Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อการสอนจิตวิทยา

สื่อการสอนจิตวิทยา

Published by บันดัร041178, 2023-04-04 06:09:57

Description: สื่อการสอนจิตวิทยา

Search

Read the Text Version

ความหมายของการรับรู้ เป็นกระบวนการ หรือวิธีการที่บุคคลใช้ในการสร้างความหมายของข้อมูลและสิ่งเร้า ต่างๆ ที่รีบเข้ามาทางประลาทสัมผัสให้เกิดเป็นความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ ความรู้สึก และพฤติกรรมที่พิงประสงค์ ซึ่งการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่จาก ประสบการณ์ และการฝึกหัดอบรมบ่มนิสัยทั้งที่เป็นทางการ

ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนในช่วงควิสตัศตวรรษที่ 20 เป็นทฤษฎีที่ยังมีการนำมา ใช้เป็นพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอนกันอย่างกว้างขวาง สำหรับในบทนี้ขอนำ เสนอทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนที่สำคัญ 4 ทฤษฎี ได้แก่ ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม

ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพติกรรมนิยม ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) นักคิดและนักจิตวิทยาในกลุ่มพฤติกรรมนิยมมีมุมมองต่อธรรมชาติของมนุษย์ ในลักษณะที่เป็นกลาง คือ ไม่ดี ไม่เลว และให้ความสนใจพฤติกรรมของมนุษย์ มาก เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดสามารถวัด ลังเกตได้ และเชื่อว่าการเรียนรู้เกิด จากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้า

ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดด์ (Thorndike's connectionism) ธอร์นไดค์ (Thorndike) เป็น นักจิตวิทยาชาวอเมริกันที่มีความเชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ บุดคลจะมีการลองผิดลองถูกและมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะ พบรูปแบบการตอบลนองที่ให้ผลที่พิงพอใจมากที่สุด

สรุป ทฤษฎีการเรียนรู้เป็นรากฐานสำคัญของการจัดการเรียนรู้ที่ผู้สอนควรศึกษาและ ทำความเข้าใจในหลักการและแนวทางการประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้สอดดล้อง กับธรรมชาติการเรียนรู้ ความต้องการ และความแตกต่างของผู้เรียน ซึ่งประกอบด้วย ทฤษฎี การเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีหลายกลุ่มได้แก่ กลุ่มพฤติกรรมนิยม กลุ่มพุทธินิยม กลุ่มมนุษยนิยมและกลุ่มผสมผลาน

บทที่ 8 การแนะแนวและการให้คำปรึกษา

ความหมายของการแนะนำการศึกษา การแนะแนวการศึกษา หมายถึง กระบวนการที่ช่วยให้เราเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม ลามารถแก้ปัญหาหรือตัดสินใจได้ถูกต้อง สามารถพัฒนาตนเองได้เต็มความสามารถทุกด้าน และยังสามารถปรับตัวและดำเนินชีวิตได้อย่างมีสุข

จุดมุ่งหมายของการจัดการการบริหารการ คือ ทำให้บุคคลพัฒนาด้วยตนเองอย่างดีที่สุดทั้ง ทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคมและจิตใจและช่วยให้บุคคลช่วยเหลือตัวเองได้ในทุกเรื่องเรียนรู้ที่จะ ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข

บทบาทหน้าที่ของผู้ให้คำปรึกษา 1. ทำหน้าที่ให้บริการ (Sevice) ในการปฏิบัติงานของผู้ให้คำปริกษา จะให้คำปรึกษาแก่ ผู้บริหาร ผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องกฎระเบียบ 2. ทำหน้าที่ผู้ไกล่เกลี่ย (Mediator) ผู้ให้คำปรึกษาจะต้องแสดงบทบาทเกี่ยวกับการไกล่ เกลี่ยให้เกิดความลัมพันธ์ของบุคคลหรือกลุ่ม การให้คำปรึกษาเพื่อลดปัญหา ข้อร้องทุกข์ อุทธรณ์ และลดความขัดแย้งในหน่วยงาน 3. ทำหน้าที่ผู้ประลานงาน (Coordinator) ผู้ให้คำปริกษาแนะนำทำงานเกี่ยวข้องกับคน จำนวนมาก ทั้งผู้บริหาร ผู้ใต้บังคับบัญชา และบุดคลอื่น ๆ การดำเนินงานในองค์การย่อมต้องการ ผู้ประลานงานที่จะช่วยให้บุคคลต่าง ๆ ในองค์การลามารถทำงานร่วมกันได้

วัตถุประสงค์ของการให้คำปรึกษา 1.ลำรวจตนเองและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และเข้าใจในตนเองและสิ่งแวดล้อม 2.ลดระดับความเครียด และความไม่สบายใจที่เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม 3.พัฒนาทักษะทางสังคม ทักษะการตัดสินใจ และทักษะการจัดการกับปัญหาให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 4.เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทิศทางที่พิงประสงค์ เช่น มีความรับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆ มากขึ้น มีพฤติกรรมการเรียนที่ดี และสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้ดีขึ้น

ประเภทของให้คำปรึกษา การให้คำปรึกษาสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. การให้คำปรึกษารายบุคคล คือ การให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ครั้ง ละ 1 คน 2. การให้คำปริกษากลุ่ม คือการให้การช่วยเหลือแก่นักเรียนจำนวนตั้งแต่2 คนขึ้นไป ที่มี พฤติกรรมเสี่ยงในเรื่องที่คล้ายคลึงกัน หรือมีความต้องการที่จะพัฒนาตนในเรื่องเดียวกัน โดยใช้ความสัมพันธ์และอิทธิพลของกลุ่มในการช่วยเหลือสมาชิกในด้านกำลังใจ ความเห็น อกเห็นใจ การให้ข้อมูลย้อนกลับ และข้อเสนอแนะ

ลักษณะของการให้คำปรึกษา ผู้ที่จะทำหน้าที่ให้คำปริกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพควรมีลักษณะส่วนตัวดังต่อไปนี้ 1. รู้จัก และยอมรับตนเอง 2. อดทน ใจเย็น 3. จริงใจ และตั้งใจช่วยเหลือผู้อื่น 4. มีท่าทีที่เป็นมิตร และมองโลกในแง่ดี 5. ไวต่อความรู้ลึกของผู้อื่น และช่างลังเกต 6. ใช้คำพูดได้เหมาะสม 7. เป็นผู้รับฟังที่ดีนอกจากนี้ยังควรมีคุณลักษะที่สำคัญ คือ มีบุดลิกภาพที่ดี และการรักษาความลับ

บทที่ 9 การศึกษารายกรณี

Services 03 ความหมายของศึกษารายกรณี Services 01 การศึกษารายกรณี หมายถึง กระบวนการศึกษารายเอียดเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ หลายคน เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันไปในระยะเวลาหนึ่งโดยใช้เคSeรื่rอvงiมcืeอsเท02คนิค หรือวิธีการ ต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งรายละเอียดของข้อมูลแล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อทำความ เข้าใจสภาพผู้ถูกศึกษา สาเหตุของพฤติกรรมตลอดจนข้อเสนอแนะที่เป็นแนวทางช่วย เหลือกรณีที่ผู้ศึกษากำลังประลบปัญหา

Services 03 วัตถุประสงค์ของก ารศึกษารายกรณี 1.เพื่อทำความเข้าใจนักเรียนอย่างละเอียดลึกซึ้งเกี่ยวกับพฤติกรSรeมrทvี่iแceสsด0ง1ออกมา สาเหตุ ของพฤติกรรมซึ่งอาจจะมีผลมาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งในอดีตหรือที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 2.เพื่อการวินิจฉัยในนจะเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือนักเรียนSทั้eงrทvาicงeดs้า0น2การป้องกัน ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น การหาทางแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นและการช่วยส่งเสริมและ พัฒนาความสามารถต่างๆให้แก่นักเรียน 3.เพื่อสืบค้นหานักเรียนที่มีลักษณะพิเศษบางประการ เพื่อที่ทางโรงเรียนจะได้ให้การส่งเสริมพัฒนาได้อย่างเหมาะสม

Services 03 จุดมุ่งหมายของการศึกษารายกรณี Services 01 1.ศึกษานักเรียนที่มีปัญหาพิเศษเพื่อช่วยเหลือแก้ไข 2.ศึกษานักเรียนที่มีความลามารถพิเศษเพื่อส่งเสริมพัฒนานักเรียนอย่างเต็ม Services 02 ศักยภาพ 3.ช่วยให้นักเรียนเข้าใจและยอมรับความเป็นจริงของตน 4.ช่วยให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเกิดความเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างเหมาะสม 5.เพื่อการค้นคว้าวิจัย

Services 03 กระบวนการศึกษาบุคคลรายกรณี Services 01 การกำหนดปัญหาและการตั้ง สมมติฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูล Services 02 การสังเคราะห์ข้อมูล การวินิจฉัย การช่วยเหลือส่งเสรมิพัฒนา การติดตามผล การให้ข้อเสนอแนะ

ขั้นตอนที่ 1 กำหนดปัญหาและการตั้งสมมติฐาน Services 03 การที่ผู้ศึกษากำหนดเป้าหมายว่าจะทำการศึกษาอะไร และคาดคะเนว่าSปัeญrหvาicนัe้นsๆ01 เกิดจากลาเหตุอะไรไรได้บ้าง โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาในการคาด คะเนเพื่อเป็นแนวทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลการทดสอบหรือคันหา ข้Sอeเทr็vจiจceริงsด0้ว2ยวิธีการต่างๆ ขั้นตอนที่ 2 ขั้นเก็บรวบรวมข้อมูล การรวบรวมข้อมูลนักเรียนเปนรายบุคคลเป็นการคันหารายละเอียดข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยว กับตัว นักเรียน โดยพยายามรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้ ซึ่งจะช่วยให้รู้จัก นักเรียนที่ถูกหาการศึกษา ตลอดจนช่วยให้ทราบภาวะความเป็นไปได้ในปัจจุบันของ นักเรียนผู้นั้นอีกด้วย ข้อมูลทีรวบรวมนันควรได้มา จากตัวนักเรียนเองหรือผู้เกี่ยวข้องกับ

ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูล Services 03 เป็นการนาเอาข้อมูลที่ได้รวบรวมไว้มาวิเคราะห์เพื่อหาสภาพข้อเท็จจริSงeต่rาvงicๆesแ0ล1ะจาแนกออกเป็น ด้านเพื่อสะดวกและง่ายต่อการทาความเข้าใจ หรือตีความข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนที่ถูกศึกษา ขั้นตอนที่ 4 การวินิจฉัย Services 02 เป็นการนาเอาผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นที่ 3 เป็นพื้นฐานประกอบการพิจารณา เพื่อ วินิจฉัยว่าอะไรน่จะเป็นลาเหตุของปัญหา การสรุปผลจากการวินิจฉัยในขั้นนี้อาจจะยังไม่ได้ข้อยุติ หรือ ข้อสรุปแต่อย่างใด เนื่องจากการวินิจฉัยสาเหตุที่มาของปญหาได้อย่างถูกต้องชัดเจน

ขั้นตอนที่ 5 การสังเคราะห์ข้อมูล Services 03 ในขึ้นนี้ หลังจากวินิจฉัยแล้ว่าอะไรน่าจะเป็นปัญหาแล้ว ก็ควรจะได้ศSึกerษvาicข้eอsเท0็จ1 จริงเกี่ยวกับ ปัญหา นั้นเพิ่มเติมด้วยวิธีการต่ง ๆ เช่น สังกต สัมภาษณ์ ทดสอบ และกลวิธีอื่น ๆ เป็นต้น ขั้นตอนที่ 6 ให้ความช่วยเหลือ Services 02 เป็นการหาวิธีการช่วยเหลือด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามความแหมาะสมที่จะนามาช่วยเหลือแนะแนวทางนักเรียนในการแก้ไขปัญหา แล้วดาเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้นักเรียนผู้นั้นปรับตัวได้ อย่างถูกต้องและเหมาะสม

Services 03 ขั้นตอนที่ 7 การติดตาม เมื่อผู้ทาการศึกษาได้ให้ความช่วยเหลือหรือให้การแก้ไขปญหาไปแล้ว สิ่งที่จะSขeาrดvไiมc่ไeด้sใน0ก1าร ศึกษา รายกรณีคือ การติดตามผล เพราะจะช่วยทาให้ทราบว่าการศึกษารายกรณีจะประสบ ความลาเร็จมากน้อย เพียงใด ปัญหานั้นลดน้อยลงไปหรือไม่เพียงใด มีข้อบกSพeรr่อvงiทcี่eจsะ02 ปรับปรุงแก้ไขหรือเพิ่มเติมอะไรบ้าง และเขา ลามารถปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ในลังคมอย่างมีความ สุขเพียงใด จะต้องให้การช่วยเหลือเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อที่ผู้ทำการศึกษาจะได้ดำเนินการต่อไปอย่างเหมาะสม

สรุ ป Services 03 การศึกษารายกรณี เป็นกระบวนการศึกษาบุคคลอย่างต่อเSนืe่อrvงiโcดesย0ใช1้เทคนิคหลายๆ แบบ เพื่อเก็บข้อมูลและวินิจฉัยเพื่อเข้าใจถึงสาเหตุหรือที่มาวันจะนาไปสู่การให้ความ ช่วยเหลือ แก้ไข ป้องกันปัญหา และส่งเสริมพัฒนา กระบวSeนrกvาicรeศsึก0ษ2ารายกรณีมีขึ้น ตอน ได้แก่ การเลือกนักเรียน การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการสังเคราะห์ ข้อมูล การวินิจฉัย การดาเนินการให้การช่วยเหลือและการติดตามผล ครูและ นักเรียน ต้องร่วมมือกันตั้งเป้าหมายและวางแผนแก้ไขปัญหาโดยการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา การประชุมราย กรณีหรือการส่งต่อ

บทที่ 10 การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปกติและพิเศษ

Services 03 ความหมายการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปกติและเด็กพิเศษ Services 01 การจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งได้แก่ เด็กพิการประเภทต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กกลุ่มนี้ได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกันและดำรงชีวิตในลังคมอย่างปกติสุขมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของ สังคมมีความเป็นอยู่ที่ต้องเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันและต้องการเพื่อน ในวัยเSด็eกrจvะicต้eอsง0กา2รเพื่อนเล่นเพื่อนเรียน เพื่อนร่วมกิจกรรม เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะต้องการเพื่อนคู่คิดเพื่อนร่วมงาน มนุษย์มีพื้นฐานความลามารถแตก ต่างกัน จึงจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันอยู่ตลอดเวลา เด็กออทิสติกก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม แต่ความ สามารถอาจด้อยกว่าคนปกติ เด็กออทิสติกจึงควรได้รีบความเห็นใจ ความเข้าใจ ความช่วยเหลือและโอกาส ในสังคมให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในลังคมได้เช่นคนปกติ

Services 03 การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปกติและเด็กพิเศษ Services 01 การศึกษาพิเศษ (Special Education) หมายถึงการศึกษาที่ตัดให้แก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (children with special needs) ทางการศึกษาแตกต่างไปจากเต็กปกติเนื่องจากSมีeคrวvาiมcจeาsก0มี2ความผิดปกติทางร่างกาย อารมณ์พฤติกรรม หรือสติปัญญา ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างเหมาะสมและได้รับประโยชน์จาก การศึกษาอย่างเต็มที่ มีเทคนิควิธีการสอน ที่แตกต่างไปจากเด็กปกติ การจัดเนื้อหาของหลักสูตร กิจกรรมการเรียนการสอน อุปกรณ์การสอนและวิธีการประเมินผลที่เหมาะสมกับสภาพและความสามารถของแต่ละบุคคล เพื่อพัฒนาให้เกิดศักยภาพ สูงสุด และการจัดการศึกษาพิเศษนี้ อาจจัดเป็นสถานศึกษาเฉพาะสำหรับเด็กที่มีความผิดปกติในระดับรุนแรง

ประโยชน์การจัดการSเรeีrยvนiceรsว0ม3 1. เด็กออทิสติกมีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป Services 01 2. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ที่ไม่ต้องส่งไปอยู่โรงเรียนสำหรับเด็กพิการ ซึ่งส่วน ใหญ่จะเป็นโรงเรียนประจำ 3. เด็กออทิสติกมีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัว โดยไม่รู้สึกแบ่งแยกว่าSเeปr็นvic\"eเsด็0ก2พิการ\" 4. เด็กออทิสติกมีโอกาสได้เรียนรู้และลามารถปรับตัวให้เข้ากับลังคมได้เร็วกว่าต้องไปอยู่ โรงเรียนด็กพิการ เป็นประสบการณ์ตรงที่จะเรียนรู้ได้เต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล 5. รัฐบาลใช้งบประมาณน้อยกว่าการจัดโรงเรียนพิเศษเฉพาะเด็กพิการ 6. สังคมจะเข้าใจและยมรับ เด็กออทิสติกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ช่วยให้เด็กออทิสติกใช้ ชีวิตอยู่ในลังคมได้อย่างปกติลุข และทำประโยชน์ให้ลังคมได้

การเรียนรวมร่วมที่จะใหผลดีนั้นSeคrvวicรeดsำ0เ3นินการดังนี้ 1. ควรเรียนร่วมเมื่ออายุยังน้อย คือตั้งแต่ระดับอนุบาล Services 01 2. ให้โอกาสครูที่สอนชั้นปกติตัดสินใจว่าจะรับเด็กออทิสติก เข้าไว้ในชั้นของตนหรือไม่ และให้มี ความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 3. สถานศึกษา โรงพยาบาลที่จะเปิดโครงการเรียนร่วมต้องมีบุคลากรพร้อม Services 02 4. ผู้บริหารต้องทำความเข้าใจ ชี้แจง บทบาท ความรับผิดชอบให้บุคลากรทุกฝ่ายทราบ 5. สถานศึกษาต้องจัดให้มีเครื่องมือเครื่องใช้ อุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนได้อย่าง เหมาะสมและเพียงพอ 6. ไม่ควรแยกเด็กออทิสติก ออกจากเด็กปกติ ในเรื่องของการให้บริการการเรียนการสอน เพื่อให้ เด็ก ปกติเข้าใจได้ถึงความต้องการและความสามารถของเต็กออทิสติก 9. ควรใช้วิธีสอนแบบแผนการศึกษารายบุคคล ( Individual Implement Plan : แIP) 8. ต้องประเมินพัฒนาการ และผลการเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการประเมินที่เชื่อถือได้

Services 03 รูปแบบเฉพาะความพิการ เป็นรูปแบบการจัดการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีความ พิการ ค่อนข้างมาก หรือพิการซ้ำซ้อนเป็นรูปแบบที่มีสภSาeพrvแiวceดsล0้อ1 มจำกัดมากที่สุด แบ่งเป็น 4 ระดับได้แก่ 1รูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนพิเศษในโรงเรียนปSeกrตvิices 02 2 รูปแบบการเรียนในโรงเรียนพิเศษเฉพาะทาง 3 รูปแบบการฟื้นฟูในสมรรถภาพในสถาบันเฉพาะทาง 4 การบำบัดในโรงพยาบาลหรือบ้าน

Services 03 สรุป การจัดการศึกษาลำหรับเด็กออทิสติกจะมีประสิทธิภาพเพียงใดนัS้นeขrึ้vนicอeยูs่ก0ับ1ความร่วมมือจาก หลาย ๆ ฝ่าย เป็นตันว่า ผู้บริหาร ครูผู้สอน บุคลากรทางการแพทย์และผู้ปกครอง ที่จะมีความ เข้าใจและเห็นใจเด็กออทิสติก ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคม Sแeลrะvกicาeรsจั0ด2การศึกษาสำหรับ เด็กออทิสติกนั้นมุ่งเนันพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนสูงสุดทุกด้าน โดยการเรียนรู้ทักษะทาง ลังคมที่เหมาะสมกับวัย การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับศักยภาพของบุคคลออทิสติกในรูปแบบการ เรียนรวมกับเด็กปกติ เพื่อการดำรงและดำเนินชีวิตในลังคมลักษณะรวมกัน ทุกคนต่างเป็นส่วน หนึ่งของสังคม ต่างยอมรับซึ่งกันและกัน และใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่มีการแบ่งแยก ก็จะทำให้ เด็กออทิสติกเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของแต่ละคน

บทที่ 11 ปรัชญาแนวคิด ทางจิตวิทยา

Services 03 ความหมายปรัชญาแนวคิดทฤษฎีทางแนวจิตวิทยา ความหมายของปรัชญาการศึกษา คำว่า \"ปรัชญา\" ตามพจนานุSกeรrมvหicมeาsย0ถ1ึง \"วิชาว่าด้วย หลักแห่งความรู้ และความจริง\" ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า \"Philosophy\" และมาจาก รากศัพท์ในภาษากรีกว่า \"Philosophia\" ซึ่งประกอบขึ้นมาจSากerศัvพicทe์คsำ0ว2่า \"Phileo\" แปลว่า \"รัก\" และ \"Sophia\" แปลว่า \"ภูมิปัญญา\" หรือ พisdom ดังนั้น ปรัชญาจึงมี ความหมายตามรากศัพท์ว่า \"ความรีกที่มีต่อ ภูมิปัญญา\" ภูมิปัญญาเป็นเรื่องของ กระบวนการคิดที่เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ภูมิปัญญานี้อาจจะได้มาโดยวิธีใตวิธีหนึ่ง หรือหลายๆ วิธีประกอบกัน ได้แก่ กรสังเกต การจดจำ การประเมินค่า การเข้าใจถึงเรื่องจิตใจและ วิญญาณ การเข้าใจถึงธรรมชาติของความเป็นไปและการเรียนรู้เป็นตัน

Services 03 ลักษณะปรัชญาการศึกษา 1.การพรรณนาวิเคราะห์ ปชญาการศึกษาควรจะมีส่วนหนั่งที่อธิบาย ถึงแนวความคิดของนัก ปรีชญาการศึกษาว่าทำไม ถึงคิดเช่นนั้น มีหลักการ 2. การวิจารณ์-ประเมินผล ปรัชญาการศึกษาควรจะมีส่วนหนึ่งที่ วิเครSาeะrหv์แicลeะsว0ิจ2ารณ์ความคิด ต่างๆ ทางการศึกษา ประเมินผลดูว่าความ เข้าใจเกี่ยวกับการศึกษาในปัจจุบันนั้นถูกต้องแล้วหรือยัง และมีผลกระทบต่อการจัดการ 3. การอนุมาน อีกล่วนหนึ่งของปรัชญาการศึกษาคือส่วนที่เกี่ยวกับการ อนุมานหรือดาดคะเนว่าความ คิดเกี่ยวกับระบบการศึกษาหรือปรัชญานั้นมี รูปแบบอื่นอีกหรือไม่จักรวาลนี้แท้จริงเป็นอย่างไร ธรรมชาติของมนุษย์ เป็นอย่างไร

แนวคิดและสำคัญจิตวิทยา 1.กลุ่มโครงสร้างทางจิต (Structuralism) ผู้นำกลุ่มความคิดนี้คือ วิลเฮล์ม วินต์ แนวคิดนี้สนใจศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้าวของจิตลำนักของ มนุษย์ โดยมีแนวคิดว่าจิตลำนักของมนุษย์ ประกอบด้วย ธาตุทางจิต 3 ชนิดคือ การรู้สิกอารมณ์ และจินตนาการ โดยในการศึกษาจิตธาตุทั้ง 3 ชนิด จะใช้วิธีพิจารณาภายใน ซึ่งไม่เป็น วิทยาศาสตร์เพราะข้อมูลที่ได้จากการรายงานความรู้สึกของผู้ถูกศึกษามีความเป็นอัตนัยสูง

2.กลุ่มหน้าที่ของจิต (Functionalism)แนว คิดของกลุ่มหน้าที่ทางจิตให้ความสำคัญกับ วิธีการที่มนุษย์ใช้ในการปรีบตัว เข้ากับสิ่งแวดล้อม นักจิตวิทยาใน กลุ่มนี้ให้ความเห็นว่า จิตเป็นตัวก่อให้เกิดปัญหา เป็น อวัยวะที่สำคัญที่สุดที่มนุษย์ใช้ในการปรีบตัวเพื่อดำรง ชีวิต อยู่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักจิตวิทยาในการ ศึกษาความลัมพันธ์ระหว่างจิตกับพฤติกรรม

3.กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) จอห์น บี วัตสัน นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ผู้นำแนวคิดที่ สำคัญที่เสนอให้ มีการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในด้านที่สังเกต และมองเห็นได้ ซึ่งจัด ว่า เป็นการศึกษาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ทำให้วัตสันได้รับการยกองว่าเป็น บิดาของจิตวิทยาสมัย ใหม่ แนวคิดของพฤติกรรมนิยมเนันว่าพฤติกรรม ทุกอย่างต้องมีเหตุและเหตุนั้นอาจมาจากสั่ง เร้าในรูปใดก็ได้มากระทบ อินทรีย์ ทำให้อินทรีย์มีพฤติกรรมตอบสนอง

4. กลุ่มเกสตอลท์ (Gestalt Psychology'Wertheimer, Moxz ผู้นำกลุ่มเกสตอลท์ กลุ่ม เกสตอลท์ เป็นกลุ่มแนวคิดทางจิตวิทยาที่ตั้งขึ้นโดยนัก จิตวิทยาชาวเยอร์มันเพื่อโต้แย้ง กลุ่มทางจิตกลุ่มอื่น โดยมีแนวคิด ว่าการศึกษาจิตสำนักนั้นจะต้องศึกษาจากการรับรู้ของ มนุษย์ ซึ่ง จะมุ่งความสนใจไปที่หลักการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจัดระบบการรับรู้ ของมนุษย์ และจากการศึกษาพบว่ามนุษย์จะรับรู้ส่วนรวมของสั่งเร้า มากกว่าเอาส่วนย่อย ๆ

5.กลุ่มจิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) ผู้นำแนวคิดของกลุ่มนี้ได้แก่ ชิกมุนต์ ฟรอยด์ โดยเชื่อว่า พฤติกรรม ทั้ง หลายมีลาเหตุเกิดจากพลังที่อยู่ในจิตไว้สำนิก จิตล่วนนี้จะรวบรวมความคิด ความ ต้องการ และประลบการณ์ที่ผู้เป็นเจ้าของจิตไม่ต้องการหรือปรารถนาที่ จะจดจำ จึงเก็บกดความ รู้สึกต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ให้ลงอยู่ในจิตส่วนนี้ อย่าง ไร ก็ตามหากความต้องการหรือความรู้สิกต่างๆ

Services 02 6.กลุ่มปัญญานิยม (Cognitivism) การรู้การคิด (Cognition) หมายถึง กระบวนการทางจิต ซึ่งทำการเปลี่ยนข้อมูลที่ผ่านเข้ามาทางประลาทสัมผัสไปในรูปแบบต่งๆ เมื่อเกิดการรู้-การคิด นักจิตวิทยากลุ่มนี้คัดค้านว่ามนุษย์เรามิได้เป็น เพียงแต่หน่วยรับสิ่งเร้า ที่อยู่เฉยๆเท่านั้น แต่จิต จะมีกระบวนการ สร้างข้อลนเทศขึ้นใหม่หรือชนิดใหม่ การตอบสนองของมนุษย์ขึ้นอยู่ กับ กระบวนการทำงานของจิตในการประมวลผลข้อมูล

7. กลุ่มมนุษย์นิยม (Humanism)ผู้นำสำคัญในกลุ่มมนุษย์นิยม ได้แก่ดาร์ล โรเจอร์ (Calf R. Rogers, 1902-1987จิตวิทยา กลุ่มมนุษย์นิยมพัฒนาขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1940 โดยเชื่อว่าเรา สามารถเข้าใจถึงธรรมชาติของมนุษย์ได้ดีขึ้นด้วยการศึกษาถึง การรับรู้ของ บุคคลที่ เกี่ยวกับตนเองความคิดส่วนตัวที่เขามีต่อบุคคลอื่นและโลกที่เขาอาศัยอยู่ และยังมีความเชื่อว่ามนุษย์ เรา มีคุณลักษณะที่สำคัญที่ทำให้เราแตกต่าง ไปจากลัตว์คือมนุษย์เรามีความมุ่ง มั่นอยากที่จะเป็นอิสระ

Services 03 ความสำคัญของจิตวิทยา Services 01 จิตวิทยาเป็นตาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ ดังนั้นผู้ศึกษาวิชาจิตวิทยาจึง สามารถ นำเอาความรู้ไปใช้ได้อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็Sนeคrรvอicบesค0รั2วและ สถานที่ ทำงาน ตลอดจนมี ความลำคัญต่อการประกอบอาชีพต่างๆ ทั้งนี้เพราะหลักการทาง จิตวิทยาสามารถนำไป ประยุกต์ใช้ได้กับงานต่างๆ มากมาย

บทที่ 12 การนำหลักจิตวิทยาไปใช้ในการพัฒนาศักยภาพของการเป็นครู

การนำหลักจิตวิทยาไปใช้ในกาSรerพvัicฒesน03าศักยภาพ ของการเป็ นครู Services 01 1.เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้ที่เป็นระบบทั้งด้านทฤษฎีหลักการและสาระ อื่นๆที่เกี่ยวซ้องกับการเรียนรู้ขอมนุษย์ทั้งเด็กเละผู้ใหญ่ Services 02 2.เป็นการนำความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้และตัวผู้เรียนให้แก่ครูและผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการศึกษานำไปใช้ให้เกิดประโยษน์ต่อการเรียนการสอน 3.เพื่อให้ครูสอนสามารถนำเทคนิคและวิธีการเรียนรู้ ไปใช้ในการเรียนการสอนตออดจนสามารถดำรงตนอยู่ในสังคม ได้อย่างมีความสุข

Services 03 จิตวิทยากับการเรียนการสอน Services 01 Services 02 จิตวิทยากับการเรียนการสอน ศักยภาพความเป็นครู หมายถึง การทำเด็กมีความรู้มากที่สุดเช่นหลักการเรียนรู้ หลักสูตร การวัด และประเมินผล เทคโน โลยีและจิตวิทยา เพราะเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้

Services 03 แนวทางและวิธีการพัฒนาครู แนวทางและวิธีการพัฒนาครู Services 01 1.การพัฒนาที่ยึดเอาวิทยากรและเนื้อหาวิชาเป็นศูนย์กลางการพัฒนา ลักษณะนี้เนั้นความสำคัญของเนื้อหาวิชาหรือสาระของความรู้ ข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับวิชาชีพและงานของครู เช่น งานราชการServices 02 2.การพัฒนาที่ยึดเอาครูเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาลักษณะนี้เน้น ความสำคัญของครูผู้ร่วมกิจกรรมการพัฒนา การตัดสินใจและทำ กิจกรรมทุกอย่างมุ่งประโยชน์การพัฒนาครู ให้ความสำคัญทั้ง กระบวนการและเนื้อหาความรู้

หน้ าที่ของครูในแง่คุณลัSกeษrvณiceะsป03ระสงค์ 1.ครูผู้ที่สามารถให้ทางแห่งความรอดเเก่สิทธิ์ Services 01 ความรอดมีอยู่สองทางคือทางกายและรอดทาง ใจ 2.ครูต้องสามารถดำรงความรอดแก่ศิษย์ ความSรeอrvดiมcีeอsยู0่ส2อง เป็นครูอยู่ได้ทุกอิริยาบททางคือรอดทางกายและรอดทางใจ 3.ครูต้องสามารถเป็นตัวอย่างตามคำ สอนแก่ศิษย์ สอนอย่างไรทำอย่างนั้น

บทที่ 13 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้และรับรู้

ปั จจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ได้อย่างคุณภาพ 1.บรรยากาศเปิด Services 02 1. สภาพในโรงเรียน/ห้องเรียน เอื้อต่อการเรียนการสอน 2. เรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน 3. มีการนำเข้าสู่บทเรียน เช่น ร้องเพลง เล่านิทาน 4. มีสื่ออุปกรณ์หลากหลาย 5. สนับสนุนให้เกิดความอยากรู้ อยากเห็น 6. ห้องเรียนสะอาด สวยงาม 7. ครูและนักเรียนทำตัวเป็นกันเอง

Services 03 2.ครูเปิ ด 1.เปิดกว้างให้นักเรียนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น Services 01 2.รีบรู้ใหม่ ๆ ทันเหตุการณ์ Services 02 3. มีการพัฒนาตนองโดยศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 4.ให้โอกาสนักเรียนซักถามปัญหาที่สงสัย 5.เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง 6. ครูพร้อมที่จะทำการสอน 7.ใช้คำถามจูงใจเด็ก 8.ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

3.สื่ อเปิ ด Services 03 Services 01 1.มีสื่อที่หลากหลายตามความสนใจเด็ก Services 02 2.นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ 3.สื่อพร้อมที่จะใช้งานและให้บริการ 4.น่าสนใจเหมาะสมกับเนื้อหา 5.ใช้สื่อจากภูมิปัญญาในท้องถิ่น 6.สื่อต้องมีประสิทธิภาพแปลกใหม่ 7.นักเรียนมีส่วนในการผลิตและใช้สื่อ

Services 03 4.นักเรียนใฝ่ เรียนรู้ 1.ตั้งใจเรียนมีความพร้อมที่จะเรียน Services 01 2.มีความกระหายใฝ่รู้ในการเรียน Services 02 3.รับผิดชอบเวลาในการจัดกิจกรรม 4. แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ร.ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม 6.มีทักษะในการทำงาน 7.มีพื้นฐานในเรื่องที่จะเรียน 8.ต้องการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา/คิดริเริ่มสร้างสรรค์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook