Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทความวิชาการงานสัมมนาวิชาการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ครั้งที่ 10

บทความวิชาการงานสัมมนาวิชาการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ครั้งที่ 10

Published by Pensiri Paijit, 2021-05-16 01:05:55

Description: สัมมนาวิชาการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ครั้งที่ 10 (ออนไลน์) เรื่อง “พล(ของ)เมืองขับเคลื่อนเกษตร อาหาร สร้างนวัตกรรมสู่สุขภาวะ ความมั่นคงและยั่งยืน ในสภาวะปฏิรูปประเทศ” ของนักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตร ปรัญชาดุษฎีบัณทิต (ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร)

Keywords: ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร

Search

Read the Text Version

งานสัมมนาวชิ าการสง- เสรมิ และพัฒนาการเกษตร ครั้งท่ี 10 46 พล(ของ)เมอื งขับเคลื่อนเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมส-ูสุขภาวะ ความมั่นคง และย่งั ยนื ในสภาวะปฏิรปู ประเทศ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเกษตรไปผลิตเพื่อจำหนVายใหSเกษตรกรและผูSสนใจในราคาที่เหมาะสม ชVวยลด ตSนทุนการผลิต สนับสนุนการพัฒนาเกษตรกร ปราชญ;ชาวบSาน หรือชุมชนตSนแบบ รวมทั้งสนับสนุนการนำ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากการวจิ ยั มาใชSในระบบสVงเสรมิ การเกษตรแบบแปลงใหญV เพอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลิต บรรณานุกรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ;. 2558. ยุทธศาสตร;การวิจัยดาS นการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ; (พ.ศ. 2558-2564). สบื คนS จาก: http://tarr.arda.or.th/static2/docs/str_research.df. 10 เมษายน 2564 นพิ นธ; พัวพงศกร. 2557. ทศิ ทางการพฒั นาดาS นการเกษตรและการวจิ ัยเพอื่ สรSางชุมชนเขSมแข็ง. วารสารแก[นเกษตร,42 (1), 1-6 . 2561. บทบาทของเทคโนโลยีและนวตั กรรมในการขับเคลือ่ นการพฒั นาการเกษตรไทย : อะไร คอื กุญแจสำคัญ. ในการสัมมนาวชิ าการเร่อื งดบั เครอ่ื งการพัฒนาการเกษตรไทยดว> ยเทคโนโลย,ี สถาบนั วิจยั เศรษฐกจิ ปว≠ ย อง๊ึ ภากรณ; ธปท, 22 เมษายน 2561 ศศรส ใจจิตร;. (2560). การประเมนิ ผลกระทบทางเศรษฐกจิ ของงานวิจยั ดSานขSาวในประเทศไทย. วารสารแกน[ เกษตร,45 (4), 613-624 สำนกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.; 2562. สถิตกิ ารเกษตรของประเทศไทยปu 2561. โรงพมิ พส; ำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหVงประเทศชาต,ิ กรุงเทพฯ. 182 หนSา สวุ ทิ ย; เมษินทรีย.; ประชานยิ ม VS ประชารัฐ. เขSาถึงไดSจาก https://th-th.facebook.com/drsuvitpage/posts/1392102447763148:0, เมษายน 2564 อภิชัย สมบรู ณ;ปกรณ; และคณะ. 2562. โครงการประเมนิ ความสอดคลอS งการจดั สรรทนุ มงVุ เปâาเร่ืองขาS วและ แนวทางการจัดสรรทุนเพอ่ื รองรบั นโยบายเรงV ดวV นในการพฒั นาขSาวของประเทศ ระยะท่ี 2. สำนกั งาน พัฒนาการวจิ ัยการเกษตร (องคก; รมหาชน), 227 หนาS

งานสมั มนาวชิ าการสง- เสรมิ และพัฒนาการเกษตร ครงั้ ท่ี 10 47 พล(ของ)เมอื งขบั เคลือ่ นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสส-ู ุขภาวะ ความมนั่ คง และย่ังยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ ระบบเกษตร ตลาดสนิ คDาและอาหารอินทรยี V กบั การพง่ึ พาตนเองของเกษตรกร และความมน่ั คง ย่งั ยนื ของประเทศไทย

งานสมั มนาวิชาการส-งเสริมและพฒั นาการเกษตร ครัง้ ที่ 10 48 พล(ของ)เมอื งขับเคลอื่ นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมสู-สขุ ภาวะ ความม่นั คง และย่งั ยนื ในสภาวะปฏิรูปประเทศ กสิกรรมไร้สารพิษเพือ่ การพ่ึงตนเองอย่างย่งั ยืน นางสาวดนิ แสงธรรม กลา้ จน สาขาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ มหวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมธิราช E-mail: [email protected] บทคัดยอ่ บทความเรื่องกสิกรรมไร้สารพิษเพื่อการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและสังเคราะห์ แนวคิดกสิกรรมไร้สารพิษ แนวคิดการพึ่งตนเองอย่างยัง่ ยืน และนำเสนอรูปแบบในการส่งเสริมการทำกสิกรรม ไร้สารพิษเพือ่ การพง่ึ ตนเองอยา่ งยงั่ ยืนของมูลนิธแิ พทย์วิถธี รรมแหง่ ประเทศไทย ผลการศึกษาพบวา่ หลักการทำ กสิกรรมไร้สารพิษให้เกิดการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนให้สำเร็จ ต้องมีทั้งมิติของการจัดการดิน น้ำ และอากาศให้ เหมาะสมในการเพาะปลูก มีความเปน็ อิสระจากการพึ่งพาเทคโนโลยีภายนอกและอสิ ระจากสารเคมีในการผลิต 100% และมิติของวิถีการดำเนินชีวติ ที่พอเพียง เรียบง่าย พึ่งตนเอง และมีการปฏิบัตศิ ีลทีถ่ ูกตรง จึงจะสามารถ แก้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกดิ ขึ้นในปัจจบุ ันไดเ้ ป็นอยา่ งดี ไม่ว่าจะเปน็ ปญั หาหน้ีสิน ปัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สิง่ แวดล้อมถูกทำลาย รวมถงึ ปัญหาสุขภาพทีก่ ำลงั รุนแรงและยากตอ่ การรกั ษามากยงิ่ ขึน้ สว่ นรูปแบบกสิกรรมวิถี พุทธเพ่อื การพึ่งตนเองอย่างยงั่ ยนื ของมลู นิธิแพทย์วถิ ีธรรมแห่งประเทศไทย ทีน่ อกจากจะสามารถพ่ึงตนเองอย่าง ยั่งยืนได้แล้ว ยังมีการส่งเสริมให้เกดิ การแบ่งปันองค์ความรูต้ ่าง ๆ ในการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนทั้ง 7 ด้านให้กบั เกษตรกรและประชาชนที่สนใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย คือ 1) พึ่งตนเองด้านการทำกสิกรรมไร้สารพิษ 2) พึ่งตนเองด้านการดูแลสุขภาพตามหลกั การแพทย์วิถีธรรม 3) พึ่งตนเองด้านจิตวิญญาณ 4) พึ่งตนเองด้านสงั คม 5) พึง่ ตนเองดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ 6) พึ่งตนเองด้านเทคโนโลยี 7) พงึ่ ตนเองดา้ นเศรษฐกจิ คำสำคัญ: กสิกรรมไร้สารพิษ การพงึ่ ตนเอง กสิกรรมวถิ ีพุทธ บทนำ สิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศชาติ คือ การพัฒนาการเกษตร โดยเฉพาะในชว่ งที่เศรษฐกิจ ตกต่ำ เกษตรกรรมถอื เปน็ หนทางหน่ึงที่ช่วยบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ ลดปญั หาการว่างงาน เพมิ่ รายได้และความ เป็นอยู่ทีด่ ีขึน้ ใหเ้ กษตรกร แต่เกือบ 60 ปที ี่ผา่ นมาเกษตรกรสว่ นใหญ่ตอ้ งเผชญิ หน้ากับกระแสของระบบทนุ นิยมที่ ไหลบ่าเข้ามาในรูปแบบของการพัฒนา ทำให้เกษตรกรต้องเปลี่ยนวิถีการผลิตจากที่เคยมุ่งผลิตสิ่งที่ตัวเองต้อง บรโิ ภคเปน็ หลกั มาเป็นวถิ ีท่ีม่งุ ผลติ สิ่งท่ขี ายไดแ้ ละเปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาดเป็นสำคญั ซ่งึ การมุ่งผลิตในเชิงปรมิ าณ

งานสมั มนาวชิ าการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครัง้ ท่ี 10 49 พล(ของ)เมืองขับเคลือ่ นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสส-ู ขุ ภาวะ ความม่นั คง และยงั่ ยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ เพื่อสนองความต้องการของตลาดนั้น ทำให้เกษตรกรต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและมีตน้ ทนุ ที่มากขึ้น เช่น ค่าปุ๋ยเคมี และสารเคมีกำจดั ศตั รพู ชื เป็นต้น (กนกวรา พวงประยงค์ และสานิตย์ หนนู ิล. 2561, น. 34-64) สง่ ผลให้เกิดผล กระทบในดา้ นตา่ งๆ อย่างตอ่ เน่อื ง ไม่วา่ จะเปน็ ปัญหาหนีส้ นิ ทรัพยากรธรรมชาติถกู ทำลายเพราะความเห็นแก่ตัว และความโลภท่ีมากข้นึ ความสัมพนั ธท์ างสัคม ความไว้ใจทางเครือญาติและเพ่ือนบา้ นนอ้ ยลง วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เปลี่ยนมาสู่วิถีชีวิตท่ีรีบเร่ง ที่สำคญั กว่านั้นคือ ทั้งเกษตรกรเองและผู้บรโิ ภคมปี ัญหาสุขภาพที่มคี วามรุนแรงและ ยากต่อการรกั ษามากยิ่งขนึ้ จะเห็นวา่ ปัจจบุ นั แนวโน้มความเสย่ี งและความไม่ปลอดภัยจากพิษภัยของสารเคมีเพ่ิม สงู ขึน้ ชดั เจน นำไปสู่ปัญหาการเกดิ โรคมะเรง็ โรคเบาหวาน โรคตอ่ มไร้ท่อ และปญั หาอื่นๆ ซึง่ กลายเป็นโรคสำคัญ ลำดบั ตน้ ๆ ของคนไทย (บำเพญ็ เขียวหวาน. 2562, น. 1-8) จากสถานการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าประชาชนและ ประเทศชาติกำลังสูญเสยี สิง่ ทยี่ ่งิ ใหญ่ทส่ี ดุ ไป 2 ประการน่ันกค็ อื การพง่ึ ตนเองของชุมชน/สังคม และประเทศชาติ ขาดความยงั่ ยืนในการพฒั นาท้ังทางดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และระบบนิเวศ แนวคิดเก่ยี วกับกสิกรรมไร้สารพษิ แนวคิดกสิกรรมไร้สารพิษ เป็นทางรอดของมวลมนุษยชาติ (สมณะโพธิรักษ์. 2564, มีนาคม 22) เป็น แนวคดิ ท่ีเกิดขึน้ เม่อื ประมาณปี 2532 จากวสิ ัยทัศนท์ ม่ี องการไกลเลง็ เห็นว่าระบบทนุ นิยม จะมผี ลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิต การพัฒนาประเทศชาติและนานาชาติ แต่เห็นว่าระบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเป็นทางรอดของมวลมนุษยชาตทิ ีแ่ ท้จริง จึงนำพาพีน่ ้องชาวอโศก (ชาวบุญนิยม) ลงมือทำกสิกรรมไรส้ ารพษิ อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ การสร้างแหลง่ อาหารของตนเอง และแบ่งปันผลผลติ พรอ้ มกบั ถ่ายทอดองค์ความรอู้ อกไปให้กว้างขวางมากขนึ้ เพราะถ้าทกุ ครวั เรอื นมีอาหารและแบง่ ปนั กันทกุ ประเทศก็อยู่รอด ตรงกับแนวคิดการสรา้ งดาวดวงใหม่บนโลกใบเดิมของพ่อคําเด่ือง ภาษี (2563, มกราคม 22 : ออนไลน์) ท่านมี แนวคิดว่าโลกใบเดิมที่คนส่วนใหญ่มุ่งไปที่การเกษตรเชิงเดี่ยว เน้นความเจริญรุ่งเรือง รักความสะดวกสบาย มตี ัวชว้ี ดั คอื รายได้และความร่ำรวย การอย่รู อดดว้ ยการใช้เงินซอื้ หาสงิ่ ท่ีตอ้ งการนนั้ จะไม่ยั่งยนื เราจึงหันมาสร้าง โลกใบใหม่ในพนื้ ที่ของตนเอง สะสมตน้ ไมเ้ ปน็ สมบตั ิแทนการสะสมเงิน ปลูกผกั ขา้ งบา้ น มอี ย่มู ีกนิ อดุ มสมบูรณ์ทุก วนั ปลูกฝงั แนวความคิดสู่ลกู หลาน และเผยแพร่แนวคิดนีอ้ อกไปจนมเี ครอื ขา่ ยเพ่มิ มากขึ้นเรือ่ ย ๆ ตรงกับแนวคิด ของวิวัฒน์ ศัลยกำธร (2562, ตุลาคม 13) ที่กล่าวว่า กสิกรรมเป็นอารยธรรมของการพัฒนาการผลิต สร้างสรรค์ และแบง่ ปันกนั เราอยากจะสรา้ งสงั คมใหม่ทมี่ ีอาหารอยา่ งเหลือล้นและแบง่ ปันกันกนิ นค่ี ือการขจัดความหิวโหย (Zero hunger) อย่างแท้จริง และตรงกับแนวคิดของใจเพชร กล้าจน (2564, กุมภาพันธ์ 14) ที่กล่าว่า เราเนน้ ผลิตอาหารไร้สารพิษให้มีกินมีใชแ้ ละมีแบ่งปัน ชีวิตที่ไมต่ อ้ งนำไปแขวนไว้กบั เงนิ กสิกรรมไร้สารพษิ ไม่ต้องวิง่ ไป ตามกระแสของตลาด ความมั่นคงของชีวิตที่แท้จริงไม่ใช่ความรวยเงินทอง แต่คือความรวยน้ำใจ รวยความดี รวยมิตรดี และรวยปัจจัย 4 ส่วนความจนของชีวิตที่แท้จริงไม่ใช่จนเงินทอง แต่คือความจนน้ำใจ จนความดี

งานสมั มนาวิชาการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้งั ที่ 10 50 พล(ของ)เมอื งขบั เคลอ่ื นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสูส- ุขภาวะ ความมนั่ คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏิรปู ประเทศ จนมติ รดี และจนปัจจัย 4 ตา่ งหาก ขณะทีท่ ้งั โลกเจอสถานการณโ์ ควิด-19 จะเห็นว่า คนทม่ี ีเงนิ มากแลว้ อยู่ได้น้ันก็ เปน็ เรื่องธรรมดา แต่คนทม่ี เี งินนอ้ ยหรือไม่มีเงนิ เลยแตม่ ศี ลี เสียสละ แบ่งปันกันกลบั อย่ไู ด้อย่างสบาย ไม่เดอื ดรอ้ น ไม่ว่าโควิดจะระบาดไปนานแค่ไหน ทั้งยังมีเหลือแจกจ่ายหรอื ขายราคาถูก ๆ ได้นั้นเปน็ เรื่องทีย่ ิ่งใหญ่ เป็นเรื่อง มหศั จรรยข์ องโลก และเปน็ เรอ่ื งที่นา่ สนใจศึกษาเรียนรู้เป็นอย่างยง่ิ ความหมายและความสำคญั ของกสกิ รรมไร้สารพษิ กสิกรรมไร้สารพิษ หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิตที่พอเพียง เรียบง่าย มีเป้าหมายให้มีสุขภาพร่างกายที่ แข็งแรง พร้อมกับมีจิตใจที่ดีงาม และจิตใจที่เป็นสุข ระบบการผลิตจึงไม่ใช้สารเคมี 100 % เพื่อไม่ให้เกิดการ เบียดเบียนตนเอง คนอื่นและสัตว์อ่ืน ทั้งการเพาะปลกู การบริโภค การเรียนรู้ และการแบ่งปันเป็นไปเพ่ือสร้าง ความม่นั คงดา้ นอาหาร ยา และปจั จัยทีจ่ ำเป็นต่อชีวิตมากกว่าผลติ เพ่ือการสง่ ออก เนน้ ใช้ทรัพยากรในท้องถ่ินมา หมุนเวียนเป็นปัจจัยในการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการซื้อหาจากภายนอกให้ได้มากที่สุด ผลิตของใช้ที่ จำเปน็ ได้เอง มีระบบการจดั การขยะให้เกดิ คณุ ค่า มีการแปรรปู ผลผลติ จำหนา่ ยสินคา้ ราคาท่เี ป็นธรรม จัดระบบ การตลาดดว้ ยตนเอง และใชช้ ีวิตอยูร่ ่วมกบั ธรรมชาติอย่างกลมกลนื เพ่ือให้สามารถทำกสิกรรมไร้สารพิษต่อเนื่อง ไปได้นานที่สุด โดยไม่มีผลกระทบด้านลบต่อระบบนิเวศวิทยา และไม่เกิดปัญหาทั้งด้านสุขภาพ สังคม และ เศรษฐกิจ สมณะโพธริ ักษ์ ผนู้ ำชาวอโศก ทา่ นเรยี กการทำเกษตรของชาวอโศกวา่ “กสกิ รรมไร้สารพษิ ” เหตุผลที่ ไม่ใช้คำวา่ เกษตรเพราะไมม่ กี ารเลี้ยงสตั ว์ และมีความเช่ือมโยงกับการถือศลี 5 ละอบายมขุ และรบั ประทานอาหาร มังสวริ ตั ิ จนผบู้ รโิ ภคเห็นว่าชาวอโศกเปน็ ผูป้ ฏิบตั ิธรรมอยา่ งเคร่งครดั จงึ ม่ันใจท่จี ะซอ้ื สินค้าไปบรโิ ภค (บัณฑิต ศิริ รักษ์โสภณ. 2561, น.178-219) ที่สำคญั คือ สมณะโพธิรกั ษ์ถือวา่ อาชพี กสิกรรรมเปน็ อาชีพทีม่ ีเกียรติ ได้รับการ เคารพไม่ต่างจากอาชพี อื่น เหนือกว่าน้ันงานกสิกรรมเปน็ งานของคนเจรญิ คนที่ทำงานกสิกรรม คือ คนที่ทำงาน สูงศักดิ์ เพราะเป็นคนทส่ี รา้ งสิง่ ท่มี นษุ ยจ์ ำเป็นตอ้ งกนิ ต้องใช้ต้องอาศัย และจดุ หมายปลายทางของผู้ที่ทำกสิกรรม ไรส้ ารพิษคือ การเป็นผูใ้ ห้ ไมใ่ ช่ผู้เอา รูปแบบกสิกรรมไรส้ ารพิษ กสิกรรมไร้สารพิษเปน็ รูปแบบการผลติ หน่งึ ที่บรู ณาการส่วนดีของเกษตรยัง่ ยนื ทกุ รปู แบบเขา้ กับหลักของ การปฏิบตั ศิ ีล คอื การไม่เบียดเบยี น จุดแนน้ คอื ประหยัด เรยี บงา่ ย ปลกู สิ่งทก่ี นิ กินส่ิงทป่ี ลูก ดงั นน้ั กสกิ รจะเน้น เก็บเมล็ดพันธุ์เอง พยายามหลีกเลี่ยงพืช GMOs เน้นใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สงู สุด ปลูกต้นไม้ ป่าไม้เพื่อความ สมดลุ ของพืน้ ทแี่ ละเปน็ แหลง่ อาหารจากธรรมชาติ พชื ผักนยิ มปลูกเปน็ อาหาร ได้แก่ ข้าว ถวั่ ธัญพืช ผัก ผลไม้ และ สมนุ ไพร เป็นตน้ โดยคำนึงถึง 3 องค์ประกอบหลกั คอื ดนิ นำ้ และอากาศ ดังแสดงในแผนภาพท่ี 1

งานสมั มนาวชิ าการสง- เสริมและพัฒนาการเกษตร ครง้ั ที่ 10 51 พล(ของ)เมอื งขับเคลือ่ นเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมส-สู ุขภาวะ ความมน่ั คง และย่ังยนื ในสภาวะปฏริ ูปประเทศ แผนภาพที่ 1 แสดงรปู แบบกสกิ รรมไรส้ ารพษิ 1. ดิน ไม่วา่ จะเปน็ ดนิ แบบไหนก็สามารถปลูกพชื ไดจ้ ริงตามคำพระราชดำรัสของในหลวง ร.9 ทั้งดินเค็ม ดินเปรี้ยว ดินเหนียว ดินทราย ก็สามารถที่จะปรับปรุงให้มธี าตุอาหารสำหรับพชื ได้ทัง้ สิน้ ด้วยปุย๋ หมัก การทำป๋ยุ หมักทีง่ า่ ยและประหยัดท่สี ดุ คือ การใช้อินทรียวัตถุผสมกับดนิ คลมุ ดนิ หรือห่มดิน มีอินทรยี วัตถุเท่ากับมีปุ๋ยไปใน ตวั จึงมีคำกล่าวที่ว่า ฟางมคี า่ มากกวา่ ทองคำ หญ้าคือทองคำของแผ่นดนิ วัชพชื คือเพือ่ นพืช และเราเลยี้ งดินให้ดนิ ไปเลี้ยงพืช เป็นต้น อินทรียวัตถุต่าง ๆ ที่สามารถหาได้ในพื้นที่และพืชจำเป็นต้องใช้มี 2 ประเภท คือ 1) อินทรียวตั ถุทีย่ ่อยสลายเรว็ เช่น กิ่งไม้ใบไม้ทั้งชนิดสดและแห้ง กะลามะพร้าว ต้นกล้วย แหนแดง ฟาง หญ้า วัชพืชโตเร็วทั้งหลาย ซากพืช ซากสัตว์ ปุ๋ยคอก เศษอาหารและวัสดุเหลือใช้จากในครัวเรือน เป็นต้น และ 2) อนิ ทรียวตั ถุทย่ี อ่ ยสลายชา้ เชน่ เศษหิน เศษปนู เศษ อฐิ และถา่ นหงุ ข้าว เปน็ ต้น 2. น้ำ น้ำเพื่อกสิกรรมไร้สารพษิ สำคัญไม่นอ้ ยไมไ่ ปกว่าดนิ กสกิ รควรมกี ารจัดการให้มใี ช้ได้ตลอดท้ังปี โดย ดที สี่ ุดกค็ วรจะมแี หลง่ นำ้ ทส่ี ามารถกกั เกบ็ นำ้ ธรรมชาติของตนเอง เช่น สระนำ้ หรอื อยา่ งน้อยกค็ วรจะมถี งั เกบ็ นำ้ ท่ี เพียงพอ รวมไปถึงการจัดการน้ำในแปลงเพาะปลูกอย่างประหยัด 2 แบบ คือ 1) ระบบท่อ เช่น สายยางรดนำ้ สปริงเกิ้ล เทปน้ำหยด เป็นต้น และ 2) ระบบไร้ท่อ เช่น คลองไส้ไก่ หลุมรับน้ำหรือหลุมขนกครก เป็นต้น โดย กสิกรสามารถจะใหน้ ้ำ หรอื ให้น้ำพรอ้ มจุลินทรยี ์หรือปุ๋ยนำ้ ได้ตามความเหมาะสมของพืช 3. อากาศ 1) อากาศทัว่ ไปแต่ละฤดูท้ังรอ้ น ฝน หนาว ก็จะต้องมีการจดั การให้เหมาะกบั การปลกู พชื แตล่ ะ ชนิด และ 2) อากาศภายในดินก็มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินที่มีอนิ ทรียวัตถุจำนวนมากพอจะมี โพรงอากาศทมี่ ากพอ ทำใหน้ ำ้ และปยุ๋ ไปได้ท่ัวถึง รากของพชื ชอนไชได้ดี ทำให้เจริญเตบิ โตได้ดี แนวคิดการพงึ่ ตนเองอย่างย่งั ยืน ศึกษาแนวคิดการพง่ึ ตนเองอย่างย่งั ยืน 2 แนวคิดหลัก คือ การพ่ึงตนเองตามหลักปรัชญาเศษฐกิจพอเพียง และการพึง่ ตนเองวถิ พี ทุ ธ ซึ่งมรี ายละเอยี ดดังนี้ คือ การพ่งึ ตนเองตามหลักปรัชญาเศษฐกิจพอเพียง

งานสมั มนาวิชาการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร ครง้ั ท่ี 10 52 พล(ของ)เมอื งขบั เคลื่อนเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมส-สู ุขภาวะ ความมนั่ คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ พระราชดำรสั ความตอนหน่ึงว่า “...ยืนบนขาของตัวเอง (ซึ่งแปลว่าพึง่ ตนเอง) หมายความว่าสองขาของ เรานี่ ยืนบนพื้นให้อยู่ได้ไม่หกล้ม ไม่ต้องไปขอยืมขาของคนอื่นมาใช้สำหรับยืน...” โดยการพึ่งตนเองตามหลัก ปรชั ญาเศษฐกิจพอเพียง คือ รจู้ ักพอประมาณและความพอดี ไมม่ ากเกนิ ไป ไมน่ ้อยเกินไป โดยไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง และผู้อื่น ไม่โลภ รู้จักความมีเหตุผล ซึ่งหลักพึ่งตนเองในการดำรงชีวิตต้องมีความพอดี 5 ประการ ดังนี้คือ 1) ความพอดีด้านจิตใจ ต้องเข็มแข็ง พึ่งตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร และนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม 2) ความพอดีด้านสงั คม ต้องช่วยเหลอื เก้ือกูลกัน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน รู้จักผนึกกำลงั และมีกระบวนการ เรียนรู้ท่ีเกิดจากรากฐานที่ม่ันคงและแข็งแรง 3) ความพอดดี า้ นทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม รู้จกั ใช้และ จดั การอย่างฉลาดรอบคอบ เพื่อใหเ้ กดิ ความยัง่ ยืนสงู สุด และใชท้ รพั ยากรในประเทศเพอ่ื พฒั นาประเทศให้ม่ันคง อยู่เป็นขน้ั เปน็ ตอนไป 4) ความพอดีดา้ นเทคโนโลยี รูจ้ ักใชเ้ ทคโนโลยีทีเ่ หมาะสม และสอดคล้องกบั ความต้องการ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปญั ญาชาวบ้านของเราเอง เพื่อสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อม ของเราเอง 5) ความพอดดี า้ นเศรษฐกิจ มงุ่ ลดรายจ่ายกอ่ นเป็นสำคญั ยดึ หลกั พออยู่ พอกนิ พอใช้ การพึง่ ตนเองวถิ ีพทุ ธ พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ อัตตา หิ อตั โน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน หมายความวา่ ถ้าคนเราพ่งึ ตนเองได้มาก เท่าไหร กจ็ ะทำให้เกิดความยั่งยนื ได้มากเทา่ นัน้ แต่ยังมกี ารพงึ่ พากนั และกันในหม่กู ลมุ่ โดยหลกั ธรรมท่ีชี้วัดระดับ ของการพึ่งตนเองมีดังนี้ คือ วรรณะ 9 (พระไตรปิฎกเล่ม 1 “ปฐมปาราชิกกัณฑ์” ข้อ 20) สาราณียธรรม 6 (พระไตรปิฎกเลม่ 22 “สาราณียสตู ร” ขอ้ 282) พุทธพจน์ 7 (พระไตรปฎิ กเล่ม 22 “สาราณยี สตู ร” ข้อ 283) และ อปรหิ านิยธรรม 7 (พระไตรปิฎกเลม่ 10 “มหาปรินิพพานสูตร” ข้อ 70) เปน็ ตน้ รูปแบบกสิกรรมวิถพี ุทธเพอ่ื การพง่ึ ตนเองอย่างย่ังยืน รปู แบบกสิกรรมวิถพี ุทธเพอื่ การพึง่ ตนเองอย่างย่ังยนื

งานสมั มนาวิชาการสง- เสรมิ และพัฒนาการเกษตร คร้ังที่ 10 53 พล(ของ)เมืองขบั เคล่อื นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมส-สู ขุ ภาวะ ความมนั่ คง และย่งั ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ จากการศึกษาพบว่าเครือข่ายที่ทั้งทำกสิกรรมไร้สารพิษ และเป็นศูนย์เรียนรู้ แหล่งดูงาน และศูนย์ ฝกึ อบรม ไดแ้ ก่ เครอื ข่ายกสกิ รรมไร้สารพษิ แห่งประเทศไทย (ครก.) ศูนยก์ สกิ รรมไรส้ ารพษิ วงั นำ้ เขยี ว และมูลนิธิ แพทย์วิถีธรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ในที่นี้ขอนำเสนอรูปแบบกสิกรรมวิถีพุทธเพื่อการพึ่งตนเองอยา่ งยั่งยืน ของมลู นธิ แิ พทยว์ ิถธี รรมแหง่ ประเทศไทย ซึ่งมจี ุดเดน่ คือ การพ่ึงตนเองและสง่ เสริมให้เกดิ การพ่ึงตนเองอย่างเป็น วิถีชีวิตด้วยการทำกสิกรรมไร้สารพิษตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดูแลสุขภาพตามหลักการแพทยว์ ิถี ธรรม การเรียนรู้ฝกึ ฝนการปฏิบัติธรรมเพื่อลดละเลิกกเิ ลสความโลภโกรธหลงดว้ ยใจที่เป็นสขุ โดยมี ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว) เป็นประธาน เริ่มดำเนินการมาต้ังแต่ปี 2535 ถึงปัจจุบัน เกิดเป็นเครือขา่ ยแพทย์วิถีธรรม 9 สาขาทั้งในและต่างประเทศ มีสมาชิกประมาณ 1,000 คน และเครือแหอีกนับหมื่นคน สมาชิกส่วนใหญเ่ คยเปน็ ผปู้ ่วยทดี่ ขี ึ้นหรอื หายจากโรคด้วยการแพทยว์ ิถีธรรมและไมเ่ คยทำกสิกรรมมาก่อน แต่มงุ่ มาทำกสิกรรมไร้สารพิษ เพ่ือให้ตนเองมอี าหารสุขภาพไว้รบั ประทาน แบ่งปันกัน และมีสมาชกิ บางสว่ นทปี่ ลกู เพ่อื จำหน่าย ซ่งึ รปู แบบกสกิ ร รมวิถีพุทธเพื่อการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนมีทั้งหมด 7 ด้าน คือ 1) พึ่งตนเองด้านการทำกสิกรรมไร้สารพิษ 2) พึ่งตนเองด้านการดูแลสุขภาพตามหลักการแพทยว์ ิถธี รรม 3) พึ่งตนเองด้านจิตวิญญาณ 4) พึ่งตนเองด้านสังคม 5) พ่งึ ตนเองดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ 6) พึง่ ตนเองด้านเทคโนโลยี 7) พึ่งตนเองดา้ นเศรษฐกจิ โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี 1. พึ่งตนเองดา้ นการทำกสิกรรมไรส้ ารพิษ พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ อาหารเป็นหนึ่งในโลก ดังนั้นกสิกรรมไร้ สารพษิ จะทำให้ชาวแพทย์วถิ ีธรรมมีอาหาร ยา และปัจจัยทจี่ ำเป็นในการดำรงชวี ติ หลักการทำกสิกรรมไร้สารพิษ ให้ประสบความสำเรจ็ 6 ประการ คือ ตอ้ งมี 1) พันธด์ุ ี 2) ดนิ ดี 3) นำ้ ดี 4) อากาศดี 5) ศีลดี และ 6) มิตรดี 2. พง่ึ ตนเองด้านการดูแลสุขภาพตามหลักการแพทย์วิถธี รรม ชาวแพทย์วิถีธรรมถือว่า “หมอที่ดีที่สุด ในโลกคือตัวเราเอง” และชักชวนกัน “มาเป็นหมอดูแลตัวเองกนั เถอะ” จึงมีหลกั สุขภาพพึ่งตนเองด้วยเทคนคิ 9 ข้อ หรอื ยา 9 เมด็ คอื 1) การรับประทานสมุนไพรปรับสมดุล 2) การกวั ซา 3) การสวนล้างลำไส้ใหญ่ 4) การแช่มือแช่ เท้าด้วยน้ำสมุนไพร 5) การพอก ทา หยอด ประคบ อบ อาบด้วยสมุนไพร 6) กายบริหาร โยคะ กดจุดลมปราณ 7) การรบั ประทานอาหารปรับสมดุล 8) การใชธ้ รรมะ ทำใจให้สบาย ผอ่ นคลายความเครยี ด 9) การรูเ้ พยี รร้พู ักใหพ้ อดี 3. พ่งึ ตนเองด้านจิตวญิ ญาณ คอื การปฏบิ ัตศิ ลี ไมโ่ ลภ เลิกอบายมขุ ลดกาม โลกธรรม และอัตตา จะทำ ให้ชีวิตและการงานเกดิ ความสมบรู ณห์ รอื ผดิ พลาดนอ้ ย เพราะคนมีศีลจะมีจิตทนี่ ิ่ง ไม่หวน่ั ไหว ทำใหร้ ูท้ ่ไี ปที่มาของ ปัญหาและรูห้ นทางแก้ไข สามารถเปรียบเทยี บกับตอนทีย่ ังไม่ได้มาปฏิบัติแล้วจะเห็นผลที่ชัดเจน การพึ่งตนเอง ดา้ นจิตวิญญาณ 3 ระดบั คอื 1) ระดับบคุ คล ฝกึ เป็นอยู่แบบคนวรรณะ 9 คอื เปน็ คนเลยี้ งงา่ ย บำรุงง่าย มักน้อย กลา้ จน สันโดษใจพอ ขัดเกลาจิตใจ มศี ีลเครง่ กำจดั กเิ ลส ไมส่ ะสม มอี าการนา่ เลือ่ มใส และมีความเพียรยอดขยัน 2) ระดับชุมชน การอยู่ร่วมกนั แบบสาราณียธรรม 6 มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สาธาณ โภคี ศีลสามัญตา และทิฏฐิสามญั ตา 3) ระดับเครือขา่ ย ยดึ หลกั พุทธพจน์ 7 และอปรหิ านยิ ธรรม 7 ในการบรหิ าร

งานสมั มนาวชิ าการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้ังที่ 10 54 พล(ของ)เมอื งขับเคลอื่ นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมส-สู ขุ ภาวะ ความมัน่ คง และยงั่ ยนื ในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ คอื มีการระลกึ ถงึ กัน รกั กนั เกอื้ กลู กัน เคารพกนั ไมว่ ิวาทกนั สามัคคกี นั เปน็ นำ้ หนง่ึ ใจเดียวกัน พร้อมเพรียงกัน ประชุม พร้อมเพยี งกนั เลกิ พร้อมเพรยี งกันชว่ ยทำกจิ และชว่ ยกนั ในเรือ่ งให้ลดกิเลสโลภโกรธหลง 4. พึ่งตนเองดา้ นสงั คม 1) ผู้นำมศี ลี ผ้ตู ามมีศีล มมี ิตรดีสหายดีสงั คมสิ่งแวดล้อมดี 2) สมาชิกมจี ติ ยนิ ดีใน การถ่ายทอดองค์ความรู้ หลักการทำกสิกรรมไร้สารพิษ สุขภาพ และธรรมะให้กับสมาชิกใหม่ 3) ระบบสังคม ออนไลน์เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากสิกรรมไร้สารพิษมาก ทั้งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการประชุม เครือข่ายท้ังในและตา่ งประเทศ 4) ทุกศูนย์ของแพทย์วิถีธรรมเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ และจัดค่ายกสิกรรมไร้สารพษิ + สุขภาพ + ธรรมะ ท้ังออนไลน์และออฟไลน์ โดยไม่คิดค่าใช้จา่ ยใหก้ บั เกษตรกรและประชาชนที่สนใจเปน็ ระยะ ๆ เพ่ือตามหาพีน่ ้องที่มหี ัวใจเดียวกัน สานพลงั กันในการพ่ึงตนเองและชว่ ยเหลอื กนั ตอ่ ไปใหก้ วา้ งขน้ึ 5) สมาชิกส่วน ใหญม่ าจากการเปน็ ผปู้ ว่ ย หลงั จากหันมาทำไรส้ ารพษิ และกินผักไรส้ ารพิษจึงแขง็ แรง อายยุ ืนข้นึ 6) รนุ่ ต่อร่นุ เด็ก และผู้ใหญ่เรียนรู้และฝึกทำไปด้วยกัน เด็ก ๆ บอกทำกสิกรรมไร้สารพิษง่ายและสนุกกว่าที่คิด 7) ทำกิจกรรม ต่อเนือ่ ง ทง้ั เจอหน้ากันและทางออนไลน์ เหน็ เด่นชดั เรือ่ งการมีสว่ นรว่ ม การทำงานเปน็ หมู่ ไม่เอาแต่ใจ และเคารพ ผู้นำ 8) ส่งเสรมิ ให้คนปลูกผักไร้สารพษิ เยอะๆ เพราะโลกกำลังจะขาดแคลนอาหาร เราจะทำอาหารไว้พึ่งตนเอง และแบ่งปัน จะเห็นว่าสมาชิกเดินทางไปที่ไหน ๆ ทั่วไทยก็จะมีผักไร้สารพิษของเครือข่ายให้กินได้ทุกวัน 9) หลักสตู รกสิกรรมไร้สารพิษ สถาบนั วิชชารามระดับปัญญา (ปริญญา) ตรี โท และเอก ปัจจุบันมนี กั ศึกษาจำนวน ประมาณ 500 คน 10) โครงการรวมพลังแบ่งปันด้วยใจที่บริสุทธิ์ คือ การร่วมทุนและร่วมแรงกันของจิตอาสา แพทยว์ ิถีธรรมเพื่อชว่ ยเหลือสงั คมในสถานการณ์ตา่ ง ๆ 5. พึ่งตนเองด้านทรัพยากรธรรมชาติ 1) ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยการไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ในการ เพาะปลูก 2) ลดการนำพลาสตกิ เข้ามาในพื้นที่ 3) หมุนเวียนใช้ทรพั ยากรในพื้นที่ ป่าให้ท้ังสมุนไพร อาหารจาก ธรรมชาติ เชอื้ เพลิง และเป็นแหล่งอินทรยี วตั ถทุ ส่ี ำคัญ 4) แยกขยะมาทำป๋ยุ และ 5) มีสว่ นร่วมในการใช้ทรพั ยากร 6. พึ่งตนเองด้านเทคโนโลยี 1) เน้นใช้ภูมิปัญญามาประยุกต์ 2) ธนาคารน้ำใต้ดิน 3) ระบบโซล่าเซลล์ 4) ระบบตะบันน้ำ 5) ระบบรางนำ้ ไร้ท่อ 6) บารายคลั เจอร์ 7) จุลนิ ทรยี ์พลงั ศีล (หมกั น้ำซาวข้าวและเศษอาหาร) แบบเรง่ การเจริญเติบโตของพืช และแบบไล่แมลง จากการทดลองหากในการหมักไดผ้ สมนำ้ ปสั สาวะลงไปดว้ ย จะ สามารถเร่งการเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น แมลงศตั รูพืชรบกวนน้อยลง 8) ยาค่า (ฆ่า) หญ้าตราหมอเขียว คือการนำ วัสดุเหลือใช้ในครัวเรือน เช่น เศษอาหาร เสื้อผ้า กระดาษเก่า พลาสติก เป็นต้น มาทำเป็นวัสดุคลุมดินป้องกัน วชั พืชและรักษาความช้นื ให้ดินไดด้ ว้ ย 7. พ่งึ ตนเองดา้ นเศรษฐกจิ 1) ต้องไม่เปน็ หน้ี 2) ทำสมั มาอาชีพ 3) ขยนั ทำไดม้ าก แต่ฝกึ กินน้อยใช้น้อย อย่างพอดี แข็งแรง 4) มีกินมใี ช้และมีแบง่ ปัน 5) จัดสรรเวลามาเสียสละทำงานฟรรี ว่ มกบั หมกู่ ล่มุ มติ รดเี ปน็ ประจำ หรอื เปน็ บางครงั้ 6) จำหนา่ ยผกั ผลไมส้ ด อาหารแปรรูป และผลิตภณั ฑเ์ พอ่ื สุขภาพจากสมนุ ไพร 7) กำหนดราคา สนิ ค้าแบบแพทย์วถิ ธี รรมมี 4 ระดบั คือ ขายตำ่ กว่าท้องตลาด ขายเทา่ ทุน ขายต่ำกวา่ ทนุ และแจกฟรี

งานสมั มนาวชิ าการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้งั ท่ี 10 55 พล(ของ)เมอื งขบั เคลื่อนเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมสสู- ุขภาวะ ความม่ันคง และยง่ั ยนื ในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ แนวทางในการสง่ เสรมิ กสิกรรมวิถีพุทธเพ่ือการพงึ่ ตนเองอยา่ งย่งั ยืน กสิกรรมวิถพี ทุ ธเพื่อการพึง่ ตนเองอย่างยง่ั ยืน จะเน้นใหอ้ งคค์ วามรู้หรือบอกบุญกนั จากนั้นก็จะให้อิสระ ในการเลือก ไมบ่ งั คับให้เกษตรกรต้องทำเหมอื นผู้ส่งเสริม ทกุ อย่างยดื หนนุ่ ได้ เกษตรกรสามารถประยกุ ตใ์ ห้เข้ากบั วิถีชีวิตได้ โดยมีรูปแบบการส่งเสริมตามหลัก SMCR ของ David K. Berlo ดังนี้ คือ มีจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม มลู นธิ แิ พทยว์ ถิ ีธรรมแห่งประเทศไทยเป็นผ้สู ง่ สาร (S) ส่วนตวั สาร (M) คอื องคค์ วามรกู้ สิกรรมไรส้ ารพิษตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การดูแลสขุ ภาพตามหลักการแพทย์วิถีธรรม และการปฏิบัติธรรมเพื่อลดละเลิกกิเลส ความโลภโกรธหลงดว้ ยใจทเี่ ป็นสุข ผา่ น 3 ช่องทาง (C) ไปยังผู้รบั (R) ซึง่ จะมีทงั้ เกษตรกร และประชาชนท่ัวไปที่ สนใจ ดงั นี้ 1) ผ่านระบบการศกึ ษา เรียนฟรสี อนฟรี ศนู ย์การเรยี นวชิ ชาราม และสถาบันวชิ ชาราม 2) ศูนย์เรียนรู้ แหลง่ ดูงาน และการอบรมฟรี ผ่านคา่ ยกสิกรรมไร้สารพษิ ชวี ิตผาสกุ คา่ ยสขุ ภาพดีวถิ ีธรรม และค่ายพระไตรปิฎก เดินตามรอยบาทพระศาสดา เป็นต้น และ 3) การถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านทางสื่อหนังสือ, VCD, สื่อออนไลน์ เฟสบคุ๊ หมอเขียวแฟนคลับ ยทู ปู หมอเขยี วทวี ี https://vijjaram.ac.th/ และ www.morkeaw.net เปน็ ต้น สรปุ จากการศึกษาเรือ่ งกสิกรรมไรส้ ารพิษเพ่ือการพง่ึ ตนเองอยา่ งย่งั ยืน ทำใหเ้ ห็นว่ากสิกรรมไรส้ ารพิษท่ีทำให้ เกิดการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนได้นั้น นอกจากจะต้องมีมิติของการจัดการดิน น้ำ และอากาศให้เหมาะสมในการ เพาะปลูก มีความเป็นอิสระจากการพึ่งพาเทคโนโลยีภายนอกและอิสระจากสารเคมีในการผลิตแลว้ ยังต้องมมี ติ ิ ของวถิ ีการดำเนินชวี ิตทีพ่ อเพยี ง เรยี บง่าย พึง่ ตนเอง และมกี ารปฏิบัติศีลท่ถี ูกตรง จงึ จะมีผลทำให้เกษตรกรและ ผู้บริโภคมีร่างกายแข็งแรง จิตใจดีงาม และจิตใจที่เป็นสุข นำมาซึ่งการแก้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ปัจจุบนั ได้เปน็ อยา่ งดี ไมว่ ่าจะเป็นปญั หาหนส้ี นิ ทรพั ยากรถูกทำลาย รวมถึงปญั หาสุขภาพท่ีกำลังทวีความรุนแรง และยากต่อการรักษามากยิ่งขึ้น วิถีชีวิตและจิตวิญญาณที่มีความเป็นอิสระดังกล่าว ทำให้เกิดภูมิปัญญาในการ บรหิ ารจัดการด้านต่าง ๆ ใหม้ ีต้นทุนในการผลติ ทตี่ ่ำทสี่ ดุ แตส่ ามารถสรา้ งแหลง่ อาหาร ยา และปจั จัยที่จำเป็นใน การดำรงชีวติ ของตัวเองได้มากท่ีสุด รวมถงึ มนี ำ้ ใจ เสียสละ เอือ้ เฟอ้ื เกื้อกลู แบ่งปันผลผลติ และแบง่ ปนั องคค์ วามรู้ การทำกสิกรรมไร้สารพิษและองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ให้กับผู้อ่ืน ดังนั้นกสิกรรมไร้สารพิษจึงเปน็ ทางเลือกหนึง่ ใน

งานสมั มนาวชิ าการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร คร้ังที่ 10 56 พล(ของ)เมืองขับเคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมสส-ู ุขภาวะ ความม่นั คง และยง่ั ยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ การพึ่งตนเองทั้งระดับปัจเจก ระดับชุมชน ระดับเครือข่าย และระดับชาติ จึงเป็นเรื่องที่มีความท้าทายและ น่าสนใจมาก ท่ีจะทำการศกึ ษาค้นคว้า หรอื ถอดบทเรียนตอ่ ไปวา่ การส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรยี นร้เู พื่อใหเ้ กิด ทักษะและการปฏิบตั ไิ ดจ้ ริงเปน็ ปกติในชีวิต เพื่อเปลยี่ นแปลงบุคคลใหเ้ ข้ามาส่วู ิถชี ีวติ ใหม่หรือกสิกรรมวิถพี ุทธเพือ่ การพง่ึ ตนเองอยา่ งยงั่ ยนื นั้นเปน็ อย่างไร ซึง่ จะเปน็ องคค์ วามรใู้ หมท่ ่ีมคี ณุ ค่าอย่างมากตอ่ การพัฒนาจิตวิญญาณของ คนทำกสิกรรมให้สูงขนึ้ ตรงตามเปา้ หมายหลกั ของการสง่ เสริมและการพัฒนาการเกษตรอยา่ งแทจ้ ริง บรรณานกุ รม กนกวรา พวงประยงค์ และสานิตย์ หนูนิล. (กรกฎาคม-ธันวามคม 2561). สังคมชนบทไทยสมัยใหม่กับปัจจัย กำหนดวิถกี ารดำเนินชวี ติ . วารสารสงั คมศาสตร์และมนษุ ยศาสตร.์ 44(2). น. 34-64. กรมการศาสนา. (2541). พระไตรปิฎกไทยฉบับหลวง. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหา จฬุ าลงกรณ์ราชวทิ ยาลัย. ใจเพชร กลา้ จน. (2564, มกราคม 14). ประธานมูลนธิ ิแพทย์วถิ ีธรรมแห่งประเทศไทย. สมั ภาษณ.์ บณั ฑิต ศิรริ กั ษโ์ สภณ. (มกราคม - มิถุนายน 2561). “วสิ าหกจิ ชมุ ชนบุญนยิ ม”: การกอ่ รปู ชวี ิตทางสังคมและกล ยทุ ธท์ างเศรษฐกจิ ของขบวนการอโศก. วารสารพัฒนศาสตร.์ 1(1). น.178-219. บำเพ็ญ เขียวหวาน. (มกราคม – มิถุนายน 2562). อาหารและเกษตร (ไม่) ปลอดภัย : แนวคิดและการจัด การเกษตรอินทรีย์เชงิ ระบบ. วารสารวิชาการสถาบนั การอาชวี ศึกษาเกษตร. 3(1). น. 1-8. พอ่ คาํ เด่อื ง ภาษ.ี (2563, มกราคม 22). ดาวดวงใหมบ่ นโลกใบเดมิ . ออนไลน:์ https://m.facebook.com/watch/?v=201681787675528&_rdr ววิ ฒั น์ ศลั ยกำธร. (2562). ประธานมลู นิธิกสกิ รรมธรรมชาต.ิ บรรยาย. ออนไลน:์ https://youtu.be/Sox4N3UhsEs สมณะโพธริ กั ษ์ (2564, มนี าคม 22). ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวอโศก. บรรยายในรายการโสเหลโ่ ลกุตระ. ออนไลน:์ https://www.youtube.com/watch?v=AnMTniw0bnk

งานสมั มนาวิชาการส-งเสริมและพัฒนาการเกษตร ครงั้ ที่ 10 57 พล(ของ)เมืองขับเคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสู-สุขภาวะ ความมนั่ คง และยั่งยนื ในสภาวะปฏิรูปประเทศ การส-งเสรมิ กสิกรรมไรDสารพิษเพือ่ ความผาสุกอยา- งยั่งยนื คุณอรุณรตั น; ไกรลาศศิริ สาขาเกษตรศาสตร;และสหกรณ; มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช E-mail [email protected] บทนำ ปÉจจุบันกระแสโลกใหSความสำคัญกับคุณภาพ และความปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งการอนุรักษ; ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอS มอยาV งยั่งยนื กระทรวงเกษตรและสหกรณ; ไดSกำหนดวสิ ัยทศั นใ; นการขบั เคลื่อน ภาคการเกษตรไทยซึ่งเปGนรากฐานของการสรSางความมั่นคงทางอาหารของประเทศและของโลก ในแผนพัฒนา เศรษฐกจิ และสังคมแหVงชาติฉบับที่ 12 พ.ศ 2560 – 2564 ใหSสอดคลอS งกบั กับยทุ ธศาสตรช; าติ 20 ปu ตามนโยบาย รัฐบาลคอื “ภาคเกษตรกาS วไกลดSวยเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม ตลาดนำการผลติ ชวี ติ เกษตรกรมีคุณภาพ ทรพั ยากร การเกษตรมีความสมดุลและยั่งยืน” แสดงใหSเห็นถึงการใหSความสำคัญกับการผลิตอาหารปลอดภัยและเกษตร อินทรีย; นอกจากน้ีกระทรวงไดผS ลักดนั แผนยุทธศาสตร;การพฒั นาเกษตรอินทรีย;แหงV ชาติ พ.ศ. 2560-2564 ซึ่ง เปนG แผนฉบบั ที่ 2 มวี สิ ัยทศั นใ; หS “ประเทศไทยเปนG ผนูS ำในระดับภูมิภาคดSานการผลติ การบริโภค การคSาสนิ คSา และ การบรกิ ารเกษตรอินทรยี ; ทมี่ ีความยง่ั ยืนและเปนG ท่ยี อมรบั ในระดับสากล” และมเี ปâาหมายท่ีจะเพิ่มพื้นที่เกษตร อินทรีย;ใหSเปGน 600,000 ไรV ในปu 2564 และมีเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย;ไมVนSอยกวVา 30,000 ราย รวมทั้งเพ่ิม สัดสวV นตลาดในประเทศ:ตลาดสงV ออกเปนG 40:60 และยกระดบั กลุVมเกษตรอินทรีย;วิถีพืน้ บาS นเพิ่มขึ้น เพอื่ ตอบสนองและรVวมสนับสนุน ทิศทางการพฒั นาดงั กลาV ว การเตรียมความพรSอมของผมูS ีสVวนเกี่ยวขSอง โดยเฉพาะงานสงV เสริมและพฒั นาการเกษตรจงึ เปนG เรื่องทส่ี ำคัญ การทำกสกิ รรมไรSสารพษิ โดยการปลูกผักไวSเปGน แหลVงอาหารสำหรบั บริโภคนน้ั เกษตรกรจะไดปS ระโยชน;ในเรอ่ื ง อาหาร ยา และปจÉ จัยตาV งๆท่ีจำเปนG ตVอชีวิต เปGน การลดรายจาV ยดาS นอาหารของครัวเรอื นซงี่ เปGนปจÉ จยั สำคญั ท่ีจะทำใหชS ีวติ อยVูรอดปลอดภัย “อาหารจากกสกิ รรมไรS สารพษิ มีธาตทุ ี่ดตี VอรVางกาย ถSาใชSถูกสมดลุ รSอนเยน็ จะทำใหแS ขง็ แรงมากขนึ้ ในทางธรรมะ กสริ รมไรSสารพษิ สามารถ ใชSเปGนเคร่ืองมอื ชำระกิเลสในอาหารไดSดSวยหลกั วิปลาส4 หมายถึงความรSู ความเขSาใจอันผิดเพ้ียนจากความเปนG จรงิ (พระไตรปฎ° กเลVม31 ขอS 525) เหน็ สิ่งท่ีไมเV ทยี่ งวาV เทยี่ ง ส่ิงที่เปนG ทกุ ขว; VาเปนG สุข สิ่งที่ไมVใชVอัตตาวVาเปGนอัตตา สงิ่ ท่ีไมงV ามวVางาม เปGนอีกหนงึ่ พลงั ทจี่ ะเสรมิ ราV งกายใหแS ข็งแรงเพิ่ม เพราะเขSาใจวิปลาส4 ดSานใจกไ็ รทS กุ ข; เปGนพลงั เหนยี่ วนำใหSคนอืน่ ทำตามก็ไดกS ุศลบวกเพ่มิ ไปอกี ก็ยิ่งแข็งแรงเพ่มิ ข้นึ จากนั้นแบVงปÉนชวV ยเหลือเกอื้ กลู ผSูอ่ืนดSวยหลกั บุญนิยม ดSวยหลกั พทุ ธะ (ของดี ราคาถกู ซอ่ื สัตย; มีนำ้ ใจ) ชีวติ ก็มีคุณคาV มีวบิ ากดเี ขSามา วิบากดจี ะทำใหSรVางกาย

งานสมั มนาวิชาการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้งั ท่ี 10 58 พล(ของ)เมอื งขับเคล่ือนเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมสสู- ขุ ภาวะ ความมนั่ คง และยงั่ ยนื ในสภาวะปฏิรูปประเทศ แขง็ แรง ดูดส่ิงดเี ขSามา ดันสิง่ รSายออกไปจากชวี ิต ชวี ิตกม็ คี วามสุข ใจก็สบาย (ใจเพชร กลSาจน, 2564) และหาก การกระทำนี้จากหนวV ยเล็กๆหลายๆหนวV ยเกิดขน้ึ ในจำนวนที่มากพอ ก็จะสามารถสงV เปนG คล่ืนพลังไปเหนี่ยวนำใหS คนอนื่ เปนG ตามกเ็ ปนG มหากศุ ล สขุ ภาพแข็งแรง ชีวิตมคี ุณคาV และผาสุก ท้ังในดSานรูปธรรมและนามธรรม กลVาวคือมี ผลตVอสุขภาพและการปฏิบัติธรรมอยVางยิ่ง ทำใหSชีวิตอยูVรอด พึ่งพาตนเองไดS แมSเผชิญภาวะวิกฤตตVางๆ” สอดคลSองกบั คำตรสั พระพทุ ธเจาS “อาหารเปGนหนึง่ ในโลก” อาหารคอื เครื่องคำ้ จุนชีวติ พระราชดำรสั ของพVอหลวงทพ่ี ระราชทานในวันที่ 20 ธันวาคม 2516 วVา “การพฒั นาประเทศจำเปนG ตSอง ทำตามลำดบั ข้นั ตอนตSองสรSางพน้ื ฐานคือความพอมี พอกนิ พอใชS ของประชาชนสวV นใหญเV ปGนเบอื้ งตนS กVอนโดยใชS วธิ ีการอุปกรณท; ่ปี ระหยดั แตVถกู ตSองตามหลกั วิชาการ เม่ือไดพS ้นื ฐานมั่นคงพรSอมพอควรและปฏบิ ัติไดSแลSว จึงคVอย สรSางคVอยเสริมความเจรญิ และฐานะเศรษฐกจิ ขน้ั ท่สี ูงข้นึ โดยลำดับ” การสVงเสริมการทำกสกิ รรมไรสS ารพษิ โดยเริ่ม จากครัวเรือนเกษตรกรและเกษตรกรหนSาใหมVกVอนจึงเปGนเรื่องสำคัญ จากการทบทวนวรรณกรรม และงานวิจยั ตVางๆท่ีเกี่ยวขSองกับการดำรงชีวิตดSวยความผาสุกของชุมชนตาV งๆ รูปแบบการพึ่งพาตนเองอยVางยั่งยืน และการ สัมภาษณ;เกษตรกรที่ทำกสกิ รรมแบบไรSสารพิษทัง้ ระดับครัวเรอื นและระดับเครือขVาย บวกกับประสบการณจ; าก การทำกสิกรรมไรSสารพิษของผูSวิจัย ผูSวิจัยจึงเห็นความสำคัญที่จะศึกษาประเด็นการสVงเสริมการทำกสิกรรมไรS สารพิษรูปแบบแพทย;วิถีธรรมวาV มอี งค;ประกอบสำคัญอะไรที่ทำใหพS ึง่ พาตนเองไดSและนำมาซี่งการมีชวี ิตทีผ่ าสกุ และยั่งยนื เพอ่ื เปนG อกี หนง่ึ ตSนแบบของเกษตรกรหนาS ใหมV สถานการณVสารเคมีที่จัดเปèนวตั ถุอันตรายใชใD นการเกษตร ภาพรวมการตกคSางของสารพิษใน ผลไมS ผัก และของแหSง ในปu 2563 ไทย-แพนสำรวจพบวVาผลไมSทีม่ ี สารพิษตกคาS งเกนิ คVามาตรฐาน Maximum Residue Limits/MRLs คือพทุ ราจนี และองนุV แดงนอก พบสารตกคาS ง เกินมาตรฐานรSอยละ 100 เชVนเดียวกับกลุVมผัก ประกอบดSวยมะเขือเทศลูกเล็ก คะนSา ขึ้นฉVาย พริกแดงและพริก ขี้หนูมีสารพษิ ตกคSางเกินมาคาV มาตรฐานรSอยละ 100 และของแหSง ประเภทพริกแหSงและหอมแดงแหSงมีสารพิษ เกินคาV มาตรฐานรอS ยละ 96 โดยการทดสอบคร้ังนพ้ี บสารพษิ ตกคSาง ทเ่ี ปนG วตั ถุอนั ตราย และประกาศใหSเลิกใชSไป แลSวไดแS กV กลมุV เอนโดซลั แฟน เมทามิโดฟอส เพนตะคลอโรฟนu อล เมโทมลิ คารโ; บฟูราน และคลอร;ไพรฟิ อส สVวน สารตกคSางที่พบถี่ที่สดุ คือคารเ; บนดาซมิ ที่ใชSฆาV เชือ้ รา รายงานปริมาณการนำเขSาสารเคมีที่จดั เปGนวัตถุอันตรายใชSในการเกษตร ปu2561ประเทศไทยนำเขSาสารเคมี ท่ี จัดเปนG วตั ถอุ นั ตรายทางการเกษตรประเภทสารกำจัดแมลง สารปอâ งกันกำจดั โรคพืช สารกำจัดวัชพืช สารกำจดั หนู สารรมควันพิษ ทั้งสิ้น 170,826,647 กิโลกรัม มูลคVา 27,982,162,163 บาท ปu2562 นำเขSาสารเคมีประเภท เดยี วกันทัง้ สิน้ 131,148,435 กโิ ลกรมั มลู คาV 21,129,257,278 บาท และปu 2563 นำเขาS 98,254,846 กิโลกรัม มูลคVา 29,291,845,835 บาท ผลของสารเคมีตVอสุขภาพและสงิ่ แวดลอS ม งานวจิ ัยของ Nancy Swansonและคณะ พบวVามีการเจบ็ ปวá ยท่สี ัมพนั ธ; กับการใชสS ารเคมีกำจดั วัชพืชไกลโฟเสท 21 โรคดงั นี้ สมองเสือ่ ม ออตสิ ติก มะเร็งไทรอยด; เบาหวาน มะเรง็ ไต

งานสัมมนาวชิ าการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้งั ที่ 10 59 พล(ของ)เมอื งขับเคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมส-สู ุขภาวะ ความมั่นคง และยง่ั ยืนในสภาวะปฏิรปู ประเทศ มะเร็งกระเพาะปÉสสาวะ ไตวายแบบเฉียบพลัน ไตวายแบบเร้ือรัง ติดเชื้อในลำไสS ไขมันในเลอื ดผิดปกติ โรคอSวน มะเร็งตับและทVอน้ำดี ตับอักเสบ ลำไสSอักเสบเรื้อรัง เสSนเลือดสมองแตกตีบ ความดันโลหิตสูง มะเร็งตับอVอน ความจำเสอื่ ม มะเร็งเมด็ เลอื ดขาว ปลอกหSุมประสาทอกั เสบและพาร;กินสนั ผลวิจยั จากกรมวชิ าการเกษตร เกย2ี วกบั การ ปนเปือ7 นของสารปราบศตั รูพชื ในสง2ิ แวดล้อม โดยวเิ คราะหส์ ารปราบศตั รูพชื ในดินทบี2 ้าน ดินท2ีแปลงเกษตร นาํ 7 ที2แปลงเกษตร นํา7 ดื2ม ฝุ่นในบ้าน และฝ่นุ ที2มอื เด็ก จากตวั อย่างใน จงั หวดั นครสวรรค์ พิษณโุ ลก และยโสธร ผลวจิ ยั พบวVาสารเหลาV นปี้ นเป§อ£ นในส่ิงแวดลSอม ตงั้ แตVการฉดี สารปราบศัตรพู ชื ในแปลงเกษตรโดยตรง การฉีดสาร ปราบศัตรูพืชใกลSบSาน จนถึงการเก็บสารเคมีเหลVานั้นไวSภายในบSาน ศ.ดร.พรพิมล กองทิพย; ซึ่งเปGนหนึ่งในผูSท่ี ศึกษาเรอื่ งน้อี ยVางจริงจงั ไดกS ลVาวถึงผลกระทบจากสารพิษตกคาS งเหลาV นว้ี Vา ‘ไมมV ีใครสามารถรอดพนS จากพิษภยั ของ มันไดS’ ไมVทางใดก็ทางหนึ่ง เราลSวนไดSรับผลกระทบในรปู แบบใดรปู แบบหนึ่ง และวันหนึ่งระดับที่ปลอดภัยอาจ ไมVไดSมีอยูจV ริง ภาพรวมเกษตรอินทรียVในประเทศไทย การพัฒนาของเกษตรอินทรยี ;ในประเทศไทย เปนG การผสมผสานตามกระแสหลักของสงั คม คือ กระแสที่ 1 ความตื่นตัวในการหาทางเลือกใหมVทางการเกษตรเพือ่ หลีกใหSพSนจากวัฏจักรเกษตรเคมี โดยมีผูSนำ สำคญั คือเครอื ขาV ยเกษตรกรรมทางเลือก กระแสที่ 2 ความตื่นตัวดSานสุขภาพของผูSบริโภค ที่ทำใหSเกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติตVอสุขภาพมาเปGนแนวคดิ เร่อื งสุขภาพองคร; วมทใี่ หSความสำคัญกบั การดำเนนิ ชีวติ ประจำวัน กระแสที่ 3 ความตื่นตัวเรื่องของสิ่งแวดลSอม ที่เริ่มตSนจากความพยายามอนุรักษ;ทรัพยากรและสภาพแวดลSอม ตVอมาไดขS ยายตวั สูVความสนใจเรอ่ื งผลกระทบของเกษตรเคมที ี่มตี อV การใชทS ด่ี ิน ความหลากหลายทางชีวภาพ มลพษิ สารเคมี หรือแมแS ตกV ารปลVอยกา¿ ซเรอื นกระจก ที่เปนG สาเหตขุ องโลกรอS น

งานสัมมนาวิชาการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร ครัง้ ท่ี 10 60 พล(ของ)เมืองขับเคลอื่ นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสูส- ุขภาวะ ความม่ันคง และยั่งยนื ในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ ภาคการผลติ เกษตรอนิ ทรีย;ในประเทศไทยแบงV ออกเปGน 2 ประเภทคอื 1 การผลติ แบบพ่งึ พาตนเองและ แบบมกี ารรบั รองมาตรฐาน โดยการเกษตรอินทรียแ; บบพ่งึ พาตนเอง สVวนใหญเV ปGนการเกษตรแบบพนื้ บาS น ทำการ ผลิตเพื่อบริโภคในครอบครัวเปGนหลัก หากมีผลผลิตสVวนเกิน ก็จำหนVายในตลาดทSองถิ่น แตVไมVมีการรับรอง มาตรฐานจากหนVวยตรวจรบั รอง สวV นมากไดSรบั อทิ ธพิ ลแนวคดิ จากปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและหรือเกษตรยัง่ ยนื ผูSบริโภคเลือกซื้อผลผลิตเหลVานี้ เพราะใหSความเชื่อถือผูSผลิต 2 เกษตรอินทรีย;แบบที่มีการรับรองมาตรฐาน เกษตรกรสVวนใหญVจะเปGนเกษตรกรที่ทำการผลิตในเชิงการคSา โดยจำหนVายผVานทั้งระบบตลาดทั่วไปหรือตลาด ทางเลอื ก ผูSบริโภคที่อยูVหVางไกลจากผูSผลิต ก็พิจารณาเลือกซือ้ จากความเชือ่ ถอื ในตรารับรอง และหากไดSรบั การ รบั รองที่มีมาตรฐานของตาV งประเทศเกษตรกรกส็ ามารถสงV ผลผลติ ออกไปจำหนาV ยในตVางประเทศไดS การทำกสิกรรมไรDสารพิษรปู แบบแพทยวV ิถธี รรม กรณีศกึ ษาการทำกสกิ รรมไรสS ารพษิ ของชุมชนแพทย;วถิ ีธรรมบนภผู าฟาâ น้ำต. ปáาแป≠ อ.แมแV ตง จ.เชียงใหมV ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของภูผาฟาâ น้ำ เปนG ปáาตSนนำ้ มลี กั ษณะพ้นื ทส่ี งู ชนั อันเปนG ลักษณะที่คนในชุมชนไมV เคยมีประสบการณใ; นการทำกสิกรรมบนพื้นฐานบริบทลักษณะนี้ ดินเปGนดินเหนยี วที่แข็งแนVนประกอบกับคนใน ชุมชนสVวนใหญเV ปGนกลมุV บคุ คลที่ไมVมีทกั ษะในการทำเกษตร ชวV งเหตกุ ารณโ; รคระบาดโควดิ 19 กVอนท่จี ะเรมิ่ locked down ตนเอง พนื้ ทน่ี ยี้ ังไมVมีการปลกู พืชผกั ไมมV ีป≠ยุ สำเรจ็ รูป จึงเปGนสถานการณ;ในลักษณะเหมือนการเร่ิมตSนการ ทำกสกิ รรมจาก “ศูนย”; ทกุ องค;ประกอบของบรบิ ทพ้นื ท่เี ปนG สิง่ ทีต่ อS งศกึ ษาและเรียนรใSู หมV หลังจากการนำองค; ความรแSู ละประสบการณ;การทำกสกิ รรมไรSสารพิษทผี่ าV นมาจากชุมชนอ่ืนๆในเครอื ขVายแพทย;วิถีธรรม อาทิชุมชน ดอนตาล จ.มกดาหาร ชมุ ชนสระกระโจม จ.สพุ รรณบุรี ชุมชนชะอวด จ. นครศรีธรรมราช มาประยกุ ตใ; ชS ผVานมา 1 ปu ทง้ั ในชวV งการพัฒนาปรบั ปรงุ เรียนรแSู ละดดั แปลงการปลกู พชื ผักในชุมชนจนถงึ ปÉจจบุ ัน คนในชุมชนสามารถ อยรVู อดปลอดภยั มพี ืชผักเปนG อาหารทเ่ี พียงพอ มชี ีวิตท่แี ข็งแรง จิตใจผาสุกสามารถพง่ึ ตนเอง และมีพืชผักพอเหลอื ในการแบVงปนÉ สำหรับครวั เรอื นทอ่ี าศัยอยูVรอบๆ

งานสัมมนาวิชาการส-งเสริมและพัฒนาการเกษตร ครัง้ ที่ 10 61 พล(ของ)เมอื งขบั เคลอื่ นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสู-สุขภาวะ ความมั่นคง และยั่งยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ หลักการทำกสกิ รรมไรสS ารพิษแพทย;วิถีธรรม เนนS องคป; ระกอบ 2 สวV นคอื ดาS นรปู (วตั ถ)ุ และดาS นนาม (จติ )หลักการ คอื ดาS นรปู ธรรมใชทS รัพยากรในทSองถิ่นเปGน หลกั มหี นิ ใชSหนิ มกี งิ่ ไมSใชกS ง่ิ ไมS มฟี าง หญาS กใ็ ชสS งิ่ ที่มแี ละหาไดSงVาย ในพ้ืนท่ี ใชสS ่งิ ท่ปี ระหยัด เรียบงVาย ตามหลัก “จัตตารสิ ูตร” ( พระไตรปฎ° กเลมV ท่ี 25 ขอS 281) การทำปุ≠ยหมักจากเศษอาหารและนำ้ ซาวขSาว (กำจัดขยะอาหาร) เรยี นรSูการบริหารจดั การนำ้ จากแหลVงนำ้ ทมี่ ีใหเS กิดประโยชนส; งู สุด คำนงึ ถึงปÉจจัยเรอ่ื ง 1) พันธ;ุดี 2) ดินดี 3) น้ำดี 4) แสงดี ในดSานนามธรรม (จติ ) มีหลักคอื 1)อยาV ขเ้ี กยี จ ตอS งขยนั คือ ขยันใสVอินทรยี ;วตั ถใุ หมS ากๆ ขยนั ไปดูแล 2) อยVาใจรSอน ตSองใจเย็น 3) อยVาโลภ ตSองรูSจักพอ ทำอยVางมีคุณภาพไดSเทVาไหรV ก็เอาเทVานั้น ก็พอใจเทVานั้น 4) พอประมาณ คอื รเูS พยี รรพSู กั และจะเอาอะไรเขSาไป เอาอะไรออกมา หรอื ดำเนินการอะไรแคVไหน ประมาณใหSพอดี ใหSพืชเจริญเติบโตไดดS ี 5) รSจู กั แบงV ปÉนดSวยใจบริสุทธิ์เปนG ลำดับ โดยทัง้ หมดมปี จÉ จยั เลิศท่ีจะเพ่ิมประสิทธิภาพของ การทำกสิกรรมไรSสารพิษนำมาซึ่งความผาสุกอยVางย่ังยนื ตSองอยูบV นฐานของการมีศลี และมมี ิตรดี ตรงตามคำตรสั ขององค;สมเดจ็ พระสัมมาสัมพทุ ธเจาS ในธรรมกิ สูตรเลVมที่ 21 ขอS 70 วVา ถSาบคุ คลมีศลี จะทำใหดS วงดาว ดวงจนั ทร; ดวงอาทิตย; ฝนฟาâ จะตกตอS งตามฤดูกาล ขSาวปลาธัญญาหารจะเจรญิ งอกงามดี แบบจำลองความคดิ (system analysis) ในการสง- เสริมกสกิ รรมไรสD ารพิษเพ่ือความผาสุกอยา- งยัง่ ยืน INPUT PROCESS OUTPUT 1.ทฤษฎีการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ 1. แนวทางการสงV เสรมิ และพฒั นาการ ความผาสุก - S-R framework / เกษตรรายยVอย (HAPPINOMETER) 9 มติ ิ trial and error 2. แนวทางการสงV เสริมและพฒั นาการ d. ภาพลกั ษณ์ของมลู นธิ ิ เกษตรแบบการฝก¡ อบรม Happy Body (สุขภาพด)ี Happy Relax (ผอV นคลายดี) แพทยว์ ถิ ีธรรม 3. หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง Happy Heart (น้ำใจด)ี - ผู้นํา Happy Soul (จิตวิญญาณดี) - ชาวชุมชน (จติ อาสา) ttty ความพอประมาณ Happy Family (ครอบครวั ด)ี - การบริหารจัดการชมุ ชน Happy Society (สังคมด)ี - ความรบั ผิดชอบต่อสงั คมและ ความมีเหตผุ ล มิติสงั คม Happy Brain (ใฝáรดูS )ี การมีภูมิคมSุ กัน มติ ิเศรษฐกจิ Happy Money (สขุ ภาพเงินดี) สิ2งแวดล้อม ความรSู มติ ิสง2ิ แวดล้อม Happy work-life (การงานด)ี j.หลกั การทํากสกิ รรมไร้สารพิษ - รูปธรรม - นามธรรม คุณธรรม FEEDBACK

งานสัมมนาวิชาการส-งเสริมและพฒั นาการเกษตร ครัง้ ท่ี 10 62 พล(ของ)เมอื งขับเคลื่อนเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสูส- ขุ ภาวะ ความมนั่ คง และย่งั ยนื ในสภาวะปฏริ ูปประเทศ ทฤษฎกี ารเรยี นรูD กฎการเรยี นรSูของธอร;นไดค; สรปุ ไดSดังนี้ 1. กฎแหVงความพรอS ม (Law of readiness) การเรยี นรจSู ะเกดิ ขึ้นไดSดีถาS มคี วามพรอS มท้ังทางรVางกายและจติ ใจ 2. กฎแหVงการฝ¡กหัด (Law of exercise) การฝ¡กหัดหรือกระทำบVอยๆ ดSวยความเขSาใจจะทำใหSการเรียนรูSน้ัน คงทนถาวร 3. กฎแหVงการใชS (Law of use and disuse) การเรยี นรูเS กิดจากการเชือ่ มโยงระหวาV งสิง่ เราS (S) กับการตอบสนอง (R) ซ่งึ ความมน่ั คงของการเรยี นรจSู ะเกิดขึ้น หากไดSมกี ารนำไปใชบS อV ยๆ 4. กฎแหงV ผลท่พี งึ พอใจ (Law of effect) เมื่อบุคคลไดSรับผลท่ีพึงพอใจยอV มอยากจะเรียนรูSตอV ไป แตถV าS ไดSรับผลที่ ไมพV ึงพอใจจะไมVอยากเรียนรูS ภาพลักษณอV งคVกร อาจแตกตVางกันตามการรับรขSู อง กลุVมผรSู ับสาร แมจS ะเปGนองคก; รเดียวกนั กต็ าม กลาV วคอื กลุVม ผูSรับสารตVางกลุVมกัน อาจมีการรับรูSภาพลักษณ;องค;กร แตกตVางกัน แมSจะเปGนการรับรูSภาพลักษณ;ขององค;กร เดียวกนั กต็ าม โดยภาพลกั ษณอ; งค;กรของมูลนธิ ิแพทยว; ิถีธรรมแสดงถงึ อาหารไรSสารพิษ มงั สวริ ัติ คำนงึ ถึงสุขภาพ มีความเปGนอยูVเรียบงาV ย พอเพยี ง มธี รรมะ รบั ผิดชอบตVอสงั คม แนวทางการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตรรายย-อย มแี นวความคิดการพฒั นาที่ตอS งการเนSนคนเปนG ศูนย;กลางใน การพัฒนา โดยยึดตัวบคุ คลเปGนหลัก ไมVไดSเนSน การพฒั นาเศรษฐกจิ หรือเทคโนโลยตี Vางๆ แตเV นนS ทบ่ี คุ คลเปâาหมาย เชนV การสรSางองค;ความรSทู ี่เหมาะสมเกี่ยวกับการประกอบอาชพี เกษตร การสรSางความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และรายไดใS หSแกเV กษตรกร การสรSางภูมคิ มุS กนั และเสรมิ สราS งขดี ความสามารถใหกS บั เกษตรกรสามารถรบั มอื กบั การ เปลีย่ นแปลงรอบดาS นและการสรSางความมนั่ คงปลอดภยั ดSานอาหารในครัวเรอื นเกษตรกร โดยแนวทางของแพทย; วิถีธรรมเนSน การพัฒนาที่ทำตามลำดับขั้นตอน เริ่มจากสรSางพื้นฐานคือความพอมีพอกิน พอใชS ของครัวเรือน เกษตรเปGนเบอื้ งตSนกอV น ผลผลติ สVวนเกนิ จงึ คอV ยนำไปขาย หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เปนG ปรัชญาที่ช้ถี งึ แนวการดำรงอยVูและปฏิบัติตนของประชาชน ในทุกระดับ ตั้งแตVระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศใหดS ำเนินไป ในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่อื ใหSกาS วทนั ตอV โลกยุคโลกาภวิ ฒั น; ประเดน็ การสงV เสริมการทำ กสกิ รรมไรSสารพษิ เพือ่ ความผาสกุ อยาV งย่ังยืนไดSนำหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาเปGนแนวทางดงั นี้ มิติทางดSานเศรษฐกจิ คนในชมุ ชนเนนS การปฏิบตั ิตนแบบวรรณะ9 คือ เปนG คนเลีย้ งงVาย บำรุงงVาย มกั นSอยกลาS จน สนั โดษใจพอ ขัดเกลา กำจัดกเิ ลส มีศลี เครVง มอี าการนาV เล่อื มใส ไมVสะสม ปรารภความเพียร ยอดขยนั ลดรายจาV ยคVาอาหารจาก การกินพชื ท่ีปลกู เปGนหลกั เปนG การลดภาระคVารกั ษาพยาบาลทอ่ี าจเกิดข้ึนจากการเจบ็ ปáวย เพราะเปนG การทำกสิกร รมทีค่ ำนงึ ถงึ เรื่องความสมดุล มกี ารใชหS นิ เปนG กุญแจสำคญั ของการปรบั สมดุลรSอนเยน็ ดินมหี นSาที่เก็บธาตุอาหาร

งานสมั มนาวิชาการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร คร้งั ที่ 10 63 พล(ของ)เมืองขับเคล่ือนเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมส-ูสุขภาวะ ความมั่นคง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ ใหSกับพชื สVวนอินทรียวัตถุนั้นจะเปGนปุย≠ และเพ่ิมโพรงอากาศในดิน ชVวยใหSน้ำและอากาศในดินแทรกซึมข้นึ ลงไดS สะดวก รวมทั้งเปGนตัวชVวยอุSมและเก็บน้ำไวSดSวย ซึ่งมีหลักการคลSายๆกับการสรSางสมดุลในเซลลร; Vางกายมนุษย; กลVาวคือถSาสภาพรVางกายคนเราไมVรSอนเกินไป และไมVเย็นเกินไป เปGนอยVางกลางๆที่มีสภาพสมดุลก็จะนำมาซี่ง รVางกายท่แี ข็งแรง ดงั น้ันในการอบรมคVายกสิกรรมไรSสารพษิ ของมลู นิธิแพทยว; ถิ ธี รรม จงึ อธบิ ายถงึ การปลกู พืชและ การรับประทานพืชใหSเหมาะกับสมดลุ รSอนเย็นประกอบดSวย มิติทางดSานสังคม เนอ่ื งจากเปนG การทำกสิกรรมทม่ี ีศลี เปGนหนึ่งในองคป; ระกอบที่คอยกำกบั ความอยากมี อยากเปGนใหSอยูVใน ระดับท่ีพอดีเพื่อประโยชน;สขุ ของทุกสรรพ;สิง่ บนโลกน้ี จัดทำแครVแบVงปÉนโดยแจกขาS ว และพืชผักไรSสารพิษหนาS ชุมชนทุกวันศุกร; เผยแพรVและถVายทอดความรูSการทำกสิกรรมผVานการจัดคVายออนไลน; ในยุคโควิด และจัดการ ฝ¡กอบรมในรปู แบบเขาS คาV ยอบรมระยะเวลา 5-7วนั โดยไมมV คี VาใชSจาV ยในภาวะปรกติ เราควรเริ่มทำการเกษตรดSวยแนวคิดนี้เพื่อการสรSางฐานความมั่นคงในระดับครัวเรือนเกษตรกรกVอนขยายไปสูV ระดบั ชมุ ชน และตVอยอดไปสVูระดบั ประเทศชาติ มติ ิดSานส่งิ แวดลอS ม มีการใชSธรรมชาติอยVางพอประมาณและรูSคุณคVา เชVน ทรัพยากรน้ำ และปáาไมS สรSางความยั่งยืนใหSเกิด ขึ้นกับสิ่งแวดลSอมท่ีจะสามารถดำรงอยVูถึงลกู หลานในอนาคต สามารถสราS งความยัง่ ยืนที่จะมีอาหารที่สะอาด ไรS สารพิษ เพยี งพอแกกV ารบรโิ ภคดงั ตวั อยาV งชุมชนภผู าฟâาน้ำ และเครอื ขVายมลู นธิ ิแพทยว; ิถธี รรมทัว่ โลก สราS งสรรค;สภาพแวดลSอมในการดำเนนิ ชวี ติ อยาV งยัง่ ยนื เปGนหลกั การปลกู พชื ท่ียดึ หลักของการไมเV บยี ดเบยี นซ่ึงกัน และกัน สรSางความยตุ ิธรรมใหSเกิดข้นึ กับทกุ สรรพส่ิง รวมถึงการไมVโลภ ทำบนความพอดพี อเหมาะ เครอื่ งมือวัดความสุข (Happinometer) คือเครือ่ งมอื วัดความสุขทบ่ี ุคคล สามารถวัดดSวยตัวเองเปGนแนวคิดเสมือนการใชปS รอทมาวัดความรูสS ึกและประสบการณ;ท่ีสะทSอนจากมิติคุณภาพ ชีวิตของตนเอง สามารถใชSวัดความสุขของคนทำงานไดSในองค;กรทุกภาคสVวนและสามารถทราบคะแนนเฉลี่ย ความสขุ ของตนเองไดSทนั ที สามารถตดิ ตามประเมินผลคุณภาพชีวิตและความสขุ ของตนเองในเวลาปจÉ จบุ นั Real Time อยVางตอV เนอื่ งเปGนระยะๆ ความสุข 9 มติ ขิ อง Happinometer มีมิตดิ งั น้ี 1 สุขภาพดี ( Happy Body) หมายถึงการที่บุคคลมีสุขภาพรVางกายแข็งแรงสมสVวนมพี ฤติกรรมการบริโภคที่ดมี ี ความพึงพอใจสภาวะสขุ ภาพกายของตนเอง

งานสัมมนาวชิ าการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร ครั้งท่ี 10 64 พล(ของ)เมอื งขบั เคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสู-สขุ ภาวะ ความม่ันคง และยงั่ ยนื ในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ 2 ผอV นคลายดี (Happy Relax) หมายถงึ การทบ่ี คุ คลสามารถบริหารเวลาในแตVละวันเพื่อพักผVอนไดอS ยVางมีคุณภาพ พอใจกับการบรหิ ารจัดการปÉญหาของตนเองและทำชวี ติ ใหSงาV ยๆสบายๆ 3 นำ้ ใจดี (Happy Heart) หมายถงึ การท่บี ุคคลมจี ติ สาธารณะมีสวV นรVวมในการสราS งประโยชนใ; หกS บั สวV นรวมและมี เมตตากับคนรอบขSาง 4 จติ วิญญาณดี (Happy Soul) หมายถงึ การท่ีบุคคลมีความตระหนักถงึ คณุ ธรรมและศลี ธรรม รแSู พSรูชS นะรูS จักใหS และมีความกตัญ¬ูรคูS ุณ 5 ครอบครัวดี (Happy Family) หมายถึงการที่บุคคลมีความรูSสึกผูกพันเชื่อใจ มั่นใจและอุVนใจกับบุคคลใน ครอบครัวของตนเอง 6 สังคมดี (Happy Society) หมายถึงการที่บุคคลมีความสมั พันธ;ที่ดีตVอเพื่อนบSานไมทV ำใหSผูSอ่ืนเดือดรSอนไมVเอา เปรยี บผคูS นรอบขาS งไมทV ำใหSสังคมเส่อื มถอย 7 ใฝáรูSดี (Happy Brain) หมายถึงการที่บุคคลมคี วามตื่นตัวกระตอื รือรนS ในการเรียนรูSสิ่งใหมVๆ เพื่อปรบั ตัวใหSเทVา ทนั และตั้งรับการเปลย่ี นแปลงไดตS ลอดเวลา 8 สขุ ภาพเงนิ ดี (Happy Money) หมายถึงการท่บี คุ คลมวี นิ ัยในการใชSจVายเงิน มีความสามารถและพึงพอใจในการ บริหารจัดการระบบการรับจVายและออมเงนิ 9 การงานดี (Happy work-life) หมายถึงการทบ่ี คุ คลมคี วามสบายใจในทที่ ำงาน มคี วามรักความผูกพันและความ ภมู ใิ จในองค;กร มคี วามม่ันใจในอาชพี และมคี วามพงึ พอใจกับความกSาวหนาS ของตนเอง บรรณานุกรม กรมวิชาการเกษตร. (2563). ประเดน็ งานวจิ ัยและสถานการณCด>านสุขภาพและสงิ่ แวดล>อม. วชิ าการเพ่ือเตือนภัย สารเคมีกำจดั ศตั รพู ืช, โรงแรมริชมอนด; จ.นนทบุรี. ใจเพชร กลาS จน. (2564). รายการธรรมะพาพSนทกุ ข;. [ออนไลน]; . เขSาถงึ ไดSจาก มหาวิทยาลัยมหดิ ล. (2562). สารพิษอาบแผVนดนิ ! นกั วิจัยชี้ พษิ จากสารเคมปี ราบศัตรพู ืชสงV ตรงจากแมVถงึ ลกู นSอยไดSจริง. ไทยรฐั ออนไลน.C Retrieved from www.thairath.co.th/news/local/1674450 ศริ นิ ันท; กิตตสิ ขุ สถิต. (2555). คมู[ อื การวดั ความสขุ ด>วยตนเอง (HAPPINOMETER). นครปฐม: สถาบันวิจยั ประชากรและสังคมมหาวิทยาลยั มหดิ ล.

งานสมั มนาวิชาการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร ครง้ั ท่ี 10 65 พล(ของ)เมอื งขับเคลอื่ นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมสส-ู ขุ ภาวะ ความมนั่ คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ การสรDางความม่ันคงทางอาหารของเกษตรกรอินทรยี V นางสาวกิ่งดอกดิน กลาS จน สาขาเกษตรศาสตรแ; ละสหกรณ; มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช E-mail: [email protected] บทคดั ยอ- บทความเรื่องการสรSางความม่ันคงทางอาหารของเกษตรกรอินทรีย;มีวัตถปุ ระสงคเ; พ่ือศกึ ษาและวเิ คราะห; ความมั่นคงทางอาหารที่สัมพันธ;กับวิถีของการทำเกษตรอินทรีย; และคSนหาแนวทางการพัฒนาความมั่นคงทาง อาหารของชุมชนเกษตรอินทรีย; จากการศึกษาพบวVาเกษตรอินทรีย;เปGนกระบวนการที่บริสุทธิ์ผลผลิตทางการ เกษตรคอื สง่ิ หลอมรวม การเมอื ง สังคม เศรษฐกจิ และนเิ วศนเ; ขSาดวS ยกันความมั่นคงทางอาหารมีความสำคญั และมี ผลกระทบอยาV งมากตVอมนุษยท; ุกชมุ ชน สังคม และโลกท้งั ในปจÉ จุบันและอนาคตความมนั่ คงทางอาหารในมุมมอง ของเกษตรอินทรยี ; คือ ความสามารถในการเขาS ถึงแหลงV อาหาร การเสริมสราS ง เศรษฐกจิ ครัวเรือน การมวี ัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนพึ่งพา และการมีสุขภาพที่ดี วิถีของการทำเกษตรอินทรีย; ดSานการผลิต การแสวงหารายไดS วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลSอม มีความสัมพนั ธ;กับความมั่นคงทางอาหารในแงกV ารเขาS ถงึ อาหาร ปลอดภัย อยVางพอเพียง ความพอเพียงดSานเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของการผลิตอาหาร และแนวทางพัฒนา ความ มั่นคงทางอาหาร แบVงออกเปGนแนวทางการพัฒนาระดับ ชุมชน ไดSแกV การพัฒนาและสืบทอดความรูSดSาน เกษตรอนิ ทรยี ; การขยายผลการทำเกษตรอนิ ทรยี ; การสราS งเครือขาV ย การเพ่มิ ขีดความสามารถในการปรบั ตวั การ สรSางการมีสVวนรVวมในการดูแล ดิน น้ำ ปáา และการเพ่ิมประสิทธิภาพการสนับสนุนของหนVวยงาน สVวนแนวทาง สนับสนนุ เชิงนโยบาย ไดSแกV การกำหนดการใชSประโยชน; ที่ดินเพือ่ การเกษตร การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร จัดการน้ำการสVงเสริมพันธุกรรมพชื ทSองถน่ิ ในการเพาะปลกู การสVงเสริมการเกษตรแบบพ่ึงตนเอง และการพัฒนา เกษตรกรรุนV ใหมV คำสำคญั : การสรSางความม่ันคงทางอาหาร เกษตรกรอนิ ทรยี ; บทนำ ความม่นั คงทางอาหารเปนG ประเดน็ สำคญั ทอี่ ยูVในความสนใจของคนทว่ั โลก นบั แตVเกิดวิกฤติการณ;น้ำมันและ อาหารราวทศวรรษที่ 1970 องค;การอาหารและเกษตรกรรมแหVงสหประชาชาติบงV ช้ีวVา แมจS ำนวนผูSท่ไี ดSรับอาหาร ไมVเพียงพอจากทั่วโลกกำลังมีแนวโนSมลดลงนับตั้งแตVปu ค.ศ. 1990 จนถึงปu ค.ศ. 2013 แตVประชากรในประเทศ กำลงั พฒั นาประมาณ 827 ลาS นคน ยังขาดแคลนอาหารและทกุ ข;ทรมานจากความหวิ โหย ดงั น้ันจงึ จำเปGนทีจ่ ะตอS ง

งานสัมมนาวิชาการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครัง้ ท่ี 10 66 พล(ของ)เมืองขบั เคลอ่ื นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสู-สขุ ภาวะ ความมัน่ คง และยง่ั ยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ บรรเทาปÉญหานี้ (FAO, IFAD and WFP, 2013) ในการประชุม World Summit ปu ค.ศ. 2559 องค;การอาหาร และเกษตรกรรมแหVงสหประชาชาติ ระบุวVาความมั่นคงทางอาหารเก่ียวขSองกับ 4 มิติ ไดSแกV ความพอเพียงดSาน อาหาร การเขาS ถงึ เชงิ เศรษฐกิจและกายภาพ การใชปS ระโยชน; และเสถียรภาพหรอื ความเสยี่ งตVอประเด็นน้ี ความ ทSาทายหนึ่ง คอื การผลิตอาหารอยVางยัง่ ยืนและเปGนมติ รกับสงิ่ แวดลSอม รวมท้ังความสามารถในการกระจายอาหาร ใหSครอบคลุมไปถึงกลุVมประเทศยากจน ประเทศไทยเปGนหนึ่งในผูสS VงออกผลผลิตสVวนเกนิ ทางการเกษตรออกสูV ตลาดการคSาอาหารของโลกผลผลิตสVวนเกินดูจะทำใหเS กิดความกSาวหนSาในหลายภาคสVวน ทั้งภาคธุรกิจและภาค การเกษตรตลอดจนสVงเสริมความมั่นคงทางอาหาร เชVน ความกSาวหนSาทางการเกษตรในการสรSางเมล็ดพันธุ;ท่ี ตSานทานตVอวัชพืช ทนทานตVอโรคและศัตรูพชื ผลไมSมีขนาดตามมาตรฐาน สุกชSา กระทั่งลดตSนทุนการผลิตทำใหS เกิดการผลิตพืชอาหารที่เพียงพอตVอความตSองการของประชากร ทวVาความกSาวหนSาดังกลVาวเปGนการละเลยตVอ ผลกระทบตVอสุขภาวะมนุษย; สงั คม และสิง่ แวดลSอม เมอื่ เวลาผาV นไปผลผลิตทางการเกษตรที่ไดกS ลบั ไมเV ปGนไปตาม แผน สVงผลทำใหSสังคมกำลังเผชิญกับสภาวะการผลิตอาหารไมVพอเพียงตVอความตSองการของประชากร ภายในประเทศ โดยเฉพาะอยาV งย่ิงเกษตรกรหรอื ผทูS ีอ่ าศัยอยูVในชนบทหาV งไกล เกษตรกรไทยนบั สบิ ลาS นคนอยใVู นวงั วนความยากจน หนส้ี นิ และคุณภาพชวี ิตตกต่ำจากพิษภัยสารเคมี ขณะท่ีความสามารถในการพึ่งพาอาหารในไรVนา ของตนเองไดS มีเพยี งรอS ยละ 29.74 (มลู นิธชิ ีววิถ,ี 2553) แนวคิดการพัฒนาการเกษตร ดเิ รก ฤกษห; รVาย (2543; น.140) ไดSสรุปทศิ ทางการพฒั นาทีเ่ ปGนที่ยอมรับในกลVุมนกั พัฒนา ดงั น้ี ระบบเครือขาV ย (network) หมายถงึ “การรวมตัวของกลุVมคนทม่ี ากกวาV 4-5 คน ทเี่ กิดจากการมคี วามเปGน หนึ่งเดียวกัน (solidarity = การมีความตSองการรVวมทีเ่ กิดจากปÉญหารVวม และความสนใจรVวมของกลุVมเปาâ หมาย) หรอื จากการจัดตั้งตามระบบของภาครัฐหรอื เอกชนในรปู แบบของโครงสราS งเครอื ขาV ยตVาง ๆ สVวนใหญมV กั ริเร่มิ จาก พื้นที่เดียวกันหรือตVางกันก็ไดSหากมีการติดตVอกันอยVางใกลSชิดดSวยหลักการของการพัฒนาเชิงบูรณาการ (integrated development) วัตถุประสงค;ที่จะเกิดพลังรวV ม (synergy) ในการระดมสรรพกำลังเริ่มตSนจากการ แสวงจุดรVวม สงวนจุดตาV งเพอื่ บรรลุตามขSอตกลงรวV ม (consensus) ที่ทุกฝáายมีเปâาหมายที่เกิดจากผลประโยชน; รVวม (common benefit) ในสถานการณ;ชนะ-ชนะ (win-win situation) ดSวยการทำงานเชิงรุก (proactive) ที่ เนSนการรองรับการสนับสนุนสVวนใหญVในเรือ่ งของการตลาด (การสนองความพึงพอใจในความคาดหวังตามความ ตSองการและการเพิม่ คุณคVาของกลุVมลูกคSาเปาâ หมาย และนวัตกรรมทีเ่ หมาะสม” (ดิเรก ฤกษ;หรVาย, 2556;น.6-8) จากขSอมูลดังกลVาวขSางตSน จะเห็นวVาการสVงเสริมและพัฒนาดSานการเกษตรเก่ียวขSองกับหลายฝáายทั้งเกษตรกรท่ี เปนG รายบุคคล รายกลVมุ องคก; รการเกษตร ที่เปGนฝáายผูกS ระทำและเจาS หนSาที่รัฐจากกระทรวงท่เี ก่ียวขอS ง/เจSาหนาS ท่ี เอกชนเปนG ผูSสนบั สนนุ ตามบทบาทของผนูS ำ การเปลย่ี นแปลง 4 ประการหลกั คอื 1) ผSกู ระตSนุ 2) ผSูเรVงปฏกิ ิริยา 3) ผูSสนับสนุนการจดั ตง้ั องค;กรและ 4) เปนG แหลงV ของการสVงผาV นขSอมลู ทต่ี SองใชSการมีสวV นรVวมของกลมุV เปาâ หมายในการ

งานสมั มนาวิชาการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้งั ที่ 10 67 พล(ของ)เมืองขับเคลื่อนเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมส-ูสขุ ภาวะ ความมน่ั คง และยั่งยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ วเิ คราะหร; ะบบเพ่อื กำหนดสภาพปÉญหาทเ่ี ปGนการกำหนดภาพรวมขององค;กรในอนาคตทงั้ ภาพบวกและ ภาพลบ เพื่อกำหนดปÉญหาอนาคตและโจทย;ที่ตSองการคำตอบลVวงหนSา โดยการมองที่สถานการณ;ปจÉ จุบันวาV เราอยูVท่ไี หน และจะไปที่เปâาหมายใด ซึ่งเปGนความตอS งการรวV มของคนสวV นใหญใV นชมุ ชนที่สนองความคาดหวงั ดาS นความตSองการ ความพึงพอใจ และการเพิ่มคุณคVาของกลุVมเปาâ หมาย โดยใชSพลังรVวมเพื่อใหSเกิดผลไดSท้ังในเชิงวิชาการและการ ปฏบิ ตั ใิ นการเพมิ่ ขีดความสามารถของคนในองคก; ร โดยใชรS ูปแบบการประชมุ แบบมีสวV นรVวมเพ่อื ระดมความคดิ ใน รูปแบบของการวเิ คราะห;สภาพขององคก; ร ณ ปÉจจุบัน หรือทเี่ รียกวาV SWOT analysis เพื่อวเิ คราะห;สถานการณ; พืน้ ฐานทางเศรษฐกิจ สังคม ส่งิ แวดลอS ม และทรพั ยากร เพ่อื กำหนดปจÉ จัยใดภายนอกเปนG โอกาส และภาวะคกุ คาม ปÉจจัยใดภายในองค;กรเปGนจุดแข็ง จุดอVอน แลSวกำหนดกลยุทธ;พืน้ ฐานจากเปGนการจับคูรV ะหวVางปÉจจัยภายนอก (external factors) กบั ปจÉ จัยภายใน (internal factors) ทไ่ี ดSมาจากการวิเคราะห; SWOT Analysis ทเ่ี รยี กวาV การ ทาํ TOWS matrix ใชกS ารระดมพลงั สมอง (brain storming) เม่อื ตอS งการใหทS ุกคนมสี วV นรVวมในการตอบโจทยแ; ละ ใชกS ารสนทนากลมุV หรือท่เี รยี กวาV focus group เม่ือตอS งการตอบโจทยเ; รื่องใดเรือ่ งหน่งึ เปGนตSน โดยการประเมิน องค;กรดวS ยระบบการบริหารงานและประเมินผลทัว่ ท้งั องคก; รใน 4 มมุ มองตามกรอบของ balanced score cards : BSC ใน เร่อื งของการเรยี นรSูเพอื่ การเตบิ โต การปรับกระบวนการภายในองค;กรของกลุVมเปาâ หมาย ในการบรรลุถงึ ผลประโยชน;ของผูSมีสVวนไดSสVวนเสีย (stakeholders) ดSวยการใชSทรัพยากรอยVางมีคุณคVาสูงสุด ในอันที่จะ ตอบสนองความคาดหวังของกลVมุ ลูกคาS เปâาหมายในเร่ืองความตอS งการ ความพึงพอใจและการเพิ่มคณุ คVา (values creation) การพัฒนาชุมชนตามแนวคดิ การพัฒนาทยี่ ั่งยนื ของหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งทำใหSเกิดชุมชนตSนแบบที่ เนนS การพัฒนาคนเปนG ศนู ยก; ลาง (ประภาพร ขอไพบูลย,; 2555) ทำใหชS มุ ชนเหน็ ความสำคญั ของการสรSางเครือขVาย ความมั่นคงทางอาหาร แมSการสรSางเครือขVายการจัดการชุมชนเปGนเรือ่ งทีล่ ะเอียดอVอน จำเปGนตSองมีการวางแผน จัดการ มปี ระสบการณ;และทักษะในการดำเนินงานที่ดเี พยี งพอ โดยเฉพาะการทำความเขSาใจกบั บริบทของชุมชน ท้งั ในเชงิ พื้นท่ี ชาติพันธุ; วัฒนธรรมและจารีตชมุ ชน รวมทั้งทัศนคติทช่ี มุ ชนมีตVอการจดั การตVอปÉญหาของรัฐตั้งแตV อดีตทผ่ี าV นมาจนกระทั่งปÉจจบุ นั เพื่อใหSเกิดการจัดการแบบสหวิทยาการมากทส่ี ดุ รวมถึงการสราS งภูมคิ Sุมกนั ทดี่ ีของ ชมุ ชน ในการจดั การทรัพยากรธรรมชาตทิ ีจ่ ำเปGนตSองเรม่ิ ตSนทก่ี ารพฒั นาบทบาทของผSนู ำชุมชนใหSมีความรูSความ เขาS ใจในการอนรุ ักษ;ทรพั ยากรธรรมชาติ โดยควรสVงเสรมิ ชักนำ และโนSมนาS วใจใหคS นในชมุ ชนสรSางความรวV มมอื ใน การดำเนินงานตVาง ๆ อยVางตVอเนื่อง และการขยายแนวรVวมในการดำเนินงานในรูปของเครือขVายใหSกวSางขวาง ยิ่งขึ้น การมีเครือขVายชุมชนเปGนแนวทางในการเสริมสรSางการเรียนรSูรVวมกัน ทัง้ ในดSานการวเิ คราะห;ปÉญหา การ วางแผน และการตดั สินใจในการแกไS ขปÉญหา เพ่อื ลดขอS ขดั แยSงในการจัดการทรัพยากรธรรมชาตใิ นระดบั ชมุ ชนใหS เกิดผลสำเร็จ การรวมกลุVมชุมชนในรูปแบบเครือขVาย เปGนการประสานความรVวมมือเชิงพื้นที่และตSองอาศัย องคป; ระกอบหลายประการมาสนับสนุนการเรยี นรูS เชนV ผนูS ำ แผนงาน งบประมาณ หนวV ยงานสนับสนุน หSวงเวลา พื้นที่เปâาหมาย ตลอดจนการมีสVวนรVวมของสมาชิกของเครือขVาย ผูSเกี่ยวขSองจึงตSองเตรียมความพรSอมของ

งานสมั มนาวชิ าการส-งเสริมและพัฒนาการเกษตร ครงั้ ที่ 10 68 พล(ของ)เมืองขบั เคลือ่ นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมสู-สุขภาวะ ความมนั่ คง และยง่ั ยนื ในสภาวะปฏิรูปประเทศ องค;ประกอบเหลาV นี้ เพื่อใหสS ามารถสรSางเครือขVายการเรยี นรSูอยVางเปGนรูปธรรม ซึ่งการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาดำเนินงานพฒั นาเครือขVาย ใน 6 ดSาน คือ ดSานการลดรายจVาย ดSานการเพิม่ รายไดS ดSานการประหยัด ดาS นการเรียนรSู ดSานการอนรุ ักษส; ิ่งแวดลSอม และดาS นการเอ้อื อารตี อV กันเพ่อื ไดขS ยายผลสูVความยั่งยืนโดยการสรSาง เครอื ขาV ยเพื่อเปนG ตSนแบบ ซ่งึ แบงV เปนG 3 ระดบั ไดSแกV 1) ระดบั พออยVู พอกนิ 2) ระดบั อยูVดกี ินดแี ละ 3) ระดับม่ังมี ศรีสุข เปGนตSนแบบการบริหารการพัฒนาในรูปแบบองค;กรเครือขVายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ขยายโอกาสในการประกอบอาชีพ และสVงเสริมการจัดสวัสดิการ ใหSแกVคนในชุมชน (พรทิพย; ติลกานันท,; 2557) จนกระทั่งเกิดเปGนชุมชนบริหารจัดการตนเอง มีกระบวนการขับเคลื่อนที่มีพลังที่สุดในปÉจจุบัน และถSาชุมชน ทSองถิน่ สามารถจดั การอาหารดSวยตนเองไดโS ดยใชSศกั ยภาพ ความรSู ภมู ปิ Éญญา ความสามารถทีต่ นมอี ยVู อีกทั้งยังมี ฐานทางวัฒนธรรมชุมชนและฐานทางทรัพยากร เปGนเกราะกำบังความไมVมั่นคงทางอาหาร โดยความมั่นคงทาง อาหารของชมุ ชน หมายถึง สถานภาพของชุมชนที่ สามารถพึ่งตนเอง ดSานอาหาร จากการมปี รมิ าณอาหารอยVาง พอเพียงทั้งประเภทและชนิดของ อาหารทีห่ ลากหลายมีชVองทางการเขSาถึงอาหารท่ีมีความปลอดภัยและมคี ณุ คาV คุณประโยชน;ตVอสขุ ภาพราV งกายไดงS าV ยและหลากหลาย ความมั่นคงทางอาหารมีความสำคัญและมีผลกระทบอยVางมากตVอมนุษย;ทุกชุมชน สังคม และโลกทั้งใน ปÉจจบุ ันและอนาคต โดยชุมชนเกษตรกรรมเปGนฐานทรัพยากรอาหาร แหลVงผลติ อาหาร และเปGนหัวใจสำคญั ของ การสราS งเสรมิ ความมัน่ คงทางอาหาร เครอื ขVายเปนG สงิ่ สำคญั เปนG พลงั การพัฒนาอนั ทรงคณุ คาV และมีอำนาจสามารถ ชVวยยกระดบั (Leverage) ศักยภาพขององค;กร ชุมชน ทSองถิ่นในสงั คม เพื่อการพัฒนาคนและชVวยสรSางเสริมใหS บคุ คลมคี วามรคSู วามสามารถ และนำไปสVกู ารสราS งความมัน่ คงทางอาหารของชมุ ชนและสงั คม รปู แบบการจดั การเครือขาV ยชมุ ชนเพื่อความม่ันคงทางอาหาร ทมี่ า : นฤมล ดําอVอน (2563)

งานสัมมนาวิชาการสง- เสริมและพัฒนาการเกษตร คร้ังที่ 10 69 พล(ของ)เมืองขับเคล่ือนเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมสูส- ุขภาวะ ความมน่ั คง และย่ังยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ แนวคิดเกยี่ วกับเกษตรอนิ ทรียV สหพันธ;เกษตรอินทรีย;นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements - IFOAM) ไดSบญั ญตั วิ Vาเกษตรอนิ ทรยี ; คือ ระบบการเกษตรทผี่ ลิตอาหารและเสSนใย ดSวยความยงั่ ยนื ทางสิง่ แวดลSอม สังคมและเศรษฐกิจ โดยเนSนหลกั การปรบั ปรงุ บำรงุ ดนิ การเคารพตอV ศักยภาพทางธรรมชาตขิ องพชื สัตวแ; ละนเิ วศ เกษตรอนิ ทรีย;จึงลดการใชปS จÉ จัยการผลติ จากภายนอกและหลกี เล่ียงการใชSสารเคมสี งั เคราะห; เชนV ป≠ยุ เคมี สารเคมี กำจัดศัตรูพืช และเวชภัณฑ;สำหรับสัตว; ในขณะเดียวกันก็พยายามประยุกต;ใชSธรรมชาตใิ นการเพิ่มผลผลิตและ พัฒนาความตSานทานตVอโรคของพืชและสัตว;เลี้ยง หลักการเกษตรอินทรีย;นี้เปGนหลักการสากลที่สอดคลSองกับ เงอื่ นไขทางเศรษฐกจิ สังคม ภูมิอากาศ และวัฒนธรรมของทอS งถ่ินดSวย Organic Trade Association กลVาววาV สนิ คาS เกษตรอินทรีย; หมายถึง สนิ คาS เกษตรท่ผี ลิตขึน้ โดยยดึ หลกั ชวี วิธีดังนี้ คือ เปGนการผลิตอาหารที่มีคุณคVาทางโภชนาการและปลอดภัยจากอันตรายของสารพิษ ไมVใชSปุ≠ยเคมี สารเคมปี อâ งกันและกำจัดศตั รพู ืช/วัชพชื ไมVใชสS ารเคมีกระตนSุ การเจริญเตบิ โตของพืชและสัตว; ตลอดจนไมVใชSพืชท่ี เกิดจากการตัดตVอพันธุกรรม เนSนการรกั ษาระดับความอุดมสมบูรณ;และคุณภาพของดินในสภาพธรรมชาติ การ รักษาสภาพแวดลSอมความหลากหลายทางชีวภาพและการสVงเสริมระบบการเกษตรที่ยั่งยืนรวมทัง้ คำนึงถึงความ เปGนอยูV สุขอนามัยของเกษตรกรในการดำรงชีวิต และความปลอดภัยในสภาพแวดลSอมของการทำงาน สำนักงานมาตรฐานสนิ คSาเกษตรและอาหารแหงV ชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณไ; ดS ใหSคำจำกัด ความของเกษตรอินทรีย;ไวSวVา “เกษตรอินทรีย; (Organic agriculture) หมายถึง ระบบการจัดการการผลิตดSาน การเกษตรแบบองคร; วมทเ่ี กอื้ หนุนตVอระบบนเิ วศรวมถงึ ความหลากหลายทางชีวภาพ วงจรชวี ภาพ โดยเนนS การใชS วัสดุธรรมชาติหลีกเลี่ยงการใชSวัตถุดิบจากการสังเคราะห;และไมVใชSพืชสัตว;หรอื จุลินทรีย;ที่ไดSมาจากเทคนิคการ ดัดแปลงพันธุกรรม (genetic modification) หรือพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) มีการจัดการกับ ผลิตภณั ฑ;โดยเนSนการแปรรูปดSวยความระมดั ระวังเพ่อื รักษาสภาพการเปนG เกษตรอินทรยี แ; ละคุณภาพท่สี ำคัญของ ผลติ ภณั ฑ;ในทุกขนั้ ตอน” (http://it.doa.go.th/organic/) เกษตรอนิ ทรยี ; คือ ระบบการผลิตทางการเกษตรดSวยความยงั่ ยนื ทางสิง่ แวดลอS ม สังคม เศรษฐกิจ โดยเนSน หลักการปรับปรงุ บำรงุ ดนิ การเคารพตอV ศักยภาพทางธรรมชาติของพืช สัตว;และนเิ วศการเกษตร เกษตรอินทรียจ; งึ ลดการใชปS Éจจยั การผลติ จากภายนอก และหลกี เล่ียงการใชSสารเคมสี ังเคราะห; เชนV ปย≠ุ สารกำจดั ศัตรพู ชื สารเรVง การเจริญเตบิ โตของพืชและสัตวเ; วชภัณฑ;สำหรบั สัตวร; วมท้งั สง่ิ มีชวี ิตดดั แปลงพันธุกรรม เกษตรอินทรีย;เปนG ระบบเกษตรกรรมรปู แบบหนึ่งทเี่ ปGนทางเลือกท่ีดีของเกษตรกร เพราะเปนG ระบบทมี่ ีความ ยั่งยืนและเชื่อมโยงกับความปลอดภยั ความมั่นคงทางอาหาร และสุขภาวะของผูSที่เกี่ยวขSองในหVวงโซVอาหารทกุ กลมุV

งานสัมมนาวชิ าการส-งเสริมและพัฒนาการเกษตร คร้ังที่ 10 70 พล(ของ)เมอื งขบั เคล่อื นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมส-ูสุขภาวะ ความมน่ั คง และยั่งยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ หลกั การสำคญั ของเกษตรอินทรยี V สหพันธก; ารเกษตรอินทรีย;ระหวาV งประเทศ ไดใS หคS ำจำกดั ความของการเกษตรอินทรีย;ใน 4 หลักการ คือ 1) หลักการดSานสขุ อนามัย “เกษตรอินทรียค; วรรักษาและเพ่ิมพูนสุขอนามัยของดิน พืช สัตว; มนุษย;และ จักรวาล ซง่ึ รวมกันเปนG หน่ึงเดียวโดยไมแV ยกออกจากกนั ” 2) หลักการดSานนิเวศวิทยา “เกษตรอินทรีย;ควรตั้งอยูVบนพื้นฐานของระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตที่ มีการ หมุนเวียนเปGนวงจรโดยใชปS ระโยชนร; ักษาและเพิ่มพูน ใหSมคี วามยงั่ ยนื อยาV งตVอเน่ืองในระยะยาว” 3) หลักการดSานความเปGนธรรมและเสมอภาค “เกษตรอินทรีย;ควรเกดิ ขึ้นดSวยการสรSางสัมพันธภาพท่ีใหS ความเปนG ธรรมและเสมอภาคท้งั ในดาS นสงิ่ แวดลSอมและโอกาสของความเปนG มนุษย;อยาV งเทVาเทียมและเปนG ธรรม 4) หลักการดSานความรบั ผดิ ชอบตอV สังคม “เกษตรอินทรียค; วรมีการจัดการบนพืน้ ฐานของความรับผิดชอบ ระมดั ระวังในการปกปâองสุขภาพ สภาพความเปGนอยVูท่ดี ีของมนุษย; สิ่งแวดลSอมทงั้ ในปÉจจุบนั และอนาคต” แนวทางเกษตรอินทรียVในการทำเกษตรอนิ ทรยี Vมแี นวทางดำเนินการดังนี้ 1) การอนรุ กั ษ;นเิ วศการเกษตรดSวยการปฏิเสธการใชSสารเคมสี ังเคราะห;ทกุ ชนดิ เพราะปจÉ จัยการผลิตที่เปGน สารเคมีสังเคราะห;ทำลายสมดลุ ของนิเวศการเกษตรสงV ผลกระทบดาS นลบตVอสงิ่ แวดลSอม และมีผลตอV ส่ิงมีชีวิตตVาง ๆ ทอ่ี ยูVในฟารม; ทงั้ ทีอ่ ยVูบนผวิ ดนิ และใตSดนิ 2) การฟ£น§ ฟูนเิ วศการเกษตรแนวทางนท้ี ำใหเS กษตรอินทรีย;มีความแตกตาV งอยาV งมากจากระบบเกษตรปลอด สารเคมีที่รSูจักกันในประเทศไทยแนวทางหลักในการฟ§£นฟูนิเวศการเกษตร คือ การปรบั ปรุงดินดSวย อินทรียวตั ถุ และการเพมิ่ ความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากน้ันการเพ่ิมความหลากหลายในไรVนาก็เปGนสงิ่ จำเปGน ดSวยการ ปลกู พชื รวV ม พชื แซม พชื หมุนเวียน ไมยS นื ตนS หรอื การฟ£น§ ฟูแหลงV นเิ วศธรรมชาตใิ นไรVนาหรอื บริเวณใกลSเคยี ง 3) การพึ่งพากลไกธรรมชาติในการทำเกษตรธรรมชาติที่สำคัญตVอการทำเกษตรอินทรีย; ไดSแกV วงจรการ หมุนเวียนธาตุอาหาร โดยเฉพาะอยVางยิ่งวงจรไนโตรเจนและคาร;บอน วงจรการหมุนเวียนของน้ำพลวัตของ

งานสมั มนาวิชาการสง- เสรมิ และพัฒนาการเกษตร ครง้ั ท่ี 10 71 พล(ของ)เมอื งขบั เคลื่อนเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสู-สขุ ภาวะ ความม่ันคง และย่ังยืนในสภาวะปฏิรปู ประเทศ ภูมิอากาศ และแสงอาทิตย;รวมทั้งการพงึ่ พากันของสิ่งมชี วี ติ อยVางสมดุลในระบบนเิ วศทงั้ ในเชิงของการเกื้อกูลการ พงึ่ พา และหวV งโซVอาหาร 4) การควบคมุ และปâองกันมลพษิ เกษตรกรที่ทำการเกษตรอินทรีย;ตSองพยายามอยVางเต็มทีใ่ นการปâองกัน มลพิษตVาง ๆ จากภายนอกมิใหปS นเป£§อนผลผลิต ซึ่งอาจทำไดโS ดยการจัดทำแนวกนั ชนและแนวปâองกนั บริเวณริม ฟาร;มนอกจากนน้ั แนวทางเกษตรอินทรีย;ยงั กำหนดใหตS Sองลดและปอâ งกันมลพิษทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ในกระบวนการผลิต ของฟาร;มเองดSวย เชVน มีระบบจัดการขยะและน้ำเสียกVอนที่จะปลVอยออกนอกฟาร;มหรือการไมVใชS วัสดุบรรจุ ผลผลติ ทอี่ าจมสี ารพษิ ปนเป§£อน 5) การพ่งึ พาตนเองดSานปจÉ จยั การผลติ เกษตรอินทรียม; แี นวทางทม่ี งVุ ใหSเกษตรกรพยายามผลิตปÉจจยั การผลติ ตาV ง ๆ เชVน ป≠ยุ อนิ ทรียเ; มล็ดพนั ธุ;ดวS ยตนเองในฟาร;มใหSไดSมากทสี่ ุดแตVในกรณีท่ีเกษตรกรไมVสามารถผลิตไดSเอง ก็ สามารถซื้อหาปÉจจัยการผลิตจากภายนอกฟาร;มไดSแตVควรเปนG ปÉจจัยการผลิตที่มีอยูVแลSวในทSองถิ่นทั้งนี้เพื่อสรSาง ความเขมS แข็งและความเปGนอสิ ระของเกษตรกรและองคก; รเกษตรกร เกษตรอินทรยี สV -ูความม่ันคงทางอาหาร ความมั่นคงทางอาหาร หมายความถึงการเขSาถึงทรัพยากรที่เหมาะสม การใชSประโยชน;จากอาหารในการ บรโิ ภคทเี่ พยี งพอและไดรS บั คณุ คาV ทางโภชนาการท่ดี ี ไมมV ีความเสย่ี งเมอ่ื เกดิ การขาดแคลนมศี กั ยภาพในการรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงดSานตVาง ๆ ที่จะเขSามากระทบกับระบบอาหารมีการทำการเกษตรที่ยั่งยืน และมีการรับรูมS ี ประสบการณ;ท่จี ะสามารถ รกั ษาความม่ันคงของอาหารไวไS ดS นอกจากน้ีมผี ูSกลVาววVาเปGนสถานการณ;ท่ีทุกคนในทุก เวลาสามารถเขSาถงึ อาหารไดSทั้ง ดSานกายภาพ สังคม เศรษฐกจิ อยVางเพียงพอ ปลอดภัย มีคุณคVาทางโภชนาการ และตรงกบั รสนยิ มของตนเอง เพอ่ื การมสี ุขภาพที่ดี เกษตรอนิ ทรยี ;กบั ความม่ันคงทางอาหารเกษตรอินทรียม; ีความเชือ่ มโยงหรอื นำไปสVูความมั่นคงทางอาหาร ซ่ึงสามารถพจิ ารณาไดSใน 4 มิติ คอื 1) การมีอาหารพอเพียง (Food Availability) หมายถึง การมีอาหารที่เพียงพอมีคุณภาพที่เหมาะสม มี ปÉจจัยการผลิตที่ถึงพรSอมทั้งทรัพยากรดิน น้ำ ปáาไมS แรงงาน และเมล็ดพันธุ; การมีพื้นที่ทำกินโดยแบVงพื้นท่ี เพาะปลูก เล้ยี งสัตว;เพอ่ื บริโภคในครวั เรือน สามารถผลิตอาหารไวSบรโิ ภคเองตลอดปuมากกวVาซือ้ จากตลาดหรอื เกบ็ จากแหลVงธรรมชาติ 2) การเขSาถึงอาหาร (Food Access) หมายถึง มีอาหารที่ผลิตเองตลอดทั้งปuสามารถเกบ็ อาหารไดทS กุ เม่อื เม่อื ตSองการหรือขาดแคลนอาหาร มที ่ีดินเปGนของตนเอง มตี ลาดทอS งถิ่นที่เกษตรกรสามารถหาซ้ืออาหารทผี่ ลิตเอง ไมVไดหS รือมีการขายผลผลติ ไดSในเขตพ้ืนท่ีชุมชนท่ีสามารถซ้ืออาหารไดS 3) การใชSประโยชน;จากอาหาร (Utilization) หมายถึง บริโภคอาหารท่ีมีความสะอาด ปลอดภัย ทผ่ี Vานการ ผลิตที่ดีปราศจากสารเคมีตกคSาง มีแหลVงน้ำที่สะอาดในการนำมาประกอบอาหาร มีความหลากหลายของชนดิ อาหาร การเลอื กวตั ถุดิบทดี่ มี ีการเตรยี มอาหารที่สะอาดและปลอดภยั

งานสมั มนาวิชาการสง- เสริมและพัฒนาการเกษตร คร้งั ท่ี 10 72 พล(ของ)เมอื งขับเคลือ่ นเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมส-สู ขุ ภาวะ ความมน่ั คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ 4) การมีเสถียรภาพดSานอาหาร/ความยั่งยนื (Stability) หมายถงึ มีการบริหารจัดการทรัพยากร มีการบำรงุ ดิน มีบอV นำ้ แหลงV เกบ็ นำ้ เพือ่ ใชSในการเกษตร ไมมV ีการทง้ิ ขยะ หรอื ปลอV ยสารเคมลี งในแหลงV น้ำมีพื้นที่ปáาหรือปลูก ไมSยืนตนS ในฟาร;มอยVางนอS ย 10% ของพืน้ ทีฟ่ าร;ม มีระบบไรVนาทีส่ นบั สนุนความยั่งยนื ของเศรษฐกจิ สิ่งแวดลSอม และชุมชน ในรูปแบบของเกษตรกรรมยั่งยืน มีรายไดSที่ไมVต่ำกวVาเสSนความยากจน ตSองมีที่ดินเปGนของตนเอง มี ตลาดทส่ี ามารถนำผลผลติ ไปขายไดตS อS งเปนG สมาชิกกลมุV สมาคม สมาพนั ธส; หพันธห; รือองค;กร ทางดาS นการเกษตร อนั เปนG ประโยชนเ; พ่อื การไดSรบั ความชวV ยเหลอื ดSานอาหารยามขาดแคลน และมอี ำนาจในการตVอรองราคาผลผลิต กลาV วสรปุ เกษตรอนิ ทรยี ท; ำใหเS กดิ ความมั่งคงทางอาหารใน 4 มิตดิ งั ภาพ องคป; ระกอบของความม่นั คงทางอาหาร ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) การมอี าหารเพยี งพอ การเข้าถึงอาหาร การใชป้ ระโยนจ์ ากอาหาร (Food Availability) (Food Access) (Utilization) การมีเสถียรภาพด้านอาหาร (Stability) ที่มา : ปรบั จาก Food and Agricultural Organization,“Food Security,” Policy Brief Issue 2 (June 2006): 1. สรุป เกษตรกรรมเปGนสิ่งสะอาด เกษตรอินทรีย;เปGนกระบวนการที่บริสุทธิ์ผลผลิตทางการเกษตร คือ สิ่งหลอม รวม การเมอื ง สังคม เศรษฐกจิ และนเิ วศนเ; ขSาดSวยกัน ความมนั่ คงทางอาหารมีความสำคญั และมีผลกระทบอยVาง มากตอV มนุษยท; กุ ชมุ ชน สังคม และโลกท้งั ในปÉจจุบนั และอนาคต โดยชมุ ชนเกษตรกรรมเปนG ฐานทรพั ยากรอาหาร แหลVงผลิตอาหาร และเปGนหัวใจสำคัญของการสรSางเสริมความมั่นคงทางอาหาร เครือขVายเปนG สิง่ สำคัญเปนG พลัง การพัฒนาอนั ทรงคุณคVาและมีอำนาจสามารถชวV ยยกระดับ (Leverage) ศักยภาพขององค;กร ชุมชน ทSองถิ่นใน สงั คม เพื่อการพัฒนาคนและชVวยสรSางเสรมิ ใหบS คุ คลมีความรSคู วามสามารถ การจัดการเรยี นรSูและฐานขSอมลู โดยใชS ปญÉ หาและวิกฤตเปนG ฐานในการเรียนรูSรวV มกัน มีการแบงV ปÉนความรูS แบงV ปนÉ ประสบการณท; ้ังภายในและภายนอก และการเรียนรดSู วS ยตนเอง รวมถึงตSองมีการจัดการฐานขSอมูลของสมาชิกในทุก ๆ ดSาน อยVางเปนG ระบบเพอ่ื การวาง

งานสัมมนาวิชาการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร ครั้งท่ี 10 73 พล(ของ)เมืองขบั เคลือ่ นเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมส-สู ุขภาวะ ความมน่ั คง และยั่งยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ แผนการผลิตและการตลาด การเพ่มิ มูลคาV เพ่มิ การดำเนินการผลติ ใหSพอเพียง สม่ำเสมอเพียงพอกับความตอS งการ มีการเพิ่มมลู คVาสินคSา การดูแลคุณภาพของสินคSา บำรุงรักษาดSวยวธิ ีการทางธรรมชาติ มาตรฐานความปลอดภยั ดSานเกษตรและอาหารการผลติ มคี วามปลอดภยั ตVอผูSผลิตและผูบS รโิ ภค บรรณานกุ รม ดิเรก ฤกษห; รVาย. (2542). หนวV ยที่ 5 การยอมรับและการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมเพ่ือการสงV เสรมิ การเกษตร. ในเอกสารการสอนชุดความรูSท่วั ไปเกยี่ วกบั การสงV เสรมิ การเกษตร. สาขาวชิ าสงV เสริมเกษตรและสหกรณ;. นนทบุรี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช มูลนิธิชีววิถี. 2553. คูVมือประชาชน เรื่อง ความ (ไมV) มั่นคงทางอาหารกับทางออกของประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ส านักงานสงV เสริมการปฏิรูประบบ เพือ่ คุณภาพชวี ติ เกษตรกร ชมุ ชน และสังคม. 59 น นฤมล ดาํ ออV น (2563).รปู แบบการจัดการเครอื ขVายชมุ ชนเพอื่ ความม่นั คงทางอาหาร.มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. สำนักงานมาตรฐานสินคSาเกษตรและอาหารแหVงชาติ. (2562). งานดSานการตรวจสอบและรับรอง. สืบคSน เมอ่ื 1 พฤษภาคม2562. จาก http://it.doa.go.th/organic/. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร . (2561). ปรมิ าณและมลู คVาการนำเขาS วตั ถอุ ันตรายทางการเกษตร ปu 2560. กรงุ เทพมหานคร: สำนกั งานเศรษฐกิจการเกษตร FAO, IFAD and WFP. 2013. The State of Food Insecurity in the World 2013. Rome, FAO: The Multiple Dimensions of Food Security. 54 p

งานสัมมนาวชิ าการสง- เสรมิ และพัฒนาการเกษตร ครั้งที่ 10 74 พล(ของ)เมืองขับเคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสสู- ขุ ภาวะ ความมน่ั คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ การส-งเสริมการตลาดเกษตรอินทรียVอยา- งย่ังยืน ชยารตั น; รตั นเสน สาขาเกษตรศาสตร;และสหกรณ; มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช [email protected] แนวคิดหลกั แนวคดิ หลกั ในรายงานฉบบั นี้ ประกอบดวS ย 3 สVวน คือ เกษตรอินทรยี V ระบบการผลติ ท่ใี หSความสำคัญกบั ความยัง่ ยืนของสขุ ภาพดิน ระบบนิเวศ และผคSู น เกษตรอินทรีย; อาศยั กระบวนการทางนิเวศวทิ ยา ความหลากหลายทางทางชีวภาพ และวงจรธรรมชาติ ทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะของแตV ละพ้นื ท่ี แทนที่จะใชปS จÉ จยั การผลิตทมี่ ผี ลกระทบทางลบ เกษตรอนิ ทรียผ; สมผสานองค;ความรSูพื้นบSาน นวัตกรรม และความรSูทางวทิ ยาศาสตร;ในการอนรุ ักษส; ิง่ แวดลSอม และสงV เสรมิ ความสัมพันธ;ทเ่ี ปGนธรรม และคุณภาพชีวิตที่ดี ของทุกผSคู น และส่งิ มีชวี ิตตาV งๆ ท่ีเกยี่ วขอS ง (นิยามจากมตทิ ี่ประชมุ ใหญV สหพันธเ; กษตรอินทรยี น; านาชาติ (IFOAM) มิถุนายน 2551 อิตาลี) แนวความคิดของการตลาดที่มุ-งสู-ความยั่งยืน จากคำนิยามของ IFOAM มีนัยที่ใหSความสำคัญ กับการอนุรักษ; และฟ§°นฟูระบบนิเวศการเกษตร และทรพั ยากรธรรมชาติ แตใV นขณะเดยี วกันก็ไมVไดSละเลยมิติดSานเศรษฐกิจ และ สังคม นั่นหมายรวมถึง รายไดSของเกษตรกร การสรSางคุณคVาของผูSบริโภค คุณคVาของสังคม โดยการพัฒนา ผลติ ภัณฑท; ่ยี ่งั ยนื ออกแบบราคา การกระจายสนิ คาS และการสVงเสรมิ การตลาด เพราะความย่ังยืนดาS นสง่ิ แวดลSอม ไมอV าจดำรงอยไVู ดSโดยแยกออกจากความย่งั ยืนทางสงั คม และเศรษฐกจิ ของเกษตรกร และสังคมโดยรวม

งานสัมมนาวชิ าการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครงั้ ที่ 10 75 พล(ของ)เมืองขับเคลอ่ื นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมส-สู ขุ ภาวะ ความมนั่ คง และย่ังยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ การปลูกจติ สำนึกในการดำเนนิ ธรุ กจิ โดยการนำหลักธรรมมาประยกุ ต;ใชSในการดำเนนิ ธุรกิจ ที่ไดตS ระหนักถึงการ เปGนผูSรับผดิ ชอบตอV สังคม และใชSทรัพยากรของชาติอยVางประหยัด อีกทั้งไดพS บความมั่งคั่ง ความยั่งยืนที่แทจS ริง และสามารถอยูVรVวมกับสงั คมไดอS ยVางสงบสขุ รายงานฉบับนี้ เปGนการวิเคราะห;ขSอมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) เพื่อศึกษาถึงความเปGนไปไดSของ แผนการตลาด “ความไวDใจ” ท่ผี SูเขียนไมไV ดSแคVอยากใหทS ำธุรกจิ ที่ย่ังยืน แตอV ยากเหน็ ประเทศไทยมีพ้นื ท่ีสีเขียว และเหน็ ตลาดทีเ่ นนS ความสขุ ของครัวเรอื น และชุมชนเกษตรกรรายยVอย บทนำ การผลิต และการตลาดสนิ คาS เกษตรอนิ ทรีย;ของประเทศไทย ไมใV ชVเรอื่ งใหมV เกษตรอนิ ทรีย;เปGนทางออก ของชีวิตของเกษตรกรที่สามารถใชSพื้นที่ของตนในการบริหารจัดการฟาร;มเชิงบวก และเชิงสรSางสรรค; โดยใหS ความสำคัญกับการอนุรักษ;ระบบนิเวศ ซึ่งเกษตรกรตSองมีการเรียนรูSอยVางตVอเนื่อง และใชSภูมิปÉญญาในการ พัฒนาการเกษตรในพ้ืนที่ของตนอยVางตลอดเวลา เน่ืองจากผลผลิต และผลิตภัณฑ;เกษตรอินทรีย;มีแนวโนSมทาง การตลาดท่ีนVาสนใจ และเปนG ทย่ี อมรับกวSางขวางมากขึน้ ทงั้ ภายในประเทศ และตVางประเทศ ประเทศไทยไดDเรม่ิ ปöกหมุดบนพ้ืนท่ีเกษตรอนิ ทรยี โV ลก (Source: FIBL 2019) พนื้ ท่เี กษตรอนิ ทรียV ประเทศไทยมีพืน้ ท่ีเกษตรอินทรยี ; 1.177 ลSานไรV คดิ เปนG รอS ยละ 0.26 ของพน้ื ทีเ่ กษตรอินทรีย;โลก ซ่ึงอยูV ในอันดบั ที่ 38 (ขยับจากอนั ดับท่ี 51 จากปu 2561) และรอS ยละ 3.19 ของพื้นท่เี กษตรอินทรีย;ภูมิภาคเอเชีย ซ่ึงอยูV ในอันดับที่ 5 (ขยับจากอันดับที่ 7 จากปu 2561) มูลคา- ตลาดสินคาD เกษตรอินทรยี V

งานสมั มนาวิชาการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครั้งที่ 10 76 พล(ของ)เมืองขับเคล่อื นเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมส-ูสขุ ภาวะ ความมั่นคง และยั่งยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ ตลาดสินคSาเกษตรอินทรีย;ของประเทศไทย ในปu 2562 มีมูลคVาสินคSาเกษตรอินทรีย; 440.40 ลSานบาท ลดลงจาก 455.15 ลSานบาท ในปu 2561 หรอื ลดลงรSอยละ 3.24 (อยใูV นอันดับที่ 7 ของภมู ิภาคเอเชยี ) โดยประเทศ ไทยมีการผลติ สินคาS เกษตรอนิ ทรียท; ส่ี าํ คญั ไดSแกV ขSาว เมลด็ กาแฟ ชาใบหมVอน (Mulberry Leaf Tea) ผกั สด เชนV ผดั กาดหอม (Lettuce) และผลไมS เชนV มะพราS ว วเิ คราะหVสถานการณเV กษตรอินทรยี ไV ทย โดย SWOT Analysis จดุ แข็ง (Strengths) ดSานผลิตภัณฑ; 1) สนิ คาS เกษตรและอาหารของไทย มคี วามหลากหลาย มอี ตั ลักษณ;และเปGนท่นี ยิ มทั่วโลก 2) หนวV ยตรวจรบั รองเกษตรอนิ ทรยี ;ของไทย ไดSรบั การยอมรับจากตVางประเทศ ดSานบุคลากร 1) เกษตรกรมีการพึง่ พาตนเองตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ถอื เปนG พ้นื ฐานสาํ คญั ใน การพฒั นาสูกV ารผลิตเกษตรอนิ ทรยี ; 2) เกษตรกรคVอนขาS งมคี วามพรอS มในการใชS digital technology ซ่ึงสะทอS นไดSจากการใชงS าน smartphone และ application ยอดฮติ ไดแS กV Line Facebook และ YouTube 3) เกษตรกร กลVมุ วิสาหกจิ ชมุ ชน แมบV Sานเกษตรกรมศี กั ยภาพในการแปรรปู จดุ อ-อน (Weaknesses) ดSานผลติ ภัณฑ; 1) ความสบั สนของผบSู รโิ ภค ในเร่ืองมาตรฐานผลผลติ ของสนิ คSาอินทรีย; และอาหารสขุ ภาพอ่นื ๆ เชVน มาตรฐานเกษตรอินทรีย;เหมอื นกันกบั มาตรฐานปลอดภยั จากสารพิษ ผกั อนามยั เปGนตSน 2) ผSบู รโิ ภคขาดความเชอ่ื ม่นั พอมคี วามตSองการของสนิ คSาอนิ ทรีย; ก็มีคนบอกวVา “ตวั เองเปGน อินทรีย”; ทั้งๆ ทีไ่ มไV ดเS ปนG หรอื ไปเอาของเคมมี าผสมขาย ซึง่ จะทำใหSคนทต่ี ง้ั ใจทำเกษตร อนิ ทรยี ;เสยี ชอ่ื ไปดSวย 3) ตSนทนุ การผลิตสินคSาเกษตรอินทรยี ;มีแนวโนSมสงู ขน้ึ เนือ่ งจากปÉจจัยการ ผลิตสินคSาเกษตรอินทรีย;บางชนิดมีราคาสูง เชVน เมล็ดพันธุ;อินทรีย; สารชีวภัณฑ;นําเขSาจาก ตVางประเทศ เปGนตSน 4) สินคSาเกษตรอินทรีย;ขาดความหลากหลาย และขาดความตVอเนื่อง ทั้ง ชนิดและปริมาณ 5) มาตรฐานสินคSา ยังเปGนความทSาทายที่สำคัญของเกษตรกร และ ผปSู ระกอบการ ดSานบคุ ลากร 1) เกษตรกรขาดแรงจูงใจในการปรบั เปล่ยี นมาทําเกษตรอินทรยี ; และเกษตรกรท่ที ําอยVูเดมิ หนั กลับไปทำเกษตรทใ่ี ชสS ารเคมี เนอื่ งจากราคาสนิ คSาเกษตรทว่ั ไปอยVูในเกณฑส; ูง 2) เกษตรกร กลVุม วสิ าหกิจชมุ ชน แมVบาS นเกษตรกร ยงั คงกระจุกตัวอยใูV นสนิ คSาอินทรียท; ีย่ ังไมVแปรรปู สวV นใหญจV ะ เปGนอาหารสดตVางๆ ท่มี คี วามหลากหลายนอS ย เชVน ผกั ผลไมS ขาS ว และ ธญั พืช หรือหากเปนG การ แปรรูปจะมีนวัตกรรมไมVสูงมาก ผลิตไดSไมVยาก ผลที่ตามมาคือ เกิดการแขVงขันในตลาดสูง 3) เจSาหนSาที่ของรัฐ และผูSบริโภค ยังมีความรูSความเขSาใจเกี่ยวกับระบบการผลิต การแปรรูปและ การตลาดเกษตรอนิ ทรียอ; ยูVในวงจํากดั โดยสVวนใหญVยงั ขาดความตระหนกั ถึงประโยชน; ดงั นัน้ จึง

งานสัมมนาวิชาการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร คร้งั ท่ี 10 77 พล(ของ)เมืองขับเคลอื่ นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสูส- ุขภาวะ ความม่นั คง และยั่งยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ มีปÉญหา ในการผลักดนั ใหSพื้นท่เี ปาâ หมายเพิม่ ขึน้ ในระยะเวลาอนั สนั้ 4) การสนับสนนุ การวจิ ัยและ พัฒนา เพื่อตVอยอดเชิงพาณิชย;ทั้งดSานการผลิต และการตลาดของสินคSาเกษตรอินทรีย;ยังมี จาํ นวนนSอย ขาดการบรู ณาการขSอมลู และไมมV หี นวV ยงานรับผิดชอบโดยตรง โอกาส (Opportunities) ดาS นการเมอื ง 1) นโยบายของหนVวยงานภาครัฐ ทส่ี งV เสริมการขยายตลาดเกษตรอินทรยี ;ออกไปสูวV งกวาS ง ไดSแกV - กระทรวงเกษตรและสหกรณ; ทกี่ ำหนดยทุ ธศาสตรพ; ฒั นาการเกษตรอนิ ทรียแ; หงV ชาติ พ.ศ. 2560-2564 เชVน เพ่มิ จำนวนเกษตรกรทที่ ำเกษตรอนิ ทรีย; ยกระดบั กลุมV เกษตรอนิ ทรยี ;วถิ ี พนื้ บาS นเพม่ิ ข้นึ เปGนตSน และกระทรวงสาธารณสขุ (2559) ไดSกำหนดยุทธศาสตรด; Sานสาธารณสขุ ระยะ 20 ปu โดยสนบั สนนุ ใหเS กดิ การขบั เคลอ่ื นทเ่ี หมาะสมตอV การกระตนSุ บริโภคผัก ผลไมทS ีป่ ลอด สารพษิ อยVางเหมาะสม ท้ังดSานโภชนาการ ปรมิ าณ และราคา - การพฒั นาการจัดสงV สินคSา เพอ่ื ลดคVาใชจS าV ยในการขนสVง โดยมีการเจรจากบั Kerry และ ไปรษณยี ไ; ทย ชวV ยเพ่ิมโอกาสในการเขSาถงึ สนิ คSาเกษตรอินทรยี ไ; ดงS าV ยขน้ึ ดSานเศรษฐกิจ 1) รายไดตS อV หัวของประชากรทเี่ พม่ิ สงู ขน้ึ อยVางตVอเน่ือง ในชVวง 5 ปทu ผี่ Vานมา โดยในปu 2561 รายไดตS อV หัวของประชากรอยทVู ่ี 7,447.2 บาท เพมิ่ ขึน้ จาก 6,729.8 บาท ในปu 2560 หรอื เพ่มิ ขนึ้ อตั รารอS ยละ 1.06 ซง่ึ สะทอS นในเรื่องของกำลังซือ้ (Purchasing Power) ของผบSู รโิ ภค ดาS นสังคม 1) กระแสสังคมที่หันมาใสVใจในการบริโภคอาหารท่ปี ลอดภยั ตอV สขุ ภาพมากขึน้ ขอS มูลจากกอง ยุทธศาสตร; และแผนงาน กระทรวงสาธารณสขุ ระบวุ Vา คนไทยเสียชวี ติ จากโรคติดตVอไมเV ร้อื รงั (NCDs) เพิ่มข้นึ เรือ่ ยๆ คนไทยจึงหันมาหาอาหารปลอดภัยมากขนึ้ นอกจากนี้ตลาดอาหารทที่ ำ จากพชื เปนG หลัก (Plant-Based Food) หรอื อาหารในกลมุV โปรตนี ทางเลือก ที่ทำใหรS สชาติ กลน่ิ และสีสัน เหมือนกับผลิตภัณฑ;จากสัตว; ในไทยมีโอกาสในการสรSางอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากเดิมที่ 2-10% ไปสรVู ะดับ 10-35% โดยมลู คาV ตลาดจะถงึ ระดับ 4.5 หมน่ื ลSานบาทในปu 2024 2) กระแสความต่นื ตัวในการอนรุ กั ษธ; รรมชาติ ลดภาวะโลกรอS น และตระหนักถงึ สวัสดิภาพสตั ว; สูงข้นึ ผลติ ภณั ฑ;จากสตั วส; งV ผลตVอกระทบตVอสิ่งแวดลอS มมากกวาV ผลติ ภัณฑ;จากพชื ดSานเทคโนโลยี 1) การพฒั นาเทคโนโลยี digital ในปÉจจบุ ัน มสี VวนชVวย platform ตาV งๆ และสอื่ สังคมออนไลน; (Social Media) ขยายตัวอยาV งรวดเรว็ ซ่ึงจะอำนวยความสะดวกในการติดตอV สอ่ื สาร และการซอื้ ขาย ระหวาV งผผูS ลติ และผบSู รโิ ภค ดาS นสง่ิ แวดลอS ม 1) การไดSรับผลระทบจากภัยพบิ ตั ิธรรมชาติ การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ กVอใหเS กดิ ความ เสย่ี งในการเกษตร โดยเฉพาะผลกระทบตอV ความสมำ่ เสมอของความมนั่ คงดSานอาหาร ดาS นกฏขอS บังคบั 1) ทกุ ภาคสVวนราชการใหSความสาํ คญั เรอ่ื งการรับรองมาตรฐานและสVงเสรมิ การทําเกษตรอนิ ทรยี ; มากข้นึ สงV ผลใหสS ามารถจำหนาV ยผลผลิตไดใS นปริมาณมาก และไดSรับการยอมรับจากผูSบรโิ ภค

งานสมั มนาวชิ าการสง- เสริมและพฒั นาการเกษตร ครั้งที่ 10 78 พล(ของ)เมืองขับเคล่ือนเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมส-ูสุขภาวะ ความม่ันคง และยงั่ ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ อุปสรรค (Threats) ดาS นกฏขอS บงั คบั 1. ความคุSมครองผบูS รโิ ภคของภาครัฐยังมนี อS ย ถาS ในตVางประเทศ บอกวVา ปลอดสารพษิ แลSว แลวS ยังมีสารเคมปี นมา จะสามารถฟâองรอS งไดS แตใV นประเทศไทย ไมVมีใครฟอâ งใคร 2) การกำหนดใหSมี มาตรฐานบงั คับยงั ไมมV ขี Sอยุติ เนอ่ื งจากยงั มีขอS โตSแยSงจากองคก; รตVางๆ ในประเดน็ การแสดงฉลาก และการกลVาวอาS ง ทําใหSมีคาV ใชจS Vายเพิม่ ข้ึน ดSานเทคโนโลยี 1. ภาครฐั และภาคเอกชน มีความตืน่ ตัวในการพัฒนา digital technology เพ่อื ภาคเกษตรไทย ดังเห็นไดชS ัดจากตลาด application ทมี่ ีจำนวนมากในปจÉ จบุ ัน แตVสVวนใหญVใหบS รกิ ารไมVครบ วงจร คณุ ภาพไมVดี และมีผใูS ชงS านนอS ย แนวคดิ ทางการตลาดทเี่ กย่ี วขอD ง ตลาดวิถธี รรม มลู นิธิแพทยวV ิถธี รรมแหง- ประเทศไทย ดร.ใจเพชร กลSาจน ประธานมูลนิธิแพทย;วิถีธรรมแหVงประเทศไทย ออกนโยบายโครงงาน “ตลาดวิถี ธรรม” โดยใหจS ดั ตลาดขึ้นในวันสดุ ทาS ย หลงั จากมกี ารจดั คาV ยสุขภาพ 5 วันหรอื 9 วนั กบั ประชาชนท่ีสนใจเขาS รวV ม ประมาณ 80 ถึง 100 คน ตลาดวิถีธรรม คือ การเติมเต็มความผาสุกทางใจ ผูSคนเหลVาน้ี คือ องค;ประกอบของ ตลาด หรอื สังคมเลก็ ๆ ท่เี กิดขนึ้ โดยมีหลกั ทางการตลาดคอื รับซือ้ ผลผลิตจากชาวนาที่ทำเกษตรอนิ ทรีย; เชนV ขSาว พืช ผัก ผลไมS และธัญพืช โดยใหSเขาเปGนผูSกำหนดราคา สนับสนนุ เรื่องการแบVงปÉน ฝ¡กฝนปฏิบตั ิศีล 5 เปGนขั้นตำ่ โดยใชSราคาบญุ นิยม 4 ระดับ เปGนเอกลักษณ; คือ ขายราคาต่ำกวVาทSองตลาด ขายราคาเทVาทนุ ขายราคาขาดทนุ และแจกฟรี ตลาดวิถีธรรมเกดิ ขึ้นจากการเสียสละของจติ อาสา ที่ผาV นการฝก¡ อบรมฟงÉ ธรรมอยาV งตอV เนือ่ ง เขSาใจวิถขี อง การเปGนผูSใหSโดยไมVหวังสิ่งตอบแทน ผักหรอื สินคSาบางอยVางที่เขาS กฏเกณฑ; จะไดSรับจากการบริจาคจากจิตอาสา หรือ ผูSเขSาคVาย ทั้งจากทีเ่ ลิกกิจการ ทั้งจากแบVงปÉนมาจากธุรกิจรSานคSาของตนเอง เพราะตามนโยบายจะไมรV บั บริจาคเงิน “หลักการบำเพ็ญศูนย;บาท” ทำใหSสนิ คาS ในตลาดไมVมีตSนทนุ แตVมีมูลคVาของนำ้ ใจของผูSมอบ และเมื่อ สน้ิ สุดการปด° ตลาด สมาชกิ ในตลาดท่เี ราเรียกวาV “พVอใหS แมVให”S ไดนS ำเงนิ จากการขายมามอบใหเS ปนG ทนุ ในการจดั ตลาดครง้ั ตอV ไป แนวคิดตลาดอาริยะ ของชมุ ชนสนั ตอิ โศก โดยพ-อครสู มณะโพธิรกั ษV ตลาดอาริยะ ตลาดปลอดสารพิษท่ีใหญVที่สุดในประเทศ ที่สวนกระแสทุนนิยม อันเปGนกระแสหลักใน ปจÉ จุบัน เพราะตลาดนี้ ขายสนิ คาS ผลผลติ ทางการเกษตร ทมี่ ีคุณภาพ ในราคาตำ่ กวVาทSองตลาดอืน่ ๆ เปGนการคืน กำไรใหSสังคม ปÉจจุบันวิถีชีวิตแบบทางเลือกของชาวสันติอโศก ที่ใชSชีวิตตามแนวทางศาสนา หันกลับมาฟ£§นฟู เกษตรกรรม มีความเปGนอยูVเรียบงVาย และสนับสนุนการดำรงชีพแบบไทยๆ ที่เคยเปGนรากวิถีไทย ท่ีไดSรับการ

งานสัมมนาวิชาการส-งเสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครง้ั ที่ 10 79 พล(ของ)เมอื งขบั เคล่อื นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมสูส- ขุ ภาวะ ความมัน่ คง และย่งั ยนื ในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ ยอมรบั ในสังคม ไมVวVาจะเปนG อาหารมังสวิรตั ิ ผลิตภณั ฑจ; ากสมนุ ไพร พชื ผักปลอดสารพษิ แบบใชคS วามคดิ ของสัจ ธรรมคือ “บญุ นิยม” ตลาดอารยิ ะ มีผลตอV สังคม คือ จะเกิดความสนิท ความเชื่อถือ เกิดความเขSาใจ รูSจักถึงการเปGนชุมชนที่ เสียสละ และจะเกิดผลทางสงั คมศาสตร;ตามมา เชนV เกดิ การเช่ือมรอS ยระหวาV งภาครฐั กับชุมชน เชVน ธกส. ทน่ี ำคน มาอบรม กค็ ือ ชาวไรชV าวนาจากหมูบV SานอำเภอตาV งๆ ขSางเคียง ทำใหพS วกเขาไดรS ูลS กึ ไดเS ขSาใจอะไรเพ่ิมเติม มีการ พฒั นาตวั เอง ไดSอาชพี ตาV งๆ ไปทำมาคาS ขาย ทำใหฐS านะของครอบครวั ดขี ึ้น เห็นทางออกในการปลดหนสี้ นิ ประเดน็ สำคญั ทนี่ ำไปสแู- นวคิดแผนธุรกจิ “ความไวใD จ” นำไปส-ูความย่งั ยนื ผSูเขยี นอยากใหSเกษตรอนิ ทรียไ; ทยสามารถกSาวขSามอปุ สรรคทส่ี ำคัญๆ ดังตอV ไปน้ี จนนำไปสVกู ารเกดิ ข้ึนของ แนวคดิ แผนธรุ กจิ “ความไวSใจ” 1. เกษตรอินทรยี ม; มี าตรฐานที่ควบคมุ มากเกนิ ไป มีการลงทุนดาS นมาตรฐาน และการตรวจสอบรบั รอง มากกวVาการสงV เสริมเกษตรอนิ ทรยี เ; สียอกี (การตรวจสอบยอS นกลบั -Traceability) 2. การใชSกลไลการตลาดเปนG แรงจงู ใจในการขบั เคล่ือนการผลิต ทำใหกS ารพฒั นาระบบการเกษตรไมคV ำนงึ ถงึ ผลกระทบทางดาS นสงั คม สิ่งแวดลอS ม และความม่นั คงดาS นอาหาร (ความรบั ผิดชอบ-Responsibility) 3. ผลผลติ เกษตรอินทรยี ;ของประเทศไทย เปGนทไ่ี ดรS ับความนิยม และมคี วามเปนG เอกลกั ษณ; ถSาเกษตรกร สามารถแปรรปู ไดSมากข้ึน จะสรSางมลู คาV ทางการตลาดเพ่มิ มากขึ้น (ความเปนG เอกลักษณ-; Unique) 4. มูลคVาสนิ คาS เกษตรมแี นวโนSมเตบิ โตไดSดี แตVปญÉ หาใหญอV ยทูV คี่ วามสับสนของผบูS รโิ ภค เกดิ ความไมมV ่ันใจใน การซื้อสินคSาปลอดภัย (ความปลอดภยั -Security) 5. เกษตรกร โดยเฉพาะผสSู งู วัย ตSองปรบั ตัวใหเS ขSากับการเตบิ โต และพัฒนาการของ digital technology เพอ่ื พฒั นาประสทิ ธิภาพในการผลิต และเขSาถงึ ตลาดไดอS ยาV งรวดเร็ว (Technology-เทคโนโลย)ี แนวคดิ แผนธุรกิจ “ความไวDใจ” นำไปสค-ู วามยั่งยนื ถาS เรานำจำนวนเกษตรกรแสดงในรปู ของพรี ะมดิ จำนวนเกษตรกรทท่ี ำเกษตรอินทรยี ;ทง้ั หมดในประเทศ ไทยมจี ำนวน 44,418 ครวั เรอื น แตไV ดรS บั การรบั รองมาตรฐานเพียง 266 ครวั เรือน หรอื รSอยละ 0.59 โดย 114 ครวั เรอื น ไดSรบั จากสำนกั งานมาตรฐานเกษตรอินทรยี ; (ACT) และ 152 ครวั เรือน จากหนVวยตรวจรบั รองแบบมี สวV นรวV ม (PGS) ดังนน้ั ยังมเี กษตรกรถึง 44,152 ครวั เรอื นทเี่ ปนG เกษตรกรแบบพนื้ บSาน ซง่ึ สวV นใหญไV ดSรับอทิ ธิพล จากแนวเศรษฐกจิ พอเพียง และผลติ เพอื่ บริโภคในครอบครวั เปนG หลกั

งานสมั มนาวิชาการสง- เสรมิ และพัฒนาการเกษตร คร้ังที่ 10 80 พล(ของ)เมืองขบั เคลอื่ นเกษตร อาหาร สราD งนวัตกรรมสู-สุขภาวะ ความมนั่ คง และยั่งยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ ตลาดไวDใจ แผนธุรกิจ “ความไวSใจ” เปนG สงิ่ ทผี่ ูเS ขียน อยากใหSเกิดขนึ้ กบั เกษตรกรอีกจำนวนมาก ที่ทำเกษตรอินทรยี ; แตVทSอแทกS ับมาตรฐานท่คี วบคมุ มากเกนิ ไป จากเอกสารงานวิจัยตVางๆ ระบวุ Vา มาตรฐานและการตรวจสอบรับรอง เปนG ส่งิ จำเปGน แตอV าจจะไมVใชปV จÉ จยั สำคัญทส่ี ดุ การสราS ง “ความเชอื่ ม่นั ” หรอื “ความไวSใจ” ตาV งหาก ทส่ี ามารถ นำมาเปนG จุดเรมิ่ ตนS ของการพฒั นาเกษตรอนิ ทรีย;อกี ครงั้ เหมอื นในอดตี ทผ่ี Vานมา “ความไวใS จ หรือ TRUST” คอื รูปแบบตลาดแหงV ความยง่ั ยืน ทไี่ มใV ชVเปGนเพยี งสถานที่ของการแลกเปลี่ยน สินคSา แตVเปGนตลาดที่สรSางความเชื่อมั่น ความไวSใจ ซึ่งกันและกัน เนSนการเติมเต็ม “ความสุขที่แทSจริง” ใหSกับ ตนเอง และ สังคม รSูจกั ใชSธรรมชาตใิ หSถกู ทาง เทาV กบั สรSางความย่งั ยืนใหชS ีวิต T- Traceability (การตรวจสอบยSอนกลับ) ผูSบริโภครูSจักเกษตรกรของตนเอง รทSู ี่มาของอาหาร เกษตรกรเป°ดเผย ขSอมูลอยVางซื่อตรง โปรVงใส และตรวจสอบไดS เปGนสิ่งที่จะชVวยสรSาง brand awareness สVงผลใหSผูSบริโภค เกิด ความไววS างใจ มีความเชอ่ื ใจวาV ผกั ท่กี ำลงั ซือ้ เปGนผักไรสS ารเคมจี รงิ ๆ R-Responsibility (ความรับผิดชอบ) เกษตรกรมีความรับผิดชอบตVอตนเอง ผูSบริโภค สังคม และสิง่ แวดลSอม แคV เพียงผลิตสินคSาที่ไมVใชSสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และป≠ุยเคมี ใชSเครื่องมือทีเ่ กิดจากวิถีชีวิตแบบเรียบงVาย ไมVทำลาย ธรรมชาติ อาชีพเกษตรกรจะกลายเปนG อาชีพทีม่ ีเกียรติ ไดSรับการเคารพไมVตาV งจากอาชีพอื่น เพราะตัง้ ใจทำงาน ดSวยรับผิดชอบและมVงุ มัน่ ในการดูแลชวี ิตของผSบู รโิ ภคใหปS ลอดภัยท่สี ุด U-Unique (ความเปGนเอกลักษณ;) เกษตรกร แมVบSานเกษตรกร หรือ เกษตรกรสูงวยั ใชSเวลาวVางๆ ในการแปรรปู ผลผลติ ทเ่ี ปนG ทรพั ยส; มบตั ขิ องคนไทย ท่ีคนอืน่ เลียนแบบไมVไดS เชนV ผลไมทS ีม่ รี สชาติยอดเยี่ยม ไมVตSองมอี ุตสาหกรรม อะไรมากมาย หรือถSามี ตSองเปนG อุตสาหกรรมทด่ี ี ไมVมีมลพษิ ไมสV ราS งเสียงรบกวน อยVูรวV มกบั ชมุ ชนไดS S-Security (ความปลอดภัย) ผูSบริโภคทท่ี ำการซ้ือสนิ คาS เกษตรอินทรีย; มีความตอS งการอยูใV นขนั้ ที่ 2-5 ตามทฤษฎี ของมาสโลว; คือตอS งการความปลอดภัยของอาหาร มีสุขภาพทีด่ ี และซือ้ เพราะคำนึงถงึ ความปลอดภัยของผูSปลูก สินคาS

งานสมั มนาวชิ าการส-งเสรมิ และพัฒนาการเกษตร ครงั้ ท่ี 10 81 พล(ของ)เมืองขับเคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมส-สู ุขภาวะ ความม่นั คง และยงั่ ยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ T-Technology (เทคโนโลยี) เทคโนโลยี และนวัตกรรมจะเปGนตัวชVวยสำคัญในการเพิ่มผลิตภาพ และคุณภาพ ผลผลติ ชVวยใหSเกษตรกรเขาS ถึง และเขSาใจตลาด สามารถเพ่มิ ชVองทางในการขายผลติ ผลเกษตรไดSมากขึ้น แผนการตลาด โดยใชหD ลกั สว- นประสมการตลาด 7P’s ในการดำเนินการ ผลิตภัณฑ; (Product) ตSองมีหลายรูปแบบ จากการแปรรูปบSาง เพิ่มมูลคVาจากภูมิปÉญญาทSองถิ่น สรSาง brand เรียบเรยี งเรอ่ื งราว มVุงเนนS เรอื่ งคณุ ภาพ และความปลอดภัย จากเกษตรกรที่มีความซอ่ื สัตย; จติ ใจดีงาม ราคา (Price) ตง้ั ราคาท่ีเปGนธรรม จับตSองไดS จากการศกึ ษา ราคาของผกั ในตลาด ไมไV ดSแพงไปกวVาเคมี ถSา ไปในชุมชนตาV งจังหวดั สถานที่จำหนVาย (Place) ใชSตลาดใจกลางชมุ ชน เปนG พื้นท่ีปนÉ สุข ชVวยเหลอื ใหSเกษตรกรมรี ายไดS คนไทย ยังคงชอบ shopping เอง เลือกผกั เอง และเพม่ิ ชอV งทางการขายออนไลน; การสVงเสริมการตลาด (Promotion) ดำเนินการโดยใชS กระบวนการใหS องค;ความรูS 1) ดSานสุขภาพ 2) ดาS นการทำเกษตรอินทรยี ; 3) ดาS นพระพุทธศาสนา ผาV นการทำกิจกรรมของผSูคนกลมุV เลก็ ๆ ผาV นส่อื Social Media เชนV Facebook, Line เพราะสามารถเขาS ถึงผูSบริโภคไดมS าก บคุ ลากร (People) คณุ สมบัติของเกษตรกรสำหรบั ตลาดไวใD จ ควรตง้ั มน่ั อย-ูบนศีลธรรม และคุณงาม ความดี ปรบั มุมมองจากการตกั ตวงผลประโยชนVจากสงั คม มาเปนè การชว- ยเหลอื แบ-งปöน ควรนำหลักธรรมมา ปฏบิ ตั ิใหเD ปèนประโยชนใV นชวี ิตจรงิ โดยใชD อิทธบิ าท 4 เปèนหลักธรรมเพ่ือความสำเรจ็ อรยิ มรรคมีองคV 8 เปèน หลักแห-งการปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกตDอง สุจริต 3 เปèนหลักแห-งความซื่อสัตยV โปร-งใส พรหมวิหาร 4 เปèน หลักแห-งเมตตาธรรมคำ้ จนุ โลก และสังคหวัตถุ 4 เปèนหลกั แห-งการใหD สงเคราะหVซ่ึงกันและกัน ทั้งนี้เพ่ือเปèน การสรDางความน-าเชอื่ ถือ ตตี ราใหDกบั ตนเอง สรDางความนา- เชอื่ ถอื ใหกD บั ผูบD ริโภค เพือ่ ใหDผDบู ริโภคเกิดความไวใD จ การนำเสนอลักษณะทางกายภาพ (Physical Evidence) การจัดกิจกรรมใหอS งค;ความรSู ควรนำเสนอความ เปนG ธรรมชาติ เรียบงาV ย ใหSคนในชุมชน ไดสS มั ผัสถึงความเปนG ธรรมชาติอยVางแทจS รงิ อาจใชSวัสดุจากไมS ฟางขSาว ทำ เปนG โตะ¿ ช้ันวางของ ฉากก้นั เปนG ตSน กระบวนการในการทำงาน (Process) การใหSบรกิ ารกบั ผูบS รโิ ภค เกษตรกรสามารถไปสงV ของท่ีบาS น หรอื มี ตSูแชตV ามจดุ สำคัญตาV งๆ ผคSู นมารวมตัวกนั หยบิ ผัก หยบิ สินคSาตาV งๆ ไป บทบาทของนักสง- เสริมการเกษตร 1. สรSางกระบวนการเรยี นรSูใหSเกษตรกร ไมVวVาจะเปGนเทคโนโลยีการผลติ มาตรฐานการเกษตรอินทรยี ; และ หลกั พุทธธรรม ลกั ษณะของ “การเรียนรแูS บบมีสวV นรวV ม” เปGนสิง่ จำเปนG ของตลาดไวSใจ เนื่องจาก ควรใหS เกษตรกรสรSางสภาพแวดลอS ม ใหSความรูSสึกเหมือนเปGนหSองเรยี นที่อยากเรียน รVวมตัดสินใจ จัดหลกั สูตร

งานสัมมนาวิชาการส-งเสริมและพฒั นาการเกษตร คร้ังท่ี 10 82 พล(ของ)เมืองขบั เคลอ่ื นเกษตร อาหาร สรDางนวตั กรรมสสู- ุขภาวะ ความมัน่ คง และย่งั ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ กิจกรรมเชญิ ชวนผูSบริโภคเขาS มามีสVวนรVวม พูดคุยใหSพวกเขาไดSตระหนักถึงภัยใกลSตัวจากการกินผกั ที่มี สารเคมี รบั ซอื้ ผักจากพอV คSารายใหญV กินผักนำเขาS จากตาV งประเทศทีต่ อS งใชเS งนิ มาก แบบไมVรSทู ม่ี าที่ไปของ แหลงV ผลิต 2. สรSางความมน่ั ใจเร่ืองผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ จากหลายบทความเกย่ี วกับชอV งทางการตลาดของธุรกิจสี เขียว “ไดSผลผลิตมาแลSว จะเอาไปขายใคร” นักสVงเสริมควรสรSางความมั่นใจทั้งที่เปGนตัวเงิน เชVน นำ digital technology มาใชS เพอ่ื ใหไS ดคS ุณภาพ และราคาผลผลติ ที่ดีขน้ึ ลดคVาใชSจVายในการซือ้ อาหาร และ ผลตอบแทนท่ีไมVเปGนตวั เงนิ เชนV คุณภาพทางโภชนาการของผลผลติ ท่ดี ีขนึ้ ทรัพยากรทางการเกษตรดีขึน้ 3. การปรบั เปล่ียนทัศนคติ และความเช่ือ ซ่งึ เกษตรกรสวV นใหญจV ะมกี ารปรับเปลยี่ นแบบคอV ยเปGนคอV ยไป โดยเร่ิมตนS จากความสนใจ และความกระตอื รือรSนกVอน และเมอ่ื ไดSลองปฏบิ ตั ิ และเกดิ ความมนั่ ใจ จึงเกิด การปรับเปลยี่ นในเชงิ ทศั นคติ ซึง่ สอดคลSองกบั หลักทฤษฎกี ารเชื่อมโยงธอรน; ไดค; คอื การเชื่อมโยงระหวVาง สิง่ เราS (Stimulus-S) กบั การตอบสนอง (Response-R) และทฤษฎสี นาม (Field Theory) โดย Kurt Lewin นัน่ คือ พฤตกิ รรมของคนมพี ลงั และทศิ ทาง สงิ่ ใดทอี่ ยVูในความสนใจ และความตSองการของคน จะมพี ลงั เปGน บวก สงิ่ ทอี่ ยVนู อกเหนือความสนใจ จะมพี ลงั เปGน ลบ การประยุกตใ; ชS 2 ทฤษฎี เพอ่ื พัฒนากระบวนการเรยี นรูS สราS งความรูS และแรงจงู ใจใหเS กษตรกร เนอ่ื งจากนกั สVงเสรมิ ตSองพยายามใหS เกษตรกร มีความตอS งการ และตงั้ ใจทจ่ี ะทำเกษตรอนิ ทรีย; การรบั รเSู ทคโนโลยีทมี่ าจากนอกชมุ ชน ทำใหS วงิ่ ไลตV ามไมVทัน ทอS งถน่ิ ออV นแอลง ในเรอ่ื งทรพั ยากรภมู ปิ ญÉ ญา นกั สVงเสรมิ สามารถใชทS ฤษฎสี นาม เพอื่ สรSางความสนใจใหกS บั กลมุV เกษตรกร โดยใหเS กษตรกรรบั รวSู Vา 1) การทำเกษตรอินทรีย;สามารถยกระดับ ฐานะทางเศรษฐกจิ ทำใหตS อS งหาความรเูS พ่ิม 2) ยกตวั อยVางเกษตรกร หรือ ชุมชนตนS แบบ ที่สามารถสรSาง รายไดSจากการทำเกษตรอินทรยี ; 3) ใชSสิ่งแวดลSอมทางจิตวทิ ยา เชVน แสดงใหเS หน็ ถงึ การทำเกษตรอินทรยี ; สามารถเลอ่ื นฐานะทางสงั คม หรือ กฏ Law of Readiness เม่อื มนุษย;มคี วามพรSอม กจ็ ะสรSางใหเS กดิ ความอยากทจ่ี ะเรยี นรSดู วS ย ผSูเขยี นหวังวาV รายงานฉบบั นส้ี ามารถนำไปใชSเปGนขSอมลู เพ่อื ใชใS นการทำวิจยั ในมติ อิ ืน่ ๆ ของการตลาดเพื่อ ความยงั่ ยืน ไมVวVาจะเปนG การเพม่ิ ชอV งทางการตลาดทเ่ี ขาS ถึงผบSู รโิ ภคยคุ ใหมVใหรS ับรSสู ินคาS และบรกิ ารใหSไดSมากทสี่ ดุ การทำใหเS กษตรอินทรีย;เปGนไปไดSในไทย ตSองมหี ลายชอV งทาง อยVาไปฝากไวทS ่ชี อV งทางเดียว และเร่ืองของมาตรฐาน สนิ คาS ซง่ึ ยงั คงเปGนความทาS ทายสำคัญของผทSู ำเกษตรอนิ ทรยี ; น่นั หมายรวมถงึ การขยายไปสกูV ารตลาดเพอื่ สงV ออก ดSวยสนิ คาS จากภูมปิ ญÉ ญาทSองถนิ่

งานสมั มนาวิชาการส-งเสรมิ และพัฒนาการเกษตร คร้งั ท่ี 10 83 พล(ของ)เมอื งขบั เคลอื่ นเกษตร อาหาร สรDางนวัตกรรมส-ูสุขภาวะ ความมนั่ คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏิรปู ประเทศ บรรณานกุ รม ศูนยว; จิ ัยกสกิ รไทย (2561) ตลาดออร;แกนิก ธุรกจิ สราS งเงินในไทย https://kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/article/KSMEAnalysis/Documents/ Thai-SME_Organic-Product.pdf วฑิ ูรย; ปÉญญากุล (2555) ความรูเS บอ้ื งตSนเกษตรอินทรยี ; มลู นิธสิ ายใยแผนV ดิน สถาบันวจิ ัยเศรษฐกจิ ป≠วย อึ้งภากรณ; (2562) Digital technology กบั การยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ เกษตรกรไทย https://www.pier.or.th/wp-content/uploads/2019/10/aBRIDGEd_2019_019.pdf Stuart, A, & Werayutwattana T (2017) Understanding the complexities of organic farming in Thailand, https://www.chiangmaicitylife.com/clg/business/agriculture/understanding-the- complexities-of-organic-farming-in-thailand/ นิจกานต; หนูอไุ ร & รอS ยโทหญงิ ดร.เกิดศิริ เจรญิ วิศาล (2555) การตลาดอยาV งยง่ั ยืน: กระบวนการทศั น;ใหมมV งVุ สูV ความย่ังยนื https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=3118823 มลู นธิ ิแพทย;วิถีธรรมแหVงประเทศไทย ตลาดวถิ ธี รรม https://morkeaw.net/taladvithidham-market/ สารอโศก ธันวาคม 2544 งานปuใหมV 45 ตลาดอารยิ ะ https://asoke.info/Sanasoke/SA243/04.html

งานสมั มนาวิชาการสง- เสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครัง้ ท่ี 10 84 พล(ของ)เมอื งขับเคลื่อนเกษตร อาหาร สราD งนวตั กรรมสส-ู ุขภาวะ ความมั่นคง และยง่ั ยืนในสภาวะปฏิรูปประเทศ โปสเตอรV

งานสัมมนาวชิ าการสง่ เสรมิ และพั ฒนาการเกษตร คร้ังที่ 10 พล(ของ)เมืองขบั เคล่ือนเกษตร อาหาร สรา้ งนวตั กรรมส่สู ุขภาวะ ความม่นั คง และย่งั ยนื ในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ กำรสง่ เสรมิ กำรจัดกำรโซอ่ ปุ ทำนของเกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่มนั สำปะหลัง โดย นำงสำววชิ ญช์ ยำพำ ผดงุ พัฒน์ นกั ศกึ ษำปรญิ ญำเอก สำขำวิชำเกษตรศำสตรแ์ ละสหกรณ์ มหำวิทยำลยั สโุ ขทัยธรรมำธริ ำช E-mail : [email protected] มันสำปะหลัง เป็นพื ชเศรษฐกิจท่ีสำคัญของไทย มีตลำดรองรับท้ังในและนอกประเทศ สำมำรถปลูกได้ในสภำพพื้ นที่ที่ทนแล้ง จึงได้มีกำรสนับสนุนแก่ประเทศท่ีกำลังพั ฒนำที่มีสภำพภูมิอำกำศ ดังกล่ำวปลูกเป็นพื ชเศรษฐกิจ มันสำปะหลังเป็นพื ชท่ีใช้ประโยชน์ได้ทุกๆ ส่วน ต้ังแต่ยอดจนถึงรำก (หัวมัน) มีกำรนำมำใช้ประโยชน์ในครัวเรือน เพื่ อกำรบริโภคเป็นอำหำรมนุษย์ อำหำรสัตว์ และใช้ แปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑต์ ำ่ งๆ (มนั เส้น มันอดั เมด็ แป้งมัน) นอกจำกน้ยี งั สำมำรถผลติ เปน็ พืชพลงั งำนทดแทนโดยผลิตเป็นเอทำนอล เพ่ือใช้เปน็ พลังงำนเชื้อเพลิงไดอ้ ีกด้วย แหล่งผลิตมันสำปะหลังของไทยจะกระจำยอยู่ท่ัวประเทศ ยกเว้นภำคใต้ โดยภำคตะวันออกเฉียงเหนือมีเน้ือที่เพำะปลูกและเก็บเก่ียวมำกท่ีสุด รองลงมำ ได้แก่ ภำคกลำง และภำคเหนือ ตำมลำดับ ปัญหำท่ีพบส่วนใหญ่ คือ เกษตรกรมีต้นทุนกำรผลิตสูง ผลผลิตเฉล่ียต่อไร่ต่ำ บำงช่วงประสบปัญหำภัยธรรมชำติ ทำให้เกษตรกรเร่งเก็บเก่ียวก่อนครบอำยุ ทำให้เปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ รำคำที่เกษตรกร ขำยได้ลดลง นอกจำกนี้ยังมีกำรลักลอบกำรนำเข้ำมันสำปะหลัง ทำให้รำคำหัวมันสดภำยในประเทศตกต่ำ ในส่วนของกำรส่งออก พบว่ำ ตลำดมันเส้นไทยที่พ่ึงพำตลำดจีนเพียงอย่ำงเดียว ทำให้ขำด อำนำจในกำรตอ่ รองรำคำ ประกอบกับสถำนกำรณป์ ัจจุบนั ไดร้ บั ผลกระทบจำกโควิด-19 ส่งผลให้ตู้ขนส่งสนิ ค้ำขำดแคลน กระทบต่อกำรส่งออกผลติ ภัณฑม์ นั สำปะหลงั ไปต่ำงประเทศ เพ่ือแก้ปัญหำดังกล่ำวข้ำงต้น ภำครัฐจึงมีนโยบำยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมตัวกันทำกำรเกษตรในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ กำรจัดกำรพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) สอดคล้องกับปัจจุบันที่พบว่ำ พื้ นท่ีทำกำรเกษตรของเกษตรกรลดลง เนื่องจำกกำรเปล่ียนแปลงของสังคมชนบทเป็นสังคมเมืองมำกข้ึน และด้วยปัจจุบันที่พบว่ำสังคมไทยได้ก้ำวเข้ำสู่สังคมผู้สูงอำยุ แรงงำนที่มีอยู่ ในภำคเกษตรกรรมสว่ นใหญ่จึงเป็นแรงงำนผู้สงู อำยุ ดังน้ันจึงเกิดแนวคิดในกำรศึกษำรูปแบบกำรส่งเสริมกำรจัดกำรโซ่อุปทำนของเกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่มันสำปะหลังน้ีข้ึน เพ่ื อหำแนวทำงที่เหมำะสมในกำรส่งเสริมระบบกำรผลิตมันสำปะหลัง ตลอดโซ่อุปทำน (Supply Chain) ของเกษตรกรกล่มุ แปลงใหญ่มนั สำปะหลังให้ประสบผลสำเร็จ บรรลเุ ป้ำหมำย 5 ด้ำน ของระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ คือ กำรลดต้นทุน กำรเพิ่มผลผลิต กำรพัฒนำคณุ ภำพสนิ คำ้ เกษตร กำรตลำด และกำรบรหิ ำรจัดกำรทด่ี ี เพ่ือเปน็ กำรเพิ่มขดี ควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขันของสินค้ำเกษตร และเพิ่มรำยไดข้ องเกษตรกร ภำค ผลผลติ ผลิตภัณฑแ์ ปรรปู ข้นั พื้นฐำน อุตสำหกรรมทเ่ี ก่ยี วข้อง ผบู้ ริโภค เอกชน แป้งมนั ภำครัฐ มนั สำปะหลงั อตุ สำหกรรมอื่นๆ (หวั มนั สด) มันเสน้ /อัดเม็ด - กระดำษ แปลงใหญ่ - สิง่ ทอ - ยำรกั ษำโรค เป้ำหมำยกำรพัฒนำ 5 ด้ำน - อนื่ ๆ อำหำร ลด เพ่ิ ม พั ฒนำ กำรตลำด กำรบรหิ ำร ต้นทนุ ผลผลติ คณุ ภำพสินค้ำ จดั กำร อำหำรสัตว์ เกษตร เอทำนอล เพิ่มขดี ควำมสำมำรถในกำรแข่งขนั ของสินค้ำเกษตร และเพิ่มรำยไดข้ องเกษตรกร ข้ันตอนท่ี 1 กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ และปัญหำ ขน้ั ตอนท่ี 2 วิเครำะห์แนวคิดและทฤษฎีท่ีเก่ยี วขอ้ งกับปญั หำในกำรสง่ เสรมิ กำรพัฒนำ และกำรวิจยั ในกำรสง่ เสรมิ กำรพัฒนำและกำรวิจยั ทำงกำรเกษตร ทำงกำรเกษตร ในกำรส่งเสรมิ กำรจดั กำรโซ่อุปทำนของเกษตรกรกลมุ่ แปลงใหญ่มนั สำปะหลัง โดยใช้ SWOT Analysis ใน 4 ด้ำน คือ แนวคิดและทฤษฎที ีเ่ ก่ียวข้อง - เป็นพืชเศรษฐกจิ ท่ีสำคญั ของไทย ทฤษฎีสนำม (Field Theory) ทฤษฎีกำรบรหิ ำรองค์กร - ปลกู ไดใ้ นสภำพพ้ืนท่ีทที่ นแลง้ - เปน็ พืชทใี่ ช้ประโยชน์ได้ทกุ ๆ สว่ น - เคิรท์ เลวิน (Kurt Lewin) - ลนิ ดอล เออรว์ ิค และลเู ธอร์ กูลคิ (Lyndal - เป็นพืชใชผ้ ลิตพลงั งำนทดแทน - พฤติกรรมเป็นผลมำจำกพลงั Urwick and Luther Gulick) ควำมสัมพั นธ์ของสมำชิกในกลมุ่ - กระบวน “POSDCORB” - กำรปรบั ใช้ :- สรำ้ งควำมสมั พันธ์ ให้ - เกษตรกรมตี ้นทุนกำรผลิตสูง สมำชิกกล่มุ เพ่ือใหเ้ กดิ พฤติกรรมที่ 1) P = Planning กำรวำงแผน - ผลผลติ เฉลีย่ ต่อไร่ต่ำ ตอ้ งกำร 2) O = Organizing กำรจดั หนว่ ยงำน - เกษตรกรขำดองค์ควำมรู้ 3) S = Staffing กำรจดั ตัวบุคคล - พื้นท่ีทำกำรเกษตรลดลง (Urbanization) ทฤษฎีจิตวเิ ครำะห์ (Psychoanalytic Theory) 4) D = Directing กำรอำนวยกำร - ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund 5) Co = Coordinating กำรประสำนงำน - นโยบำยภำครฐั สง่ เสริมกำรเกษตรแบบ 6) R = Reporting กำรรำยงำน แปลงใหญ่ กำรจดั กำรพื้นที่เกษตรกรรม Freud) 7) B = Budgeting กำรบรหิ ำรงบประมำณ (Zoning) - บคุ คลอยู่รว่ มกนั เปน็ กลุม่ จะต้อง กำรปรบั ใช้ :- กำรบริหำรองค์กรกลมุ่ เกษตรกร -ได้รับกำรยอมรับในตลำดกำรค้ำโลก อำศยั แรงจูงใจ Lyndal Urwick Green Product, non-GMOs - กำรปรับใช้ :- กำรส่งเสรมิ กำรทำ กิจกรรมกลมุ่ ตอ้ งสร้ำงแรงจงู ใจให้ - ภัยธรรมชำติ เช่น ภัยแล้ง ฝนท้ิงช่วง สมำชกิ กลุม่ เขำ้ รว่ มกระบวนกำรกล่มุ Luther Gulick ฝ น ต ก ห นั ก เ ก ษ ต ร ก ร เ ร่ ง เ ก็ บ เ ก่ี ย ว ไดอ้ ย่ำงมีประสทิ ธิภำพ มันสำปะหลงั ก่อนครบอำยุ - กำรระบำดของโรคใบด่ำงมันสำปะหลัง ข้ันตอนที่ 3 เช่ือมโยงแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับกำรส่งเสริมและพั ฒนำกำรเกษตร กับประเด็น (CMD) ปญั หำกำรสง่ เสรมิ กำรจัดกำรโซอ่ ุปทำนของเกษตรกรกลมุ่ แปลงใหญม่ ันสำปะหลัง - มั น เ ส้ น ไ ท ย พึ่ ง พ ำ ต ล ำ ด จี น เ พี ย ง อ ย่ ำ ง เ ดี ย ว ข้ันตอนท่ี 4 สังเครำะห์ สถำนกำรณ์ ปัญหำ แนวคิด และทฤษฎี ในกำรส่งเสริมกำรจัดกำรโซ่อุปทำน ขำดอำนำจต่อรองรำคำ - ลั ก ล อ บ ก ำ ร น ำ เ ข้ ำ มั น ส ำ ป ะ ห ลั ง ท ำ ใ ห้ ร ำ ค ำ ของเกษตรกรกลมุ่ แปลงใหญม่ ันสำปะหลงั ได้ดงั นี้ ในประเทศตกต่ำ - ผ ล ก ร ะ ท บ โ ค วิ ด - 19 ส่ ง ผ ล ใ ห้ ตู้ ข น ส่ ง สิ น ค้ ำ ขำดแคลน 1) กำรวิจัยและพัฒนำ (R&D) 3) กำรเพิ่มผลผลิต พัฒนำคุณภำพ และลดต้นทุน ขน้ั ตอนท่ี 5 สรำ้ งแบบจำลองทำงควำมคดิ ในกำรสง่ เสรมิ 1.1 กำรขยำยพันธมุ์ นั สำปะหลังสะอำด 4) กำรแปรรปู และสร้ำงมูลคำ่ เพ่ิม ก ำ ร จั ด ก ำ ร โ ซ่ อุ ป ท ำ น ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร ก ลุ่ ม แ ป ล ง ใ ห ญ่ มนั สำปะหลงั ดังน้ี 1.2 กำรจดั ทำข้อมูลตน้ ทุนกำรผลติ 1.3 กำรวิจัยเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมเพื่อ ตน้ ทำง : กำรผลติ เพิ่ มผลผลติ 1.4 กำรวิเครำะห์ควำมต้องกำรของตลำด กลำงทำง : กำรแปรรูป 2) พัฒนำปัจจยั พื้นฐำนและพัฒนำเกษตรกร ปลำยทำง : กำรตลำด 2.1 จัดหำพันธมุ์ นั สำปะหลงั สะอำดให้แก่ 5) กำรขนสง่ สินคำ้ และกำรจดั กำรบริหำรสินค้ำ (Logistics) ขัน้ ตอนท่ี 6 กำหนดแนวทำงเชงิ บรู ณำกำรในกำรสง่ เสริม เกษตรกร 6) พัฒนำระบบกำรตลำด ก ำ ร จั ด ก ำ ร โ ซ่ อุ ป ท ำ น ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร ก ลุ่ ม แ ป ล ง ใ ห ญ่ 2.2 เพ่ิมประสิทธิภำพกำรผลติ มนั สำปะหลงั ดังนี้ 2.3 ประชำสัมพันธ์โครงกำรประกันรำยได้ - สรำ้ งเครือขำ่ ยควำมร่วมมือในกำรสง่ เสริมกำรตลำด 2.4 นโยบำยกระทรวงพำณิชย์ → 1. คณะกรรมกำรนโยบำยบริหำรงำนจังหวัดและกลมุ่ จงั หวัด โครงกำรมำตรกำรคขู่ นำน เพ่ือรกั ษำ แบบบูรณำกำร เสถียรภำพรำคำ 2. คณะอนุกรรมกำรพัฒนำกำรเกษตรและสหกรณ์จงั หวดั 2.5 เพ่ิมประสทิ ธภิ ำพกำรควบคมุ โรค เอกสารอา้ งองิ (อำนวยกำร ระดับจงั หวดั ) ใบดำ่ งมนั สำปะหลัง 3. คณะกรรมกำรอำนวยกำรขับเคลือ่ นนโยบำยฯ จงั หวดั เบญจมาศ อยปู่ ระเสรฐิ . (2544). กระบวนการกลุ่มในการสง่ เสรมิ และพฒั นาการเกษตร. ใน เอกสารการ (Chief of Operation) → ฝำ่ ยปฏบิ ัตกิ ำรระดบั จังหวัด 2.6 สง่ เสริมกำรรวมกลมุ่ เกษตรกร และ สอนชดุ วชิ าการเป็นผนู้ า มนุษยส์ มั พนั ธแ์ ละจติ วทิ ยาสาหรบั เกษตรกร. (หน่วยท่ี 12). นนทบรุ :ี 4. คณะทำงำนปฏบิ ัตกิ ำรขบั เคล่ือนนโยบำยฯ ระดบั อำเภอ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช สาขาวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตรและสหกรณ์. (Operation Team) → ฝ่ำยปฏบิ ตั ิงำนระดบั อำเภอ สร้ำงเครือข่ำย Seevers, B., Graham,. D., Gamon, J. and N. Conklin. (1997). Extension Through Cooperative 2.7 กำรสร้ำงองค์ควำมรู้และขดี Extension. Delmar Publishers Inc. ควำมสำมำรถให้เกษตรกร 2.8 มีเครือขำ่ ยสถำบนั กำรเงนิ /กองทนุ → ช่วยเหลือดำ้ นกำรเงนิ

งานสมั มนาวชิ าการส่งเสริมและพั ฒนาการเกษตร คร้ังที่ 10 พล(ของ)เมืองขบั เคลอื่ นเกษตร อาหาร สร้างนวตั กรรม ส่สู ขุ ภาวะ ความมน่ั คง และยัง่ ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ “แนวทางการส่งเสริมศักยภาพวสิ าหกจิ ชุมชนเชิงธุรกจิ ” บทคดั ยอ่ นางสาวเพญ็ ศิริ ไพจติ ร นักศึกษาปริญญาเอก สาขาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ บทความทางวชิ าการน้ีเป็นการศึกษาแนวทางการดาเนินงานส่งเสริมศกั ยภาพวิสาหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ ศึกษาเพ่ือให้ไดแ้ นวการปฏิบตั ิที่ดีของวิสาหกิจชุมชนในดา้ นต่าง ๆ และศึกษาเกี่ยวกบั สภาพการดาเนินงานของ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช วสิ าหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ โดยศึกษาขอ้ มูลจากเอกสารแนวคิดทฤษฎี ผลงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง และถอดองคค์ วามรู้จาก E-mail : [email protected] วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บา้ นเกษตรกรและสภต.ปลายบาง เพ่ือให้ไดแ้ นวคิดที่เกี่ยวขอ้ งกบั การดาเนินธุรกิจของ วสิ าหกิจชุมชน จากการศึกษาพบว่าแนวทางการส่งเสริมศกั ยภาพวิสาหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ วิสาหกิจชุมชนตอ้ งมีการ ประเมินศกั ยภาพและตอ้ งมีปัจจยั ในการดาเนินงานดา้ นธุรกิจ ซ่ึงจะเป็นแนวทางการดาเนินงานใหว้ ิสาหกิจชุมชนที่ สนใจไดแ้ นวทางการปฏิบตั ิท่ีดีสู่การดาเนินธุรกิจต่อไป บทนา วสิ าหกิจชุมชน เป็นกิจการที่เกิดจากการรวมตวั กนั ของคนในชุมชน โดยอาศยั ทรัพยากร แรงงานและภูมิ ปัญญาทุนในทอ้ งถ่ินนามาผลิตสินคา้ และบริการ เพ่ือแกไ้ ขป้ ัญหาชุมชน ดา้ นเศรษฐกิจ และดา้ นทรัพยากรใน ชุมชน เป็นการประกอบกิจการวิสาหกิจชุมชน โดยคนในชุมชน เพิ่มมูลค่าทรัพยากร สร้างรายไดท้ าใหเ้ ศรษฐกิจ ชุมชนดีข้ึน และร่วมกนั แกไ้ ขป้ ัญหาของชุมชนท่ีตรงกบั ความตอ้ งการของคนในชุมชน การพฒั นาวิสาหกิจใหเ้ กิด ความสามารถในการจดั การ และพฒั นารูปแบบของวสิ าหกิจชุมชนอนั จะส่งผลใหช้ ุมชนพ่ึงพาตนเองไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื และมีระบบเศรษฐกิจชุมชนเขม้ แข็ง วิสาหกิจชุมชนมีหัวใจในการพฒั นา มีกระบวนการเรียนรู้ โดยแลกเปล่ียน เรียนรู้กบั วิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสาเร็จในการประกอบกิจการของชุมชนแต่วิสาชุมชนส่วนใหญ่ยงั คงเป็ น การดาเนินงานข้นั พ้ืนฐาน ทาให้กลุ่มไม่สามารถดาเนินธุรกิจไดส้ าเร็จ ปัญหาที่พบส่วนใหญ่วิสาหกิจชุมชนไม่ สามารถขยายตลาดได้ วิสาหกิจชุมชนบางแห่งมีปัญหาดา้ นการเงินและดา้ นบญั ชี ไม่มีระบบเงินทุนหมุนเวียนที่ดี ปัญหาดา้ นการบริหารจดั การ ขาดความเช่ือถือในผูน้ ากลุ่ม ขาดการพฒั นาผลิตภณั ฑ์อย่างต่อเนื่อง ขาดการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ มาดาเนินงานท้งั ในดา้ นการประชาสมั พนั ธ์และดา้ นจดั การ ทาใหส้ ินคา้ ไม่ตอบสนองความ ตอ้ งการขอผบู้ ริโภค สามารถพฒั นาไปสู่การเป็นผปู้ ระกอบการของหน่วยธุรกิจท่ีสูงข้ึนอยา่ งต่อเนื่องและสามารถ ทาธุรกิจร่วมกบั ภาคเอกชนท้งั ในและต่างประเทศได้ วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาแนวการปฏิบตั ิท่ีดีของวสิ าหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ 2. เพอื่ ศึกษาสภาพการดาเนินงานของวสิ าหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ วธิ ีดาเนินการศึกษา ข้นั ตอนที่ 1 ศึกษาขอ้ มูลจากเอกสาร แนวคิดทฤษฎีและผลงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ งนามากาหนดประเด็น ในการศึกษาไดท้ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การส่งเสริมวสิ าหกิจชุมชนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การปฏิบตั ิที่ดีของวสิ าหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ ข้ันตอนท่ี 2 ศึกษาข้อมูลจากเอกสารถอดองค์ความรู้วิสาหากิจชุมชน แนวคิดเก่ียวข้องการ ดาเนินการทางตลาดและธุรกิจ ข้นั ตอนท่ี 3 วเิ คราะห์และสรุปเพอื่ เสนอเป็นแนวทางการส่งเสริมศกั ยภาพวสิ าหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ แนวทางการส่งเสริมศักยภาพวสิ าหกจิ ชุมชนเชงิ ธุรกจิ สรุปผลการศึกษา นาผลทไี่ ดจ้ าการศกึ ษาบรู ณาการคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้อง ดา้ นสภาพการดาเนินงาน สรุปการศึกษาแนวทางการดาเนินงานส่งเสริมศกั ยภาพวิสาหกิจชุมชนเชิงธุรกิจ วสิ าหกิจชุมชน ประกอบดว้ ย การใชท้ ุนสงั คม ทรัพยากรและ ตอ้ งประเมินศกั ยภาพตนเองในแต่ละดา้ นเพื่อเป็ นการพฒั นาศกั ยภาพของวิสาหกิจชุมชนให้ ส่ิงแวดลอ้ ม ความพอเพยี ง ผู้นาหรือผู้บริหารวสิ าหกจิ ชุมชน PDCA เกิดความความเขม้ แข็ง เกิดความรู้ ความสามารถ และพ่ึงพาตนเองได้ ผูน้ าหรือผูบ้ ริหาร ความสุขของคนในชุมชน การ 1.การดาหนดทิศทางการดาเนินงาน แกป้ ัญหาของคนในชุมชน (วิสยั ทศั น์) วิสาหกิจชุมชนตอ้ งมีการเป้าหมาย วิสัยทศั น์ และทิศทางในการพฒั นาวิสาหกิจชุมชน มีการ แรงจูงใจโครงสร้างการบริหาร 2.การวางแผนเชิงกลยทุ ธศาสตร์ วางแผนการดาเนินงานวิสาหกิจชุมชนไม่ว่าจะเป็ นแผนบริหารองคก์ รและแผนประกอบการ การมอบหมายหนา้ ที่ความ 3.การบริหารจดั การทุน การเงินและ สามคั คี การบญั ชี การบริ หารตลาดการกาหนดลูกค้าและแหล่งจาหน่าย การจัดการความรู้และข้อมูล การบริหารเชิงกลยุทธ์ 4.การบริหารจดั การทรัพยากรบุคคล ด้านธุรกจิ เกษตรวสิ าหกจิ ชุมชน ประกอบดว้ ย การแสวงหาความรู้เพ่ือพฒั นาวิสาหกิจชุมชน และการบริหารสมาชิกใหม้ ีส่วน Henri Fayol 1. สินคา้ ตอบสนองความตอ้ งการ ร่วมในการดาเนินกิจการและสร้างสามคั คีในกลุ่ม นอกจากแนวการปฏิบตั ิที่ดีของวิสาหกิจ กระบวนการผลติ ชุมชนเชิงธุรกิจ ปัจจยั ดา้ นธุรกิจวิสาหกิจชุมชนท่ีจะประสบผลสาเร็จประกอบดว้ ยการดาเนิน แนวคดิ ของโรเจอร์ส 1. การวางแผนการดาเนินงาน ของผบู้ ริโภค ธุรกิจภายใตแ้ บรนดก์ ารคา้ มีการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ เพื่อใหส้ ินคา้ ตอบสนองความตอ้ งการของ 2. กระบวนการ (process) 2. วเิ คราะห์กลุม่ ลูกคา้ ผูบ้ ริโภค การกาหนดปริมาณ ตน้ ทุนการผลิต ความสามารถในการผลิต และฐานคิดในการ 3. ผลท่ีได้ (output) 3. วธิ ีการส่ือสารหรือการเขา้ กาหนดราคาของผลิตภณั ฑ์ ผลิตภณั ฑ์ไดม้ ีการตรวจสอบและได้รับการรับรองมาตรฐาน 4. มาตรฐานสินคา้ ถึงกลุม่ ลูกคา้ แผนการตลาดและมีตลาดรองรับสิ้นคา้ และมีการเชื่อมโยงกบั เครือข่ายวสิ าหกิจชุมชน 5.รูปแบบการขนส่ง 4. มีแผนการตลาดและมีตลาดรอง รับสิ้นคา้ การมสี ่วนร่วม 5. แหล่งทุนท่ีเป็นเมด็ เงิน 1.สมาชิกมีส่วนรวมวเิ คราะห์ วางแผน 6. มีการแขง่ ขนั ทางการตลาด 7. โครงสร้างตน้ ทุน การรวมกลุ่ม 8. แบรนดก์ ารคา้ 2.สมาชิกมีส่วน ร่วมในการตดั สินใจ 3.สมาชิกร่วมติดตาม ตรวจสอบผลการ ดาเนินงาน 4P4C

งานสัมมนาวิชาการสง่ เสรมิ และพฒั นาการเกษตร ครงั้ ที่ 10ร ตพล (ของ) เมืองขบั เคลอื่ นเกษตร อาหาร สรา้ งนวตั กรรม ารเกษส่สู ุขภาวะ ความม่ันคง และยงั่ ยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ การใชด้นตรีในการสง่ เสริมและพัฒนากสาขาเกวษา่ ตทร่ีศรา.สตต.รต์แ.ลหะสญหกงิ รณวส์มEมห-นาmวิทaยiยlุตา:ลvธิ ัยiรoสรlโุiมeขvทดeัยำ@ธรรgงรmมaาiธl.ริ cาoชm บทคัดย่อ บทความทางวิชาการนีเ้ ป็นการนำเสนอสองศาสตรว์ ชิ าทสี่ ำคัญอันไดแ้ ก่ ดนตรีและการเกษตร เป็นการนำความรู้ทางวชิ าการ ผลการวจิ ยั ทางดนตรี ดนตรีบำบดั และทางการเกษตรมาบรู ณาการ และปรบั ใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ภาคเกษตรของประเทศไทยผ่านสอ่ื ตา่ ง ๆ ซ่ึงจะช่วยให้การส่งเสรมิ และ พัฒนาการเกษตรบรรลจุ ดุ ประสงค์ตา่ ง ๆ มีบทบาททัง้ สือ่ หลักและส่อื ผสมในการถา่ ยทอดความรู้ ขอ้ มูลข่าวสาร ปรบั สภาพบรรยากาศกิจกรรมทางวชิ าการ เสรมิ สร้างความรู้ผา่ นดนตรี สรา้ งความน่าสนใจตา่ ง ๆ เป็นต้น จากการศึกษาได้แสดงถงึ การใชส้ ่ือตา่ ง ๆ ทางการสง่ เสรมิ และพัฒนาการเกษตร กจิ กรรมทางดนตรี เพอ่ื การสง่ เสรมิ และพัฒนาการเกษตร รวมไปถึงประโยชน์ทางดนตรที ี่ไดจ้ ากการใชก้ ิจกรรมต่าง ๆ คำสำคญั : ดนตรี การส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร การใชด้ นตรีเพ่อื ส่งเสริมและพฒั นาการเกษตร บทนำ ในประเทศไทยจากอดีตสู่ปจั จบุ ันด้านดนตรีและการเกษตรเกย่ี วพนั ธ์กนั มาตอ่ เนื่อง จากการศึกษาและทบทวนวรรณกรรมพบว่า เกษตรกรรมและวฒั นธรรม ทางดนตรเี กิดข้ึนพร้อมกบั มนุษยแ์ ละเกีย่ วพนั ธก์ บั มาอย่างช้านาน จากการพบบันทกึ หลกั ฐานต่าง ๆ ทางประวตั ศิ าสตรใ์ นยคุ หินเก่าทม่ี นุษย์เรมิ่ มกี ารนำหนิ มาปรบั ใช้ให้เป็นเครื่องมือ อุปกรณ์ อาวุธ และเครือ่ งดนตรี บนั ทกึ ไว้บนหนิ ดว้ ยรูปวาดตามผนงั ถำ้ มนษุ ย์ในยคุ นี้เรม่ิ คิดคน้ ประดษิ ฐ์เครอื่ งมอื ต่าง ๆ มีการนำ หนงั สตั ว์ ทเี่ หลอื จากการล่าสัตวท์ ี่นำมาทำเป็นอาหารมาประยุคใช้ขึงดงึ ทำให้เกดิ เสียง มกี ารใช้บทสวดเพ่อื พธิ ีกรรมตา่ ง ๆ ซ่งึ แตล่ ะภมู ิภาคจะมวี ัฒนธรรมและ ประเพณแี ตกตา่ งกนั ออกไป ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นเกษตรกรรม วัฒนธรรมทางดนตรี ประเพณที อ้ งถ่ิน ลว้ นเกีย่ วข้อง เชอ่ื มโยงและมีความสัมพนั ธ์กัน การใช้ดนตรเี พอื่ การส่งเสรมิ และพฒั นาการเกษตรน้ันเป็นการนำองค์ความรู้ทางดนตรี ดนตรบี ำบดั และการเกษตร มาปรบั ใช้และบรู ณาการเขา้ กบั การใช้สอ่ื เพ่ือสง่ เสรมิ และพัฒนาการเกษตร โดยมเี ป้าหมายเพือ่ ส่งเสรมิ และพฒั นาทางด้านส่ือต่าง ๆ การพฒั นาบคุ ลากรทางเกษตร และพฒั นากิจกรรมทางดนตรี ใหเ้ หมาะสมกับกล่มุ ทางการเกษตร ส่ือดนตรเี พ่ือการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร การใช้สื่อเพ่อื การสง่ เสริมและพัฒนาการเกษตรเป็นการใชส้ ือ่ ในการส่ือสาร ในปัจจบุ ันประกอบด้วย สื่อบคุ คล สอื่ ส่งิ พมิ พ์ สอื่ โสตทศั น สื่อกิจกรรมต่าง ๆ ส่ือมวลชนและส่อื เทคโนโลยี แม้วา่ ส่ือทีก่ ลา่ วมาขา้ งตน้ เป็นทนี่ ิยมในการใช้ แต่กย็ ังมปี จั จยั ทีส่ ง่ ผลให้ปัญหาในการใชส้ ่ือเพ่อื การส่งเสรมิ และพัฒนาการเกษตร ไม่วา่ จะเปน็ พฤติกรรมการรบั ขา่ วสารของเกษตรกร ความเหมาะสมของการใชส้ ่อื แตล่ ะประเภท ความเข้าใจตอ่ การใช้ส่ือรวมถึงวธิ กี ารและภาษาท่ีใช้ เน้ือหาข้อมลู ตา่ ง ๆ ไม่เหมาะสมสำหรับกลมุ่ เกษตรกร การยอมรบั และการเข้าถงึ เทคโนโลยี ซึง่ บทบาทของดนตรีทีน่ ำมาใช้ร่วมกบั ส่ือนน้ั สามารถเปน็ ได้ส่ือหลกั และส่ือร่วมที่จะ เปน็ เครอ่ื งมอื ชว่ ยให้บรรลุจดุ ประสงคต์ ่าง ๆ จากการเลือกใช้สอ่ื ขา้ งตน้ สือ่ ดนตรีจงึ มีบทบาทสำคญั มากในการเป็นสอ่ื หลักผา่ นกจิ กรรมทางดนตรีตา่ ง ๆ และเปน็ ส่ือร่วมในการใช้ส่ือผสมรว่ มกบั ส่ือต่าง ๆ เพือ่ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายต่าง ๆ - การฟังเพลง กิจกรรมทางดนตรีทีค่ นุ้ เคยกบั มนษุ ย์ทุกคน ในปัจจบุ ันมกี ารใชก้ ารฟงั เพลงเพอื่ ใหค้ วามรหู้ รือข้อมูลตา่ ง ๆ โดยไมต่ อ้ งอา่ นหรอื ท่องเหมาะกับ บุคคลทกุ วยั ให้เข้าถงึ ขอ้ มูลไดผ้ ่านการสือ่ สารชนดิ นี้ เชน่ การฟงั เพลงจากการโฆษณาต่าง ๆ ในโทรทัศน์ การจำบทเรียนต่าง ๆ การเพลง เป็นต้น - การร้องเพลง นอกจากจะเพิม่ ความสนุกสนานแลว้ นน้ั การรอ้ งเพลงยงั ช่วยบริหารอวยั วะภายใน ทางการเกษตรน้นั มีเพลงเก่ยี วข้าว อยใู่ นประเพณหี นงึ่ ของภาคกลาง เปน็ กจิ กรรมการร้องเพลงเพื่อสร้างความสามคั คี ความสนุกสนาน เรียกรวมพล ดบั ความเหน็ดเหนอ่ื ยเมื่อยล้าและยังเกิดประโยชน์ในทาง ปลูกฝังความสามัคคี เกิดเปน็ วัฒนธรรมและเปน็ ประเพณีของแต่ละท้องถน่ิ รวมถึงบทสวดทางศาสนาทีม่ ีการสวดเพ่ือขอส่ิงศักด์ิสทิ ธิก์ จ็ ดั ว่าเป็นการร้องเพลง เช่นเดียวกัน - การเล่นเครือ่ งดนตรี เคร่อื งดนตรใี นยุคโบราณนับวา่ มีการสรา้ งสรรค์มาจากทำการเกษตร จึงทำใหเ้ คร่อื งดนตรีในแต่ละภาคของประเทศไทย มีความโดดเด่น แตกต่างกนั - การเคล่อื นไหวร่างกายตามจงั หวะของดนตรี สรุป การใช้ดนตรีในการส่งเสรมิ และพฒั นาการเกษตรน้ันเปน็ การใช้ส่ือต่าง ๆ เพอ่ื ส่งเสรมิ และพัฒนาการเกษตร ในปจั จุบันมีบทบาทในการถา่ ยทอดขอ้ มลู ขา่ วสาร เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมต่าง ๆ แก่เกษตรกร การนำกิจกรรมทางดนตรีตา่ ง ๆ รวมถงึ กิจกรรมทางการเกษตรทส่ี ญู หายมาเปน็ สอื่ ในการสง่ เสริมและพัฒนา การเกษตรนนั้ ถงึ แมว้ า่ ยังไมม่ ผี ลการวิจยั ในการใชด้ นตรีกับบุคลการทางการเกษตร แต่ในกลุ่มอ่นื ๆ มีการใชอ้ ย่างแพร่หลาย การใช้สอ่ื ทางดนตรีจะเปน็ ทางเลือกหนงึ่ ในการใชส้ ื่อเพื่อการส่งเสรมิ และพฒั นาการเกษตรของประเทศไทยได้

งานสมั มนาวชิ าการสง่ เสริมและพั ฒนาการเกษตร ครัง้ ท่ี 10 พล(ของ)เมอื งขับเคลอื่ นเกษตร อาหาร สร้างนวตั กรรม สู่สขุ ภาวะ ความมน่ั คง และยง่ั ยืนในสภาวะปฏริ ปู ประเทศ การ ่งเ ริมการผลติ จง้ิ รีดตามมาตรฐาน ินค้าเก ตรของเก ตรกรเพอ่ื การ ง่ ออก บทคดั ยอ่ ผลการศึกษา บทค ามทาง ิชาการน้ีเพื่ ึก า การ ่งเ ริมการผลิตจิ้ง รีดตามมาตรฐาน ินค้าเก ตรข ง การเล้ียงจิง้ รดี ตามมาตรฐานฟาร์มจงิ้ รดี (มก .8202-2560) เก ตรกร เพ่ื การ ่ง ก เริ่มตั้งแต่ข้ันต นการเล้ียงจิ้ง รีดตามมาตรฐานฟาร์มจ้ิง รีด (มก .8202-2560)การแปรรปู ผงจิ้ง รีด และแน โน้มการตลาด า รับการ ่ง ก การ ึก าคร้ังน้ี จิง้ รีดทพ่ี บในประเท ไทย ซ่งึ เป็นท่รี ู้จักกัน ยา่ งแพร่ ลาย มี 4 ชนิด ดังน้ี ใช้ข้ มลู ทุติยภมู ิ โดยไดท้ าการ รุปประเดน็ และ เิ คราะ ผ์ ลการ กึ า ผลการ ึก าได้แ ดงถึง ิธีการเล้ียงจ้ิง รีดตามมาตรฐานฟาร์มจ้ิง รีด (มก .8202-2560) ร มไปถึงข้ันต นการแปรรูปผงจ้ิง รีดใน ุต า กรรมท่ีได้มาตรฐาน GMP ค ามต้ งการข ง ผูบ้ รโิ ภคในตลาดตา่ งประเท และการ เิ คราะ ์ SWOT ข งการผลติ จ้งิ รดี ข งประเท ไทย คา าคญั : จงิ้ รีด การผลิตจง้ิ รีดตามมาตรฐาน การ ่ง กจ้งิ รดี บทนา มาตรฐาน นิ คา้ เก ตรการปฏบิ ตั ทิ างการเก ตรทีด่ ี า รบั ฟารม์ จ้งิ รดี (มก .8202-2560) จ้ิง รีดเป็นแมลงชนิด นึ่งที่ งค์การ า ารและเก ตรแ ่ง ประชาชาติ รื FAO ได้ ่งเ ริม ขอ้ กา นด รายละเอยี ด ใ ค้ นทั่ โลกบรโิ ภคเพ่มิ มากขนึ้ เน่ื งจากเปน็ แ ลง่ โปรตีนทางเลื กใ มท่ ม่ี รี าคาถูกและ ามารถ า 1. องคป์ ระกอบฟาร์ม ยู่ในพื้นที่ที่เ มาะ ม ไม่มีค ามเ ่ียงต่ การปนเปื้ น ันตรายที่จะมีผลกระทบต่ ค าม ไดง้ ่ายในท้ งถ่นิ ปัจจุบันได้มีการค้าขาย จิ้ง รีดในรูปแบบ ด แช่แข็ง ร มถึงแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ปล ดภยั ข งจงิ้ รดี และผบู้ ริโภค มีการ างผังฟาร์ม และจดั พน้ื ทีเ่ ป็น ัด ่ น โรงเรื น ร้างด้ ย ท ด คั่ บรรจุกระป๋ ง ร มถึงบดเป็นผง เพื่ แปรรูปเป็นแป้งนาไปทาผลิตภัณฑ์ เช่น คุกกี้ เค้ก 2. การจดั การฟารม์ ั ดทุ ค่ี งทน ง่ายต่ ค ามทาค าม ะ าดและบารงุ รัก า ระบาย ากา ทีด่ ี มักกะโรนี ซ่ึงมีการ ่ง กไปต่างประเท เช่น ประเท เม็กซิโก ภาพยุโรป รัฐ เมริกา และ 3. ุขภาพ ัตว์ มคี ูม่ ื การปฏิบัติงานประจาฟาร์ม คัดเลื กพันธ์ุที่มีคุณภาพ มีการจัดการ า ารและน้า า รับ ญป่ี นุ่ เปน็ ตน้ ซึ่งถื เปน็ ช่ งทาง นง่ึ ในการเพิ่มรายไดใ้ ้เก ตรกร ลังช่ งทานา รื ระ ่างฤดูแลง้ 4. ่ิงแวดล้อม จงิ้ รีด บุคคลากรต้ งมีค ามรู้ และมีการทาค าม ะ าดและบารงุ รัก า า รับมูลค่าตลาดท่ีคาดการณ์ไ ้ข งแมลงท่ีกินได้ท่ั โลกในช่ ง ปี 2018 ถึงปี 2023 ในปี 2018 5. การบนั ทึกขอ้ มลู มีการป้ งกนั และฆา่ เชื้ โรค ปุ กรณ์ และบุคคลก่ นเข้า- กจากฟาร์ม จดบันทึกการผ่าน เข้า- มลู ค่าตลาดโดยประมาณข งแมลงทีก่ นิ ไดม้ มี ลู ค่า 406.32 ล้านด ลลาร์ รัฐและคาด ่าจะเพิ่มข้ึน กฟาร์มข งบคุ คลภายน ก และมกี ารจัดการโรคระบาด เป็น 1.2 พนั ลา้ นด ลลาร์ รัฐภายในปี 2566 กาจัด รื จัดการขยะมูลฝ ย ข งเ ีย และมูลจ้ิง รีด ด้ ย ิธีการท่ีเ มาะ มและ ถูก ขุ ลัก ณะ เพ่ื ไมใ่ ้เกผิ ลกระทบต่ งิ่ แ ดล้ ม Forecast market value of edible insects worldwide from 2018 to 2023 บันทึกข้ มูลผลการปฏิบัติงานในข้ันต นที่ าคัญ ในการจัดการฟาร์มท่ีมีผลต่ ุขภาพผลผลิต (in million U.S. dollars) และการค บคมุ โรค โดยเกบ็ รัก าบนั ทึกเปน็ เ ลา ย่างน้ ย 3 ปี แนวโนม้ การตลาด า รบั การ ง่ ออก เม็กซโิ ก นิยมนาผงจงิ้ รีดมาเปน็ ่ นประก บข งซ และเคร่ื งปรงุ ร เ ้นพา ต้า แน็คประเภทเนื้ ตั ์ และเคร่ื งดื่มเตกีล่า เป็นตน้ USA นยิ มผงจ้ิง รีดประเภทแปง้ และโปรตีนบาร์ เน่ื งจากรับประทานงา่ ย ไม่มีกลนิ่ รื รปู ลัก ณข์ งแมลง และเปน็ ินคา้ ที่ใ ้โปรตนี ติ ามิน แรธ่ าตุ และกรด ะมิโน ทจ่ี าเป็นต่ ร่างกาย ทง้ั ยังช่ ยระบบย่ ย า าร ในรา่ งกายใ ท้ างานดขี ้นึ เ รมิ รา้ งกลา้ มเน้ื จงึ เป็นที่ นใจข งกลมุ่ ผู้รัก ขุ ภาพ นกั กี า เปน็ ต้น รัฐบาลไทยจึงได้เล็งเ ็น ่าประเท ไทยมี ักยภาพและมีค ามชานาญในการเพาะเลี้ยงเเมลงใน แคนนาดา ผู้ประก บการขาย ินค้าแมลงในแคนาดา ทราบ ่า ผู้ประก บการแคนาดามีค ามพยายามที่จะ เชิงพาณิชย์ เช่น จิ้ง รีด ต๊ักเเตน น นไ ม และเเมงดานา เป็นต้น จึงได้มีการ ่งเ ริมใ ้เก ตรกร นาเข้า ินค้าแมลงจากไทยโดยได้ทดล ง ่ังซื้ ินค้า แต่ตัด ินใจที่จะ ยุดดาเนินการนาเข้า ินค้าดังกล่า เล้ียงจ้ิง รีด เน่ื งจากเป็นเเมลงที่เลี้ยงง่าย ใช้พื้นท่ีและน้าน้ ยในการเล้ียง ร มทั้งไม่ต้ งใช้ เน่ื งจากพบ ุป รรคด้านค่าขน ่ง ระ ่างประเท ท่ีมีราคา ูง และในปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐาน ากลรับร ง เทคโนโลยีและต้นทุนในการเลี้ยง ท่ี ูง จึงเ มาะ มกับพ้ืนท่ีเเ ้งเเล้ง รื พื้นที่ชนบท ทาใ ้เป็นการ คณุ ภาพ นิ คา้ จงึ เลื กทจ่ี ะเพาะเล้ยี ง รื งั่ ซ้ื ตั ถุดิบจากผู้ประก บการภายในประเท รื นาเข้าจากประเท เพ่ิมรายได้ใ ้เเก่เก ตรกรในช่ ง ลังการทานา รื ในช่ งเเ ้งเเล้ง การ ่งเ ริม ักยภาพเก ตรกร ใกลเ้ คยี ง จ้ิง รีดแปลงใ ญ่ใ ้ ามารถปฏิบัติได้ ดคล้ งกับมาตรฐาน GAP ฟาร์มจ้ิง รีด ซึ่งเป็น ่ นต้นน้า ข ง ่ งโซ่การผลิต และการจัด าตลาดต่างประเท เพ่ื ขยายตลาดการ ่ง กโดยการดาเนินการ สรุป เปดิ ตลาดจ้ิง รดี เม็กซโิ ก และ ภาพยุโรป รฐั เมรกิ า เป็นตลาดทม่ี ี กั ยภาพ งู ซึง่ เป็น ่ นปลาย น้าข ง ่ งโซ่การผลิต โดยใน ่ งโซ่การผลิตข ง ุต า กรรมจ้ิง รีด โดยเฉพาะผู้ประก บการผลิต การ ง่ เ ริมการผลิตจงิ้ รดี ตามมาตรฐาน นิ ค้าเก ตรข งเก ตรกรเพ่ื การ ่ง ก เรมิ่ ตงั้ แต่กระบ นการ และผู้ ง่ ก ซ่ึงเป็น ่ นข งกลางนา้ เป็น ่ น าคัญในการเช่ื มโยงเก ตรกร ่ นต้นทางและตลาด ในการเล้ียงจิ้ง รีดตาม มก . 8202-2560 เพื่ ใ ้ได้จิ้ง รีดตามมาตรฐาน GAP ฟาร์มจิ้ง รีด ซ่ึง น่ ยงานท่ี ปลายทางใ ้ครบ ่ งโซ่ ปุ ทาน เกี่ย ข้ งทัง้ ภาครฐั และเ กชนค รใ ้การ นบั นุนค ามรู้ และปจั จัยการผลิตใ ้กับเก ตรกรผู้เลี้ยง ลังจากนั้นนา จ้ิง รีดท่ีได้ตามมาตรฐานเข้าโรงงานแปรรูปเป็นผงจ้ิง รีด ซ่ึงโรงงานต้ งได้มาตรฐาน เช่น GMP/HACCP รื ถ้า ่ง ก รัฐ เมริกาโรงงานน้ันต้ งได้มาตรฐาน FSMA เป็นต้น โรงงานที่จะ ่ง กจะต้ งทาตามกฎระเบียบข ง ประเท คคู่ ้านน้ั ๆ ร มถึง ึก าพฤติกรรมข งผบู้ รโิ ภคในทุกมิติ นางสาวโศภติ วงษพ์ ลบั สาขาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช

งาน ัมมนา ชิ าการ งเ ริมและพฒั นาการเก ตร ครั้งที่ 10 กรณิ ตัง้ คณาทรัพย นกั กึ าปริญญาเอก “พล(ของ)เมืองขับเคลอ่ื นเก ตร อา าร รางน ัตกรรม ู ุขภา ะ ค ามมนั่ คง และยง่ั ยืนใน ภา ะปฏิรปู ประเท ” าขา ชิ าเก ตร า ตรและ กรณ ม า ทิ ยาลัย โุ ขทัยธรรมาธริ าช E-mail : [email protected] บทคัดยอ การ ึก าการ งเ ริมเพื่อพัฒนาและใชประโยชนงาน ิจัยดานขา ของกรมการขา เปนการ ังเคราะ งาน ิจัยดานขา โดยมี ัตถุประ งคในการจําแนกผลงาน ิจัยเปน ม ด มูงาน ิจัย ึก ารูปแบบและ ิธีการ ิจัยเพ่ือ รุปภาพร มขององคประกอบของค ามรูท่ีคนพบจากการ ิจัย ร มทั้ง ึก าแน ทางการ งเ ริมและใชประโยชนงาน ิจัยดานขา ของกรมการขา ผลการ ึก าจากการ จัด ม ด มูกลุมงาน ิจัยเปนตาม งโซอุปทานตั้งแตการผลิตตนน้ํา การผลิตกลางน้ํา การผลิตปลายนํ้า และการตลาด โดยผลงาน ิจัยของกรมการขา ในป พ. . 2559–2563 ได ะทอนใ เ ็น าในระยะเ ลา 5 ปที่ผานมาน้ัน มีการจัด รรงบประมาณจําน นท้ัง มด 1,307.17 ลานบาท ามารถ รางผลงาน ิจัย ไดจําน น 189 โครงการ ซ่ึง นใ ญเปนงาน ิจัยประยุกต รอยละ 62.43 ท้ังน้ีจะเ ็นได างบประมาณ การ ิจัยถูกจัด รรไปใน นของการพัฒนาพันธุขา ใ มีค ามทนทานตอ ภา ะแ ดลอมมากท่ี ุด ากพิจารณาถึงผลลัพธท่ีไดจากการ ิจัยร มด ย พบ า ดานการเพิ่มผลผลิต เปนผลลัพธที่มีการใชงบประมาณ มากท่ี ุดถึง 635.10 ลานบาท คิดเปนรอยละ 48.59 จากงบประมาณการ ิจัยท้ัง มด ะทอนใ เ ็น ากรมการขา เนนทําการ ิจัยเพื่อเพ่ิมผลผลิต ํา รับแน ทางการ งเ ริมและการนําผลงาน ิจัย เทคโนโลยี และน ัตกรรมไปใชประโยชน โดย รางค ามร มมือกับ น ยงานภาครัฐและเอกชน ใน นค ามร มมือกับ น ยงานภาครัฐ ทั้งกับ น ยงานระดับ นกลาง จัง ัด ภูมิภาค และ ถาบันการ ึก าตางๆ เพื่อร บร มผลงาน ิจัย เทคโนโลยี และน ัตกรรมดานการเก ตร ํา รับเผยแพร ประชา ัมพันธ และเปนแ ลงเรียนรูใ กับเก ตรกร ผู นใจทั่ ไปเขามา ึก าและนําผลงานไปใชประโยชน นค ามร มมือกับ ภาคเอกชนในการนําผลงาน ิจัย เทคโนโลยี และน ัตกรรมทางการเก ตรไปผลิตเพื่อจํา นายใ เก ตรกรและผู นใจในราคาที่เ มาะ ม ช ยลดตนทุนการผลิต นับ นุนการพัฒนาเก ตรกร ปราชญชา บาน รอื ชมุ ชนตนแบบ ร มทงั้ นบั นนุ การนําเทคโนโลยีและน ัตกรรมดานการเก ตรมาใชในระบบ งเ รมิ การเก ตรแบบแปลงใ ญ คํา ําคัญ : การ งเ รมิ การใชประโยชนงาน จิ ัย งาน ิจัยดานขา กรมการขา บทนํา ขา ถือเปนพชื อา าร ลกั ของคนไทยและยังเปนพชื เ ร ฐกิจที่ ําคัญของประเท ไทย ํา รับการ ึก าการจัดกลุมงาน ิจัยของกรมการขา จะเ ็นได างบประมาณการ ิจัย ทั้งในดาน เ ร ฐกิจ ังคม ัฒนธรรม ่ิงแ ดลอม และค ามม่ันคงของประเท ซึ่งไทยถือเปน ถูกจัด รรไปใน นของการพัฒนาพันธุขา ใ มีค ามทนทานตอ ภา ะแ ดลอมมากที่ ุด ํา รับ แ ลงปลูกขา ที่มีการผลิตออก ูตลาดโลกเปนจําน นมาก และยังเปน ูนยกลางของการ การ ึก าประเภทและ ิธีการ พบ า งาน ิจัยประเภทประยุกต มี ัด นมากท่ี ุด 118 โครงการ ึก า ิจัยทางดานขา โดยการ ิจัยดานขา ในปจจุบันมีค ามเกี่ย ของกับ ลาย น ยงาน และ คิดเปนรอยละ 62.43 จากงาน ิจัยท้ัง มด อยางไรก็ตาม การพิจารณาตามประเภทอาจยังไมเพียงพอ กรมการขา เปนองคกร น่ึงท่ีมีภารกิจ ลักในการขับเคลื่อนงาน ิจัยดานขา โดยดําเนินงาน ิจัย ตอการ ะทอนใ เ น็ ถงึ ผลของการจัด รรงบประมาณ ดังน้ันจึงไดมีการพิจารณาถึงผลลัพธท่ีไดจากการ ครอบคลุมตั้งแต ดานการพัฒนาพันธุขา ิธีการเพาะปลูก การจัดการ ลังการเก็บเกี่ย ิจัยร มด ย ํา รับการ ึก าผลลัพธของงาน ิจัย พบ า ดานการเพิ่มผลผลิต เปนผลลัพธท่ีมีการใช การแปรรูปผลิตภัณฑขา เพื่อเพิ่มมูลคาทางเ ร ฐกิจและการตลาดขา การพัฒนางาน ิจัย งบประมาณมากที่ ุดถึง 635.10 ลานบาท คดิ เปนรอยละ 48.59 จากงบประมาณการ จิ ยั ทั้ง มด ดานขา นับเปน น ําคัญในการ รางค ามเขมแข็งใ กับนัก ิจัย เก ตรกร และผูประกอบการ ในเรื่องของการลดตนทุน เพิ่มผลผลิตและเพ่ิมประ ิทธิภาพการผลิต การแปรรูป และนํา รปุ ผลการ กึ า น ัตกรรมจากงาน ิจัยไปขยายผลตอยอดเชิงพาณิชย เพื่อช ยเพ่ิม ักยภาพในการแขงขัน ใ กบั ขา ไทยในตลาดโลกได การ งเ รมิ เพอื่ พฒั นาและใชประโยชนงาน ิจัยดานขา ของกรมการขา ถือ ามีค าม ําคัญ เปนอยางยิ่งตอการพัฒนาขา ไทย โดย รางค ามร มมือกับ น ยงานภาครัฐและเอกชน ใน นค าม ดังนั้นจึงไดตระ นักถึงค าม ําคัญของการบูรณาการดานการ ิจัยใ อดคลองกับ ร มมือกับ น ยงานภาครัฐทั้งกับ น ยงานระดับ นกลาง จัง ัด ภูมิภาค และ ถาบันการ ึก าตางๆ แน นโยบายและยุทธ า ตรการพัฒนาประเท ค บคูกับการ ิจัยเพ่ือค ามเปนเลิ ทาง ิชาการ เพื่อร บร มผลงาน ิจัย เทคโนโลยี และน ัตกรรมดานการเก ตร ํา รับเผยแพร ประชา ัมพันธและ ามารถนําไปใชใ เกิดผลทั้งการแกไขปญ าและการพัฒนาประเท อยาง มดุลและย่ังยืน จึงมี เปนแ ลงเรียนรูใ กับเก ตรกรและผู นใจทั่ ไปเขามา ึก าและนําผลงานไปใชประโยชน นค าม แน คิดในการ ึก าการ งเ ริมเพื่อพัฒนาและใชประโยชนงาน ิจัยดานขา เพ่ือรองรับนโยบาย ร มมือกับภาคเอกชน ในการนําผลงาน ิจัย เทคโนโลยี และน ัตกรรมทางการเก ตรไปผลิต เรงด นในการพฒั นาขา ของประเท และ ามารถนํางาน ิจยั ในประเดน็ ตางๆ มาใชประโยชนได เพ่ือจํา นายใ เก ตรกรและผู นใจในราคาที่เ มาะ ม ช ยลดตนทุนการผลิต นับ นุนการพัฒนา อยางมีประ ิทธิภาพ ยกระดับภาคการเก ตรและผลักดันเ ร ฐกิจของประเท ใ มีการเติบโต เก ตรกร ปราชญชา บาน รือชุมชนตนแบบ ร มทง้ั นบั นุนการนาํ เทคโนโลยีและน ัตกรรมจากการ อยางเขมแข็งและยั่งยนื ตอไปในอนาคต จิ ยั มาใชในระบบ งเ รมิ การเก ตรแบบแปลงใ ญ เพ่อื เพ่ิมประ ทิ ธิภาพการผลิต ธิ ีการดําเนินงาน จากการ ึก างาน ิจัยดานขา ในปจจุบัน จะพบ ามีการจัด ม ด มูกลุมงาน ิจัยเปนตาม งโซ เอก ารอางอิง อุปทานตั้งแตการผลิตตนน้ํา การผลิตกลางน้ํา การผลิตปลายนํ้า และการตลาด (อภิชัย, 2562) โดยผลงาน ิจัยของกรมการขา ในป พ. . 2559–2563 ได ะทอนใ เ ็น าใน ระยะเ ลา 5 ปที่ผานมา กรมการขา . 2558. แผนยุทธ า ตรกรมการขา พ. . 2558-2562. ถาบนั ิจัยและใ คําปรกึ าแ ง มกี ารจดั รรงบประมาณจําน นทั้ง มด 1,307.17 ลานบาท ามารถ รางผลงาน ิจัยได จําน น 189 ม า ิทยาลัยธรรม า ตร,16 เม ายน 2558 โครงการ ประกอบด ยตนน้ํารอยละ 78.44 แบงออกเปนดานพันธุขา รอยละ 26.50 กระบ นการ . 2563. เอก ารประกอบการจัด รรงบประมาณตามโครงการ ิจยั ประจาํ ปงบประมาณ 2563. ผลิตรอยละ 32.33 เครื่องจักรกลการเก ตรในการเพาะปลูกรอยละ 3.71 เคร่ืองมือทัน มัยรอยละ กอง จิ ัยและพัฒนาขา กรมการขา , 85 นา 7.42 กลางนา้ํ รอยละ19.58 แบงออกออกเปนดานการจัดการ ลังการเกบ็ เกยี่ รอยละ 11.64 การเพิ่ม มูลคารอยละ 7.94 และปลายน้ําดานการตลาด รอยละ 2.12 โดยผลงานการ ิจัยของกรมการขา อภชิ ัย มบูรณปกรณ และคณะ. 2562. โครงการประเมินค าม อดคลองการจัด รรทุนมุงเปา จะเนนในดานของการผลิตใ มีค าม ลาก ลาย ตรงตามค ามตองการของเก ตรกร เพ่ือเพิ่มผลผลิต เรื่องขา และแน ทางการจดั รรทุน เพื่อรองรับนโยบายเรงด น และเพ่มิ ประ ิทธิภาพการผลติ ขา ซงึ่ ามารถกระตนุ เ ร ฐกจิ ของประเท ใ เติบโตได ในการพฒั นาขา ของประเท ระยะท่ี 2. าํ นกั งานพฒั นา การ จิ ยั การเก ตร (องคกรม าชน), 227 นา

ก ิกรรมไร้ ารพิ เพ่ือการพึ่งตนเองอยา่ งยงั่ ยืน ดินแสงธรรม กล้าจน บทคดั ยอ่ สาขาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมธริ าช E-mail: [email protected] บทค ามเร่ืองก ิกรรมไร้ ารพิ เพ่ือการพงึ่ ตนเองอย่างย่ังยืน มี ตั ถุประ งค์เพ่ือ ึก าและ ังเคราะ ์แน คิดก ิกรรมไร้ ารพิ แน คิดการพึ่งตนเองอย่างย่ังยืน และนาเ นอรูปแบบในการ ่งเ ริมการทาก ิกรรมไร้ ารพิ เพ่ือการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนของมูลนิธิแพทย์ ถิ ี ธรรมแ ่งประเท ไทย ผลการ ึก าพบ า่ ลักการทาก ิกรรมไร้ ารพิ ใ ้เกดิ การพึง่ ตนเองอยา่ งยง่ั ยนื ใ ้ าเรจ็ ไดอ้ ย่างแท้จรงิ นอกจากจาเปน็ จะตอ้ งมีมิติของการจดั การดนิ นา และอากา ใ ้เ มาะ มในการเพาะปลูก มีค ามเป็นอิ ระจากการพงึ่ พาเทคโนโลยีภายนอกและ อิ ระจาก ารเคมีในการผลิต 100% แล้ ยจะต้องมีมิติของ ิถีการดาเนินชี ิตที่พอเพียง เรียบง่าย พ่ึงตนเอง มีการปฏิบัติ ีลที่ถูกตรง เ ีย ละ และแบ่งปันกันจึงจะ ามารถแก้ปัญ าต่างๆ ท่ีกาลังเกิดขึนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ไม่ ่าจะเป็นปัญ า นี ิน ปญั าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ ิ่งแ ดล้อมถูกทาลาย ร มถึงปัญ า ุขภาพท่ีกาลังรุนแรงและยากตอ่ การรัก ามากย่ิงขึน ่ นรูปแบบก ิกรรม ถิ ีพุทธเพ่ือการพ่ึงตนเองอย่างย่ังยืนของมูลนิธิแพทย์ ิถีธรรมแ ่งประเท ไทย นอกจากจะ ามารถพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนไดแ้ ล้ ยังมี การ ่งเ ริมใ ้เกิดการแบ่งปนั องค์ค ามรู้ต่าง ๆ ในการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนทัง 7 ด้านใ ้กับเก ตรกรและประชาชนท่ี นใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้ ย คือ 1) พึ่งตนเองด้านการทาก ิกรรมไร้ ารพิ 2) พึ่งตนเองด้านการดูแล ุขภาพตาม ลักการแพทย์ ถิ ีธรรม 3) พึง่ ตนเองดา้ น จิต ญิ ญาณ 4) พ่ึงตนเองด้าน ังคม 5) พ่งึ ตนเองดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ 6) พง่ึ ตนเองด้านเทคโนโลยี 7) พ่ึงตนเองดา้ นเ ร ฐกจิ คา าคัญ : ก ิกรรมไร้ ารพิ การพึง่ ตนเอง ก ิกรรม ิถีพุทธ บทนา ิ่งที่ าคัญอยา่ งมากต่อการพฒั นาประเท ชาติ คือ การพฒั นาการเก ตร โดยเฉพาะในช่ งทเ่ี ร ฐกิจตกต่า เก ตรกรรมถือเปน็ นทาง นึง่ ท่ีช่ ยบรรเทาทังปัญ าเ ร ฐกิจ ลดปัญ าการ ่างงาน เพิ่มรายได้ และ ร้างค ามเป็นอยู่ท่ีดีขึนใ ้เก ตรกร แตเ่ กือบ 60 ปที ่ีผ่าน มา เก ตรกร ่ นใ ญ่ตอ้ งเผชิญ น้ากับกระแ ของระบบทุนนิยมท่ีไ ลบ่าเข้ามาในรูปแบบของการพัฒนา ทาใ ้เก ตรกรต้องเปล่ียน ิถีการผลิตจากที่เคยมุ่งผลิต ่ิงที่ตั เองตอ้ งบริโภคเป็น ลัก มาเป็น ิถีท่ีมุ่งผลิต ิ่งท่ีขายได้และเปน็ ท่ีต้องการของตลาดเป็น าคัญ ซ่ึงการมุ่ง ผลิตในเชิงปริมาณเพื่อ นองค ามต้องการของตลาดนัน ทาใ ้เก ตรกรต้องพ่ึงพาเทคโนโลยีและมีต้นทุนที่มากขึน เช่น ค่าปุ๋ยเคมี และ ารเ คมีกาจัด ัตรูพืช เป็นต้น (กนก รา พ งประยงค์ และ านิตย์ นูนิล. 2561, น. 34-64) ่งผลใ ้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ อย่าง ต่อเนอ่ื ง ไม่ ่าจะเป็นปัญ า นี นิ ทรัพยากรธรรมชาติถกู ทาลายเพราะค ามเ ็นแก่ตั และค ามโลภทีม่ ากขึน ค าม มั พันธท์ าง ัคม ค ามไ ้ใจทางเครือญาติและเพอื่ นบา้ นน้อยลง ิถีชี ิตท่ีเรียบง่ายเปล่ียนมา ู่ ถิ ีชี ิตที่รีบเร่ง ท่ี าคัญก า่ นันคือ ทังเก ตรกรเองและผู้บริโภค มปี ัญ า ขุ ภาพทีม่ ีค ามรนุ แรงและยากตอ่ การรกั ามากยง่ิ ขนึ จะเ น็ ่าปัจจุบนั แน โนม้ ค ามเ ีย่ งและค ามไม่ปลอดภยั จากพิ ภยั ของ ารเคมีเพ่มิ ูงขึนชดั เจน นาไป ู่ปญั าการเกิดโรคมะเร็ง โรคเบา าน โรคต่อมไร้ท่อ และปัญ าอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นโรค าคัญลาดับต้น ๆ ของคนไทย (บาเพ็ญ เขยี าน. 2562, น. 1-8) จาก ถานการณ์ดงั กล่า จะเ น็ ได้ ่าประชาชนและประเท ชาติกาลัง ูญเ ีย งิ่ ทย่ี ิง่ ใ ญ่ท่ี ดุ ไป 2 ประการคือ การพ่งึ ตนเองของชุมชน และประเท ชาตขิ าดค ามยงั่ ยนื ในการพัฒนาทงั ทางด้านเ ร ฐกิจ งั คม และระบบนเิ แน คดิ ก ิกรรมไร้ ารพิ ก ิกรรมไร้ ารพิ เป็นทางรอดของม ลมนุ ยชาติ มีเป้า มาย ลัก 2 ประการ คือ การ ร้างแ ล่งอา ารของตนเอง และแบ่งปันผลผลิตพร้อมกับ ถ่ายทอดองค์ค ามรู้ออกไปใ ้ก ้างข างมากขึน ( มณะโพธิรัก ์. 2564, มีนาคม 22) ตรงกับแน คิดการ ร้างดา ด งใ ม่บนโลกใบเดิมของพ่อคาเด่ือง ภา ี (2563, มกราคม 22 : ออนไลน์) ตรงกับแน คิดของ ิ ัฒน์ ัลยกาธร (2562, ตุลาคม 13) ่าก ิกรรมเป็นอารยธรรมของการพัฒนาการผลิต ร้าง รรค์และแบ่งปันกัน นี่คือการขจัดค าม ิ โ ย (zero hunger) อย่างแท้จริง และตรงกับแน คิดของใจเพชร กล้าจน (2564, กุมภาพันธ์ 14) ท่ีกล่า ่า เราเน้นผลิตอา ารไร้ ารพิ ใ ้มีกินมีใช้และมีแบ่งปัน ชี ิตที่ไม่ต้องนาไปแข นไ ้กับเงินก ิกรรมไร้ ารพิ ไม่ต้อง ่ิงไปตามกระแ ของตลาด ค าม รา่ ร ยท่ีแท้จรงิ คอื ร ยนาใจ ค ามดี มติ รดี และปัจจยั 4 ก ิกรรมไร้ ารพิ มายถึง ถิ ีการดาเนินชี ิตท่ีพอเพียง เรียบง่าย มีเป้า มายใ ้มี ุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมกับมีจิตใจที่ดีงาม และจิตใจที่เป็น ุข ระบบการผลติ จึงไม่ใช้ ารเคมี 100 % เพื่อไมใ่ เ้ กิดการเบยี ดเบยี นตนเอง คนอื่นและ ัต ์อ่นื ทังการเพาะปลูก การบริโภค การเรยี นรู้ และการแบง่ ปัน เปน็ ไปเพอ่ื ร้างค ามมั่นคงด้านอา าร ยา และปัจจัยท่ีจาเปน็ ตอ่ ชี ิตมากก ่าผลติ เพอ่ื การ ง่ ออก ก ิกรรมไร้ ารพิ เป็นรูปแบบการผลิต น่ึงที่บรู ณาการ ่ นดีของเก ตรยั่งยืนทุกรูปแบบเข้ากับ ลักของ ีล คือ การไม่เบียดเบียน คนอ่ืน และ ัต ์ อ่ืน มีจุดแน้นคือ ประ ยัด เรียบง่าย ปลูก ิ่งที่กิน กิน ่ิงที่ปลูก ดังนันก ิกรจะเน้นเก็บเมล็ดพันธุ์เอง พยายาม ลีกเล่ียงพืช GMOs เน้นใช้พืนท่ีใ ้เกิด ประโยชน์ ูง ุด ปลูกต้นไม้ ป่าไม้เพ่ือค าม มดุลของพืนท่ีและเป็นแ ล่งอา ารจากธรรมชาติ พืชผักนิยมปลูกเป็นอา าร ได้แก่ ข้า ถ่ั ธญั พืช ผัก ผลไม้ และ มุนไพร เปน็ ต้น โดยคานึงถึง 3 องคป์ ระกอบ ลัก คอื ดนิ นา และอากา แน คดิ การพงึ่ ตนเองอย่างยงั่ ยนื การพึง่ ตนเองตาม ลกั ปรชั ญาเ ฐกิจพอเพยี ง ตอ้ งมคี ามพอดี 5 ประการ ดงั นคี ือ 1) ค ามพอดีด้านจิตใจ ต้องเข็มแข็ง พึง่ ตนเองได้ มีจิต านึกท่ีดี เอืออาทร และนึกถึงประโยชน์ ่ นร ม 2) ค ามพอดดี ้าน งั คม ต้องช่ ยเ ลือเกือกูลกัน รา้ งค ามเข้มแข็งใ ช้ มุ ชน รู้จกั ผนึกกาลงั และมีกระบ นการเรยี นรู้ท่เี กดิ จากรากฐานทม่ี ่นั คงและแข็งแรง 3) ค ามพอดดี า้ นทรพั ยากรธรรมชาติ และ ่ิงแ ดล้อม ร้จู ักใช้และจดั การอยา่ งฉลาดรอบคอบ เพ่ือใ ้เกดิ ค ามยั่งยืน งู ุด และใช้ ทรัพยากรในประเท เพอ่ื พัฒนาประเท ใ ้มั่นคงอยเู่ ปน็ ขนั เปน็ ตอนไป 4) ค ามพอดดี า้ นเทคโนโลยี ร้จู กั ใชเ้ ทคโนโลยที ีเ่ มาะ ม และ อดคล้องกับค ามตอ้ งการ และค รพฒั นาเทคโนโลยีจากภมู ปิ ัญญาชา บ้านของเราเอง เพื่อ อดคลอ้ งและ เป็นประโยชนต์ อ่ ภาพแ ดล้อมของเราเอง 5) ค ามพอดีดา้ นเ ร ฐกิจ มุง่ ลดรายจา่ ยก่อนเปน็ าคัญ ยดึ ลกั พออยู่ พอกิน พอใช้ การพง่ึ ตนเอง ถิ ีพทุ ธ อัตตา ิ อัตโน นาโถ ตนแลเป็นทีพ่ ่งึ ของตน ลกั ธรรมท่ีใช้ ัดระดับของการพ่งึ ตนเองระดับปจั เจก: รรณะ 9 ระดับชมุ ชน: าราณยี ธรรม 6 และระดบั เครอื ขา่ ย: พทุ ธพจน์ 7 และอปริ านยิ ธรรม 7 รปู แบบก กิ รรม ิถีพุทธเพอ่ื การพ่งึ ตนเองอย่างย่งั ยนื จุดเด่นของมูลนิธิแพทย์ ิถีธรรม คือ การพึ่งตนเองและ ่งเ ริมใ ้เกิดการพึ่งตนเองอย่างเป็น ิถีชี ิตด้ ยการทาก ิกรรม ไร้ ารพิ ตาม ลักปรัชญาเ ร ฐกิจพอเพียง การดูแล ุขภาพตาม ลักการแพทย์ ิถีธรรม การเรียนรู้ฝึกฝนการปฏิบัติธรรมเพ่ือลดละเลิก กิเล ค ามโลภโกรธ ลงด้ ยใจทีเ่ ป็น ขุ โดยมี ดร.ใจเพชร กล้าจน ( มอเขีย ) เป็นประธาน มีเครือข่ายแพทย์ ิถีธรรม 9 าขาทงั ในและ ต่างประเท มี มาชิกประมาณ 1,000 คน และเครือแ อีกนับ ม่ืนคน มาชิก ่ นใ ญ่เคยเป็นผู้ป่ ยที่ดีขึน รือ ายจากโรคด้ ย การแพทย์ ิถีธรรมและไม่เคยทาก ิกรรมมาก่อน แต่มุ่งมาทาก ิกรรมไร้ ารพิ เพื่อใ ้ตนเองมีอา าร ุขภาพไ ้รับประทาน แบ่งปันกัน และจา น่าย ดังนี 1. พ่ึงตนเองด้านการทาก ิกรรมไร้ ารพิ 1) พันธ์ุดี 2) ดินดี 3) นาดี 4) อากา ดี 5) ีลดี และ 6) มิตรดี 2. พึง่ ตนเองดา้ นการดแู ล ุขภาพตาม ลักการแพทย์ ถิ ีธรรม “ มอท่ีดีท่ี ุดในโลกคือตั เราเอง” และชักช นกัน “มาเป็น มอดูแลตั เอง กันเถอะ” ด้ ย ลัก ุขภาพพึ่งตนเองด้ ยเทคนิค 9 ข้อ รือยา 9 เม็ด 3. พ่ึงตนเองด้านจิต ิญญาณ คือ การปฏิบัติ ีล ไม่โลภ เลิก อบายมุข ลดกาม โลกธรรม และอัตตา 4. พ่ึงตนเองด้าน ังคม 1) ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น 2) ผู้นามี ีลผู้ตามมี ีล 3) จัดค่ายก ิกรรมไร้ ารพิ + ขุ ภาพ + ธรรมะฟรีใ ก้ ับเก ตรกรและประชาชนท่ี นใจ 4) รุ่นต่อรุ่น เด็กและผู้ใ ญ่เรียนรู้และฝึกทาไปด้ ยกัน 5) ลัก ูตร ก ิกรรมไร้ ารพิ ถาบัน ิชชาราม 5. พ่ึงตนเองด้านทรัพยากรธรรมชาติ 1) ไมใ่ ช้ ารเคมใี ด ๆ ในการเพาะปลูก 2) ลดการนาพลา ติก เข้ามาในพืนท่ี 3) มุนเ ียนใชท้ รัพยากรในพืนท่ี ป่าใ ้ทัง มุนไพร อา ารจากธรรมชาติ เชือเพลิง และเป็นแ ล่งอินทรีย ัตถุท่ี าคัญ 4) แยกขยะมาทาปุ๋ย 5) จุลินทรีย์พลัง ีล 6.พึ่งตนเองด้านเทคโนโลยี 1) ธนาคารนาใต้ดิน 2) ระบบโซล่าเซลล์ 3) ระบบตะบันนา 4) ระบบ รางนาไร้ท่อ 5) บารายคัลเจอร์ 6) ยาค่า (ฆ่า) ญ้าตรา มอเขีย คือ การนา ั ดุเ ลือใชใ้ นครั เรือน เช่น เ อา าร เ ือผ้า กระดา เก่า พลา ติก เป็นต้น มาทาเป็น ั ดุคลุมดินป้องกัน ัชพืชและรัก าค ามชนื ใ ด้ ินได้ด้ ย 7. พ่ึงตนเองดา้ นเ ร ฐกิจ 1) ต้องไม่เป็น นี 2) ทา ัมมาอาชพี 3) ขยันทาไดม้ าก แต่ฝึกกินน้อยใชน้ ้อยอย่างพอดี แข็งแรง 4) มีกินมีใช้และมีแบ่งปัน 5) จัด รรเ ลามาเ ีย ละทางาน ฟรรี ่ มกบั มกู่ ลุ่มมิตรดีเป็นประจา รือบางครัง 6) จา น่ายผักผลไม้ ด อา ารแปรรูป และผลิตภัณฑ์เพ่ือ ุขภาพจาก มุนไพรราคาเป็น ธรรม และ 7) นดราคา นิ ค้าแบบแพทย์ ิถีธรรม 4 ระดับ คอื ขายต่าก า่ ทอ้ งตลาด ขายเทา่ ทุน ขายต่าก ่าทุน และแจกฟรี การ ง่ เ รมิ ก ิกรรม ถิ ีพุทธ รุป ก ิกรรมไร้ ารพิ ท่ที าใ เ้ กดิ การพงึ่ ตนเองอยา่ งย่งั ยนื ไดน้ นั ตอ้ งมีทังมติ ขิ องการจัดการดิน นา และอากา ใ ้ เ มาะในการเพาะปลูก มีค ามเป็นอิ ระ ก ิกรรม ิถีพุทธเพ่ือการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน จะเน้นแบ่งปันผลผลิตและถ่ายทอดองค์ค ามรู้ ู่ จากการพึ่งพาเทคโนโลยีภายนอกและ ารเคมีในการผลิต และมิติของ ิถีการดาเนินชี ิตที่พอเพียง เรียบง่าย และการปฏิบัติ ีลท่ีถูกตรง จึง จะทาใ ้ร่างกาย เก ตรกรและประชาชนท่ั ไป โดย 1.ผ่านระบบการ ึก า ท่ีมีการเรียนการ อนฟรี โดย ูนย์การ แข็งแรง จิตใจดีงาม และจิตใจที่เป็น ุข นามาซ่ึงการแก้ปัญ าต่างๆ ที่กาลังเกิดขึนใน ังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทังปัญ า นี ิน ทรัพยากรธรรมชาติถูก เรียน ิชชาราม และ ถาบัน ิชชาราม 2. ผ่านทาง ูนย์เรียนรู้ เป็นแ ล่งดูงาน และการอบรมฟรี ใน ทาลาย และปัญ า ุขภาพท่ียากต่อการรัก ามากขึน จึงเป็นเร่ืองท่ีมีค ามท้าทายและมีค ามน่า นใจมาก ที่จะ ึก าค้นค ้า รือถอดบทเรียนต่อไป ่า การ รูปแบบค่ายก ิกรรมไร้ ารพิ ชี ิตผา ุก ค่าย ุขภาพดี ิถีธรรม และค่ายพระไตรปิฎกเดินตามรอย ่งเ ริมใ ้เกิดกระบ นการเรียนรู้เพ่ือใ ้เกิดทัก ะและการปฏิบัติได้จริง เพ่ือเปล่ียนแปลงบุคคลใ ้เข้ามา ู่ ิถีชี ิตใ ม่ รือก ิกร รม ิถีพุทธเพ่ือการพึ่งตนเอง บาทพระ า ดา เป็นต้น และ 3.การถ่ายทอดองค์ค ามรู้ผ่านทาง ื่อ นัง ือ, VCD, ื่อออนไลน์ อย่างย่ังยืนนันเป็นอย่างไร ซ่ึงจะเป็นองค์ค ามรู้ใ ม่ที่มีคุณค่าอย่างมากต่อการพัฒนาจิต ิญญาณของคนทาก ิกรรมไร้ ารพิ ใ ้ ูงขึน ตรงตามเป้า มาย ลัก เฟ บุ๊ค มอเขยี แฟนคลับ, https://vijjaram.ac.th/ และยูทูป มอเขีย ที ี เปน็ ต้น ของการ ง่ เ รมิ และการพัฒนาการเก ตรอยา่ งแทจ้ ริง อ้างอิง กนกวรา พวงประยงค์ และสานิตย์ หนูนลิ . (กรกฎาคม-ธนั วามคม 2561). สงั คมชนบทไทยสมยั ใหมก่ บั ปัจจยั กาหนดวถิ กี ารดาเนินชวี ติ . วารสารสงั คมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร,์ 44(2). น. 34-64 ใจเพชร กลา้ จน. (2564, มกราคม 14). ประธานมลู นิธแิ พทยว์ ถิ ธี รรมแหง่ ประเทศไทย. สมั ภาษณ์. บาเพญ็ เขยี วหวาน. (มกราคม – มถิ นุ ายน 2562). อาหารและเกษตร (ไม)่ ปลอดภยั : แนวคดิ และการจดั การเกษตรอนิ ทรยี เ์ ชงิ ระบบ. วารสารวชิ าการสถาบนั การอาชวี ศกึ ษาเกษตร. 3(1). น. 1-8 พอ่ คาเดอื่ ง ภาษ.ี (2563, มกราคม 22). ดาวดวงใหมบ่ นโลกใบเดมิ . ออนไลน์: https://m.facebook.com/watch/?v=201681787675528&_rdr ววิ ฒั น์ ศลั ยกาธร. (2562). ประธานมลู นธิ กิ สกิ รรมธรรมชาต.ิ บรรยาย. ออนไลน์:https://youtu.be/Sox4N3UhsEs สมณะโพธริ กั ษ์ (2564, มนี าคม 22). ผนู้ าทางจติ วญิ ญาณของชาวอโศก. บรรยายในรายการโสเหลโ่ ลกุตระ.ออนไลน์: https://www.youtube.com/watch?v=AnMTniw0bnk

งานสัมมนาวชิ าการส่งเสริมและพฒั นาการเกษตร คร้ังท่ี 10 การส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพษิ เพื่อความผาสุกอย่างยงั่ ยืน โดย คุณอรุณรัตน์ ไกรลาศศิริ หลกั สูตรเกษตรศาสตร์ดุษฎบี ณั ฑิต บทนำ ปัจจุบนั กระแสโลกใหค้ วามสาคญั กบั คุณภาพ และความปลอดภยั ของอาหาร รวมท้งั การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งยง่ั ยนื เพือ่ ตอบสนองและร่วมสนบั สนุน ทิศทางการพฒั นาดงั กล่าว การเตรียมความพร้อมของผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ ง โดยเฉพาะงาน ส่งเสริมและพฒั นาการเกษตรจึงเป็นเรื่องที่สาคญั การทากสิกรรมไร้สารพษิ โดยการปลูกผกั ไวเ้ ป็นแหล่งอาหารสาหรับบริโภคน้นั เกษตรกรจะไดป้ ระโยชนใ์ นเร่ือง อาหาร ยา และปัจจยั ต่างๆที่จาเป็นต่อชีวติ เป็นการลดรายจ่ายดา้ นอาหารของครัวเรือนซี่งเป็นปัจจยั สาคญั ท่ีจะทา ใหช้ ีวติ อยรู่ อดปลอดภยั “อาหารจากกสิกรรมไร้สารพิษมีธาตุท่ีดีต่อร่างกาย ทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง หากใชถ้ ูกสมดุลร้อนเยน็ จะทาใหแ้ ขง็ แรงมากข้ึน ในทางธรรมะ กสิกรรมไร้สารพิษสามารถใชเ้ ป็นเคร่ืองมือชาระกิเลส ในอาหารได้ ดว้ ยหลกั วปิ ลาส4 หมายถึงความรู้ ความเขา้ ใจ อนั ผดิ เพ้ยี นจากความเป็นจริง (พระไตรปิ ฎกเล่ม31 ขอ้ 525) เห็นส่ิงที่ไม่เที่ยงวา่ เที่ยง สิ่งท่ีเป็นทุกขว์ า่ เป็นสุข ส่ิงท่ีไม่ใช่อตั ตาวา่ เป็นอตั ตา ส่ิงที่ไม่งามวา่ งาม เป็นอีกหน่ึงพลงั ที่จะเสริมร่างกายใหแ้ ขง็ แรงเพิ่ม หากปฏิบตั ิวิปลาส4ไดใ้ จกไ็ ร้ทุกขเ์ พราะเขา้ ใจความจริงตามความเป็น จริง มีผลเป็นพลงั เหนี่ยวนาใหค้ นอื่นทาตามกไ็ ดก้ ศุ ลเพ่ิมไปอีก ร่างกายกย็ ง่ิ แขง็ แรงเพม่ิ ข้ึน นอกจากน้ียงั แบ่งปันผลผลิตที่เกินช่วยเหลือเก้ือกลู ผอู้ ื่นดว้ ยหลกั บุญนิยม ดว้ ยหลกั พทุ ธะ (ของดี ราคาถูก ซื่อสตั ย์ มีน้าใจ) กย็ งิ่ เป็นกศุ ลเบวกเพิ่มอีก ชีวติ กม็ ีวบิ ากดีเขา้ มา วิบากดีจะทาให้ ร่างกายแขง็ แรง ดูดสิ่งดีๆเขา้ มา ดนั ส่ิงร้ายๆออกไปจากชีวิต ชีวติ กม็ ีความสุข ใจกส็ บาย และหากการกระทาน้ีจากหน่วยเลก็ ๆหลายๆหน่วยเกิดข้ึนในจานวนท่ีมากพอ กจ็ ะสามารถส่งเป็นคล่ืนพลงั ไปเหน่ียวนาใหค้ นอ่ืนทาตามกเ็ ป็นมหากศุ ล ชีวิตมีคุณค่าและผาสุก ท้งั ในดา้ น รูปธรรมและนามธรรม กล่าวคือมีผลต่อสุขภาพและการปฏิบตั ิธรรมอยา่ งยงิ่ ทาใหช้ ีวติ อยรู่ อด พ่งึ พาตนเองได้ แมเ้ ผชิญภาวะวกิ ฤตต่างๆ”(ใจเพชร กลา้ จน, 2564) สอดคลอ้ งกบั คาตรัสพระพทุ ธเจา้ “อาหารเป็นหน่ึงในโลก” อาหารคือเครื่องค้าจุนชีวติ ดงั คาพระราชดารัสของ พอ่ หลวงที่พระราชทานในวนั ที่ 20 ธนั วาคม 2516 วา่ “การพฒั นาประเทศจาเป็นตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอนตอ้ งสร้างพ้นื ฐานคือความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบ้ืองตน้ ก่อนโดยใชว้ ิธีการอุปกรณ์ท่ีประหยดั แต่ถูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ เมื่อไดพ้ ้ืนฐานมน่ั คง พร้อมพอควรและปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างคอ่ ยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจข้นั ท่ีสูงข้ึนโดยลาดบั ” การส่งเสริมการทากสิกรรมไร้สารพิษโดยเริ่มจากครัวเรือนเกษตรกรและเกษตรกรหนา้ ใหม่ก่อนจึงเป็นเร่ืองสาคญั ผวู้ จิ ยั จึงเห็นความสาคญั ที่จะศึกษาประเดน็ การส่งเสริม การทากสิกรรมไร้สารพิษรูปแบบแพทยว์ ิถีธรรมวา่ มีองคป์ ระกอบสาคญั อะไรที่ทาใหพ้ ่งึ พาตนเองไดแ้ ละนามาซี่งการมีชีวิตที่ผาสุกและยง่ั ยนื เพ่อื เป็นอีกหน่ึงตน้ แบบของเกษตรกรหนา้ ใหม่ สถานการณ์สารเคมที จี่ ัดเป็ นวตั ถุอนั ตรายใช้ในการเกษตร ในปี พ.ศ.2563 ไทย-แพนสารวจพบว่าผลไม้ทมี่ สี ารพษิ ตกค้างเกนิ ค่ามาตรฐาน Maximum Residue Limits/MRLs คือพทุ ราจีนและ องุ่นแดงนอก พบสารตกค้างเกนิ มาตรฐานร้อยละ 100 เช่นเดียวกบั กลุ่มผกั ประกอบด้วยมะเขือเทศลูกเลก็ คะน้า ขนึ้ ฉ่าย พริกแดงและพริกขหี้ นูมีสารพษิ ตกค้างเกนิ มาค่ามาตรฐานร้อยละ 100 และของแห้ง ประเภทพริกแห้งและหอมแดงแห้งมีสารพษิ เกนิ ค่ามาตรฐานร้อยละ 96 โดยการทดสอบคร้ังนีพ้ บสารพษิ ตกค้าง ทเี่ ป็ นวตั ถุอนั ตราย และประกาศให้เลกิ ใช้ไปแล้วได้แก่ กล่มุ เอน โดซัลแฟน เมทามิโดฟอส เพนตะคลอโรฟี นอล เมโทมลิ คาร์โบฟูราน และคลอร์ไพริฟอส ส่วนสารตกค้างทพี่ บถีท่ สี่ ุด คือคาร์เบนดาซิมทใ่ี ช้ฆ่าเชื้อรา งานวจิ ยั ของ Nancy Swansonและคณะ พบว่ามกี ารเจบ็ ป่ วยทส่ี ัมพนั ธ์กบั การใช้สารเคมีกาจัดวชั พืชไกลโฟเสท 21 โรคดังนี้ สมองเสื่อม ออติสตกิ มะเร็งไทรอยด์ เบาหวาน มะเร็งไตมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ไตวายแบบเฉียบพลนั ไต วายแบบเรื้อรัง ตดิ เชื้อในลาไส้ ไขมนั ในเลือดผดิ ปกติ โรคอ้วน มะเร็งตับและท่อนา้ ดี ตบั อกั เสบ ลาไส้อกั เสบเรื้อรัง เส้นเลือดสมองแตกตีบ ความดันโลหิตสูง มะเร็งตับอ่อน ความจาเส่ือม มะเร็งเมด็ เลือดขาว ปลอกหุ้มประสาทอกั เสบและพาร์กนิ สัน กรณศี ึกษาการทากสิกรรมไร้สารพษิ ของชุมชนแพทย์วถิ ีธรรมบนภูผาฟ้านา้ ต. ป่ าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชยี งใหม่ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของภูผาฟ้านา้ เป็ นป่ าต้นนา้ มลี กั ษณะพืน้ ทส่ี ูงชันอนั เป็ นลกั ษณะที่คน ในชุมชนไม่เคยมปี ระสบการณ์ทากสิกรรมบนพืน้ ฐานบริบทนี้ ดนิ เป็ นดนิ เหนียวทแ่ี ขง็ แน่น ประกอบกบั คนในชุมชนส่วนใหญ่เป็ นกลุ่มบุคคลทไี่ ม่มที กั ษะทาการเกษตร ช่วงเหตุการณ์ โรคระบาดโควดิ 19 ก่อนที่จะเริ่มlocked down ตนเอง พืน้ ทนี่ ีย้ งั ไม่มกี ารปลูกพืชผกั ไม่มี ป๋ ยุ สาเร็จรูป จึงเป็ นสถานการณ์ในลกั ษณะเหมือนการเริ่มต้นทากสิกรรมจาก “ศูนย์” ทุก องค์ประกอบของบริบทพืน้ ทเ่ี ป็ นส่ิงท่ตี ้องศึกษาและเรียนรู้ใหม่ หลงั จากการนาองค์ความรู้ และประสบการณ์ทากสิกรรมไร้สารพษิ ทผี่ ่านมาจากชุมชนอื่นๆในเครือข่ายแพทย์วถิ ีธรรม อาทชิ ุมชนดอนตาล จ.มกดาหาร ชุมชนสระกระโจม จ.สุพรรณบุรี ชุมชนชะอวด จ. นครศรีธรรมราช มาประยกุ ต์ใช้ ผ่านมา 1 ปี เศษ ชาวชุมชนมกี ารพฒั นา ปรับปรุง เรียนรู้ และดดั แปลงวธิ ีปลกู พืชผกั จนถึงปัจจุบัน คนในชุมชนสามารถอย่รู อดปลอดภัย มพี ืชผกั เป็ น อาหารทเ่ี พยี งพอ ความอุดมสมบูรณ์มากขนึ้ เร่ือยๆ มีชีวติ ท่ีแข็งแรง จติ ใจผาสุกสามารถพงึ่ ตนเสัจจะอง และมพี ืชผกั พอเหลือในการแบ่งปันสาหรับครัวเรือนทีอ่ าศัยอยู่รอบๆ จึงเป็ น การพสิ ูจน์ว่าการทากสิกรรมไร้สารพษิ แพทย์วถิ ีธรรมทาให้อยู่รอดปลอดภัยและนามาซ่ึง ความผาสุกได้ หลักกำรทำกสกิ รรมไร้สำรพษิ แพทยว์ ถิ ธี รรม มศี ลี + มติ รดี เน้นองคป์ ระกอบ 2 ส่วนคอื ด้ำนรูป(วัตถุ) และดำ้ นนำม (จติ ) หลักกำร คอื ดำ้ นรูปธรรมใช้ทรัพยำกรในทอ้ งถนิ่ เป็ นหลักมหี นิ ใช้หนิ มกี ง่ิ ไม้ใช้กง่ิ ไม้ มฟี ำง หญ้ำกใ็ ช้สงิ่ ทม่ี แี ละหำไดง้ ่ำย ในพนื้ ที่ ใช้สงิ่ ทป่ี ระหยัด เรียบงำ่ ย ตำมหลัก “จัตตำริสูตร” ( พระไตรปิ ฎกเล่มที่ 25 ข้อ 281) กำรทำป๋ ุยหมักจำกเศษอำหำรและนำ้ ซำวข้ำว เรียนรู้กำรบริหำรจัดกำรนำ้ จำกแหล่งนำ้ ทม่ี ใี หเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด คำนึงถงึ ปัจจัยเร่ือง 1) พนั ธุด์ ี 2) ดนิ ดี 3) นำ้ ดี 4) แสงดี ซงึ่ เป็ นดำ้ นรูปธรรม ด้ำนนำมธรรม (จติ ) มหี ลักคอื 1)อย่ำขเี้ กยี จ ต้องขยันคอื ขยันใส่อนิ ทรียว์ ัตถุให้มำกๆ ขยนั ไปดูแล 2) อยำ่ ใจร้อน ต้องใจเยน็ 3) อยำ่ โลภ ตอ้ งรู้จักพอ ทำอย่ำงมคี ุณภำพได้เทำ่ ไหร่ กเ็ อำเท่ำนั้น กพ็ อใจเทำ่ นั้น 4) พอประมำณ คอื รู้เพยี รรู้พักและจะเอำอะไรเข้ำไป เอำอะไรออกมำ หรือดำเนินกำรอะไรแค่ไหน ประมำณใหพ้ อดี ให้พชื เจริญเตบิ โตไดด้ ี 5) รู้จักแบ่งปันดว้ ยใจบริสุทธิเ์ ป็ นลำดบั โดยทงั้ หมดมปี ัจจัยเลศิ ทจ่ี ะเพม่ิ ประสิทธิภำพของกสกิ รรมไร้สำรพษิ นำมำซงึ่ ควำมผำสุกอย่ำงย่ังยนื ตอ้ งอยู่บนฐำนของกำรมศี ลี และมมี ติ รดี ตรงตำมคำตรัสขององคส์ มเดจ็ พระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ในธรรมกิ สูตรเล่มที่ 21 ข้อ 70 ว่ำ ถ้ำบุคคลมศี ีล ฝนฟ้ำจะ ตกต้องตำมฤดูกำล ข้ำวปลำธัญญำหำรจะเจริญงอกงำมดี หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรัชญาที่ช้ีถึงแนวการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึง ระดบั รัฐ ท้งั ในการพฒั นาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปในทางสายกลาง ประเดน็ การส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพษิ เพอ่ื ความผาสุกอยา่ งยงั่ ยนื ไดน้ าหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมา เป็นแนวทางดงั น้ี มติ ทิ างด้านสังคม เป็นการทากสิกรรมท่ีมีศีลเป็นหน่ึงในองคป์ ระกอบที่คอยกากบั ความอยากมี อยากเป็นใหอ้ ยใู่ นระดบั ท่ีพอดีเพ่อื ประโยชนส์ ุขของทุกสรรพส์ ิ่งบนโลกน้ี คนในชุมชนต่างเป็น พลงั เหน่ียวนากนั และกนั ไปสู่ส่ิงท่ีดี ความผาสุกมนั่ คงที่แทจ้ ริง ไม่ใช่การกอบโกยความมง่ั คง่ั ร่ารวย ในทรัพยส์ มบตั ิวตั ถุขา้ วของต่างๆ แต่ความผาสุกที่แทจ้ ริง คือ การท่ีสามารถพ่ึง ตนในปัจจยั 4 ได้ แมช้ ุมชนไม่ไดร้ ่ารวยเงินทอง แต่ร่ารวยอาหารการกินไร้สารพิษ ร่ารวยมิตรดี สหายดี ร่ารวยความผาสุก ร่ารวยความอยเู่ ยน็ เป็น จากน้นั มีการเสียสละและแบ่งปัน โดยจดั ทาแคร่แบ่งปันแจกขา้ ว และพชื ผกั ไร้สารพษิ หนา้ ชุมชนทุกวนั ศุกร์ เผยแพร่และถ่ายทอดความรู้กสิกรรมผา่ นการจดั ค่ายออนไลน์ ในยคุ โควดิ และจดั การฝึกอบรมในรูปแบบ เขา้ ค่ายอบรมระยะเวลา 5-7วนั โดยไม่มีค่าใชจ้ ่ายในภาวะปรกติ มติ ทิ างด้านเศรษฐกจิ คนในชุมชนภูผาฟ้าน้าปฏิบตั ิตนแบบวรรณะ9 คือ เป็นคนเล้ียงง่าย บารุงง่าย มกั นอ้ ยกลา้ จน สนั โดษใจพอ ขดั เกลา กาจดั กิเลส มีศีลเคร่ง มีอาการน่าเล่ือมใส ไม่สะสม ปรารภ ความเพยี ร ยอดขยนั ลดรายจ่ายค่าอาหารจากการกินพชื ที่ปลูกเป็นหลกั ลดภาระค่ารักษาพยาบาลท่ีอาจเกิดข้ึนจากการเจบ็ ป่ วย ชุมชนทากสิกรรมไร้สารพษิ ที่พ่งึ ตนเป็นหลกั คานึงถึง เร่ืองความสมดุล มีการใชห้ ินเป็นกญุ แจสาคญั ของการปรับสมดุลร้อนเยน็ ดินมีหนา้ ที่เกบ็ ธาตุอาหารใหก้ บั พืช ส่วนอินทรียวตั ถุน้นั จะเป็นป๋ ยุ และเพมิ่ โพรงอากาศในดิน ช่วยใหน้ ้า และอากาศในดินแทรกซึมข้ึนลงไดส้ ะดวก รวมท้งั เป็นตวั ช่วยอุม้ และเกบ็ น้าไวด้ ว้ ย ซ่ึงมีหลกั การคลา้ ยๆกบั การสร้างสมดุลในเซลลร์ ่างกายมนุษย์ กล่าวคือถา้ สภาพร่างกายคนเราไม่ ร้อนเกินไป และไม่เยน็ เกินไป เป็นอยา่ งกลางๆท่ีมีสภาพสมดุลกจ็ ะนามาซี่งร่างกายที่แขง็ แรง ดงั น้นั ในการอบรมค่ายกสิกรรมไร้สารพิษของมูลนิธิแพทยว์ ถิ ีธรรม จึงอธิบายถึงการ ปลูกพืชและการรับประทานพชื ใหเ้ หมาะกบั สมดุลร้อนเยน็ ประกอบดว้ ย มติ ิด้านส่ิงแวดล้อม มีการใชธ้ รรมชาติอยา่ งพอประมาณและรู้คุณค่า เช่น ทรัพยากรน้า และป่ าไม้ สร้างความยงั่ ยนื ใหเ้ กิดข้ึนกบั ส่ิงแวดลอ้ มที่จะสามารถดารงอยถู่ ึงลูกหลานในอนาคต สามารถ สร้างความยงั่ ยนื ที่จะมีอาหารท่ีสะอาด ไร้สารพษิ เพียงพอแก่การบริโภค สร้างสรรคส์ ภาพแวดลอ้ มในการดาเนินชีวติ อยา่ งยง่ั ยนื ใชห้ ลกั การปลูกพืชท่ียดึ หลกั ของการไม่เบียด เบียนซ่ึงกนั และกนั สร้างความยตุ ิธรรมใหเ้ กิดข้ึนกบั ทุกสรรพส่ิง รวมถึงการไม่โลภ ทาบนความพอดีพอเหมาะ เคร่ืองมือวดั ความสุข (Happinometer) คือเคร่ืองมือวดั ความสุขทบี่ ุคคลสามารถวดั ด้วยตัวเองเป็ นแนวคดิ เสมือนการใช้ปรอทมาวดั ความรู้สึกและประสบการณ์ทส่ี ะท้อนจากมิตคิ ุณภาพ ปรอทวดั ความผาสุก ชีวติ ของตนเอง สามารถใช้วดั ความสุขของคนทางานได้ในองค์กรทุกภาคส่วนและสามารถทราบคะแนนเฉลยี่ ความสุขของตนเองได้ทนั ที สามารถตดิ ตามประเมนิ ผลคุณภาพชีวิตและความสุข ของตนเองในเวลาปัจจุบัน Real Time อย่างต่อเนื่องเป็ นระยะๆ ความสุข 9 มิตขิ อง Happinometer มีมติ ดิ งั นี้ 1 สุขภาพดี ( Happy Body) หมายถงึ การทบ่ี ุคคลมสี ุขภาพร่างกายแข็งแรงสมส่วนมพี ฤติกรรมการบริโภคทด่ี มี คี วามพงึ พอใจสภาวะสุขภาพกายของตนเอง 2 ผ่อนคลายดี (Happy Relax) หมายถึงการทบ่ี ุคคลสามารถบริหารเวลาในแต่ละวนั เพื่อพกั ผ่อนได้อย่างมีคุณภาพพอใจกบั การบริหารจัดการปัญหาของตนเองและทาชีวติ ให้ง่ายๆ สบายๆ 3 นา้ ใจดี (Happy Heart) หมายถงึ การทบ่ี ุคคลมจี ิตสาธารณะมสี ่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ให้กบั ส่วนรวมและมเี มตตากบั คนรอบข้าง 4 จิตวญิ ญาณดี (Happy Soul) หมายถงึ การทบี่ ุคคลมคี วามตระหนักถงึ คุณธรรมและศีลธรรม รู้แพ้รู้ชนะรู้ จักให้และมคี วามกตญั ญูรู้คุณ 5 ครอบครัวดี (Happy Family) หมายถงึ การทบ่ี ุคคลมคี วามรู้สึกผูกพนั เชื่อใจ มนั่ ใจและอ่นุ ใจกบั บุคคลในครอบครัวของตนเอง 6 สังคมดี (Happy Society) หมายถงึ การทบ่ี ุคคลมคี วามสัมพนั ธ์ทด่ี ตี ่อเพ่ือนบ้านไม่ทาให้ผู้อ่ืนเดือดร้อนไม่เอาเปรียบผู้คนรอบข้างไม่ทาให้สังคมเส่ือมถอย 7 ใฝ่ รู้ดี (Happy Brain) หมายถงึ การทบี่ ุคคลมคี วามต่ืนตวั กระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพ่ือปรับตวั ให้เท่าทนั และต้ังรับการเปลยี่ นแปลงได้ตลอดเวลา 8 สุขภาพเงนิ ดี (Happy Money) หมายถงึ การทบี่ ุคคลมีวนิ ัยในการใช้จ่ายเงนิ มคี วามสามารถและพงึ พอใจในการบริหารจัดการระบบการรับจ่ายและออมเงนิ 9 การงานดี (Happy work-life) หมายถงึ การทบี่ ุคคลมีความสบายใจในทที่ างาน มคี วามรักความผูกพนั และความภูมใิ จในองค์กร มคี วามมนั่ ใจในอาชีพและมคี วามพงึ พอใจกบั ความก้าวหน้า เอกสารอา้ งอิง กรมวิชาการเกษตร. (2563). ประเดน็ งานวจิ ยั และสถานการณด์ า้ นสขุ ภาพและส่งิ แวดลอ้ ม. วิชาการเพ่ือเตือนภยั สารเคมีกาจดั ศตั รูพืช, โรงแรมรชิ มอนด์ จ.นนทบรุ .ี ใจเพชร กลา้ จน. (2564). รายการธรรมะพาพน้ ทกุ ข.์ [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก www.facebook.com/morkeawHEALTHYlifestyle/videos/199206271796521 มหาวทิ ยาลยั มหิดล, ค. (2562). สารพษิ อาบแผน่ ดนิ ! นกั วจิ ยั ชี้ พษิ จากสารเคมีปราบศตั รูพืชสง่ ตรงจากแมถ่ งึ ลกู นอ้ ยไดจ้ รงิ . ไทยรฐั ออนไลน.์ Retrieved from https://www.thairath.co.th/news/local/1674450 ศริ นิ นั ท์ กิติสขุ สถิต. (2555). คมู่ ือการวดั ความสขุ ดว้ ยตนเอง (HAPPINOMETER). นครปฐม: สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คมมหาวิทยาลยั มหิดล.

ปี2563 ไตรมาศที่สองประเมินว่า “เป้าหมายของไทยสู่การเป็นครัวโลก”อาจได้รับผลกระทบจากCOVID-19 แต่ ศักยภาพโดยรวมของประเทศไทยยังดีอยู่เพราะประสบความสำเร็จในการรับมือกับCOVID-19 แต่หากจะผลักดันให้สู่ การเป็นครัวโลกเราต้องยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัย ความหลากหลายของผลผลิตควบคู่ความมั่นคงของ เศรษฐกจิ ท้องถ่ิน การสรา้ งความม่ันคงทางอาหารของเกษตรกรอนิ ทรยี ์ เกษตรกรรมเป็นสิ่งสะอาด เกษตรอินทรีย์เป็น SDGs: 2016-2030 กระบวนการที่บริสุทธิ์ผลผลิตทางการเกษตรคือ สิ่งหลอมรวมการเมือง สังคม เศรษฐกิจและ นิเวศน์เข้าด้วยกัน ความมั่นคงทางอาหารมี ความสำคัญและมี ผลกระทบอย่างมากต่อมนุษย์ ทุกชุมชน สังคม และโลกทั้งในปัจจุบันและ อนาคต โดยชุมชน เกษตรกรรมเป็นฐานทรัพยากร อาหาร แหล่งผลิตอาหาร และเป็นหัวใจสำคัญของการ สร้างเสริมความมั่นคงทางอาหาร เครือข่ายเป็นสิ่ง สำคัญเป็นพลังการพัฒนาอันทรงคุณค่าและมี อำนาจสามารถช่วยยกระดับ (Leverage) ศกั ยภาพ ขององค์กร ชุมชน ท้องถิ่นในสังคม เพื่อการ พัฒนา คนและช่วยสร้างเสริมให้บุคคลมีความรู้ความสามารถ การจัดการเรียนรู้และฐานข้อมูลโดยใช้ปัญหาและวิกฤตเป็นฐาน ในการเรียนรู้ร่วมกัน มีการแบ่งปันความรู้ แบ่งปัน ประสบการณ์ทั้งภายในและภายนอก การเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมถึงต้องมีการจัดการฐานข้อมูลของสมาชิกในทุก ๆ ด้าน อย่าง เป็นระบบเพื่อการวางแผนการผลิตและการตลาด การเพิ่ม มูลค่าเพิ่ม การดำเนินการผลิตให้พอเพียง สม่ำเสมอเพียงพอกับ ความต้องการมีการเพิ่มมูลค่าสินค้าการดูแลคุณภาพของสินค้า บำรุงรักษาด้วยวิธีการทางธรรมชาติ มาตรฐานความ ปลอดภัยด้านเกษตรและอาหารการผลิตมีความ ปลอดภัยต่อผู้ผลติ และผบู้ รโิ ภค งานสัมมนาวชิ าการส่งเสรมิ และพัฒนาการเกษตร ครัง้ ที่ 10 พล(ของ)เมอื งขบั เคลื่อนเกษตร อาหาร สร้างนวัตกรรม สสู่ ขุ ภาวะ ความม่นั คง และย่ังยืนในสภาวะปฏริ ูปประเทศ นางสาวกิ่งดอกดนิ กลา้ จน สาขาเกษตรศาสตร์และสหกรณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธริ าช [email protected]

เกการตงรเอินรทิมรกยี าอรยตาลงายดง่ั ยนื ลักการเก ตรอินทรยี ากล ลักของ ุขภาพ ลักของค ามเปนธรรม การตลาดทม่ี งุ คู ามยัง่ ยนื เพกืชมตี รุขอภินาทพรดียีจงะอทกํางใามดินัตมีคกินามพอืชุดทมี่ปรมาบูจรณาก ารพิ กตาอรงแคปํานรรึงูปถึงกคาราจมัดจัมําพันนธาขยอแงลเกะผตูบรรกิโภรคผูปเชรนะกอบ ทําใ มบูรณ การเขาถึงอยางเ มอภาค การคาที่เปนธรรม ลักของระบบนิเ ลักของการมี ํานึกท่ีดี การ งเ ริมการตลาดท่ีเนนมติ ิทางดานเ ร ฐกิจ และ งั คม นน่ั มายถงึ รายไดของเก ตรกร การ รางคุณคาของผูบริโภค คุณคาของ ังคม ในขณะเดีย กันก็ไมไดละเลยดาน ่ิงแ ดลอม การทําฟารมเก ตรอินทรียจะตองจัดการใ ดิน พืช ในการผลิตท่ีไมเ ี่ยงตอการทําลายระบบนิเ เขาใจ ในัตฟาเรกม้ือมกาูลกกทันี่ ุดโดยการ มุนเ ียนใชประโยชนของอินทรีย ใไมนใรชะบาบรนเคิเ มีใเดกๆ ตฮรอรธโรมรนมชตาลตอิขดอจงนพืชงโซอรือา ัตาร social impact ( งั คม) economic impact (เ ร ฐกจิ ) ที่ตัดตอพันธุกรรม เพื่อคณุ ภาพชี ิตทด่ี ีของเก ตรกร เพอ่ื ค ามยง่ั ยืนของ เพ่อื คุณภาพชี ติ ทีด่ ี ของชุมชน กในากรปารลดูกําจเิตนนิ าํธนรุ กึกิจ และ งั คม ภาคเก ตรและอา าร environmental impact ( ิง่ แ ดลอม) เพอื่ คุณภาพที่ดี ของ ่ิงแ ดลอม การตระ นกั ถึงการเปนผรู ับผิดชอบตอ ังคม และใชทรัพยากรของชาติอยางประ ยดั ประเท ไทยไดเริ่มปก มุดบนพื้นที่เก ตรอนิ ทรียโลก อีกทัง้ ไดพบค ามมั่งค่ัง ค ามย่ังยนื ทแ่ี ทจริงและ ามารถอยูร มกบั งั คมไดอยาง งบ ุข (Source: FIBL 2019) โดยยึดอิทธบิ าท 4 เปน ลักธรรมเพอ่ื ค าม าํ เร็จ อริยมรรคมอี งค 8 เปน ลัก แ งการปฏบิ ตั ติ ามแน ทางทีถ่ ูกตอง จุ รติ 3 เปน ลักแ งค ามซอื่ ตั ย โปรงใ พร ม ิ าร 4 เปน ลกั แ งเมตตาธรรมคาํ้ จนุ โลก และ งั ค ตั ถุ 4 เปน ลกั แ งการใ งเคราะ ซ่งึ กนั และกัน มูลคาตลาด ินคาเก ตรอินทรีย ตลาด นิ คาเก ตรอนิ ทรยี ของประเท ไทย ในป 2562 มมี ลู คา นิ คาเก ตรอนิ ทรยี 440.40 ลานบาทลดลงจาก 455.15 ลานบาท ในป 2561 ชารใอื บลดมลองรนอยผลักะด3.เ2ช4น(ผอยดั ใูกนาอดันดอบัมทแี่ล7ะผขลอไงมภูมเชิภนาคมเอะพเชรียา) โดยประเท ไทยมีการผลิต นิ คาเก ตรอนิ ทรียที่ าํ คญั ไดแก ขา เมลด็ กาแฟ พ้ืนท่ีเก ตรอินทรีย ประเท ไทยมีพ้ืนที่เก ตรอินทรีย 1.177 ลานไร คิดเปนรอยละ 0.26 ของพ้ืนท่ีเก ตรอินทรียโลก ซึ่งอยูในอันดับท่ี 38 (ขยับจากอันดับที่ 51 จากป 2561) และรอยละ 3.19 ของพ้ืนที่เก ตรอินทรียภูมิภาคเอเชีย ซึ่งอยูในอันดับที่ 5 (ขยบั จากอนั ดบั ที่ 7 จากป 2561) กรณี ึก า ( ิถีตลาด) ตลาด ิถีธรรม ดร.ใจเพชร กลาจน ประธานมูลนิธิแพทย ิถีธรรมแ งประเท ไทย ออกนโยบาย โครงงาน “ตลาด ิถีธรรม” โดยใ จัดตลาดข้ึนใน ัน ุดทาย ลังจากมีการจัดคาย ุขภาพ 5 ัน รือ 9 ัน กับ คปอืระอชงาคชปนรทะี่ กนอใบจขเขอางรตลมาปดระมรอืาณงั ค8ม0เลถึงก็ ๆ10ท0เ่ี กคดิ นขน้ึตลโาดดยมิถี ีธลรกัรทมาคงือกากราตรลเตาดิมเคตอื็มครบั าซมอื้ ผผาลผุกลทติ าจงใาจกชผาูคนนเาทลท่ีานาํ ี้ เก ตรอินทรยี เชน ขา พชื ผัก ผลไม และธญั พืช โดยใ เขาเปนผูกาํ นดราคา นับ นนุ เรื่องการแบงปน ฝกฝน ขปาฏยบิ รตั าิ คีลาข5าเดปทนนุ ขแน้ั ลตะํ่าแโจดกยฟใชรรี าคาบุญนยิ ม4 ระดับ เปนเอกลกั ณคอื ขายราคาตํ่าก าทองตลาด ขายราคาเทาทนุ ตลาดอาริยะ ของชุมชน ันติอโ ก โดยพอครู มณะโพธิรัก ตทมลีก่ีเ าาียดรพอลาัฒะรนิยแะาลตะตัจลเะอาเดกงปดิ ไลผดอลอดทาชาาีพงรตพังาคิ งมๆท่ีใไาปญทตทํารม่ีตุดาาคใมนามปขาารเะยชเทนทําเใกทิดี่ฐกาานนรกะเชขรอ่ืะอแมงรคอทรยอุนรบนะคิยมรัแาดบงขี บภนึ้ ใาชคเครัฐ็นากทมับาคชงดิ อมุ ขอชอกนงใเนชัจนกธารธรรกปมลค.ดือทนี่“นบาํ ้ี คญุ นิ นนมิยามอ”บตรมลากดค็ อือารชยิ าะมไีผรลชตาอนังาคจมากคอื มจบู ะาเกนดิ อคาํ เภาอมตานงิทขาคงเาคมียเงชทื่อําถใอื พเกิดกคเขาามไดเขราูลใกึ จ ไรดูจเักขถางึใจกอาระเไปรเนพชมิ่ มุ เชตนมิ ประเด็น ําคัญท่ีนําไป ู ตลาดไ ใจ…TRUST กาTรrตaร cจeอaบbยiอlนitกyลบั Reคspามoรnบั ผsดิibชอilบity ค าUมเปnนiqเอuกลeัก ณ คSeามcปuลrอiดtภyยั Tecเทhคnโนoโลlยoี gy มีมาตรฐานทีค่ บคมุ มากเกนิ ไปในไทย มกี ารจัดทํา กขาบั รเใคชลก่ือลนไกกากราผรลตติลาทดําเใปนกแารรงพจัฒงู ในจาใรนะกบาบร ผไดลรผับลคิตเกามตนริยอมนิ แทลระยี มขีคองาปมรเะปเทนเอไทกยลเักปนณที่ มูลคา ินคาเก ตรมีแน โนมเติบโตไดดีแตปญ า เก ตรกร โดยเฉพาะผู ูง ยั ตองปรับตั ใ เขากับการเตบิ โต ไมนอยก า 20 มาตรฐาน และยังมีการใชมาตรฐาน การเก ตรขาดค ามรบั ผดิ ชอบตอผลกระทบ ถาเก ตรกร ามารถแปรรูปไดมากขน้ึ จะ ราง ใ ญอยูท่ีค าม ับ นของผูบริโภค เกิดค ามไมม่ันใจ และพัฒนาการของ digital technology เพือ่ จะพัฒนา ตางประเท อีก 10 ก ามาตรฐาน “มกี ารลงทนุ ดาน ททาางงอดาานารังคม ่ิงแ ดลอมและค ามมั่นคง มูลคาทางการตลาดเพิ่มมากขึน้ ในการซื้อ ินคาปลอดภัย ประ ิทธิภาพในการผลิต และเขาถึงตลาดไดอยางร ดเร็ มาตรฐาน และการตร จรับรองมากก าการ งเ ริมเก ตรอนิ ทรียเ ียอกี ” “ตลาดไ ใจ” นําไป ูค ามย่ังยืนโดยใช ลัก นประ มการตลาด 7P’s ผลิตภัณฑ (Product) ตองมี ลายรปู แบบ จากการแปรรปู เพิ่มมลู คาจากภมู ปิ ญญาทองถนิ่ มุงเนนเร่อื งคณุ ภาพ และค ามปลอดภัย ตลาดไ ใจ จากเก ตรกรท่มี คี ามซ่ือ ัตย จติ ใจดีงาม ราคา (Price) ตง้ั ราคาท่ีเปนธรรม จบั ตองได ราคาของผกั ในตลาด ไมไดแพงไปก าเคมี ถาไปในชมุ ชนตางจงั ดั ถานท่ีจาํ นาย (Place) ใชตลาดใจกลางชมุ ชน เปนพื้นทีป่ น ุข ช ยเ ลอื ใ เก ตรกรมีรายได คนไทยยงั คงชอบ shopping เอง เลือกผักเอง และเพ่มิ ชองทางการขายออนไลน การ งเ ริมการตลาด (Promotion) ดาํ เนินการโดยใช กระบ นการใ องคค ามรู 1) ดาน ุขภาพ 2) ดานการทําเก ตรอนิ ทรีย 3) ดาน ลักธรรม ผานการทํากิจกรรมของผูคนกลุมเล็กๆ ผาน ่อื Social Media เชน Facebook, Line เพราะ ามารถเขาถึงผบู ริโภคไดมาก บุคลากร (People) คุณ มบัตขิ องเก ตรกร ค รตั้งมนั่ อยูบน ลี ธรรม และคณุ งามค ามดี ปรบั มมุ มองจากการตักต งผลประโยชนจาก งั คม มาเปนการช ยเ ลือ แบงปน ค รนํา ลกั ธรรมมายึดเปนแน ทางปฏิบัติ การนําเ นอลกั ณะทางกายภาพ (Physical Evidence) การจัดกิจกรรมใ องคค ามรู ค รนําเ นอค ามเปนธรรมชาติ เรียบงาย ใ คนในชุมชน ได มั ผั ถึงค ามเปนธรรมชาติอยางแทจริง อาจใช ั ดจุ ากไม ฟางขา ทําเปนโตะ ชน้ั างของ กระบ นการในการทํางาน (Process) การใ บรกิ ารกบั ผูบรโิ ภค เก ตรกร ามารถไป งของทบ่ี าน รือมตี แู ชตามจุด ําคญั ตางๆ ผคู นมาร มตั กนั ยบิ ผัก ยบิ นิ คาตางๆ ไป บทบาทของนัก งเ ริมการเก ตร 1 รางกระบ นการเรียนรใู เก ตรกร ไม าจะเปนเทคโนโลยกี ารผลติ เก ตรอินทรีย การอบรมใ ค ามรเู ก่ีย กับ ลักพทุ ธธรรมและค ามรูเกยี่ กับมาตรฐานเก ตรอินทรยี ลกั ณะของ “การเรียนรูแบบมี นร ม” เปน ิ่งจําเปนของตลาดไ ใจ 2 รางค ามมน่ั ใจเรอื่ งผลตอบแทนทางเ ร ฐกจิ ตอบโจทย “ไดผลผลติ มาแล จะเอาไปขายใคร” นกั งเ รมิ ค ร รางค ามมน่ั ใจทง้ั ทเ่ี ปนตั เงนิ เชน นาํ digital technology มาใชเพอ่ื ใ ไดคณุ ภาพผลผลติ ทด่ี ขี นึ้ ราคาขายผลผลติ ก็จะดีขึน้ ลดคาใชจายในการซอื้ อา ารและผลตอบแทนทีไ่ มเปนตั เงินเชน คุณภาพทางโภชนาการของผลผลิตทีด่ ขี ึ้น ทรพั ยากรทางการเก ตร (ดิน นา้ํ ดขี ึ้น) 3 การปรับเปล่ียนทั นคติและค ามเช่ือ ซึ่งเก ตรกร นใ ญจะมีการปรับเปล่ียนแบบคอยเปนคอยไป โดยเริ่มตนจากค าม นใจและค ามกระตือรือรนกอนและเมื่อไดลองปฏิบัติและเกิดค ามม่ันใจ จึงเกิด การปรับเปล่ียนในเชิงทั นคติ ซ่ึง อดคลองกับ ลักทฤ ฎี การเชื่อมโยงธอรนไดคและทฤ ฎี นาม นัก งเ ริม ามารถ รางค าม นใจใ กับกลุมเก ตรกร โดยใ รับรู า 1) การทําเก ตรอินทรีย ามารถ ยกระดบั ฐานะทางเ ร ฐกิจทาํ ใ ตอง าค ามรูเพ่ิม 2) ยกตั อยางเก ตรกรชุมชนตนแบบท่ี ามารถ รางรายไดจากการทําเก ตรอนิ ทรีย 3) ใช ่ิงแ ดลอมทางจิต ทิ ยา เชน แ ดงใ เ น็ ถึง การทาํ เก ตร อินทรีย ามารถเลอื่ นฐานะทาง ังคม รอื 4) กฏ Law of Readiness เม่อื มนุ ยมีค ามพรอม ก็จะ รางใ เกดิ ค ามอยากทจี่ ะเรียนรูด ย งาน ัมมนา ชิ าการ งเ ริมและพัฒนาการเก ตร คร้งั ท่ี 10 พล(ของ)เมอื งขบั เคลื่อนเก ตร อา าร รางน ตั กรรม ู ุขภา ะ ค ามมน่ั คงและยงั่ ยนื ใน ภา ะปฏิรปู ประเท ชยารัตน รัตนเสน สาขาเกษตรศาสตรและสหกรณ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช [email protected]

Farm vector created by freepik - www.freepik.com