Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

คู่มือท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

Description: ✍️

Search

Read the Text Version

อทุ ยานแ​ ห่งช​าตหิ​ มเ​ู่ กาะส​ รุ ินทร์ แหล่ง​ทรัพยากรธรรมชาติ​ท่ี​สำคัญ​ท้ัง​ทาง​ บก​และ​ทาง​ทะเล​อีก​แห่ง​หน่ึง เป็น​หมู่​เกาะ​ท่ี​มี​แนว​ ปะการงั น​ ำ้ ต​ น้ื ท​ ม​่ี ค​ี วามอ​ ดุ มส​ มบรู ณแ​์ ละใ​หญท​่ ส่ี ดุ ข​ อง​ อนั ดามนั เหมาะ​แก​ผ่ ​ทู้ ​ช่ี น่ื ​ชอบ​กจิ กรรม​การ​ดำ​นำ้ ​ตน้ื ด้วย​มี​แนว​ปะการัง​ท่​ีสวยงาม​และ​พันธ์​ุปลาก​ว่า 300 ชนดิ อกี ​ทง้ั บ​ รเิ วณอ​ ทุ ยานแ​ หง่ ช​ าตห​ิ มเ​ู่ กาะส​ รุ นิ ทรย​์ งั ​ เป็น​ท่ี​อาศัย​ของ​ชาว​มอ​แกน ยิปซี​ทะเล​กลุ่ม​สุดท้าย​ ของ​ไทย ท​่ตี อ้ ง​อาศัย​ทะเลใน​การ​ดำรง​ชีวิต ปจั จุบนั ​ ชาวม​ อแ​ กนต​ า่ งเ​รยี นร​ท​ู้ จ​่ี ะร​กั แ​ ละห​ วงแหนส​ มบตั แ​ิ หง่ ​ ทอ้ งท​ ะเลไ​ว้ เพอ่ื ส​ บื ทอดว​ ถิ ​ชี าวเลต​ อ่ ​ไป ดัง​น้ัน ไม่​ว่า​คุณ​จะ​อยู่​ใน​ฐานะ นัก​ท่อง​เท่ียว มัคคุเทศก์ ผู้​ประกอบ​การ หรือ​เจ้าของ​พ้ืนท่ี หาก ​มี​ความ​เข้าใจ มี​การ​ดำเนิน​การ​ท่อง​เท่ยี ว​หรือ​ดำเนิน ธุรกิจ​ หรือ​กิจกรรม​อย่าง​รู้จัก​ท่ี​จะ​รัก​และ​หวงแหน ทรพั ยากรธรรมชาต​ขิ องไ​ทย กจ​็ ะ​นำม​ าซ​ ง่ึ ​จติ ใตส้ ำนกึ ​ใน​การ​รักษา ไม่​ทำร้าย​หรือ​ทำลาย​ธรรมชาติ และ​จะ​นำ​มา​ซ่ึง​การ​ดูแล​รักษา​ทรัพยากรธรรมชาติ และ​ระบบ​นิเวศ​ท่ีอุดม​สมบูรณ์​ให้​เป็นสมบัติ​ล้ำค่า ท​ อ​่ี ยค​ู่ ​คู่ นไ​ทยต​ ราบน​ านเ​ทา่ น​ าน...

2 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

สารบัญ อันดามนั ...มรกต​ทะเล​ไทย 6 หมู่เกาะสรุ ินทร์ 15 แนวปะการัง มรดกแห่งทอ้ งทะเล 27 ชุมชนชาวเล 43 เขตก​ าร​จัดการ​พ้ืนที่​อทุ ยานแ​ ห่งช​าตห​ิ ม​ู่เกาะ​สุรินทร์ 47 การทอ่ งเท่ยี วในเขตพนื้ ทีอ่ ทุ ยานแหง่ ชาตหิ มเู่ กาะสุรนิ ทร ์ 54 แหล่งดำนำ้ 59 แหลง่ ดำน้ำตื้น 63 ดำนำ้ ตืน้ อยา่ งไรให้ปลอดภัย 68 แหล่ง​ดำ​นำ้ ​ลึก 73 ดำน้ำลกึ อยา่ งไรใหป้ ลอดภยั 80 เสน้ ทางศึกษาธรรมชาต ิ 85 เทยี่ วทะเลอยา่ งไรให้สนกุ 87 ขอ้ มูลสำหรบั นักเดินทาง 92 3ค่มู อื ทอ่ งเท่ยี วอุทยานแหง่ ชาติหมเู่ กาะสุรนิ ทร์

4 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

5คู่มอื ทอ่ งเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์

อันดามัน… มรกตทะเลไทย อันดามัน​เกิด​จาก​การ​ยุบ​ตัว​ของ​เปลือก​โลก ปัจจุบัน​กระบวนการ​ยัง​เกิด​อย่าง ต​ ่อ​เนือ่ ง ทำใหช้​ ายฝ่งั ​หักช​ ัน นำ้ ​ลึก และ​ลึก​มากห​ ากเ​ปรยี บ​เทียบก​ บั ท​ ะเลอ​ ่าวไ​ทย ทะเล​อันดามัน​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​มหาสมุทร​อินเดีย ​ใน​เขต​น่าน​น้ำ​ประเทศไทย ชายฝงั่ ​ทะเลอ​ ันดามนั จะเ​ร่ิมต​ งั้ แตจ่​ ังหวดั ​ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบ่ี ตรงั จนถงึ ช​ ายฝงั่ ​ จังหวัด​สตลู มค​ี วามย​ าวป​ ระมาณ 937 กิโลเมตร เปน็ ​บริเวณ​ไหลท่ วปี (Continental shelf) ม​ีความก​ ว้างอ​ อก​ไปจ​ ากช​ ายฝง่ั ​จงั หวัด​ระนอง​ประมาณ 108 กิโลเมตร ไหลท​่ วปี ​ คอ่ ยๆ คอดเ​ขา้ ม​ าใ​กลช​้ ายฝงั่ บ​ รเิ วณจ​ งั หวดั ภ​ เู กต็ โดยม​ ค​ี วามก​ วา้ งป​ ระมาณ 27 กโิ ลเมตร และ​คอ่ ยๆ กวา้ งข​ นึ้ อ​ ีกเ​ม่อื ล​ ง​ไป​ทางต​ อนใ​ต้ โดยม​ ​ีความก​ ว้างอ​ อก​มา​จากช​ ายฝงั่ จ​ ังหวัด​ สตลู ป​ ระมาณ 130 กโิ ลเมตร บริเวณช​ ายฝั่ง​รวมท​ งั้ เ​กาะ​แกง่ ต​ ่างๆ ของ​ทะเลอ​ ันดามัน 6 ค่มู ือท่องเท่ียวอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มเู่ กาะสุรนิ ทร์

มี​ทรัพยากรธรรมชาติ​ท่ี​โดด​เด่น​และ​ และ​พันธุ์​พืช​ จึง​ได้​ประกาศ​พ้ืนท่ี​ชายฝ่ัง​และ​ หลากห​ ลาย เชน่ หาด​ทราย หาด​หิน ปา่ ​ชาย​เลน เกาะ​ท่ี​สำคัญ​ที่​มิได้​ถูก​ครอบ​ครอง​โดย​ชอบ​ด้วย​ แหล่ง​หญ้า​ทะเล และ​แนว​ปะการัง อันดามัน​จึง​ กฎหมาย​ของ​บุคคล​ใด เป็น​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​ เป็น​แหล่ง​ดำ​น้ำ​ท่ี​มีชื่อ​เสียง​และ​เป็น​ดุจ​สวรรค์​ จำนวน 16 แห่ง รวม​เนื้อท่ี 4,837.02 ตาราง​ ของน​ กั ด​ ำน​ ำ้ โดยเ​ฉพาะอ​ ยา่ งย​ ง่ิ ห​ มเ​ู่ กาะส​ รุ นิ ทร์ กิโลเมตร และ​ยัง​มี​พ้ืนท่ี​ท่ี​อยู่​ระหว่าง​เตรียม​การ​ และ​หมู่​เกาะ​สิ​มิ​ลัน นอกจาก​นี้​ ยัง​มี​เสน่ห์​ด้าน​ ประกาศอ​ กี จ​ ำนวน 1 แหง่ รวมเ​นอ้ื ที่ 229 ตาราง​ ประวัติศาสตร์ ประเพณี และ​วัฒนธรรม​ของ​ กิโลเมตร จะ​เห็น​ว่า รัฐ​ได้​พยายาม​ที่​จะ​อนุรักษ์​ ชมุ ชน​พ้ืน​เมือง​ชายฝงั่ สิ่ง​สำคัญ​ไว้​เพ่ือ​เป็น​แหล่ง​พันธุกรรม​และ​แหล่ง​ เพอ่ื ​เปน็ การ​รกั ษา​ไวซ้ ง่ึ ​ทรพั ยากรธรรมชาติ​ พัก​ผ่อน​หย่อน​ใจ​ให้​แก่​ประชาชน​โดย​รวม จึง​ ทั้ง​บน​บก​และ​ใต้​ทะเล​อันดามัน​ของ​ประเทศไทย เป็น​หน้าที​่ท่ี​คน​ไทย​ทุก​คน​ควร​จะ​รว่ ม​กนั ​อนุรักษ์​ ให้​คง​อยู่​ตลอด​ไป กรม​อุทยาน​แห่ง​ชาติ ​สัตว์​ป่า ไวซ​้ งึ่ ​ทะเล​ไทย 7คมู่ อื ท่องเท่ียวอทุ ยานแห่งชาตหิ มู่เกาะสรุ นิ ทร์

8 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

B 9IB. 6&! Ġĝ 4A)15 6%5 A64'é 4A)15 6%5 A64.<'è'ĜA/1; A64)6 <%\"' A64.<'è'DĜ ę '41 16Ę +Eʖ1'è)6— 1 /8 'èA)8+ .'< 6-'Ĝ 69 A6465&  ','é ''%'6 A641 \"5 6 '4I9 1/<%&=AĘ 66B4./8% Ę )8 65 8 '5 \"5) < $=AH .)= . )6 9คูม่ อื ทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาติหมูเ่ กาะสุรินทร์

