ใบความรู้ออนไลน์ เรือ่ ง การดูดาวเบ้ืองตน้ โครงการ จุดประกายความคดิ สร้างนกั วิทยาศาสตร์ไทย ประจาปี 2564 ศูนย์วิทยาศาสตรเ์ พ่อื การศึกษาขอนแก่น สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร
ใบความรู้ เรื่อง การดดู าวเบ้อื งต้น การเรียนรู้ทางดาราศาสตร์สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักก็คือ ทิศทาง เพ่ือจะเป็นตัวกาหนดให้เราเข้าใจตรงกัน ในการหาทศิ ทางเรากาหนดให้ดาว Polaris ที่อย่ใู นกล่มุ ดาวหมีเลก็ เปน็ ดาวเหนือ เนือ่ งจากแกนโลกของเราช้ีไปที่ ดาวดวงน้ีตลอดเวลา วิธีการหาทศิ เหนอื การหาทิศในป่าเม่ือเราไม่มีอุปกรณ์ใดๆ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเร่ืองยาก ที่จริงแล้วเราสามารถ ใช้เทคนิคตามธรรมชาติ เช่น การดูเงา ดูดาว ฯลฯ เพื่อใช้ในการสังเกตทิศได้ ลองดูเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ท่ีสามารถ ใช้ดูทิศทางเวลาหลงป่าได้ ทิศเหนือ หรือ ทิศอุดร เป็นหนึ่งในทิศหลักทั้งสี่ โดยมากทิศเหนือจะกาหนด อยดู่ ้านบนของแผนที่ เขยี นยอ่ ดว้ ยอกั ษร น หรอื อกั ษร N ความหมายของทิศเหนอื แบง่ ออกดงั นี้ 1. ทิศเหนือจริง คือ ทิศทางตามพ้ืนผิวโลก ที่มุ่งไปยังข้ัวโลกด้านหนึ่ง เป็นขั้วที่อยู่ด้านซ้ายของเรา หากเรายนื ท่ีเสน้ ศนู ยส์ ตู ร และหนั หนา้ ไปหาทศิ ท่ีดวงอาทิตยข์ นึ้ 2. ทิศเหนือแม่เหล็ก คือ ทิศทางตามพื้นผิวโลก ท่ีความเข้มของสนามแม่เหล็กในแนวระนาบ มคี ่าเปน็ บวกมากท่ีสุด ดงั รปู ภาพประกอบ รูปที่ 1 แสดงลักษณะการเอยี งของแกนโลก รูปท่ี 2 แสดงเสน้ ศนู ยส์ ตู ร เสน้ ขนาน เสน้ เมรเิ ดยี น และเส้นเมริเดียนเร่มิ แรก
ระบบพกิ ดั ขอบฟา้ (Horizontal System) ระบบพิกัดขอบฟ้า (Horizontal System) หรือบางทีเรียกว่า ระบบอัลติจูด และอะซิมุท (Altitude and Azimuth system) เป็นการบอกตาแหน่งดาวเพื่อให้รู้ว่าดาวอยู่เหนือขอบฟ้า (celestial horizon) เป็นระยะทาง ตามมมุ เทา่ ใด และอยหู่ ่างจากตาแหนง่ เทียบบนขอบฟ้ามากน้อยเพียงใดความหมายของคาท่ีใช้ในระบบขอบฟ้า มีดงั นี้ 1. เซนิท หรือจุดเหนือศีรษะ (zenith) เป็นตาแหน่งบนทรงกลมท้องฟ้าที่อยู่ในแนวตรงเหนือศีรษะของ ผู้สงั เกตพอดี 2. เนเดอร์ (nedir) เปน็ ตาแหน่งบนทรงกลมทอ้ งฟ้าที่อยู่ตรงขา้ มกบั จุดเหนอื ศรี ษะ 3. เส้นขอบฟ้า (horizon) คือ วงกลมใหญ่บนทรงกลมท้องฟ้าที่อยู่ห่างจากจุดเหนือศีรษะและเนเดอร์เท่ากัน มีคา่ เท่ากับ 90 องศา หรือ แนวระดับสายตาทเ่ี ป็นแนวบรรจบของท้องฟ้าและพนื้ โลก 4. เมอริเดียนท้องฟ้า (celestial meridian) คือ เป็นเส้นสมมติเส้นหน่ึงบนท้องฟ้าท่ีลากจากขอบฟ้า ทิศเหนือลากขึ้นไปจนผ่านจุดเหนือศีรษะ (zenith) และลากต่อไปจนจรดขอบฟ้าทิศใต้แบ่งคร่ึงท้องฟ้า ออกเปน็ 2 ส่วน คอื ซกี ตะวนั ออกและซกี ตะวนั ตก
อะซิมทุ (azimuth) หรือมมุ กวาด เปน็ คา่ ของมุมท่ีวดั จากทิศเหนือไปทางทิศตะวนั ออกตามแนวเส้นขอบฟ้า ถงึ วงกลมด่งิ ทลี่ ากผา่ นดาว การวดั คา่ อะซิมุทจะมคี ่าตง้ั แต่ 0 - 360 องศา 5. อัลติจูด (altitude) หรือมุมเงยหรือมุมสูง เป็นระยะทางตามมุมท่ีวัดจากเส้นขอบฟ้าขึ้นไปจนถึงดาวดวงนัน้ มีค่าตั้งแต่ 0 - 90 องศา และมีค่าเฉพาะค่าบวกเท่านั้น (นิยมบอกตาแหน่งดาวท่ีอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าเท่านั้น) การใชร้ ่างกายเป็นเครอ่ื งวดั มมุ หากเราไม่มีอุปกรณ์วัดมุมท่ีทันสมัย ในการออกภาคสนามดูดาวจริงๆ เราอาจจะต้องใช้ร่างกายของเรา เปน็ อุปกรณ์วดั มุมช่ัวคราวไปก่อน โดยการย่ืนแขนของเราไปข้างหน้าใหส้ ุดแขน น้วิ มือของเราทั้ง 5 เป็นเครื่องบอกมุม ได้ดที เี ดยี ว ความกว้างของนิ้วกอ้ ย มีค่าเท่ากบั 1 องศา ดวงอาทติ ย์และดวงจันทร์ กว้าง 1/2 องศา หรือ ครงึ่ หนึ่งของ น้วิ กอ้ ย ความกว้างของนิ้วช้ีน้วิ กลางและนิว้ นาง สามนวิ้ รวมกัน มคี ่าเทา่ กบั 5 องศา หรอื เท่ากับระยะระหวา่ ง ดาวคู่ หน้าของดาวหมีใหญ่ ความกว้างของกาปั้น มีค่าเท่ากับ 10 องศา หรือ 9 กาปั้นจากระดับสายตาจะถึง จุดยอดฟ้า Zenith หรือ จดุ เหนอื ศีรษะพอดี
ความกว้างระหว่างน้ิวชี้ กับ นิ้วก้อย มีค่าเท่ากับ 15 องศา ดาวเหนืออยู่สูงจากขอบฟ้า ประมาณ 15 องศา หรือ เท่ากับความกว้างระหว่างนิว้ ชี้ กับ นิว้ กอ้ ความกว้างระหว่างน้ิวโป้ง กับ นิ้วก้อย มคี ่าเท่ากบั 20 องศา หรอื เท่ากบั ความยาวของดาวหมีใหญ่ ทรงกลมทอ้ งฟ้า คนในสมัยโบราณเช่ือว่า ดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าอยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทางเท่าๆ กัน โดยดวงดาว เหล่าน้ัน ถูกตรึงอยู่บนผิวของทรงกลมขนาดใหญ่ เรียกว่า ทรงกลมท้องฟ้า (Celestial sphere) โดยมีโลกอยู่ท่ี ศูนย์กลางของทรงกลม ทรงกลมท้องฟ้าหมุนรอบโลกจากทิศตะวนั ออกไปยังทิศตะวันตก โดยที่โลกหยุดนิ่งอยกู่ บั ทไ่ี ม่เคลอ่ื นไหว นักปราชญ์ในยุคต่อมาทาการศึกษาดาราศาสตร์กันมากขึ้น จึงพบว่า ดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่ห่างจากโลก เป็นระยะทางที่แตกต่างกัน กลางวันและกลางคืนเกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก มิใช่การหมุนของ ทรงกลมท้องฟ้า ดังท่ีเคยเชื่อกันในอดีต อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนักดาราศาสตร์ยังคงใช้ทรงกลมท้องฟ้า เป็นเคร่ืองมือในการระบุตาแหน่งทางดาราศาสตร์ ท้ังน้ีเป็นเพราะ หากเราจินตนาการให้โลกเป็นศูนย์กลาง โดยมีทรงกลมท้องฟ้าเคลื่อนท่ีหมุนรอบ จะทาให้ง่ายต่อการระบุพิกัด หรือเปรียบเทียบตาแหน่งของวัตถุ บนท้องฟา้ และสังเกตการเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุเหล่านน้ั ได้งา่ ยขน้ึ รูปภาพ แสดงทรงกลมท้องฟา้ หากตอ่ แกนหมนุ ของโลกออกไปบนท้องฟ้าทงั้ สองด้าน เราจะไดจ้ ุดสมมติเรยี กว่า ข้วั ฟ้าเหนือ (North celestial pole) และ ขัว้ ฟา้ ใต้ (South celestial pole) โดยขวั้ ฟา้ ท้ังสอง จะมีแกนเดยี วกันกบั แกนการหมนุ รอบ ตัวเองของโลก และข้วั ฟ้าเหนือจะชไี้ ปประมาณตาแหน่งของดาวเหนือ ทาให้เรามองเห็นวา่ ดาวเหนือไม่มีการ เคลื่อนที่
หากขยายเส้นศูนย์สูตรโลกออกไปบนท้องฟ้าโดยรอบ เราจะได้เส้นสมมติ เรียกว่า เส้นศูนย์สูตรฟ้า (Celestial equator) เส้นศูนย์สูตรฟ้าแบ่งท้องฟ้าออกเป็น ซีกฟ้าเหนือ (Northern hemisphere) และ ซีกฟ้าใต้ (Southern hemisphere) เช่นเดียวกบั ที่เส้นศูนยส์ ูตรโลก แบ่งโลกออกเปน็ ซีกโลกเหนือ และซกี โลกใต้ รปู ภาพ แสดงทรงกลมท้องฟ้าบนพ้ืนโลก ในความเป็นจริง เราไม่สามารถมองเห็น ทรงกลมท้องฟ้าได้ทั้งหมด เนื่องจากเราอยู่บนพ้ืนผิว โลก จึงมองเห็นทรงกลมท้องฟ้าได้เพียงครึ่งเดียว และเรียกแนวที่ท้องฟ้าสัมผัสกับพ้ืนโลกรอบตัวเราว่า เสน้ ขอบฟ้า (Horizon) ซง่ึ เปน็ เสมือนเส้นรอบวงบนพืน้ ราบ ทม่ี ตี ัวเราเป็นจุดศูนย์กลาง หากลากเส้นโยงจากทิศเหนือ มายังทิศใต้ โดยผ่านจุดเหนือศีรษะ จะได้เส้นสมมติซ่ึงเรียกว่า เส้นเมอริเดียน (Meridian) หากลากเส้นเช่ือม ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก โดยให้เส้นสมมติน้ัน เอียงตั้งฉากกับข้ัวฟ้าเหนือตลอดเวลา จะได้เส้นศูนย์สูตรฟ้า (Celestial equatorial) ซง่ึ แบ่งท้องฟ้าออกเป็น ซีกฟา้ เหนือ และซีกฟ้าใต้ หากทาการสังเกตการจากประเทศไทย ซ่งึ อยู่บนซกี โลกเหนือ จะมองเหน็ ซกี ฟา้ เหนอื มีอาณาบรเิ วณมากกว่าซีกฟ้าใตเ้ สมอ สมบัติของทรงกลมท้องฟา้ ท้องฟ้าท่ีเรามองเห็นมีลักษณะผิวโค้งเกือบคร่ึงวงกลม ในขณะเดียวกันคนที่อยู่ตรงข้ามหรือทางส่วนล่าง ของเรา ก็จะเห็นท้องฟา้ อีกสว่ นหน่ึงเปน็ คร่งึ วงกลมเช่นเดียวกนั จึงคดิ รวมได้วา่ ท้องฟา้ มีลักษณะเปน็ ทรงกลมกลวง เรียกวา่ ทรงกลมท้องฟ้า (celestial sphere) ซึง่ จะกล่าวถงึ สมบัตเิ ปน็ ขอ้ ๆ ดังนี้ รปู ภาพ แสดงโลกและทรงกลมท้องฟา้
1. ทรงกลมท้องฟ้ามีลักษณะคล้ายทรงกลมกลวง โดยมีดาวฤกษ์ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ และวัตถุทอ้ งฟ้าอ่นื ปรากฏอยู่ ณ ผวิ ในของทรงกลม โลกเปน็ ทรงกลมตันท่ีซ้อนอยู่ข้างในของทรงกลมท้องฟา้ 2. เน่ืองจากผิวทรงกลมท้องฟ้าปรากฏอยู่ไกลสุดสายตา จึงมีรัศมีไกลสุดสายตา หรื อมีค่าอนันต์ เพือ่ ความสะดวกในการคานวณ บางครั้งนยิ มใหเ้ ทา่ กบั หน่งึ หน่วย 3. ตาแหน่งจุดศูนย์กลางของทรงกลมท้องฟ้าไม่แน่นอน ผู้สังเกตอยู่ ณ ที่ใดบนโลกหรือในอวกาศ ก็สามารถคิดได้ว่าตาแหน่งน้ัน คือ ตาแหน่งจุดศูนย์กลางทรงกลมท้องฟ้า แต่โดยทั่วไปเรามักนึกถึงตาแหน่ง บนโลก หรอื บางทีอาจจะใช้ตาแหนง่ เดยี วกันกับจดุ ศูนย์กลางของโลกโดยสมมตวิ ่าโลกมลี กั ษณะเป็นทรงกลมจรงิ 4. การแบ่งตาแหน่งบนผวิ ทรงกลมท้องฟ้า ใช้ระยะทางตามมุม คิดเป็นมุม ณ จุดศูนย์กลาง เช่นเดียวกับ การบอกตาแหน่งบนผิวโลก 5. ทรงกลมท้องฟ้าปรากฏหมุนรอบตัวเองครบรอบในเวลา 1 วันเช่นเดียวกับโลก แต่หมุนในทิศทาง ที่สวนกัน คือ หมุนจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก ตามลักษณะท่ีเราสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ข้ึนทาง ทิศตะวันออก แล้วตกทางทิศตะวันตกนั่นเอง ถ้าต่อแนวแกนสมมติของโลกออกไปทางขั้วเหนือ และขั้วใต้ ตลอดจนจรดท้องฟ้าจะได้ตาแหน่งขั้วเหนือท้องฟ้า (north celestial pole \"NCP\") และขั้วใต้ท้องฟ้า (south celestial pole \"SCP\") และถ้าขยายเส้นศูนย์สูตรของโลกออกไปจนจรดทรงกลมท้องฟ้า จะได้เส้นศูนย์สูตร ท้องฟ้าและระนาบศูนย์สูตรทอ้ งฟา้ (celestial equator) แผนท่ดี าว แผนที่ดาว คือ แผนท่ีแสดงตาแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าท่ีครอบโลกของเราอยู่ จะมีลักษณะเป็น ทรงกลมไมว่ ่าเราจะดดู วงดาวท่ีตาแหนง่ ใดของโลก ตัวผ้ดู จู ะเปน็ ศูนยก์ ลางของทอ้ งฟา้ เสมอ วธิ ีใช้ แผนทฟ่ี ้า ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย (สาหรบั ดูดาวด้วยตาเปลา่ และกลอ้ งสองตาเบอ้ื งต้น)
A กรอบนอกของแผนท่ีดาว ทาจากกระดาษแข็งสีน้าเงิน, เป็นส่วนท่ี Fixed อยู่กับที่ หมุนไม่ได้, จะสามารถใช้งานได้ท้ังสองด้าน, แต่ในภาพเรากาลังใช้งานด้าน \"ขั้วฟ้าเหนือ\" คือ เราหันไปทางทิศเหนือ ขณะใช้ แผนที่น้ีดดู าวบนท้องฟ้านั่นเอง B หมุดทองเหลือง เป็นจุดหมุนของแผนที่ดาว เป็นตาแหน่งที่ออกแบบให้ตอกทับ \"ดาวเหนือ\" (POLARIS) บนท้องฟ้าพอดี หมายความว่า บนทอ้ งฟ้าจริงอาจจะถือไดว้ ่าดาวเหนืออยูน่ ิ่งๆ ไมเ่ คลอื่ นที่ ในขณะท่ดี าวและวัตถุอื่น บนท้องฟ้าเคลื่อนที่รอบดาวเหนืออย่างชา้ ๆ ตามเวลาทผ่ี า่ นไป (จ.ขอนแก่น ดาวเหนอื สูงจากเสน้ ขอบฟา้ 16 องศา) C รอยบากช่องน้ีสาหรับ ใช้นิ้วชี้ขยับ-หมุน (จะหมุนตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา ขึ้นอยู่กับเวลาท่ีเรา ตอ้ งการดู) D หน้านี้แสดงว่าเรากาลังดูและหันหน้าไปทางทิศเหนือบนท้องฟ้าจริง แผนท่ีนี้ออกแบบให้ใช้สาหรับ ประเทศไทยและคนไทย E,F,G,H วิธีการใช้ พยายามใช้ภาษาง่ายๆ เหมือนคุยกัน ค่อยๆ ทาตาม step by step วันที่และเดือน แผ่นกระดาษแข็งวงกลมหมุนได้, พ้นื สีขาว, พมิ พ์อกั ษรสีนาเงิน, แสดงวนั ที่-เดอื น จะแบ่งดังนี้ 1. แบง่ เป็น 12 ชอ่ งใหญ่ คือ 12 เดอื น ของรอบปี ( มกราคม - ธนั วาคม ) 2. ในแต่ละชอ่ งใหญ่ จะถกู แบ่งซอยเปน็ ชอ่ งเล็กๆ ซ่ึงกค็ ือ วนั ที่ นั่นเอง แผนทีด่ าววงกลม แผนท่ีดาววงกลมเป็นอุปกรณ์อย่างง่าย ท่ีช่วยในการวางแผนและสังเกตการท้องฟ้า แผนที่ดาวชนิดน้ี ประกอบดว้ ย แผน่ กระดาษสองใบ คือ แผนที่ดาว (แผ่นลา่ ง) และแผน่ ขอบฟา้ (แผ่นบน) ซ้อนกนั อยู่ และยึดตดิ กัน ด้วยตาไก่ ทีต่ รงจดุ ศูนยก์ ลาง รูปภาพที่ 1 แสดง แผ่นแผนท่ีดาว (แผ่นล่าง) แผ่นแผนที่ดาว (ภาพท่ี 1) มีจุดศูนย์กลางเป็นข้ัวฟ้าเหนือ ดาวเหนือจะอยู่ตรงตาไก่พอดีตรงปลาย กลุ่มดาวหมีเล็ก ที่ก่ึงกลางของรัศมีแสดงด้วยเส้นวงกลมเป็น \"เส้นศูนย์สูตรฟ้า\" กลุ่มดาวท่ีอยู่ภายใน คือ \"ซีกฟ้า เหนอื \" กลมุ่ ดาวท่อี ยภู่ ายนอก คือ \"ซกี ฟา้ ใต\"้ ใกล้ๆ กับเส้นศนู ยส์ ตู รฟ้า จะเป็น \"เสน้ สรุ ิยะวิถ\"ี ซงึ่ แสดงด้วยวงกลม เส้นประ กลมุ่ ดาวท่อี ยบู่ นเสน้ สรุ ยิ ะวิถจี ะเปน็ กล่มุ ดาวจักรราศีทั้ง 12 กลุม่ บรเิ วณแถบวงแหวนสเี ทาบนแผนที่ดาว แสดง \"ทางช้างเผอื ก\" ทข่ี อบของแผนทเ่ี ปน็ สเกล \"ปฏทิ ิน\" บอก \"วนั ที่\" และ \"เดอื น\"
รปู ภาพท่ี 2 แสดงแผ่นขอบฟ้า (แผน่ บน) แผ่นขอบฟ้า (ภาพท่ี 2) เป็นแผ่นเจาะช่อง แสดงอาณาเขตของท้องฟ้า เส้นขอบฟ้า และแสดงทิศเหนือ (N), ตะวันออกเฉียงเหนือ (NE), ตะวันออก (E), ตะวันออกเฉียงใต้ (SE), ใต้ (S), ตะวันตกเฉียงใต้ (SW), ตะวันตก (W), ตะวันตกเฉียงเหนือ (NW) ตามลาดับ ท่ีขอบของแผ่นขอบฟ้าเป็นเสมือน \"นาฬิกา\" บอกเวลาเป็น \"ชั่วโมง\" และมีสเกลขีดละ 10 นาที รปู ภาพท่ี 3 แสดงแผนท่ีดาววงกลม
วิธใี ช้งาน ตั้งเวลาท่จี ะสังเกตการณ์ โดยหมุน \"นาฬิกา\" (ทข่ี อบแผ่นขอบฟ้า) ใหต้ รงกบั \"ปฏทิ ิน\" (ทข่ี อบแผนท่ีดาว) ตัวอย่างเช่น ต้องการดูดาวในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 5 เดือนมกราคม ก็ให้หมุนแผ่นขอบฟ้ามาจนกระท่ัง ขีดสเกล \"05.00\" ตรงกับ สเกลขีดท่ี 5 เดือนมกราคม จับแผนท่ีดาวแหงนขึ้น โดยให้ทิศเหนือและทิศใต้บน แผนทด่ี าว ชี้ตรงกบั ทิศเหนอื และทิศใต้ของภูมิประเทศจริง ควรระลึกไว้เสมอว่า การอา่ นแผนที่ดาวมใิ ชก่ ารก้มอ่าน แต่เปน็ การแหงนดู เพ่ือเปรยี บเทียบท้องฟ้าในแผนที่กับท้องฟ้าจริง เมือ่ เวลาเปล่ียนไป ให้หมนุ แผน่ ขอบฟ้า (แผ่นบน) ตามทิศตามเข็มนาฬิกา ไปยังเวลาปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า กลุ่มดาวทางทิศตะวันออกของแผนท่ีจะเคลื่อนท่ีออกห่าง จากขอบฟ้า (E) มากข้ึน ในขณะท่ีกลุ่มดาวในทิศตะวันตก จะเคล่ือนท่ีเข้าหาขอบฟ้า (W) เสมือนการเคล่ือนที่ ขึ้น-ตก ของกลุ่มดาวบนท้องฟ้าจริงจะสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะหมุนแผ่นขอบฟ้าไปอย่างไรก็ตาม เส้นศูนย์สูตรฟ้าจะ อยู่ตรงแนวทิศตะวันออก (E) และตะวันตก (W) เสมอ เพราะน่ันคือเส้นแบ่งซีกท้องฟ้า และเส้นสุริยะวิถี ตรงกลุ่มดาวคนคู่ จะอยู่ค่อนไปทางเหนือ (โซลส์ติสฤดูร้อน) และเส้นสุริยะวิถีตรงกลุ่มดาวคนยิงธนู จะอยู่ค่อน ไป ทางใต้ (โซลส์ติซฤดูหนาว) วงกลมท้ังสองเอียงตัดกันเป็นมุม 23.5° เนื่องเพราะแกนของโลกเอียงขณะโคจร รอบดวงอาทติ ย์ ข้อพึงระวัง แผนที่ดาวแบบวงกลมน้ีมีข้อจากัด เนื่องจากสร้างข้ึนโดยการตีแผ่ทรงกลมออกเป็นระนาบสองมิติ (360° projection) กลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือจะมีขนาดเล็กกว่าความเป็นจริง และกลุ่มดาวในซีกฟ้าใต้จะขยายถ่าง เกินสัดส่วนจริง ดังนั้นถ้าหากใช้แผนที่ดาวน้ีดูดาวที่อยู่ใกล้ขอบฟ้าใต้ ขอให้แนะนาให้ดูดาวสว่างเป็นดวงๆ แล้ว ค่อยไล่เปรียบเทียบไปกับท้องฟ้าจริงตาแหน่งบอกทิศทั้งแปดมิได้ห่างเท่าๆ กัน สเกลระหว่างทิศเหนือ (N) ไปยัง ทิศตะวันออก (E) และทิศตะวันตก (W) จะอยู่ใกล้ชิดกันมาก ส่วนสเกลไปทางทิศใต้ (S) จะมีระยะห่างออกไป กว้างกว่าหลายเท่า หากหันหนา้ ดดู าวทางทิศเหนือ ให้หันเอาด้านอักษร N ลง หากหนั หน้าดูดาวทางทิศใต้ ให้หนั กลับดา้ นอักษร S ลง หากหันหน้าไปทางทิศอื่น ให้พยายามตรึงแนว N–S ใหข้ นานกับทิศเหนือ–ใต้ ของภมู ปิ ระเทศจริง ไว้อยู่ตลอดเวลา
แบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง การดดู าวเบือ้ งต้น แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง การดดู าวเบือ้ งต้น
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: