แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า ชวี วิทยา 1 รหสั วชิ า ว30241 ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1/2565 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การศกึ ษาชวี วิทยา แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 3 เรอ่ื ง กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาและกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ครผู ูส้ อน นายสรุ ยิ า สุขมาเพยี ร จำนวน 4 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั สาระชีววทิ ยา มาตรฐาน ว 1 เขา้ ใจธรรมชาติของสง่ิ มีชีวิต การศึกษาชีววิทยาและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ สารที่ เป็นองคป์ ระกอบของส่งิ มีชีวติ ปฏกิ ริ ิยาเคมใี นเซลล์ของสิ่งมีชวี ติ กล้องจลุ ทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของ เซลล์ การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ ผลการเรยี นรู้ อภิปรายและบอกความสำคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐาน และ วิธกี ารตรวจสอบสมมติฐาน รวมทงั้ การออกแบบการทดลอง เพื่อตรวจสอบสมมติฐาน 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายและบอกความสำคญั ของสะเตม็ ศึกษาที่ใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมเพื่อใช้ใน การแกป้ ัญหาในชวี ิตจรงิ (K) 2. เปรยี บเทียบความเหมอื นหรือความแตกต่างระหว่างวิธีการทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม (K) 3. ออกแบบกิจกรรมตามแนวทางสะเต็มศกึ ษาโดยใช้กระบวนการเชิงวศิ วกรรม (P) 4. สนใจใฝ่รใู้ นการศกึ ษา และมีความรับผิดชอบ (A) 3. สาระสำคัญ สะเต็มศึกษาเป็นแนวทางการจัดการเรียนแบบหนึ่งที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ทักษะการคิด โดยเฉพาะทักษะการคดิ วิเคราะห์ ทักษะการคิดแก้ปัญหา และทกั ษะการคิดสร้างสรรค์ผ่านการทำกิจกรรม ที่มจี ดุ เรมิ ต้นจากการมองเห็นปัญหาทเี่ กิดขน้ึ ในชีวติ ประจำวนั ของนกั เรยี น และมีความต้องการจะแกป้ ัญหา นั้นๆโดยใช้องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ซึ่งการ แก้ปัญหานัน้ ๆ อาจนำไปสกู่ ารพฒั นานวัตกรรมในดา้ นต่าง ๆ ได้
4. เกณฑก์ ารประเมนิ ด้าน รายการวัด วิธกี ารประเมนิ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ความรู้ (K) การประเมิน การ ประเมิน ด้านทักษะ การประเมินก่อนเรียน - - กระบวนการ - แบบทดสอบก่อน - เรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ - ตรวจบนั ทึกสรปุ ใบ - แบบประเมิน คิด (P) ที่ 1 กิจกรรมในการทำ ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ระดับ ประเมนิ ช้นิ งาน / กจิ กรรม คุณภาพ 3 ดา้ น ภาระงาน - ประเมินการ - แบบประเมินการ ผ่านเกณฑ์ คุณลกั ษณะ ปฏิบตั กิ าร ปฏิบัตกิ าร - ระดับ การปฏิบตั ิการ คณุ ภาพ 3 (A) ผา่ นเกณฑ์ การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับ ผลงาน นำเสนอผลงาน คุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต - ระดบั รายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล พฤติกรรมการทำงาน คุณภาพ 3 รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต - ระดับ กล่มุ การทำงานกลุ่ม พฤตกิ รรมการทำงาน คุณภาพ 3 กลุ่ม ผ่านเกณฑ์ คณุ ลักษณะอนั พึง - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน - ระดับ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั คณุ ลกั ษณะอนั พงึ คณุ ภาพ 3 ในการทำงาน ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
5. เนือ้ หา สะเต็มศึกษา คือการศึกษาที่บูรณาการความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำ วันในรูปแบบการทำ กิจกรรมที่นักเรียนเป็นผู้ ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย การระบุปัญหา (problem identification) การรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา (related information search) ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา (solution design) การวางแผนและดำ เนินการแก้ปัญหา (planning and development) การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (testing, evaluation and design improvement) และการนำ เสนอวธิ ีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรอื ชนิ้ งาน (presentation) จุดประสงค์ของสะเต็มศึกษาเพื่อให้นักเรียนฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 เพอื่ การวางแผนในการทำงานและการแกป้ ญั หา 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ขน้ั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) 1. ครูให้นักเรียนดูภาพสิ่งประดิษฐ์ที่แสดงให้เห็นว่าในบางครั้งเรื่องที่ต้องการจะศึกษาไม่ได้ใช้ ความรูท้ างสาขาใดเพยี งแขนงเดยี วแตม่ ักจะเกยี่ วขอ้ งกับความร้ใู นแขนงอื่น ๆ ด้วย ดงั ภาพ 2. ครูส่มุ ใช้คำถามกบั นักเรียน เพอื่ กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี นวา่ นักเรียนคิดว่าที่เหยียบกด เจลแอลกอฮอร์เกิดจากการนำความรู้สาขาเกิดจากการนำความรู้สาขาวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ปัญหาอย่าง เดยี วหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ไม่ เพราะ ที่เหยียบกดเจลแอลกอฮอล์ มีการนำความรู้สาขาอื่นมาใช้ เช่น คณติ ศาสตร์เก่ียวกบั ขนาด วศิ วกรรมศาสตร์เกีย่ วกบั กลไกตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ) 3. ครใู ช้คำถามต่อว่า นักเรยี นทราบหรือไม่ วิชาท่ีศกึ ษาเก่ียวกับการนำความรู้ในหลายสาขาวิชา มาใช้ในการแก้ปญั หา คือวชิ าอะไร (แนวตอบ สะเต็มศกึ ษา) 4. ครูกล่าวว่า วันนี้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ กิจกรรมสะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบ เชิงวศิ วกรรม
ขน้ั สอน ข้นั ท่ี 2 สำรวจและค้นหา (exploration) เร่อื งที่ 1 สะเตม็ ศึกษาคอื อะไร 1. ครใู หน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน 2. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ ทำใบกจิ กรรม สะเต็มศึกษาคืออะไร หาตัวอย่างการสะเตม็ ศกึ ษามากล่มุ ละ 1 เร่ือง โดยใหน้ ักเรียนศกึ ษาชอ่ื เรอื่ ง วัตถปุ ระสงค์ ผลที่ได้ สรปุ และองคป์ ระกอบของการ ทำสะเต็มศกึ ษา 3. ครูใช้คำถามเชื่อมโยงความรู้ว่า การศึกษาตามแนวทางสะเต็มศึกษากับการศึกษาชีววิทยา มจี ดุ เรมิ่ ตน้ ทีเ่ หมอื นหรือแตกต่างกนั อย่างไร (แนวตอบ การศกึ ษาตามแนวทางสะเต็มศกึ ษากับการศึกษาชีววิทยา มีจดุ เร่ิมต้นที่เหมือนกัน คือ การสังเกต การเป็นคนช่างสงสัย การมองเห็นปัญหาแล้วเกิดเป็นคำถาม และนำไปสู่การศึกษาเพื่อ แกป้ ญั หานน้ั ) เรื่องที่ 2 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 1. ครใู ห้นกั เรยี นจับคู่กัน 2 คน 2. ครูให้นักเรียนคนที่ 1 ศึกษาเรื่องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคนที่ 2 ศึกษาเรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 3. ครใู หน้ กั เรยี นทจ่ี ับคู่กัน แลกเปล่ียนขอ้ มูลท่ไี ดศ้ กึ ษามา 4. ครูใหน้ กั เรียนทจ่ี บั คู่กันช่วยกันเปรียบเทยี บความเหมือนหรอื ความแตกตา่ งระหว่างวิธีการทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 5. ครูนำวีดิทัศน์กิจกรรมสะเต็มศึกษามาให้นักเรียนดู เพื่อให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการ ออกแบบเชิงวศิ วกรรม เร่อื งท่ี 3 ถวั่ งอกสรา้ งอาชีพ 1. ครูใหน้ ักเรียนจบั กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน 2. ครใู ห้นักเรียนอ่านกิจกรรม ถว่ั งอกสร้างอาชีพ ใหเ้ ขา้ ใจและตอบคำถามก่อนทำกิจกรรม 2.1 ตัวแปรตน้ ของการทดลองไดแ้ ก่อะไรบ้าง (แนวตอบ น้ำ หรือความชนื้ แกส๊ ออกซิเจน อณุ หภูมิแสง) 2.2 ตวั แปรตามของการทดลองได้แก่อะไรบา้ ง (แนวตอบ ลักษณะของถั่วงอกท้งั 3 แบบ ไดแ้ ก่ ถว่ั งอกที่มลี กั ษณะผอมยาวตรง ถั่วงอกท่ี มีลักษณะอวบส้ัน ถ่ัวงอกทม่ี ีใบสเี ขยี ว)
2.3 ปัจจัยท่ีมีผลต่อการงอกของเมลด็ พชื ที่นำมาเพาะไดแ้ ก่อะไรบา้ ง (แนวตอบ ปัจจัยภายนอก คือ น้ำ หรือความชื้น แก๊สออกซิเจน อุณหภูมิแสง การพักตวั ของเมล็ด โครงสรา้ งของเมลด็ และปัจจัยภายใน คือ ฮอรโ์ มนพืช หรอื สารควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตของพชื ) 3. ให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ลงมอื ทำกิจกรรม ขัน้ สรุป ข้ันท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) เรอื่ งที่ 1 สะเต็มศกึ ษาคอื อะไร 1. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานของตนหน้าช้ันเรยี น 2. ครูอภปิ รายเพิ่มเติมเก่ียวกบั สะเต็มศึกษา โดย PowerPoint เรื่องที่ 2 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 1. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานของตนหน้าช้ันเรียน 2. ครูให้นักเรียนวเิ คราะห์ขอ้ มลู ของนกั เรยี นแตล่ ะคู่ จากนั้นถามคำถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนตอบและ อภปิ รายรว่ มกบั ครู 2.1 ข้อมลู ของแต่ละคูเ่ หมอื นเพ่อื นหรอื ไม่ แตกต่างกันอยา่ งไร (แนวตอบ พจิ ารณาคำตอบของนกั เรยี น) 2.2 วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์กับการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเหมอื นหรือแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ พิจารณาคำตอบของนักเรียน แนวคำตอบดังนี้ กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรมมีขั้นตอนต่างๆ คล้ายคลึงกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งวิธีการทำกิจกรมมเหล่านี้จะใช้เป็น เครื่องมือในการศึกษาหรือการทำกิจกรรม เพื่อค้นหาคำตอบ และแก้ปัญหาเช่นเดียวกันแต่ในส่วนของ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมกี ารประยกุ ตใ์ ชก้ บั ศาสตรค์ วามรู้ทีห่ ลากหลายและรอบดา้ นมากกว่า) 3. ครูอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเปรียบเทียบความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างวิธีการทาง วิทยาศาสตรแ์ ละกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม โดย PowerPoint เรือ่ งที่ 3 ถั่วงอกสรา้ งอาชีพ 1. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานของตนหน้าชัน้ เรยี น 2. ครใู หน้ ักเรยี นวเิ คราะหข์ อ้ มลู ของนักเรยี นแต่ละกลุ่ม จากนน้ั นกั เรียนอภิปรายรว่ มกับครู ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคิดปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน และคิดว่าจะประดิษฐ์ชิ้นงานอะไร เพอ่ื ท่ีจะแก้ปญั หา โดยใช้หลกั คิดของสะเต็มศกึ ษา
ขนั้ ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) 1. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง กิจกรรมสะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียนรายวชิ าเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ชวี วิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 เลม่ 1 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ของสถาบนั ส่งเสรมิ การเรยี นการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ 2. สอ่ื นำเสนอ Power point เรอื่ ง กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 8. ประเมนิ การเรยี นรู้ ครูประเมินผลการเรยี นรูข้ องนกั เรียน ดังน้ี 1. ประเมินความรู้ เรื่อง กิจกรรมสะเต็มศึกษาและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ดว้ ยแบบทดสอบเลอื กตอบ 3. ประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมรวบรวมขอ้ มลู 4. ประเมินความสามารถในการสบื ค้น 5. ประเมินทกั ษะการทำงานกล่มุ และความใฝ่เรียนรู้ด้วยแบบประเมินกระบวนการกลุ่ม การดำเนินการทดลอง และความใฝ่เรยี นรู้
บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ รายวิชา..................................................................ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ …../......... ภาคเรียนที่ ……….../………. แผนการจดั การเรยี นรู้ที่.......เรอื่ ง............................................................................................เวลา.......ช่ัวโมง 1. จำนวนนักเรียนท่ีใชส้ อน ระดับช้นั จำนวนนกั เรยี น(คน) มัธยมศกึ ษาปีท.่ี ......../......... 2. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) 1. .............………………………………………………………………………………………………………………………… 2. .............………………………………………………………………………………………………………………………… ผา่ นเกณฑ์............... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.......... % ดา้ นคณุ ลักษณะ(P) ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ......................................................................... 1. ……………………………………………………………………………………………………………………….…………… 2. ……………………………………………………………………………………………………………………….…………… ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ด.ี .........คน ผา่ นเกณฑ์ระดบั พอใช้...........คน ไม่ผา่ นเกณฑ.์ ..........คน ดา้ นทักษะ(A) 1. ……………………………………………………………………………………………………………….………………… 2. ………………………………………………………………………………………………………………..……………….. ผ่านเกณฑร์ ะดบั ด.ี .........คน ผ่านเกณฑร์ ะดับพอใช้...........คน ไม่ผ่านเกณฑ.์ ..........คน 4. ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ .......................................................... ลงชอื่ .......................................................... (นายสุริยา สุขมาเพียร) (นางสาวดวงพร เขียวพระอนิ ทร)์ ครปู ระจำวชิ า (ครพู ่เี ล้ียง) นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครู
ใบกจิ กรรม สะเต็มศกึ ษาคอื อะไร ชอ่ื ................................................................ช้นั ...................เลขท่.ี .......... ชื่อ................................................................ชน้ั ...................เลขท่.ี .......... ชอ่ื ................................................................ชนั้ ...................เลขที่........... ชอื่ ................................................................ชั้น...................เลขที่........... ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ หาตัวอย่างการสะเตม็ ศกึ ษามากลุม่ ละ 1 เร่ือง โดยใหน้ ักเรียนศึกษาช่ือเรื่อง วัตถปุ ระสงค์ ผลท่ไี ด้ สรุป และองค์ประกอบของการทำสะเต็มศึกษา ชื่อเรอ่ื ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วัตถุประสงค์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลทไ่ี ด้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… องค์ประกอบของการทำสะเตม็ ศกึ ษา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบกิจกรรม สะเต็มศึกษาคอื อะไร เฉลย ชอ่ื ................................................................ชน้ั ...................เลขท่ี........... ชอ่ื ................................................................ชั้น...................เลขท.ี่ .......... ชอ่ื ................................................................ชั้น...................เลขที่........... ชือ่ ................................................................ชน้ั ...................เลขท.ี่ .......... ใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ หาตัวอย่างการสะเตม็ ศึกษามากลมุ่ ละ 1 เรื่อง โดยใหน้ กั เรียนศึกษาชือ่ เร่ือง วตั ถปุ ระสงค์ ผลที่ได้ สรปุ และองคป์ ระกอบของการทำสะเต็มศึกษา ชือ่ เรือ่ ง ……………………………………(ขน้ึ อยกู่ บั เรอ่ื งทีน่ ักเศกึ ษา)................................................................................... วตั ถุประสงค์ ……………………………………(ข้ึนอยู่กับเร่อื งที่นกั เศกึ ษา)................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ผลที่ได้ ……………………………………(ขนึ้ อยู่กบั เร่ืองทนี่ ักเศกึ ษา)................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... สรุป ……………………………………(ขนึ้ อยกู่ ับเรื่องทน่ี กั เศึกษา)................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... องคป์ ระกอบของการทำสะเตม็ ศึกษา ……………………………………(ขึ้นอยกู่ บั เร่ืองท่ีนักเศกึ ษา)................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................
ใบกิจกรรม เปรียบเทียบวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์กบั การออกแบบเชิงวศิ วกรรม ชือ่ ................................................................ชั้น...................เลขท.่ี .......... ช่ือ................................................................ชั้น...................เลขท.ี่ .......... 1.วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ มีออะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ขัน้ ตอนกระบวนการการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. เปรยี บเทียบวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์กับการออกแบบเชิงวศิ วกรรมเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย ใบกิจกรรม เปรยี บเทียบวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์กบั การออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ชื่อ................................................................ชนั้ ...................เลขที่........... ชือ่ ................................................................ชั้น...................เลขท่ี........... 1.วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ มีอะไรบ้าง (แนวการตอบคำถาม วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ( Scientific Method ) หมายถึง การแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ อย่างมกี ระบวนการทีเ่ ป็นแบบแผนมีขน้ั ตอนทส่ี ามารถปฏบิ ัตติ ามได้ โดยข้ันตอนวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ที่ เปน็ เครอื่ งมือสำคญั ของนักวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย 5 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ 1. ขน้ั กำหนดปญั หา สำคญั ทวี่ ่าการแก้ปญั หา จะต้องคำนงึ วา่ ปญั หาเกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร ปัญหาเกดิ จากการสังเกต การ สังเกตเปน็ คณุ สมบตั ิของนกั วทิ ยาศาสตร์ การสงั เกตอาจจะเร่ิมจากสง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั เรา อาจจะเป็น ปรากฏการณธ์ รรมชาตหิ รอื การเจริญเติบโตของสิ่งมชี วี ิต การสังเกตเป็นขนั้ แรกทส่ี ำคญั นำไปสขู่ ้อเทจ็ จรงิ บางประการ และมีสว่ นใหเ้ กดิ ปญั หา การสงั เกตจงึ ควรสังเกตอยา่ งรอบคอบ ละเอียดถีถ่ ้วน ดงั น้นั ในการ ตง้ั ปญั หาที่ดี ควรจะอยู่ในลกั ษณะทน่ี า่ จะเป็นไปได้ สามารถตรวจสอบหาคำตอบได้ง่าย และยึดข้อเทจ็ จริง ตา่ ง ๆ ท่ีรวบรวมมาได้ 2. ขั้นต้งั สมมตฐิ าน สมมตฐิ านมีคำตอบท่อี าจเปน็ ไปได้ และคำตอบที่ยอมรับวา่ ถูกต้องเชอ่ื ถอื ได้ เม่ือมีการพสิ ูจน์ หรือ ตรวจสอบ 3. ขัน้ ตรวจสอบสมติฐาน เม่อื ตง้ั สมมตฐิ านแลว้ หรอื คาดเดาคำตอบหลาย ๆ คำตอบไวแ้ ลว้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ขั้นตอ่ ไป คือ ตรวจสอบสมมติฐาน ในการตรวจสอบสมมตฐิ านจะต้องยดึ ขอ้ กำหนดสมมติฐานไว้เป็นหลัก เสมอ เนอ่ื งจากสมมติฐานท่ีดีได้แนะลูท่ างการตรวจสอบและการออกแบบการตรวจสอบไว้แลว้ 4. ข้ันวเิ คราะห์ข้อมูล เป็นข้ันทีน่ ำข้อมูลทีไ่ ด้จากการสงั เกต การคน้ คว้า การทดลอง หรอื การรวบรวมขอ้ มลู หรือ ขอ้ เทจ็ จรงิ มาทำการวเิ คราะห์ผล อธิบายความหมายของขอ้ เทจ็ จริง แล้วนำไปเปรียบเทยี บกบั สมมติฐาน ท่ีตง้ั ไว้ ว่าสอดคล้องกบั สมมตฐิ านขอ้ ใด 5. ขัน้ สรุปผล เป็นขน้ั สรปุ ผลทไ่ี ดจ้ ากการทดลอง การคน้ คว้ารวบรวมขอ้ มูล สรปุ ข้อมูลทีไ่ ด้จากการสงั เกตหรือ การทดลองว่าสมมติฐานขอ้ ใดถูก พรอ้ มทัง้ สรา้ งทฤษฎที ี่จะใช้เป็นแนวทางสำหรบั อธบิ ายปรากฏการณอ์ ื่น ๆ ท่ีคล้ายกัน และนำไปใชป้ รับปรงุ ชีวติ ความเป็นอยขู่ องมนษุ ยใ์ หด้ ขี ึน้ )
2. ขั้นตอนกระบวนการการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม (แนวการตอบคำถาม กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม มี 6 ขน้ั ตอน 1. ระบุปญั หา (Problem Identification) เปน็ ส่วนของการที่เราจะต้องทำความเขา้ ใจกับ ปัญหา เพื่อที่จะได้ข้อมูล มาใช้เพื่อกำหนดขอบเขตของปัญหาเพื่อที่จะนำไปสู่การหาแนวทางใน การแกป้ ัญหา 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ีเกยี่ วข้องกับปัญหา (Related Information Search) เป็น การรวบรวมขอ้ มลู ด้วยวธิ กี ารทางตา่ ง ๆ และสรปุ เป็นแนวคดิ ทีจ่ ะนำไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา 3. ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา (Solution Design) เป็นการประยุกตใ์ ช้ข้อมูลและแนวคิดท่ี เกยี่ วข้องเพอื่ การออกแบบช้ินงานหรือวิธกี ารในการแก้ปัญหา โดยคำนงึ ถงึ ทรพั ยากร ขอ้ จำกดั และ เงื่อนไขตามสถานการณท์ ่กี ำหนด 4. วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (Planning and Development) เป็นการกำหนด ลำดับขั้นตอนของการสร้างชิ้นงานหรือวิธีการ แล้วลงมือสร้างชิ้นงานหรือพฒั นาวิธีการเพื่อใช้ใน การแกป้ ญั หา 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Testing, Evaluation and Design Improvement) เป็นการทดสอบและประเมินการใช้งานของช้ินงาน หรอื วิธีการ โดยผลทไ่ี ด้อาจนำมาใชใ้ นการปรบั ปรุงและพฒั นาใหม้ ปี ระสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้ อยา่ งเหมาะสมทส่ี ุด 6. นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน (Presentation) เป็นการ นำเสนอแนวคดิ และขน้ั ตอนการแกป้ ัญหาของการสร้างช้นิ งานหรอื การพัฒนาวธิ กี าร ให้ผอู้ ืน่ เข้าใจ และได้ขอ้ เสนอแนะเพือ่ การพัฒนาต่อไป) 3. เปรยี บเทยี บวิธีการทางวิทยาศาสตรก์ ับการออกแบบเชิงวิศวกรรมเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร (พิจารณาคำตอบของนกั เรยี น แนวคำตอบดังน้ี กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมมีข้ันตอนตา่ งๆ คล้ายคลงึ กบั วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งวธิ ีการทำกจิ กรมมเหลา่ น้ีจะใช้เป็นเครอ่ื งมอื ในการศกึ ษาหรือการ ทำกิจกรรม เพ่ือคน้ หาคำตอบ และแกป้ ญั หาเช่นเดียวกนั แต่ในส่วนของกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม มีการประยกุ ต์ใชก้ ับศาสตรค์ วามรทู้ ี่หลากหลายและรอบด้านมากกว่า)
ใบกจิ กรรม ถั่วงอกสรา้ งอาชีพ ช่อื ................................................................ชนั้ ...................เลขที่........... ช่อื ................................................................ชั้น...................เลขที.่ .......... ชื่อ................................................................ชั้น...................เลขท.่ี .......... ชือ่ ................................................................ชั้น...................เลขที่........... 1. จากสถานการณ์ทกี่ ำหนดให้ และเง่อื นไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ออกแบบการทดลองและทดลองเพาะถ่วั งอกเพอื่ ใหไ้ ด้ถั่วงอกตามลกั ษณะทต่ี ้องการ 2.1 ตวั แปรตน้ ของการทดลอง คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ตวั แปรตามของการทดลอง คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ปจั จยั ท่ีมผี ลต่อการงอกของเมลด็ พชื ท่นี ำมาเพาะ ปัจจัยภายนอกคอื ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัจจัยภายในคือ .........................................................................................................................................................................
3. ระบแุ นวคิดท่ีใช้ในการออกแบบอุปกรณเ์ พาะถ่ัวงอก ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วาดภาพชดุ การปลกู ทีไ่ ดจ้ ากการออกแบบ พร้อมระบเุ หตผุ ลที่เลอื กใชว้ ัสดุและอุปกรณช์ นดิ นั้น ๆ 5. ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ถ่วั งอก ถว่ั เขยี วทีใ่ ชจ้ รงิ ถั่วงอก ลกั ษณะถวั่ งอก ถัว่ เขียวเรม่ิ ตน้ ท่ตี อ้ งการ (กโิ ลกรมั ) ทีไ่ ดจ้ ากการเพาะ (กิโลกรมั ) (กโิ ลกรมั ) (กิโลกรัม) ผอมยาว ตรง 0.5 อวบสั้น 0.5 ใบสีเขียว 0.5 6. ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการเพาะถ่วั งอกแต่ละแบบ ลักษณะถัว่ งอก ปัจจัยที่ทำให้ไดถ้ ั่วงอกตามลักษณะทตี่ ้องการ ผอมยาว ตรง อวบส้ัน ใบสีเขียว
7. จากการทำกิจกรรมจงตอบคำถามต่อไปนี้ 7.1 วิธีการทำกิจกรรมคำนวณต้นทนุ ในการผลิตอย่างไร 7.2. ในการเพาะถั่วงอกครง้ั นไี้ ดก้ ำไรหรอื ขาดทนุ อยา่ งไร อธบิ าย 7.3 ในกรณที ข่ี าดทุนมวี ธิ ีทำกิจกรรมอยา่ งไร ท่จี ะทำให้ได้กำไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบกจิ กรรม ถั่วงอกสรา้ งอาชีพ เฉลย ช่อื ................................................................ช้ัน...................เลขที่........... ช่อื ................................................................ช้ัน...................เลขท่ี........... ชอ่ื ................................................................ชั้น...................เลขที่........... ช่อื ................................................................ชัน้ ...................เลขที่........... 1. จากสถานการณ์ทกี่ ำหนดให้ระบปุ ญั หา และเงื่อนไข (ปญั หา การเพาะถัว่ งอกผู้เพาะไมม่ เี วลารดนำ้ และตอ้ งการเพาะถวั่ งอกใหม้ ี 3 ลักษณะไดแ้ ก่ 1. ถั่วงอกทีม่ ีลกั ษณะผอมยาว ตรง 2. ถวั่ งอกที่มีลักษณะอวบสนั้ 3. ถว่ั งอกท่มี ีใบสีเขียว ภายใต้เง่ือนไข ดงั นี้ กำหนดให้ถว่ั เขยี วเรม่ิ ต้น 0.5 กโิ ลกรมั และมีพื้นทีส่ ำหรบั เพาะถว่ั งอก 0.5 ตารางเมตร ให้ไดก้ ำไร จากการขายมากท่ีสุด และการเพาะถ่วั งอกในครง้ั นผ้ี ู้เพาะไม่มีเวลารดน้ำด้วยตนเอง ซ่งึ โดยทั่วไปถว่ั งอก ตอ้ งการน้ำ ทกุ ๆ 2-3 ชัว่ โมง ถว่ั งอกท่ีเพาะไดต้ ้องมีลักษณะดงั นี้ 1. ถว่ั งอกท่ีมีลักษณะผอมยาว ตรง อย่างนอ้ ย 0.5 กโิ ลกรัม 2. ถว่ั งอกทมี่ ีลักษณะอวบสั้น อยา่ งนอ้ ย 0.5 กิโลกรัม 3. ถ่ัวงอกที่มีใบสีเขยี ว อย่างน้อย 0.5 กิโลกรมั ***โดยกำ หนดให้ถัว่ เขยี ว 0.5 กโิ ลกรัม สามารถเพาะเป็นถว่ั งอกได้ประมาณ 3 กิโลกรมั ) 2. ออกแบบการทดลองและทดลองเพาะถัว่ งอกเพอ่ื ใหไ้ ด้ถวั่ งอกตามลกั ษณะทตี่ อ้ งการ 2.1 ตัวแปรตน้ ของการทดลอง คือ (นำ้ หรอื ความชน้ื แกส๊ ออกซเิ จน อณุ หภมู ิแสง) 2.2 ตวั แปรตามของการทดลอง คอื (ลกั ษณะของถ่ัวงอกท้งั 3 แบบ ได้แก่ 1. ถัว่ งอกท่ีมลี ักษณะผอมยาวตรง 2. ถัว่ งอกที่มีลักษณะอวบสัน้ 3. ถ่วั งอกทม่ี ีใบสีเขียว) 2.3 ปจั จัยท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ดพชื ทีน่ ำมาเพาะ ปัจจยั ภายนอกคือ (น้ำ หรือความช้นื แกส๊ ออกซเิ จน อณุ หภมู ิแสง การพกั ตวั ของเมล็ด โครงสร้าง ของเมลด็ ). ปจั จัยภายในคือ (ฮอรโ์ มนพืช หรอื สารควบคมุ การเจรญิ เติบโตของพืช)
3. ระบแุ นวคดิ ท่ใี ช้ในการออกแบบอุปกรณเ์ พาะถั่วงอก (ข้นึ อยกู่ ับนกั เรยี นแต่ละคน) 4. วาดภาพชดุ การปลกู ที่ไดจ้ ากการออกแบบ พร้อมระบเุ หตผุ ลทีเ่ ลอื กใช้วัสดุและอุปกรณช์ นดิ นัน้ ๆ 5. ตารางบันทึกผลการทดลอง ถ่ัวงอก ถัว่ เขยี วท่ใี ชจ้ ริง ถ่วั งอก ลกั ษณะถว่ั งอก ถ่วั เขยี วเรม่ิ ต้น ที่ตอ้ งการ (กิโลกรมั ) ท่ีได้จากการเพาะ (กิโลกรมั ) (กโิ ลกรมั ) (กโิ ลกรมั ) ผอมยาว ตรง 0.5 อวบสั้น 0.5 ใบสเี ขียว 0.5 6. ปจั จัยทมี่ ีผลต่อการเพาะถัว่ งอกแต่ละแบบ ลักษณะถัว่ งอก ปจั จยั ที่ทำให้ได้ถั่วงอกตามลักษณะทตี่ ้องการ ผอมยาว ตรง อวบส้ัน ใบสเี ขียว
7. จากการทำกิจกรรมจงตอบคำถามต่อไปนี้ 7.1 วิธีการทำกิจกรรมคำนวณต้นทนุ ในการผลิตอย่างไร 7.2. ในการเพาะถั่วงอกครง้ั นไี้ ดก้ ำไรหรอื ขาดทนุ อยา่ งไร อธบิ าย 7.3 ในกรณที ข่ี าดทุนมวี ธิ ีทำกิจกรรมอยา่ งไร ท่จี ะทำให้ได้กำไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง ธรรมชาติของส่ิงมชี ีวิต คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดไม่ใชเ่ กณฑ์ที่ใช้พิจารณาวา่ สงิ่ ตา่ งๆ เป็นสง่ิ มชี ีวติ หรอื ไม่ ก. มหี ลายเซลล์ ข. มกี ารสืบพนั ธ์ุ ค. มีการเจรญิ เตบิ โต ง. มีการตอบสนองต่อสิ่งเรา้ 2. สิ่งมีชวี ิตกบั ส่งิ ไมม่ ีชวี ิตมีความเหมือนกนั อยา่ งไร ก. มกี ารสบื พนั ธ์ุ ข. มีการใชพ้ ลังงานจากแสง ค. มีกระบวนการเมแทบอลิซึม ง. ประกอบด้วยไปอะตอมและโมเลกุล 3. พจิ ารณาตัวเลือกว่าขอ้ ใดต่างจากขอ้ อืน่ ก. การแตกหน่อของไฮดรา ข. การสรา้ งสปอรข์ องเชือ้ รา ค. มีกระบวนการเมแทบอลซิ มึ ง. การงอกขาท่ขี าดไปของซาลามานเดอร์ 4. โครงสรา้ งใดมีบทบาทในการรกั ษาสมดุลนำ้ ในพืช ก. กิง่ ข. ราก ค. ปากใบ ง. เนื้อเย่อื ปลายยอด 5. หากนกั เรียนต้องการศึกษาเกยี่ วกบั จลุ ินทรีย์ นกั เรยี นจะเลอื กศกึ ษาแขนงวชิ าใด ก. cytology ข. ecology ค. evolution ง. microbiology
6. ปัจจุบันมีการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและปรบั ปรุงพันธ์ุพืชเปน็ จำนวนมาก นักเรียนคิดว่าเปน็ การใช้ ประโยชนท์ างชวี วิทยาสาขาใด ก. genetic ข. cytology ค. biochemistry ง. biotechnology 7. ขอ้ ใดเรยี งลำดับขั้นตอนของกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ด้ถูกต้อง ก. การสงั เกต การกำหนดปญั หา การตัง้ สมมติฐาน การทดลอง การสรปุ ผล ข. การตั้งสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การเก็บรวมรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลการ สรุปผล ค. การกำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การเก็บรวมรวมข้อมูล การ สรุปผล ง. การกำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การเก็บรวมรวมข้อมูลและ วเิ คราะหข์ ้อมูล การสรปุ ผล 8. การทดสอบสมมติฐานที่ว่า หนูสามารถต้านทานไวรัสชนิดหนึ่งได้จริงหรือไม่ ผู้ทำการทดลองควรแบ่ง สตั ว์ในการทดลองอยา่ งไร ก. แบง่ ออกเปน็ 1 กลมุ่ และฉีดสารละลายทม่ี ีไวรัส ข. แบ่งออกเปน็ 1 กล่มุ และฉีดสารละลายท่ีไม่มไี วรัส ค. แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ฉีดสารละลายที่มีไวรัสที่ต้องการศึกษา ส่วนกลุ่มที่ 2 ฉีด สารละลายทไ่ี มม่ ไี วรัส ง. แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ฉีดสารละลายที่มีไวรัสที่ต้องการศึกษา ส่วนกลุ่มที่ 2 ฉีด สารละลายที่มไี วรสั อีกชนิดหน่ึง 9. หากจำแนกสง่ิ มีชวี ติ โดยใช้การสรา้ งอาหารเปน็ เกณฑ์ ส่งิ มชี ีวติ ในขอ้ ใดต่อไปนตี้ ่างจากพวก ก. รา ยสี ต์ ข. เห็ด จุลินทรยี ์ ค. อะมบี า พารามีเซียม ง. สาหรา่ ยสแี ดง สาหรา่ ยสเี ขยี ว 10. ข้อใดตอ่ ไปน้กี ลา่ วไมถ่ กู ตอ้ งเก่ียวกบั การตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ก. การหาอาหารถอื เปน็ การตอบสนองอยา่ งหนง่ึ ข. การตอบสนองเกดิ ข้ึนเพียงครัง้ ละหนึ่งรูปแบบ ค. การตอบสนองอาจเกดิ ขึ้นหลายรูปแบบในเวลาเดยี วกนั ง. การตอบสนองเกดิ ขน้ึ เพอ่ื การปรบั ตัวใหเ้ หมาะสมตอ่ สภาพแวดล้อม
11. สมมตฐิ านท่ดี คี วรมีลกั ษณะอย่างไร ก. สามารถตรวจสอบได้ดว้ ยการทดลอง ข. เขา้ ใจได้งา่ ย ไมม่ คี วามชัดเจนมาก และมีเพียงขอ้ เดียว ค. อธบิ ายปญั หาได้ชัดเจน และนำไปส่กู ารตรวจสอบได้หลายวิธี โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบด้วย การทดลอง ง. ไม่จำเป็นตอ้ งมีขอบเขตทีช่ ัดเจน ซึ่งสามารถตั้งสมมตฐิ านได้อย่างกว้างๆ โดยไม่ต้องครอบคลุม ข้อมลู ตา่ งๆ 12. ขอ้ เท็จจรงิ ทน่ี ำมากำหนดปัญหาในกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์น้นั ได้มาโดยอาศัยทกั ษะใด ก. การสังเกต ข. การวิเคราะห์ ค. การลงข้อสรปุ ง. การต้ังสมมติฐาน 13. ข้อใดตอ่ ไปน้ีผิดหลักชวี จรยิ ธรรมในการใช้สัตวท์ ดลองท่ีสุด ก. ก้อยฉีดฮอร์โมนกระตุน้ การตกไข่ใหป้ ลาที่เลี้ยงไวเ้ พือ่ ขาย ข. เมยท์ ดลองเกย่ี วกับสารปฏิชวี นะ โดยใช้หนูในการทดลองในจำนวนท่ีน้อยที่สุด ค. เหมียวตดั เส้นประสาทเพื่อระงับความรู้สึกของกบกอ่ นการผ่ากบเพ่ือศึกษาระบบต่างๆ ง. ใหมท่ ดลองใช้ผลติ ภัณฑ์ลดรอยคลำ้ รอบดวงตาท่ีคิดค้นขึ้นเองกบั กระต่าย จนกระตา่ ยตาบอด 14. ลกั ษณะของสิ่งมีชวี ิตข้อใดทใ่ี ช้จำแนกไวรัสออกจากส่ิงไม่มชี ีวิต ก. มกี ารสบื พนั ธ์ุ ข. ตอ้ งการสารอาหารและพลงั งาน ค. มกี ระบวนการเมทาบอลซิ ึม ง. มกี ารขับถา่ ย 15. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การตอบสนองตอ่ สิ่งเร้า ก .การดอกเข้าหันหาดวงอาทติ ย์ของทานตะวนั ข. การท่รี ากของพืชเคล่อื นเข้าหาแหลง่ น้ำ ค. การหุบของใบไมยราพ ง. การทีด่ อกมะเขือห้อยลง 16. การศกึ ษาวชิ าชวี วทิ ยา เกิดประโยชนต์ ่อมนุษยโลกดา้ นใดบา้ ง ก. การแพทย์และสาธารณสุข ข. โภชนาการ ค. พลงั งาน และเชือ้ เพลิง ง. ถูกทุกข้อ
17. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ ความหมายของ ชีวจริยธรรม ไดถ้ กู ต้องที่สุด ก. การมคี วามเมตตาต่อสตั วท์ ี่จะนำมาทาการทดลอง ข. การปฏิบตั ิต่อสงิ่ มชี วี ติ อย่างมีคณุ ธรรม เพ่อื การศึกษาหรอื วิจัย โดยไม่ทำ อันตรายต่อสัตว์ ถ้าไม่ จำเป็น ค. หลักความประพฤติอันเหมาะสมของนักชีววิทยา โดยแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมในการ ปฏบิ ัติงาน ง. การใชส้ ัตว์ทดลอง จำนวนทีน่ อ้ ยทส่ี ดุ เพื่อให้ได้ความรู้ให้มากท่ีสดุ เพ่อื ลดความสญู เสยี 18. รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ของบประมาณกว่าแสนล้านบาทในการวิจัยผลิตวัคซีนป้องกันโรค Covid-19 แต่นายกรัฐมนตรีไม่ให้ เพราะต้องนำเงินจำนวนนี้ไปดำเนินนโยบายอื่น อะไรเป็นสิ่งที่ นายกรฐั มนตรีควรตระหนักเปน็ อันดับแรก ก. ชวี ิตคนมีคา่ กว่าผลประโยชนอ์ ่ืน ข. ถา้ ใหง้ บแก่กระทรวงสาธารณสขุ แล้ว เกรงว่าจะมกี ารทุจรติ คอรปั ชนั ภายในกระทรวง ค. ถ้าให้งบแกก่ ระทรวงสาธารณสขุ แล้ว เกรงวา่ งบประมาณประเทศจะไมพ่ อใช้ ง. นโยบายอืน่ ทท่ี ำอยูน่ ี้ กบั ชวี ิตคน อะไรสาคญั กว่ากัน 19. นักวิทยาศาสตร์ประเทศหนึ่งผลิตอาวุธชีวภาพ โดยบอกว่า จะลดจำนวนประชากรที่เป็นโรคที่ยากจะ รักษาใหห้ มดไป จะได้ไม่ตอ้ งเป็นภาระแก่รัฐบาลของประเทศน้ัน ถามว่าถูกตอ้ งตามจรรยาบรรณหรอื ไม่ ก. ถูกต้อง เพราะ ถา้ ยากจะรกั ษาเยยี วยา รกั ษาไปไมค่ ้มุ กบั งบประมาณที่เสียไป ข. ถูกต้อง เพราะ การลดประชากรโลก มีผลดหี ลายๆดา้ น ในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ ค. ไมถ่ ูกตอ้ ง เพราะ คนเหลา่ น้นั กม็ สี ทิ ธ์ิทจ่ี ะมีชวี ติ รอด ง. ไมถ่ ูกต้อง เพราะ เปลอื งงบประมาณในการวจิ ัยอาวธุ ชวี ภาพ โดยปลอ่ ยใหค้ นเหล่านนั้ ตายไปเอง 20. การสบื พนั ธ์ุ แบง่ เป็น 2 แบบ ตามหลกั สากลไดว้ า่ อย่างไร ก. การสืบพนั ธ์ุแบบใช้อสุจกิ บั การสืบพนั ธ์ุแบบใชไ้ ข่ ข. การสบื พนั ธแ์ุ บบแบง่ เป็นสองส่วนกบั การสบื พันธุ์แบบแบ่งเปน็ หลายส่วน ค. การสบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศกับการสืบพันธแ์ุ บบแบบไมอ่ าศัยเพศ ง. การสบื พันธุ์แบบปฏสิ นธภิ ายในกับการสืบพันธุ์แบบปฏสิ นธิภายนอก *******************************
แบบประเมินกระบวนการกลมุ่ การดาเนนิ การทดลอง และความใฝเ่ รยี นรู้ 1. ให้พิจารณาความสอดคล้องระหว่างกระบวนการกลุ่ม การดาเนินการทดลอง และความใฝ่ เรยี นรู้กับรายการประเมินโดยใช้เกณฑ์ดังนี้ 1 = ปรบั ปรงุ 2 = พอใช้ 3 = ปานกลาง 4 = ดี 5 = ดีมาก 2. ให้เขียนวงกลมล้อมรอบผลการประเมิน พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต รายการพฤติกรรมนกั เรียน ผลการประเมนิ 1 กระบวนการกลมุ่ • การวางแผนออกแบบการทดลอง/การวางแผน 1 2 3 4 5 รวบรวมขอ้ มูล • หัวหน้ามภี าวะผนู้ า 12345 • สมาชกิ กล่มุ รว่ มมอื ในการทางาน 12345 2 การดาเนนิ การทดลอง/รวบรวมขอ้ มูล 1 2 3 45 • ทาการทดลองตามขัน้ ตอนที่กาหนด • ปรับปรุงแกไ้ ขเป็นระยะ ๆ 12345 • มีการบนั ทกึ ผลเป็นระยะ ๆ 12345 • สอ่ื ความหมายข้อมูลเข้าใจและชดั เจน 12345 3 การใช้เทคนิคในการทดลอง 1 2 3 45 • ติดต้ังอุปกรณ์ เครอ่ื งมอื ไดถ้ กู ตอ้ ง • ใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื ต่าง ๆ ไดอ้ ย่างถูกต้อง 1 2 3 4 5 • ใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างชานาญและ 1 2 3 4 5 คล่องแคลว่ • ใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างระมัดระวัง 1 2 3 4 5 ไมก่ ่อใหเ้ กดิ อันตราย • มีการแก้ไขอุปกรณ์ที่ชารุด หรือเลือกใช้อุปกรณ์ 1 2 3 4 5 ทดแทนอุปกรณ์ท่ีชารุด
• ทาความสะอาด และเกบ็ อปุ กรณ์ และเคร่ืองมืออย่าง 1 2 3 4 5 ถูกวิธหี ลงั ทาการทดลอง พฤตกิ รรมที่สังเกต รายการพฤตกิ รรมนกั เรียน ผลการประเมิน 12345 4 การสรปุ ผลกิจกรรม การสรปุ ผลการทดลอง • สามารถแปลความหมายขอ้ มูลได้ • สามารถสรปุ ผลการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งตามข้อมูลทไ่ี ด้ 1 2 3 4 5 5 ความใฝ่เรยี นรู้ 1234 • มนี ิสยั รักการอ่าน 5 12345 • มีการต้งั ใจศกึ ษาเล่าเรียนรู้ • มีการแสวงหาความรู้ที่หลากหลายด้วยตนเองทาให้รู้ 1 2 3 4 5 ลกึ ซ้ึง • มีเจตคตทิ ี่/การสบื คน้ และสบื สอบ 12345
แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมรวบรวมข้อมลู ตัวชว้ี ัด ระดับคะแนน 1.ทากจิ กรรมตาม แผนท่กี าหนด 4 32 1 2.การทากิจกรรม ทากิจกรรมตาม ทากจิ กรรมตาม ทากจิ กรรมตาม ทากจิ กรรมไม่ 3.การจดั กระทา วิธกี ารและขน้ั ตอน วธิ กี ารและ วธิ กี ารและ ถูกต้องตามวธิ ีการ ข้อมูล ที่กาหนดไวอ้ ย่าง ขัน้ ตอนท่กี าหนด ขัน้ ตอนที่กาหนด และข้ันตอนท่ี 4.การสรุปผล ถกู ต้องด้วยตนเอง ด้วยตงเองมกี าร ไวโ้ ดยครหู รอื ผู้อื่น กาหนดไมม่ กี าร มกี ารปรับปรงุ แก้ไข ปรับปรงุ แก้ไข เปน็ ผู้แนะนา ปรับปรงุ แก้ไข บ้าง บ้าง บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็น บนั ทกึ ผลเปน็ บนั ทกึ ผลไมค่ รบไม่ อยา่ งถกู ต้องมีการ ระยะอยา่ งถูกตอ้ ง ระยะและไม่มกี าร เป็นไปตามการทา อธิบายข้อมูลให้ มกี ารอธบิ าย อธิบายขอ้ มูลให้ กจิ กรรม เหน็ ความเชอ่ื มโยง ข้อมูลใหเ้ หน็ ถงึ เห็นถึง เปน็ ภาพรวมเปน็ ความสัมพนั ธ์กัน ความสมั พนั ธก์ ัน เหตเุ ป็นผลและ เป็นไปตามการทา กจิ กรรม จัดกระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมูล จดั กระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มูล อย่างเปน็ ระบบมี อย่างเปน็ ระบบมี อยา่ งเปน็ ระบบมี อย่างไมเ่ ป็นระบบ การเช่ือมโยงให้เหน็ การจาแนกข้อมลู การยกตัวอยา่ ง และมกี ารนาเสนอ เป็นภาพรวมและ ใหเ้ ห็น เพม่ิ เติมให้เขา้ ใจ ไมส่ อื่ ความหมาย นาเสนอดว้ ยแบบ ความสมั พนั ธ์ ง่ายและนาเสนอ และไมช่ ดั เจน ตา่ งๆ อย่างชัดเจน นาเสนอดว้ ยแบบ ด้วยวิธตี า่ งๆ แต่ ถกู ต้อง ตา่ งๆ ได้แตย่ ังไม่ ยงั ไม่ชดั เจนและ ชดั เจน ถกู ต้อง สรุปผลการทา สรปุ ผลการทา สรุปผลการทา สรปุ ผลการทา กิจกรรมไดถ้ ูกต้อง กิจกรรมได้ กิจกรรมไดโ้ ดยมี กิจกรรมตามความรู้ ชดั เจนกระชบั และ ถกู ตอ้ งแตย่ ังไม่ ครูหรือผู้อ่ืน ที่พอมีอยู่โดยไม่ใช้ ครอบคลุมข้อมลู ครอบคลุมข้อมูล แนะนาบา้ งจงึ ขอ้ มูลจากการทา จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะห์ สามารถสรปุ ได้ กิจกรรม ทง้ั หมด ทง้ั หมด ถกู ตอ้ ง
ประเมนิ ความสามารถในการสบื คน้ 1. ใหพ้ จิ ารณาความสอดคล้องระหว่างพฤตกิ รรมการสบื ค้นขา่ วสารของผเู้ รียนโดยใช้เกณฑ์ดงั นี้ 1 = ปรับปรุง 2 = พอใช้ 3 = ปานกลาง 4 = ดี 5 = ดมี าก รายการ ผลการประเมิน 1. มีการค้นควา้ แหล่งขอ้ มูลจากเอกสารแนะนาแค็ตตาลอ็ กและ 1 2 3 4 5 แหลง่ แนะนาอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 2. มีการคน้ ควา้ ข้อมูลจากแหลง่ ขอ้ มูลมากกวา่ 1 แหลง่ 12345 3. มกี ารตดั สนิ ใจในการเลอื กข้อมูลข้าวสารที่เกีย่ วข้อง 12345 4. มกี ารประเมินคุณภาพและความเก่ยี วข้องขอ้ มูลข่าวสารทจี่ ะ 1 2 3 4 5 รวบรวม 5. มีการเพม่ิ วิธกี ารรวบรวมข้อมลู ข่าวสารในระหวา่ งทก่ี าลงั 12345 คน้ หา 6. มีการใช้บรรณานุกรมหรือแหล่งขอ้ มลู แหลง่ ใดแหลง่ หนึง่ เพอ่ื 1 2 3 4 5 สง่ คนื แหล่งข้อมูลอนื่ ๆ 7. มีการแยกแยะข้อมลู ข่าวสารทเ่ี ป็นขอ้ เท็จจริงและความ 12345 คิดเห็น 1 2 3 4 5 8. มกี ารจัดระบบขอ้ มลู ข้าวสารที่ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 12345 9. ข้อมูลข่าวสารทไ่ี ด้มาสอดคลอ้ งกบั งานท่กี าหนดให้ 12345 10. เป็นการสบื คน้ ขอ้ มูลเชงิ ประจกั ษ์ ความคดิ เห็นเพิม่ เติม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: