอื ขา่ ยเมอื งในระบบเครือข่ายแบบบสั
29 2.8.3 ระบบเครือขา่ ยระยะไกล (WAN : Wide Area Network) ระบบเครือข่ายระยะไกล ประกอบด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ และเทอร์มินอลหลายเคร่ืองติดต้ังใช้งานอยู่ตามสถานที่ที่ห่างไกลกัน เช่น ห้างโลตัสมีสานักงานใหญ่ตั้งอยู่ท่ีกรุงเทพฯ แต่มีสาขาเปิดอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย ต้องใช้ระบบเครือข่ายระยะไกลในการเช่ือมต่อระบบคอมพิวเตอร์ของทุกสาขา เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ท่ีสานักงานใหญ่ระบบเครือข่ายประเภทนี้มักจะลดค่าใช้จ่ายในการเดินสายส่ือสารด้วยการใช้สายโทรศัพท์ รูป 2.7 แสดงระบบการเช่อื มโยงเครอื ข่ายระยะไกลผ่านสายโทรศพั ท์2.9 รูปแบบการเช่อื มตอ่ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย หรือ โทโปโลยีของระบบเครือข่าย คือ ลักษณะทางกายภาพภายนอกของเครือข่าย หมายถึง ลักษณะของการเช่ือมโยงสายส่ือสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ภายในเครือข่ายด้วยกันรูปแบบของเครือข่ายท้องถิ่น แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกัน จึงมีความจาเป็นท่ีเราจะต้องทาการศึกษาลักษณะและคุณสมบัติข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบ เพ่ือนาไปใช้ในการออกแบบพิจารณาเครือข่าย ใหเ้ หมาะสมกบั การใช้งานรูปแบบของโทโปโลยขี องเครือข่ายหลักๆ มดี งั ตอ่ ไปน้ี 2.9.1 รูปแบบเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology) รปู แบบเครือข่ายแบบวงแหวน จะเชือ่ มต่อกนั ดว้ ยสายสัญญาณจากโหนดหนง่ึ ไปยังอีกโหนดหนง่ึ ต่อกันไปเรอ่ื ย ๆ จนกระทั่งโหนดแรก และโหนดสดุ ทา้ ยกจ็ ะมกี ารเชื่อมโยงกนั ทาใหเ้ ปน็ลกั ษณะแบบลูป วงกลม วงแหวน โดยวงแหวนออกแบบมาเพ่อื ให้เครื่องผใู้ ช้แตล่ ะเคร่อื งเชอ่ื มต่อกับเคร่ืองผใู้ ช้ท่ีอยขู่ า้ ง รวมเป็นรูปวงแหวน โดยจะสง่ ขอ้ มูลไปในทศิ ทางเดยี วกันเสมอ และ เครื่องผู้ใช้
30แต่ละเคร่ือง ที่รับข้อมูลเข้ามาจะเก็บข้อมูล และอ่านข้อมูล ถ้าไม่ใช่ข้อมูลของตนเองจะสง่ ขอ้ มลูเดิมกลับไปในเครือขา่ ย และส่งต่อไปยังเครื่องในลาดบั ต่อไป เคร่ืองที่เป็นผู้รับข้อมลู จะทาการส่งขอ้ มลูตอบรับออกมาแทนท่ขี ้อมลู เดมิ รูป 2.8 แสดงรปู แบบการเชือ่ มต่อแบบวงแหวน 2.9.2 รปู แบบเครือขา่ ยแบบบัส (Bus Topology) รูปแบบเครือข่ายแบบบัส ใช้สายส่ือสารเส้นหนึ่งเป็นแกน หรือสายส่ือสารหลักเพือ่ ให้อปุ กรณ์ทุกชนดิ เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ทีป่ ลายสายทัง้ สองขา้ งจะมีอปุ กรณ์ท่ีติดต้ังไว้เรยี กว่าหมวก หรือ หัวปิดสาย (Terminator) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสัญญาณสะท้อนกลับ (Echo) ซึ่งจะย้อนกลับไปทาให้สัญญาณข้อมูลจริงเสียหาย ข้อแตกต่างท่ีสาคัญจากระบบเครือข่ายวงแหวนคอื ท่ีปลายสายของระบบบัสไม่ได้เชื่อมต่อเข้าดว้ ยกนั ข้อมูลท่สี ง่ ออกมาจากอุปกรณ์ตัวใดก็ตามจะถูกสง่ ออกไปตลอดทวั่ สายท้ังเสน้ รูป 2.9 แสดงการเชื่อมต่อรปู แบบบสั
31 รปู แบบเครือข่ายแบบบัสได้รับความนยิ มมากเนื่องจาก ราคาถกู ใช้สายสอื่ สารน้อยและงา่ ยต่อการติดตัง้ มากท่สี ุด เครือ่ งเซิร์ฟเวอรส์ ามารถเชอื่ มต่อเข้าทจี่ ดุ ใดในบัสกไ็ ด้ เครอ่ื งอ่ืนและอปุ กรณจ์ ะเชื่อมตอ่ เขา้ ด้วยกนั ในลกั ษณะเดียวกบั ระบบวงแหวน ยกเวน้ ที่ปลายสายจะติดต้ังหมวกปิดสายแทนที่จะเช่ือมต่อกันเป็นวงกลม ข้อดีของเครอื ขา่ ยแบบบสั 1) ถา้ เครื่องผใู้ ช้เครือ่ งหนึ่งหยดุ ทางาน อปุ กรณ์เชอ่ื มต่อยังทางานไดร้ ะบบก็สามารถทางานไดต้ อ่ ไป 2) ไดร้ ับความนยิ มสูง เนอื่ งจาก เป็นระบบเครือข่ายทมี่ ีราคาถกู 3) ประหยดั สายสอ่ื สาร เป็นเครอื ขา่ ยทใ่ี ชส้ ายส่อื สารน้อย ขอ้ เสียของเครือข่ายแบบบัส 1) การไหลของขอ้ มูลที่เป็น 2 ทศิ ทาง ถ้าเกิดความเสยี หายจะหาได้ยาก 2) โหนดท่ถี ดั ต่อไปจากจุดท่เี กดิ ความเสียหายจนถึงปลาย จะหยดุ ทางาน 3) ถ้าสายสื่อสารชารุดหรือขาดทาให้ระบบเครือข่ายท้ังระบบหยดุ ทางาน 2.9.3 รปู แบบเครอื ข่ายแบบดาว (Star Topology) รูปแบบเครือข่ายแบบดาว ประกอบด้วยอปุ กรณส์ ือ่ สารศูนยก์ ลาง เรยี กว่า ฮบั(Hub) อุปกรณ์ทงั้ หมดจะเช่ือมต่อตรงมายงั ศูนย์กลาง ข้อมูลแต่ละเคร่ืองจะต้องส่งมาท่ีฮับเพ่ือส่งต่อไปยังเคร่ืองผู้รับได้ทันที โดยไม่ต้องใช้การส่งผ่านเคร่ืองอ่ืน ๆ ในเครือข่าย รปู 2.10 แสดงระบบเครอื ขา่ ยแบบดาว ข้อดีการเชอ่ื มต่อรปู แบบดาว 1) ตดิ ตงั้ งา่ ย
32 2) การเชอ่ื มเครือ่ งคอมพวิ เตอรใ์ หม่ ทาได้งา่ ย และไมก่ ระทบกบั ระบบ 3) สง่ ขอ้ มูลไดป้ ริมาณมาก และตลอดเวลา 4) ถา้ เคร่ืองในเครอื ขา่ ยเสยี สามารถตรวจหาไดง้ ่าย 5) เป็นรูปแบบท่ีมีประสิทธภิ าพสูงขอ้ เสียการเชื่อมต่อรปู แบบดาว 1) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ท่ีทาหน้าทเ่ี ปน็ ศูนย์กลางมรี าคาแพง 2) ถา้ ศนู ย์กลาง เกิด ความเสียหายจะทาให้ทง้ั ระบบทาหยดุ ทางาน 3) ใช้สายสอ่ื สารมากกว่าแบบอ่นื
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: