เฉลยขอ สอบพระอภธิ รรมปก ารศึกษา ๒๕๔๓-๒๕๖๑ อภธิ รรมโชติกะวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั ช้ัน มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท สอบสามวัน.(ศุกร, เสาร, อาทิตย) ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ - ๒๕๖๑ วนั แรก (วนั ศกุ ร) วชิ า : ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บญั ญตั ิ (๗ ขอ ๗๐ คะแนน) วันทีส่ อง (วนั เสาร) วชิ า : สมถะ วปิ สสนา (๗ ขอ ๗๐ คะแนน) วันทีส่ าม (วันอาทติ ย) : สมั ภาษณ (๖ ขอ ๓๐ คะแนน) สิ่งทสี่ าํ คญั คือการเขา เรียน-ศกึ ษากับอาจารยผสู อน เพือ่ ความรคู วามเขาใจที่ถกู ตอง แจมแจง หากสงสยั จะไดส อบถามทนั ที การ รวบรวมขอสอบท่เี คยออกมาแลว นี้ เปน เพยี งแนวทางสาํ หรบั ผศู ึกษา นาํ มาเนน+ทรงจําไว (หากความสามารถมากกวา นี้ ก็ควรจะทรงจาํ ใหไ ด ทั้งหมด จงึ จะชอ่ื วา สตุ ะดว ยดี เพอ่ื การจินตาและภาวนาตอไป) การสอบไมใ ชที่สดุ ของชวี ิต แตขอใหต้ังจิตศึกษาและทรงจาํ เพ่อื ธํารงและรักษาไวซ ึง่ พระศาสนา รอู รรถะและพยญั ชนะ ทั้ง เขาใจและเขา ใหถงึ ธรรมะ แมยังมิบรรลุคณุ ธรรมอันสูงถงึ ขัน้ อรยิ ะ ก็ขอจงเปน ผรู ธู รรมะ (ตามสมควร) และจงเปน ผมู ีธรรมะ วายเมเถว ปรุ ิโส ยาว อตถฺ สฺส นิปปฺ ทา เกดิ เปน คนควรจะพยายาม จนกวาจะประสบความสําเร็จ สําเนาประกอบการเรยี นหรือแจกไดโดยไมตองขออนญุ าต (สงวนสิทธ์ิในการนําไปจาํ หนาย) ผดิ ตกขออภยั และกรณุ าแจง ดว ยคะ ที่ 081-860-2466 (Line ID), fb: Kanrasi Sengking, E-mail: [email protected], [email protected] ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท 1 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน เฉลยขอ สอบขอ เขยี นพระอภธิ รรม ภาคเรียนท่ี ๒ ปก ารศกึ ษา ๒๕๔๓-๒๕๖๑ อภธิ รรมโชตกิ ะวิทยาลยั มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั ชนั้ มัชฌมิ อาภธิ รรมิกะโท สอบวนั แรก......ท.่ี ......ธันวาคม พ.ศ. ............. วิชา : ปฏิจจสมปุ บาท ปฏฐาน บญั ญัติ ๗ ขอ ๗๐ คะแนน เวลา ๔ ช.ม. (วันแรก) ๑. จงแสดงคาถาปฏญิ ญาของพระอนรุ ทุ ธาจารย และคาถาบทสดุ ทา ยท้ังทเ่ี ปนภาษาบาลี และคาํ แปล ? 56 ๑. ก. จงแสดงคาถาปฏิญญาของพระอนรุ ทุ ธาจารยท งั้ บาลแี ละคาํ แปล ? 48, 55, 58, 60 ๑. ก. จงแสดงคาถาดังตอไปนี้ เยสํ สงฺขตธมฺมานํ ฯลฯ ปวกขฺ ามิ ยถารหํ ? 39 ๑. จงแปลคาถาดงั ตอ ไปน?ี้ 42, 45 ก. เยสํ สงฺขตธมฺมานํ เย ธมมฺ า ปจฺจยา ยถา ตํ วภิ าคมเิ หทานิ ปวกขฺ ามิ ยถารหํ [P1] ตอบ ก. แสดงคาถาปฏญิ ญาของพระอนรุ ุทธาจารย ทัง้ บาลแี ละคาํ แปลดงั น้ี เยสํ สงฺขตธมฺมานํ เย ธมฺมา ปจฺจยา ยถา ตํ วิภาคมเิ หทานิ ปวกขฺ ามิ ยถารหํ ฯ ธรรมท้งั หลายเหลา ใด คอื สงั ขตธรรม อสังขตธรรม และบัญญัตธิ รรม เปน ปจ จยั ชว ยอปุ การะแกปจจยปุ บันธรรมเหลาใด คือสงั ขตธรรม โดยอาการตางๆ มเี หตสุ ตั ติ อารัมมณ-สัตตเิ ปน ตน บดั น้ี ในปจจยสังคหะนี้ ขา พเจาจะแสดงซง่ึ ประเภทตา งๆ กัน แหง อาํ นาจการอปุ การะของปจจยั และ ปจจยุปบันเหลา นน้ั ตามสมควร (56) แสดงคาถาบทสดุ ทา ย ดังนี้ วฏฏมาพนธฺ มจิ ฺเจวํ เตภมู กมนาทกิ ํ [P6-7] ปฏจิ จฺ สมุปฺปาโทติ ปฏ เปสิ มหามนุ ิ ฯ โดยนยั ดงั ทไ่ี ดก ลา วมาแลวนนั้ การหมุนเวยี นของวัฏฏะท้ัง ๓ ที่ผูกพันกนั อยไู มขาดสาย อันเกิดอยใู น ภมู ิ ๓ ซ่ึงเปนธรรมชาติท่หี าเบื้องตน มิไดน ้ันแหละ พระจอมมุนี ยอ มตรัสไวว า เปนปฏจิ จสมุปบาท ดงั น้ี ๑. ปฏิจจสมปุ บาทพระบาลที ีย่ กมานี้ แปลเปนไทยวา อยางไร ? [P2] ตตถฺ อวิชชฺ าปจจฺ ยา สงฺขารา (สมภฺ วนตฺ )ิ ? 52(1ค), 57(ค/ค) ตตถฺ อวิชชฺ าปจจฺ ยา สงฺขารา, สงขฺ ารปจฺจยา วิฺ าณ,ํ ฯลฯ ภวปจจฺ ยา ชาต,ิ ชาตปิ จฺจยา ชรามรณํ โสก ปรเิ ทวทกุ ฺขโทมนสสฺ ุปายาสา สมฺภวนฺต,ิ เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทุกฺขกฺขนฺธสสฺ สมุทโย โหตีติ ? 49, 59 ตตถฺ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงขฺ ารปจจฺ ยา วิ ฺ านํ, วิ ฺ าณปจจฺ ยา นามรปู , ฯลฯ ภวปจจฺ ยา ชาต,ิ ชาตปิ จฺจยา ชรามรณํ โสกปรเิ ทวทกุ ฺขโทมนสสฺ ุปายาสา สมฺภวนตฺ ,ิ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสสฺ สมทุ โย โหตีติ ? 53, 56(2) อวิชชฺ าปจจฺ ยา สงฺขารา, สงขฺ ารปจจฺ ยา วิฺาณํ, ฯลฯ ภวปจฺจยา ชาต,ิ ชาตปิ จจฺ ยา ชรามรณํ, โสกปริเทว ทกุ ฺขโทมนสฺสุปายาสา สมภฺ วนตฺ ,ิ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทกุ ฺขกขฺ นธฺ สสฺ สมทุ โย โหต.ิ ? 50 (ไมม ตี ตถฺ ลง โหต)ิ ตอบ (ดคู ําตอบในตารางดา นลาง ตอบตามโจทย เฉพาะคทู ถ่ี าม) ๒. จงแสดงปฏจิ จสมุปบาทพระบาลคี ทู ี่ ๑, ๒, ๓ และคทู ่ี ๑๐, ๑๑ พรอมบทสดุ ทา ย ท้ังบาลแี ละคําแปลมาใหส มบูรณ ? [P2-3] 58 ตอบ แสดงปฏิจจสมุปบาทพระบาลคี ูท ี่ ๑, ๒, ๓ ดงั นี้ อวชิ ชฺ าปจจฺ ยา สงฺขารา, สงฺขารปจจฺ ยา วิ ฺ าณ,ํ วิฺ าณปจจฺ ยา นามรูป พระบาลีคทู ี่ ๑๐, ๑๑ แสดงดงั นี้ ภวปจจฺ ยา ชาต,ิ ชาติปจจฺ ยา ชรามรณํ โสกปริเทวทกุ ขฺ โทมนสสฺ ปุ ายาสา สมภฺ วนตฺ ิ บทสุดทาย แสดงดังน้ี เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทกุ ขฺ กขฺ นธฺ สฺส สมทุ โย โหติ คาํ แปล ... (ดคู ําตอบในตารางดา นลางเฉพาะ คทู ี่ ๑, ๒, ๓ และคูที่ ๑๐, ๑๑ และ บทสุดทาย ) ดาวนโหลดขอมูลตา งๆไดจาก ขอความเพ่ิมเติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 2 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน แสดงการอปุ าระระหวางปจ จัยธรรมและปจจยุปบนั ธรรม ตามนัยแหง ปฏจิ จสมปุ บาท คูท ่ี ๑ คูท่ี ๒ คูท ่ี ๓ คทู ่ี ๔ ตตถฺ อวชิ ชฺ าปจฺจยา สงฺขารา, สงขฺ ารปจฺจยา วิ ฺ าน,ํ วิ ฺ าณปจจฺ ยา นามรปู , นามรูปปจฺจยา สฬายตน,ํ คทู ่ี ๕ คทู ี่ ๖ คทู ่ี ๗ คทู ่ี ๘ สฬายตนปจจฺ ยา ผสโฺ ส, ผสฺสปจจฺ ยา เวทนา, เวทนา ปจจฺ ยา ตณฺหา, ตณหฺ าปจฺจยา อุปาทาน,ํ คทู ี่ ๙ คูท ี่ ๑๐ คูท ่ี ๑๑ อปุ าทานปจจฺ ยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาต,ิ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปรเิ ทวทกุ ขฺ โทมนสสฺ ปุ ายาสา สมภฺ วนฺต,ิ บทสุดทา ย เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทุกฺขกขฺ นธฺ สฺส สมทุ โย โหตตี ิ ตตถฺ ในนยั ทัง้ ๒ นนั้ ความเปน ไปแหง ปจ จยั ธรรมและปจจยปุ บนั ธรรม โดยนัยแหงปฎิจจสมปุ บาท คอื ปญุ ญาภสิ ังขาร อปุญญาภสิ ังขาร อาเนญชาภสิ งั ขาร ธรรมทง้ั ๓ ประการนี้ ปรากฏเกิดขน้ึ คูท ี่ ๑ เพราะอาศยั อวิชชา คือ ความไมร ูในสจั จะ ๔ ความไมร ูในปุพพนั ตะ ๑ ความไมร ูในอปรนั ตะ ๑ ความไมร ูในปพุ พนั ตาปรันตะ ๑ ความไมร ูในปฏิจจสมปุ บาท ๑ รวม ๘ ประการนี้ เปนเหตุ คทู ่ี ๒ วิญญาณ คอื โลกียวปิ ากจติ ๓๒ ปรากฏเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยสงั ขาร ๓ เปนเหตุ คูท่ี ๓ นามรปู คอื เจตสิกท่ีประกอบกบั โลกยี วบิ ากและกมั มชรปู ปรากฏเกดิ ขึน้ เพราะอาศยั เปนเหตุ วิญญาณ คอื กศุ ล อกุศล (กมั มวญิ ญาณ) ท่ีในภพกอ นๆ และวปิ ากวญิ ญาณทีใ่ นภพน้ี คูท่ี ๔ สฬายตนะ คืออชั ฌัตตกิ ายตนะ ๖ มีจักขายตนะเปน ตน ปรากฏเกิดขึน้ เปนเหตุ เพราะอาศยั นามรูป คูท่ี ๕ ผัสสะ ๖ มจี ักขุสมั ผสั สะเปน ตน ปรากฏเกิดขนึ้ เพราะอาศัย อัชฌัตติกายตนะ ๖ เปน เหตุ คทู ี่ ๖ เวทนา ๖ มจี กั ขุสมั ผัสสชาเวทนาเปน ตน ปรากฏเกิดขึน้ เพราะอาศยั ผสั สะ ๖ เปน เหตุ คูที่ ๗ ตัณหา ๖ หรอื วา โดยพิสดาร ๑๐๘ มรี ูปตณั หาเปน ตน ปรากฏเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัย เวทนา ๖ เปน เหตุ คูที่ ๘ อปุ าทาน ๔ มีกามุปาทานเปน ตน ปรากฏเกิดขึ้น เพราะอาศัย ตัณหา ๖ หรอื ๑๐๘ เปนเหตุ คูท่ี ๙ ภวะ คอื กมั มภวะและอุปปต ตภิ วะทง้ั ๒ ปรากฏเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัย อุปาทาน ๔ เปนเหตุ คูที่ ๑๐ ชาติ คอื ความเกดิ ขึน้ แหงโลกียวปิ ากจติ เจตสกิ และกมั มชรปู ปรากฏเกิดขึน้ เพราะอาศยั กมั มภวะ เปนเหตุ คูท่ี ๑๑ ชราความแก มรณะความตาย และโสกะความเศราโศก ปรเิ ทวะการรองไหร าํ พนั ทกุ ขะความทกุ ขก าย โทมนัสสะความทุกขใ จ อปุ ายาสะความคับแคน ใจ ทง้ั ๗ นป้ี รากฏเกิดขึ้น เพราะอาศยั ชาติ เปน เหตุ เอว ฯ ความเกดิ ขนึ้ แหงกองทุกขแทๆ ทง้ั ปวงน้ี เพราะอาศยั ปจ จัยตา งๆ มีอวิชชาเปน ตน ดงั ทีไ่ ดก ลาวมาแลว น้ี ๑. จงแปลบาลีปฏิจจสมุปบาท ดังตอ ไปนี้ ? [P2-3] 44, 54(1ก) เวทนาปจจฺ ยา ตณฺหา, ตณหฺ าปจจฺ ยา อุปาทานํ, อปุ าทานปจจฺ ยา ภโว, ภวปจจฺ ยา ชาติ, ชาตปิ จจฺ ยา ชรามรณํ โสกปรเิ ทวทกุ ฺขโทมนสสฺ ุปายาสา สมฺภวนฺ, เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทกุ ฺขกขฺ นธฺ สสฺ สมุทโย โหติ ตอบ ก. แปลบาลปี ฏิจจสมปุ บาท ดังน้ี (ตอบตาม คทู ี่ ๗, ๘, ๙, ๑๐, ๑๑ และบทสุดทา ย) ...... ปฏิจสมุปบาท อวิชชา สงั ขาร วิญญาณ นามรปู สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภวะ ชาติ ชรามรณะ องค องคธ รรม อวชิ ชา๘ ปุญ อ อาเจต วิญโลกีวิ๓๒ น-รเจ กรํ ปู สฬาอัช๖ ๖จกั -ผสั สะ ๖จกั -เวทนา ๖รปู -หา-๑๐๘ ๔กามฯุ กัม-อปุ โลวิ เจ กํ ชรา-อุปายาส๗ ๑๒ กาล ๓ อดตี อดีต ปจ จบุ นั อนาคต อนาคต อทั ธา ๓ อนาคต อดตี อดีต กอํ ดีตปจ จุ อนาคต อนาคต อดตี อดตี ปจ จุบนั ปจจบุ ัน กอํ ดีตปจจุ - เหตุ ปจ จุบนั ปจ จุบนั ปจจุบนั - ผล อนาคต อดีต อดีต อดีต อดตี ปจ จบุ ัน ปจจบุ นั ปจ จุบนั ปจจบุ นั -- -- ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 3 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๑. ค. องคป ฏิจจสมุปบาทมีเทาไร คอื อะไรบาง? ใหจาํ แนกองคป ฏจิ จสมุปบาทเหลา นัน้ โดยกาลทงั้ ๓ ? [P4] 36, 43, 49(2ค), 54(1ข), 55(1ข), 59, 60(ข) ตอบ องคป ฏจิ จสมุปบาทมี ๑๒ คือ ๑. อวชิ ชา ๒. สงั ขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นามรูป ๕. สฬายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘. ตณั หา ๙. อุปาทาน ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรามรณะ จําแนกองคป ฏจิ จสมปุ บาท โดยกาล ๓ ดังนี้ คือ อวิชชา และสังขาร ท้งั ๒ น้ี เปน อตตี กาล คอื เปน ธรรมท่ีเกดิ ในภพกอ นๆ ชาติ ชรามรณะ ทง้ั ๒ (หรอื ๓) น้ี เปน อนาคตกาล คือ เปนธรรมทเ่ี กิดในภพหนา องคธ รรม ๘ ท่อี ยตู รงกลาง คอื วญิ ญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน กมั มภวะ เหลาน้ี เปน ปจจบุ นั กาล คอื เปนธรรมทเ่ี กดิ ในภพน้ี ๒. ก. องคปฏจิ จสมุปบาทมีเทา ไร คอื อะไรบา ง ใหจาํ แนกองคป ฏจิ จสมปุ บาทเหลานี้ โดยอาการ หรอื ประเภท ๒๐ ? [P4-5] 46, 51 ตอบ ก. องคป ฏจิ จสมุปบาทมี ๑๒ คอื ๑. อวชิ ชา ...... ๑๒. ชรามรณะ จําแนกองคป ฏจิ จสมปุ บาทเหลานี้ โดย อาการหรอื ประเภท ๒๐ ดังนี้ คือ ...... ๑. ปฏจิ จสมุปบาท (กลา วโดยองค มี ๑๒ แต) เมือ่ แสดงโดยประเภทหรอื อาการมมี ากถงึ ๒๐ นนั้ แสดงการนับสงเคราะหอยา งไร และประเภทหรืออาการ ๒๐ นัน้ ไดแ กอ ะไรบาง ? [P5] 36(2), 47, 59(4) ตอบ ปฏจิ จสมุปบาท (กลาวโดยองค มี ๑๒ แต) เมอ่ื แสดงโดยประเภทหรอื อาการมมี ากถึง ๒๐ น้นั แสดงการนบั สงเคราะหดงั น้ี สาํ หรบั ในอัทธา ๓ น้ัน โดยยก อวิชชาและสังขารขน้ึ แสดงแลว แมต ณั หา อุปาทาน กมั มภวะ ทง้ั ๓ น้ี ก็พึงนับเขา ในอดีตอทั ธาดว ย โดยการยก ตณั หา อปุ าทาน กมั มภวะ ขึ้นแสดงแลว อวิชชา สังขารทัง้ สองนี้ ก็พึงนบั เขาในปจจุบันอธัทธา ดวยเหมอื นกนั โดยการยก ชาติ ชรา มรณะ ขึน้ แสดงแลว ผลทงั้ ๕ อยา ง อนั ไดแ ก วญิ ญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา กพ็ ึงนบั เขา ในอนาคตอทั ธาดวย ฉะนนั้ ประเภทหรืออาการ ๒๐ จงึ เปน ไปดงั นี้ เหตใุ นอดตี ภพ มี ๕ คอื อวิชชา สังขาร ตณั หา อุปาทาน กัมมภวะ ผลในปจ จุบนั ภพ มี ๕ คือ วญิ ญาณ นามรปู สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา เหตใุ นปจจบุ นั ภพ มี ๕ คอื ตัณหา อปุ าทาน กมั มภวะ อวิชชา สังขาร ผลในอนาคตภพ มี ๕ คือ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ๑. จงแปลคาถาดังตอไปน้ี ? ข. อตีเต เหตโว ปฺจ อิทานิ ผลปจฺ กํ อิทานิ เหตโว ปจฺ อายตึ ผลปฺจกนตฺ ิ วสี ตาการา ตสิ นธฺ ิ จตสุ งฺเขปา จ ภวนฺติ ฯ ? [P5] 42 ตอบ ข. อาการ ๒๐ สนั ธิ ๓ สังเขป ๔ จึงเปน ไปดงั น้ี ใน สําหรบั ในอัทธา ๓ น้ัน ....... ๒. ค. จงจําแนกปฏจิ จสมุปบาท ท่ีวา โดยประเภท ๑๘ วามอี ยางละเทาไร? คืออะไรบา ง? ดงั ตอ ไปน้ี ? [P] ๑. เปนปจจัย ได แตเปน ปจ จยปุ บนั ไมได ๒. เปน ปจ จยปุ บัน ได แตเ ปนปจ จัย ไมได ๓. เปน ปจจยั และปจ จยุปบัน ไดท ง้ั ๒ ๔. เปน ปจจัย และปจ จยปุ บนั ไมไดท ้ัง ๒? 48, 45(2ก) ตอบ ค. ๑. เปนปจจัยได แตเปน ปจจยปุ บนั ไมไ ด มี ๑ คือ อวิชชา ๒. เปนปจจยปุ บันได แตเ ปน ปจจัยไมไ ด มี ๗ คอื ๑) ชรา ๒) มรณะ ๓) โสกะ ๔) ปริเทวะ ๕) ทุกขะ ๖) โทมนสั สะ ๗) อุปายาสะ ดาวนโ หลดขอมูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 4 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๓. เปนปจจัย และปจ จยปุ บันไดท งั้ ๒ มี ๑๐ คือ ๑) สงั ขาร ๒) วญิ ญาณ ๓) นามรปู ๔) สฬายตนะ ๕) ผัสสะ ๖) เวทนา ๗) ตณั หา ๘) อปุ าทาน ๙) ภวะ ๑๐) ชาติ ๔. เปนปจจยั และปจ จยปุ บันไมไ ดท ้งั ๒ ไมม ี ๑. จากการศกึ ษาในปฏจิ จสมปุ บาทมาแลว จงตอบคาํ ถามดังตอ ไปนี้ ? [P7] 49 ก. ปรจิ เฉทที่ ๘ มชี ่ือวาอยา งไร ทม่ี ชี ่ือเชน นน้ั เพราะเหตไุ ร ? [P7] 36, 49(2), 52, 57, 59, 61(ก/ค) ข. ธรรมท่ีเปน ปจ จัย (ที่แสดง) ในปฏิจจสมุปบาท และ (ใน)ปฏฐาน นัน้ ตา งกันอยา งไร ? [P7] 49(2), 59, 61 ๑. ค. ธรรมทเี่ ปนปจ จัยในปฏิจจสมปุ บาท และ ปฏ ฐานนั้นไดแกอ ะไร ? [P7] 48 ๑. ข. ธรรมที่เปนปจจยั และปจ จยุปบนั ในปฏจิ จสมุปบาท และ ปฏฐานนนั้ ไดแ กอ ะไร ? [P7] 51 ตอบ ก. ปริจเฉท ๘ ทชี่ อื่ วา ปจ จยสังคหะนั้น เพราะ พระอนรุ ทุ ธาจารยไ ดแ สดงรวบรวมธรรมทเี่ ปน ปจ จัยและปจจยปุ บนั ตามนยั แหงปฏิจจสมปุ บาท และนัยแหง ปฏฐานทง้ั หมดอยใู นปริจเฉทนี้ ฉะนนั้ ปรจิ เฉท ๘ นจ้ี ึงช่ือวา ปจ จยสังคหะ ข. ธรรมทเี่ ปนปจจัยทแี่ สดงในปฏจิ จสมปุ บาทนัน้ เปนปรมตั ถลวนๆ ไมม ีบญั ญตั เิ ขา เจือปนดวยเลย สว นธรรมทเี่ ปนปจ จยั ทแ่ี สดงในปฏ ฐานนนั้ มที งั้ ปรมตั ถแ ละบัญญตั ิ ดวยเหตนุ ้ี พระอนุรทุ ธาจารย จึงไดแ สดงบัญญตั ติ างๆ ไวใ นสุดทา ยแหง ปริจเฉทนี้ (49, 51, 59, 61) สําหรบั ธรรมท่ีเปนปจจยุปบนั น้นั เปนปรมตั ถโ ดยสว นเดียว ทัง้ ๒ นยั ๑. ก. ปฏิจจสมุปบาท หมายความวา อยา งไร ? [P] 51 ตอบ ก. ปฏจิ จสมุปบาท หมายความวา ธรรมทเ่ี ปนเหตุ ทีท่ ําใหผลธรรมเกิดขึ้นสมา่ํ เสมอพรอ มกนั โดยอาศยั ความพรอมเพรยี งแหง ปจ จยั ท่เี กีย่ วเนอื่ งกบั เหตนุ นั้ ๆ ๑. ข. ปจ จยสงั คหะ หมายความวาอยางไร ? [P7] 48, 58 ตอบ ข. ปจจยสงั คหะ หมายความวา การรวบรวมธรรมทเ่ี ปนปจจยั และปจ จยุปบัน ตามนยั แหง ปฏจิ จสมุปบาท และปฏ ฐานท้งั หมดอยูในปริจเฉท (ที่ ๘) นี้ ๑. ค. ธรรมที่เปน ปจ จัยในปฏิจจสมุปบาท และปฏ ฐานน้ันไดแ กอ ะไร ? [P7] 58 ตอบ ค. ธรรมทเี่ ปน ปจจยั ในปฏจิ จสมปุ บาท ไดแก ปรมตั ถลว นๆ ไมม บี ญั ญตั เิ ขา เจือปนดว ยเลย สว นธรรมที่เปน ปจ จยั ในปฏ ฐานนน้ั ไดแก ปรมตั ถแ ละบญั ญัติท้ังหมด Note ปฏ ฐาน : (ปจ. =) 89+52 รูป28E นพิ บัญกาลวมิ ตุ ิ 89+52 รปู 28E (= ปย.) ๒. ก คาํ วา ปจ จัย กบั คาํ วา ปจจยปุ บนั หมายความวา อยางไร ? [P7] 36(1ข), 42(1ข), 46, 48 ข. คําวา ปจ จยา แปลวา อะไร ? มกี ่อี ยาง ? คืออะไรบาง ? [P8] 48 ตอบ ก. คาํ วา ปจ จยะ หรอื ปจจัย น้นั หมายความวา เปน เหตุของผลทเี่ ก่ียวเนอื่ งดว ยเหตนุ ั้นๆ คาํ วา ปจจยปุ บัน หมายความวา เปนผลทเี่ กิดข้ึนโดยอาศยั ธรรมที่เปน เหตนุ นั้ ๆ สรุปความวา ปจจยั ไดแก ธรรมทเ่ี ปนเหตุ ปจ จยปุ บนั ไดแก ธรรมท่ีเปนผล ข. คาํ วา ปจจยา แปลวา เปน ปจจยั ชวยอปุ การะ (อุปการกา) การชวยอปุ การะมี ๒ อยาง คือ ๑. ชว ยอุปการะแกปจ จยปุ บันธรรมท่ียงั ไมเกดิ ใหเกดิ ขึน้ อยา งหน่ึง ๒. ชวยอปุ การะแกปจ จยุปบนั ธรรมที่เกดิ ข้นึ แลว ใหต ง้ั มั่นและเจรญิ ขึน้ อยางหน่งึ ๒. ข. ปจ จัย (ปจ จยะ) แปลวา อยางไร? หมายความวาอยางไร? และปจ จยุปบนั หมายความวาอยา งไร ? [P8] 45, 61() ตอบ ข. ปจจัย แปลวา เปนปจ จัยชวยอุปการะ หรือ ธรรมทช่ี ว ยอปุ การะ หมายความวา เปน เหตขุ องผลที่ ดาวนโหลดขอมลู ตา งๆไดจาก ขอความเพ่ิมเตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 5 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน เกี่ยวเนื่องดว ยเหตนุ ั้นๆ และปจ จยปุ บนั หมายความวา เปน ผลทีเ่ กดิ ขนึ้ โดยอาศยั ธรรมทเี่ ปน เหตนุ ้ันๆ สรุปความวา ปจจัย ไดแ ก ธรรมทีเ่ ปน เหตุ ปจ จยปุ บัน ไดแก ธรรมทีเ่ ปน ผล ๒. จงแสดงเหตผุ ลตามนยั แหง ปฏจิ จสมุปบาท มาใหสมบรู ณ ? และวจนตั ถะทย่ี กมานี้ แปลวา อยา งไร ? [P10] ปฏจิ จฺ สมํ สห จ อุปปฺ ชชฺ ติ เอตสฺมาติ = ปฏจิ จฺ สมุปปฺ าโท ? [P10] 52 ตอบ แสดงเหตผุ ลตามนัยแหงปฏจิ จสมปุ บาทนัน้ คือ แสดงแตเ พยี งใหร วู า สตั วท ้งั หลายท่ีปรากฏอยใู นโลกนี้ ลวนแตเปนผลทเี่ กดิ มาจากธรรมที่เปน เหตทุ งั้ สนิ้ ท่จี ะเกดิ ขนึ้ เองหรือมีผสู รา งใหเ กดิ โดยไมไ ด อาศัยธรรมทเี่ ปน เหตนุ ้นั ยอมไมม เี ลย หมายความวา เมอ่ื มีเหตุมีปจจยั ครบบรบิ ูรณแ ลว ผลยอ ม ปรากฏขนึ้ เปนธรรมดา แตไ มไ ดแ สดงถึงอํานาจของปจจยั นัน้ ๆ วา การชวยอปุ การะของปจ จัยนั้นๆ เปน ไปโดยอํานาจเหตบุ า ง อารมณบ า ง อธบิ ดีบา ง เปนตน และวจนตั ถะทีย่ กมานี้ แปลวา ผลธรรมมีสงั ขารเปน ตน เมื่อไดอ าศัยการประชุมรว มกันแหงปจ จัยแลว ยอมเกิดขึน้ สมํา่ เสมอพรอมเพรียงกนั เพราะอาศยั เหตตุ า งๆ มี อวชิ ชาเปน ตน ฉะนน้ั เหตตุ า งๆ มี อวิชชา เปน ตน เหลา นั้น จงึ ชอ่ื วาปฏิจจสมุปบาท ไดแ ก อวิชชาเปน ตน จนถึงชาติ ๑. ในปรจิ เฉทท่ี ๘ นี้ ทา นแสดงการอปุ การะไวก ี่นัย คอื อะไรบา ง และนัยนัน้ ๆ มคี วามแตกตางกนั อยา งไร ? [P10-11] 38, 40 ตอบ ในปริจเฉทที่ ๘ น้ี ทานแสดงการอปุ การะไว ๒ นยั คอื ๑. ปฏจิ จสมุปบาทนยั ๒. ปฏฐานนยั และนัยท้งั ๒ นน้ั มีความแตกตางกันดังนี้ การแสดงเหตผุ ล (ของการอปุ การะกนั ) ตามนัยปฏิจจสมุปบาทนัน้ แสดงแตเ พียงใหรวู า สตั วท งั้ หลายท่ี ปรากฏอยูในโลกนี้ ลว นแตเ ปนผลทเ่ี กิดมาจากธรรมทเี่ ปนเหตุทงั้ ส้ิน ทจ่ี ะเกิดขน้ึ เองหรอื มผี ูสรางใหเ กดิ โดย ไมไ ดอ าศัยธรรมทเ่ี ปนเหตุนั้นยอ มไมมีเลย หมายความวา เม่ือมีเหตมุ ีปจ จยั ครบบรบิ ูรณแลว ผลยอมปรากฏขนึ้ เปน ธรรมดา แตไ มไดแ สดงถงึ อาํ นาจของปจจยั นั้นๆ วา การชว ยอุปการะของปจ จัยน้นั ๆ เปน ไปโดยอํานาจเหตุ บา ง อารมณบ า ง อธบิ ดีบาง เปนตน สวนการแสดงเหตผุ ล (ของการอุปการะกัน) ตามนยั แหง ปฏฐานน้นั แสดงใหร วู าส่ิงที่มชี วี ติ และไมม ี ชีวติ ทงั้ หลายทป่ี รากฏอยใู นโลกนี้ ลว นแตเ ปนเหตุผลทเี่ กย่ี วเนอื่ งกนั ตามสมควร ทป่ี รากฏขน้ึ โดยไมเ กยี่ วของ กับเหตผุ ลนน้ั ไมม ีเลย และแสดงถึงอาํ นาจของปจจยั นนั้ ๆ ดว ยวา การอุปการะของปจจยั นนั้ ๆ เปน ไปดวย อํานาจเหตบุ า ง อารมณบ า ง อธิบดีบา ง เปน ตน ๒ การ (ความ) ไมร ูตามความเปน จรงิ ของอวชิ ชา มกี ี่อยา ง (ประการ) คืออะไรบาง ? 40, 42 ......ใหยกบาลีและคําแปลดวย? 39 (2ก) /......จงบอกพรอ มความหมาย ? 46(2ข), 55(2ก) , 57(3ก) ๓. อวชิ ชา แปลวา อยางไร องคธ รรมไดแ กอ ะไร มีก่ีประการ คืออะไรบา ง ? [P16] 36 ๓. อวชิ ชาท้ังหมดนี้สรุปความหมายวาอยา งไร มีกป่ี ระการ คืออะไรบา ง จงบอกพรอมความหมา ? [P16] 61 ตอบ (36) อวชิ ชา แปลวา ไมร ู หรือ ธรรมชาตทิ ่เี ปน ไปตรงกนั ขา มกับปญ ญา องคธ รรมไดแ ก โมหเจตสิก ตอบ 61 อวิชชา ทง้ั หมดน้ีสรุป สรปุ ความหมายวา การไมร ตู ามความเปน จริงท่คี วรรู รแู ตส งิ่ ท่ีไมเ ปน ไป ตามความเปน จริงที่ไมค วรรู ความไมรตู ามความเปน จริงของ อวิชชา น้นั มีอยู ๘ ประการ คอื / (39, 40, 46) การไมร ูตามความเปนจริงของอวิชชา มี ๘ อยา ง คือ ๑. ทุกเฺ ข อาณํ ไมรใู นทกุ ข ๒. ทุกขฺ สมุทเย อาณํ ไมรเู หตทุ ีท่ ําใหเ กิดทกุ ข ๓. ทกุ ฺขนิโรเธ อาณํ ไมร ธู รรมอันเปน ทีด่ บั แหงทกุ ข ๔. ทุกฺขนโิ รธคามนิ ีปฏปิ ทาย อาณํ ไมรหู นทางทใ่ี หเ ขา ถงึ ความดบั ทุกข ๕. ปพุ ฺพนเฺ ต อาณํ ความไมร ใู นขันธ อายตนะ ธาตุ ทเี่ ปน อดตี ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอ ความเพมิ่ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 6 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๖. อปรนเฺ ต อาณํ ความไมร ใู นขนั ธ อายตนะ ธาตุ ทเ่ี ปน อนาคต ๗. ปุพฺพนตฺ าปรนเฺ ต อาณํ ความไมร ใู นขันธ อายตนะ ธาตุ ทเ่ี ปน อดตี และอนาคต ๘. อิทปฺปจฺจยตาปฏจิ ฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อาณํ ความไมรใู นรูปนามทเ่ี กดิ ข้นึ โดยอาศัยมเี หตใุ หเกดิ ตามในปฏิจจสมุปบาท ๕. ก. อวิชชา ตามวจนัตถะมีความหมายหลายอยาง เมอ่ื กลาวโดยสรปุ หมายความวาอยา งไร พรอมท้ังแสดงลักขณาทจิ ตกุ กะของอวิชชา ? [P16, 35] 57(5ก) ๓. จงแสดงลักขณาทิจตุกกะ (จงแสดงลักษณะ รส ปจจุปฏฐาน ปทัฏฐาน) ของอวิชชา และตณั หา มาให ถูกตอง ? [P35, 110-111] 49, 55(2ข) / อวิชชา และ กมั มภวะ ? [P35, 80] 45(3ก) / อวชิ ชา และอุปายาสะ ? [P35, 144] 44, 50, 58 / อวชิ ชา และ กมั มภวะ ? [P35, 121] 45(3ก) ตอบ 57(5ก) ก. อวชิ ชา ตามวจนตั ถะมคี วามหมายหลายอยาง เม่ือกลาวโดยสรุป หมายความวา การไมรตู ามความเปน จริงทค่ี วรรู รแู ตส ่งิ ทไี่ มเ ปนไปตามความเปน จรงิ ที่ไมค วรรู นี้แหละช่ือวา อวชิ ชา แสดงลักขณาทิจตกุ ะ (แสดงลักษณะ รส ปจจุปฏฐาน ปทฏั ฐาน) ของอวชิ ชา ดังน้ี ๑. อาณลกฺขณา มคี วามไมรู เปนลกั ษณะ หรือ เปนปฏิปก ษต อ ปญ ญา เปน ลกั ษณะ ๒. สมโฺ มหนรสา ทําใหธรรมทป่ี ระกอบกับตนและผูท โ่ี มหะกําลังเกดิ อยนู ้ัน มีความหลงหรือมดื มน เปน กิจ ๓. ฉาทนปจจฺ ุปฏ านา เปน ธรรมชาติท่ีปกปด สภาวะที่มอี ยใู นอารมณน ัน้ ๆ เปนอาการปรากฏ ในปญญาของบณั ฑิตทั้งหลาย ๔. อาสวปทฏ านา มอี าสวะ ๓ เปน เหตใุ กล (เวนตัวเอง) ๒. ก. ภัยทัง้ ๔ นน้ั คอื อะไรบา ง ? [P25-26] 53 คอื ยงั ไมพน จากการเคารพนบั ถอื ศาสดาตา งๆ ตอบ ก. ภัยทง้ั ๔ คอื ๑. นานาสตั ถอลุ โลกนภัย คอื การไปเกดิ ในทไี่ มแ นน อน คอื ยงั ไมพนจากการไปเกดิ ในอบายภมู ิ ๒. วินิปาตภยั คอื ยังไมพ น จากการกระทาํ อนั เปน ทจุ รติ ตางๆ ๓. อปายภยั ๔. ทจุ ริตภยั ๒. ผทู ่ีมอี วิชชาหนามาก ผทู ีม่ อี วิชชาเบาบางแลว และผูที่มีอวิชชาบางทีส่ ดุ ทงั้ ๓ พวกน้ี ไดแ ก บคุ คลชนิดไหนบาง ? [P33] 54 ตอบ บุคคล ๓ พวกนไ้ี ดแ ก ๑. บคุ คลบางพวก ไมร ูวา การกระทาํ อยา งนดี้ ีเปนกศุ ล การกระทาํ อยางนไ้ี มด เี ปนอกศุ ล ดว ยอํานาจ แหงอวชิ ชาทปี่ กปด ไวไ มใ หรู ฉะน้นั บุคคลพวกน้ีจึงกลาทาํ ในทุจรติ ตางๆ อยา งไมร สู กึ เกรงกลัวและละอายใจ อวิชชาชนดิ นี้เปน อวิชชาทห่ี นามาก ๒. บคุ คลบางพวก รวู า การกระทําอยางน้ีดีเปนกุศล อยา งนไ้ี มด เี ปนอกุศล ฉะนน้ั บคุ คลจาํ พวกนี้เม่อื ขณะทีม่ อี กุศลเกดิ ขนึ้ กส็ ามารถระงบั ไดไมป ลอ ยใหลว งถงึ กาย วาจา แลวเปลยี่ นจติ ใจและการกระทาํ นั้นใหเปน กศุ ลเกดิ ขน้ึ อวชิ ชาของบุคคลจําพวกนี้ จดั วา เปน อวชิ ชาท่ีบางมากแลว ๓. บุคคลท่สี าํ เรจ็ เปน โสดาบนั สกทาคามี อนาคามีนั้นไดชอ่ื วา เปน ผเู ห็นแจงในอริยสจั ๔ แลว แตก็ยัง ไมไ ดท ําลายอวิชชาใหห มดสน้ิ ไป อวิชชาของพระอรยิ บุคคลเหลา นีเ้ ปนอวิชชาท่ีบางทสี่ ดุ ขอ กาํ หนดใน ๙ ชาติ ปจ จัยทเ่ี ปน... ปจจยั ธรรม (ธ.ทเี่ ปนเหต)ุ ปจ จยปุ บันธรรม (ธ.ทเ่ี ปน ผล) ๑. สหชาตชาติ (๑๕) ๒. อารมั มณชาติ (๘) เกดิ พรอ มกนั (ถาจติ =ในจติ ดวงเดียวกัน) เกิดพรอมกนั กบั ปจ จยั ธรรม อารมณ (ผถู กู รู 89+52 28E นพิ บัญกาลวมิ ุต) ผรู ูอารมณ (นามขนั ธ ๔ 89+52) ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 7 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๓. อนนั ตรชาติ (๗/๖) เกิดตดิ ตอกันไมม รี ะหวา งคนั่ (ดับไปแลว) เกดิ ตดิ ตอ กันไมม รี ะหวา งคั่น (กาํ ลงั เกิด) ๔. วตั ถปุ เุ รชาตชาติ (๖) วตั ถุรูป ๖ (จัก โส ฆา ชวิ กา หทย+วัตถุ) นาม คอื วญิ ญาณธาตุ ๗ พรอ มเจตสกิ ท่ี ที่เกดิ กอน และ กําลงั ต้ังอยู ประกอบ เปนผอู าศัยวตั ถรุ ูปท่ีเกดิ กอน ๕. ปจ ฉาชาตชาติ (๔) นาม คือ จติ ๘๕ (-อรูปว.ิ ๔) เจ.๕๒ รปู คอื เอก ทวิ ติ จตุสมุฏฐานิกรปู หรอื กาย คือ เอก ท่ีเกดิ ทีหลงั ทวิ ติ จตุชกาย ที่เกิดกอนและกําลังตง้ั อยู ๖. รปู อาหารชาติ (๓) รปู คอื พหทิ ธโอชาไดแก อาหาร เชน ขา ว นํา้ รูป คอื อาหารชรูป หรือ และ อตุ ุ ไดแก อากาศ เปน ตน และ อชั ฌตั ต จตุสมุฏฐานิกรปู (ท่ีเหลอื เวน โอชา) โอชาท่ีอยูในจตสุ มฏุ ฐานกิ รปู ๗. รปู ชวี ติ นิ ทรยิ ชาติ (๓) รูป คือ รปู ชีวิตนิ ทรีย (ชีวติ รปู ) รปู คอื กมั มชรปู ทเี่ หลอื ซึง่ อยใู น ที่อยใู นกมั มชกลาป ๙ หรือ ๘ กมั มชกลาป ๙ หรือ ๘ (๑๐/๙-ชี.รูป) ท่อี ยูใ นกลาปอนั เดยี วกับปจ จยั ธรรม ๘. ปกตปู นสิ สย- (๒/๑) จิต เจตสกิ รูป ที่มกี ําลงั มากท่เี กิดกอนๆ และ จิต และ เจตสิก ท่เี กิดทีหลงั บญั ญัติ เจตนาทีเ่ กดิ ตา งขณะกันกับปจจยุปบนั นาม (วปิ ากจติ ๓๖ เจตสกิ ๓๘) ๙. นานกั ขณกิ กมั ม- (๑) ซงึ่ ดบั ไปแลว ไดแ ก เจตนากรรม ๓๓ รูป (กมั มชรูป ๒๐) ท่เี กิดขนึ้ (เจตนา->อกุ.๑๒ กุ.๒๑) ทดี่ บั ไปแลว โดยอาศัยกรรมทีด่ ับไปแลว ๙ ชาต=ิ ส(๑๕) อา(๘) นนั (๗/๖) วตั (๖) ฉษ(๔) หา(๓) รปู (๓) ต(ู ๒/๑) นา(๑) ๔. จงแสดงปจ จยั สงเคราะหดังตอ ไปนี้ ? [P] 56 สหชาตชาต๑ิ ๕ ก. อวิชชา เปนปจ จัยชวยอุปการะแกอปญุ ญาภสิ ังขารทเ่ี กิดพรอมกับตน ? 56(4ก/ค) ๔. ข. อวชิ ชา เปนปจ จยั ใหอ ปญุ ญาภสิ งั ขารท่ีเกิดพรอ มกันกับตนไดอ าํ นาจปจ จยั เทา ไร คืออะไร ? [P] 51 ตอบ ข. อวิชชาเปนปจจยั ใหอปญุ ญาภิสงั ขารทเ่ี กดิ พรอมกนั กับตน อวชิ ชา->อปญุ ญาภสิ งั ขาร เกดิ พรอม(สห) ไดอาํ นาจปจจยั ๗ ปจ จัย คอื (ญ๔=ส นิส ถิ อ+อญั ปา สัม วปิ +เห) เห *ธิ สห อัญ *นิส ๑. เหตปุ จจัย ๒. สหชาตปจจยั ๓. อัญญมัญญปจจัย *กํ ปา น.หา *อิน ฌา ๔. นิสสยปจ จยั (สหชาตนสิ สยปจจยั ) ๕. สัมปยุตตปจจยั มคั สมั *วปิ *ถิ *อวิ ๖. อัตถิปจ จยั (สหชาตตั ถปิ จ จัย) ๗. อวคิ ตปจจยั (สหชาตอวคิ ตปจจัย) ๔. ก. อวิชชาที่เปน ออาารัมรมมณณชอ ายตา ิ ง๘เอาใจใสเ ปอาน พธิ ิเณศษู เปน ปจ จัยชว ยอปุ การะแกอปญุ ญาภสิ ังขารนนั้ ไดอาํ นาจปจจยั เทา ไร คืออะไรบา ง ? [P] 57(4ก/ค) ตอบ ก. ไดอ าํ นาจปจจยั ๓ คอื ๑. อารมั มณปจ จยั ๒. อารัมมณาธปิ ตปิ จจยั ๓. อารมั มณปู นสิ สยปจจัย ๔. ใหแสดงอํานาจปจจัยที่เขา กันไดในการชวยอปุ การะดังตอไปน้ี ? [P] อนนั ตรชาติ ๗/๖ ก. อวิชชาเปน ปจจัยชว ยอปุ การะแกอ ปญุ ญาภสิ ังขาร ทเ่ี กดิ ขึน้ ตดิ ตอ กันกับตนโดยไมมี ระหวางคั่นนน้ั ? 48, 52(6ก), 59(5ก) ไดอ าํ นาจปจ จยั เทา ไร คืออะไรบาง? 46(5ก) ตอบ ก. อวชิ ชาเปน ปจ จัยชวยอุปการะแกอปญุ ญาภสิ งั ขารทเ่ี กดิ ข้นึ ตดิ ตอ กนั กบั ตนโดยไมม รี ะหวางค่นั น้ัน ไดอาํ นาจปจ จยั ๖ คอื ๑. อนนั ตรปจ จยั ๒. สมนันตรปจ จัย ๓. อนันตรปู นสิ สยปจ จยั ๔. อาเสวนปจจัย ๕. นัตถิปจจัย ๖. วิคตปจจัย (นํ๕+เส = นํ สนํ รู เส นา น ต) ๒. อวชิ ชา ตามวจนัตถะมีความหมายหลายอยา ง เชน ธรรมชาตทิ เ่ี ปน ไปตรงกนั ขา มกบั ปญ ญา ธรรมชาติท่ี ยอ มไดท ุจรติ ท่ีไมค วรได เปน ตน เมอื่ สรปุ ความแลว หมายความวาอยางไร และอวชิ ชาเปนปจ จยั ชวย อปุ การะแกอ ปญุ ญาภิสงั ขารนัน้ ไดอาํ นาจปจจัยเทาไร คอื อะไรบาง ? [P12, 45] 44 ดาวนโ หลดขอมูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 8 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๒. อวิชชาทง้ั หมดน้ี สรุปความหมายอยางไร สังขารในปฏจิ จสมุปบาทน้ัน หมายความวา อยางไร และอวิชชา เปน ปจจัยชวยอปุ การะแกอปญุ ญาภิสงั ขารนนั้ ไดอ ํานาจปจจัยเทา ไร คอื อะไรบา ง ? [P12, 36, 45] 38 ๔. ก. อวิชชา เปน ปจจัยชวยอุปการะแกอ ปญุ ญาภสิ งั ขาร ไดอํานาจปจ จยั กี่ปจ จยั ? [P12, 36, 45] 61 ตอบ อวชิ ชา เมือ่ สรุปความแลว หมายความวา การไมร ูตามความเปน จรงิ ทค่ี วรรู รูแตส งิ่ ทไี่ มเ ปน ไปตาม ความเปนจรงิ ทไ่ี มควรรู [(38) สงั ขารในปฏจิ จสมปุ บาทนั้น หมายความวา ธรรมท่ีปรงุ แตงใหผลธรรมเกดิ ข้ึน] และ (61) อวิชชา เปน ปจจัยชว ยอปุ การะแก อปุญญาสงั ขารน้นั ไดอ าํ นาจปจ จัย ๑๕ ปจจัย คอื ๑. เหตปุ จ จัย ๒. อารมั มณปจ จัย อวิชชา->อปญุ ญาภสิ งั ขาร (รวม=สห อาธิ นํ) ๓. อธิปตปิ จจยั (อารัมมณาธปิ ตปิ จจัย) ๔. อนันตรปจ จัย เห อา อาธิ นํ สนํ สห ๕. สมนนั ตรปจจัย ๖. สหชาตปจ จยั ๗. อัญญมัญญปจจยั อญั *นิส๘.อ(ุสปหชาปตุ )นิสปสจ ยปจจเสัย ๙. อปุ นสิ สยปจ จยั (ทง้ั ๓ ปจจยั ) ๑๐. อาเสวนปจจัย *กํ ปา หา อนิ ฌา มคั ๑๑. สมั ปยุตตปจจัย ๑๒. อัตถปิ จจยั (สหชาตตั ถิปจจัย) สัม *วปิ *ถิ น ต *อวิ ๑๓. นตั ถปิ จ จัย ๑๔. วิคตปจจัย ๑๕. (สหชาต)อวคิ ตปจจยั [ส๑๕>๗(ญ๔+อัญ สัม+เห), อา๘>อา ธิ ณู, น๖ํ /๗=นํ๕+เส, วัต ปจ หา รู ตู นา)] ๓. คาํ วา สังขาร หมายความวา อยา งไร และสงั ขารทเี่ ปนผลของอวชิ ชานัน้ มีเทา ไร คืออะไรบา ง ใหแสดงองคธ รรมโดยเฉพาะๆ ดว ย ? [P36] 39, 52, 59 ๒. สงั ขารท่ีเปน ผลของอวิชชามกี ่อี ยา ง คืออะไรบา ง? จงแสดงพรอมดวยความหมาย และองคธรรมโดยเฉพาะๆ ? [P36] 41,.47, 55(3) ตอบ (๓.) สงั ขาร หมายความวา ธรรมทปี่ รุงแตง ใหผลธรรมเกดิ ขน้ึ (๒.) สังขารที่เปนผลของอวชิ ชานัน้ มี ๖ อยา ง คือ ๑. ปุญญาภสิ งั ขาร กศุ ลเจตนา เปน ผปู รงุ แตงโลกียกศุ ลวบิ าก และกุศลกมั มชรูปโดยตรง องคธรรมไดแ ก มหากศุ ลเจตนา ๘ รปู าวจรกุศลเจตนา ๕ ๒. อปุญญาภสิ งั ขาร อกศุ ลเจตนา เปน ผปู รงุ แตงอกุศลวบิ าก และอกศุ ลกมั มชรูปโดยตรง องคธ รรมไดแก อกศุ ลเจตนา ๑๒ ๓. อาเนญชาภสิ ังขาร กุศลเจตนาทต่ี ง้ั มนั่ ไมห วนั่ ไหว เปน ผปู รงุ แตง อรปู วบิ ากโดยตรง องคธ รรมไดแก อรปู าวจรกศุ ลเจตนา ๔ ๔. กายสงั ขาร เจตนาท่เี ปนผูปรงุ แตง กายทจุ ริตและกายสจุ รติ ใหสาํ เร็จลง องคธ รรมไดแก อกุศลเจตนา ๑๒ มหากศุ ลเจตนา ๘ ทีเ่ กีย่ วกบั ทางกาย ๕. วจสี งั ขาร เจตนาทเ่ี ปนผปู รุงแตง วจีทจุ รติ และวจีสจุ รติ ใหสาํ เรจ็ ลง องคธรรมไดแก อกศุ ลเจตนา ๑๒ มหากุศลเจตนา ๘ ทเี่ กี่ยวกบั ทางวาจา ๖. จิตตสงั ขาร เจตนาที่เปนผูปรงุ แตง มโนทุจริตและมโนสุจรติ ใหสาํ เรจ็ ลง องคธรรมไดแ ก อกุศลเจตนา ๑๒ โลกียกศุ ลเจตนา ๑๗ ท่เี กย่ี วกับทางใจ ๒. ก. สงั ขารที่เปนผลของอวิชชา ที่มุง หมายเฉพาะในปฎจิ สมุปบาท มกี ่อี ยา ง คืออะไรบา ง? จงแสดงพรอม ดว ยความหมาย และองคธ รรมโดยเฉพาะๆ และจงใหเหตุผลวา ทาํ ไมโลกตุ ตรกศุ ลเจตนาจึงไมจดั เปน ปญุ ญาภสิ งั ขารทแี่ สดงในปฎิจสมุปบาท ? [P36] 61 ตอบ สงั ขาร ทม่ี งุ หมายเฉพาะในปฎจิ สมปุ บาท มี ๓ อยาง คอื (......๑. ปุญ ๒.อปญุ ๓. อาเนญชา) สาํ หรบั โลกุตตรกศุ ลเจตนาไดชอ่ื วา บุญก็จริง แตไ มช ื่อวา ปุญญาภสิ งั ขาร เพราะวาไมม หี นา ท่ที าํ ใหเกดิ ภพชาตทิ ีเ่ ปน สังสารวัฏฏ มหี นาท่ีทําลายภพชาติเทานน้ั ฉะนน้ั จงึ ไมน ํามาแสดงในปฏิจจสมปุ บาทน้ี ๓. จงจาํ แนกกามปฏสิ นธิวญิ ญาณ โดย อปญุ ญาภสิ งั ขาร, ปญุ ญาภิสงั ขารคอื มหากุศลเจตนา ๘ ๑๑ ธ.ค. ๖๑ ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 9 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ใหแ สดงโดยเฉพาะๆ ? [P49-50] 36(4), 51, 56, 60 [กามปฎ.ิ วญิ . ๑๐=ณ- ณ+ ม.วิ.๘] ตอบ จําแนกกามปฏสิ นธิวญิ ญาณ ดังตอ ไปน้ี [..อเหตุก/ทวิ/ตบิ ุ,. โอมกะ-อุกฏั ฐะ] ๑. อปญุ ญาภสิ ังขาร ๑๑ (เวนอทุ ธจั จเจตนา) เปนเหตุ อุเบกขาสนั ตรี ณอกุศลวบิ ากจติ ๑ เปน ผล ใหปฏิสนธใิ นอบายภมู ิ ๔ เปน พวกทคุ ตอิ เหตกุ บคุ คล คือ พวกอบายสตั วทงั้ หลาย ๒. ปุญญาภิสงั ขาร อันไดแ ก มหากุศลทวิเหตกุ โอมกะเจตนา ๔ เปนเหตุ อเุ บกขาสนั ตรี ณกุศลวบิ ากจติ ๑ เปน ผล ใหป ฏสิ นธใิ นมนุษยภมู ิ ๑ จาตุมหาราชิกาภูมิ ๑ เปนพวกสุคตอิ เหตกุ บคุ คล คือ มนุษยแ ละเทวดาชน้ั ตา่ํ ที่พิกลพิการ ใบ บา บอด หนวก เปน ตน [(52) หมายถงึ วา เปน มนษุ ยช ั้นตํา่ ท่ีพกิ ลพิการ ใบ บา บอด หนวก เปนตน และเปนเทวดาชัน้ ตํ่า ไดแ ก วินิปาตกิ อสุรามีรปู รางนาเกลียดนา กลัว ความเปน อยกู ล็ ําบากมากคลายกบั พวกเปรต)] ๓. ปุญญาภิสังขาร อันไดแ ก มหากศุ ลทวิเหตกุ อุกกัฏฐะเจตนา ๔ และตเิ หตกุ โอมกะเจตนา ๔ เปนเหตุ มหาวบิ ากญาณวปิ ปยตุ ตจิต ๔ เปนผล ใหป ฏิสนธิในมนษุ ยภมู ิ ๑ เทวภมู ิ ๖ เปนพวกทวเิ หตกุ บคุ คล คือ มนษุ ยแ ละเทวดาชนั้ กลาง ๔. ปญุ ญาภิสงั ขาร อันไดแก มหากุศลติเหตกุ อุกกัฏฐะเจตนา ๔ เปนเหตุ มหาวบิ ากญาณสมั ปยตุ ตจติ ๔ เปนผล ใหป ฏสิ นธิในมนษุ ยภมู ิ ๑ เทวภูมิ ๖ เปน พวกติเหตกุ บคุ คล คือ มนษุ ยแ ละเทวดาชนั้ สงู ๔. ใหจาํ แนกปฏสิ นธวิ ญิ ญาณ ๙ คือ อุเบกขาสนั ตรี ณกศุ ลวิบาก ๑ มหาวบิ าก ๘ โดย ปญุ ญาภสิ งั ขาร คือ มหากศุ ลเจตนา ๘ มาโดยเฉพาะ ๆ ? [P49-50] 52 ตอบ ๑. ปญุ ญาภสิ ังขาร อันไดแก มหากุศลทวเิ หตกุ โอมกเจตนา ๔ เปน เหตุ ฯ ...... ๒. ปุญญาภิสงั ขาร อันไดแ ก มหากศุ ลทวิเหตุกอกุ กฏั ฐะเจตนา ๔ และตเิ หตกุ โอมกเจตนา ๔ เปน เหตุ ฯ ๓. ปุญญาภสิ งั ขาร อันไดแก มหากศุ ลตเิ หตุกอกุ กัฏฐะเจตนา ๔ เปนเหตุ ฯ ...... ดูคําตอบดานบน ๓. จงจาํ แนก ปวตั ติวิญญาณ ทเี่ กดิ ขน้ึ โดยอาศัย ปุญญาภิสังขาร ๑๓ เปน เหตุ ? [P50-51] 54 ตอบ จาํ แนกไดด งั ตอ ไปนี้ [ปวตั ติวญิ . ไมแ สดงปฎสิ นธิจติ ] ๑. ปุญญาภิสงั ขาร อนั ไดแ ก มหากุศลเจตนา ๘ เปน เหตุ อเหตกุ กุศลวบิ าก ๘ ไดแ ก การเห็น การไดยนิ การไดก ลิน่ การรรู ส การถกู ตอง การรบั อารมณ การไตส วนอารมณ และการรบั อารมณต อ จากชวนะทด่ี ี เปนผล ในกามภูมิ ๑๑ ๒. ปญุ ญาภสิ ังขาร อนั ไดแ ก มหากศุ ลเจตนา ๘ เปน เหตุ มหาวบิ าก ๘ ไดแ ก การรับอารมณต อจากชวนะทดี่ ี เปนผล ในกามสคุ ติภมู ิ ๗ ๓. ปุญญาภิสังขาร อันไดแ ก มหากศุ ลเจตนา ๘ เปนเหตุ อเหตกุ กุศลวบิ าก ๕ ไดแ ก การเห็น การไดยนิ การรบั อารมณ การไตส วนอารมณท ี่ดเี ปนผล ในรูปภมู ิ ๑๕ ๔. ปุญญาภสิ ังขาร อนั ไดแก รปู าวจรกศุ ลเจตนา ๕ เปนเหตุ รปู าวจรวิบาก ๕ ไดแ ก การรกั ษาภพ เปนผล ในรูปภมู ิ ๑๕ ๔. จงแสดงอํานาจปจ จัย ทเ่ี ขากันไดใ นการชวยอปุ การะดังตอไปน?้ี (ขา มชาติ ขามวิถี) ง. สงั ขารท้ัง ๓ เปน ปจจัยชวยอุปการะแกว ปิ ากวญิ ญาณ ? [P53] 45, 53, 60(5) ๑. สงั ขาร ๓ เปน ปจจยั ชว ยอปุ การะแกว ปิ ากจิต ? [P53] 50(ก-๑) ตอบ ง. ไดอ ํานาจปจจัย ๒ คือ ๑) ปกตูปนสิ สยปจ จัย ๒) นานักขณกิ กัมมปจจัย ๑. ค. จงแสดงประเภทวญิ ญาณทเี่ ปนเหตขุ องนามรูปพรอ มดวยองคธรรม ? [P53] 51 ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพ่มิ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 10 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๕. ก. วิญญาณทเ่ี ปนเหตขุ องนามรปู มีก่อี ยาง อะไรบาง ? จงแสดงพรอ มองคธ รรม วญิ ->นามรปู และคาํ วา นามรูป นนั้ นามรูปไดแ กอ ะไรบา ง ? [P53] xx, 61 (3ข) ตอบ ค. วญิ ญาณ ทเี่ ปน เหตใุ หเกดิ นามรปู น้ัน มี ๒ อยา ง คอื ๑. วิปากวญิ ญาณ องคธ รรมไดแก โลกยี วปิ ากจติ ๓๒ ๒. กัมมวิญญาณ องคธ รรมไดแ ก อกุศลจติ มหากุศลจติ รูปาวจรกุศลจติ ทปี่ ระกอบกับ กศุ ล อกุศลเจตนา ทใี่ นอดีตภพ และคาํ วา นามรปู นัน้ นาม ไดแก เจตสิก ๓๕ ทปี่ ระกอบกบั โลกยี วิปากจิต ๓๒ รูป ไดแ ก ปฏิสนธกิ มั มชรปู ปวตั ตกิ มั มชรูป จติ ตชรปู ๒. ข. วิญญาณเปน ปจ จยั อปุ การะแกน ามในอรปู ภมู ิ และปญจโวการภมู ิ แสดงไวอ ยา งไร จงแสดงมาดู ? [P55-56] 53 ตอบ ข. วญิ ญาณเปนปจ จัยชว ยอุปการะแกนามในอรูปภูมิ คอื อรูปวปิ ากจติ ๔ เปนปจจยั ชว ยอุปการะแกเ จตสิก ๓๐ ท้ังในปฏิสนธกิ าล และปวตั ติกาล ในอรปู ภูมิ ๔ วิญญาณเปนปจ จัยชว ยอุปการะแกนามในปญจโวการภมู ิ คือ ทวปิ ญจวิญญาณจิต ๑๐ เปนปจจัย ชว ยอุปการะแกสัพพจิตตสาธารณเจตสิก ๗ ในปวตั ติกาลเทา นั้น ในปญ จโวการภมู ิ ๒๖ ตามสมควร ๔. จงแสดงอาํ นาจปจ จยั ทเี่ ขากันไดใ นการชวยอปุ การะดงั ตอ ไปนี้ ? 54 ก. ปฏสิ นธิวิญญาณ เปนปจ จยั ชว ยอุปการะแกห ทยวตั ถุ (รปู ) ? [P57] 40(3ก), 50(7ก-๒), 54 ๓. ข. ปฏสิ นธวิ ิญญาณ เปน ปจ จัยชวยอุปการะแกห ทยวตั ถรุ ปู นั้นไดอ าํ นาจปจ จยั เทา ไร คืออะไรบาง ? [P57] 45, 58, 61(6ก/ค) (นาม->ปฏ.ิ กาล=สห=ญ๔+อญั ปา วิป+หา อนิ ) ปฏสิ นธวิ ิญญาณ->หทยวตั ถุ (นาม->รูป) ตอบ ก. ปฏสิ นธิวญิ ญาณเปนปจจยั ชวยอุปการะแกหทยวตั ถรุ ปู เห *ธิ สห อัญ *นิส *กํ ปา น.หา *อนิ ฌา ไดอ ํานาจปจ จัย ๙ คือ ๑. สหชาตปจ จัย ๒. อัญญมญั ญปจ จัย ๓. นิสสยปจจยั (สหชาตนิสสยปจจัย) มัค สัม *วิป *ถิ *อวิ ๔. วปิ ากปจจยั ๕. อาหารปจจยั (นามอาหารปจจยั ) ๖. อนิ ทรยิ ปจจัย (สหชาตนิ ทรยิ ปจจยั ) ๗. วปิ ปยตุ ตปจ จยั (สหชาตวิปปยตุ ตปจ จยั ) ๘. อตั ถิปจจยั (สหชาตตั ถปิ จ จยั ) ๙. อวคิ ตปจจยั (สหชาตอวคิ ตปจจยั ) (ญ๔+อัญ ปา วปิ +หา อิน) ๔. ข. นาม คอื วริ ิยะ สติ ปญ ญา ท่ปี ระกอบกบั โลกียวบิ าก เปนปจ จัยชวยอปุ การะแกม นายตนะ ไดแ ก โลกยี วิบากทเี่ กดิ พรอ มกันกับตนน้ัน ไดอ าํ นาจปจจยั เทา ไร คอื อะไรบาง ? [P61(7)] 57(4ข/ค) ตอบ ข. ไดอาํ นาจปจ จัย ๙ คือ (นาม->นาม=สห=ญ๔+อัญ ปา สัม+อนิ มคั ) วริ ยิ ะ สติ ปญ ญา->โลกียวบิ าก เกดิ พรอ ม ๑. สหชาตปจจยั ๒. อัญญมัญญปจจยั ๓. สหชาตนิสสยปจ จยั ๔. วิปากปจจัย ๕. สหชาตนิ ทรยิ ปจ จัย ๖. มัคคปจจยั เห *ธิ สห อญั *นิส ๗. สมั ปยุตตปจจยั ๘. สหชาตอตั ถิปจจยั ๙. สหชาตอวิคตปจ จยั *กํ ปา น.หา *อิน ฌา มคั สมั *วิป *ถิ *อวิ ๔. จงแสดงอาํ นาจปจ จัยที่เขา กันได ในการชว ยอปุ การะดังตอ ไปนี้ ? ก. นามคอื เอกัคคตาทีป่ ระกอบกับโลกียวิบาก เปน ปจ จัยชวยอุปการะแกม นายตนะ ซ่ึงไดแ กโ ลกียวิบาก ที่เกดิ พรอมกันกบั ตน ? [P61(8)] 49, 58(4ข) เอกคั คตา->มนายตนะ (นาม->นาม) ตอบ ก. ไดอ ํานาจปจจยั ๑๐ คือ ๑. สหชาตปจ จยั ๒. อญั ญมญั ญปจ จยั เห *ธิ สห อัญ *นิส ๓. สหชาตนิสสยปจ จัย ๔. วปิ ากปจ จัย ๕. สหชาตนิ ทริยปจจยั *กํ ปา น.หา *อนิ ฌา ๖. ฌานปจ จยั ๗. มัคคปจ จยั ๘. สมั ปยุตตปจ จัย มคั สัม *วิป *ถิ *อวิ ๙. สหชาตัตถปิ จจัย ๑๐. สหชาตอวคิ ตปจจัย (ญ๔+อญั ปา สัม+อิน ฌา มคั ) ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท 11 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๔. ข. นามคอื เจตสิกขนั ธ ๓ ท่ีประกอบกบั ปญจโวการวิบากเปน ปจ จัยชว ยอปุ การะแกป ญจายตนะ ในปวัตตกิ าลแหงปญจโวการภูมิ ? [P61(10)] 43(4ข), 47(3ข), 48(4ค), 52(6ค), 55(4ก), 59(5ค), 61(4ค) ตอบ ข. นามคอื เจตสิกขันธ ๓ ทปี่ ระกอบกับปญ จโวการวบิ าก เปน ปจ จยั ชว ยอุปการะแกปญจายตนะ ในปวตั ตกิ าลแหงปญจโวการภมู ิน้นั ไดอ าํ นาจปจจยั ๔ คือ ๑. ปจฉาชาตปจ จยั ๒. ปจ ฉาชาตวิปปยุตตปจ จัย (นามล->รปู ก=ฉา๔= ฉา วปิ ถิ อ) ๓. ปจฉาชาตตั ถปิ จ จยั ๔. ปจ ฉาชาตอวคิ ตปจ จัย ๔. ค. รูป คือ หทยวัตถทุ ี่เกดิ กอ นและกําลงั ต้งั อยู เปน ปจ จยั ชว ยอุปการะแกมนายตนะซงึ่ ไดแก ปญ จโวการวิบาก ๑๘ (เวนทวิ ๑๐) ในปวัตตกิ าลแหง ปญจโวการภมู ิ ? [P62(12)] 49, 57(4ค/ค) ไดอ าํ นาจ ปจจยั เทา ไร คอื อะไรบา ง ? 61(6ข/ค) ตอบ ค. ไดอ ํานาจปจจัย ๕ คอื ๑. วัตถปุ ุเรชาตนสิ สยปจจัย ๒. วัตถปุ ุเรชาตปจ จยั (รูปก->นามล, ≠อินทรยี ) ๓. วตั ถปุ ุเรชาตวปิ ปยตุ ตปจ จัย ๔. วตั ถุปเุ รชาตัตถปิ จ จัย ๕. วตั ถปุ เุ รชาตอวิคตปจ จัย (ถุ=ถุนสิ ถุปุ อนิ ถุวปิ ถุถิ ถุอ) ๔. จงแสดงอาํ นาจปจ จัยท่เี ขา กันไดในการชวยอปุ การะดังตอไปน?ี้ 54 (วัตถุปเุ รชาตชาติ=รูปก->นามล) ข. รปู คือ จกั ขายตนะ ทเ่ี กิดกอ นและหลังตงั้ อยู เปน ปจจัยชว ยอุปการะแกม นายตนะ ซึง่ ไดแ ก จกั ขวุ ญิ ญาณจิต ๒ ในปวัตติกาล แหง ปญจโวการภมู ินั้น ? [P62(13)] 54, 56(4ข/ค) ๔. ข. รปู คอื ปญจายตนะ ทเี่ กดิ กอนและกําลงั ต้ังอยู เปน ปจ จยั ชว ยอุปการะแกม นายตนะ ซ่ึงไดแ กท วิปญจวิญญาณจิต ๑๐ ในปวตั ตกิ าลแหง ปญจโวการภูมิ ? [P62(13)] 53, 55(4ข), 60(5) ๔. ค. จักขายตนะ เปน ปจจยั ชวยอปุ าการะแกจ ักขสุ ัมผสั สะ ? [P62(13)] 45 ๓. ก. โสตายตนะ เปนปจจยั ชวยอปุ การะแกโ สตสมั ผสั สะ ? [P] 40(3ก), 50(7ก-๓), 58(4ค) (ถ๕ุ =6=ถุนสิ ถุปุ อนิ ถุวิป ถุถิ ถุอ) ตอบ ข./ค. ไดอาํ นาจปจจัย ๖ คอื ๑. วตั ถปุ ุเรชาตนิสสยปจจยั ๒. วตั ถปุ ุเรชาตปจจยั ๓. ปุเรชาตินทรยิ ปจ จยั ๔. วัตถุปุเรชาตวิปปยุตตปจ จัย ๕. อตั ถิปจจัย (วตั ถปุ เุ รชาตตั ถิปจจยั ) ๖. อวิคตปจจัย (วตั ถปุ เุ รชาตอวคิ ตปจ จัย) ๔. จงแสดงอาํ นาจปจ จยั ท่ีเขา กนั ไดในการชวยอุปการะดงั ตอ ไปน?้ี (หา๓=รปู หา หาถิ หาอ) ข. กมั มชโอชา เปนปจ จัยชวยอปุ การะแกปญ จายตนะ ? [P63(16)] 45 ตอบ ข. ไดอาํ นาจปจ จัย ๓ คอื ๑. รปู อาหารปจ จัย ๒. อัตถิปจ จัย (อาหารตั ถิปจจัย) ๓. อวคิ ตปจ จยั (อาหารอวิคตปจ จยั ) ๓. ก. จงจําแนกผสั สะ ๖ โดยภูมิ ? [P67] 48, 51(2ข) ข. จักขสุ ัมผสั สะจะเกิดข้นึ ไดต อ งอาศัยอายตนะกี่อยาง คืออะไรบาง ใหแ สดงองคธ รรมดว ย ? [P] 48 ๓. ข. ผัสสะ ๖ เม่ือจาํ แนกโดยภมู ิ ๓๐ (เวน อสญั ญสตั ตภมู )ิ นนั้ ในภูมิไหน ผสั สะเกดิ ข้นึ ไดเ ทา ไร คอื อะไรบา ง ? [P67] 57(3ข) ตอบ ก. จาํ แนกผัสสะ ๖ โดยภมู ิ / จําแนกได ดังนี้ ในกามภูมิ ๑๑ ผสั สะ ๖ ยอมเกิดขึ้นได ในรปู ภูมิ ๑๕ (เวน อสัญญสัตตภมู )ิ ผสั สะยอ มเกดิ ได ๓ คอื จักขุสัมผัสสะ โสตสัมผสั สะ มโนสมั ผัสสะ ในอรูปภมู ิ ๔ ผสั สะยอมเกดิ ได ๑ คือ มโนสมั ผสั สะ 57(3ข) สวนในอสญั ญสัตตภูมนิ น้ั ผสั สะทงั้ หมดยอ มเกิดไมได เพราะไมมอี ัชฌตั ตกิ ายตนะ ๖ เกิดในภูมนิ ้ี ข. จักขุสมั ผัสสะจะเกิดข้ึนไดต องอาศัยอายตนะ ๔ อยา ง คือ ๑. จักขายตนะ ไดแ ก จักขุปสาท ๓. มนายตนะ ไดแก จักขุวิญญาณ ๒. รปู ายตนะ ไดแก รปู ารมณ ๔. ธมั มายตนะ ไดแ ก สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๖ (เวน ผัสสะ) ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 12 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน เพราะรูปารมณ (รูปายตนะ) มา, จกั ขปุ สาท (จกั ขายตนะ ตง้ั ดอี ย)ู จติ จึงไปอาศยั เกดิ เปน จักขวุ ิญญาณจิต (มนายตนะ) + ผสั สะ รบั กระทบ เพอื่ รับรสู ัททารมณนนั้ ๆ โดยมเี จตสิกเกดิ รว มดวย อีก ๖ ดวง คอื สพั .๖–ผสั สะ (ธมั มายตนะ) ๕. ข. โสตสมั ผสั สะจะเกดิ ข้นึ ไดต องอาศัยอายตนะกอี่ ยา ง คอื อะไรบา ง ใหแสดงองคธรรมดวย ? [P] ตอบ ข. ตอ งอาศัยอายตนะ ๔ อยา งคอื ๑. โสตายตนะ ไดแ ก โสตปสาท ๒. สัททายตนะ ไดแ ก สัททารมณ ๓. มนายตนะ ไดแ ก โสตวิญญาณ ๔. ธมั มายตนะ ไดแ ก สพั พจติ ตสาธารณเจตสกิ ๖ (เวน ผสั สะ) เพราะสัททารมณ (สัททายตนะ) มา, โสตปสาท (โสตายตนะ ต้งั ดอี ย)ู จิตจงึ ไปอาศัยเกดิ เปน โสตวิญญาณจิต (มนายตนะ) +ผัสสะ รบั กระทบ เพือ่ รับรสู ทั ทารมณน ัน้ ๆ โดยมีเจตสกิ เกิดรวมดว ย อกี ๖ ดวง คอื สพั .๖–ผัสสะ (ธัมมายตนะ) ๓. ใหแ สดงอาํ นาจปจจัย ทีเ่ ขา กันไดในการชว ยอุปการะดังตอไปน้ี ? 43(4), 47, 53 ก. ผสั สะทั้ง ๖ เปนปจ จยั ชว ยอุปการะแก เวทนาทงั้ ๖ ? [P72] 43(4), 47, 55(4ค) ข. จกั ขสุ มั ผัสสะ เปน ปจ จัยชว ยอปุ การะแก จักขสุ มั ผสั สชาเวทนา ? [P72-ประยุกต] 48, 52(6ข), 59(5ข) ค. กายสมั ผสั สะ เปน ปจ จัยชว ยอปุ การะแก กายสัมผสั สชาเวทนา ? [P72-ประยกุ ต] 53, 60(5) ตอบ ก. /ข. /ค. (ลอกโจทยล งมา) ไดอํานาจปจ จยั ๘ คอื ...ผสั สะ..->...เวทนา.. (นาม->นาม) ๑. สหชาตปจ จัย ๒. อัญญมญั ญปจ จัย ๓. สหชาตนิสสยปจ จัย เห *ธิ สห อญั *นิส ๔. วิปากปจจัย ๕. นามอาหารปจจัย ๖. สมั ปยตุ ตปจจัย *กํ ปา น.หา *อนิ ฌา ๗. สหชาตตั ถปิ จจยั ๘. สหชาตอวคิ ตปจจัย (ญ๔+อัญ ปา สมั +หา) มัค สัม *วปิ *ถิ *อวิ ๒. ตณั หาทช่ี อื่ วาธมั มตัณหาน้ัน มงุ หมายเอาในขณะมคี วามยนิ ดพี อใจ หรือในขณะทนี่ กึ ถึงอะไร ? [P75] 43 ตอบ ตณั หาทช่ี ือ่ วา ธมั มตณั หานัน้ มงุ หมายเอาในขณะมีความยินดีพอใจ หรือในขณะนึกถงึ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทฏิ ฐิ เปน ตน ทเี่ ปนฝา ยอกุศล และนกึ ถึง ศรัทธา วริ ยิ ะ สติ สมาธิ ปญ ญา ฌาน อภญิ ญา เปนตน ทเ่ี ปน ฝายโลกยี กศุ ลและกรยิ า หรอื นกึ ถึง การเหน็ การไดยนิ การไดก ลน่ิ การรรู ส การถกู ตอง การนอนหลบั ที่ เปนฝา ยกามวบิ าก หรอื นกึ ถงึ ปสาทรปู สขุ มุ รปู และบญั ญตั ิตางๆ เหลา น้ี แลวมคี วามยนิ ดพี อใจเกิดขนึ้ เรียกวา ธัมมตัณหา ๔. จงแสดงอาํ นาจปจจัยทเี่ ขากันไดใ นการชว ยอปุ การะดังตอไปน?้ี 45 ง. เวทนา เปน ปจ จัยชวยอปุ การะแกต ัณหา ? [P80] 45 ตอบ ง. เวทนา เปนปจ จัยชว ยอปุ การะแกตัณหาไดอ ํานาจปจจัย ๑ คอื ปกตปู นสิ สยปจ จยั ๓. ถามีผกู ลาววา รปู ตณั หาน้ี เปน กามตัณหากไ็ ด เปน ภวตัณหาก็ได เปนวภิ วตณั หาก็ไดดงั น้ี ทา นจะคัดคา น หรือ เหน็ ดวยประการใด ใหแสดงมาตามความเปนจรงิ ? [P] 46 ตอบ ขาพเจาเห็นดว ยทกุ ประการ เพราะวา รปู ตัณหา กเ็ ปน กามตัณหาสว นหนงึ่ ในกามตณั หาท้ังหลาย หมายถึงวา กามตัณหา ก็ไดแ ก ความยินดตี ดิ ใจในรปู หรอื รปู ารมณ ทเ่ี กีย่ วกับกามคณุ อยา งหนึง่ ในกามคณุ ทัง้ ๕ แตไ มป ระกอบดวยสสั สสตทฏิ ฐิ และอุจเฉททิฏฐิ รูปตัณหาน้ีแหละ ก็เปน ภวตณั หาสว นหนง่ึ ในภวตณั หาทัง้ หมด หมายถึงวา ภวตัณหา ก็ไดแ ก ตัณหา ทเ่ี กิดพรอ มดว ย สสั สตทิฏฐิ โดยอาศัยรปู หรือรปู ารมณ กลาวคอื ผทู มี่ ีความเหน็ วา รูปหรอื รปู ารมณท ี่ตนกาํ ลงั ไดร บั อยนู ้ี ตงั้ อยเู ปน นจิ ไมเ ขาใจวามกี ารเกิดดบั รปู ตณั หานแ้ี หละ กเ็ ปน วิภวตณั หาสวนหนึ่ง ในวภิ วตัณหาท้งั หมด หมายถงึ วา วภิ วตณั หา กต็ ัณหาท่ี เกิดพรอมกนั กบั อุจเฉททฏิ ฐิ โดยอาศัยรปู หรือรปู ารมณ กลาวคอื ผูท ่ีมคี วามเห็นวา รปู หรือรปู ารมณ ซึง่ ไดแ ก สง่ิ ท่มี ชี วี ติ และไมมชี วี ติ ทง้ั หลายในโลกน้ี มตี ัวมตี นอยู และตวั ตนนไ้ี มส ามารถตง้ั อยไู ดต ลอด ยอ มสญู หายไป ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 13 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน แลวมคี วามยนิ ดตี ดิ ใจในรปู ารมณน ัน้ ๓. จงแสดงลกั ขณาทจิ ตุกกะ (จงแสดงลกั ษณะ รส ปจ จปุ ฏฐาน ปทัฏฐาน) ของอวชิ ชา และตัณหา มาให ถกู ตอง ? [P35, 80] 49, 55(2ข) ตอบ แสดงลักขณาทิจตกุ ะ (แสดงลักษณะ รส ปจ จปุ ฏฐาน ปทัฏฐาน) ของตณั หา คอื ๑. เหตลุ กขฺ ณา มีการเปนเหตขุ องทุกขท ั้งปวง เปนลกั ษณะ ๒. อภินนทฺ นรสา มีความยนิ ดพี อใจในอารมณภมู ิและภพ เปน กจิ ๓. อตติ ตฺ ภาวปจฺจุปฏ านา มคี วามไมอ ม่ิ ในอารมณต า งๆ ของจติ หรอื บุคคล เปน อาการปรากฏ ในปญญาของบณั ฑิตทัง้ หลาย ๔. เวทนาปทฏ านา มเี วทนา เปน เหตุใกล ๔. จงแสดงอํานาจปจ จยั ทเ่ี ขา กันได ในการชว ยอุปการะดังตอไปน้ี ? [P111(1)] 49 ดับแลว ขา มวถิ ี ง. ตณั หาที่เกดิ กอน ๆ เปนปจ จัยอุปการะแกกามุปาทานทเ่ี กดิ หลัง ๆ ? [P111(1)] 49 ท่ีเกิด ๆ ไดห อํานาจปจจัย กป่ี จจัย ? [P111(1)] 61 ตอบ ไดอาํ นาจปจจยั ๑ คอื ปกตูปนสิ สยปจ จัย ๕. ข. ภวะ แบง ออกเปน กอี่ ยา งคอื อะไรบาง ใหแ สดงความหมายและองคธรรมดว ย ? [P111] 58 ๔. ภวะมกี ี่อยา ง คอื อะไรบาง ใหแ สดงท้ังธมั มาธิษฐานและปคุ คลาธษิ ฐาน ? [P111-112] 46 ตอบ (ข.) ภวะมีอยู ๒ อยาง คอื ๑. กัมมภวะ การปรุงแตง ท่ีทําใหผ ลเกิดขน้ึ วา โดยธมั มาธิษฐาน ไดแ ก อกุศลเจตนา ๑๒ โลกยี กุศลเจตนา ๑๗ รวมเจตนา ๒๙ ๒. อปุ ปต ตภิ วะ ผลทเ่ี กิดขึน้ ในภพนนั้ ๆ โดยอาศยั กมั มภวะ วา โดยธมั มาธษิ ฐาน ไดแ ก โลกียวปิ ากจติ ๓๒ เจตสกิ ๓๕ กัมมชรปู ๒๐ (46) เม่อื วา โดยปุคคลาธิษฐานแลว กมั มภวะ ไดแ ก การกระทาํ ดวย กาย วาจา ใจ ในสิ่งที่ดีและไมดี อปุ ปตติภวะ ของบุคคลทวั่ ไป (ยกเวน พระอรหันต) ไดแ ก สัตวทง้ั หลายทอ่ี ยูใน ๓๑ ภูมิ พรอมทั้งการเหน็ การไดย นิ การไดก ลนิ่ การรรู ส การสัมผัส การนอนหลบั ๓. อปุ ปต ตภิ วะ ๙ เมอ่ื ยอ ลงแลว ไดเทาไร คอื อะไรบา ง ? และกมั มภวะกับอุปปต ตภิ วะทั้ง ๒ น้ี เปน เหตเุ ปน ผลซงึ่ กันและกนั ไดนน้ั เปนไดอ ยางไร ? ใหอ ธิบายพอเขา ใจ ? [P115] 43 ตอบ อปุ ปต ติภวะ ๙ เมอ่ื ยอ ลงแลวได ๓ คือ ๑. กามภวะ ๒. รูปภวะ ๓. อรปู ภวะ และกมั มภวะกบั อุปปตตภิ วะทัง้ ๒ น้ี เปน เหตเุ ปนผลซงึ่ กันและกันไดน นั้ กลาวคอื ถา กลา วถงึ กาลที่ เปน อนาคตแลว กมั มภวะเปนเหตุ อปุ ปต ตภิ วะเปน ผล หมายความวา สัตวท งั้ หลายที่เปน อปุ ปตตภิ วะนั้น จะ ปรากฏข้ึนไดก็เพราะอาศัยการกระทําตางๆ ดวยกาย วาจา ใจ ซง่ึ เปน อกศุ ลกมั มภวะ และโลกียกศุ ลกัมมภวะ เปนเหตุ นจี้ ัดเปนชนกเหตุ ถากลา วถึงกาลทเี่ ปน ปจจบุ นั แลว อปุ ปตตภิ วะเปนเหตุ กัมมภวะเปนผล เพราะการงานทงั้ หลายทเ่ี กี่ยว ดว ยกาย วาจา ใจ (กัมมภวะ) จะปรากฏขนึ้ ได กต็ อ งอาศัยสตั วท ง้ั หลาย ซงึ่ เปนอปุ ปตตภิ วะเปน เหตุ ๓. จงแสดงลกั ขณาทิจตุกกะ ของอวิชชา และ กัมมภวะ ? [P35, 121] 45(3ก) ตอบ แสดงลกั ขณาทจิ ตกุ ะ (แสดงลกั ษณะ รส ปจจปุ ฏฐาน ปทัฏฐาน) ของกัมมภวะ ดงั น้ี ๑. กมฺมลกฺขโณ มคี วามเปน กรรม เปนลักษณะ ๒. ภาวนรโส มีการทาํ ใหเกดิ เปน กิจ (กจิ จรส) ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 14 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๓. กสุ ลากุสลปจจฺ ปุ ฏ าโน มีความเปนกุศลอกศุ ล เปนอาการปรากฏ ในปญ ญาของบณั ฑิตท้งั หลาย ๔. อุปาทานปทฏ าโน มีอุปาทาน เปนเหตใุ กล ๕. ข. กามุปาทานเปนปจจยั ชว ยอปุ การะแก กมั มภวะที่ประกอบกับตนนั้น ไดอาํ นาจปจ จัยเทา ไร คืออะไร ? [P122(1)] 46 โล ทิ->นาม ประกอบกบั ตน (สห) ตอบ ข. กามุปาทาน เปน ปจจยั ชว ยอปุ การะแก กัมมภวะ เห *ธิ สห อญั *นิส ทป่ี ระกอบกบั ตนนนั้ ไดอ าํ นาจปจจยั ๗ ปจจัย คอื *กํ ปา น.หา *อิน ฌา ๑. เหตปุ จจัย ๒. สหชาตปจ จัย ๓. อัญญมญั ญปจจัย มคั สมั *วิป *ถิ *อวิ ๔. นิสสยปจ จัย (สหชาตนิสสยปจจัย) ๕. สมั ปยุตตปจ จัย ๖. อตั ถปิ จจยั (สหชาตตั ถปิ จ จัย) ๗. อวคิ ตปจจยั (สหชาตอวคิ ตปจ จัย) (สห.=ญ๔+อญั สมั +เห) ๔. จงแสดงปจ จัยสงเคราะหด งั ตอไปนี้ / จงแสดงอาํ นาจปจจยั ท่เี ขา กันได ในการชว ยอปุ การะดังตอไปนี้ ? ก. อุปาทานท้ัง ๔ เปน ปจ จัยชวยอปุ การะแกก ัมมภวะ ทเ่ี กิดขึ้นตดิ ตอกันกับตน (นํ๕+นํ สนํ รู เส นา น ต) โดยไมมีระหวา งคั่น ? [P122(3)] 53, 56(4ค/ค), 58, 60(5), 61(4ข) ข. อปุ าทาน ๔ อยางใดอยา งหน่งึ เปนอารมณอยา งเอาใจใสเปน พเิ ศษ (อา ธิ ณู) เปนปจจยั ชว ยอปุ การะแกก ุศลอกุศลกัมมภวะ ? [P123(6)] 43(4ค), 47(3ค), 49 ง. ตัณหาท่เี กดิ กอ น ๆ เปน ปจจยั อุปการะแกก ามปุ าทานท่ีเกิดหลัง ๆ ? [P111(1)] 49 (ไมม ีอะไร ไดปกตู) ตอบ ก. ไดอาํ นาจปจจยั ๖ คือ ๑) อนนั ตรปจ จยั ๒) สมนนั ตรปจ จยั ๓) อนนั ตรปู นสิ สยปจ จยั ๔) อาเสวนปจจยั ๕) นตั ถปิ จจยั ๖) วคิ ตปจจัย ข. อุปาทาน ๔ อยางใดอยางหนง่ึ เปนปจ จัยชว ยอปุ การะแกกุศลอกศุ ลกัมมภวะนั้น ไดอาํ นาจปจ จยั ๓ คือ ๑. อารมั มณปจจยั ๒. อารัมมณาธปิ ติปจจยั ๓. อารมั มณูปนิสสยปจ จัย ง. ไดอ าํ นาจปจจัย ๑ คือ ปกตูปนิสสยปจ จยั ๔. ชาติ ในบท ภวปจจฺ ยาชาตนิ ้ัน มุง หมายอะไร? เมื่อวา โดยกําเนดิ และวา โดยขนั ธแลว มีเทาไรคอื อะไรบาง ใหแ สดงความหมายดว ย และคําวาชาตนิ ค้ี ือการเกดิ ของสตั วในท่ีไหนใหอ ธบิ าย ? [P125] 39(5), 44 ตอบ ชาตใิ นบทภวปจ จยาชาตินี้ มงุ หมายเอาปฏิสนธชิ าตเิ ทานนั้ เมื่อวา โดยกําเนิดมี ๔ คือ ๑. ชลาพุชชาติ = การเกดิ ข้นึ ในมดลูก ๓. สังเสทชชาติ = การเกดิ ขึน้ ในที่ทม่ี ียาง ๒. อณั ฑชชาติ = การเกดิ ขึ้นในฟอง ๔. โอปปาตกิ ชาติ = การเกิดผดุ โตขึ้นทันที วาโดยขนั ธมี ๓ คอื ๑. ปญ จโวการชาติ = การเกดิ ข้นึ ของขันธ ๕ ๒. จตโุ วการชาติ = การเกดิ ขึ้นของนามขนั ธ ๔ ๓. เอกโวการชาติ = การเกดิ ข้นึ ของรปู ขันธอยา งเดยี ว และคาํ วา ชาติ นี้คอื การเกิดขึ้นของสตั วท ง้ั หลายใน ๓๑ ภมู ิ โดยประการตา งๆ มพี วกอบายสตั ว มนษุ ย เทวดา พรหม เหลา นี้ กโ็ ดยเนอ่ื งมาจากกัมมภวะ คอื การกระทาํ ดว ยกายวาจาใจ ท่ีเปน กศุ ลบางอกศุ ลบางนนั้ เอง ฉะนน้ั จงึ เหน็ ไดว า สัตวท ัง้ หลายในโลกนี้ ไมมีใครเปน ผสู ราง นอกจาก กุศลกรรม อกศุ ลกรรม เทา นนั้ ๔. ง. กมั มภวะ เปน ปจ จัยชว ยอุปการะแกช าติ ? [P126] 48, 52(6ง), 58(4ง), 59(5ง), 61(6ค) ตอบ ง. ไดอ าํ นาจปจจยั ๒ คือ ๑. ปกตปู นิสสยปจจัย ๒. นานกั ขณิกกมั มปจ จยั ๓. ก. จงแสดงลักขณาทจิ ตกุ ะของอวิชชา และอปุ ายาสะ มาใหครบ ? [P35, 144] 44, 50, 58 ๕. ข. อุปายาสะ แปลวา อยา งไร และมีลกั ขณาทจิ ตุกกะวาอยางไร ? [P144] 57(5ข) ตอบ 57(5ข) ข. อุปายาสะ แปลวา ความลาํ บากใจอยา งหนกั หรอื ความคับแคน ใจ ดาวนโ หลดขอ มูลตางๆไดจ าก ขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 15 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน แสดงลกั ขณาทิจตกุ ะ (แสดงลกั ษณะ รส ปจ จปุ ฏฐาน ปทฏั ฐาน) ของอุปายาสะ ดงั น้ี ๑. จติ ฺตปริทหนลกฺขโณ มีการเผาจิตอยา งหนัก เปน ลักษณะ ๒. นติ ถฺ ุนนรโส มกี ารทอดถอนใจ เปนกจิ ๓. วิสาทปจฺจปุ ฏ าโน มีกายและใจขาดกําลงั ลง เปนอาการปรากฏในปญ ญาของบัณฑิตทงั้ หลาย ๔. หทยวตถฺ ปุ ทฏ าโน มีหทัยวตั ถุ เปนเหตุใกล ๕. ก. พระสัมมาสมั พทุ ธเจาทรงแสดงปฏิจจสมุปบาทไวในสงั ยุตตนกิ ายมกี นี่ ยั คืออะไรบา งใหแ สดงพรอ มดวยความหมาย ? [P149] 58 ตอบ ก. การแสดงปฏจิ จสมุปบาทของพระสัมมาสมั พุทธเจา ในสงั ยตุ ตนกิ ายนน้ั มีประเภทแหง การแสดงเปน ๔ นยั คือ ๑. แสดงจากตนไปถงึ ปลาย คือ ตง้ั แตอวชิ ชาไปตามลาํ ดับจนถงึ ชรามรณะเปนที่สดุ เรียกวา อาทปิ รโิ ยสานอนุโลมเทศนา ๒. แสดงจากกลางไปถึงปลาย คือ ตงั้ แตเ วทนาไปตามลาํ ดบั จนถงึ ชรามรณะเปนทีส่ ดุ เรียกวา มชั ฌปรโิ ยสานอนโุ ลมเทศนา ๓. แสดงจากปลายไปถงึ ตน คือ ตง้ั แตชรามรณะถอยหลงั ไปตามลาํ ดบั จนถงึ อวชิ ชาเปนทส่ี ดุ เรยี กวา ปรโิ ยสานอาทิปฏิโลมเทศนา ๔. แสดงจากกลางไปถึงตน คือ ตง้ั แตต ณั หาถอยหลงั ไปตามลาํ ดบั จนถงึ อวิชชาเปนที่สดุ เรยี กวา มชั ฌอาทปิ ฏิโลมเทศนา ๔. ก. ปฏจิ จสมุปบาท เมือ่ วา โดยภวจักรแลว มีก่ีอยา งคอื อะไรบา ง ใหแ สดงถงึ ความเปน ไปแหง องคป ฏิจจสมุปบาทในภวจกั รเหลานั้นมาดว ย ? [P160] 50 ๒. ปฏิจจสมุปบาทธรรมเมื่อแบงออกเปนภวจกั รแลว มี ๒ คอื ปุพพันตภวจกั ร และอปรนั ตภวจักร ทานแสดงรายละเอยี ดไววา อยางไร ? [P160-161] 57 ตอบ (50) ก. มี ๒ อยาง คือ ต้ังแตอ ดตี เหตเุ ปนตน จนถึงปจจุบนั ผลเปนภวจกั รอันหน่ึง ชื่อวา ปุพพันตภวจักร เปนภวจักรแรก ตง้ั แตปจจบุ ันเหตเุ ปน ตน จนถงึ อนาคตผล เปน ภวจกั รอนั หนงึ่ ชอ่ื วา อปรนั ตภวจกั ร เปน ภวจักรหลงั (50, 57) ในปุพพนั ตภวจักร มีองคป ฏิจจสมุปบาท ๗ องค คอื อวชิ ชา สงั ขาร วญิ ญาณ นามรปู สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ในองคท ัง้ ๗ เหลา นี้ อวชิ ชาเปน ตนเหตุ หรอื เปน ทต่ี ัง้ นาํ ใหถ ึงเวทนา ในอปรนั ตภวจกั ร มีองค ๕ คอื ตัณหา อปุ าทาน กมั มภวะ ชาติ ชรา มรณะ ในองค ๕ เหลา นี้ ตณั หาเปน ตน เหตุ หรือ เปน ท่ตี งั้ นําใหถงึ ชรามรณะ (57) ในปพุ พันตภวจักรที่มีองค ๗ นน้ั มงุ หมายเอาเฉพาะองคทป่ี รากฏออกหนา แตใ นขณะทีอ่ งค ๗ หมนุ เวยี น อยูนัน้ ตณั หา อปุ าทาน กัมมภวะ ชาติ ชรามรณะ องคท ัง้ ๕ เหลา นี้ (ที่เปน อปรันตภวจักร) ก็หมุนตามไปดว ย ในอปรันตภวจกั รที่มีองค ๕ นนั้ มุง หมายเอาแตเ ฉพาะองคทปี่ รากฏออกหนา เชนเดียวกนั แตใ นขณะ ทอี่ งค ๕ หมนุ เวียนอยนู นั้ อวชิ ชา สังขาร วญิ ญาณ นามรูป สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา องคท ั้ง ๗ เหลา น้ี (ทเ่ี ปน ปพุ พนั ตภวจักร) ก็หมุนตามไปดว ย ๔. จงอธบิ ายในเหตทุ ่ที ําใหวัฏฏะทั้ง ๓ ขาดลง ? [P165] 43(5), 47 ตอบ ตามธรรมดาตนไมย อ มงอกงามเจรญิ ไดกโ็ ดยอาศยั รากแกว ถา รากแกวถกู ทําลายเสยี แลว ตน ไมน ้ันก็จะ เกิดอาการอับเฉาลงทันที และผลสุดทา ยกต็ าย ขอ นีฉ้ ันใด รปู นาม คอื สตั วท ้งั หลายทเ่ี จริญอยใู นสงั สารวฏั โดย ไมม ที ่ีสนิ้ สุดนนั้ ก็เพราะอาํ นาจแหงอวชิ ชาและตณั หา เมอื่ ใดอวิชชาและตัณหาทง้ั ๒ นีถ้ ูกทาํ ลายลงดว ยอาํ นาจ แหงอรหตั ตมรรคแลว ความเจรญิ ของรปู นาม อนั ไดแ ก การเวยี นวา ยของสตั วทง้ั หลายนัน้ กเ็ ปน อันส้นิ สดุ ลง ดาวนโหลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 16 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ดงั นน้ั พระอนุรุทธาจารย จงึ แสดงวา “เตสเมว จ มูลานํ นโิ รเธน นริ ชุ ฌฺ ต”ิ ซ่ึงแปลวา เมอ่ื วัฏฏมูลทง้ั ๒ นนั้ ดบั สน้ิ ลง ไมม ีเหลอื ดว ยอาํ นาจแหง อรหัตมรรคแลว การหมนุ เวยี นแหงปฏจิ จสมปุ บาท คอื วฏั ฏะทงั้ ๓ กย็ อ มดบั ลงทนั ที (ฉันนน้ั ) ๒. ข. จงจาํ แนกองคป ฏิจจสมุปปาทโดยสจั จะ (ตามอภิธรรมภาชนียนยั ) ? [P172] 50 ตอบ ข. จงจําแนกองคปฏิจจสมุปปาทโดยสจั จะดงั น้ี อวชิ ชา สงั ขาร จดั เปน สมทุ ยสจั จะ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา จดั เปน ทกุ ขสจั จะ ตัณหา อปุ ทาน กมั มภวะ จัดเปน สมทุ ยสจั จะ อปุ ปต ติภวะ ชาติ ชรา มรณะ จัดเปน ทกุ ขสจั จะ ๕. ก. การแสดงปฏจิ จสมปุ บาทธรรมของพระสมั มาสมั พทุ ธเจา มีอยู ๒ นยั นน้ั คืออะไรบา ง ตางกนั อยางไร ? [P180] 53 ตอบ ก. การแสดงปฏจิ จสมปุ บาทธรรมของพระสมั มาสัมพุทธเจามีอยู ๒ นัย คือ สตุ ตนั ตภาชนียนัย และ อภธิ รรมภาชนยี นัย การแสดงโดยสุตตนั ตภาชนยี นัย ไดแ สดงถึงความเปนไปแหง ปฏิจจสมปุ บาทในจติ หลายๆ ดวง ชื่อวา “นานาจติ ตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท” สว นการแสดงโดยอภิธรรมภาชนียนัย ไดแสดงถงึ ความ เปนไปแหง ปฏจิ จสมุปบาท ในจติ ดวงหนงึ่ ๆ ช่อื วา “เอกจติ ตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท” ๕. ก. การแสดงปฏจิ จสมุปบาทโดยสตุ ตนั ตภาชนียนัยและอภิธรรมภาชนียนัยนน้ั ตา งกันอยางไร ? 58(6ก) และในอภิธรรมภาชนียนยั นั้น แบง การแสดงออกเปน กพ่ี วก คอื อะไรบา ง ? [P180] 44, 47, 51(5ก), 52(5ก) ๖. ข. อภิธัมมภาชนยี นัยในจติ ๘๙ เจตสกิ ๕๒ แบง เปน กพ่ี วกคอื อะไรบาง ? [P180] 58 ตอบ ก. การแสดงโดยสตุ ตนั ตภาชนียนยั ไดแ สดงถงึ ...... (44, 47, 51, 52) ในอภิธรรมภาชนียนยั แบงการแสดงออกเปน ๓ พวก คือ [58(ข)] อภิธรรมภาชนยี นัย ในจิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ แบงการแสดงออกเปน ๓ พวก คอื ๑. อกุศลบท ๒. กศุ ลบท ๓. อพยากตบท ๖. ข. การแสดงความเปน ไปแหง ปฏิจจสมุปบาทในจติ ดวงหนง่ึ ๆ มีชอ่ื วา อะไร มีการแสดงไดก ่ีบทคอื อะไร บาง และในกศุ ลบทท้ังหมด แสดงองคป ฏิจจสมุปบาทไดก่อี งค คืออะไรบาง ? (ใหแ สดงเฉพาะองค) ? [P183] 53 ตอบ ข. การแสดงความเปน ไปแหง ปฏิจจสมุปบาทในจติ ดวงหนง่ึ ๆ มีชือ่ วา “เอกจติ ตกั ขณกิ ปฏจิ จสมปุ บาท” มีการแสดง ๓ บทคือ อกศุ ลบท กศุ ลบท อพั ยากตบท และในกศุ ลบททงั้ หมดมีการแสดงองคปฏิจจได ๑๒ องค ดงั น้ี ๑. กุศลมูล ๒. สงั ขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นาม ๕. ฉัฏฐายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘. ปสาทะ ๙. อธิโมกข ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรา มรณะ ๕. ก. จงแปลปฏจิ จสมุปบาทโดยอภธิ รรมภาชนยี นยั ในจิตตุปบาททงั้ หมด ดงั นี้ ? วิฺ าณปจจฺ ยา นามํ, นามปจจฺ ยา ฉฎายตน,ํ ฉฎายตนปจจฺ ยา ผสฺโส, ผสสฺ ปจจฺ ยา เวทนา ? 57 ตอบ ก. แปลดงั นี้ เพราะจิต 89 เปน เหตุ เจตสกิ ขันธ 3 ที่ประกอบกับจิต 89 จงึ เกิด เพราะเจตสิกขันธ 3 ท่ปี ระกอบกบั จติ 89 เปน เหตุ มนายตนะ คือ จติ 89 จึงเกิดข้ึน เพราะมนายตนะคือจิต 89 เปน เหตุ ผสั สะ ท่ปี ระกอบกับจิต 89 จึงเกิดขนึ้ เพราะผสั สะทป่ี ระกอบกับจติ 89 เปน เหตุ เวทนา ทีป่ ระกอบกับจติ 89 จงึ เกิดขึ้น ๕. ข. ในการทอ่ี ภธิ รรมภาชนยี นยั พระพทุ ธองคไ มทรงแสดง โสก ปรเิ ทวะ เปน ตน ซง่ึ เปนผลของชาตินน้ั เพราะเหตุ ? [P182] 57 ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจาก ขอความเพมิ่ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 17 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ตอบ ข. ในการทอี่ ภธิ รรมภาชนยี นัย พระพุทธองคไ มท รงแสดง โสก ปรเิ ทวะ เปน ตนซึง่ เปนผลของชาติน้นั เพราะในจติ ตกั ขณะดวงหนง่ึ ๆ นนั้ โสกะ ปรเิ ทวะ เปนตน เหลา นี้ ยอมเกดิ ขน้ึ ไมไ ด และอกี ประการหน่งึ โสกะ ปรเิ ทวะ เปน ตน เหลา น้ี กไ็ มไ ดเ กิดในภูมทิ วั่ ไป เชน ในรูปภูมิ อรูปภูมิ ดว ยเหตนุ ี้ พระพทุ ธองคจึงไมท รงแสดง โสกะ ปริเทวะ เปน ตนใหเ ปนผลของชาติ ปฏิจสมปุ บาท อวิชชา สังขาร วญิ ญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน ภวะ ชาติ ชรามรณะ องค องคธรรม อวชิ ชา๘ ปุญ อ อาเจต วิญโลกวี ิ๓๒ น-รเจ กํรูป สฬาอชั ๖ ๖จัก-ผสั สะ ๖จัก-เวทนา ๖รูป-หา-๑๐๘ ๔กามฯุ กัม-อปุ โลวิ เจ กํ ชรา-อปุ ายาส๗ ๑๒ อกศุ ล อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามเจ ฉัฏฐายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อุปาทาน ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๒ ท.ิ สมั .๔ตปุ อวิชชา อปญุ สัง.ทิสมั วญิ ทิสมั นามเจ ฉัฏฐายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๒ ท.ิ วิป.๔ตุป อวชิ ชา อปุญสงั .ทสิ มั วิญทิวปิ นามเจ ฉฏั ฐายตนะ ผสั สะ เวทนา ตณั หา อธโิ มกข ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๒ วิ.ส.ํ ตปุ อวิชชา อปญุ สัง.ว.ิ สํ วิญว.ิ สํ นามเจ ฉัฏฐายตนะ ผสั สะ เวทนา วิจิกจิ ฉา - ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๑ อุท.สํ.ตปุ อวิชชา อปุญสงั .ว.ิ สํ วญิ ว.ิ สํ นามเจ ฉฏั ฐายตนะ ผัสสะ เวทนา อุทธัจจะ อธิโมกข ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๒ กุศล กศุ ลมูล๓,๒ สังขาร วิญญาณ นามเจ ฉัฏฐายตนะ ผัสสะ เวทนา ปสาทะ อธโิ มกข ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๒ ทว๑ิ ๐สพั ๗ - สังขาร วิญญาณ นามเจ ฉฏั ฐายตนะ ผสั สะ เวทนา - - ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๙ อเห๘-ทวิ๑๐ สงั ขาร วิญญาณ นามเจ ฉฏั ฐายตนะ ผสั สะ เวทนา อธิโมกข ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๐ สว๒ิ ๑ สก๑ิ ๗ - สังขาร วิญญาณ นามเจ ฉัฏฐายตนะ ผัสสะ เวทนา ปสาทะ อธโิ มกข ภวะ ชาติ ชรามรณะ ๑๑ ๕. ก.จงแสดงถงึ ความเปนไปแหง ปฏิจจสมุปบาทเฉพาะภาษาไทย ใน ทฏิ ฐคิ ตสัมปยตุ ตจิต เฉพาะคทู ี่ ๑ และคสู ุดทาย พรอมท้ังบทสุดทายมาดู ? [P181-182] 49, 54(5ก) ตอบ ก. คูท่ี ๑ เพราะอวิชชาเปน เหตุ อปญุ ญาภสิ งั ขาร คือ ทฏิ ฐคิ ตสมั ปยุตตอกศุ ลเจตนา ทเี่ ปน ไปพรอ มดว ยอวชิ ชา จงึ เกดิ ขน้ึ , คูส ุดทา ย เพราะนามชาติ คอื อาการท่เี กดิ ขน้ึ ของทฏิ ฐคิ ตสมั ปยตุ ตจติ ตุปบาท เปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะตั้งและขณะดบั ของทิฏฐคิ ตสมั ปยุตตจิตตปุ บาท จงึ เกิดขน้ึ , บทสดุ ทา ย ความเกดิ ขนึ้ แหงกองทกุ ขแทๆ ท้งั ปวงน้ี เพราะอาศยั ปจ จัยตางๆ มีอวชิ ชาเปน ตน ดงั ที่ไดก ลาวมาแลว นี้ ๖. จงแสดงความเปน ไปของปฏจิ จสมุปบาทในทฏิ ฐคิ ตวิปปยุตตจติ ๔ เจตสิก ๒๑ เฉพาะภาษาไทย ? (เวน ๓ องค คือ ฉฏั ฐายตนะ ผสั สะ เวทนา) ? [P] 57 ตอบ เพราะอวิชชาเปนเหตุ อปญุ ญาภสิ งั ขาร คอื ทฏิ ฐคิ ตวปิ ปยตุ ตอกศุ ลเจตนา ทเ่ี ปน ไปพรอมดว ยอวิชชานน้ั จงึ เกิดขนึ้ เพราะอปญุ ญาภิสงั ขาร คอื ทฏิ ฐคิ ตวิปปยตุ ตอกุศลเจตนาเปนเหตุ ทิฏฐคิ ตวปิ ปยตุ ตจติ จงึ เกิดขึน้ เพราะทฏิ ฐคิ ตวปิ ปยตุ ตจติ เปน เหตุ เจตสกิ ขนั ธ ๓ ท่ปี ระกอบกบั ทิฏฐคิ ตวปิ ปยุตตจติ จงึ เกิดขนึ้ เพราะตัณหา ท่ปี ระกอบกบั ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตจติ เปนเหตุ อธิโมกข ที่ประกอบกับทิฏฐคิ ตวปิ ปยตุ ตจติ จงึ เกดิ ขน้ึ เพราะอธิโมกข ท่ปี ระกอบกบั ทิฏฐิคตวปิ ปยุตตจติ เปน เหตุ ภวะ คือ ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตจติ ตปุ บาท (เวนอธโิ มกข) จึงเกิดขน้ึ เพราะภวะ คอื ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตจติ ตปุ บาท (เวนอธิโมกข) เปนเหตุ นามชาติ คอื อาการท่เี กดิ ขึน้ ของทิฏฐิคตวปิ ปยตุ ตจติ จงึ เกดิ ขน้ึ เพราะนามชาติ คอื อาการทเี่ กิดขน้ึ ของทิฏฐคิ ตวปิ ปยุตตจติ ตปุ บาทเปนเหตุ นามชรา นามมรณะ คือ ขณะตง้ั และขณะดบั ของทิฏฐคิ ตวปิ ปยตุ ตจติ ตปุ บาท จงึ เกดิ ขน้ึ ความเกดิ ขนึ้ แหงกองทุกขแ ทๆ ท้งั ปวงนี้ เพราะอาศยั ปจ จัยตางๆ มอี วิชชา เปน ตน ดังท่ีไดก ลาวมาแลว นี้ ๖. ค. ในวิจิกจิ ฉาสมั ปยุตตจิตตปุ บาทและในอรปู าวจรกศุ ลจติ ตปุ บาท ทงั้ สองบทนี้ ๑๑ ธ.ค. ๖๑ มีองคป ฏิจจสมปุ บาทก่ีองค คืออะไรบา ง ? [P18..] ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอ ความเพ่ิมเติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 18 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ตอบ ค. ในวจิ ิกจิ ฉาสมั ปยุตตจิตตปุ บาท มอี งคป ฏิจจสมุปบาท ๑๑ คอื ๑. อวิชชา ๒. สงั ขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นาม ๕. ฉฏั ฐายตนะ ๖. ผัสสะ ๗. เวทนา ๘. วิจกิ ิจฉา ๙. ภวะ ๑๐. ชาติ ๑๑. ชรา มรณะ อรปู าวจรกศุ ลจติ ตปุ บาท มีองคป ฏิจจสมปุ บาท ๑๒ คอื ๑. กุศลมลู ๒. สังขาร ๓. วิญญาณ ๔. นาม ๕. ฉัฏฐายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘. ปสาทะ ๙. อธิโมกข ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรา มรณะ ๖. ก. จงแสดงถงึ ความเปน ไปแหง ปฏจิ จสมปุ บาท ในอภธิ รรมภาชนียนยั เฉพาะภาษาไทยในมหากุศลญาณสัมปยุตตจิต ดงั พระบาลีดังน้ี ? [P181-182] 53 “ภวปจจฺ ยา ชาต,ิ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, เอวเมตสสฺ เกวลสฺส ทกุ ขฺ กฺขนธฺ สสฺ สมุทโย โหติ ฯ” ตอบ ก. แสดงความเปน ไปแหงปฏิจจสมุปบาท ในมหากศุ ลญาณสมั ปยตุ ตจิต ๔ ดงั น้ี เพราะ ภวะ คือ มหากศุ ลญาณสมั ปยตุ จติ ตปุ บาท (เวนอธโิ มกข) เปนเหตุ นามชาติ คืออาการเกิดขนึ้ ของมหากุศลญาณสมั ปยตุ จติ ตุปบาท จึงเกิดขนึ้ เพราะ นามชาติ คือ อาการเกดิ ข้ึนของมหากศุ ลญาณสมั ปยุตจติ ตปุ บาท เปนเหตุ นามชรา นามมรณะ คือขณะต้งั และขณะดบั ของมหากุศลญาณสมั ปยตุ จิตตปุ บาท จงึ เกดิ ขนึ้ ความเกดิ ขน้ึ แหง กองทุกขแ ทๆ ทัง้ ปวงน้ี เพราะอาศยั ปจ จยั ตา งๆ มีกศุ ลมูลเปนตนดงั ทีไ่ ดก ลา วมาแลว นี้ ๕. ข. ในมหากศุ ลญาณสมั ปยตุ ตจิตตปุ บาท ๔ นน้ั ความเปน ไปขององคปฏจิ จสมปุ บาท มจี าํ นวนเทา ไร คืออะไรบาง (ใหแ สดงเฉพาะองค) ? [P18..] 49, 50(4ก), 54(5ก) ตอบ ข. ในมหากศุ ลญาณสัมปยตุ ตจิตตปุ บาท ๔ นน้ั ความเปน ไปขององคป ฏจิ จสมปุ บาท มีจาํ นวน ๑๒ คอื ๑. กุศลมูล ๓ ๒. สงั ขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นาม ๕. ฉัฏฐายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘. ปสาทะ ๙. อธโิ มกข ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรามรณะ ๕. ก. จงแสดงความเปนไปของปฏิจจสมุปบาทในโลกตุ ตรกศุ ลจติ มา ๓ คู คือคูที่ ๑ คูท ่ี ๒ และคูสดุ ทา ย พรอ มดวยบทสดุ ทาย ทั้งท่ีเปน บาลีและคาํ แปล ? [P183] 38(4ก), 45, 48(6ก), 51(5ข), 59(6), 60(6ข) ตอบ ก. แสดงเปน บาลี ดงั นี้ (ความเปน ไปของปฏจิ จสมุปบาทในโลกตุ ตรกศุ ลจิต ๓ คู คือ คูท่ี ๑ คูท่ี ๒ และ คูสดุ ทา ย พรอ มดวยบทสุดทา ย คือ ) กสุ ลมลู ปจฺจยา สงขฺ าโร, สงขฺ ารปจจฺ ยา วิฺ านํ ฯลฯ ชาติปจจฺ ยา ชรามรณํ เอวเมเตสํ ธมมฺ านํ สมทุ โย โหติ แปล เพราะกุศลมูล ๓ เปนเหตุ ปญุ ญาภิสังขาร คือ โลกตุ ตรกุศลเจตนาทเี่ ปน ไปพรอ มดวยกุศลมูล ๓ จงึ เกิดขน้ึ เพราะปญุ ญาภสิ งั ขาร คอื โลกตุ ตรกุศลเจตนา เปนเหตุ โลกุตตรกศุ ลจติ จงึ เกิดขนึ้ เพราะนามชาติ คอื อาการเกดิ ขนึ้ ของโลกตุ ตรกุศลจติ ตปุ บาท เปนเหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะตั้ง และขณะดบั ของโลกุตตรกุศลจิตตปุ บาท จงึ เกดิ ขึ้น ความเกิดขึน้ แหงโลกุตตรกศุ ลธรรม ยอมเปน ไปดังน้ี ๖. ก. ใหแปลบาลที แี่ สดงความเปน ไปของปฏจิ จสมุปบาท ในโลกตุ ตรกศุ ลจติ ตอ ไปนี้ (แปลเฉพาะทม่ี ีตวั บาล)ี กุสลมลู ปจฺจยา สงขฺ าโร ฯลฯ ชาติปจจฺ ยา ชรามรณํ เอวเมเตสํ ธมฺมานํ สมุทโย โหติ. ? [P18..] 43 ตอบ ก. ความเปน ไปของปฏจิ จสมุปบาทในโลกุตตรกศุ ลจิตนั้นแปลวา เพราะกศุ ลมลู ๓ เปน เหตุ ปญุ ญาภิสังขาร คือ โลกุตตรกุศลเจตนาท่ีเปน ไปพรอ มดวยกุศลมูล ๓ จงึ เกิดขึ้น ฯลฯ เพราะนามชาติ คือ อาการเกดิ ขนึ้ ของโลกตุ ตรกุศลจิตตปุ บาท เปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะต้ัง และขณะดบั ของโลกุตตรกศุ ลจติ ตปุ บาท จงึ เกิดขึน้ ความเกิดขึ้นแหง โลกตุ ตรกศุ ลธรรม ยอ มเปน ไปดังนี้ ๖. ก. จงแสดงความเปน ไปของปฏิจจสมุปบาทในโลกตุ ตรวิปากจิต ๔ เจตสกิ ๓๖ นนั้ วา ๖. เวทนา มอี งคป ฏิจจสมุปบาทก่ีองค คืออะไรบาง ? [P18..] 46, 60 ๑๑ ธ.ค. ๖๑ ตอบ ก. โลกตุ ตรวปิ ากจติ ๔ เจตสกิ ๓๖ นั้นวา มอี งคป ฏิจจสมปุ บาท ๑๑ องค คือ ๑. สงั ขาร ๒. วญิ ญาณ ๓. นาม ๔. ฉัฏฐายตนะ ๕. ผสั สะ ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท ๙. ภวะ 19 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๗. ปสาทะ ๘. อธิโมกข ๑๐. ชาติ ๑๑. ชรา มรณะ ๕. จงแปลเปน ไทยในปฏจิ จสมุปบาทโดยอภธิ รรมภาชนยี นัย เฉพาะในทวปิ ญจวิญญาณจติ ๑๐ ดงั ตอ ไปนี้ ? [P185-186] 36 ก. สงขารปจจฺ ยา วิ าณํ, วิ าณปจฺจยา นาม ฯ ? [P185] 36 ข. ภวปจฺจยา ชาต,ิ ชาตปิ จฺจยา ชรามรณํ, เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทกุ ขฺ กฺขนธฺ สสฺ สมุทโย โหติ ฯ ? [P186] 36 ตอบ ก. เพราะปญุ ญาภสิ ังขาร อปญุ ญาภสิ ังขาร คอื มหากศุ ลเจตนา ๘ อกุศลเจตนา ๑๒ เปนเหตุ ทวิปญจวิญญาณจติ ๑๐ จงึ เกิดขนึ้ เพราะทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ ๑๐ เปนเหตุ เจตสิกขนั ธ ๓ ทป่ี ระกอบกบั ทวปิ ญจวิญญาณจติ ๑๐ จงึ เกดิ ขึน้ ข. เพราะภวะ คือ ทวปิ ญ จวญิ ญาณจิตตุปบาท (เวนเวทนา) เปน เหตุ นามชาติ คอื อาการท่ีเกดิ ข้นึ ของ ทวปิ ญ จวิญญาณจิตตุปบาทจงึ เกดิ ข้ึน เพราะนามชาติ คือ อาการท่เี กิดขึ้นของทวปิ ญจวญิ ญาณจิตตปุ บาทเปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะตงั้ และขณะดบั ของทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ ตปุ บาท จงึ เกดิ ขน้ึ ความเกดิ ขนึ้ แหงกองทกุ ขแทๆ ทงั้ ปวงน้ี เพราะอาศัยปจ จัยตา งๆ มปี ญุ ญาภิสังขาร อปญุ ญาภิสงั ขาร เปน ตน ดังทไี่ ดก ลา วมาแลว น้ี ๕. ข. ในทวิปญจวิญญาณจติ ๑๐ สพั พจติ ตสาธารณเจตสิก ๗ ดวงนน้ั มอี งคปฏจิ จสมปุ บาทก่ีองค คืออะไรบาง ? [P18..] 44, 47, 52(5ข) ๕. ข. (จงแสดงความเปน ไปของ) ปฏิจจสมุปบาททเี่ ปนไปทางตา (จกั ขวุ ิญญาณ) เมื่อวาโดยองคแ ลว มเี ทาไร ? คืออะไรบา ง ? [P18..] 48(6ข), 53 ตอบ ข. ในทวปิ ญจวิญญาณจิต ๑๐ สัพพจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ ดวงนนั้ มีองคป ฏจิ จสมปุ บาท ๙ องค คือ ข. ปฏิจจสมปุ บาททเี่ ปน ทางตา (จกั ขวุ ญิ ญาณ) เมอ่ื วา โดยองคแ ลว มี ๙ องค คือ ๑) สังขาร ๒) วิญญาณ ๓) นาม ๔) ฉัฏฐายตนะ ๕) ผสั สะ ๖) เวทนา ๗) ภวะ ๘) ชาติ ๙) ชรามรณะ ๕. ค. อพั ยากตบท ไดแ สดงถึงความเปน ไปแหงปฏจิ จสมุปบาทในจิตพรอ มดวยเจตสกิ กดี่ วง คอื อะไร บาง ? [P185-186] 40(6ข), 52 ตอบ ค. อพั ยากตบท ไดแ สดงถึงความเปน ไปแหง ปฏจิ จสมปุ บาทในจติ ๕๖ ดวง คือ วปิ ากจติ ๓๖ กริ ยิ าจติ ๒๐ เจตสิก ๓๘ ขอ ๖ พระบาลแี ละคําแปล : ปจจัยโดยยอ ๒๔ / ปจ จยั โดยพิสดาร ๔๗ ๖. ก. ใหแสดงชอื่ ปจ จยั พรอ มดวยคําแปลมาตามลําดบั ๕ ปจ จยั ? [P188] 44 ตอบ ก. แสดงชอื่ ปจ จยั พรอมดวยคําแปลตามลาํ ดับ ๕ ปจจยั ดังน้ี ๑. เหตุปจจโย ธรรมทช่ี ว ยอุปการะโดยความเปนเหตุ ๒. อารมั มณปจจโย ธรรมที่ชวยอปุ การะโดยความเปนอารมณ ๓. อธปิ ตปิ จ จโย ธรรมทชี่ ว ยอุปการะโดยความเปนอธิบดี ๔. อนนั ตรปจจโย ธรรมทีช่ ว ยอปุ การะโดยความตดิ ตอกันไมม รี ะหวางคน่ั ๕. สมนนั ตรปจ จโย ธรรมทีช่ วยอุปการะโดยความติดตอ กนั ไมมีระหวา งคน่ั ทเี ดยี ว ๖. ข. ใหแ สดงความหมายของปจ จยั ดงั ตอ ไปน้ี อปุ นสิ ฺสยปจฺจโย ปุเรชาตปจจฺ โย ปจฉฺ าชาตปจฺจโย กมมฺ ปจฺจโย วิปากปจฺจโย ? [P188] 46 ตอบ ข. แสดงความหมายของปจจยั ดังน้ี คอื ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 20 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน อปุ นสิ ฺสยปจจฺ โย ธรรมทช่ี วยอุปการะโดยความเปน ท่อี าศยั ท่ีมีกําลงั มาก ปุเรชาตปจฺจโย ธรรมทช่ี ว ยอุปการะโดยความเกิดกอ น ปจฉฺ าชาตปจฺจโย ธรรมท่ชี ว ยอุปการะโดยความเกิดทหี ลัง กมฺมปจฺจโย ธรรมท่ชี วยอุปการะโดยความปรุงแตงเพอ่ื ใหกิจตา งๆ สาํ เร็จลง วิปากปจฺจโย ธรรมทช่ี วยอปุ การะโดยความเปน วิปาก คือ เขา ถงึ ความสกุ งอมและหมดกําลังลง พระบาลแี ละคําแปล ปจจยั ๒๔ : อุทเทส ช่ือปจจัย ธรรมท่ชี ว ยอุปการะโดยความ ชอ่ื ปจจัย ธรรมทช่ี วยอุปการะโดยความ ๑๓ กมฺมปจจฺ โย๒ ปรงุ แตง เพื่อใหกิจตา งๆ สําเรจ็ ลง ๑ เหตุปจจโย เปนเหตุ ๒ อารมั มณปจจโย เปน อารมณ ๑๔ วปิ ากปจฺจโย เปนวปิ าก คือ เขา ถึงความสุกงอมและหมดกาํ ลังลง ๓ อธิปติปจ จโย๓ เปน อธบิ ดี ๑๕ อาหารปจ จโย๒ เปนผนู ํา ๔ อนันตรปจจโย ติดตอ กนั ไมม รี ะหวางค่นั ๑๖ อินทริยปจจโย๓ เปน ผปู กครอง ๕ สมนนั ตรปจจโย ติดตอกันไมม รี ะหวางคน่ั ทเี ดยี ว ๑๗ ฌานปจ จโย เปน ผูเพง อารมณ ๖ สหชาตปจจโย เกดิ พรอม ๑๘ มัคคปจ จโย เปนหนทาง ๗ อัญญมัญญปจจโย แกกันและกัน ๑๙ สมั ปยตุ ตปจ จโย เปนผูประกอบ ๘ นิสสยปจ จยั โย๓ เปนที่อาศัย ๒๐ วิปปฺ ยุตฺตปจฺจโย๔ ผูไมป ระกอบ ๒๑ อตถฺ ิปจฺจโย๖ ผูยังมอี ยู ๙ อปุ นิสสฺ ยปจฺจโย๓ เปนท่อี าศยั ที่มีกาํ ลังมาก ๒๒ นตฺถิปจจฺ โย ผูไมม ี ๑๐ ปุเรชาตปจฺจโย๒ เกดิ กอ น ๑๑ ปจฉฺ าชาตปจฺจโย เกดิ ทหี ลงั ๒๓ วคิ ตปจฺจโย ผปู ราศจากไป ๑๒ อาเสวนปจฺจโย เสพบอย ๆ ๒๔ อวิคตปจฺจโย๖ ผูยงั ไมป ราศจากไป ๕. ข. ในปจจยั ๒๔ นั้น จงแสดงทงั้ พระบาลแี ละคาํ แปลในปจ จัยท่ี ๑๐, ๑๑ และ ๑๒ มาดู ? [P188] 50 ตอบ ข. ปจจยั ท่ี ๑๐ คอื ปเุ รชาตปจฺจโย = ธรรมทช่ี ว ยอุปการะโดยความเกิดกอ น ปจ จัยท่ี ๑๑ คือ ปจฉฺ าชาตปจจฺ โย = ธรรมท่ีชวยอุปการะโดยความเกิดทหี ลงั ปจจัยที่ ๑๒ คอื อาเสวนปจฺจโย = ธรรมท่ชี ว ยอปุ การะโดยความเสพบอย ๆ ๕. ใหแ สดงความหมายของปจ จัยดงั ตอ ไปน้ี ? [P189] 38, 48 ก. ๑) วิปปฺ ยตุ ฺตปจจฺ โย ๒) อตถฺ ปิ จฺจโย ๓) นตฺถิปจฺจโย ๔) วิคตปจจฺ โย ๕) อวิคตปจฺจโย ? [P189] 38, 48 ตอบ ก. แสดงความหมายของปจ จัยดงั ตอไปนี้ ๑) วิปปฺ ยตุ ตฺ ปจฺจโย หมายความวา ธรรมทีช่ วยอปุ การะโดยความเปน ผไู มป ระกอบ ๒) อตถฺ ิปจจฺ โย หมายความวา ธรรมที่ชว ยอุปการะโดยความเปนผูยงั มอี ยู ๓) นตฺถปิ จจฺ โย หมายความวา ธรรมที่ชว ยอุปการะโดยความเปน ผไู มมี ๔) วิคตปจจฺ โย หมายความวา ธรรมที่ชวยอปุ การะโดยความเปน ผปู ราศจากไป ๕) อวิคตปจจฺ โย หมายความวา ธรรมทีช่ วยอปุ การะโดยความเปน ผยู งั ไมป ราศจากไป ๖. ก. ปจ จัยโดยยอ ๒๔ ปจ จัยน้ัน ปจจยั ที่เปนคกู ันมีกคี่ ู ไดแ กอ ะไรบาง (ใหแ สดงเฉพาะช่อื ของปจ จัย)? 47 ข. ในปจจัย ๒๔ นน้ั ปจ จัยท่ีประชุมแหงปจ จัยทั้งปวง ไดแกป จจัยอะไรบา ง ? และในปจ จัยเหลา นัน้ แตล ะปจ จยั มีกีป่ จจัยคืออะไรบา ง ? [P] 54 ตอบ ก. ปจจยั โดยยอ ๒๔ ปจ จยั น้นั ปจจยั ทเี่ ปน คูกันมี ๗ คู คือ คทู ่ี ๑ ไดแก อนันตรปจ จยั กับ สมนันตรปจจัย ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอ ความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท 21 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน คทู ่ี ๒ ไดแ ก นิสสยปจ จยั กบั อุปนสิ สยปจจยั คูท ่ี ๓ ไดแก ปุเรชาตปจจัย กับ ปจฉาชาตปจจยั คูท่ี ๔ ไดแ ก กัมมปจ จยั กับ วปิ ากปจจัย คทู ่ี ๕ ไดแก สมั ปยุตตปจ จัย กบั วิปปยุตตปจจยั คูท ่ี ๖ ไดแก อัตถิปจจัย กับ นัตถิปจ จยั คทู ี่ ๗ ไดแ ก วิคตปจจัย กบั อวคิ ตปจจยั ข. ในปจ จัย ๒๔ นั้น ปจจยั ทปี่ ระชมุ แหงปจจัยทัง้ ปวง ไดแก ๑. อารมั มณปจจัย ๒. อปุ นิสสฺ ยปจจฺ โย ๓. กัมมปจจยั ๔. อตั ถิปจจัย และในปจ จยั เหลาน้ี แตล ะปจ จยั มีดงั น้ี ๑. อารัมมณปจ จัย มี ๑ ปจ จยั คือ อารมั มณปจ จัย ๒. อุปนิสฺสยปจจฺ โย มี ๓ ปจ จยั คอื ๑. อารมั มณปู นิสสยปจ จยั ๒. อนันตรปู นสิ สยปจจัย ๓. ปกตูปนิสสยปจจัย ๓. กมั มปจ จยั มี ๒ ปจ จัย คอื ๑. สหชาตกมั มปจจัย ๒. นานกั ขณกิ กมั มปจจยั ๔. อัตถิปจ จัย มี ๖ ปจจัย คอื ๑. สหชาตตั ถปิ จจัย ๒. วตั ถุปเุ รชาตตั ถิปจ จยั ๓. อารัมมณปเุ รชาตตั ถปิ จ จัย ๔. ปจฉาชาตตั ถิปจจัย ๕. อาหารัตถปิ จ จยั ๖. อนิ ทรยิ ัตถิปจจัย ๕. ก. ปจ จยั อันเปน ท่ปี ระชุมแหงปจ จยั ทงั้ ปวงไดนั้น ไดแ กปจ จยั อะไรบา ง และใหแ สดงรูปที่ชอื่ วา “สหชาตรปู ” (รปู ท่เี กิดพรอมกบั จิต) ? [P] 46(6ค, ง), 50, 51(6ก) ๖. ค. สหชาตรปู แปลวา อยางไร มีเทาไร คืออะไร ? [P196] 44 ตอบ ก. ปจ จยั อนั เปน ทป่ี ระชมุ แหงปจ จยั ทง้ั ปวงไดนน้ั ไดแ กป จจยั ๔ ปจ จัย คอื ๑. อารมั มณปจจยั ๒. อุปนิสฺสยปจฺจโย ๓. กัมมปจจยั ๔. อตั ถิปจจัย แสดงรปู ทชี่ อื่ วา “สหชาตรปู ” ในสหชาตชาติทว่ั ไปทงั้ หมดนน้ั แบง ออกเปน ๒ อยาง คอื [ตอบ ค. สหชาตรปู แปลวา รปู ทเ่ี กดิ พรอ มกนั กับจติ มี ๒ อยา งคือ (44)] ๑. จติ ตชรูป ทเี่ กิดใน ปวตั ติกาล อยา งหนง่ึ ๒. กัมมชรูป ทเ่ี กิดใน ปฏิสนธิกาล อยางหนึง่ ๖. ก. ปจจยั โดยยอ มี ๒๔ เมื่อแสดงโดยพสิ ดารแลว มี จาํ นวนเทา ไร? พิสดารอยูทีป่ จจยั อะไรบาง ? [P] 36, 50 ๖. ข. ปจจยั ที่มมี ากกวา หนงึ่ ปจ จัยนนั้ มจี าํ นวนเทา ไร คืออะไรบาง ? [P] 43, 47, 51, 53(3ก), 60(4) ตอบ ก. ปจจยั โดยยอ มี ๒๔ เมือ่ แสดงโดยพิสดาร แลวมี ๔๗ ปจ จัย พิสดารอยทู ่ปี จ จัย ๑๐ ปจจัย คือ ก./ข. ปจ จยั ท่มี มี ากกวา หน่งึ ปจ จยั นนั้ มจี ํานวน ๑๐ ปจ จัย คือ ๑. อธปิ ตปิ จจัย ๒. นสิ สยปจ จัย ๓. อปุ นิสสฺ ยปจ จยั ๔. ปุเรชาตปิ จจัย ๕. กมั มปจจัย ๖. อาหารปจจยั ๗. อินทริยปจ จยั ๘. วปิ ปยุตตปจจยั ๙. อัตถิปจจยั ๑๐. อวคิ ตปจจัย ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพม่ิ เตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 22 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๕. ปจ จยั พิสดาร แตล ะปจจยั มจี ํานวนเทาไร คืออะไรบา ง ? 61 ตอบ ปจ จยั พสิ ดาร มี ๑๐ ปจจยั แตล ะปจ จัยมจี ํานวนดงั ตอไปน้ี ๑. อธปิ ตปิ จ จยั มี ๒ ปจจยั คอื ๑. สหชาตาธิปติปจจยั ๒. อารมั มณาธปิ ตปิ จ จยั ๒. นิสสยปจจยั มี ๓ ปจจัย คอื ๑. สหชาตนิสสยปจ จัย ๒. วตั ถปุ เุ รชาตนสิ สยปจจัย ๓. วัตถารมั มณปุเรชาตนิสสยปจจยั ๓. อปุ นิสสฺ ยปจฺจโยมี ๓ ปจจัย คอื ๑. อารมั มณูปนิสสยปจ จยั ๒. อนันตรปู นิสสยปจจัย ๓. ปกตปู นสิ สยปจ จยั ๔. ปุเรชาตปจ จยั มี ๒ ปจ จยั คอื ๑. วัตถุปเุ รชาตปจ จยั ๒. อารัมมณปเุ รชาตปจ จยั ๕. กัมมปจ จัย มี ๒ ปจจยั คอื ๑. สหชาตกมั มปจจยั ๒. นานักขณกิ กัมมปจจยั ๖. อาหารปจจยั มี ๒ ปจ จยั คอื ๑. รปู อาหารปจจัย ๒. นามอาหารปจ จัย ๗. อินทรยิ ปจ จยั มี ๓ ปจจยั คอื ๑. สหชาตนิ ทรยิ ปจจยั ๒. ปุเรชาตนิ ทรยิ ปจจยั ๓. รูปชีวติ ินทริยปจ จยั ๘. วปิ ปยตุ ตปจจยั มี ๔ ปจ จัย คอื ๑. สหชาตวปิ ปยตุ ตปจ จัย ๒. วตั ถปุ ุเรชาตวปิ ปยตุ ตปจจัย ๓. วัตถารัมมณปเุ รชาตวิปปยุตตปจ จัย ๔. ปจ ฉาชาตวปิ ปยุตตปจจยั ๙. อตั ถิปจจัย มี ๖ ปจจัย คอื ๑. สหชาตัตถิปจจัย ๒. วตั ถปุ เุ รชาตตั ถปิ จ จยั ๓. อารมั มณปุเรชาตตั ถปิ จจัย ๔. ปจฉาชาตตั ถปิ จ จัย ๕. อาหารตั ถิปจ จัย ๖. อนิ ทรยิ ตั ถปิ จจยั ๑๐. อวคิ ตปจจัย มี ๖ ปจจัย คอื ๑. สหชาตอวคิ ตปจ จยั ๒. วตั ถุปเุ รชาตอวคิ ตปจจยั ๓. อารมั มณปุเรชาตอวคิ ตปจจัย ๔. ปจฉาชาตอวคิ ตปจจัย ๕. อาหารอวิคตปจจยั ๖. อินทริยอวิคตปจจยั ๗. ก. อนิ ทริยปจ จัย และอตั ถิปจ จยั มีอยางละกีป่ จ จัยคอื ปจ จยั อะไรบา ง ? [P] 43, 55(6ข) ตอบ ก. อนิ ทริยปจจัย มี ๓ ปจ จยั คือ ๑ สหชาตนิ ทริยปจจยั ๒. ปเุ รชาตินทริยปจจยั ๓. รูปชวี ิตินทริยปจจยั อัตถปิ จจยั มี ๖ ปจ จยั คอื ๑. สหชาตัตถปิ จจัย ๒. วตั ถปุ เุ รชาตตั ถปิ จ จัย ๓. อารมั มณปเุ รชาตตั ถิปจ จยั ๔. ปจฉาชาตตั ถปิ จ จยั ๕. อาหารตั ถิปจจัย ๖. อินทริยัตถปิ จ จัย ๓. จงตอบคําถามเกี่ยวกบั ปจ จัยดังตอไปน้ี ? 53 ข. ในปจจยั เหลาน้ี ปจ จัยที่มี ๒ ปจจยั ๓ ปจจัย ๔ ปจ จัยน้ัน แตล ะปจจยั ไดแกปจ จยั อะไรบา ง ? [P] 53, 60 ตอบ ขอตอบคําถามเกย่ี วกับปจ จัยดังตอ ไปน้ี ข. ปจจยั ท่ีมี ๒ ปจจัย มี ๔ ปจ จยั คือ ๑. อธิปตปิ จจยั ๒. ปเุ รชาตปจ จยั ๓. กัมมปจ จยั ๔. อาหารปจจัย อธปิ ตปิ จ จยั มี ๒ ปจจยั คอื ๑. สหชาตาธิปติปจจัย ๒. อารมั มณาธปิ ติปจจัย ปเุ รชาตปจ จัย มี ๒ ปจ จัย คอื ๑. วตั ถุปเุ รชาตปจจยั ๒. อารมั มณปุเรชาตปจ จัย กมั มปจ จัย มี ๒ ปจ จยั คอื ๑. สหชาตกมั มปจจยั ๒. นานกั ขณกิ กัมมปจจยั อาหารปจจยั มี ๒ ปจจยั คอื ๑. รปู อาหารปจ จยั ๒. นามอาหารปจจัย ปจจัยท่มี ี ๓ ปจ จยั มี ๓ ปจจยั คือ ๑. นสิ สยปจ จยั ๒. อปุ นิสฺสยปจจฺ โย ๓. อินทริยปจ จยั นิสสยปจ จัย มี ๓ ปจจยั คอื ๑. สหชาตนิสสยปจจยั ๒. วัตถปุ เุ รชาตนสิ สยปจ จัย ๓. วตั ถารัมมณปุเรชาตนสิ สยปจ จยั อปุ นิสฺสยปจฺจโยมี ๓ ปจจัย คอื ๑. อารัมมณปู นสิ สยปจจยั ๒. อนนั ตรปู นิสสยปจ จยั ๓. ปกตปู นิสสยปจจัย อินทรยิ ปจ จยั มี ๓ ปจจยั คอื ๑. สหชาตนิ ทริยปจ จัย ๒. ปุเรชาตนิ ทรยิ ปจ จัย ๓. รูปชวี ติ นิ ทรยิ ปจ จัย ปจ จยั ท่ีมี ๔ ปจ จัย มี ๑ ปจจยั คือ วปิ ปยตุ ตปจ จัย วิปปยตุ ตปจจัย มี ๔ ปจจยั คือ ๑. สหชาตวปิ ปยตุ ตปจจัย ๒. วัตถปุ ุเรชาตวิปปยุตตปจ จยั ๓. วัตถารัมมณปุเรชาตวปิ ปยุตตปจ จยั ๔. ปจ ฉาชาตวปิ ปยุตตปจจยั ๕. ข. ในปจจยั ๒๔ นัน้ เมอ่ื แบงออกเปนหมวดๆ แลว มกี ห่ี มวด คอื ? [P189(2)] 38(4ข), 45 ๑๑ ธ.ค. ๖๑ ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 23 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๗. ก. จงแปลคาถาสงั คหะทแี่ สดงถึงปจจัย ๖ จําพวก ? [P189(2)] 37(7ก) ตอบ ข. ในปจจยั ๒๔ นั้น เม่ือแบง ออกเปน หมวดๆ แลว มี ๖ หมวด คอื (37) จําแนกปจจัย ๒๔ ออกเปนพวกๆ คอื นาม เปนปจ จยั ชว ยอุปการะแกนาม มี ๖ ปจ จัย นาม เปน ปจจัยชว ยอปุ การะแกนามรูป มี ๕ ปจ จัย นาม เปน ปจ จยั ชวยอุปการะแกรปู มี ๑ ปจจยั รปู เปนปจจัยชว ยอปุ การะแกนาม มี ๑ ปจ จยั บญั ญตั ินามรปู ท้ัง ๓ เปน ปจ จยั ชวยอุปการะแกนาม มี ๒ ปจจัย นามรปู ทงั้ ๒ เปน ปจ จัยชวยอุปการะนามรปู ทง้ั ๒ มี ๙ ปจจัย ๕. ข. นาม เปน ปจ จัยชวยอปุ การะแกน าม ๖ ปจจยั คอื อะไรบาง ? ใหแสดงพรอ มทง้ั ความหมาย ? [P190(3)] ตอบ ข. นาม เปน ปจจัยชว ยอุปการะแกน าม ๖ ปจจยั คือ [นํ๕ (=นํ สนํ เส น ต)+สมั ] จิตและเจตสิกธรรม ท่เี กดิ ขน้ึ และดบั ไปโดยไมมรี ะหวา งค่นั เหลา นน้ั เปน ปจจัยชว ยอุปการะแก จติ เจตสิก ที่ เกิดขึ้นใหมต ดิ ตอ กนั ดว ยอาํ นาจ อนันตรปจ จัย สมนนั ตรปจ จยั นตั ถปิ จจัย วคิ ตปจ จยั ชวนะทีเ่ กดิ ขึน้ กอนๆ เหลา น้ี เปนปจ จยั ชว ยอุปการะแกชวนะที่เกิดหลงั ๆ ดวยอาํ นาจอาเสวนปจจยั จติ เจตสกิ ธรรม ทเ่ี กดิ พรอ มกนั เหลา น้ี เปนปจ จัยชว ยอุปการะแกกันและกนั ดว ยอาํ นาจสัมปยตุ ตปจจัย ๖. นามรปู เปน ปจ จัย นามรปู เปน ปจ จยุปบนั มกี ี่ปจ จยั คอื อะไรบา ง ? 36(6ข), 44, 50(6ข) และในปจ จัยเหลา นี้ แตละปจ จยั มกี ีป่ จ จยั หรือแบงออกเปน กปี่ จจยั คืออะไรบาง ? [P189] 56, 57 ๕. ค. นามรูป เปน ปจ จัยชว ยอุปการะ แก นามรปู มกี ี่ปจจัย อะไรบา ง ? [P189] 53 ตอบ (ข.) นามรปู เปน ปจ จยั นามรปู เปนปจจยุปบัน มี ๙ ปจจัย คือ ค. นามรปู เปนปจจัยชว ยอปุ การะ แกน ามรปู มี ๙ ปจจัย คือ ๑. อธปิ ตปิ จจัย ๒. สหชาตปจ จยั ๓. อญั ญมญั ญปจ จยั ๔. นสิ สยปจจัย ๕. อาหารปจจัย ๖. อนิ ทรยิ ปจ จยั ๗. วปิ ปยตุ ตปจ จยั ๘. อัตถิปจจัย ๙. อวคิ ตปจจยั (56) และในปจจยั เหลาน้ี แตล ะปจ จยั มี ๑ ปจ จยั บา ง ๒ ปจ จัยบา ง เปน ตน ดงั น้ี คือ อธปิ ตปิ จจยั มี ๒ ปจจัย คอื ๑. สหชาตาธปิ ติปจจัย ๒. อารมั มณาธปิ ติปจจัย สหชาตปจ จัย มี ๑ ปจ จยั คอื สหชาตปจ จัย อัญญมญั ญปจ จัย มี ๑ ปจ จยั คอื อัญญมัญญปจจัย นสิ สยปจ จยั มี ๓ ปจจยั คอื ๑. สหชาตนสิ สยปจ จยั ๒. วตั ถปุ เุ รชาตนิสสยปจจัย ๓. วตั ถารัมมณปุเรชาตนิสสยปจจยั อาหารปจ จยั มี ๒ ปจ จยั คอื ๑. รปู อาหารปจ จัย ๒. นามอาหารปจจัย อนิ ทรยิ ปจ จัย มี ๓ ปจจยั คอื ๑. สหชาตนิ ทริยปจ จยั ๒. ปุเรชาตนิ ทริยปจจัย ๓. รปู ชวี ติ นิ ทริยปจ จยั วปิ ปยตุ ตปจจัย มี ๔ ปจ จัย คอื ๑. สหชาตวิปปยตุ ตปจจยั ๒. วตั ถปุ เุ รชาตวปิ ปยตุ ตปจจยั ๓. วตั ถารัมมณปเุ รชาตวปิ ปยตุ ตปจ จัย ๔. ปจฉาชาตวปิ ปยตุ ตปจจยั อัตถปิ จจยั มี ๖ ปจจัย คอื ๑. สหชาตตั ถิปจ จัย ๒. วัตถปุ ุเรชาตตั ถปิ จจัย ๓. อารมั มณปเุ รชาตตั ถิปจจัย ๔. ปจฉาชาตตั ถิปจจยั ๕. อาหารตั ถปิ จ จยั ๖. อินทริยตั ถิปจจัย อวคิ ตปจจยั มี ๖ ปจจัย คอื ๑. สหชาตอวคิ ตปจ จัย ๒. วตั ถปุ เุ รชาตอวคิ ตปจ จยั ๓. อารมั มณปเุ รชาตอวคิ ตปจ จยั ๔. ปจฉาชาตอวิคตปจ จยั ๕. อาหารอวคิ ตปจ จัย ๖. อินทรยิ อวคิ ตปจ จยั ๑. สหชาตชาติ : ปจ จัย กบั ปจ จยุปบนั “เกิดพรอ มกัน” มี ๑๕ ปจ จัย แบง ออกเปน ๓ กลมุ คอื ๑) ญ4 = ส๖ นิส1-5๑๑ ถิ อ1-5๑๗ <*ถา นข.๔ เปน ‘วปิ ากจติ ’ (+1ปจ.) ๒) ก4 = อัญ๓ ปา สัม วปิ ๒๒ ๓) เลก็ ๗ ดาวนโ หลดขอมูลตางๆไดจาก ขอ ความเพม่ิ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 24 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๑. จตฺตาโร ขนฺธา อรปู โน อฺมฺ สหชาต/นิสสย/อตฺถ/ิ อวิคต//สมปฺ ยตุ ตฺ ปจฺจเยน ปจจฺ โย. ญ๔+สัม นามขนั ธ ๔ เปนปจ จยั คอื ชว ยอุปการะ() ซ่งึ กนั และกนั หรอื แกกันและกัน ดวยอํานาจสหชาตปจ จัย/สหชาตนสิ สยปจจยั / สห ชาตัตถปิ จ จัย/ สหชาตอวิคตปจจัย/ สัมปยุตตปจ จยั 89, 52 89, 52 ๑. จตตฺ าโร ขนฺธา อรปู โน อฺมฺ ปจฺจเยน ปจจฺ โย. นามขันธ ๔ (อฺมฺ ) ซึง่ กนั และกนั หรือแกกนั และกัน ดว ยอาํ นาจอญั ญมญั ญปจจัย 89, 52 89, 52 ๑. วิปากา จตฺตาโร ขนฺธา อรปู โน อฺมฺ วิปากปจจฺ เยน ปจจฺ โย. นามขนั ธ ๔ ทเี่ ปน วิปากซึง่ กนั และกนั หรือแกกันและกัน ดว ยอาํ นาจวปิ ากปจจยั ว.ิ 36, 38 วิ.36, 38 ๒. จตฺตาโร มหาภตู า อฺมฺ สหชาต/นิสสย/อตถฺ ิ/อวิคตปจฺจเยน ปจฺจโย. มหาภูตรูป ๔ เปนปจจัยคือชว ยอุปการะ() ซง่ึ กนั และกัน หรือแกกันและกัน ดวยอาํ นาจสหชาต/สหชาตนิสสย/สหชาตัตถิปจ จัย/สหชาตอวคิ ตปจ จัย มหาภ.ู 4 มหาภ.ู 4 ๒. จตฺตาโร มหาภตู า อฺมฺปจจฺ เยน ปจจฺ โย. มหาภตู รปู ๔ (อฺมฺ ) ซงึ่ กนั และกัน หรือแกกันและกนั ดว ยอาํ นาจอญั ญมญั ญปจจยั ๓. โอกกฺ นฺติกขฺ เณ นามรูป อฺมฺ สหชาต/นิสสย/อตฺถ/ิ อวิคตปจฺจเยน ปจจฺ โย. นามขันธ ๔ และหทยวัตถใุ นขณะปฏสิ นธกิ าลในปญจโวการภูมิ ซ่งึ กนั และกัน หรือแกกนั และกนั ดว ยอาํ นาจสหชาตปจ จยั / สหชาตนสิ สยปจ จัย/ สหชาตัตถิปจจัย/ สหชาตอวคิ ตปจจยั ๓. โอกกฺ นฺติกฺขเณ นามรูป อฺมฺ ปจจฺ เยน ปจจฺ โย. ในขณะปฏสิ นธกิ าล ปญจโวการนามขนั ธ และหทยวตั ถรุ ปู (อฺ มฺ ) ซึง่ กนั และกัน หรือแกกันและกนั ดวยอํานาจอัญญมญั ญปจจยั ปฏ.ิ 15, 35 ปฏ.ิ 15, 35 ๔. จิตฺตเจตสิกา ธมมฺ า จิตฺตสมุฏานานํ รปู านํ สหชาต/นิสสย/อตฺถ/ิ อวิคตปจฺจเยน ปจฺจโย. 75(-10 -4 จ.ุ อร), 52 จิร,ุ ปกํ. ธรรมทั้งหลาย คือ จติ ๗๕ เจตสิก ๕๒ (เวนทวปิ ญจวิญญาณจิต ๑๐ อรูปวิปากจติ ๔ และจุติจติ ของพระอรหันต) เปนปจ จยั คือชว ยอุปการะแกรูปทม่ี จี ติ เปนสมฏุ ฐาน ดว ยอาํ นาจสหชาตปจจยั /สหชาตนสิ สยปจ จยั / สหชาตัตถิปจจยั / สหชาตอวคิ ตปจ จยั ๕. มหาภตู า อุปาทารูปาน สหชาต/นิสสย/อตฺถ/ิ อวิคตปจจฺ เยน ปจจฺ โย. ส *นสิ *ถิ *อวิ =4 มหาภ.ู 4 อปุ าทา.24 มหาภตู รปู เปน ปจจยั คอื ชว ยอุปการะแกอ ปุ าทายรปู ดวยอาํ นาจสหชาตปจ จยั /สหชาตนสิ สยปจจัย/สหชาตัตถปิ จจยั /สหชาตอวิคตปจจยั ๖. รูปโน ธมมฺ า อรปู น ํ ธมมฺ านํ กิจฺ กิ าเล สหชาตปจจฺ เยน ปจจฺ โย กิ ฺจกิ าเล น สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. ในขณะปฏสิ นธกิ าล หทัยวตั ถรุ ปู ทัง้ หลาย เปน ปจจยั คือชวยอุปการะแกปญจโวการปฏสิ นธินามขันธ ๔ ดว ยอาํ นาจสหชาตปจจัย, แต ในปวัตติกาล เปน ปจ จยั คือชวยอุปการะแกนามขันธ ๔ ดวยอาํ นาจสหชาตปจจยั ไมไ ด ปจ จัย ปจจยุปบนั #ปจ. ปจ.สงเคราะห ญ4 อญั ปา สัม วิป น-น ๑) 89, 52 89, 52 6/7* ญ4 อญั <ปา* สัม ๑) วิ.36, 38 ว.ิ 36, 38 (๗ ปจ.) - ร-ร ๒) มหาภ.ู 4 มหาภ.ู 4 5 ญ4 อญั - นร-นร ๓) ปฏ.ิ 15, 35 ปฏ.ิ 15, 35 6/7* ญ4 อัญ <ปา* วิป ๓) ปฏ.ิ 15, 35 (๗ ปจ.) - น-ร ๔) 75(-10 -4 จุ.อร), 52 จริ ,ุ ปกํ. 5/6* ญ4 <ปา* วปิ - ๔) ว.ิ 22, 38ว.ิ จิร,ุ ปกํ. (๖ ปจ.) - ร-ร ๕) มหาภ.ู 4 อุปาทา.24 4 ญ4 - -- ๖. ก. จงแสดงปจ จยุปบนั ธรรม ของอญั ญมญั ญปจจัยดังตอไปน้ี ? [P193] 55(6ก) ๑. จิต เจตสกิ เปน อญั ญมัญญปจจัย ? ๒. มหาภูตรูป ๔ เปน อญั ญมัญญปจจยั ? ๓. ปฏสิ นธินามขนั ธ ๔ เปน อญั ญมญั ญปจจัย ? ๔. ปฏสิ นธิทหยวตั ถุ เปน อญั ญมัญญปจ จัย ? ตอบ ก. ปจจยุปบนั ธรรมของ อัญญมัญญปจจัย คอื ๑. จิต เจตสิก เปนอญั ญมญั ญปจ จยุปบนั ธรรม พระบาลี ขอ ๑ ๒. มหาภูตรปู ๔ เปนอญั ญมัญญปจ จยปุ บนั ธรรม พระบาลี ขอ ๒ ดาวนโหลดขอมูลตางๆไดจาก ขอ ความเพมิ่ เตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 25 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๓. ปฏสิ นธหิ ทยวตั ถุ เปนอญั ญมญั ญปจ จยุปบนั ธรรม พระบาลี ขอ ๓ ๔. ปฏิสนธนิ ามขนั ธ ๔ เปน อญั ญมญั ญปจจยุปบนั ธรรม พระบาลี ขอ ๓ นิสสยปจ จยั ๓๗ มี ๑๑ พระบาลนี ิทเทส พิสดาร ๓ ปจจยั นิทเทสขอ ๑-๕ สหชาตชาติ เปน สหชาตนิสสยปจจยั (ดูตารางดานบน), ขอ ๖-๑๐+๑๑ วัตถุปเุ รชาตชาติ เปนวตั ถุปเุ รชาตนิสสยปจจยั , อารัมณชาติ คอื ขอ ๑๑ เปน วัตถารัมมณปุเรชาตนิสสยปจ จัย ๖. ข. ใหแสดงปจ จยุปบันธรรม ของนสิ สยปจ จยั ธรรมดงั ตอไปน้ี ? 45 นิสสยปจจัย๓๑๑ ๑. จติ เจตสิก เปน นสิ สยปจจยั ธรรม ? [P] ๒. มหาภตู รูป ๔ เปน นสิ สยปจจยั ธรรม ? [P] ๓. วตั ถรุ ูป ๖ เปนนสิ สยปจ จยั ธรรม ? [P] ใหเ หตุ (ปจ) -> หาผล (ปย) ตอบ ข. แสดงปจจยปุ บันธรรมของนิสสยปจ จยั ธรรม ดงั นี้ ๑. จิต เจตสิก จติ ตชรปู ปฏสิ นธิกมั มชรปู เปน นิสสยปจ จยปุ บนั ธรรม พระบาลี ขอ ๑+๔ ๒. มหาภตู รปู ๔ และอปุ าทายรปู ๒๔ เปนนิสสยปจจยปุ บนั ธรรม พระบาลี ขอ ๒+๕ ๓. วญิ ญาณธาตุ ๗ เปนนิสสยปจจยุปบนั ธรรม พระบาลี ขอ ๖-๑๑ พระบาลนี ิทเทส-วัตถุปเุ รชาตชาติ(มี ๖ ปจ จัย นิส ปุ ติน วิป ถิ อ) เนนวัตถุปุเรชาตนิสสยปจ จัย (ขอ ๖-๑๑) [๘] นิสฺสยปจจฺ โยติ๓๑๑:(ส.๑-๕ / ถ.ุ ๖-๑๐ ๑๑ / ถา.๑๑)/[๑๐] ปุเรชาตปจจฺ โยต๒ิ ๑๓:(ถ๗ุ =๑-๕ ๑๒-๑๓ / อาปุ.๗=๖-๑๑ ๑๓)/ [๒๑] อตฺถปิ จจฺ โยติ๖๑๗ [๒๔] อวิคตปจจฺ โยติ๖๑๗:(ส๕=๑-๕/ ถ๖ุ =๖-๑๐ ๑๗/ อาปุ๗=๑๑-๑๖ ๑๗) ๖. จกขฺ ายตนํ จกขฺ วุ ิ ฺาณธาตุยา ตสํ มปฺ ยตุ ฺตกานจฺ ธมมฺ านํ นิสฺสย/ปเุ รชาต/อตถฺ /ิ อวิคตปจจฺ เยน ปจฺจโย. มัชฌมิ ายุกจกั ขายตนะท่ีเกดิ พรอ มกันกบั อตีตภวังคด วงแรก หรือฐีตปิ ตตจักขายตนะ ๔๙แกจักขวุ ิญญาณธาตุ และสัพพ จติ ตสาธารณเจ. ๗ ดวง ที่ประกอบกบั จกั ขุวิญญาณธาตุ ดวยอาํ นาจวตั ถุปเุ รชาตนสิ สยปจจัย/วัตถปุ ุเรชาตปจ จัย/วัตถปุ ุเรชาตตั ถิ ปจจยั /วัตถุปุเรชาตอวิคตปจจัย จกั ขุ->จักขุวญิ -ธาต+ุ สพั ๗ป ๗. โสตา - โสต. ๘. ฆานา - ฆาน. ๙. ชวิ ฺหา - ชิวหา. ๑๐. กายา. - กาย. ปสาท๕->ทว.ิ ๑๐+สัพ๗ป [๘] นสิ ฺสยปจฺจโยติ๓๑๑ : (ส.๑-๕ / ถ.ุ ๖-๑๐ ๑๑ / ถา.๑๑) (มี ๑๑ ขอ ) [P73-74] ๑๑. ยํ รปู นสิ ฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิ ฺ าณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูป มโนธาตุยา จ มโนวิฺ าณธาตุ จ ตสํ มฺปยตุ ฺตกานจฺ ธมฺมานํ นสิ ฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย. ->มโน๓ มโนวิญ.๗๒-อรูปว๔ิ +๕๒ป มโนธาตุ ๓ และมโนวิญญาณธาตุ ๗๒ เจ.๕๒ (-อรูปว.ิ ๔) อาศยั หทยั วตั ถใุ ดเกดิ ขึน้ หทยั วัตถนุ ัน้ เปนปจ จยั คือชว ยอุปการะ ()แกมโนธาตุ ๓ และมโนวญิ .๗๒ (เวนอรูปวิ.๔) เจ.๕๒ ทป่ี ระกอบกบั มโนธาตแุ ละมโนวิญญาณธาตุ ดวยอาํ นาจวัตถปุ เุ รชาต นสิ สยปจ จัย และวัตถารมั มณปเุ รชาตนิสสยปจ จยั (ถุ ถา) ๖. จงหาปจ จยุปบัน ของปจ จัย ดงั ตอ ไปน้ี ? 49 ใหเ หตุ (ปจ) -> หาผล (ปย) ก. จิตและเจตสิกธรรม เปนนสิ สยปจจยั ? [P] ข. มหาภตู รปู ๔ เปนนสิ สยปจจัย ? [P] ค. ปสาทรปู ๕ เปน อนิ ทริยปจจยั ? [P] ง. รูปชวี ติ นิ ทรีย เปน อนิ ทรยิ ปจจัย ? [P] จ. นามอินทรียองคธรรม ๘ มีชวี ิตินทรียเ จตสกิ เปน ตน เปนอนิ ทริยปจจัย ? [P] ตอบ ก. จิต เจตสิก และจติ ตชรปู ปฏิสนธกิ ัมมชรปู เปน นิสสยปจจยุปบนั พระบาลี ขอ ๑+๔ สห ข. มหาภตู รูป ๔ และอปุ าทายรปู ๒๔ เปนนิสสยปจจยปุ บนั พระบาลี ขอ ๒+๕ สห ค. ทวปิ ญจวิญญาณจติ ๑๐ เปนอนิ ทรยิ ปจจยปุ บนั อินทริยปจ จัยขอ ๑-๕ วตั ถุ ง. อปุ าทนิ นรปู คือ กัมมชรปู เปนอนิ ทรยิ ปจจยปุ บัน อินทรยิ ปจจัยขอ ๖ รปู ชี จ. นามรปู คือ จติ เจตสกิ จิตตชรูป ปฏสิ นธกิ มั มชรปู เปนอนิ ทริยปจ จยปุ บนั อินทรยิ ปจ จยั ขอ ๗ สห ๑๖. อนิ ทรยิ ปจจัย๓๗ มพี ระบาลนี ทิ เทส ๗ ขอ มปี จจยั พสิ ดาร ๓, พระบาลีนิทเทส ขอ ๑-๕ เปนปุเรชาตนิ ทริยปจจัย ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 26 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน (วัตถุปุเรชาตชาติ), ขอ ๖ เปน รปู ชวี ติ ินทรยิ ปจจัย/ชาต,ิ ขอ ๗ เปน สหชาตินทรยิ ปจจยั (สหชาตชาต-ิ เล็ก) [๑๖] อนิ ฺทรฺ ยิ ปจจฺ โยติ๓๗ : (สห ๗ / วตั ถุ๕=๑-๕ /รปู ชี ๖) (มี ๗ ขอ) [P117-118] ๑. จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุวิฺ าณธาตุยา ตสํ มฺปยตุ ตฺ กานจฺ ธมฺมานํ อนิ ฺทรฺ ิยปจฺจเยน ปจฺจโย. รูป->นาม มชั ฌมิ ายุกจักขุนทรยี คอื จักขุปสาทท่มี อี ายุเทา กันกบั รปู ารมณที่มากระทบ ไดแกจ กั ขุปสาททเ่ี กิดพรอมกนั กบั อตีตภวังคดวง แรก หรือฐีตปิ ตตจกั ขุนทรยี ๔๙ เปน ปจจัยคอื ชว ยอุปการะ แกจักขวุ ญิ ญาณธาตุ และสพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ ดวง ที่ประกอบกบั จกั ขุวญิ ญาณธาตุ ดวยอาํ นาจปุเรชาตนิ ทรยิ ปจ จยั จักขนุ ทรยี / ปสาท(วัตถ)ุ ->จักขุวิญญาณธาต+ุ สพั .๗ป ๒. โสตนิ ฺ.-โสต. ๓. ฆานนิ ฺ.-ฆาน. ๔ ชวิ หฺ นิ ฺ.-ชวิ ฺหา. ๕. กายนิ ฺ.-กาย. ๑-๕=ปสาทรูป ๕->ทว-ิ วิญ-ธาตุ ๑๐+สัพ.๗ป ๖. รปู ชวี ิตินทฺ ฺริยํ กฏตตฺ า รปู านํ อินทฺ รฺ ิยปจจฺ เยน ปจฺจโย. รปู ->รูป รูปชวี ติ นิ ทรีย ทีเ่ กดิ ขึ้นในปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล เปนปจ จยั คือชวยอปุ การะ แกก ัมมชรูปท่ีเหลือ ๙ หรือ ๘ ทอ่ี ยใู นกลาปอัน เดียวกันกบั ตน ดวยอาํ นาจรูปชวี ิตินทริยปจ จยั รปู ชีวติ ินทรีย (ชวี ิตรปู )->รูป ท่เี หลือ๙/๘ใน(กัมมช)กลาป(๙) ๗. อรูปโน อนิ ทฺ ฺรยิ า สมฺปยตุ ตฺ กานํ ธมฺมานํ ตสํ มฏุ านานฺจ รปู านํ อนิ ฺทรฺ ยิ ปจจฺ เยน ปจฺจโย. นาม->นามรปู นามอินทรีย ๘ คือ ชีวติ นิ ทรีย จิต เวทนา สทั ธา วิริยะ สติ เอกัคคตา ปญญา เปนปจจัยคอื ชว ยอุปการะแกจิต ๘๙ เจตสกิ ๕๒ ทปี่ ระกอบกบั นามอนิ ทรยี ๘ และจิตตชรปู ปฏสิ นธิกัมมชรปู ซ่งึ มนี ามอนิ ทรยี ๘ และสัมปยตุ ตธรรมเปน สมฏุ ฐาน ดว ยอาํ นาจ สหชาตินทริยปจ จัย นามอนิ ทรีย ๘->นามรูป (๘๙+๕๒ป จิรุ ปก)ํ ๔. ก. จงแสดงปจจยุปปน ธรรมของปจ จยั ดงั นี้ ? 51 ใหเหตุ (ปจ) -> หาผล (ปย) นามอนิ ทรยี องคธรรม ๘ เปนอนิ ทรยิ ปจจัย ? [P] รูปชวี ติ นิ ทรีย เปน อนิ ทริยปจจยั ? [P] อนิ ทรยิ ปจ จยั ๓๗ ตอบ ก. นามอินทรยี องคธ รรม ๘ เปนอนิ ทรยิ ปจจัย นามรปู คอื จติ ๘๙ เจตสกิ ๕๒ และ จิตตชรปู ปฏสิ นธกิ มั มชรปู เปน อนิ ทริยปจจยปุ ปน รปู ชวี ติ ินทรยี เปนอนิ ทรยิ ปจ จัย อปุ าทินนรปู คอื กมั มชรปู เปนอนิ ทริยปจ จยุปปน ๖. ก. ใหแ สดงปจ จัยธรรมของอนิ ทริยปจ จยปุ บนั ธรรม ดังตอไปน้ี ? 45, 54(6ก) หาเหตุ (ปจ) -> ใหผล (ปย) ๑. ทวิปญ จวญิ ญาณจติ ๑๐ เปน อินทริยปจ จยปุ บันธรรม ? [P] อนิ ทริยปจ จัย ขอ ๑-๕ วตั ถุ ๒. อปุ าทนิ นรปู คอื กัมมชรูป เปนอนิ ทริยปจ จยุปบนั ธรรม ? [P] อินทริยปจ จยั ขอ ๖ รปู ชี ๓. นามรูป จิต เจตสกิ จิตตชรูป ปฏิสนธิกัมมชรูป เปนอินทรยิ ปจจยุปบนั ธรรม ? [P] อนิ ทริยปจ จัย ขอ ๗ สห ตอบ ก. แสดงปจจยั ธรรมของอนิ ทรยิ ปจจยุปบนั ธรรม ดงั นี้ ๑. ปสาทรปู ๕ เปนอนิ ทริยปจจัยธรรม ๒. รูปชีวิตนิ ทรยี เปน อนิ ทรยิ ปจ จัยธรรม ๓. นามอนิ ทรยี องคธ รรม ๘ มชี ีวติ ินทรยี เ จตสกิ เปน ตน เปนอนิ ทริยปจจัยธรรม ขอ ๗ ๗. คาํ วา บัญญัติ หมายความวา อยางไร ใหแสดงวจนัตถะของอรรถบัญญัตขิ อ ที่ ๑ สัททบัญญัติขอ ท่ี ๒ และจงแสดงสรปุ ความดวย ? [P202-203] 58 ตอบ คําวา บัญญตั ิ หมายความวา เนอ้ื ความ คือ วตั ถุ สิ่งของ เรอ่ื งราวตางๆ ทพี่ งึ ใหถกู รูได ชนดิ น้ีเรยี กวา อตั ถบญั ญตั ิ ดงั แสดงวจนตั ถะวา “ปฺ าปยตตฺ า = ปฺ ตตฺ ”ิ เนอ้ื ความ คอื วตั ถุส่งิ ของเรอื่ งราวตา งๆ ทีพ่ งึ ใหถ ูกรไู ด ชอ่ื วา บญั ญตั ิ ไดแ ก อตั ถบญั ญตั ิ “ปกาเรน าเปตตี ิ = ปฺ ตตฺ ”ิ เสยี ง คือ คาํ พดู ยอ มทําใหร เู นื้อความ คือ วตั ถสุ ่งิ ของเรื่องราว และสภาพปรมัตถไ ดดว ยประการตา งๆ ฉะนัน้ ชอื่ วา บญั ญตั ิ ไดแ ก สัททบญั ญตั ิ ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจ าก ขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 27 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๗. ก./ข. วจนตั ถะตอไปนี้ แปลวาอยา งไร ไดแ กบ ญั ญตั อิ ะไร ? [P202-203] 48, 59 ๑. ปกาเรน าปยตตี ิ = ปฺ ตตฺ ิ ๒. ปกาเรน าเปตีติ = ปฺตตฺ ิ ตอบ ก. ข. วจนัตถะตอไปนี้ แปลดงั น้ี ๑. ปกาเรน าปยตตี ิ = ปฺ ตฺติ แปลวา วตั ถุสิ่งของเรือ่ งราวตางๆ ช่อื วา บัญญตั ิ เพราะพึงใหถกู รูได โดย ประการตา งๆ ไดแ ก อัตถบญั ญตั ิ ๒. ปกาเรน าเปตตี ิ = ปฺ ตตฺ ิ แปลวา เสยี งคือคาํ พดู ยอ มทาํ ใหร ูเนอ้ื ความ คอื วตั ถสุ ง่ิ ของเรอื่ งราว และ สภาพปรมตั ถไดด ว ยประการตางๆ ไดแ ก สัททบญั ญตั ิ ๗. ก. ใหแ ปลคาํ บาลดี งั ตอไปน้ี ? [P202-3] 45 ปฺ าปยตฺตา = ปฺ ตฺติ ปฺ าปนโต = ปฺ ตตฺ ิ ตอบ ก. แปลคําบาลีดงั น้ี อัตถบญั ญตั ิ เพราะเปนบญั ญตั ิท่ีพึงใหถ ูกรูไดโ ดยประการตา ง ๆ สทั ทบัญญัติ เพราะเปนบญั ญตั ิที่พึงใหร เู น้ือความไดโ ดยประการตา ง ๆ ๗. ก. บญั ญตั เิ มอื่ กลา วโดยประเภทใหญแลว (มเี ทาไหร) มกี ่ีประเภท (อยาง) คืออะไรบาง ? 54 จงแสดงพรอมดว ยความหมาย ? 48, 59 และตวั อยางประกอบดวย ? [P202-203] 46, 47 ก. เน้ือความทเี่ หลือจากรูปนามนนั้ เรียกวาอะไร มีกอ่ี ยา ง คอื อะไรบา ง ? [197, P202-203] 44, 51, 53 จงแสดงพรอมดวยความหมาย? 48 ตอบ ก. บัญญตั ิเม่ือกลา วโดยประเภทใหญแลว มี ๒ ประเภท (อยา ง) คอื ก. เนือ้ ความทเ่ี หลอื จากรูปนามนั้น เรียกวา บัญญัติ แบง ออกเปน ๒ อยา ง คอื ๑. อตั ถบัญญตั ิ เพราะเปนบัญญัติทีพ่ งึ ใหถกู รไู ดโ ดยประการตา งๆ ตัวอยาง เชน แผนดิน บาน บุคคล ทศิ ตะวนั ออก ถ้าํ บริกรรมนมิ ติ เปน ตน ๒. สทั ทบัญญตั ิ เพราะเปน บัญญัตทิ พ่ี งึ ใหรูเนื้อความไดโ ดยประการตางๆ ตัวอยา งเชน รูป เวทนา ภูเขา ตน ไม ฉฬภญิ โญบุคคล เตวิชโชบคุ คล เปน ตน ๗. จงยกตัวอยางในสิง่ ทมี่ ีชวี ติ เชน งู วาเปน ไดท ั้งสทั ทบญั ญตั ิ อตั ถบญั ญตั ิ และเปน ปรมตั ถ พรอมทงั้ สรุปความมาดวย ? [P204] 36(7ข), 52 ตอบ ยกตัวอยา งในสง่ิ มชี วี ติ เชน งู ที่ชื่อวา งเู ปน สทั ทบญั ญัติ รปู รา งของงูมตี วั ยาวกลมเปน ตน เปน อตั ถบัญญตั ิ สีของงทู าํ ใหเราเหน็ ได ถางนู น้ั ทาํ เสียงขู เราก็ไดย ินเสยี งได ถาจบั ตวั ดู กร็ สู ึกวาออน งนู ั้นก็มีการมองเหน็ สง่ิ ตา งๆ ได ไดยนิ เสียงได ถา ถกู คนตี กม็ คี วามรูสกึ เจบ็ และมีความกลัวโกรธได สี เสยี ง ออน เปนตน เหลา นี้ เปน รปู ปรมัตถ การเห็นการไดยนิ การรูสกึ เจบ็ การกลัว การโกรธของงเู หลา น้ี เปนจติ และเจตสกิ ปรมัตถ สรุปความวา ชือ่ ตา งๆ ภาพตา งๆ และคาํ พูดตา งๆ เปนสัททบญั ญัติ วัตถุสง่ิ ของเรอ่ื งราวตา งๆ เปน อตั ถบญั ญตั ิ สภาวลักษณะของชื่อทเ่ี กีย่ วกับรูปนาม และสภาวลกั ษณะท่อี ยูในสงิ่ ของตางๆ เปน ปรมัตถ ๗. คาํ ตอ ไปน้ี หมายความวา อยา งไร ? [P202, 211-212] 56 ก. อัตถบัญญัติ (แสดงตามวจนัตถะ) [P202] ข. สัททบญั ญตั ิ (แสดงตามวจนตั ถะ) [P202] ค. วชิ ชมานบัญญัติ [P211] ฆ. วชิ ชมาเนนวิชชมานบัญญัติ [P211] ง. อวิชชมาเนนอวชิ ชมานบัญญัติ [P212] ตอบ คาํ ตอไปนี้ หมายความวาดังน้ี ก. อตั ถบัญญัติ = เนือ้ ความคือวตั ถสุ ง่ิ ของเรอ่ื งราวตา ง ๆ ทีพ่ ึงใหถูกรไู ด ข. สัททบญั ญตั ิ = เสียงคอื คาํ พดู ยอมทาํ ใหร ูเนื้อความ คอื วัตถุสง่ิ ของเรื่องราว และ สภาพปรมัตถได ดว ยประการตา ง ๆ ค. วชิ ชมานบญั ญตั ิ = เปน สทั ทบัญญัติ ที่มสี ภาวปรมัตถปรากฏอยู ฆ. วิชชมาเนนวชิ ชมานบญั ญตั ิ = เปนสทั ทบัญญตั ิ ทกี่ ลา วถงึ ธรรมท่มี ีสภาวปรมตั ถป รากฏ กับ ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอความเพิม่ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 28 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ธรรมท่มี ีสภาวปรมตั ถปรากฏรวมกนั อยู ง. อวิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ = เปน สทั ทบญั ญัติ ท่ีกลา วถงึ ธรรมที่ไมม ีสภาวปรมตั ถป รากฏ กบั ธรรมทไ่ี มม ีสภาวปรมตั ถปรากฏรวมกันอยู ๗. สัททบญั ญัติอยา งเดียวเรียกช่ือไดก อ่ี ยา ง คอื อะไรบา ง ใหแ สดง/จงบอก ความหมาย(ของสัททบญั ญตั นิ นั้ ๆ) มาดวย ? [P208-210] 38, 60 ตอบ สทั ทบัญญัติ เรยี กชอื่ ได ๖ อยาง คอื ๑. นามะ ไดแ ก ชอ่ื ตา งๆทม่ี ีสภาพนอมเขา สเู นอื้ ความ คอื อัตถบญั ญัติ [P] และทาํ ใหเ น้อื ความน้นั นอ มเขาสูตน คือ ชอ่ื ตา งๆ นนั้ ดว ย ๒. นามกมั มะ ไดแ ก นามบญั ญัตทิ นี่ กั ปราชญทงั้ หลายในสมยั โบราณ เรียกขานกันมา [P] เชนเรียกวา แผนดนิ ภเู ขา เปน ตน ๓. นามเธยยะ ไดแ ก นามบัญญัตทิ น่ี ักปราชญทั้งหลายในสมัยโบราณ สมมุตติ ้ังชอื่ ไวจ นถงึ ทุกวันน้ี [P] เชน เรยี กวา แผน ดิน ภูเขาเปนตน ๔. นิรตุ ติ ไดแ ก นามบญั ญัตทิ น่ี ักปราชญทงั้ หลาย คดิ นกึ พิจารณาแลวตง้ั ชอื่ สงิ่ ตา งๆ ใหปรากฏขน้ึ [P] ๕. พยญั ชนะ ไดแ ก นามบัญญัตทิ ีส่ ามารถแสดงเน้ือความ คอื อตั ถบญั ญตั ใิ หป รากฏ [P] ๖. อภิลาปะ ไดแ ก นามบัญญัตทิ ่ีผกู ลา วเรียก ยอมมุงสตู รงเน้อื ความ แลว กก็ ลา วเรยี กขน้ึ [P] ๗. ข. สัททบญั ญตั ิอยางเดยี ว เรียกชอ่ื ได ๖ อยา งมีนามะ นามกัมมะเปน ตนนนั้ (ทราบแลวไมถ าม แตขอถามวา) เมื่อสรปุ แลวไดความวาอยางไร ? [P210] (46, 47), 49, 55(7ก/ค) ตอบ สทั ทบัญญตั อิ ยางเดียวเรียกชื่อได ๖ อยา ง (มีนามะ นามกัมมะเปน ตน ) นนั้ เมอื่ สรปุ แลว ไดค วามวา คาํ วา ภูมหิ รือแผน ดนิ น้ี มชี ่ือได ๖ อยางดงั ทีก่ ลา วมานี้ แมใ นช่อื อื่นๆ มี ภูเขา ตนไม ชาย หญิงเปนตน และภาษา ตา งๆ ท่ีใชก ันอยใู นโลกนค้ี ําหนง่ึ ๆ ก็มชี ่ือได ๖ อยางมี นามะ นามกมั มะ เปน ตน เชนเดยี วกนั เพราะคําพดู และ ภาษาตา งๆ เหลานี้ก็เปนสัททบัญญตั ดิ วยกนั ทั้งนัน้ อปุ มาเหมือนคนคนเดยี วมชี ื่อ ๖ อยา งดว ยกนั ฉันนน้ั และ สัททบัญญตั เิ หลา นี้ เรียกวา นามบัญญตั กิ ไ็ ด ๗. วิชชมานบญั ญัติ อวิชชมานบญั ญตั ิ หมายความวา อยางไรใหยกตัวอยาง และแสดงวจนัตถะดวย ? [P211] 57 ตอบ วิชชมานบัญญตั ิ หมายความวา เปน สัททบัญญตั ทิ ่ีมีสภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชน คําวา รปู เวทนา สัญญา สังขาร วญิ าณ นิพพาน เปน ตน หรอื เมอื่ กลา วโดยสรปุ แลว กไ็ ดแ กค ําพดู ทเี่ ก่ียวกบั จติ เจตสกิ รปู นิพพาน นั้นเอง ดังแสดงวจนัตถะวา “วิชชฺ ามานสสฺ ปฺ ตตฺ ิ = วิชชฺ มานปฺ ตตฺ ”ิ คาํ สมมุตขิ องธรรมท่ีมีสภาวปรมตั ถปรากฏอยูชอื่ วา วิชชมานบญั ญตั ิ อวชิ มานบัญญตั ิ หมายความวา เปน สทั ทบัญญตั ทิ ไ่ี มม สี ภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชน คาํ วา แผนดนิ ภเู ขา ตน ไม แมน ้าํ มหาสมทุ ร บาน ชาย หญงิ เปน ตน ดงั แสดงวจนตั ถะวา “อวิชชฺ มานสสฺ ปฺ ตตฺ ิ = อวิชชฺ มานปฺ ตฺต”ิ คําสมมตุ ิของธรรมที่ไมม ีสภาวปรมัตถปรากฏอยชู ่ือวา อวชิ ชมานบญั ญัติ ๗. ข. ใหแ ปลในบาลดี งั ตอ ไปนี้ (ที่ละไวกใ็ หแ ปลใหห มด) ? [P200] 43 สา วิชชฺ มานปฺ ตฺติ ฯลฯ อวิชชฺ มานเนน อวชิ ชฺ มานปฺ ตตฺ ิ เจติ ฉพพฺ ิธา โหต.ิ ตอบ ข. บาลีน้ี แปลวา สทั ทบัญญัตนิ ้ีมี ๖ ประเภท คอื ๑. วชิ ชมานบญั ญตั ิ ๒. อวิชชมานบัญญตั ิ ๓. วิชชมาเนนอวชิ ชมานบัญญัติ ๔. อวิชชมาเนนวิชชมานบัญญัติ ๕. วิชชมาเนนวชิ ชมานบัญญตั ิ ๖. อวชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพิม่ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมิกะโท 29 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๗. ข. วชิ ชมานบญั ญัตแิ ละอวิชชมานบญั ญตั ิ หมายความวา อยา งไร ใหแ สดงตัวอยางดว ย ? [P211-2] 36(7ก), 50 ๗. ก. สทั ทบัญญตั ิประเภทที่ ๑ และท่ี ๒ ช่ือวา อยางไร? จงแสดงพรอมดวยความหมาย และยกตวั อยา งดวย ? 49, 54 / ก. สัททบญั ญัติประเภทที่ ๑, ๒, ๕, ๖ ไดแ กอ ะไรบาง ? [P211-212] 54 ๗. ก. สทั ทบัญญัติขอ ที่ ๓ คอื อะไร ใหบอกความหมายและยกตวั อยา งดว ย ? [P211-212] 51, 55(7ข/ค) ๗. ข. สัททบญั ญตั ปิ ระเภทที่ ๓ และ ๔ น้นั ช่อื วาอะไร จงแสดงพรอมดวยความหมาย ยกตัวอยา งประกอบดว ย ? [P211-212] 53 ๗. สทั ทบญั ญตั มิ ีกปี่ ระเภท คอื อะไรบาง ใหแสดงความหมายมาดว ย (ไมตอ งยกตัวอยาง) และคาํ วา คนใจบญุ ผลของกรรม เปนสทั ทบญั ญตั ิ ประเภทไหน ? [P211-212] 37 ๗ ข. จงแสดงสทั ทบญั ญัติ ๖ ประเภท พรอมทั้งความหมาย ? [P211-212] 39(7ข) ๗. สทั ทบัญญตั ิ ๖ ประเภทน้ัน คืออะไรบา ง? ใหแสดงความหมายและยกตวั อยางดว ย ? [P211-212] 41, 61 ตอบ สัททบญั ญตั ิ มี ๖ ประเภท คือ ๑. วิชชมานบญั ญตั ิ เปน สัททบัญญตั ิท่มี สี ภาวปรมตั ถป รากฏอยู เชน รปู เวทนา สญั ญา สังขาร วิญาณ นิพพาน เปนตน ๒. อวิชชมานบัญญตั ิ เปนสัททบญั ญตั ิทไี่ มม สี ภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชน แผน ดนิ ภูเขา ตนไม แมน ้ํา มหาสมทุ ร บา น ชาย หญิง เปน ตน ๓. วิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญัติ เปนสทั ทบัญญัติทีก่ ลา วถงึ ธรรมทม่ี สี ภาวปรมตั ถป รากฏ กับธรรมทไ่ี ม มีสภาวปรมตั ถปรากฏ รวมกันอยู เชน ฉฬภิ ฺโ เตวชิ โฺ ช ปฏสิ มฺภทิ ปฺปตโฺ ต โสตาปนฺโน เปน ตน ๔. อวชิ ชมาเนนวิชชมานบญั ญตั ิ เปนสัททบัญญตั ทิ ีก่ ลา วถงึ ธรรมทไี่ มม ีสภาวปรมตั ถปรากฏ กบั ธรรมท่ี มีสภาวปรมัตถป รากฏ รวมกนั อยู เชน อิตถฺ ิสทฺโท เสยี งหญงิ สวุ ณฺณวณโฺ ณ สีทอง ปปุ ผฺ คนโฺ ธ กลนิ่ ดอกไม เปน ตน ๕. วชิ ชมาเนนวชิ ชมานบัญญตั ิ เปน สทั ทบัญญตั ทิ ี่กลาวถงึ ธรรมที่มีสภาวปรมัตถป รากฏ กบั ธรรมทมี่ สี ภาว- ปรมตั ถป รากฏ รวมกนั อยู เชน จกขฺ วุ ิฺ าณํ วญิ ญาณทีอ่ าศยั จกั ขุวตั ถเุ กดิ , จกฺขสุ มผฺ สโฺ ส การกระทบทางตา เปน ตน ๖. อวิชชมาเนนอวิชชมานบญั ญัติ เปนสทั ทบัญญัตทิ กี่ ลาวถงึ ธรรมทไ่ี มม ีสภาวปรมัตถป รากฏ กบั ธรรม ทไ่ี มม ีสภาวปรมัตถปรากฏ รวมกันอยู เชน ราชปตุ ฺโต = บตุ รของพระราชา, ราชนตตฺ า = หลานของพระราชา, เสฏ ภริยา = ภรรยาเศรษฐี, เชฏ ภคนิ ี = พส่ี าว เปน ตน คนใจบุญ เปน อวิชชมาเนนวิชชมานบัญญัติ ผลของกรรม เปนวชิ ชมาเนนวิชชมานบญั ญตั ิ ๗. ข. สทั ทบัญญัตปิ ระเภทท่ี ๓ นนั้ ชอ่ื วาอะไร? จงแสดงพรอมดว ยความหมาย ตวั อยางของประเภทที่ ๓ น้ี เชน ฉฬภิ โฺ เตวิชฺโช ปฏสิ มฺภทปปฺ ตฺโต เปน ตน ถาแปลเปน ภาษาไทยแลว จะกลับเปนตวั อยางของสัทท บัญญตั ปิ ระเภทไหน ช่อื วา อะไร ใหแ สดงพรอ มดว ยความหมาย และตวั อยางทย่ี กมาน้ีแปลวาอยางไร ? [P211] 44 ตอบ ข. ชอื่ วา วชิ ชมาเนนอวิชชมานบญั ญัติ หมายความวา เปน สัททบัญญตั ิทีก่ ลาวถึงธรรมทีม่ สี ภาวปรมัตถ ปรากฏกับธรรมทไ่ี มม ีสภาวปรมตั ถปรากฏ รวมกนั อยู ตวั อยางของประเภทท่ี ๓ น้ี ถาแปลเปนภาษาไทยแลวก็ จะกลับเปน ตัวอยา งของสัททบัญญัติประเภทท่ี ๔ ชอ่ื วา อวิชชมาเนนวิชชมานบัญญตั ิ หมายความวา เปน สทั ท บัญญัติท่กี ลา วถงึ ธรรมท่ีไมม ีสภาวปรมตั ถปรากฏกับธรรมที่มีสภาวปรมัตถปรากฏรวมกันอยู และตวั อยางท่ยี ก มาน้ี แปลวา บคุ คลที่ไดอ ภญิ ญา ๖ บุคคลทีไ่ ดวชิ ชา ๓ บุคคลท่ไี ดบ รรลปุ ฏิสมั ภิทาญาณ ๗. ก. ข. ค. อัตถบัญญตั ิ ท่เี ก่ียวกบั โรงเรยี น สตั ว เดือน ป และวนั มชี อื่ วาอยา งไร ? [P205-207] 51, 55(7ค/ค) ตอบ ก. ข. ค. อตั ถบญั ญตั ทิ ่ีเกีย่ วกับโรงเรียน มชี อ่ื วา สมูหบญั ญตั ิ [P205] อตั ถบญั ญัตทิ ี่เกยี่ วกบั สัตว มีช่อื วา สตั วบัญญตั ิ [P206] อัตถบญั ญัตทิ ีเ่ กย่ี วกับเดอื น มชี อ่ื วา มาสบัญญตั ิ [P207] อัตถบญั ญตั ิที่เกีย่ วกบั ป มีช่อื วา สงั วจั ฉรปญ ญตั ิ [P207] ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจาก ขอความเพิม่ เตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 30 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน อตั ถบัญญตั ิทเ่ี ก่ยี วกับวนั มีชือ่ วา วารบญั ญัติ [P207] ๗. ข. ใหบ อกชอื่ ชนดิ ของบัญญตั ใิ นคาํ ดงั ตอ ไปน้ี วาเปน อตั ถบญั ญตั แิ ละสัททบญั ญตั ิประเภทไหนอาจารย, วันอาทติ ย, นักศึกษาปรมตั ถธรรม, พระโสดาบนั บุคคล ? [P206-213] 45 ตอบ ข. อาจารย เปนอตั ถบญั ญัติ ประเภทสัตวบญั ญตั ิ เปนสทั ทบัญญตั ิ ประเภทอวชิ ชมานบัญญัติ วนั อาทิตย เปน อตั ถบัญญตั ิ ประเภทวารบญั ญตั ิ เปนสทั ทบญั ญัติ ประเภทอวิชชมานบญั ญตั ิ นักศกึ ษาปรมัตถธรรม เปน สทั ทบัญญัติ ประเภทอวิชชมาเนนวิชชมานบัญญัติ โสดาบนั บคุ คล เปน อัตถบญั ญัติ ประเภทสัตวบญั ญตั ิ เปนสทั ทบัญญัติ ประเภทวชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ *************************** สิง่ ทสี่ าํ คญั คือการเขา เรยี น-ศึกษากบั อาจารยผูสอน เพอ่ื ความรูความเขา ใจท่ถี ูกตอง แจม แจง หากสงสยั จะได สอบถามทนั ที การรวบรวมขอ สอบทเี่ คยออกมาแลว น้ี เปน เพยี ง แนวทางสาํ หรบั ผูศ กึ ษา นํามาเนน+ทรงจาํ ไว (หาก ความสามารถมากกวาน้ี ก็ควรจะทรงจําใหไดท ัง้ หมด จงึ จะชือ่ วา สุตะดว ยดี เพอื่ การจนิ ตาและภาวนาตอไป) การสอบไมใ ชท ี่สุดของชีวิต ขอใหต ้ังจติ ศึกษา และทรงจํา เพอ่ื ธํารงและรกั ษาไวซ ง่ึ พระศาสนา รูอ รรถะ และพยัญชนะ ท้งั เขา ใจและเขา ใหถึงธรรมะ แมย งั มิ บรรลคุ ุณธรรมอนั สูงถงึ ขนั้ อริยะ ก็ขอจงเปน ผรู ูธรรมะ (ตามสมควร) และจงเปน ผมู ธี รรมะ วายเมเถว ปรุ โิ ส ยาว อตถฺ สสฺ นปิ ปฺ ทา เกดิ เปน คนควรจะพยายาม จนกวาจะประสบความสาํ เรจ็ สาํ เนาประกอบการเรยี นหรือแจกโดยไมต อ งขออนญุ าต (สงวนสิทธใิ์ นการจําหนาย) ผิด-ตกขออภัย และกรุณาแจง ดว ยคะ ที่ 081-860-2466, Line ID: 081-860-2466, fb: Kanrasi Sengking, E-mail: [email protected], [email protected] ขออนโุ มทนาในการศึกษาธรรมะ และทกุ ๆกุศลทที่ า นกระทาํ ไวดแี ลว และที่จะกระทําในอนาคต ใหเ ราน้นั มปี จจยั ถงึ พรอ มเพอ่ื การทาํ กศุ ลใหสําเร็จโดยสะดวก งายดาย และเรว็ ไว จนถึงมัคคกศุ ล โดยเร็วพลนั เทอญ ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพิม่ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 31 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน เฉลยขอ สอบขอ เขยี นพระอภธิ รรม ภาคเรียนท่ี ๒ ปการศึกษา ๒๕๔๓-๖๑ อภิธรรมโชติกะวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย ช้ัน มัชฌมิ อาภธิ รรมิกะโท สอบวนั เสารท ่ี....ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕...... วิชา : สมถะ วปิ ส สนา ๗ ขอ ๗๐ คะแนน เวลา ๔ ช.ม. (วันหลัง) สมถกมั มัฏฐาน ขอ ๑-๔ ๑. ก. ในสมถกรรมฐาน ๔๐ นัน้ แบง ออกเปนก่หี มวด คอื อะไรบาง ? [P1, 25] 44, 45, 48, 53(1ข) ตอบ ก. ในสมถกรรมฐาน ๔๐ แบง ออกเปน ๗ หมวด คือ ๑) กสณิ ๑๐ ๒) อสภุ ะ ๑๐ ๓) อนสุ สติ ๑๐ ๔) อัปปมัญญา ๔ ๕) สญั ญา ๑ ๖) ววัตถาน ๑ ๗) อารุปป ๔ ๑. ก. กมั มฐานสงั คหะ หมายความวา อยา งไร ใหแ สดงวจนัตถะพรอ มทง้ั คาํ แปล ? [P15] ตอบ ก. กมั มฐานสงั คหะ หมายความวา เปนปรจิ เฉททแ่ี สดงการรวบรวมกรรมฐานตางๆ แสดงวจนตั ถะวา กมฺมฏ านานํ สงฺคโห = กมมฺ ฏ านสงฺคโห ปรจิ เฉททแี่ สดงการรวบรวมกรรมฐานท้งั หมด ชอ่ื วา กัมมฐานสังคหะ ๑. ก. คาํ วา ภาวนา แปลวา อยางไร แสดงวจนัตถะวาอยา งไร ? [P15] 47 ๑. ก. คาํ วา ภาวนา แปลวา อยา งไร ใหแ สดงวจนัตถะ พรอ มทง้ั คําแปลมาดวย ? [P15] 59 และภาวนา มีอยกู อี่ ยา ง คอื อะไรบา ง ? 61 ตอบ ก. คําวา ภาวนา แปลวา ธรรมท่ีควรเจรญิ คือ ใหเกิดขน้ึ บอยๆ ในสนั ดานของตน ชอื่ วา ภาวนา ดังแสดงวจนัตถะวา “ภาเวตพพฺ าติ = ภาวนา” ธรรมทบี่ ณั ฑติ ทัง้ หลาย พึงทาํ ใหเกดิ ขนึ้ เปน ครงั้ แรก และ ครง้ั หลงั ๆ ใหต ดิ ตอกนั เปน นจิ จนถึงเจริญข้ึน ฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา ภาวนา ภาวนา มี ๒ อยา ง คือ ๑. สมถภาวนา ๒. วปิ ส สนาภาวนา ๑. ก. ภาวนา แปลวา อยางไร มีกอ่ี ยา งคืออะไรบา ง? ใหแสดงวจนตั ถะของสมถภาวนานัยท่ี ๑ และของวิปส สนาภาวนา ? [P15-16, 18] 51 ๑. ข. ภาวนา แปลวาอยา งไร / ข. ธรรมที่ช่อื วา ภาวนา มอี ยูก่ีอยาง คอื อะไรบาง ? [P15] 44, 45, 47, 49, 53(3ก) ตอบ ก./ข. ภาวนา แปลวา ธรรมทค่ี วรเจริญ คอื ใหเกดิ ขน้ึ บอ ย ๆ ในสนั ดานของตน ชอ่ื วา ภาวนา ภาวนา มี ๒ อยา ง คอื ๑. สมถภาวนา ๒. วปิ ส สนาภาวนา (51) แสดงวจนัตถะของสมถภาวนานยั ท่ี ๑ วา กเิ ลเส สเมตีติ = สมโถ ธรรมใดทาํ ใหก เิ ลสมกี ามฉันทนวิ รณเ ปน ตน สงบลง ฉะน้นั ธรรมนั้นช่ือวา สมถะ แสดงวจนัตถะของวปิ ส สนาวา วเิ สเสน ปสฺสตตี ิ = วปิ สฺสนา ธรรมชาตใิ ดยอมเหน็ แจง เปน พิเศษ ฉะนน้ั ธรรมชาตนิ ้นั ช่อื วา วปิ ส สนา ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอ ความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 32 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ๒. กเิ ลเส สเมตตี ิ = สมโถ วจนัตถะขอท่ี ๑ น้ี แปลวา อยางไร? และจงอธบิ ายในวจนัตถะขอน้ี มาใหถ กู ตอง ? [P16] 49 ตอบ วจนตั ถะขอท่ี ๑ นี้ แปลวา ธรรมใด ทาํ ใหก ิเลสมกี ามฉนั ทนวิ รณ เปน ตน สงบลง ฉะนั้น ธรรมน้ันช่ือวา สมถะ ไดแก สมาธิ คือ เอกคั คตาทใ่ี นมหากุศลจติ ๘ และ รปู าวจรปฐมฌานกศุ ลจิต ๑ อธบิ ายวา ปถุ ุชนท้งั หลายทกี่ าํ ลังเจริญสมถกรรมฐานอยูน นั้ ในเวลาน้ัน มหากศุ ลจติ ตปุ บาท ยอมเกดิ ขนึ้ เรอื่ ยๆ ถาผนู ้นั เปนตเิ หตกุ ปุถุชน และมีความพยายามอยา งเพยี งพอแลว กจ็ ะสามารถสาํ เรจ็ เปน ฌานลาภบี คุ คลคือ รู ปา-วจรปฐมฌานกศุ ลยอ มเกดิ ขนึ้ มหากศุ ลจติ ตุปบาทและปฐมฌานกศุ ลจติ ตปุ บาทเหลา นี้ มีเอกคั คตาเจตสกิ เปนประธานทานมงุ หมายเอาเฉพาะ เอกคั คตาเจตสิกดวงนแี้ หละจึงแสดงวจนตั ถะวา กิเลเส สเมตีติ = สมโถ ๒. ก. สมถะมกี ่อี ยา ง คอื อะไรบา ง ใหอ ธบิ ายในสมถะนั้นๆ ดว ย ? [P17] 45, 50, 53(4ก) ตอบ ก. สมถะมี ๒ อยาง คอื ๑. ปริตตสมถะ การเจรญิ สมถกมั มฏั ฐานของบคุ คลที่ยงั ไมเ ขาถึงอปั ปนาภาวนา ช่ือวา ปรติ ตสมถะ เพราะใน ขณะน้ัน มแี ตม หากศุ ล หรือมหากิรยิ าชวนะเทา นน้ั ท่เี กดิ ขน้ึ องคฌานทปี่ ระกอบอยนู ั้นยงั มี กาํ ลังออนอยู ๒. มหคั คตสมถะ การเจรญิ สมถกัมมัฏฐานของบคุ คลทเี่ ขา ถงึ อัปปนาภาวนาคอื มหคั คตฌาน ชอื่ วา มหคั คต สมถะ เพราะในขณะนนั้ มหคั คตกุศล หรอื กิรยิ าชวนะเทา น้นั ท่เี กดิ ขนึ้ และองคฌ านท่ีประกอบ อยูน้ันมกี าํ ลงั มาก สามารถเขา ไปเพง ในสมถอารมณอยา งแนวแน สวนองคฌ านที่ประกอบ กับมหคั คตกุศลนัน้ เลา ก็มกี ําลังมาก สามารถประหาณนวิ รณธ รรม โดยวกิ ขมั ภนะอีกดวย ดาวนโ หลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพิม่ เตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 33 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๒. ข. วิปส สนามีกีอ่ ยาง คืออะไรบา ง จงแสดงความหมายดว ย ? [P21] 45, 50 ๔. ข. วิปส สนาแปลวา อยา งไร มีกปี่ ระการ คอื อะไรบาง ใหแสดงความหมายดว ย ? [P21] 47 ตอบ ข. วิปสสนามี ๓ อยา ง คอื / ข. วปิ ส สนา แปลวา ความเหน็ แจงเปน พเิ ศษ มี ๓ ประการ คอื ๑. สงฺขารปริคคฺ ณหฺ นกวิปสสฺ นา คอื วปิ สสนาญาณทมี่ กี ารกําหนดรใู นสงั ขารธรรม รูปนาม ๒. ผลสมาปตตฺ วิ ปิ สสฺ นา คือ วปิ ส สนาญาณทเ่ี ปน เหตุใหเขา ผลสมาบัตไิ ด ๓. นิโรธสมาปตตฺ วิ ิปสสฺ นา คอื วปิ ส สนาญาณทเ่ี ปน ใหเขานิโรธสมาบตั ไิ ด ๑. ก. คาํ วา “กมฺมฏ าน” หมายความวาอยางไร (แปลวาอยางไร) เมือ่ แยกบทแลว ไดก บ่ี ท คืออะไรบาง และแปลวาอยางไร ? [P23] 47, 53, 59(ค) ตอบ ก. คําวา “กมมฺ ฏ าน” แปลวา เปนทตี่ ัง้ แหง การเจริญ สมถะ และวิปส สนา เม่อื แยกบทแลว ได ๒ บท คอื กมมฺ +าน กมมฺ แปลวา การกระทาํ าน แปลวา เปน ทตี่ ง้ั ๑. ก. กรรมฐาน แปลวา อะไร ? มีกี่อยางคืออะไรบา ง สาํ หรับอารมั มณิกภาวนากรรมฐานนน้ั ใหแสดงวจนัตถะและอธิบายประกอบดว ย ? [P23] 56, 58, 61(ข) ตอบ ก. กรรมฐาน แปลวา เปน ทตี่ ง้ั แหงการเจรญิ สมถะและวปิ สสนามี ๒ อยา ง คอื อารมณก รรมฐานอยาง หนึง่ อารัมมณกิ ภาวนากรรมฐานอยา งหนง่ึ ใน ๒ อยา งนี้ อารมณกรรมฐาน ไดแ ก อารมณข องสมถะ มีปถวี กสิน เปนตน และอารมณของวิปสสนา มีเตภูมกิ สงั ขารธรรม คอื รปู นามทเ่ี กดิ อยใู นภูมทิ งั้ ๓ อารัมมณิกภาวนากรรมฐาน ไดแ ก การพยายามเจรญิ สมถะและวปิ สสนา ทเ่ี กดิ ขนึ้ กอนๆ ดังมวี จนัตถะ แสดงวา กมฺมสสฺ านํ = กมฺมฏ านํ ความพยายามทีเ่ กดิ ขึ้นกอนๆ อันเปน ทต่ี งั้ ของความพยายามทเ่ี กิดขึน้ หลังๆ ช่อื วากัมมัฏฐาน อธิบายวา ความพยายามทเี่ กิดข้ึนในคร้ังหลงั ๆ น้ี มคี วามพยายามท่ีเกดิ ขึน้ แลว ในขณะกอนๆ เปน ระยะสบื ตอ กนั มาน้นั เองเปนท่ตี ้ัง ฉะนัน้ ความพยายามที่เกิดขนึ้ กอนๆ นนั้ จึงชื่อวา อารัมมณิกภาวนากรรมฐาน ๑. อารมณกรรมฐานและอารัมมณกิ ภาวนากรรมฐานตางกันอยางไร จงยกวจนตั ถะขนึ้ แสดงดวย? 51(1ข) ใหย กวจนตั ถะ และอธบิ ายประกอบดว ย ? [P23] 50(3), 59(2) ตอบ ข. อารมณกรรมฐานและอารัมมณิกภาวนากรรมฐาน ตางกนั ดงั นี้ อารมณก รรมฐาน ไดแ ก อารมณของสมถะมปี ถวีกสณิ เปน ตน และอารมณของวปิ ส สนา มเี ตภูมกิ สังขารธรรมคอื รปู นามทเี่ กิดอยูในภมู ทิ งั้ ๓ ดงั มวี จนตั ถะแสดงวา กมฺมสสฺ านํ = กมฺมฏ านํ อารมณอันเปน ทีต่ ัง้ แหงการเจรญิ สมถะ วิปสสนา ชอื่ วา กมั มัฏฐาน อารมั มณกิ ภาวนากรรมฐาน ไดแก การพยายามเจรญิ สมถะและวิปสสนา ทเี่ กดิ ขน้ึ กอนๆ ดังมวี จนัต ถะแสดงวา กมฺมสสฺ านํ = กมฺมฏ านํ ความพยายามทเ่ี กิดขน้ึ กอนๆ อนั เปนทีต่ งั้ ของความพยายามทีเ่ กดิ ขน้ึ หลงั ๆ ช่ือวา กมั มัฏฐาน (50) สําหรบั วจนตั ถะในขอน้ีนนั้ หมายความวา ความพยายามที่เกิดขนึ้ ในคร้งั หลงั ๆ น้ี มคี วามพยายามทเี่ กดิ ขึ้นแลว ในขณะกอนๆ เปน ระยะสบื ตอ กนั มานั่นเองเปน ทตี่ งั้ ฉะน้นั ความพยายามท่เี กิดข้นึ กอนๆ น้ันจึงชอ่ื วา อารัมมณกิ ภาวนากรรมฐาน ๑. ค. อารมณกรรมฐานและอารัมมณกิ ภาวนากรรมฐาน ไดแ กอ ะไร ? [P23] 45, 49(1ข), 53(3ข) ตอบ ค. อารมณก รรมฐาน ไดแ ก อารมณข องสมถะมปี ถวกี สณิ เปนตน อารมณของวปิ ส สนา มเี ตภมู กิ สังขาร ธรรม คือ รปู นามทีเ่ กดิ อยใู นภมู ิทง้ั ๓ ดาวนโหลดขอมูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 34 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน อารมั มณกิ ภาวนากรรมฐาน ไดแ กการพยายามเจริญสมถะและวปิ ส สนาทเี่ กิดข้ึนกอ น ๆ ๑. ค. จงจําแนกกรรมฐาน ๔๐ โดยอารมณก รรมฐาน และอารัมมณิกกรรมฐาน ? [P23-24] 53 ตอบ ค. จาํ แนกกรรมฐาน ๔๐ โดยอารมณก รรมฐานและอารัมมณกิ กรรมฐาน ดงั น้ี คอื จําแนกโดยอารมณก รรมฐาน มี ๓๔ คือ กสณิ ๑๐ อสุภะ ๑๐ อนุสสติ ๑๐ อัปปมญั ญา ๔ จาํ แนกโดยอารัมมณกิ กรรมฐาน มี ๖ คอื อาหาเรปฏกิ ูลสัญญา ๑ จตธุ าตวุ วัตถาน ๑ อรปู กรรมฐาน ๔ ๑. ภาวนาอยา งไหนไดช อ่ื วา บริกรรม จงแสดงวจนตั ถะดว ย และบริกรรมภาวนาน้ันเปน วถิ จี ิตชนดิ ไหน มวี จนัตถะวาอยา งไร ? [P36] 50 ตอบ มหากศุ ล มหากริ ิยาทีเ่ กดิ ขนึ้ กอนๆ นบั ต้ังแตไดเ ร่มิ ตนเจรญิ กรรมฐานใหมๆ ตลอดมาจนถงึ จดขอบเขตแหงอคุ คหนิมติ นนั้ ชอื่ วา บรกิ รรม ดงั แสดงวจนตั ถะวา “อปฺปนํ ปริกโรติ ปริสงฺขโรตตี ิ = ปริกมฺม”ํ (วา) “ปรอิ าทภิ ตู ํ กมมฺ ํ = ปริกมฺม”ํ วถิ จี ติ อันใดยอมจัดแจงปรงุ แตง อัปปนา ฉะน้ันวถิ ีจิตนั้นชอ่ื วา บริกรรม หรอื อีกนยั หน่งึ วถิ จี ติ ทเ่ี ปนเหตแุ หง การเจรญิ กรรมฐานเบ้อื งตน ชอ่ื วา บรกิ รรม วถิ จี ติ ทจ่ี ัดแจงปรงุ แตง อัปปนา หรอื วิถจี ติ ท่เี ปน เหตแุ หง การเจรญิ กรรมฐานเบ้อื งตน น้ี พระโยคบี คุ คล ควรกระทําใหเกดิ ขนึ้ ตดิ ตอกนั อยูเรอื่ ยๆ และทวมี ากยง่ิ ขน้ึ ไปเปน ลําดับ ฉะนนั้ วิถีจติ นนั้ ชื่อวา บริกรรมภาวนา วถิ จี ิตทเี่ กดิ ขน้ึ ตดิ ตอกันอยูเร่อื ยๆ ในขณะท่กี ําลงั บรกิ รรมวา ปถวๆี อยู เปนตน นน้ั วิถจี ติ นน้ั ชื่อวา บริกรรมภาวนา ดงั มวี จนตั ถะแสดงวา “ปรกิ มมฺ ฺจ ตํ ภาวนา จาติ = ปรกิ มฺมภาวนา” วิถีจติ ใดชอ่ื วา บรกิ รรมดว ย ชื่อวา ภาวนาดว ย ฉะนัน้ วถิ จี ติ นนั้ ชอ่ื วา บริกรรมภาวนา ๑. ค. บริกรรมภาวนา อุปจารภาวนา อัปปนาภาวนา หมายความวา อยางไร ? [P36-37] 49, 53(3ค) ๑. ง. บรกิ รรมภาวนา, อปุ จาร, อุปจารภาวนา คําเหลา นี้หมายความวาอยางไร ? [P36-37] 45 ๑. คําวา บรกิ รรม บริกรรมภาวนา อปุ จาร อุปจารภาวนา อัปปนา อัปปนาภาวนา หมายความวาอยา งไร ? [P36-37] 54, 55, 57(2), 60 ตอบ บริกรรม หมายความวา มหากุศล มหากิรยิ าที่เกิดขึ้นกอ นๆ นับตง้ั แตไ ดเรม่ิ ตน เจริญสมถกรรมฐานใหมๆ ตลอดมา จนถึงจดขอบเขตแหงอคุ คหนิมิตนนั้ ช่อื วา บรกิ รรม บรกิ รรมภาวนา หมายความวา วิถีจิตทจี่ ดั แจงปรงุ แตง อัปปนา หรือวิถีจติ ทีเ่ ปนเหตแุ หง การเจรญิ กรรม-ฐานเบื้องตน น้ี พระโยคบี ุคคลควรกระทําใหเกดิ ขน้ึ ตดิ ตอกันอยเู รอ่ื ยๆ และทวมี ากยงิ่ ขนึ้ ไปเปน ลาํ ดับ ฉะนัน้ วิถจี ติ นน้ั ชือ่ วา บรกิ รรมภาวนา อุปจาร หมายความวา มหากศุ ล มหากิรยิ า ที่เกดิ ขน้ึ ใกลกันกบั อัปปนาฌาน ช่ือวา อุปจาร อปุ จารภาวนา หมายความวา วถิ ีจติ ทีช่ ื่อวา อุปจาระนแ้ี หละ พระโยคบี คุ คลควรกระทําใหเ กิดข้ึน ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 35 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน เรอ่ื ยๆ โดยใหทวมี ากย่งิ ขึ้นไป ฉะน้นั วถิ จี ติ นน้ั ชือ่ วา อปุ จารภาวนา อปั ปนา หมายความวา เปนชือ่ ของวติ กโดยตรง สว นมหคั คตจิต โลกุตตรจิต เจตสิก ท่ีเรียกวา อปั ปนา นั้น เปนการเรยี กโดยออ ม ตามนัยอวยวปู จารนยั หมายความวา ยกชือ่ ของวติ กขน้ึ มา ตง้ั ไวใ นธรรมท่ีประกอบ กบั วติ ก อัปปนาภาวนา หมายความวา ธรรมชาติใดยอมยกสมั ปยตุ ตธรรมขนึ้ สอู ารมณเ ฉพาะหนา หรือ ธรรมชาติใดเปนอัปปนาดว ย เปน การกระทาํ ทถ่ี ึงแลว ซง่ึ ความเจรญิ นนั้ ดว ย ฉะนน้ั ธรรมชาตนิ น้ั ชื่อวา อัปปนา ภาวนา ๑. คําวา อัปปนา เปน ชอื่ ของสภาวะชนิดไหน มวี จนตั ถะวาอยางไร ? เม่ือรวมคาํ วา อัปปนากับคําวา ภาวนาเขาเปน บทเดยี วกนั แลว มใี จความวาอยางไร ? [P37] 43 ตอบ คําวา อปั ปนา เปนชื่อของวติ กโดยตรง สว นมหคั คตจิต โลกุตตรจติ เจตสกิ ที่เรียกวา อปั ปนานน้ั เปน การเรียกโดยออม ตามนยั อวยวปู จารนัย หมายความวา ยกชื่อของวติ กข้ึนมาตงั้ ไวใ นธรรมทปี่ ระกอบกันกบั วติ ก ดังมี วจนตั ถะแสดงวา อปเฺ ปติ สมฺปยุตตฺ ธมฺเม อารมฺมณํ อภนิ ิโรเปตีติ = อปปฺ นา ธรรมชาติใด ยอมยกสมั ปยตุ ต ธรรมขึน้ สูอารมณเฉพาะหนา ฉะนนั้ ธรรมชาตนิ น้ั ช่อื วา อปั ปนา ไดแก วติ กองคฌ านทปี่ ระกอบกบั มหคั คต โลกุตตรธรรม เมอื่ รวมคาํ วาอปั ปนากบั คาํ วาภาวนาเขา เปน บทเดียวกนั แลว มีใจความวา ธรรมชาติที่ยกสัมปยุตตธรรม ข้ึนสอู ารมณเ ฉพาะหนา (อัปปนา) และเปน การกระทําทถี่ ึงแลว ซ่งึ ความเจรญิ นน้ั ชื่อวา อัปปนาภาวนา หรอื จะตอบวา ธรรมชาตทิ เี่ ปนอัปปนาดวย เปน การกระทาํ ที่ถงึ แลว ซ่งึ ความเจริญนั้นดว ย ช่อื วา อัปปนาภาวนาก็ได 2. ก. บรกิ รรมนมิ ิต อคุ คหนมิ ิต และ ปฏภิ าคนมิ ิต มคี วามแตกตา งกนั อยา งไร มีวจนัตถะรับรองวา อยางไร ? [P37-39]60 ตอบ ก. อารมณก รรมฐานทเี่ ปน บริกรรมนมิ ติ อุคคหนมิ ิต ทงั้ สองน้ี ตางกันกแ็ ตเพียงวา บริกรรมนิมติ นน้ั พระโยคบี คุ คลเหน็ ไดดว ยตา เปนปจจบุ นั รูปารมณ สวนอุคคหนิมติ นน้ั เปน ภาพที่พระโยคบี คุ คลเหน็ ไดด ว ยใจ เปนอดตี รูปารมณ เม่อื วาโดยรปู รา งสัณฐาน สีสรร วรรณะ ตลอดจนประมาณความเลก็ หรือ ใหญแ ลว ก็คงเหมือนกันทัง้ ส้ิน ปฏภิ าคนิมติ อารมณกรรมฐานทมี่ สี วนคลายชอื่ วา ปฏภิ าค ฉะนนั้ ปฏภิ าคนิมติ นั้น จึงเปน อารมณ กรรมฐานที่มสี ภาพคลา ยกนั กบั อุคคหนิมิต ดงั มีวัจนัตถะวา “ปฏภิ าคํ นมิ ิตตฺ ํ = ปฏิภาคนมิ ิตฺต”ํ อารมณ กรรมฐานทีม่ สี ภาพคลา ยกนั กบั อุคคหนมิ ติ ชอ่ื วา ปฏภิ าคนมิ ติ ๒. ก./ง. การแสวงหาอมตธรรมมอี ยกู ่ีอยา ง คืออะไรบาง ? [P41] 47(1ง), 51(ก) ตอบ ก. การแสวงหาอมตธรรมท่ีมีอยู ๒ อยา ง คอื ๑. ทางตรง ไดแก การเจรญิ วปิ ส สนาตามแนวสตปิ ฏ ฐานท้ัง ๔ ๒. ทางออ ม ไดแ ก การเจริญสมถภาวนากอน ตอเมื่อไดส ําเร็จเปนญาณลาภบี คุ คลแลว จงึ จะเจรญิ วปิ สสนาตอไป ๓. ก. วสี หมายความวาอะไร ? มีเทาไร ? อะไรบา ง ? จงแสดงพรอ มความหมาย ? [P11, 67] 47 ๑๑ ธ.ค. ๖๑ ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจาก ขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 36 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ตอบ ก. วสี หมายความวา ผูมีความสารถ มี ๕ อยา งคอื ๑. อาวชั ชนวสี สามารถในการพจิ ารณาองคฌ านของมโนทวารวชั ชนะ ๒. สมาปช ชนวสี สามารถในการเขา ฌาน ๓. อธษิ ฐานวสี สามารถในการกาํ หนดเวลาเขา ๔. วุฏฐานวสี สามารถในการกาํ หนดเวลาออก ๕. ปจ จเวกขณวสี สามารถในการพิจารณาองคฌ านของชวนะ ๔. ก. ผปู ฏิบัติตอ งการจะไดฌ านเรว็ นนั้ จะเจรญิ กรรมฐานชนิดไหน จึงจะสาํ เร็จตามความประสงค ใหอ ธิบายดวย ? [P89] 43(2), 48(4ก), 52(3) ตอบ ก. ในบรรดากรรมฐาน ๓๐ ทใี่ หถงึ ฌานไดนน้ั กสณิ ๑๐ เปน กรรมฐานที่ทําใหถงึ ฌานไดเ ร็วกวา กรรมฐานอื่นๆ ท้งั น้กี เ็ พราะการเพง กสณิ นนั้ อุคคหนมิ ติ และอปุ จารสมาธิเกิดขนึ้ ไดง าย เม่ืออคุ คห นิมติ และอุปจารสมาธเิ กดิ งา ย การไดฌ านก็เรว็ ยงิ่ เปน วณั ณกสณิ ๔ ดว ยแลว อุคคหนมิ ิต และ อุปจารสมาธิ ตลอดจนถึงการไดฌ านเหลา นี้ ยอมเกดิ ไดโดยงา ยและเรว็ ยงิ่ กวากสณิ อืน่ ๆ อีกดว ย ย่ิงกวานนั้ ในวัณณกสิณดว ยกันน้ี พระพุทธองคก ็ยังทรงยกยองโอทาตกสิณวา เปน กสณิ ท่ปี ระเสริฐเลิศ ย่งิ กวา กสณิ ท่ีเหลือ ๓ โดยเหตวุ า ทาํ ใหจ ิตใจของพระโยคีบคุ คลทก่ี ําลังเจริญอยนู ี้มคี วามผอ งใส ปราศจากถีนมทิ ธะเปน พิเศษ และในขณะที่อคุ คหนมิ ิตยงั ไมป รากฏ หรอื ปรากฏแลว กต็ าม โอทาตก สิณยงั เปน กสณิ ท่ที าํ ใหพระโยคีบคุ คลสามารถทราบเหตกุ ารณต า งๆ คลา ยกบั ผไู ดฌ านอภญิ ญา ๔. ข. คําวา เยยฺ ธรรม หมายความวา อยา งไร มีก่ีอยา ง คอื อะไรบา ง และไดแ กอ ะไร ? [P109] 48 ตอบ ข. เยฺยธรรม หมายความวา ธรรมที่ควรรู มี ๕ อยา งคือ ๑. สังขาร ไดแก จิต เจตสิก และนิปผันนรปู ๒. วกิ าร ไดแก วิการรปู ๕ ๓. ลักขณะ ไดแ ก ลกั ขณรปู ๔ ๔. นิพพาน ไดแ ก ธรรม ทน่ี อกจากขนั ธ ๔ และบัญญตั ิ ๕. บญั ญตั ิ ไดแ ก สทั ทบญั ญัติ คือช่อื ตางๆ ภาษาตา งๆ อตั ถบญั ญัติ ไดแก เนอ้ื ความ คอื คาํ อธบิ ายใจความในเร่อื งนนั้ ๆ และรปู รา งสัณฐานของ มนุษย เทวดา พรหม อบายสตั ว ตน ไม แผน ดิน ภูเขา แมน ํ้า ปา เปน ตน ๔. ก. จงแสดงความหมายในอนสุ สตติ อ ไปน้ี ? [P107, 121, 123, 136, 165] 43 ๑. พทุ ธานสุ สติ ๒. สีลานสุ สติ ๓. จาคานุสสติ ๔. มรณานุสสติ ๕. อานาปานสั สติ ตอบ ก. แสดงความหมายในอนุสสตินน้ั ดงั น้ี ๑. พุทธานุสสติ การระลึกถึงคณุ ของพระพุทธเจา มี อรหํ เปนตน เนือง ๆ ๒. สีลานุสสติ การระลึกถึงความบริสุทธขิ์ องศีลทต่ี นรกั ษาไว โดยปราศจากโทษ ๔ อยา งมอี ขัณฑะเปนตน อยูเนอื ง ๆ ๓. จาคานุสสติ การระลึกถึงการบรจิ าคทานของตน ท่เี ปน ไปโดยบรสิ ทุ ธ์ิ ไมม กี ารโออ วด หรือ การเอาหนา เอาชอื่ เสยี ง แมแ ตป ระการใด ๆ อยเู นือง ๆ ๔. มรณานสุ สติ การระลกึ ถงึ ความตาย ทตี่ นจะตองไดประสบ แลว เกดิ ความสงั เวชสลดใจอยูเ นือง ๆ ๕. อานาปานสั สติ การระลึกอยูใ นลมหายใจเขาออก ๓. ข. แสดงศลี ท่พี น ไปจากโทษ มีเทา ไร อะไรบา ง ? [P122] 47, 60(2ข) ตอบ ข. ศีลที่พน ไปจากโทษ ศีลทไ่ี มม โี ทษ มี ๔ อยา ง คือ ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 37 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๑. อขณั ฑสลี ศีลไมขาด ๒. อฉทิ ทสลี ศลี ไมเ ปนรู ๓. อสพลสีล ศีลไมดา ง ๔. อกมั มาสสีล ศีลไมพรอย ๓. ค. การเจริญจาคานุสสตนิ ้ี ผูเจรญิ จะตองมกี ารบรจิ าคทานทีถ่ งึ พรอ มดวยคณุ ความดี ๓ ประการ (กี่ประการ) ไดแ กอ ะไรบา ง ? [P123-124] 47, 54(4ก), 60(2ค) ตอบ ค. ตองถึงพรอ มดวยคุณความดี ๓ ประการ คอื ๑. ธัมมยิ ลทั ธวตั ถุ คอื วตั ถสุ งิ่ ของท่เี ปนเทยยธรรมนัน้ ไดม าโดยชอบธรรม ๒. บรบิ รู ณด วยเจตนาทัง้ ๓ คือ ปุพพเจตนา มญุ จเจตนา อปรเจตนา ๓. มุตตจาคี คือ การบรจิ าคท่ีสละ ละพน ไปจากความตระหนแ่ี ละ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ ๓. กรรมฐานอะไรในสมถกรรมฐาน ๔๐ นนั้ ซึง่ ผเู จรญิ ใชเ ปนอารมณก รรมฐานแลว ใหไ ดถ งึ รปู ปฐมฌาน (เพียงฌานเดยี ว) ใหไดรูปฌานทัง้ ๕ และใหไดม รรคผลโดยมิไดเปลยี่ นอารมณก รรมฐาน ใหอ ธิบายเหตุผลประกอบดว ย ฯ ? [P142-156] 44 ตอบ ในกรรมฐาน ๔๐ นน้ั กรรมฐานที่ผเู จริญใชเ ปน อารมณก รรมฐานแลว ใหไดถึงรปู ปฐมฌาน (เพียงฌาน เดียว) ใหไดถ งึ รูปฌานทงั้ ๕ และใหไดมรรคผล โดยมิไดเ ปล่ยี นอารมณกรรมฐานไดแ ก กายคตาสตกิ รรมฐาน อธบิ ายวา ผูเจรญิ กายคตาสติกรรมฐาน ขณะที่กาํ ลงั ทอ งบน พจิ ารณาอยนู นั้ ถา ปฏิกลู นมิ ติ ปรากฏ ผลท่ี ไดร บั จากการทอ งบน พจิ ารณาโดยความเปน ของปฏิกูลตอไปนัน้ คือใหไ ดถ ึงรปู ปฐมฌาน ถา วณั ณนมิ ติ ปรากฏ ผลท่ีไดร บั จากการเพง วณั ณนิมติ ตอไปนั้น คือใหไดร ปู ฌานทง้ั ๕ ถาธาตุนมิ ิตปรากฏ กก็ ําหนดพิจารณาธาตุ เหลานน้ั ใหเ ห็นเปน รูปธรรม แลว นามธรรมก็จะปรากฏ ใหเ ห็นทางผัสสะ ทางเวทนา และทางวญิ ญาณ ตอไปก็ กาํ หนดทง้ั นามและรูป สําเรจ็ เปนนามรูปปริจเฉทญาณ แลว ญาณตางๆ ก็จะเกดิ สืบเน่ืองกนั ไปจนสาํ เร็จมรรค ผล เปนอันวา วธิ เี จรญิ กด็ ี อารมณท ี่ใหไ ดม รรคผลกด็ ี มิไดเปลย่ี นออกไปจากกายคตาสติกรรมฐานแตอยางใด คง อาศยั กายคตาสตกิ รรมฐาน เจริญตอไป เพียงแตท อ งบน ใหป รากฏโดยความเปน ธาตอุ ยางเดยี ว ฉะนั้น จงึ ไดกลา ววา การเจรญิ กายคตาสตกิ รรมฐาน ก็สามารถสําเรจ็ มรรคผลได ๒. ก. อานาปานสั สติ หมายความวาอยางไร? และมพี ระบาลชี ี้แนวทางการปฏิบตั ไิ วกป่ี ระการ คอื อะไรบา ง? (ตอบเฉพาะภาษาไทย) ? [P165, 167, 169] 44, 51(2ข), 54(4ข) ข. ขอ เพม่ิ เติม ทีต่ องดําเนนิ งานการปฏบิ ัติมกี น่ี ัยคืออะไรบา ง ? [P168] 44 ตอบ ก. อานาปานัสสติ หมายความวา การระลึกอยใู นลมหายใจเขาออก และมพี ระบาลชี ้แี นวทางการปฏบิ ัตไิ ว ๕ ประการ คอื ๑. ผูปฏบิ ัตินั่งคูบัลลังก ต้ังกายตรง ดํารงสติเฉพาะหนา อารมณกรรมฐาน ณ สถานที่เงียบสงัด ยอมตง้ั สติทํา ความรูส กึ ตวั แลวจงึ หายใจเขา และหายใจออก ๒. เมือ่ หายใจเขา ยาวและหายใจออกยาว ก็รูวา หายใจเขา ยาวและหายใจออกยาว ๓. เมื่อหายใจเขาสั้นและหายใจออกสัน้ กร็ ูวาหายใจเขา สน้ั และหายใจออกสน้ั ๔. ยอ มสําเหนยี กวา เราจะหายใจเขา และหายใจออกก็ตอ งรูโดยแจง ชดั ตน ลม กลางลม ปลายลม ๕. ยอ มสําเหนียกวา เราจะทาํ ลมเขา และลมออกทีห่ ยาบใหล ะเอยี ด แลวจึงหายใจเขาและหายใจออก ข. ขอ เพ่ิมเตมิ ทตี่ อ งดาํ เนนิ งานการปฏิบตั มิ ี ๔ นยั คือ ๑. คณนานยั การนบั ลมหายใจเขาออกเปนหมวดๆ มี ๖ หมวดตัง้ แตห มวดปญจกะเปนตน จนถึงหมวดทสกะ ๒. อนพุ นั ธนานัย การกาํ หนดรตู ามลมเขาและลมออกทกุ ๆ ขณะ โดยไมพ ลง้ั เผลอทกุ ระยะทหี่ ายใจเขา ออก ๓. ผสุ นานัย ในขณะทกี่ ําหนดรตู ามคณนานัยและอนุพันธนานยั อยนู น้ั จะตอ งกําหนดรูก ารกระทบของลม พรอมไปดวย หมายความวา ผุสนานยั น้ีเขาอยใู นคณนานัยและอนพุ นั ธนานัยท้ัง ๒ น้นั เอง หาไดมีอยโู ดยเฉพาะไม ๔. ฐปนานัย การกําหนดรูลมหายใจเขาออกโดยอนพุ ันธนานยั กับผสุ นานยั ท่เี ปน ไปอยา งดีอยนู ั้น ครนั้ เม่ือ ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 38 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ปฏิภาคนิมติ ปรากฏ จติ ก็เปลย่ี นจากการกาํ หนดรกู ารกระทบของลม แลว เขา ไปตง้ั ม่นั จดจอ อยูในปฏิภาคนมิ ติ อยางเดียวตลอด จนกระทงั่ รูปฌานเกิด นแ้ี หละเปน ฐปนานยั หมายความ วาการกาํ หนดรโู ดยฐปนานยั โดยเฉพาะนัน้ ไมมี เชนเดยี วกบั ผสุ นานัยนั้นเอง ๔. ก. การแผเมตตาแกต นมกี ่ปี ระการ คืออะไรบาง ? [P182] 47 ตอบ ก. การแผเ มตตาแกต นมี ๔ ประการ คือ ๑. อหํ อเวโร โหมิ ขอขาพเจาจงเปนผูไมมี ศตั รูภายในและภายนอก ๒. อหํ อพยฺ าปชฺโช โหมิ ขอขา พเจาจงเปนผไู มม ี ความวิตกกังวล เศรา โศก พยาบาท ๓. อหํ อนโี ฆ โหมิ ขอขาพเจา จงเปน ผูไมมี ความลําบากกาย ใจ พน จากอปุ ทวภัย ๔. อหํ สุขี อตตฺ านํ ปรหิ รามิ ขอขาพเจาจงเปนผนู าํ อัตภาพทเี่ ปน อยูด ว ยความสขุ กาย สุขใจ ตลอดกาลนาน ๔. การเจรญิ เมตตา ตามแบบบรกิ รรมทองจําทัว่ ไปอยางสามัญน้ันวา โดยอาการแหง เมตตา วา โดยบคุ คลท่ี ไดรบั การแผ มีอยา งละเทาไร คอื อะไรบา ง? (ใหแสดงการแผแกบ คุ คลตั้งแต ๒ คนข้นึ ไป) ? [P183, 186] 44 ตอบ วาโดยอาการแหงเมตตามี ๔ อยา ง คอื ๑. อเวรา โหนตุ ขอจงไมมศี ตั รูภายในและภายนอกทัว่ กนั ๒. อพฺยาปชฺชา โหนตฺ ุ ขอจงไมม ีความวติ กกงั วลเศราโศกพยาบาททว่ั กนั ๓. อนีฆา โหนตฺ ุ ขอจงไมมีความลาํ บากกายใจพนจากอปุ ทวภยั ทวั่ กนั ๔. สขุ ี อตตฺ านํ ปริหรนฺตุ ขอจงนาํ อตั ตภาพทเ่ี ปน อยดู ว ยความสขุ กาย สขุ ใจ ตลอดกาลนานทวั่ กนั วา โดยบคุ คลทีไ่ ดร บั การแผม ี ๑๒ จําพวก คือ อโนทิสบคุ คล บุคคลท่ัวไปมไิ ดเ จาะจงมี ๕ จาํ พวก คือ ๑. สพเฺ พ สตตฺ า = สัตวท้งั หลาย ๒. สพเฺ พ ปาณา = สัตวทมี่ ีชีวิตทง้ั หลาย ๓. สพเฺ พ ภูตา = สัตวท ่ีปรากฏชดั ท้งั หลาย ๔. สพฺเพ ปุคฺคลา = บุคคลทง้ั หลาย ๕. สพฺเพ อตตฺ ภาวปรยิ าปนนฺ า = สตั วทม่ี ีอตั ตภาพทั้งหลาย โอทสิ บุคคล บคุ คลทเ่ี จาะจงมี ๗ จําพวก คอื ๑. สพพฺ า อิตถฺ โิ ย = หญงิ ทั้งหลาย ๒. สพฺเพ ปุรสิ า = ชายทง้ั หลาย ๓. สพเฺ พ อรยิ า = พระอรยิ บุคคลทงั้ หลาย ๔. สพเฺ พ อนริยา = ปุถชุ นทงั้ หลาย ๕. สพเฺ พ เทวา = เทวดาทง้ั หลาย ๖. สพเฺ พ มนสุ ฺสา = มนุษยท ้ังหลาย ๗. สพฺเพ วนิ ปิ าติกา = พวกวนิ ปิ าตกิ อสรุ าท้งั หลาย ๓. ข. การเจรญิ เมตตา ตามแบบบรกิ รรมทองจาํ ท่ัวไปอยางสามัญนน้ั วาโดยอาการแหง เมตตา วาโดยบคุ คลที่ ไดร บั การแผ มอี ยา งละเทา ไร คืออะไรบา ง? (ใหแ สดงการแผแกบุคคลตงั้ แต ๒ คนขนึ้ ไป) ? [P183, 186-187] 54 ๓. บุคคลที่ไดรับการแผเ มตตา ตามแบบบริกรรมทองจาํ นัน้ มกี จ่ี าํ พวก ไดแ กใ ครบา ง ? [P186-187] 43 ๔. การเจรญิ เมตตาแบบบรกิ รรมทอ งจาํ ทว่ั ไปอยา งสามญั นัน้ วา โดยอาการแหง เมตตา วาโดยบคุ คลทไี่ ดรับ การแผ วา โดยทิศที่จะทาํ การแผไ ป มีอยางละเทา ไร คืออะไรบา ง (สําหรบั ทศิ ใหแ สดงเพยี ง ๔ ทิศขางตน ) ? [P183, 186-187] 55, 60 ตอบ (55) การเจรญิ เมตตา แบบบรกิ รรมทองจาํ ทัว่ ไปอยา งสามัญน้นั วาโดยอาการแหงเมตตามี ๔ อยา ง คอื (54) ข. วาโดยอาการแหงเมตตามี ๔ อยา งคอื ๑. อเวรา โหนตฺ ุ ขอจงไมมศี ตั รภู ายในและภายนอกท่วั กนั ๒. อพฺยาปชชฺ า โหนตฺ ุ ขอจงไมมคี วามวติ กกงั วลเศราโศกพยาบาททั่วกนั ๓. อนฆี า โหนฺตุ ของจงไมม คี วามลําบากกายใจพน จากอุปทวภยั ทั่วกนั ๔. สุขี อตตฺ านํ ปรหิ รนตฺ ุ ขอจงนาํ อตั ตภาพทีเ่ ปน อยดู วยความสขุ กาย สขุ ใจ ตลอดกาลนานท่ัวกัน (43) บคุ คลทไ่ี ดร บั การแผเมตตา ตามแบบบริกรรมทองจําน้ันมี ๑๒ จาํ พวก คอื อโนทสิ บคุ คล (บุคคลท่วั ไปมไิ ดเจาะจง) มี ๕ จําพวก โอทิสบคุ คล (บคุ คลทเ่ี จาะจง) มี ๗ จําพวก (54, 55) วา โดยบุคคลท่ีไดรบั การแผมี ๑๒ จาํ พวก คอื อโนทิสบคุ คล บุคคลทว่ั ไปมไิ ดเจาะจงมี ๕ จาํ พวก คอื ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 39 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๑. สพฺเพ สตฺตา = สัตวท ้งั หลาย ๒. สพฺเพ ปาณา = สตั วทม่ี ีชวี ติ ทง้ั หลาย ๓. สพฺเพ ภตู า = สตั วท ี่ปรากฏชดั ทัง้ หลาย ๔. สพฺเพ ปคุ ฺคลา = บุคคลทง้ั หลาย ๕. สพฺเพ อตฺตภาวปรยิ าปนฺนา = สัตวท ีม่ อี ัตตภาพทงั้ หลาย (43, 54, 55) โอทสิ บคุ คล บคุ คลที่เจาะจงมี ๗ จําพวก คอื ๑. สพฺพา อติ ถฺ ิโย = หญิงทงั้ หลาย ๒. สพฺเพ ปุริสา = ชายท้ังหลาย ๓. สพเฺ พ อรยิ า = พระอรยิ บคุ คลทง้ั หลาย ๔. สพฺเพ อนรยิ า = ปถุ ุชนทง้ั หลาย ๕. สพเฺ พ เทวา = เทวดาทง้ั หลาย ๖. สพฺเพ มนุสฺสา = มนุษยท ้ังหลาย ๗. สพเฺ พ วนิ ิปาตกิ า = พวกวินิปาตกิ อสรุ าท้งั หลาย (55) วา โดยทิศท่ีจะทําการแผไป มี ๑๐ ทศิ และ ๔ ทิศ ขางตนนั้นคอื ๑. ปรุ ตถฺ มิ าย ทสิ าย ทิศตะวนั ออก ๒. ปจฺฉิมาย ทิสาย ทศิ ตะวันตก ๓. อตุ ฺตราย ทิสาย ทศิ เหนอื ๔. ทกฺขณิ าย ทิสาย ทศิ ใต ๓. จงแสดงการแผเ มตตาแบบบริกรรมทองจําท่ัวไปแกบุคคล ๑๒ ที่อยใู นทิศท้ัง ๑๐ เปน ภาษาบาลีและแปลเปนไทย ? [P187-189] 59, 61(4) บาล:ี ทศิ คน แผ, แปล คน ทศิ แผ ตอบ แสดงดงั ตอไปน้ี ปรุ ตถฺ มิ าย ทิสาย ปจฺฉิมาย ทสิ าย อตุ ฺตราย ทิสาย ทกขฺ ณิ าย ทสิ าย ปุรตถฺ ิมาย อนทุ สิ าย ปจฺฉิมาย อนทุ สิ าย อุตตฺ ราย อนทุ สิ าย ทกขฺ ณิ าย อนทุ สิ าย เหฏ ม าย ทิสาย อปุ รมิ าย ทสิ าย สพฺเพ สตตฺ า สพฺเพ ปาณา สพเฺ พ ภูตา สพเฺ พ ปคุ ฺคลา สพเฺ พ อตตฺ ภาวปริยาปนนฺ า สพฺพา อิตฺถิโย สพฺเพ ปรุ ิสา สพเฺ พ อริยา สพฺเพ อนริยา สพเฺ พ เทวา สพเฺ พ มนสุ สฺ า สพฺเพ วินปิ าตกิ าา อเวรา โหนฺตุ อพยฺ าปชฌฺ า โหนตฺ ุ อนีฆา โหนตฺ ุ สขุ ี อตตฺ านํ ปรหิ รนฺตุ. แปลวา ขอสตั วท ้งั หลาย สตั วท ี่มชี ีวิตท้งั หลาย สตั วที่ปรากฏชัดท้ังหลาย บุคคลท้งั หลาย สัตวท่ีมอี ตั ภาพ ท้งั หลาย หญิงทง้ั หลาย ชายทั้งหลาย พระอริยบคุ คลท้ังหลาย ปุถชุ นทั้งหลาย เทวดาท้ังหลาย มนษุ ยทั้งหลาย พวก วนิ ปิ าติกอสรุ าท้ังหลาย ท่ีที่อยทู างทศิ ตะวันออก ทอี่ ยูทางทิศตะวนั ตก ทอ่ี ยูท างทิศเหนือ ทอ่ี ยูทางทศิ ใต ทอ่ี ยูท างทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต ที่อยทู างทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนือ ท่ีอยทู างทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนือ ที่อยทู างทศิ ตะวนั ตกเฉยี ง ใต ที่อยทู างทศิ เบ้ืองลา ง ทอ่ี ยทู างทศิ เบ้ืองบน จงไมม ศี ตั รภู ายในและภายนอกทวั่ กัน จงไมม คี วามวติ ก กังวล เศรา โศกพยาบาททว่ั กนั จงไมม คี วาม ลาํ บากกาย ใจ พนจากอุปท วภยั ทว่ั กนั จงนําอตั ภาพทีเ่ ปน อยดู วยความสขุ กาย สุขใจ ตลอดกาลนานทั่วกนั ๔. ข. จงแสดงการแผเ มตตา ใหแกโอทิสบคุ คล ๗ จําพวก ท่ีอยูใ นทิศท้งั ๔ มีทศิ ตะวันออก เปนตน เปนภาษาบาลีและแปลเปน ไทย ? ? [P187-189] 49(3), 53 ๔. จงแสดงการแผเ มตตา แบบบรกิ รรมทองจาํ ท่ัวไปอยางสามญั ใหแกบ คุ คล ๑๒ ทอ่ี ยใู นทศิ ใหญ ๔ ทั้งบาลีและไทยมาใหสมบูรณ ? ? [P187-189] 51, 58 ตอบ แสดงดังตอไปนี้ ปรุ ตถฺ มิ าย ทิสาย ปจฺฉมิ าย ทสิ าย อุตตฺ ราย ทสิ าย ทกฺขณิ าย ทิสาย [(49, 53) เหฏ ม ายทิสาย อปุ รมิ าย ทิสาย] สพฺเพ สตตฺ า สพเฺ พ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพเฺ พ ปุคคฺ ลา สพฺ เพ อตตฺ ภาวปรยิ าปนฺนา สพพฺ า อิตฺถิโย สพเฺ พ ปรุ สิ า สพเฺ พ อรยิ า สพเฺ พ อนริยา สพเฺ พ เทวา สพเฺ พ มนุสฺสา สพเฺ พ วนิ ิปาติกา อเวรา โหนตฺ ุ อพฺยาปชชฺ า โหนฺตุ อนีฆา โหนฺตุ สขุ ี อตตฺ านํ ปรหิ รนตฺ ุ แปลวา ขอสตั วท ้งั หลาย สตั วท ่ีมีชวี ติ ทงั้ หลายสตั วท ปี่ รากฏชัดท้งั หลาย บุคคลทง้ั หลาย สัตวท ีม่ ีอตั ต ภาพท้ังหลาย (แปลวา ขอ) หญงิ ทง้ั หลาย ชายทั้งหลาย พระอริยบคุ คลทงั้ หลาย ปุถุชนทั้งหลาย เทวดา ทั้งหลาย มนุษยท งั้ หลาย พวกวนิ ปิ าติกอสุราทัง้ หลาย ท่ีอยูทางทศิ ตะวันออก ทอี่ ยทู างทศิ ตะวนั ตกทอ่ี ยทู างทิศ เหนือ ท่ีอยทู างทศิ ใต [(49) ทอี่ ยูทางทิศเบอื้ งลา ง ทอ่ี ยูท างทศิ เบ้อื งบน] จงไมม ีศตั รภู ายในและภายนอกทว่ั กัน จงไมมคี วามวติ กกังวลเศรา โศกพยาบาททวั่ กัน จงไมมคี วามลาํ บากกายใจ พนจากอปุ ทวภยั ทว่ั กนั จงนาํ ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 40 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน อตั ภาพทเ่ี ปนอยดู ว ยความสขุ กาย สขุ ใจ ตลอดกาลนานท่ัวกัน ๓. ก. จงแสดงการแผกรณุ า มุทติ า และอเุ บกขา ใหแกตนเอง ท้งั ภาษาบาลแี ละคําแปลมาตามลําดบั ? [P193, 196-7, 202] 54 ตอบ ก. คาํ แผก รณุ าใหแ กต นเองวา อหํ ทุกขฺ า มจุ จฺ ามิ = ขอใหข าพเจา จงพน จากความทุกขกาย ทุกขใ จ คาํ แผม ทุ ติ าใหแ กต นเองวา อหํ ยถาลทธฺ สมฺปตตฺ โิ ต มา วิคจฺฉามิ = ขอขาพเจา อยา ไดสญู ส้ินจากความสุขความเจรญิ ทม่ี ีอยู คําแผอ เุ บกขาใหแ กต นเองวา อหํ กมฺมสฺสโก = เรามกี รรมเปน ของของเรา ๓. จงแสดงเหตุผลทใ่ี นกรณุ า ใหไ ดแตเ พยี งรปู ฌานเบื้องต่ํา ๔ มาโดยละเอียด ? [P191-4] 60 ตอบ อน่งึ ผเู จริญกรุณา ที่ใหสําเรจ็ แตเพยี งฌานเบ้อื งต่ํา ๔ นนั้ กเ็ พราะวา กรุณากรรมฐานนี้ เปน เหตุใหพ น จากวหิ งิ สาคอื ความเบยี ดเบยี น ซงึ่ เกดิ มาจากโทสะ ธรรมดากรณุ านนั้ มีความสงสารตอสตั วทก่ี าํ ลังไดร ับความ ทุกข ความลําบาก หรือจะไดรบั ความลาํ บากในภายหนา น่ิงดอู ยไู มไ ด มจี ิตคิดที่จะชว ยใหพน จากความทุกข ยากลาํ บากเหลา นน้ั สว นวหิ งิ สาน้ันมกี ารเบยี ดเบยี นสตั ว ไมม คี วามสงสารตอ ผอู นื่ เม่อื วา โดยองคธรรมก็ไดแก โทสเจตสกิ ท่เี กิดพรอ มดว ยโทมนสั เวทนา ฉะน้นั กรณุ าซง่ึ เปน ธรรมท่ตี รงขา มกบั วหิ งิ สา จึงเปนธรรมทตี่ อ งเกดิ พรอมดว ยโสมนัสเวทนา เหตนุ ผี้ ไู ดฌ านทเี่ กดิ จากการเจรญิ กรุณา จึงไดแตเ พียงรปู ฌานเบ้อื งต่าํ ๔ ซึง่ เปน ฌาน ทีเ่ กดิ พรอ มดว ยโสมนัสเวทนา ๑. ก. สมถกรรมฐาน ๒๖ อยาง ที่เปนอารมณของรปู ฌานน้ัน ตองการทราบวา กรรมฐานอะไร เหมาะสมแกจริตอะไร ? [P7, 25-35, 227] 52 ตอบ ก. ปถวีกสิน อาโปกสณิ เตโชกสิณ วาโยกสิณ อากาสกสิณ อาโลกกสณิ ยอมเหมาะสมแกบ คุ คลทั่วไป ไมว า จริตใด วรรณกสณิ ๔ คอื นลี กสิณ ปตกสิณ โลหติ กสณิ โอทาตกสิณ, อปั ปมัญญา ๔ คอื เมตตา กรณุ า มทุ ิตา อุเบกขา ยอ มเหมาะสมแกผทู ่ีมโี ทสจริต อสุภะ ๑๐ มอี ุทธมุ าตกอสภุ ะ เปน ตน และกายคตาสติ ๑ ยอมเหมาะสมแกผูท่ีมรี าคจรติ อานาปานัสสติ ๑ ยอ มเหมาะสมแกผ ูท่ีมี โมหจรติ และวติ กจริต ๑. ข. คนท่มี ีศรทั ธาจรติ และพทุ ธจิ รติ เจรญิ กรรมฐานท่เี หมาะสมแกจ รติ ไดค นละเทา ไร คอื กรรมฐานอะไรบาง ? [P7, 228] 52 ตอบ ข. ผทู ี่มีศรทั ธาจริต เจรญิ กรรมฐานทีเ่ หมาะสมได ๖ อยา ง คือ พุทธานสุ สติ ธมั มานุสสติ สังฆานสุ สติ สีลานสุ สติ จาคานสุ สติ และเทวตานสุ สติ ผทู ี่มีพทุ ธิจริต เจริญกรรมฐานทเ่ี หมาะสมได ๔ อยาง คอื มรณานุสสติ อุปสมานสุ สติ อาหาเรปฏกิ ลู สญั ญา และ จตุธาตวุ วตั ถาน ๒. จงจําแนกกรรมฐาน ๔๐ ที่เหมาะสมกับจรติ ? 47, 48 และทีเ่ หมาะสมแกบคุ คลทว่ั ไปไมวาจริตใด ? [P7, 25-35, 227] 45(3), 50(4), 53(2ก), 54, 55, 61(3) ตอบ (ก.) จาํ แนกกรรมฐาน ๔๐ ที่เหมาะสมแกจ รติ ๖ และที่เหมาะสมแกบ ุคคลทวั่ ไปวา จรติ ใด ดังน้ี ก. อสภุ ะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ เหลา น้ี ยอมเหมาะสมแกผ ทู ่ีมีราคจริต ข. อปั ปมัญญา ๔ กสิณ ๔ มีนีลกสณิ เปนตนเหลา น้ี ยอมเหมาะสมแกผทู ่มี โี ทสจริต ดาวนโหลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 41 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ค. อานาปานสั สติ ๑ ยอ มเหมาะสมแกผทู ม่ี ีโมหจริตและวิตกจรติ ฆ. อนสุ สติ ๖ มีพุทธานสุ สตเิ ปน ตน จนถึงเทวตานุสสตเิ หลาน้ี ยอมเหมาะสมแกผ ทู ่ีมีศรทั ธาจริต ง. มรณานสุ สติ อปุ สมานสุ สติ อาหาเรปฏิกูลสญั ญา จตุธาตวุ วัตถาน เหลา น้ี ยอมเหมาะสมแกผูทีม่ ีพทุ ธิจริต จ. สว นกรรมฐานทเี่ หลือทง้ั หมด ซงึ่ ไดแ ก ปถวกี สิณ อาโปกสณิ เตโชกสณิ วาโยกสิณ อากาสกสณิ อาโลกกสิณ อรูปกรรมฐาน ๔ เหลา นี้ ยอมเหมาะสมแกบ ุคคลทวั่ ไปไมวาจริตใด ฉ. บรรดากรรมฐานเหลา นัน้ ในกสิณ ๑๐ องคก สณิ ตอ งมปี ระมาณกวางเทา ลานขาว ยอ มเหมาะสมแกผูทม่ี โี มหจรติ องคกสิณตองมปี ระมาณเลก็ เทา กระดง ยอ มเหมาะสมแกผ ทู มี่ วี ิตกจรติ (47) ๒. ผทู ีม่ รี าคจริต โทสจรติ พุทธิจรติ วิตกจริตเหลาน้ี อยากทราบวา แตล ะคนจะเจริญกรรมฐานไดคนละเทาไร คอื กรรมฐานอะไรบาง ? [P7, 25-35, 227-228] 58 ตอบ ผทู ม่ี ีราคจรติ จะเจรญิ กรรมฐานได ๒๑ คือ กรรมฐานทเี่ หมาะสมแกจ รติ มี ๑๑ คอื อสุภะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ และกรรมฐานทเี่ หมาะสมแกบ ุคคลทวั่ ไปไมว า จรติ ใด อกี ๑๐ คือ ภูตกสณิ ๔ อากาสกสณิ อาโลกกสณิ อรปู กรรมฐาน ๔ ผูท ่มี โี ทสจรติ จะเจริญกรรมฐานได ๑๘ คือ กรรมฐานที่เหมาะสมแกจ ริต มี ๘ คอื วณั ณกสิณ ๔ อัปปมญั ญา ๔ และกรรมฐานทเ่ี หมาะสมแกบุคคลทว่ั ไปไมว าจริตใด อกี ๑๐ คอื ภตู กสิณ ๔ อากาสกสิณ, อาโลกกสิณ, อรปู กรรมฐาน ๔ ผูท่มี ีพทุ ธิจริต จะเจรญิ กรรมฐานได ๑๔ คอื กรรมฐานทเ่ี หมาะสมแกจรติ มี ๔ คอื มรณานุสสติ อปุ สมานุสสติ อาหาเรปฏกิ ลู สญั ญา จตธุ าตวุ วัตถาน และกรรมฐานทเี่ หมาะสมแกบคุ คลทว่ั ไป ไมว า จรติ ใดอกี ๑๐ คอื ภตู กสณิ ๔ อากาสกสิณ, อาโลกกสิณ, อรูปกรรมฐาน ๔ ผทู มี่ ีวติ กจรติ จะเจรญิ กรรมฐานได ๑๑ คอื กรรมฐานทเี่ หมาะสมแกจ รติ มี ๑ คอื อานาปานัสสติ และกรรมฐานท่เี หมาะสมแกบุคคลทวั่ ไปไมวาจริตใด อีก ๑๐ คือ ภตู กสณิ ๔ อากาสกสิณ, อาโลกกสณิ , อรปู กรรมฐาน ๔ ๔. จงจาํ แนกกรรมฐาน ๔๐ โดยภมู ิ อารมณกรรมฐานและอารัมมณิกกรรมฐาน ? [P225, ] 52 ตอบ จําแนกกรรมฐาน ๔๐ โดยภมู ิ ดงั นี้ ในบรรดากรรมฐาน ๔๐ ในมนสุ สภูมิไดก รรมฐาน ๔๐ ในเทวภมู ิ ๖ ช้ัน ไดก รรมฐาน ๒๘ (เวน อสภุ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อาหาเรปฏกิ ลู สัญญา ๑) ในรปู ภมู ิ ๑๕ ไดกรรมฐาน ๒๗ (เวน อสภุ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑ อาหาเรปฏิกูลสญั ญา ๑) ในอรูปภมู ิ ๔ ชั้นนนั้ ชัน้ ที่ ๑ ไดอ รูปกรรมฐาน ๔ เทา นน้ั ชั้นที่ ๒ ไดอรปู กรรมฐาน ๓ (เวน อากาสบญั ญัตกิ รรมฐาน) ชัน้ ที่ ๓ ไดอรปู กรรมฐาน ๒ (เวนอากาสบัญญตั ิกรรมฐาน และ อากาสานญั จายตนฌาน) ชัน้ ท่ี ๔ ไดอ ากิญจัญญายตนฌานกรรมฐานอยา งเดยี ว จาํ แนกโดยอารมณกรรมฐาน มี ๓๔ คอื กสณิ ๑๐ อสภุ ะ ๑๐ อนุสสติ ๑๐ อัปปมัญญา ๔ จาํ แนกโดยอารัมมณิกกรรมฐาน มี ๖ คอื อาหาเรปฏกิ ูลสัญญา ๑ จตธุ าตุววตั ถาน ๑ อรูปกรรมฐาน ๔ ๒. ก. จงจําแนกกรรมฐาน ๔๐ โดยภูมิ ปรมัตถ บัญญตั มิ าดู ? [P225-226] 55 ตอบ ก. จาํ แนกกรรมฐาน ๔๐ โดยภมู ิ ปรมตั ถ บัญญตั ิ ดงั น้ี ในมนุสสภูมิ ๑ เจริญกรรมฐานได ๔๐ ทัง้ หมด ในเทวภูมิ ๖ เจรญิ กรรมฐานได ๒๘ (เวน อสุภะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อาหาเรปฏกิ ูลสญั ญา ๑) ในรปู ภมู ิ ๑๕ เจรญิ กรรมฐานได ๒๗ (เวนอสภุ ะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑ อาหาเรปฏิกลู สญั ญา ๑) ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจาก ขอความเพมิ่ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 42 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน ในอรปู ภมู ิ ๔ เจริญกรรมฐานไดเฉพาะอรปู กรรมฐาน ๔ เทา น้นั ตามสมควร ในบรรดากรรมฐาน ๔๐ นั้น บัญญตั กิ รรมฐานมี ๒๘ คอื กสณิ ๑๐ อสุภะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานัสสติ ๑ อัปปมัญญา ๔ อากาส- บัญญตั ิ ๑ นัตถภิ าวะบญั ญตั ิ ๑ ท่เี ปน อารมณข องปฐมารปุ ปวิญญาณ และ ตตยิ ารปุ ปวญิ ญาณ ปรมตั ถก รรมฐานมี ๑๒ คือ อนสุ สติ ๘ (เวนกายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑) อาหาเรปฏิกูลสญั ญา ๑ จตุธาต-ุ ววตั ถาน ๑ อากาสานญั จายตนฌาน และ อากิญจัญญายตนฌาน ท่เี ปน อารมณข องทุตยิ า- รุปปวิญญาณ และ จตตุ ถารปุ วิญญาณ ๑. ค. บุคคลทอ่ี ยูในมนุสสภมู สิ ามารถเจรญิ สมถกรรมฐานไดถงึ ๔๐ กจ็ รงิ แตถ า ตอ งการเจริญกรรมฐาน เพ่ือใหไดบรรลปุ ฐมฌานแลว จะเจรญิ กรรมฐานไดเ ทาไรคอื อะไรบา ง ? [P9, 225, 231] 44 ตอบ ค. บคุ คลทอ่ี ยใู นมนุสสภูมิ สามารถเจรญิ กรรมฐานไดถ ึง ๔๐ ก็จรงิ แตถ า ตอ งการเจรญิ กรรมฐาน เพื่อใหไ ดบ รรลปุ ฐมฌานแลว จะเจริญกรรมฐานได ๒๕ อยาง คือ กสิณ ๑๐ อสภุ ะ ๑๐ กายคตสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑ อปั ปมญั ญา ๓ (เวน อุเบกขา) ๔. จงจําแนกกรรมฐานโดยบญั ญตั ิ ปรมัตถ อารมณก รรมฐานและอารัมมณกิ กรรมฐาน ? [P226] 49 ๒. ก. จงจําแนกกรรมฐาน ๔๐ โดยบญั ญตั ิ และ ปรมัตถ ไดอยา งละเทาไร คอื อะไรบา ง ? 61 ตอบ (ก.) โดยบัญญตั กิ กรรมฐาน มี ๒๘ คอื กสิณ ๑๐ อสภุ ๑๐ โกฏฐาสบัญญัติท่เี ปนอารมณข องกายคตาสติ อสั สาสปส สาสบัญญตั ทิ ่เี ปนอารมณ ของอานาปานัสสติ สตั วบัญญัติ ๔ ที่เปน อารมณของอปั ปมญั ญา ๔ อากาสบญั ญตั ิ และนัตถภิ าวบัญญัตทิ ่เี ปน อารมณข องปฐมารปุ ปวิญญาณ และ ตติยารุปปวิญญาณ โดยปรมตั ถกรรมฐานมี ๑๒ คือ อนสุ สติ ๘ (เวน กายะ อานาปานะ) อาหาเรปฏิกูลสญั ญา ๑ จตธุ าตุววตั ถาน ๑ อากาสานญั จายตนฌาน และอากญิ จัญญายตนฌาน ทเี่ ปนอารมณข องทตุ ยิ ารุปปวิญญาณ และ จตตุ ถารปุ ปวิญญาณ (43) จาํ แนกโดยอารมณก รรมฐานมี ๓๔ คอื กสณิ ๑๐ อสุภ ๑๐ อนุสสติ ๑๐ อปั ปมญั ญา ๔ จาํ แนกอารมั มณิกกรรมฐานมี ๖ คอื อาหาเรปฏกิ ลู สญั ญา ๑ จตุธาตุววตั ถาน ๑ อรปู กรรมฐาน ๔ ๔. ก. บรรดากรรมฐาน ๔๐ นน้ั อยากทราบวากรรมฐานท่ีเปน บญั ญตั มิ เี ทาไร กรรมฐานทเี่ ปนปรมัตถมเี ทาไร จงแสดงชอ่ื เฉพาะ ? [P226] 45 ตอบ ก. ในกรรมฐาน ๔๐ น้นั กรรมฐานท่ีเปนบญั ญัตมิ ี ๒๘ คอื กสณิ ๑๐ อสภุ ะ ๑๐ โกฏฐาสบญั ญัติ ๑ อานาปานบัญญัติ ๑ อปั ปมญั ญา ๔ อากาสบญั ญตั ิ ๑ นตั ถิภาวบญั ญตั ิ ๑ กรรมฐานท่ีเปน ปรมัตถม ี ๑๒ คือ อนสุ สติ ๘ (เวนกายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ๑) อาหาเรปฏกิ ลู สญั ญา ๑ จตธุ าตุววตั ถาน ๑ อากาสานัญจายตนฌาน ๑ อากิญจัญญายตนฌาน ๑ ๑. ข. กรรมฐานที่ไดถึงอุปจารภาวนาเทาน้ัน อปั ปนาภาวนาคอื ฌานยอมไมเกดิ มเี ทา ไร คืออะไรบาง ? [P8, 228] 48 ตอบ ข. กรรมฐานทีไ่ ดถ ึงอปุ จารภาวนาเทา น้ัน อปั ปนาภาวนาคอื ฌานยอ มไมเ กิด มี ๑๐ อยา ง คือ ดาวนโหลดขอมูลตางๆไดจาก ขอความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 43 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน อนุสสติ ๘ มีพทุ ธานุสสติ เปน ตน จนถึง มรณานสุ สติ อาหาเรปฏกิ ูลสญั ญา ๑ จตธุ าตวุ วตั ถาน ๑ ๔. ค. กรรมฐานท่ีทาํ ใหไดสาํ เร็จแคอ ุปจารภาวนาเทานน้ั อปั ปนาภาวนาคอื ฌานไมเ กิด มเี ทาไร คืออะไรบา ง ? [P P8, 229] 45 ตอบ ค. กรรมฐานทีท่ ําใหไ ดส าํ เรจ็ แคอ ุปจารภาวนาเทานน้ั อปั ปนาภาวนาคอื ฌานไมเ กิด มี ๑๐ คือ อนุสสติ ๘ (เวนกายคตาสติ ๑ อานาปานัสสติ ๑) อาหาเรปฏิกูลสญั ญา ๑ จตธุ าตวุ ตั ถาน ๑ ๓. ในสมถกรรมฐาน ๔๐ นน้ั ตองการทราบดงั ตอ ไปน้ี ? 51, 58 ก. กรรมฐานท่ีไดถงึ อปุ จารภาวนา เทา นั้น อปั ปนาภาวนา คอื ฌานไมเกดิ และกรรมฐานที่ไดถงึ อัปปนา ภาวนาคอื ฌานมอี ยางละเทาไร คอื อะไรบาง ? [P229-230 ] 51, 58(4ก), 61(2ข) ตอบ ก. กรรมฐานท่ไี ดถงึ อุปจารภาวนาเทานนั้ อปั ปนาภาวนาคอื ฌานไมเกดิ มี ๑๐ คอื พทุ ธานุสสติ ธัมมา นสุ สติ สงั ฆานสุ สติ สีลานุสสติ จาคานสุ สติ เทวตานสุ สติ อปุ สมานุสสติ มรณานุสสติ อาหาเรปฏกิ ลู สญั ญา และ จตธุ าตวุ ตั ถาน และกรรมฐานทีไ่ ดถงึ อัปปนาภาวนา คือ ฌานมี ๓๐ คอื ..... ๑. ค. กรรมฐานทใี่ หสําเรจ็ ถงึ อปั ปนาภาวนา คอื ฌาน มีเทาไร คอื อะไรบา ง ? [P8, 230] 45(4ข), 48 ตอบ ค. กรรมฐานท่ที ําใหส ําเร็จถึงอัปปนาภาวนา คอื ฌาน มี ๓๐ คือ กสณิ ๑๐ อสุภ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑ อปั ปมัญญา ๔ อรปู กรรมฐาน ๔ ๑. ข. ในกรรมฐาน ๓๐ ทถ่ี งึ อปั ปนาเหลาน้นั รูปา ๑๕ : บัญญตั ิ ๒๖ ปฐม ท-ุ จตุ ปญจ กรรมฐานอะไรใหถึงฌานอะไรไดบ าง ? [P9, 231-237] 56 กสิน ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ตอบ ข. ในกรรมฐาน ๓๐ ทถ่ี งึ อัปปนาเหลา นั้น อสภุ ะ ๑๐ ๑๐ - - กรรมฐานเหลานี้ใหถ ึงฌานไดดงั ตอ ไปนี้ โกฏฐาสะ ๑ ๑- - กสณิ ๑๐ อานาปานัสสติ ๑ ใหไดถ งึ รปู ฌานทั้ง ๕ อานาปานัสสติ ๑ ๑ ๑ ๑ อัปปมญั - ป[เมย อโททส ุกกรุสมขุ ุท]ิ ๓ ๓ - อสุภะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ ใหไ ดถ ึงเฉพาะปฐมฌาน เทา นั้น ญา ๔ มัชอเุฌบกตั ขตา=สตัตตั รว - - ๑ พรหมวหิ าร ๓ มเี มตตา เปน ตน ใหไดถงึ รปู ฌานเบ้อื งต่าํ รวม บญั ญัติ ๒๕ ๑๔ ๑๒ อุเบกขาพรหมวหิ าร ใหไดถ งึ รปู ปญ จมฌาน เทาน้ัน สวนอรปู กรรมฐาน ๔ เหลาน้ี ใหไดถึงอรปู ฌาน ๔ อา วญิ กิญ เนว ๒. ข. ในสมถกรรมฐาน ๔๐ นนั้ กรรมฐานท่ใี ชเ จรญิ เปน อารมณกรรมฐานแลว ใหไ ดเฉพาะปฐมฌาน ใหไดร ปู ฌานท้งั ๕ และใหไดเฉพาะฌาน มีอยา งละเทาไร ? คืออะไรบาง ? [P231, , 234, ] 55 ตอบ ข. กรรมฐานทใ่ี หไดเ ฉพาะปฐมฌาน มี ๑๑ กรรมฐาน คอื อสุภะ ๑๐ กายคตาสตกิ รรมฐาน ๑ กรรมฐานที่ใหไ ดร ปู ฌานทง้ั ๕ มี ๑๑ กรรมฐาน คือ กสิณ ๑๐ อานาปานสั สติ ๑ และกรรมฐานท่ีใหไ ดเฉพาะฌาน มี ๕ กรรมฐาน คอื อเุ บกขาพรหมวิหาร ๑ ใหไ ดเ ฉพาะ รูปปญจมฌาน อรูปกรรมฐาน ๔ ใหไดเ ฉพาะ อรูปฌาน ๔ ๓. ในสมถกรรมฐาน ๔๐ นนั้ ตองการทราบดังตอ ไปน้ี ? 51 ข. ในกรรมฐาน ๓๐ ที่เขาถึงอปั ปนาฌานท้ัง ๙ อยากทราบวา กรรมฐานท่ใี หเ ขา ถึงเฉพาะ ฌานใดฌานหนง่ึ (เพยี งฌานเดยี ว)เทานัน้ มีเทาไร คอื อะไรบาง ? [P231, 234,] 51, 58(4ข) ตอบ ข. กรรมฐานทเ่ี ขาถึงฌานใดฌานหนึ่งเทานน้ั มี ๑๑ คอื อสภุ ๑๐ กายคตาสติ ๑ ยอ มทาํ ให ปฐมฌาน เกดิ ข้ึนได อุเบกขาพรหมวหิ าร ๑ ยอมทาํ ให รูปปญจมฌาน เกดิ ขึน้ ได และอรูปกรรมฐาน ๔ ยอ มทําให อรูปฌาน ๔ เกิดขึ้นได ดาวนโ หลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพมิ่ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 44 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๔. ในกรรมฐาน ๔๐ นน้ั ขอถามเปน ขอ ๆ ดงั ตอไปน้ี ? 59 ก. กรรมฐานที่ไดนิมติ ทั้ง ๒ คอื บรกิ รรมนิมติ และอคุ คหนิมิตโดยปริยายมีเทา ไร คืออะไรบา ง จงแสดงเหตุผลดวย ? [P235-6] 56(3), 59 ข. กรรมฐานทไ่ี ดน มิ ติ ทงั้ ๒ หรอื ท้ัง ๓ โดยตรงมีเทาไร คืออะไรบา ง จงแสดงเหตุผลดว ย ? [P235-6] 56(3), 59 ค. กรรมฐานที่ไดนมิ ิตทั้ง ๒ โดยปรยิ าย และที่ไดป ฏภิ าคนิมติ แตอนุโลมเขาโดยปริยายเชนเดยี วกัน มเี ทาไร คอื อะไรบาง จงอธบิ าย ? [P235-6] 56(3), 59 ตอบ ก. กรรมฐานทไ่ี ดนมิ ติ ทง้ั ๒ โดยปริยาย มี ๑๘ อยาง คอื อนุสสติ ๘ (กายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑) อัปปมัญญา ๔ สัญญา ๑ ววตั ถาน ๑ อารปุ ปะ ๔ เน่ืองดว ยการเจรญิ กรรมฐานประเภทน้ี ไมมกี ารเพง การกระทบ ไมมีภาพมาปรากฏทางใจ ข. กรรมฐานที่ไดน มิ ติ ทัง้ ๒ หรอื ทงั้ ๓ โดยตรงมี ๒๒ อยาง คือ กสิณ ๑๐ อสภุ ะ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานสั สติ ๑ ทเ่ี ปน เชนน้ีกเ็ พราะกรรมฐานเหลา นมี้ กี ารเพง การกระทบ มีภาพปรากฏตดิ ทางใจ ค. กรรมฐานท่ีไดน ิมติ ทั้ง ๒ โดยปรยิ ายและที่ไดปฏิภาคนิมิตแตอนโุ ลมเขา โดยปริยายเชนเดยี วกนั นนั้ มี ๘ อยา ง คอื อัปปมัญญา ๔ อารปุ ปะ ๔ อธบิ ายวา การเจริญกรรมฐาน ๘ อยางนี้ แมว า จะไมไ ด ปฏภิ าคนมิ ติ โดยตรงกต็ ามแตฌ านจิตกเ็ กดิ ขนึ้ ได ดงั นนั้ จึงจัดเปน ปฏภิ าคนมิ ติ แตอ นุโลมเขา โดย ปริยาย ซึง่ เปน ไปดังที่กลา วไวว า การแผเ มตตาในระหวา งท่ีไดอ ุคคหนมิ ติ และปฏิภาคนิมติ นน้ั เรียกวา อุปาจารภาวนา เมอ่ื รปู ฌานเกิดข้นึ เรยี กวา อัปปนาภาวนา ๒. ข. กรรมฐาน ท่ีมบี ริกรรมนมิ ิตและอคุ คหนมิ ิตโดยปริยาย มีเทาไร คืออะไรบาง เพราะเหตไุ ร จงึ เปนเชนนั้น ? [P235] 53 ตอบ ข. กรรมฐานที่มบี ริกรรมนมิ ติ และอคุ คหนิมิต โดยปริยายนน้ั มี ๑๘ กรรมฐาน คือ อนสุ สติ ๘ (เวน กาย- คตาสติ อานาปานสั สติ) อาหาเรปฏกิ ลู สัญญา ๑ จตธุ าตุววตั ถาน ๑ อปั ปมญั ญา ๔ อรูปกรรมฐาน ๔ ท่เี ปน เชนนี้ เพราะวา การเจรญิ กรรมฐานเหลา นี้ไมม กี ารเพง การกระทบ ไมม ภี าพมาปรากฏทางใจ ๓. ก. กรรมฐานท่ีไดบ ริกรรมนมิ ิต และอุคคหนมิ ติ โดยปริยายมกี ่กี รรมฐาน อะไรบา ง เพราะเหตุใดจงึ ไดโดยปรยิ าย ? [P235-236] 48 ข. กรรมฐานทไี่ ดน ิมิตทงั้ ๒ ดังกลา วโดยตรงมกี ่ีกรรมฐาน อะไรบา ง เพราะเหตใุ ดจงึ ไดโดยตรง ? [P] 48 ตอบ ก. ทไี่ ดโ ดยปรยิ ายมี ๑๘ กรรมฐาน คอื อนุสสติ ๘ (เวนกายคตาสติ และอานาปานสั สต)ิ อปั ปมญั ญา ๔ สญั ญา ๑ ววัตถาน ๑ อรุปป ๔ เพราะการเจรญิ กรรมฐานนไี้ มม กี ารเพง การกระทบ ไมม ภี าพมาปรากฏทางใจ ข. ทไี่ ดโ ดยตรงมี ๒๒ กรรมฐาน คือ กสณิ ๑๐ อสุภ ๑๐ กายคตาสติ ๑ อานาปานัสสติ ๑ เพราะกรรมฐานเหลานม้ี กี ารเพงการกระทบ มภี าพปรากฏติดทางใจ ๒. ก. กรรมฐานที่ไมไ ดป ฏภิ าคนมิ ติ มเี ทาไร คอื อะไรบา ง ? ในกรรมฐานเหลา นี้ ภาวนาจิตของผเู จรญิ คร้ังแรกและครั้งหลังเปนอยางไร ? [P235-6] 52, 58(1ข) ข. สว นการเจรญิ กรรมฐาน ๒๒ อยา ง ยอ มไดปฏิภาคนิมิตโดยตรงอยางแนน อน เพราะเหตไุ ร ? [P235-6] 52 ตอบ ก. กรรมฐานท่ไี มไ ดป ฏภิ าคนมิ ิต มี ๑๘ อยา ง คือ อนสุ สติ ๘ (เวน กาย. อานาปาน.) อัปปมญั ญา ๔ สญั ญา ๑ ววตั ถาน ๑ อารปุ ปะ ๔ เหลานี้ ภาวนาจิตของผเู จรญิ ครงั้ แรก ขณะท่ีสมาธยิ ังออ นอยู และครัง้ หลังขณะท่ีสมาธไิ ดแ กกลาขนึ้ แลว กค็ งมพี ทุ ธคณุ เปนตน เปนอารมณอ ยูเ ชน เดมิ ไม เปล่ียนแปลง ฉะนัน้ การเจรญิ กรรมฐาน ๑๘ อยา งนีจ้ ึงไมไดป ฏภิ าคนมิ ติ ข. สว นการเจรญิ กรรมฐาน ๒๒ อยา งนั้น ผเู จริญยอ มไดปฏภิ าคนมิ ติ โดยตรงอยา งแนน อน เพราะ กรรมฐานเหลา นม้ี กี ารเปล่ยี นแปลงอารมณไ ดกลา วคอื ภาวนาจติ ครั้งแรกขณะท่ีสมาธยิ งั ออนอยูกม็ ี บริกรรมนมิ ิต อคุ คหนิมติ เปนอารมณ ครน้ั ตอ มาเมื่อภาวนาจติ ครง้ั หลงั มีสมาธิแกก ลาขึน้ แลว กม็ ี ดาวนโ หลดขอมูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพิม่ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 45 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ปฏภิ าคนมิ ิตเปนอารมณแ ละฌานจติ ทเ่ี กิดขน้ึ น้นั ก็รบั ปฏิภาคนิมติ เปน อารมณตอ ไป วปิ ส สนากัมมฏั ฐาน ขอ ๕-๗ ๕. ก. ในวปิ สสนากรรมฐานนั้น มธี รรมอยกู ีห่ มวด คอื อะไรบาง? ใหแ สดงเฉพาะชอ่ื และจํานวนเทานนั้ ? 49 ๔. ข. หวั ขอธรรมในวปิ สสนากรรมฐานนน้ั มกี ี่หมวดคอื อะไรบา ง ? [P1-3] 43 ตอบ ก. มธี รรมอยู ๖ หมวด คอื ๑. วสิ ทุ ธิ ๗ ๒. ลักษณะ ๓ ๓. อนปุ ส สนา ๓ (43, 49, 53) ๔. วปิ ส สนาญาณ ๑๐ ๕. วิโมกข ๓ ๖. วิโมกขมุข ๓ ๕. ในวิปส สนากรรมฐาน (พระอนรุ ทุ ธาจารย) ทา นแสดงธรรมไวกี่หมวด คืออะไรบา ง จงแสดงพรอมท้ังชื่อของธรรมท่ีอยูในหมวดนั้น ๆ มาดว ย (ไมตอ งแสดงความหมาย) ? 44, 50, 51, 55, 61 ๖. ก. ในวปิ ส สนากรรมฐานนัน้ มีธรรมอยูกี่หมวด? คอื อะไรบาง? จงแสดงพรอมทั้งชื่อของธรรมที่อยใู นหมวดนั้นๆ มาดวย ? [P1-3] 58 (ไมตองแสดงความหมาย) ? 53 ตอบ (ก.) มี ๖ หมวด คือ 44, 50, 51, 55, 58 ๑. วิสุทธิ มี ๗ คือ สีลวสิ ทุ ธิ จติ ตวสิ ทุ ธิ ทฏิ ฐวิ สิ ทุ ธิ กังขาวิตรณวสิ ทุ ธิ มคั คามัคคญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ ปฏิปทาณาณทสั สนวิสุทธิ และญาณทสั สนวิสุทธิ ๒. ลักขณะ มี ๓ คือ อนจิ จลกั ษณะ ทุกขลักษณะ และอนตั ตลกั ษณะ ๓. อนุปส สนา มี ๓ คอื อนจิ จานุปสสนา ทกุ ขานุปสสนา และอนตั ตานปุ ส สนา ๔. วิปส สนาญาณ มี ๑๐ คอื สัมมสนญาณ อทุ ยพั พยญาณ ภงั คญาณ ภยญาณ อาทีนวญาณ นิพพิทาญาณ มญุ จิตกุ ัมยตาญาณ ปฏสิ งั ขาญาณ สงั ขารเุ ปกขาญาณ และอนโุ ลมญาณ ๕. วิโมกข มี ๓ คอื สุญญตวิโมกข อนิมติ ตวโิ มกข และอปั ปณหิ ิตวโิ มกข ๖. วิโมกขมขุ มี ๓ คอื สุญญตานุปสสนา อนมิ ติ ตานปุ สสนา และ อปั ปณหิ ิตานุปส สนา ๕. ข. คาํ วา จตุปารสิ ุทธิศลี นนั้ หมายความวาอยางไร? ไดแ กอะไรบา ง? [P14] 47, 49(6) ตอบ ข. คาํ วา จตปุ ารสิ ทุ ธิสีล นน้ั หมายความวา ความบรสิ ทุ ธข์ิ องศลี มี ๔ อยาง คือ ๑. ปาติโมกขสงั วรสลี ไดแ ก ศลี ท่ีสาํ รวมในพระปาตโิ มกข ๒. อนิ ทรยิ สังวรสีล ไดแ ก ศลี ทีส่ าํ รวมในอนิ ทรีย ๖ ๓. อาชีวปาริสุทธิสลี ไดแก ศลี ท่มี ีอาชีพบรสิ ทุ ธิ์ ๔. ปจ จยสันนสิ สิตสีล ไดแ ก ศีลทีอ่ าศยั ปจจยั ๔ ๕. ก. ในวปิ ส สนากรรมฐานนี้ พระโยคบี ุคคลควรรูวิสุทธิสังคหะก่ีอยาง คอื อะไรบาง (ใหแ สดงพรอมดวยความหมาย) ? [P1, 23, 24, 246] 47, 49(6) ๕. คําวา วสิ ทุ ธิ ในวิปส สนากรรมฐานนี้ หมายความวา อยางไร มีเทาไร คืออะไรบา ง จงแสดงมาพรอมดวย ความหมาย และจงสงเคราะหว ิสทุ ธิ ๗ ลงใน ญาน ๑๖ มาดู ? [ P1, 23, 24, 246] 48, 50(7), 54(6), 60(6) ตอบ คาํ วา วิสทุ ธิในวปิ สสนากรรมฐานน้ี หมายความวา ความบริสทุ ธิ์จากกเิ ลสเปนพิเศษ ชื่อวา วสิ ุทธิ ไดแ ก ศลี สมาธิ ปญ ญา มอี ยู ๗ อยางคือ ก. ในวปิ ส สนากรรมฐานนี้ พระโยคบี คุ คลควรรวู สิ ทุ ธสิ งั คหะ ๗ อยา งคือ ๑. สลี วิสุทธิ ความบรสิ ทุ ธแ์ิ หงศีล ๒. จิตฺตวิสุทธฺ ิ ความบรสิ ทุ ธ์แิ หงจิต ๓. ทิฏว ิสุทธิ ความบริสทุ ธ์ิแหงความเหน็ ๔. กงขฺ าวติ รณวสิ ุทฺธิ ความบรสิ ทุ ธิ์ของญาณที่ขา มพนจากความสงสัย ๕. มคฺคามคคฺ าณทสฺสนวิสทุ ธฺ ิ ความบริสุทธิ์ในการเห็นแจงของญาณ วาเปนมัคคปฏปิ ทาและมิใชม ัคคปฏิปทา ๖. ปฏปิ ทาาณทสสฺ นวสิ ทุ ฺธิ ความบริสุทธิ์ในการเห็นแจงของญาณ อันเปนเคร่ืองดําเนนิ ไปสูมัคคปฏปิ ทา ดาวนโ หลดขอมูลตางๆไดจาก ขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌมิ อาภิธรรมิกะโท 46 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน โดยสว นเดยี ว ๗. ญาณทสสฺ นวสิ ุทฺธิ ความบรสิ ุทธ์ิในการเหน็ แจงโดยสว นเดยี วของญาณ สงเคราะหว สิ ุทธิ ๗ ลงในญาณ ๑๖ ไดด ังตอ ไปน้ี สลี วสิ ทุ ธิและจติ ตวสิ ุทธิ เปน พนื้ ฐานของวปิ สสนา ทฏิ ฐิวิสทุ ธิ สงเคราะหลงใน นามรูปปริจเฉทญาณ กงั ขาวิตรณวิสทุ ธิ สงเคราะหลงใน ปจจยปริคคหญาณ มคั คามคั คญาณทสั สนวิสุทธิ สงเคราะหลงในสัมมสนญาณ และตรณุ อุทยพั พยญาณ ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ สงเคราะหลงในวิปสสนาญาณ ๙ คือ ต้ังแต พลวอุทยัพพยญาณ จนถึงอนุโลม ญาณ เปนตน จนถึง อนโุ ลมญาณ และสงเคราะหในโคตรภญู าณ โดยปรยิ าย ญาณทสั สนวิสุทธิ สงเคราะหลงในมัคคญาณ และสงเคราะหลงใน ผลญาณ ปจจเวกขณญาณโดย ปรยิ าย ๖. ก. จงสงเคราะหวสิ ทุ ธิ ๕ มีทฏิ ฐวิ สิ ุทธเิ ปน ตน ลงในญาณ ๑๓ (เวน โคตรภญู าณ ผลญาณ ปจ จเวกขณ ญาณ) มาใหถูกตอง ? [P] 45 ตอบ ก. การสงเคราะหวสิ ทุ ธิ ๕ มที ิฏฐวิ สิ ุทธิ เปนตน ลงในญาณ ๑๓ (เวนโคตรภญู าณ ผลญาณ ปจจเวกขณญาณ) แลว ยอมเปน ไปดงั น้ี ทิฎฐวิ สทุ ธิ สงเคราะหล งในนามรูปปริจเฉทญาณ กงั ขาวติ รณวิสุทธิ สงเคราะหลงในปจจยปริคคหญาณ มัคคามัคคญาณทสั สนวิสทุ ธิ สงเคราะหลงในสมั มสนญาณ และตรณุ อทุ ยัพพญาณ ปฏิปทาญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ สงเคราะหลงในวิปส สนาญาณ ๙ คอื ๑. พลวอทุ ยพั พยญาณ ๒. ภังคญาณ ๓. ภยญาณ ๔. อาทนี วญาณ ๕. นิพพิทาญาณ ๖. มญุ จติ ุกมั ยตาญาณ ๗. ปฏิสังขาญาณ ๘. สงั ขารเุ ปกขาญาณ ๙. อนุโลมญาณ ญาณทัสสนวสิ ุทธิ สงเคราะหลงในมรรคญาณ ๖. ข. จงสงเคราะหญ าณ ๑๖ ลงในวิสทุ ธิเหลานั้นตามสมควรท่ีเปนไปได ? [P] 49(7ก), 53, 58(5ข), 56(5ก), 59(6ก), 61 ตอบ ข. สงเคราะหญาณ ๑๖ ลงในวสิ ทุ ธเิ หลาน้นั ตามสมควรดงั นี้ นามรูปปริจเฉทญาณ สงเคราะหลงใน ทฏิ ฐวิ ิสทุ ธิ ปจจยปริคคหญาณ สงเคราะหลงใน กังขาวิตรณวสิ ุทธิ สัมมสนญาณ ตรุณอทุ ยัพพยญาณ สงเคราะหลงใน มัคคามัคคญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ วปิ ส สนาญาณ ๙ คอื พลวอุทยพั พยญาณเปน ตน จนถึงอนโุ ลมญาณ สงเคราะหลงใน ปฏปิ ทาญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ โคตรภูญาณ สงเคราะหลงใน ปฏปิ ทาญาณทสั สนวสิ ุทธิ โดยปริยาย มคั คญาณ สงเคราะหลงใน ญาณทสั สนวสิ ทุ ธิ ผลญาณ ปจจเวกขณญาณ สงเคราะหล งใน ญาณทสั สนวิสุทธิ โดยปริยาย ๗. ก. ญาณ ๑๖ เหลา น้ี เมอื่ สงเคราะหล งในสมาธิ ๓ มีขณกิ สมาธิ เปน ตน แลว ญาณอะไรบางทเ่ี ขาอยูในสมาธินน้ั ๆ ? [P246] 56 ตอบ ก. สงเคราะหญ าณ ๑๖ ลงในสมาธิ ๓ ดงั น้ี นามรปู ปรจิ เฉทญาณ ปจ จยปริคคหญาณ สมั มสนญาณ อทุ ยัพพยญาณ ภังคญาณ ภยญาณ อาทนี วญาณ นิพพิทาญาณ มญุ จติ ุกมั ยตาญาณ ปฏิสังขาญาณ สงั ขารุเปกขาญาณ และปจ จเวกขณญาณ รวม ๑๒ ญาณน้ี สงเคราะหลงใน “ขณิกสมาธิ” อนุโลมญาณ โคตรภญู าณ รวม ๒ ญาณน้ี สงเคราะหลงใน “อปุ จารสมาธ”ิ ดาวนโหลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอความเพ่ิมเติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 47 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วิปสสนา กรรมฐาน มคั คญาณ ผลญาณ รวม ๒ ญาณน้ี สงเคราะหลงใน “อปั ปนาสมาธ”ิ ๕. วปิ ส สนาญาณ ทส่ี งเคราะหเขาในปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธนิ ั้น มีก่ ่ญี าณคอื ญาณอะไรบาง? ใหแ สดงความหมายดว ย ? [P] 43 ตอบ มี ๙ ญาณคอื ๑. พลวอุทยัพพยญาณ ปญ ญท่ีมีกาํ ลงั เห็นความเกิดขึน้ และความดับไปของรปู นาม ๒. ภงั คญาณ ปญ ญาเห็นความดับไปของรปู นาม ๓. ภยญาณ ปญ ญาเห็นรูปนามเปนภัยที่นา กลัว ๔. อาทีนวญาณ ปญ ญาเหน็ โทษของรูปนาม ๕. นพิ พิทาญาณ ปญญาเกดิ ความเบือ่ หนา ยในรูปนาม ๖. มญุ จติ ุกัมยตาญาณ ปญ ญาอยากหนใี หพนจากรปู นาม ๗. ปฏิสงั ขาญาณ ปญญาพจิ ารณาไตรลักษณะของรูปนามอยางกวางขวาง ๘. สังขารเุ ปกขาญาณ ปญญาพจิ าณาหาทางแลววางเฉยตอรูปนาม ๙. อนโุ ลมญาณ ปญญาเห็นสอดคลอ งกบั วปิ ส สนาญาณ ๘ ขางตน และ ถึงพรอ มดวยกําลังเพอ่ื ใหมรรคญาณเกดิ ๕. ตามทีพ่ ระอรรถกถาจารยแสดงไวว า ลกขฺ ณํ นาม ปฺ ตฺตคิ ตกิ ํ น วตฺตพพฺ ธมมฺ ภตู ํ นนั้ แปลวาอยา งไร ? นักศึกษาพระอภธิ รรมมีความเขา ใจขอ ความน้วี า อยางไร? ทานอัฏฐสาลนิ ีมลู ฎกี าจารย อธบิ ายวาอยางไร ? 45 ๖. พระอรรถกถาจารยแสดงไวว า ลกขฺ ณํ นาม ปฺ ตตฺ ิคตกิ ํ น วตฺตพพฺ ธมมฺ ภตู ํ นนั้ แปลวาอยา งไร ทา นเขาใจขอความน้ีวา อยางไร อัฏฐสาลินีมูลฎกี าจารย อธบิ ายวาอยา งไร ? [P33-35] 54(7), 58 ตอบ ขอ ความทพี่ ระอรรถกถาจารยแสดงไวนัน้ แปลวา ตามธรรมดาไตรลักษณนั้น มีสภาพเปนบัญญัติ หา ใชเ รยี กวาเปน กามธรรม มหคั คตธรรม โลกตุ ตรธรรมแตป ระการใดไม ขาพเจาเขาใจขอความน้ีวา เปนไตรลักษณที่ผูปฏิบัติบริกรรมพิจารณาเอาเองโดยเฉพาะ ซง่ึ ไมมีการ กําหนดรรู ูปนามท่ปี รากฏอยเู ฉพาะหนา เปนไตรลกั ษณ ทไ่ี มมีสภาวปรมัตถ จัดเปนบญั ญตั ิ (อวิชชมานบัญญัติ) และก็เปนอารมณข องวปิ สสนาไมได (45) สําหรับทานมลู ฎกี าจารย อธบิ ายวา คาํ วา ลกฺขณํ นาม เปน ตน ทพ่ี ระอรรถกถาจารยกลาวไว คือ (54, 58) สาํ หรบั อฏั ฐสาลนิ ีมลู ฎีกาจารย อธบิ ายวา คาํ วา ลกขฺ ณํ นาม เปน ตน ท่ีพระอรรถกถาจารย กลาวไว คอื ไตรลักษณท ่พี ระโยคพี จิ ารณาเอาโดยเฉพาะ ซง่ึ ไมเ ก่ยี วกับการกาํ หนดรูร ปู นามทเ่ี กิดอยเู ฉพาะหนา วา เปน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นัน้ มสี ภาพเปน บญั ญัติ ไมม ีสภาวปรมตั ถป รากฏ เหตทุ ีพ่ จิ ารณาไตรลกั ษณเ อา โดยเฉพาะ ไมม สี ภาวปรมัตถปรากฏนน้ั แหละ จงึ กลาวไมไดเ ลยวา เปนกามธรรมเปนตน แตอยางใด ๗. คาํ วา ลกฺขณํ นาม เปนตน แปลวา ธรรมดาไตรลักษณนน้ั มสี ภาพเปนบญั ญตั ิ หาใชเ รยี กวา เปน กามธรรม มหัคคตธรรม โลกตุ ตรธรรมแตประการใดไม ดังน้ี ไตรลกั ษณทก่ี ลา วถึงนเี้ ปนไตรลกั ษณแ ท หรอื เทยี ม ท่ี ตอบเชน นนั้ อาศัยอะไรเปน หลกั ? [P33-35] 48, 53, 60 ตอบ ไตรลกั ษณ ทกี่ ลาวถึงนี้เปน ไตรลกั ษณเ ทียม คอื เปนไตรลกั ษณทผี่ ปู ฏบิ ตั บิ ริกรรมพิจารณาเอาเอง โดยเฉพาะ ซง่ึ ไมม กี ารกําหนดรรู ปู นามทีป่ รากฏอยูเ ฉพาะหนา เปนไตรลกั ษณท ไ่ี มม สี ภาวปรมตั ถ จดั เปน อวิช ชมานบัญญัติ เปนอารมณข องวิปสสนาไมไ ด ที่ตอบเชน น้ี อาศัยคาํ อธบิ ายของทานมูลฎีกาจารยเ ปน หลกั ซง่ึ ทานอธบิ ายวา คาํ วา ลกขฺ ณํ นาม เปน ตน ทท่ี า นพระอรรถกถาจารยก ลาวไว คอื ไตรลกั ษณท พ่ี ระโยคพี จิ ารณา เอาโดยเฉพาะ ซึง่ ไมเ ก่ยี วกบั การกําหนดรรู ปู นามทีเ่ กดิ อยเู ฉพาะหนาวา เปน อนิจจงั ทุกขัง อนตั ตานัน้ มีสภาพ เปนบญั ญตั ิ ไมม สี ภาว-ปรมตั ถป รากฏ เหตทุ พ่ี ิจารณาไตรลักษณเ อาโดยเฉพาะไมมสี ภาวปรมัตถปรากฏนนั้ จงึ กลา วไมไดเ ลยวา เปน กามธรรม เปนตน แตอ ยา งใด ดาวนโ หลดขอ มลู ตา งๆไดจาก ขอ ความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 48 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญัติ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๕. ข. ลกั ษณะและอนปุ ส สนามีอยางละเทาไร คอื อะไรบา ง? จงแสดงพรอ มดว ยความหมาย และจงบอกดว ยวา ธรรม ๒ อยา งน้ีเกี่ยวของกนั อยางไร ? [P2] 49, 56 ตอบ ข. ลักษณะมี ๓ อยา งคอื ๑. อนิจจลักขณะ คอื ลักษณะท่ีไมเ ทยี่ ง ๒. ทกุ ขลักขณะ คอื ลกั ขณะท่ีเปนทุกข ๓. อนัตตลักขณะ คือ ลักขณะทเ่ี ปน อนัตตา อนุปส สนามี ๓ อยางคอื ๑. อนิจจานุปส สนา คือ การพิจารณารูเห็นอยูเนอื งๆ โดยความไมเ ทย่ี ง ๒. ทุกขานุปส สนา คือ การพจิ ารณารเู ห็นอยูเนอื งๆ โดยความเปนทุกข ๓. อนตั ตานุปส สนา คือ การพิจารณารูเหน็ อยเู นอื งๆ โดยความเปนอนัตตา ธรรม ๒ อยางน้ี เก่ยี วขอ งกนั ดังน้ี ลกั ษณะเปน อารมณข องอนปุ สสนา หรือเปน อารมณกรรมฐาน สว นอนปุ สสนา เปนผรู ลู ักษณะหรอื เปนอารัมณกิ ภาวนากรรมฐาน ๕. อนุปส สนา วโิ มกข วิโมกขมุข แตล ะประเภทมีจํานวนเทา ไร คืออะไรบา ง? ใหแ สดงความหมายดว ย ? [P2-4] 52 ตอบ อนปุ สสนา มี ๓ อยาง คอื อนจิ จานุปส สนา การพิจารณารเู หน็ อยเู นอื ง ๆ โดยความไมเทย่ี ง ทุกขานปุ ส สนา การพจิ ารณารเู หน็ อยเู นือง ๆ โดยความเปนทุกข อนตั ตานปุ ส สนา การพจิ ารณารูเหน็ อยูเ นือง ๆ โดยความเปนอนัตตา วิโมกข มี ๓ อยา งคือ สุญญตวโิ มกข หลดุ พน ดว ย ความเปนของสญู อนิมิตตวโิ มกข หลุดพนดวย ความไมมนี มิ ิตเคร่อื งหมาย อัปปณหิ ติ วโิ มกข หลดุ พน ดวย ไมเ ปนทต่ี ้งั แหง ตณั หา วโิ มกขมขุ มี ๓ อยา งคือ สุญญตานปุ ส สนา การหลดุ พนดวยการพจิ ารณาเหน็ วา เปนของสญู อนมิ ติ ตานุปส สนา การหลดุ พน ดว ยการพิจารณาเหน็ วา ไมม นี มิ ติ เคร่อื งหมาย อปั ปณิหติ านุปส สนา การหลดุ พนดวยการพิจารณาเหน็ วา ไมเ ปน ทตี่ ั้งแหง ตณั หา ขอ ๖ ๖. วโิ มกขมุข ๓ มีสุญญตานุปส สนาเปน ตน น้ัน หมายความวา ขณะทว่ี ุฏฐานคามินวี ิปส สนากําลังดาํ เนินไปน้ัน รปู นามมีอาการอยางไร ? จงชี้แจงใหช ัดเจน ? [P249] 43 ตอบ สุญญตานปุ ส สนา หมายความวา ขณะที่วุฏฐานคามนิ ีวปิ สสนา กําลงั ดําเนินไปน้ัน รูปนาม มีอาการ สุขมุ ละเอยี ดอยา งยง่ิ แลวก็คอ ยๆ นอยลงๆ เหมือนเสนดา ย ทเี่ ล็กท่สี ุดแลวขาดหายไปดบั ไป ลักษณะอาการ อยางน้ชี ่อื วา สญุ ญตวิโมกขมขุ คอื หลดุ พน ดว ยอนตั ตา หรือเขา สมู รรคดว ยอนตั ตา อนมิ ิตตานปุ สสนา หมายความวา ขณะทวี่ ุฏฐานคามนิ วี ิปสสนา กาํ ลังดาํ เนินไปนน้ั รูปนามมีอาการ สขุ ุมละเอียดอยา งยิ่งแลวคอ ย ๆ นอ ยลง ๆ ในทสี่ ดุ ก็ดบั ไปเลย ลกั ษณะอาการอยา งนีช้ อ่ื วาอนมิ ิตตวโิ มกขมขุ คอื หลดุ พน ดว ยอนิจจงั หรือเขาสูมรรคดว ยอนจิ จงั อปั ปณหิ ิตานปุ ส สนา หมายความวา ขณะทวี่ ุฏฐานคามินีวปิ สสนา กาํ ลังดําเนินไปนน้ั รูปนามมีอาการ สขุ มุ ละเอยี ดอยางยิ่งแลวลดลง นอยลงในท่ีสดุ กด็ บั ไป ลกั ษณะอาการอยา งน้ชี อื่ วา อัปปณหิ ติ วโิ มกขมขุ คอื หลดุ พนดว ยทกุ ขงั หรอื เขาสมู รรคดว ยทุกขัง ๖. ข. มัคคญาณทงั้ ๔ นน้ั มรรคไหน ประหาณกเิ ลส ๑๐ เปนสมจุ เฉทประหาณไดเทา ไร คืออะไรบาง ? [P] 45 ตอบ ข. โสดาปตตมิ ัคคญาณ ประหาณกเิ ลสเปน สมุจเฉทประหาณได ๒ อยางคือ ทิฏฐกิ เิ ลสและวจิ กิ จิ ฉากิเลส สกทาคามมิ คั คญาณ ประหาณกเิ ลสเปนสมจุ เฉทประหาณไมไ ดเ ลย แตส ามารถทําใหกิเลสท้ังหลายเบาบางลงได ซงึ่ เรยี กวา อนกุ รปหาน อนาคามิมคั คญาณ ประหาณกเิ ลสเปน สมจุ เฉทประหาณได ๑ อยาง คือ โทสกิเลส ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอความเพิม่ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 49 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน อรหตั ตมัคคญาณ ประหาณกิเลสเปนสมุจเฉทประหาณได ๗ อยาง คือ โลภกิเลส โมหกิเลส มานกิเลส ถีน กิเลส อทุ ธจั จกิเลส อหิริกกิเลส และ อโนตตัปปกิเลส ๖. วิปส สนูปกิเลส แปลวาอยา งไร? มเี ทาไร? ไดแ กอะไรบา ง? (ใหแสดงแตช อ่ื ไมตองบอกความหมาย) วิปสสนปู กเิ ลสเหลา น้นั ไมเกดิ ขน้ึ แกใ ครบา ง และเกดิ ข้นึ แกบคุ คลท่ีไดบรรลญุ าณอะไร? และญาณนน้ั จดั เขา ในวสิ ทุ ธิอะไร ? [P] 47 ตอบ วปิ สสนูปกเิ ลส แปลวา สิ่งที่ทําใหวปิ ส สนาญาณหมน หมองหรอื เศรา หมอง มี ๑๐ อยางคอื ๑. โอภาส ๒. ญาณ ๓. ปติ ๔. ปสสัทธิ ๕. สขุ ๖. อธโิ มกข ๗. ปคคหะ ๘. อุปฏฐาน ๙. อุเบกขา ๑๐. นิกันติ วปิ สสนปู กเิ ลส ไมเกดิ ขน้ึ แกบ ุคคล ๓ จําพวกคอื ๑. พระอริยบคุ คลผไู ดบรรลปุ ฏิเวธแลว ๒. โยคีผปู ฏิบตั ิผดิ แนวทางวปิ สสนา ๓. โยคผี เู กียจครานทอดทง้ิ กรรมฐาน วิปส สนูปกิเลส จะเกิดขนึ้ แกโยคีผปู ฏบิ ตั ิถูกทางวิปส สนา พยายามกาํ หนดวปิ สสนาไมท อถอย ทไี่ ดบ รรลตุ รุณอุทยพั พยญาณ คือ อุทยพั พยญาณอยางออน และจดั เขา ในมัคคามัคคญาณทัสสนวสิ ทุ ธิ ๖. อาการบญั ญตั ิ และวชิ ชมานบญั ญตั ิ ทั้ง ๒ คาํ นี้ แตกตา งกันอยา งไร ? จงอธิบาย ? [P] 52 ตอบ อาการบญั ญัติ และวิชชมานบญั ญัตนิ น้ั แตกตา งกนั ดงั นี้ อาการบัญญตั ิ คือ ความเปน ไปแหง รปู นามขันธ ๕ นิพพาน และบญั ญัติ หาใชเปนตวั สภาวปรมตั ถ และ สทั ทบัญญตั ิ อตั ถบญั ญัติ แตประการใดไม (ทก่ี ลาววา หาใชเ ปนตวั สภาวปรมตั ถไ มนนั้ หมายความวา เปน เพยี งอาการหรอื เครอื่ งหมายใหรูไดจําไดข องสภาวปรมตั ถเทา นน้ั ) ฉะนัน้ อาการบญั ญตั ิของรปู นามขนั ธ ๕ ก็ ไดแ กอาการทด่ี ับไปสน้ิ ไปนนั้ เอง อาการบญั ญตั ขิ องนพิ พาน กไ็ ดแ ก อาการท่ไี มมคี วามเกดิ ดบั มคี วามสงบจาก กเิ ลสขนั ธ ๕ ท้งั ปวง อาการบัญญัตขิ องสทั ทบญั ญตั แิ ละอัตถบัญญตั ิ กไ็ ดแก อาการทไ่ี มม ีความเกิดดบั วิชชมานบัญญตั ิ คือ สัททบญั ญัติท่มี ีสภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชน รปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ นิพพาน เปน ตน หมายถงึ เปนคาํ สมมตุ ิของธรรมทม่ี ีสภาวปรมตั ถปรากฏอยู หรอื เปน การบัญญตั ขิ อง ตัวสภาวปรมัตถโดยตรง ไมใชเปน อาการหรอื เคร่อื งหมายใหร ไู ดจ าํ ไดของสภาวปรมตั ถ เมอื่ กลา วโดยสรุปแลว ก็ไดแ ก คําพูดทเี่ กีย่ วกบั จิต เจตสิก รูป นพิ พาน ๕. อนิจจัง ทุกขงั อนตั ตา อนิจจลกั ขณะ ทุกขลกั ขณะ อนตั ตลกั ขณะ และอนิจจานุปส สนา ทุกขานุปสสนา อนัตตานุปส สนา เหมือนกนั หรือตางกนั อยา งไร จงแสดงมาพอใหเขาใจ ? [P] 48(6), 51(6), 54, 55, 59, 60 ตอบ อนิจจงั และ ทุกขัง ไดแก สังขตธรรม คือ รูปนาม ขันธ ๕ ที่เปนปรมตั ถอยา งเดยี ว อนัตตา ไดแก สังขตธรรมและอสังขตธรรม คือ รูปนาม ขันธ ๕ นิพพาน บัญญัติ ซึ่งเปนไปในธรรม ท้ังหมด อนจิ จลกั ขณะ ทุกขลกั ขณะ อนตั ตลักขณะ ไดแ ก อาการบญั ญตั คิ ือความเปนไปของรปู นาขนั ธ ๕ นพิ พาน และบญั ญตั ิ หาใชเ ปนตวั สภาวปรมตั ถ และสทั ทบัญญตั ิ อตั ถบัญญตั แิ ตป ระการใดไม ฉะนน้ั อาการ บัญญัติของรปู นามขนั ธ ๕ ก็ไดแ ก อาการทดี่ ับไปส้ินไปนนั้ เอง อาการบญั ญัติของนิพพาน กไ็ ดแ ก อาการท่ไี มมี การเกดิ ดบั มีแตความสงบจากกิเลสขนั ธ ๕ ทัง้ ปวง อาการบัญญตั ิของสทั ทบญั ญตั แิ ละอตั ถบญั ญตั ิก็ไดแ ก อาการทไี่ มมีการเกดิ ดบั สวนอนิจจานปุ ส สนา ทกุ ขานุปสสนา และอนัตตานุปส สนาน้นั เปนผรู ูอารมณกรรมฐาน คอื อาการ บัญญัติ คือ พิจารณารเู หน็ อยเู นืองๆ (หมายความวา เปน ผูพ ิจารณารเู หน็ เนอื งๆ) โดยความไมเ ทย่ี ง โดยความ เปน ทุกข และ โดยความเปน อนตั ตา {(48) สรปุ อนจิ จงั ทุกขงั อนัตตา เปนตัวสภาวธรรม คอื รูปนาม (48) อนิจจลักขณะ ทกุ ขลกั ขณะ อนตั ตลกั ขณะ เปนอาการบัญญตั ขิ อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดาวนโ หลดขอมูลตางๆไดจ าก ขอความเพ่ิมเตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว) ๑๑ ธ.ค. ๖๑
Search