เหนอื ส​ ดุ ข​ องอ​ นั ดามนั หา่ งจ​ ากเ​สน้ เ​ขตแดนไ​ทย-พมา่ เพยี ง 15 กิโลเมตร เปน็ ​ทต่​ี งั้ ​หมเู่​กาะ​แหง่ ​หนึง่ ​ท​ีไ่ ดร​้ ับ​การย​ กย่องว​ ่า มี​ แนว​ปะการัง​น้ำ​ตื้น​สวยและ​สมบูรณ์​ที่สุด​ของ​ประเทศไทย หน่ึง​ ใน​ทะเล​แหง่ ​สุดทา้ ยท​ ธ่​ี รรมชาต​ิยงั ค​ ง​ความส​ วยงาม หลัง​จาก​รอนแรม​ผ่าน​ทะเล​ไกล ภาพ​แรก​ที่​ทุก​คน​ได้​เห็น​ คือ​ นำ้ ​ใสส​ ​ีคราม ตัด​กับส​ ฟี​ ้าข​ องแ​ นว​ปะการังช​ ายฝ่งั กว้าง​ใหญ่​ จนถึง​สี​ขาว​ของ​ทราย​ละเอียด​บน​ชายหาด​ตัด​กับ​สี​เขียว​เข้ม​ของ​ ป่าดง​ดิบ​เขต​ร้อน​ช้ืน​ไล่​เรียง​ตาม​ทิว​เขา​ก่อน​ส้ิน​สุด​ที่​ท้องฟ้า​ใส​มี​ ปยุ ​เมฆล​ อยผ​ า่ น เสียง​เหยี่ยวท​ ะเล​ร้องแ​ กก๊ แ​ ว่ว​มาแ​ ตไ่​กล ณ ที่​แห่ง​น้ี ป่าดง​ดิบ​เขต​ร้อน​ช้ืน​ระบบ​นิเวศ​หลาก​หลาย​ ท่ีสุด​บน​ผืน​ดิน มา​พบ​บรรจบ​กับ​แนว​ปะการัง ความ​หลาก​ชนิด​ ทส่ี ดุ ข​ องท​ อ้ งท​ ะเล ไมม่ ค​ี ำก​ ลา่ วอ​ า้ งใ​ดจ​ ะบ​ รรยายถ​ งึ ค​ วามย​ ง่ิ ใ​หญ่ ของ​หมู่​เกาะ​สุรินทร์​ได้ ทุก​อย่าง​ต้อง​รับ​รู้​ด้วย​สายตา ได้ยิน​ด้วย​ ประสาท และส​ มั ผัสด​ ้วย​ความ​รสู้ กึ ข​ องค​ ุณ​เอง 10 ค่มู อื ท่องเท่ยี วอทุ ยานแห่งชาติหมู่เกาะสรุ ินทร์

ก ขปอพเ​ไทรนมรยกีรยี​ส่ีาน่ะัม่ร​​ู่กำกดาพ​เ​เีคลม​วใ​บขรหญัานงัยึ้ีกงนญ6ว​รวก​ผา่ะกท​​ร่ ร​เืนเานิกส่ะีมบไ​หนท​เรดุมตนพะ้ำง​ใ่ัูม่รเร​ยีน​แเ​บา:​เปีล​ทงหงแนน็​แะย่ีลอู้ร​เท​พ​ขาะงงจหห้นมึ่ีล​ม​ท​​แราู้​ามงหน​ีะอืทแ​ข​กลเาำ้ง้ัอลหต​์​ล​หมท​งMออนง่ม​ต​่ตี​aนเกยัห​นรัำมnงเ​ถ​นเต​ว้tลอ่ืป​โงึาaัวคกง็​โนน็​บตนๆส​2ป​ป​เ​นr​หศตมีลaท​ผตาาม็าy​ล่งีทุในั​ิวจท​ห​เอ่นแ​หร​อญ่ีงไหก้ำมด​ลาท​่ง่รจอื้อชะท​แ​่ี ทม​นเยอ่สือ้บ​คี​กำน​วม​งนใรวา่ทส​​าหะเ​ร​าภ​กุะปา้​ชเมเาบบัหน็าลก​พช​ก​นูวกวพอร​ป​ชไรา้ะมบะวนงรแมเก่ข​ะว​ดิ สบอเม​ฟ​า่ี​อขน​นยงนงัน่ืาำ้​​​​​ เ นแ​มปลกันัน็ะด​ย​อ​ค​ำงัาน​ลม​หอำ่้กค​ีางรมรวแะกัาคเมบว​ลา่ส​นว่ยาว​​รเ​มาอ่ขหางา้ ร​มูม​ไถว​นีาพ​ว​สิบเินยัศาเ​ง​อวษค​ยียเ​รหนง้าั มถก​อ​งึอ​รืย​อก้​ูนู่ใ​บัยกโ​ต​ลาลกล​มีๆ้ ง​เัาหกกก​น็ราบั ะก​ว​พลาจอืบัฬงึป​ห​​ไกลนีมอง​นั่ั​ค่ ใ​ยค​หอ่ าอ่ืช​้ยงมส​ต​ก​งน่ืาอา่ร​กกีง​ว​ลาท​า่ มวยัง้ั ​​​ ทะยาน​โผล​ข่ น้ึ ไ​ป​เหนอื ผ​วิ นำ้ แ​ลว้ ​ทง้ิ ต​วั ล​งม​า 11คมู่ ือทอ่ งเทยี่ วอทุ ยานแห่งชาติหมูเ่ กาะสุรนิ ทร์

12 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

ฉ สแขพไลแเุหรมนลรวพอินียล่​าดกาย​ลทด่งงุรม​เงต้​าด​​รรใดกหย์าบัว​วำียย​์ตญ​ข​นรานวเิอ​้อึนฬำ้ ่​วทับ​กกน​ขย​มณ่ีสินับ​เอ​ส่​ูบาปุด​แ​หฉ​:งตั​บน็นพ​ในิ​เลวรน​ลม​แ​ลร​ิเย์า​ำเโ​ิวอืหมงชล​ตหกัณงลก​แล​กัวล​ไษ่ง์​ตลวิ​ผท​ตอ่ ​ทอะ์ิวย้​ัเงหใ​อ่ี​​พปนลนแหนิ​เยย้ี​บเลลต้ำก​ญลู่ ง​ใ​​ายฉเ่​หล็กนพ​รก่ล​กัวาใ​า่ๆ​่กือ​รงงจ​็​าจวะน​ล​กมกา่ดด​เำุ่ม้เ​ไวา​บว​ปปทด​​แียา​เานล้​ดด็นาห​ฬสงาียก​อ​เีฉง​่ไต​ยทินมาดวลอ​ะ​หาห​ก​แ้​ันบวา​ดนัาาพมับนั​่อเำรงปด​อ​ล​​วป​เยท็านองาล​ทมฬแ่ากก​มฉา​่ีส​จีนล​เข์​​ตกลนัปุดุดะ้นัอ​อรา​ส​ห​ใน็ งะมนน​ขีหน​​ป​ดโ​จ​พา​บมักูด​กลวำืชรเ​​ู่เยอา​จพกรก​แ​ท่อาด​มวาือลง่​ีมะนากักบะๆ​​ี​​​​ 10 ตนั ฉแตลม​่ามนั อ​​วาาศฬยั​เปอ​ย็นเ​ู่​ทฉ่ี​ปพาระาใ​รนถท​นะาเ​จละเ​ข​ไตดร​้พอ้ บน​เเ​จทอา่ น​ขน้ัองโด​นยักเ​​ดฉำพ​นา้ำะ​ ทว่ั โ​ลก ใ​น​ทอ้ งท​ะเล​อนั ดามนั แ​ละ​ทะเล​ฝง่ั อ​า่ วไ​ทย 13คมู่ ือท่องเทยี่ วอทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะสุรนิ ทร์

B 9IĘ1 A&I9 +1<&6B/Ę 6/8 %Ę=A64.'< è'Ĝ A64'é /8'6 /6'6&B 16Ę + 6 A64.'< è 'ĜA/;1 1Ę6+E%ę 6% 1Ę6+B%&Ę 6& /%Ę= ę6%1B 16Ę +E'A1 16Ę +'4 8 A.ę6 1,6Ę :+E-%6 ę 6'%'%68 A64)6 –A646 %Ā 6— /Ę+&\"ô 5-1Ĝ <&6 16Ę +1Ę 6 B/ Ę 689I %.œŸ–16Ę +Ę1 6— 1Ę6+1% 5 6 16Ę +.<A\" /%Ę=6ę %1B A64.'< è'DĜę 1Ę6+1 .5g)5 -Ĝ 16Ę +AĘ6 /81 Ā7J7J; Ā 77J ): 16Ę + 56 1 /8'Aè )+8 16Ę +EĘ–1'è)6— A.ę 6 ,:-6''%68 Ę6A'1ë ,= &Ĝ'è6'5Ę1 A9&I + 9I 76'/Ę+&\"ô 5 -1Ĝ < &6B/ Ę 68 )66 AHĜ ę6\"55 1Ę AI9&+ '6ę 16/6' 14 คมู่ อื ท่องเทย่ี วอทุ ยานแห่งชาตหิ มู่เกาะสรุ นิ ทร์

หม่​ูเกาะ​สุรินทร์ หมู่​เกาะ​สุรินทร์​ต้ัง​อยู่​ใน​ท้อง​ที่​ตำบล​เกาะ​พระทอง อำเภอ​คุระบุรี จงั หวดั พ​ งั งา เปน็ ห​ มเ​ู่ กาะท​ ม​ี่ แ​ี นวป​ ะการงั น​ ำ้ ต​ น้ื ท​ ม​ี่ ค​ี วามส​ วยงาม สมบรู ณ​์ และใ​หญ่​ท่ีสดุ ​ของอ​ ันดามนั มีพ​ นื้ ทท​่ี ่ี​เป็น​แนว​ปะการงั น​ ้ำต​ ้ืนท​ ม่​ี ี​การพ​ ัฒนา​ สงู ข​ องป​ ระเทศไทย มอี ายม​ุ ากกวา่ 8,000 ปี มค​ี วามห​ ลากห​ ลายท​ างช​ วี ภาพ​ ทาง​ทะเล​สูงสุด 1 ใน 3 ของ​ประเทศไทย นกั ด​ ำ​น้ำส​ ามารถ​เหน็ ป​ ลาไ​ม่ต​ ่ำ​ กวา่ 100 ชนดิ และย​ งั เ​ปน็ ท​ อ​่ี ยอ​ู่ าศยั ข​ องม​ อแ​ กนย​ ปิ ซท​ี ะเลก​ ลมุ่ ส​ ดุ ทา้ ยข​ อง​ ไทย พระยาส​ ร​ุ น​ิ ทร​ าชา เทศา​เ​มอื งภ​ เู กต็ ไ​ดส​้ ำรวจท​ ะเลฝ​ ง่ั อ​ นั ดามนั และไ​ด​้ ต้ัง​ชอ่ื ก​ ลุ่ม​เกาะ​บรเิ วณน​ ้ี​วา่ หมเ​ู่ กาะส​ รุ ินทร์ ซง่ึ ​ได​ป้ ระกาศเ​ปน็ อ​ ทุ ยานแ​ หง่ ​ ชาต​ิเมื่อว​ นั ท​ ่ี 9 กรกฎาคม 2524 นับเ​ป็น​อทุ ยานแ​ ห่ง​ชาต​ลิ ำดับท​ ี่ 30 ของ​ ประเทศไทย ตอ่ ม​ าไ​ดผ​้ นวกพ​ น้ื ทก​่ี องห​ นิ ร​เ​ิ ชล​ วิ เ​ขา้ เ​ปน็ เ​ขตอ​ ทุ ยานแ​ หง่ ช​ าติ เม่ือว​ นั ​ที่ 6 กรกฎาคม 2550 รวมเ​น้ือที่ 141.25 ตารางก​ ิโลเมตร 15คมู่ ือท่องเทีย่ วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

16 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

หมเู​่ กาะส​ รุ นิ ทร์ เปน็ ห​ มเู​่ กาะท​ อี​่ ยใู​่ นท​ ะเล​ อุทยาน​แห่ง​ชาติ​หมู่​เกาะ​สุรินทร์ มี​เกาะ​ อันดามัน ห่างจ​ าก​เส้น​เขตแดน​ไทย-พม่า เพียง ขนาด​ใหญ่ 2 เกาะ​ วางตวั ​ตาม​แนว​ทศิ ​เหนือ-ใต้ 8 กิโลเมตร ประกอบ​ด้วย​เกาะ​ต่างๆ 5 เกาะ ​ โดยค​ น่ั ด​ ว้ ยช​ อ่ งแคบท​ เ​ี่ รยี กว​ า่ อา่ วช​ อ่ งข​ าด ขนาด คือ เกาะ​สุรินทร์​เหนือ เกาะ​สุรินทร์​ใต้ เกาะ​รี​ 200 เมตร โดย​มี​จุด​สูงสุด​ท่ี​เกาะ​สุรินทร์​ใต้ สูง (เกาะส​ ต​ อร์ค) เกาะก​ ลาง (เกาะป​ าจ​ ุมบ​ า) และ​ 350 เมตรจ​ ากร​ ะดับ​น้ำท​ ะเล และ 240 เมตร ที​่ เกาะไ​ข่ (เกาะ​ตอร​ ิน​ลา) เกาะส​ รุ นิ ทร​์เหนอื ลกั ษณะท​ างธ​ รณี​ประกอบไ​ป​ ในบ​ รเิ วณเ​ดยี วกนั น​ ย​้ี งั ม​ ก​ี องห​ นิ โ​ผลพ​่ น้ น​ ำ้ ​ ดว้ ย หนิ ​แกรนติ ​ยุคคร​ ี​เทเ​ชยี ​ส (146-65 ล้านป​ ี) อีก 2 แหง่ ไดแ้ ก่ หิน​แพ และ​หิน​กอง ซงึ่ ​ห่าง​จาก​ หมู่​เกาะ​สุรินทร์​มี​สภาพ​ชายหาด​ที่​กำบัง​คลื่น​ลม​ เกาะ​สุรินทร์ไ​ปป​ ระมาณ 14 กิโลเมตร เป็น ไดท้​ ้งั 2 ฤดู เนอื่ งจาก​การว​ างตัวอ​ ย​ู่เปน็ กล​ มุ่ แ​ ละ​ ก​อง​หนิ ป​ ริ่ม​น้ำท​ ี่​เรยี ก​วา่ “ริ​เชล​ วิ ” มี​อ่าว​ขนาดใ​หญ่ สภาพแ​ วดลอ้ ม​ยัง​เหมาะ​สม​ต่อ​ ส่วน​ด้าน​เหนือ​ของ​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​ เป็น​ การ​พัฒนาข​ องแ​ นว​ปะการัง คือ ​น้ำใ​ส อณุ หภมู ​ิ เขตแดน​ติดต่อ​กับ​ประเทศ​พม่า​ทาง​ด้าน​ใต้​ ใน​ พอ​เหมาะ​ และ​มี​การ​ผสม​ผสาน​ของ​น้ำ​ที่​ได้​รับ ระยะท​ ไ​่ี มห​่ า่ งก​ นั น​ กั เปน็ ท​ ต​ี่ งั้ ข​ องอ​ ทุ ยานแ​ หง่ ช​ าต​ิ ​สาร​อาหาร​จาก​มวล​น้ำ​เบื้อง​ล่าง​ท่ี​ปะทะ​เกาะ หมู่​เกาะส​ ิ​มลิ​ นั มี​ความ​อุดม​สมบูรณ์​ของ​แพลงก์​ตอน ซ่ึง​เป็น​ อาหาร​ของ​ปลาแ​ ละ​สตั วอ​์ นื่ ๆ 17คู่มือท่องเทีย่ วอทุ ยานแห่งชาตหิ มู่เกาะสุรินทร์

พืช​พรรณ จากค​ วามห​ ลากห​ ลายข​ องภ​ มู ปิ ระเทศแ​ ละ​ ภูมิ​อากาศ​ทำให้​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​หมู่​เกาะ​สุรินทร์ ประกอบ​ดว้ ยส​ ภาพ​ปา่ ต​ า่ งๆ ดงั นี้ ป่าดง​ดิบ ครอบคลุม​พ้ืนที่​เกาะ​ปริมาณ​ รอ้ ยล​ ะ 90 อดุ มส​ มบรู ณไ​์ ปด​ ว้ ยพ​ นั ธไ​ุ์ มน​้ านาช​ นดิ ต้ังแต่​ช้ัน​เรือน​ยอด​บน​สุด เช่น กระบาก ยาง​ยูง ยางป​ าย สะเดาป​ กั ปออ​ เี กง้ และห​ วั ก​ า สว่ นพ​ ชื ท​ ​ี่ อยใ​ู่ นช​ นั้ ร​องล​ งม​ า ไดแ้ ก่ กฤษณา มะส​ า้ น มะกลำ่ ​ ตาไก่ คอแลน และม​ ะป​ รงิ สำหรบั พ​ น้ื ป​ า่ ดงด​ บิ จ​ ะ​ เป็น​พวก​ไม้​พุ่ม ไม้​เล้ือย และ​พืช​คลุม​ดิน​จำพวก​ เขม็ ​ทอง แม​่กลอน เขยตาย เถาป​ ​ลอ้ ง แสลง​พัน​ เถา ลิน้ ​กวาง เขม็ ​พระราม คลา้ และ​เตย​หนู 18 ค่มู ือท่องเทย่ี วอุทยานแหง่ ชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์

ปา่ ช​ ายหาด เปน็ ส​ งั คมพ​ ชื ท​ พ​ี่ บต​ ามบ​ รเิ วณ​ บริเวณ​สันทราย​สูง​ประมาณ 2 เมตร หาดท​ รายช​ ายทะเลท​ ว่ั ไปบ​ นเ​กาะ ความห​ ลากห​ ลาย จาก​ชายหาด พันธุ์​ไม้​ท่ี​ข้ึน​จะ​มี​ขนาด​สูง​ใหญ่​ ของพ​ นั ธไ​์ุ มข​้ น้ึ ก​ บั อ​ ทิ ธพิ ลข​ องน​ ำ้ ท​ ะเลแ​ ละป​ จั จยั ​ กว่า มี​ชั้น​เรือน​ยอด​ท่ี​สูง​ประมาณ 20-25 ทางด​ า้ นเ​กย่ี วก​ บั ด​ นิ พนั ธไ​ุ์ มบ​้ รเิ วณช​ ายหาดท​ ต​่ี ดิ ​ เมตร ซ่ึง​เป็น​ลักษณะ​เรือน​ยอด​ท่ี​ต่อ​เรียง​กัน​ กบั เ​ขตน​ ำ้ ข​ น้ึ -นำ้ ลง ประกอบด​ ว้ ย โพก​ รง่ิ กระทงิ ไป ประกอบ​ด้วย มะกล่ำ​ตาไก่ สะเดา​ปัก ตีน​เป็ด​ทะเล ไม้​พุ่ม​และ​พืช​คลุม​ดิน​ที่​พบ เช่น ตะเคียน​ทอง ชุม​แพรก ส่วน​ชั้น​เรือน​ยอด​ที่​ รัก​ทะเล สำมะงา เตยท​ ะเล และ​ผัก​บ้งุ ​ทะเล รอง​ลงม​ า ได้แก่ มูก​เขา นวล เขาก​ วาง​ และ​ ดำต​ ะโก สำหรบั พ​ ืน้ ป​ ่าจ​ ะ​ถกู ค​ รอบค​ รอง​โดย​ ไม้​พุ่ม​และ​ไม้​เล้ือย เช่น ตากวาง กระแจะ และช​ งโคด​ ำ พชื อ​ งิ อ​ าศยั ท​ พ​ี่ บม​ าก ไดแ้ ก่ ตาน​ เส้ยี นไ​ม้ เออื้ ง​ขน และก​ ระแต​ไต่ไม้ ในบ​ ริเวณ​ ทเ​ี่ ปน็ ​โขดห​ นิ ​ริม​ทะเล หรอื ​บริเวณ​หน้าห​ าด​ท​ี่ รับล​ ม​เตม็ ​ที่ จะม​ ​ีพืช​ท​ี่ขึน้ เ​ปน็ กล​ ุ่ม​แน่น ม​ีก่ิง​ กา้ นท​ เ​ี่ หนยี วแ​ ขง็ สามารถท​ นแ​ รงก​ ระทำจ​ าก​ ลมไ​ดด​้ ี ซง่ึ พ​ ชื พ​ วกน​ จ​ี้ ะเ​ปน็ แ​ นวก​ นั ล​ ม ชว่ ยใ​ห​้ สงั คมพ​ ชื ท​ อ​ี่ ยเ​ู่ ขา้ ไปด​ า้ นใ​นเ​จรญิ เ​ตบิ โตไ​ดเ​้ ปน็ ​ ปกติ สงั คม​พืชเ​หล่าน​ ป​้ี ระกอบ​ด้วย มะนาวผ​ ี ติว้ ​ขาว กำลงั ​ช้างส​ าร และ​เหมอื ด​จ​ด้ี ง 19คูม่ ือท่องเที่ยวอทุ ยานแหง่ ชาติหม่เู กาะสุรนิ ทร์

ออลโอรตสขใเดก า่อ่ากักยปหะภอวยลวา่ษเ​เ​ู่็ญนกท​งารปเ​วว้​ไณฉ​สพอ้ือ​เมล​ชี่​ย่น็ หปพปัตนดม​ะ้อ่​ไงแป​งหรมวา่าพา​สง​ังลรือะะน​์​ชก​​้พมข​ญทงเิะะกสก​ศบาลาาวจำห​้า​ปกัาษนดยแา่แ​ก​หำ​ทยรวลขา​เ​ลลส​ตไนข​จง่ัละย​​ชาอดะะิงยะ​นึ้ะ้าเนงั​หนบ​โงแ้​ลอบดึเ​ทเ​อ​ตก​หิดมรกป่​าพ​นู ย่ี​ก​ปพาเิน็่อพวน็วหน้ืข​บร​ู่ลปกบ​ร​แ​ทณรบ​ป​าญด​นอประบ​ะมะว​แรท​นิกดะ​บา้้อบร่เยบัทเ​แี่กช​ต​นิใ​ลบเิงปบาตบ​วรลาอาเ​​แเ​ยน็น​ลณวักรมย​ะพบลกใ​หอ​ืนเิ​อฝะ​ลเ​ห​ดืชวะพะนกาท​ยงก่ัำศ้ว​อเ​​้คเดไ​ันขรา​แู่​ทรอ​ี่รยส​วิง่อเ​าะาดู้​กพธอ่ั่วล้​อำกซยก​ส​์ุ​ไะไนนคนโหาไ​งมึ่ๆบัปุรกร​มต​ศญัแ​​หน​ญนิ้​ส​ท่อ​บงโว​ั้คัยินอท​เกทภกา้นี่​รขพบแกก​าเ​่ีงริเาพ้ึนไกๆว่ิมลงกแจยุ่พ์​เดชื​ห​ใณใอื้ะาพาลช​เแ้​บแนชช​กกนงน​ะา่​อูนวก​เท​​บน่ั้นลูจ​ำ้ลอืง​หด่า​่ทส​ี่เ​ท​​ลระต​ก็วอลวขกี่​ชิาเช​า่บอ่ะแาาอ่้ม็วรนางโว่เก​ยวมรมณะกลส​ยก​ยแไ​ิเา่ยทแ​งวท​ท่วฝนัก​​ลนรากตณจ​่ีนว่รั่อ​งกัอะ​้ี​ยจาำ​ไเ​ม​แใ​าห​เ​ยก​อ​แะตงกหกข​ศลา่้นญ​ใน​ลม่ไดับ็ญงับงย้ัวม​ะี​า้​​​​​่​้​​ ชะเงาเ​ตา่ 20 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอุทยานแหง่ ชาติหม่เู กาะสรุ นิ ทร์

สตั ว​ป์ ่า จาก​ลักษณะ​พ้ืนท่ี​ของ​หมู่​เกาะ​สุรินทร์​ที่​มี​ ขนาดไ​มใ่​หญ่​นัก ทง้ั ​ยัง​อย​โู่ ดดเ​ดี่ยว หา่ งไ​กลจ​ าก ชายฝ่ัง พ้ืนที่​เหล่า​นี้​จึง​มี​ความ​หลาก​หลาย​ของ​ สัตว์​เลี้ยง​ลูก​ด้วย​นม​ไม่​สูง​นัก ส่วน​ใหญ่​เป็น​สัตว์ ขนาดเ​ลก็ พบท​ งั้ หมด 28 ชนดิ โดยทส​่ี ตั วเ​์ ลย้ี งล​ กู ด้วย​นม​ขนาด​ใหญ่​สุด​ที่​พบ คือ หมูป่า ค้างคาว​ เป็นก​ลุ่ม​ท่ี​มี​จำนวน​ชนิด​มาก​ท่ีสุด คือ มี​ถึง 18 ชนิด เป็น​ค้างคาว​กิน​ผล​ไม้ 3 ชนิด ได้แก่ ค้างคาว​ขอบ​หู​ขาว​กลาง ค้างคาว​ขอบ​หู​ขาว​เล็ก ค้างคาว​แม่​ไก่​เกาะ ค้างคาว​กิน​แมลง 15 ชนิด เช่น ค้างคาว​ปีก​ถุง​เครา​ดำ ค้างคาว​หาง​โผล่ คา้ งคาวแ​ วมไพรแ​์ ปลงเ​ลก็ คา้ งคาวม​ งกฎุ เ​ทาแ​ ดง ค้างคาว​มงกุฎ​เล็ก ค้างคาว​หน้า​ยักษ์​หมอน​โค้ง ค้างคาว​หน้า​ยักษ์​สาม​หลืบ และ​ค้างคาว​ไผ่​หัว​ แบน​เล็ก รอง​ลง​มา ได้แก่ หนู​ฟาน​เหลือง หนู​ ท้อง​ขาว และ​หนู​เกาะ แต่​เน่ืองจาก​ห่าง​ไกล​ จาก​การ​รบกวน​ของ​มนุษย์​จึง​ทำให้​เป็น​สังคม​ ส่ิง​มี​ชีวิต​ท่ี​มี​ความ​บริสุทธิ์​อยู่​มาก สัตว์​ที่​เป็น​ เอกลักษณ์​ของ​สังคม​สัตว์​ใน​พ้ืนท่ี​แห่ง​นี้ คือ ค้างคาว​แม่ไ​กเ​่ กาะ และห​ นเู​กาะ ด้วย​พ้นื ทเี​่ ชน่ น​ ​้ี มค​ี วามเ​หมาะส​ มต​ อ่ ก​ ารเ​กดิ ว​ วิ ฒั นาการข​ องส​ ตั ว์ หรือ​อาจ​เป็น​ที่​เก็บ​หลัก​ฐาน​การก​ระ​จาย​พันธุ์​ ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ใน​อดีต โดย​พบ​ว่า​สัตว์​บาง​ชนิด​ มี​ลักษณะ​ก้ำกึ่ง​ใน​เรื่อง​ขนาด​และ​คลื่น​เสียง​ ระหวา่ งค​ า้ งคาวม​ งกฎุ เ​ลก็ และค​ า้ งคาวม​ งกฎุ จ​ มกู ​ แหลม​เหนือ ยัง​พบ​ค้างคาว​หน้า​ยักษ์​ขนาด​เล็ก (Hipposideros sp.) ซึ่งเ​ป็นค​ ้างคาวช​ นิด​ใหม​่ ของโ​ลก 21คมู่ ือทอ่ งเทย่ี วอทุ ยานแห่งชาติหมูเ่ กาะสุรินทร์

ใน​พื้นท่ี​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​หมู่​เกาะ​สุรินทร์​ พบน​ กท​ ง้ั หมด 105 ชนดิ นกท​ เ​่ี ปน็ ช​ นดิ เ​ดน่ แ​ ละม​ ​ี การก​ระ​จาย​ทุกพ​ น้ื ทีข่​ องเ​กาะ ได้แก่ นก​แซงแซว​ หางบ​ ว่ งใ​หญ่ นกกาเ​หว​ า่ นกล​ มุ พู นกล​ มุ พข​ู าว ใน​ หมู่​เกาะ​สุรินทร์​พบ​นก​น้ำ นก​ชาย​เลน​อย่าง​น้อย 30 ชนดิ นกป​ ระจำถ​ น่ิ 48 ชนดิ เชน่ นกย​ างท​ ะเล นก​ยาง​เขียว และ​นก​นางนวล นก​อพยพ​แต่​มิใช่​ ชนิด​ท่ี​อยู่​ใน​สถานภาพ​ถูก​คุกคาม​ของ​โลก เพื่อก​ าร​ผสมพ​ ันธุ์ 8 ชนิด เช่น นกอ​ ีกอ๋ ยเ​ลก็ นก​ (Globally threatened) ได้แก่ นก​ลุมพู​แดง กระเตน็ น​ อ้ ยธ​ รรมดา และน​ ก​กระเต็นห​ วั ด​ ำ นก​ ชนิด​ที่​อยู่​ใน​สถานภาพ​ใกล้​สูญ​พันธ์ุ​อย่าง​ย่ิง​ของ​ ท​ี่อพยพ​ผา่ นม​ าต​ ามฤ​ ดูกาล 1 ชนิด ไดแ้ ก่ นก​จับ​ ประเทศไทย ได้แก่ นก​กระแต​ผี​ชายหาด ชนิด​ แมลงต​ ะโพก​เหลือง ที่​อยู่​ใน​สถานภาพ​ใกล้​สูญ​พันธ์ุ (Endangered) ไดแ้ ก่ นกน​ างนวลแ​ กลบห​ งอน​ใหญ่ นก​ชาป​ ไ​ี หน นกจ​ บั แ​ มลงอ​ กส​ ส​ี ม้ ชนดิ ท​ อ​ี่ ยใ​ู่ นส​ ภาพม​ แ​ี นวโ​นม้ ​ ใกล​้สูญ​พันธ์ุ (Vulnerable) ไดแ้ ก่ นก​ลมุ พู นก​ ลุมพู​แดง ชนิด​ท่ี​อยู่​ใน​สถานภาพ​ใกล้​ถูก​คุกคาม ได้แก่ เหย่ียวแ​ ดง และนกเ​งอื กก​ รามชา้ ง 22 คมู่ ือท่องเท่ียวอุทยานแหง่ ชาติหมูเ่ กาะสุรินทร์

23คู่มอื ทอ่ งเทย่ี วอุทยานแหง่ ชาตหิ มเู่ กาะสุรินทร์

สัตว์​สะเทิน​น้ำ​สะเทิน​บก​และ​สัตว์​เลื้อย​ คลาน​ท่ี​พบเห็น​ใน​ปัจจุบัน​ถือว่า​เป็น​ตัวแทน​ของ​ สัตว์​ดึกดำบรรพ์ เนื่องจาก​เป็น​ลูก​หลาน​ใน​สาย​ วิวัฒนาการ​ของ​สัตว์​สะเทิน​น้ำ​สะเทิน​บก​และ​ สัตว์​เลื้อย​คลาน​ท่ี​เกิด​ข้ึน​บน​โลก​เมื่อ​ประมาณ 300 ล้าน​ปี​ก่อน สัตว์​สะเทิน​น้ำ​สะเทิน​บก​และ​ สัตว์​เลื้อย​คลาน​ใน​ปัจจุบัน​น้ี​หลาย​ชนิด​ยัง​คง​มี รปู ร​ า่ งค​ ลา้ ยคลงึ ก​ บั บ​ รรพบรุ ษุ ข​ องม​ นั เชน่ เขยี ด​ งู เตา่ และจ​ ระเข้ หมเ​ู่ กาะส​ รุ นิ ทรเ​์ ปน็ ห​ มเ​ู่ กาะอ​ ย​ู่ ใน​ทะเล​หา่ ง​จาก​แผ่นด​ นิ ​มาก คาด​วา่ ​สัตว์ส​ ะเทิน​ น้ำ​สะเทิน​บก​และ​สัตว์​เล้ือย​คลาน​ท่ี​อาศัย​อยู่​บน​ เกาะใ​นป​ จั จบุ นั น​ ้ี นา่ จ​ ะอ​ พยพม​ าจ​ ากแ​ ผน่ ด​ นิ เ​มอ่ื ​ ประมาณ 15,000 ปก​ี อ่ น ซง่ึ ช​ ว่ งเ​วลาน​ น้ั ร​ะดบั น​ ำ้ ​ ทะเล​ลดล​ ง​จนเ​ช่ือม​ตดิ ​เป็นแ​ ผน่ ​ดิน​เดยี วกัน เม่ือ​ น้ำ​ทะเล​เพ่ิม​ระดับ​น้ำ​ขึ้น​จนถึง​ท่ี​ระดับ​ปัจจุบัน สัตว์​ท่ี​อยู่​บน​เกาะ​จึง​ถูก​ตัดขาด​ออก​จาก​กลุ่ม​ ประชากรท​ อ​ี่ ยบ​ู่ นแ​ ผน่ ดนิ ความห​ ลากห​ ลายแ​ ละ​ ชนิด​ของ​สัตว์​สะเทิน​น้ำ​สะเทิน​บก​และ​สัตว์​เล้ือย​ คลาน​น้อย​เมื่อ​เปรียบ​เทียบ​กับ​ที่​พบ​บน​แผ่นดิน และน​ อ้ ยก​ วา่ เ​กาะอ​ น่ื ๆ ทอ​ี่ ยใ​ู่ กลแ​้ ผน่ ด​ นิ ก​ วา่ โดย​ สตั วท​์ พ​ี่ บจ​ ะเ​ปน็ ส​ ตั วเ​์ ลอ้ื ยค​ ลาน เชน่ ตกุ๊ แกป​ า่ ใ​ต้ พบ​การ​แพร​่กระจาย​บรเิ วณ​รัฐเ​บงกอล ประเทศ​ อินเดีย ภาค​ใต้​ของ​ประเทศไทย มาเลเซีย และ​ สงิ คโปร์ ตุก๊ แก​บา้ น เปน็ ส​ ัตว​์เลอ้ื ย​คลาน​ทมี่​ กี​ าร​ แพร่​กระจาย​กว้างต้ังแต่​ประเทศ​อินเดีย ผ่าน​ ประเทศ​บังกลาเทศ​มายัง​แถบ​เอเชีย​ตะวัน​ออก​ เฉยี ง​ใต้ อนิ โดนเี ซีย และ​หม่เู​กาะน​ ​ิวกน​ี ี ส่วน​มาก​ แลว้ ต​ กุ๊ แกบ​ า้ นจ​ ะพ​ บอ​ าศยั อ​ ยใ​ู่ นป​ า่ ดงดบิ ช​ น้ื โดย​ เฉพาะ​ตาม​ลำต้นข​ องต​ ้นไม้และ​หนา้ ผา 24 คมู่ ือทอ่ งเทีย่ วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มูเ่ กาะสรุ ินทร์

ซ่ึง​ใน​ปัจจุบัน​ตุ๊กแก​บ้าน​มี​การ​ปรับ​ตัว​ให้​มา​อาศัย​อยู่​ใกล้​กับ​ชุมชนหรือ​ ตาม​บ้าน​เรือน ตุ๊กแก​บ้าน​น้ัน​เป็น​สัตว์​ที่​หากิน​เฉพาะ​ใน​เวลา​กลาง​คืน​เท่านั้น ส่วน​กลาง​วัน​จะ​ซ่อน​ตัว​อยู่​ตาม​ซอก​บน​ต้นไม้ หรือ​ตาม​บ้าน​เรือน สัตว์​เล้ือย​ คลาน​อีก​ชนิด​ท่ี​พบ​บ่อย คือ งู​เหลือม จัด​อยู่​ใน​กลุ่ม​เดียว​กับ​งู​หลาม​และ งู​หลาม​ปาก​เป็ด งู​เหลือม​พบ​ได้​ท่ัวไป​ใน​บริเวณ​เอเชีย​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้ ได้แก่ ประเทศบ​ งั กลาเทศ พม่า ไทย เวยี ดนาม ลาว กัมพชู า มาเลเซยี สงิ คโปร์ และ​ อินโดนีเซีย บริเวณ​ท่ี​พบ​งู​เหลือม​มัก​เป็น​ป่า​ใกล้​กับ​ทุ่ง​ที่ราบ และ​มี​ลำธาร ส่วน​ อาหาร​ของ​งู​เหลือม ไดแ้ ก่ สตั ว​์เลย้ี ง​ลกู ​ดว้ ย​นม นก และสตั ว​์ฟนั ​แทะ เนอ่ื งจาก ​ง​เู หลอื ม​วา่ ย​นำ้ ​เกง่ ​มาก มนั ​สามารถ​วา่ ย​นำ้ ​ข​ า้ ม​ระหวา่ ง​เกาะ​ได้ ซง่ึ ​จะ​เหน็ ​ได​ว้ า่ ​ตาม​ หม​เู่ กาะ​ท​อ่ี ย​หู่ า่ งไ​กล​จากช​ ายฝง่ั ท​ ะเล​ยงั ​ม​งี เ​ู หลอื มอ​ าศยั ​อยู่ 25คมู่ อื ท่องเทยี่ วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสรุ นิ ทร์

26 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

มรดกแแนวหปง่ ะทกา้อรงงั ทะเล แแนตว่​ชป​ายะฝก่ังา​ทรังะ​ใเนลป​​ดร้าะนเ​อทันศดไทามยันม​ ​นี​อ้ันย​ู่มมากี​สมภาายพ​แเนวอื่ดงลจ้อามก​ทท​ี่​เั้งหส​มอางะด​​ส้ามน​ตข​่อน​กาาบรด​​เกว้ ิดย​​ ทะเล แ เกนาวะ​ป​สะท่วกนั้งาน​ใรหี้​เงั นญ​มื่อา่​มงกี​สจกาภวกา่า​ฝพ​ทั่ง​แะ​อวเันลดดด​ลา้า้อมนมันฝ​​ทง่ั ่ี​เอ​แหา่นมวว​ไา​ชทะาย​สยมฝ​แ่ังล​ทะะ​มเลี​ค​อวันาดมา​ซมับัน​ซ​ใ้อนน​ป​ตร่อะเ​กทาศรไ​เทกิดย​แ​แลนะว​​ ป ะการ•งั ม​ไดาก้​รับกว​อ่าิท​ทธะิพเลลด​​จา้ านก​ฝ​ลัง่ มอ​ า่​มวรไ​สทุมย​ตเะนว่ือันงจ​ตากก​เฉียง​ใต้ ซึ่ง​รุนแรง​กว่า​ลม​มรสุม​ ต ส ระะอวดงนั​คบั รอ​น​••งั้อ ำ้ ​ใไคกข​นดว​เนึ้ ​ร้ร​ฉาส​อับียมงูบ​อง​แสเ​ทิ ห2ดุตธ4นกแพิ ​ตอืลชล่าะั่วจ​งล​โ​ขมางกงอต​ ​นงำ่ร​รส​ำ้วะดุ​ขมดน้ึ​ถตับงึ-า่ นน​​นงก​้ำ้ำ้ำเ​ล​ในั กนงอ​ดิ ​ชยแแ​่วใ​ู่ บลนงะบ​นช​น​น​ว่้ำำ้ง​เำ้ ตกค​2าิด.ู่ ย8​แ(S-ล3ทeะ.สี่​0m​นลเ้ำiบัม-ตdตก​าiรนั uยท​ชrnว่กุคงaรือน​อ​l)ำ้บชตท่วา1​ี่สงย4​นลร​้ำับวะ​เนัก​ดกนับัิด​​​ น้ำ​ดงั ​กล่าว​จะต​ า่ งก​ ัน​ประมาณ 1 เมตร 27คูม่ ือท่องเท่ียวอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มเู่ กาะสุรินทร์

จาก​ปัจจัย​เหล่า​น้ี​ทำให้​บริเวณ​ชายฝั่ง​รวม​ แนว​ปะการงั ท​ ่​พี บท​ ่ห​ี มูเ​่ กาะ​สรุ นิ ทร์ เป็น​ ทงั้ เ​กาะแ​ กง่ ต​ า่ งๆ ของท​ ะเลอ​ นั ดามนั มท​ี รพั ยากร แนว​ปะการัง​ท่ี​พบ​อยู่​ท่ัวไป​ใน​น่าน​น้ำอันดามัน ธรรมชาติ​หลาก​หลาย เช่น หาด​ทราย หาด​หิน คือ แนว​ปะการัง​ที่แท้​จริง​ท่ี​มี​การ​สะสม​หินปูน​ ป่า​ชาย​เลน แหล่ง​หญ้า​ทะเล และ​แนว​ปะการัง อนั เ​กดิ จ​ ากโ​ครงสรา้ งข​ องป​ ะการงั ท​ บั ถมก​ นั เ​รอื่ ย​ โดย​ปะการัง​ก่อ​ตัว​อยู่​ตาม​ชายฝ่ัง​ตะวัน​ออก​ของ มา จนก​ อ่ ใ​หเ​้ กดิ เ​ปน็ แ​ นวห​ นิ ป​ ะการงั ทม​ี่ ล​ี กั ษณะ​ เ​กาะใ​นด​ า้ นท​ ก​ี่ ำบงั ค​ ลนื่ ล​ มม​ รสมุ ต​ ะวนั ต​ กเ​ฉยี งใ​ต้ สณั ฐาน​แบ่ง​ออกเ​ป็น ส่วน​ชายฝ่ัง​ตะวัน​ตก​เป็น​โขด​หินลาด​ชันมี​ แนว​ราบ (Reef flat) เป็น​ส่วน​ท่ี​อยู่​ใน​ ปะการัง​ขึ้น​อยู่​ประปราย ยกเว้น​ตาม​เว้ิง​อ่าว​ท่ี​ เขตน​ ำ้ ​ต้ืนช​ ายฝงั่ และม​ ัก​โผลพ่​ ้น​นำ้ เ​มือ่ ​น้ำลง น้ำ​ สามารถ​กำบัง​คล่ืน​ลม​ได้​จึง​จะ​มี​แนว​ปะการัง​ ทะเล​บริเวณ​นี้​จะ​ร้อน​ข้ึน​ใน​เวลา​กลาง​วัน และ​ หนา​แน่น ใน​ขณะ​ที่​ฝน​ตกหนัก​จะ​ทำให้​ความ​เค็ม​ลด​น้อย​ ปะการงั ส​ ว่ นใ​หญจ​่ ะเ​กดิ ต​ ามเ​กาะใ​นท​ ะเล​ ลง​ด้วย ดัง​น้ัน ส่ิง​มี​ชีวิต​ท่ี​อาศัย​อยู่​บริเวณ​นี้ จะ​ อันดามันบ​ รเิ วณ​ใกล​้เขต​ขอบ​ไหล่ทวีป ซึ่ง​การ​ฟุ้ง​ ต้อง​มี​ความ​สามารถ​ใน​การ​ปรับ​ตัว​ให้​ทนทาน​กับ​ กระจาย​ของ​ตะกอน​จาก​พ้ืน​ทะเล​มี​น้อย เม่ือ​มี​ สภาวะก​ ารโ​ผลพ​่ น้ น​ ำ้ และอ​ ณุ หภมู ส​ิ งู ไ​ดด​้ ี มกั พ​ บ คลนื่ ล​ ม นำ้ ใ​สส​ ะอาด แสงแดดส​ ามารถส​ อ่ งถ​ งึ พ​ นื้ ​ ปะ​การ​ ัง​ทม่​ี รี​ ปู ​ร่างเ​ปน็ ​ก่ิง​สน้ั ๆ พุ่ม หรือ​หัวข​ นาด​ ได้ เหมาะแ​ กก​่ ารเ​ตบิ โตข​ องแ​ นวป​ ะการงั โดยจ​ ะ​ เล็ก จะ​พบปะ​กา​รัง​ที่​มี​ชีวิต​ได้​มาก บริเวณ​ด้าน​ กอ่ ต​ ัว​ถงึ ​พื้นทร่​ี ะดับ​ความ​ลกึ 20-30 เมตร ส่วน​ นอกข​ องแ​ นวป​ ะการงั นอกจากน​ น้ั ย​ งั พ​ บส​ าหรา่ ย​ แนว​ปะการังข​ อง​เกาะ​ในเ​ขตน​ ้ำต​ ืน้ ซึง่ ​ม​นี ำ้ ​ทะเล​ และห​ ญา้ ท​ ะเลเ​จรญิ เ​ตบิ โตบ​ นท​ ราย และด​ นิ โ​คล​ น ขนุ่ จ​ ะม​ แ​ี นวป​ ะการงั ใ​นร​ะดบั ค​ วามล​ กึ 3-10 เมตร ​ใกลๆ้ ฝ่ัง /6'6& B+'6 '45 J74) B+.5 B+)65 B+146' 5 28 คู่มอื ทอ่ งเทยี่ วอทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะสุรนิ ทร์

แนวส​ ัน (Reef edge) บริเวณน​ ี้​เปน็ ​แนว​ บรเิ วณน​ จ​้ี ะไ​มโ​่ ผลพ​่ น้ น​ ำ้ และม​ ค​ี วามอ​ ดุ มส​ มบรู ณ​์ รับ​คล่ืน​ท่ี​มาก​ท่ีสุด เป็น​เขต​รอย​ต่อ​ระหว่าง​แนว​ มากกวา่ บ​ รเิ วณอ​ น่ื ม​ าก พบปะก​ าร​งั ไ​ดห​้ ลายร​ปู แ​ บบ ราบ​ส่วน​บน​และ​แนว​ลาด​ชัน ปะการัง​ท่ี​พบ​จะ​มี​ แ​ ละห​ ลายช​ นดิ สว่ นใ​หญเ​่ ปน็ ป​ ะการงั ท​ แ​่ี ผแ​่ บนเ​ปน็ ​ รูป​ร่าง​ส้ัน​และ​แข็ง​แรง เพื่อ​ให้​สามารถ​ทนทาน​ แผน่ ทง้ั น​เ้ี พอ่ื ใ​ห​ม้ ​พี น้ื ทร​่ี บั ​แสงไ​ดม​้ าก​ขน้ึ คล่ืน​ได้​และ​เป็น​บริเวณ​ท่ี​มี​ปะการัง​ชนิด​ต่างๆ แนวน​ อกป​ ะการงั (Fore reef)เปน็ บ​ รเิ วณ อยู่​เป็น​จำนวน​มาก ที่​เด่น​จะ​เป็น ปะการัง​โขด ​ที่​เป็น​พื้นที่​ลาด​ลง​สู่​ทะเล​ลึก อาจ​จะ​มี​ปะการัง​ ปะการัง​จาน และป​ ะการังก​ ่ิง และก​ ลั ปงั หา ขนึ้ ป​ ระปรายบ​ นพ​ นื้ ท​ ราย และอ​ าจ​ แนว​ลาด​ชัน (Reef slope) เป็น​ส่วน​ท่ี​ พบด​ อกไม​้ทะเลฝ​ งั ต​ วั ​อยู่​บนพ​ ืน้ ​ทราย ลาด​ลงพน้ื ​ทะเล ได​ร้ บั อ​ ิทธิพลข​ อง​คล่ืน​น้อย​มาก พ้นื ท่​ีแนว​ปะการัง​ใน​เขต​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​ บริเวณ​นี้​จะ​พบปะ​กา​รัง​ท่ี​มี​ความ​หลาก​หลาย​ หมเ​ู่ กาะสรุ นิ ทรพ​์ บไ​ดใ​้ นบ​ รเิ วณ เกาะส​ รุ นิ ทรเ​์ หนอื มาก​ทสี่ ุด เป็นแ​ นว​ท​่อี ยู่​ตอ่ เ​น่อื งจากแ​ นว​สัน เป็น​ เกาะส​ รุ นิ ทรใ​์ ต้ เกาะร​ี เกาะป​ าจ​ มุ บ​ า เกาะต​ อร​นิ ล​ า บรเิ วณท​ ไ​ี่ ดร​้ บั อ​ ทิ ธพิ ลจ​ ากค​ ลนื่ น​ อ้ ยก​ วา่ ปะการงั ​ และก​ องห​ นิ ​ร​เิ ช​ลวิ 29คมู่ ือท่องเทย่ี วอทุ ยานแหง่ ชาติหมเู่ กาะสุรินทร์

ปะการงั ปะการัง​ตัว​หน่ึงๆ เม่ือ​เติบโต​เต็ม​ที่​ จะ​ขยาย​พันธ์ุ​โดย​ให้​กำเนิด​ลูก​ปะ​กา​รัง​เล็กๆ เขม็ พิษ เน้อื เย่ือ ลอ่ งล​ อยไ​ปต​ ามก​ ระแสน​ ำ้ ซ​ งึ่ ส​ ามารถล​ อ่ งล​ อย​ หนวด ผนังชั้นนอก อระาบหบารย่อย ไปก​ บั ก​ ระแสน​ ำ้ ไ​ดใ​้ นร​ ะยะไ​กลแ​ สนไ​กลต​ ราบ​ ปาก ผนังก้นั เท่า​ท่ี​มัน​ยัง​ไม่​ตก​เป็น​เหยื่อ​ของ​สัตว์​ทะเล​อ่ืน​ ผนัง และ​ไป​เกาะ​จับ​บริเวณ​ท่ี​เป็น​ส่วน​แข็ง​ของ​ ท้อง​ทะเล เชน่ ก้อนห​ ิน ปะการังจ​ ะเ​ร่ิมส​ ร้าง​ แผน่ ฐานรอง โครงสร้าง​แข็ง​ท่ี​เป็น​หินปูน​ขึ้น​ห่อ​หุ้ม​ตัว​ไว้ และ​ขยาย​พันธ์ุ​ไป​เรื่อยๆ จน​เติบโต​เป็นก​ลุ่ม​ ก้อน​รูป​ทรง​ต่างๆ และ​เมื่อ​ชี​วิต​เล็กๆ ของ​ กระเพาะ ปะการัง​เกิด​ขึ้น​ใหม่​ก็​จะ​สร้าง​โครง​แข็ง​จาก​ ระบบทอ่ แกส๊ โครงร​ ่างเ​ดิมแ​ ตกเ​ปน็ ก​ ่งิ ก​ า้ นอ​ อกไ​ปอ​ ยตู​่ ลอด​ เวลา ทำให้​แนว​ปะก​ าร​ ัง​คอ่ ยๆ แผ​่ขยาย​ออก​ ไป​เป็น​อาณาจักร​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ภาย​ใต้​น่าน​น้ำ​ รเนโะฟ้ือหลเวยปิา่ ือ่ ง แห่ง​ท้อง​ทะเล ใน​ปี​หนึ่งๆ กลุ่ม​ปะการัง​จะ​ สามารถ​สร้าง​โครงสร้าง​หินปูน​ได้​เพียง 6-7 มิลลิเมตร​เท่านั้น ก่งิ ​กา้ น​สาขาข​ อง​ปะการัง​ท่ี​ เรา​เหน็ จะ​เตบิ โต​ได้ 10 เซนติเมตร​นนั้ กต็​ อ้ ง​ ใชเ้​วลา​สรา้ ง​นาน 10-15 ปี แนว​ปะการัง​มี​ความ​เร้น​ลับ​ซับ​ซ้อน​ทาง​ กายภาพ เนอ่ื งจ​ ากท​ กุ ๆ รแ​ู ละซ​ อกโ​พรงน​ นั้ จ​ ะเ​ปน็ ท​ อ​่ี ยอ​ู่ าศยั ข​ องส​ งิ่ ม​ ช​ี วี ติ อ​ น่ื ไดแ้ ก่ ปลา และส​ ตั วท​์ ​่ี ไม่มี​กระดูก​สัน​หลัง และ​เป็น​แหล่ง​เพาะ​พันธุ์ สัตว์​น้ำ​ทาง​ทะเล โดย​เฉพาะ​ปลา​นกแก้ว ปลา​ผีเสื้อ​ ซ่ึง​เป็น​แหล่ง​ท่ี​อยู่​อาศัย​และ​ค้ำจุน​ ชีวิต​ของ​สัตว์​น้ำ​มากกว่า 3,000 ชนิด ชุมชน​ ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ใน​แนว​ปะการัง มี​ก๊าซ​ไนโตรเจน​ เป็น​ธาตุ​อาหาร​ท่ี​สำคัญ​ส่วน​หนึ่ง​ผลิต​ข้ึน​โดย​ สาหร่าย​สีน้ำเงิน​แกม​เขียว ​อีก​ส่วน​หนึ่ง​จะ​ผลิต​ โดย​แบคทีเรีย​ท่ี​ปะปน​อยู่​ใน​ตะกอน​ดิน​ใน​แนว​ ปะการัง ใน​หญ้าท​ ะเล แ​ ละใ​น​ปา่ ช​ ายเ​ลน 30 คู่มอื ทอ่ งเที่ยวอุทยานแหง่ ชาติหมเู่ กาะสรุ นิ ทร์

ประเภท​ของแ​นวป​ ะการัง แบง่ ​ออกเ​ปน็ 3 ประเภท คอื 1. แนว​ปะการัง​บริเวณช​ ายฝ่งั เป็นแ​ นว​ปะการงั ​ น้ำ​ตื้นอ​ ยูใ่​กล้​ชายฝ่งั ไดแ้ ก่ • ปะการงั แ​ นวล​ าดช​ นั เปน็ แ​ นวป​ ะการงั ท​ อ​ี่ ย​ู่ ตดิ ท​ ะเล​ลึก เตบิ โตไ​ด้ด​ ี เพราะม​ ​ีสภาพ​แวดลอ้ ม​ท​่ี ชนิดป​ ะการงั เหมาะ​สม ทง้ั ร​ ะดับค​ วามล​ กึ ความ​เค็ม และ​ความ​ แบง่ ​ตามล​ กั ษณะ​ภายนอกไ​ดด้​ ังนี้ ใส​ของ​น้ำท​ ะเล 1. ปะการัง​เขา​กวาง มี​ลักษณะ​คล้าย​เขา​กวาง • แนว​ปะการัง​พ้ืน​ราบ เป็น​แนว​ปะการัง​ บริเวณ​ก่ิง​จะ​มี​ตุ่ม​อยู่​โดย​รอบ ตุ่ม​เหล่า​น้ี​คือ​ท่ี​อยู่​ ท่ี​อยู่​ติด​กับ​ชายฝั่ง มี​ปะการัง​เติบโต​อยู่​ไม่​ก่ี​ชนิด ของ​ตัว​ปะการัง เนอื่ งจากเ​ปน็ เ​ขตน​ ำ้ ต​ นื้ เ​มอ่ื น​ ำ้ ล​ ดล​ งป​ ะการงั ไ​ดร​้ บั ​ 2. ปะการงั ​แบบแ​ ผน่ แ​ บนร​ าบ ม​ลี กั ษณะค​ ล้าย​ แสงแดดม​ ากเ​กนิ ไ​ป และความไ​มค​่ งทข​ี่ องน​ ำ้ ท​ ะเล​ โต๊ะบ​ าง​ครงั้ ​อาจ​ซอ้ นก​ ันเ​ป็น​ชน้ั จึง​ไมเ่​หมาะส​ ม​ตอ่ ก​ าร​เจรญิ เ​ตบิ โตข​ องป​ ะการัง 3. ปะการัง​แบบ​หุ้ม​ห่อ มี​ลักษณะ​แผ่​ขยาย​หุ้ม​ 2. แนว​ปะการงั แ​ บบ​กำแพง ม​ีลกั ษณะ​เชน่ เ​ดยี ว ฐาน​พนื้ ทป​ี่ ะการังต​ ิด​อยู่ ​กับ​แนว​ปะการัง​บริเวณ​ชายฝ่ัง​ ต่าง​กัน​ท่ี​แนว​ 4. ปะการงั แ​ บบเ​ปน็ ก​ อ้ น มล​ี กั ษณะเ​ปน็ ก​ อ้ นต​ นั ​ ปะการัง​แบบ​กำแพง​จะ​อย่​ูห่าง​จาก​ชายฝ่งั ​ออก​มา​ คลา้ ยก​ ้อนห​ นิ มากกวา่ ​และ​ปกต​ิจะ​ม​ีรอ่ ง​นำ้ ​ท​่ลี กึ ​และ​กวา้ ง​คน่ั ​อย่​ู 5. ปะการัง​แบบ​กิ่ง​ก้อน มี​ลักษณะ​การ​รวม​กัน ระหวา่ ง​แนว​ปะการงั ​กบั ​บรเิ วณ​ชายฝง่ั ​ใน​บรเิ วณ​ท่​ี ​เป็นก​ระ​จุก​ค่อน​ข้าง​แน่น แต่​ไม่​ติด​เป็น​ก้อน​ เป็น​ร่อง​น้ำ​ลึก​น้นั ​ก็​เป็น​ท่​ีท่ี​มี​ปะการัง​เจริญ​เติบโต​ เดียวกนั อยด​ู่ ว้ ย แนวป​ ะการงั แ​ บบก​ ำแพงท​ ใ​่ี หญท​่ ส่ี ดุ ใ​นโ​ลก 6. ปะการงั แ​ บบเ​ปน็ แ​ ผน่ มล​ี กั ษณะซ​ อ้ นๆ กนั เ​ปน็ คอื ​ Great Barrier Reef อยู่​ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​ ก​ระจ​ ุก คลา้ ย​ใบไม​ห้ รอื ผ​ กั ประเทศ​ออสเตรเลยี ม​ีความยาว 1,370 ไมล์ 7. ปะการงั แ​ บบเ​หด็ มล​ี กั ษณะก​ ารแ​ ผอ​่ อกค​ ลา้ ย​ 3. แนว​ปะการัง​แบบ​เกาะ เป็น​แนว​ปะการัง​ที่​ ดอก​เหด็ อยู่​ใน​น่าน​น้ำ​ทะเล​ลึก​ไกล​จาก​ผิวน้ำ บาง​ครั้ง​มี​ 8. ปะการงั ส​ นี ำ้ เงนิ มส​ี นี ำ้ เงนิ อ​ ยใ​ู่ นเ​นอื้ ข​ องห​ นิ ปนู ลกั ษณะเ​ปน็ เ​กาะเ​ลก็ ๆ ทเ​ี่ กดิ จ​ ากโ​ครงสรา้ งห​ นิ ปนู ​ ของป​ ะการงั เกาะป​ ระเภท​นจี​้ ะ​มหี​ าดท​ รายท​ ​่ีสวย​ และ​ขาว​สะอาด​เพราะ​เป็น​ทราย​ที่​เกิด​จาก​การ​ สลาย​ตวั ข​ อง​โครงสร้างห​ ินปนู ข​ อง​ปะการงั 31ค่มู อื ทอ่ งเท่ียวอทุ ยานแห่งชาตหิ ม่เู กาะสุรนิ ทร์

สิง่ ม​ ี​ชีวิตท​ ่ีอ​ าศยั อ​ ยู่​ใน​แนว​ปะการัง สาหรา่ ยเ​ซลล​เ์ ดยี ว มี​ความส​ ำคัญต​ ่อช​ วี ิต​ ใน​แนว​ปะ​กา​รัง​อ่ืนๆ เพราะ​ทำ​หน้าที่​เป็น​ผู้​ผลิต​ ธาตุ​อาหาร​เบ้ือง​ต้น​ด้วย​การ​สังเคราะห์​แสง​จาก​ พลงั งานแ​ สง​อาทิตย์ สาหรา่ ยเ​ปน็ ​อาหาร​แกส​่ งิ่ ​ม​ี ชีว​ ​ิตอ่ืนๆ ไดแ้ ก่ ตัว​ปะการงั และแ​ พล​ ง​กต์ อน หญา้ ท​ ะเล เจรญิ เ​ตบิ โตไ​ดด​้ ใ​ี นแ​ นวป​ ะการงั ​ ท่ีราบ​เรียบและ​บริเวณ​ชายฝั่ง​ทะเล ​หญ้า​ทะเล​ เป็น​อาหาร​ของ​เต่า​ทะเล ​พะยูน ​และ​ปลา​บาง​ ชนิด นอกจาก​น้ี ราก​ของ​หญ้า​ทะเล​ยัง​ช่วย​ใน การ​ปอ้ งกนั ก​ าร​กดั ​เซาะ​หนา้ ​ดินอ​ ีกด​ ว้ ย ฟองน้ำ เป็น​สัตว์​น้ำ​หลาย​เซลล์​มี​ขนาด​ ตา่ งๆ กนั ทง้ั ล​ กั ษณะแ​ ละร​ปู ร​า่ งส​ สี นั บางช​ นดิ เ​ปน็ ​ รปู ​ถว้ ย ​เปน็ ก​ อ้ น เปน็ แ​ ผ​น่ บางๆ และบ​ างช​ นดิ ม​ ​ี ปะการงั ​ออ่ น ปะการัง​ชนิดน​ ไี้​ม​่สรา้ งโ​ครง​ สสี นั ส​ ดส​ วยง​ดงามม​ าก ฟองนำ้ ท​ ำห​ นา้ ท​ผ่ี ลติ ส​ าร​ หนิ ปนู ห​ อ่ ห​ มุ้ ต​ วั แ​ ตจ​่ ะส​ รา้ งโ​ครงห​ นิ ปนู ภ​ ายในต​ วั ​ ท​ม่ี ​คี ณุ คา่ ​ใหแ​้ กเ​่ พรยี ง หญา้ ท​ ะเล สตั ว​น์ ำ้ อ​ น่ื ​ และ​ ของม​ นั เ​องส​ ามารถส​ ะบดั ไ​หวไ​ปม​ าต​ ามกระแสน​ ำ้ ​ ฟองนำ้ ​บาง​ชนดิ ​ยงั ​เปน็ ​อาหาร​ของ​มนษุ ย​ด์ ว้ ย ได​จ้ งึ ​เรยี ก​วา่ ​ “ปะการงั ​ออ่ น​” ม​ลี กั ษณะ​เปน็ ​แทง่ ​ เรยี วเ​หมอื นเ​ขาส​ ัตว​์ ซงึ่ ส​ ามารถ​โกง่ ​งอ​ได้​ มีส​ สี นั ​ หลาก​หลาย​สวยงาม ​ทงั้ ท​ เ​ี่ ตบิ โตเ​ปน็ ตน้ เป็น​กอ และ​เป็น​แผ่น กัลปังหา เป็น​ปะการัง​ท่ี​มี​หลาย​สี​รูป​ทรง​ เรียว​ยาว​และ​มี​ก่ิง​ก้าน​สาขา​แผ่​คล้าย​ต้นไม้ กิ่ง​ กา้ น​หนงึ่ ข​ อง​กัลปังหาอ​ าจ​มคี​ วาม​ยาวต​ ้งั แต่ 2-3 นว้ิ ไป​จนถงึ ค​ วาม​ยาว​เป็นเ​มตร ดอกไม้​ทะเล เป็น​สัตว์​กลุ่ม​เดียว​กับ​ ปะการัง​มี​รูป​ร่าง​ทรง​กระบอก​ด้าน​ล่าง​เป็น​ฐาน​ ยึด​ติด​กับ​ก้อน​หิน มี​หนวด​มี​เข็ม​พิษ​สำหรับ​จับ​ ปลาเ​ลก็ ๆ กนิ เ​ปน็ อ​ าหาร มส​ี สี นั ข​ องด​ อกไมท้​ ะเล คอื ปลาก​ ารต์ นู ซ​ ง่ึ น​ อกจากจ​ ะม​ ส​ี ส​ี นั สวยงามแ​ ลว้ ยงั ม​ เ​ี มอื กก​ นั พ​ ษิ จ​ ากด​ อกไมท​้ ะเลห​ มุ้ ต​ วั อ​ ยู่ ทำให​้ ไมไ่​ดร​้ ับอ​ ันตราย 32 ค่มู ือท่องเทยี่ วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

ก้งุ ​และ​ปู เชน่ ปปู​ ะการงั ม​ีกระดองก​ ว้าง​ ถงึ 6 นว้ิ กระดอง​มส​ี ี​แดง​สลับเ​หลือง​อ่อน​และส​ ี​ ขาว ​เปน็ ​ป​ทู ม่ี​ กี​ ้าม​แขง็ ​แรงม​ าก และใ​ชเ้​ป็นอ​ าวุธ​ สำหรับ​จับ​เหย่ือ กุ้ง​พยาบาล ลำ​ตัว​มี​สี​แดง​สลับ​ ขาว กนิ ต​ วั พ​ ยาธท​ิ เ​ี่ กาะอ​ ยต​ู่ ามผ​ วิ หนงั ข​ องป​ ลาท​ ​่ี อาศยั อ​ ยใ​ู่ นแ​ นวป​ ะการงั เ​ปน็ อ​ าหาร จงึ เ​รยี กว​ า่ ก​ งุ้ ​ พยาบาล กุง้ ​มงั กร เปน็ ก​ งุ้ ​ขนาดใ​หญ่ มีค​ วาม​ยาว​ ถงึ 2 ฟตุ ​ และม​ นี​ ำ้ ห​ นักเมอ่ื ​โตเ​ต็ม​ทเี​่ กือบถ​ ึง 12 กโิ ลกรมั ตวั ม​ ส​ี นี ำ้ เงนิ ห​ วั ใ​หญม​่ ห​ี นามแ​ ละม​ ห​ี นวด​ หนอนท​ ะเล มห​ี ลายช​ นดิ บางช​ นดิ ม​ ข​ี นาด​ อยู่ 2 เสน้ หนวด​มี​ความ​ยาวม​ าก กิน​หนอน​ทะเล เล็ก​อาศัย​อยู่​ใน​รอย​แตก​หรือ​ซอก​หิน​ของ​แนว​ ทากท​ ะเล แ​ ละป​ เ​ู ปน็ อ​ าหาร ปจั จบุ นั ก​ งุ้ ม​ งั กรเ​ปน็ ​ ปะการัง​มี​รูป​ร่าง​สีสัน​สวยงาม หนอน​ทะเล​เป็น​ ท่ี​นิยม​บริโภค​จึง​ถูก​จับ​ข้ึน​มา​จาก​ท้อง​ทะเล​ด้วย​ ส่วน​หน่ึง​ที่​ทำให้​เกิด​การ​แตก​สลาย​ของ​ปะการัง​ น้ำ​หนกั ​เพยี ง 1-2 กิโลกรมั ​ ทำใหก​้ งุ้ ม​ ังกร​คอ่ ยๆ โดยก​ ารข​ ดุ โ​พรงเ​ปน็ ท​ อ​ี่ ยอ​ู่ าศยั ​ เศษห​ นิ ท​ ข​ี่ ดุ อ​ อก​ สูญ​พันธไ​์ุ ป​จากท​ ะเลอ​ ยา่ งร​ วดเรว็ มา​กจ็​ ะ​กลายเ​ป็นเ​ศษ​หิน​หรอื ท​ ราย สัตว์​อ่นื ๆ ทอ​่ี าศยั ใ​น​แนว​ปะการงั เช่น หอย ไดแ้ ก่ หอยเ​บย้ี หอยส​ งั ข์ หอยน​ างรม หอยม​ อื เ​สอื หอยเ​ตา้ ​ปนู และ​หอยส​ งั ขแ​์ ตร โดย​ หอย​สังข์​แตร​เป็น​หอย​ที่​กิน​ปลาดาว​มงกุฎ​หนาม​ ซ่ึง​เป็น​ศัตรู​ของ​ปะการัง ​จึง​มี​ความ​สำคัญ​ต่อ​ ปะการัง​สูง​มาก หมกึ ท​ ะเล เปน็ ห​ อยช​ นดิ ท​ ไ​่ี มม่ เ​ี ปลอื ก ลำต​ วั ​อ่อน​นุ่ม ​มี​หนวด​สำหรับ​จับ​เหย่ือ​จำพวก กุ้ง ปู ปลา เป็น​อาหาร ​หมึก​ทะเล​จะ​พ่น​หมึก​สี​ดำ​จาก​ ตวั ​ใน​เวลาท​ ่​ีจะ​หน​ศี ัตรู หมกึ ​ทะเลม​ ี 2 ประเ​ภท​ ใหญๆ่ คอื หมึกย​ กั ษ​์ และ​หมึกธ​ รรมดา ซึ่ง​ได้แก่ หมกึ ก​ ลว้ ย หมึกก​ ระดอง 33คู่มือท่องเทีย่ วอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์

ปลา​ ปลา​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​แนว​ปะการัง​มี​ท้ัง​ ปลาท​ เ​่ี ปน็ อ​ าหารแ​ ละป​ ลาป​ ระเภทส​ วยงาม ไดแ้ ก​่ ปลาส​ งิ โต ปลาน​ กแกว้ ปลาก​ ารต์ นู และป​ ลาผ​ เี สอื้ โดย​เฉพาะ​ปลา​กะ​รังหรือ​ปลา​เก๋า ​ปลา​ชนิด​นี้​ เมอื่ โ​ต​เต็มท​ จี​่ ะม​ ล​ี ำต​ ัว​ใหญ่​มาก มคี​ วามย​ าวถ​ ึง 2 เมตร ปลา​นก​แก้ว​นอกจาก​จะ​เป็น​ปลา​สวยงาม​ แล้ว​ยัง​มี​ปาก​และ​ขา​กรรไกร​ท่ี​แข็ง​แรง​คล้าย นกแกว้ มฟ​ี นั ห​ ลายแ​ ถว กนิ ส​ าหรา่ ยแ​ ละป​ ะการงั ​ เป็น​อาหาร ปลา​นก​แก้ว​จะ​กัด​ทั้ง​ก้อน​ปะการัง​ และ​จะ​ย่อย​เฉพาะ​ตัว​ปะการัง ส่วน​โครงสร้าง​ แข็ง​น้ัน​จะ​ขับ​ถ่าย​คาย​ออก​มา​เป็น​เศษ​ละเอียด​ กลายเ​ป็น​เม็ด​ทรายล​ ะเอยี ด​ตอ่ ​ไป สัตว์​ที่​มี​ผิวหนัง​เป็น​ปุ่ม ที่​อาศัย​ทั่วไป​ใน​ แนว​ปะการัง ได้แก่ หอย​เม่น มี​หลาย​ชนิด​โดย​ ทั่วไป​มี​รูป​ร่าง​กลมมี​หนาม​ที่​ผิว​ หอย​เม่น​ที่​พบ​ ส่วนใ​หญ​่จะม​ ​สี ี​ดำ หนาม​เปราะห​ กั ต​ ำ​ไดง้​า่ ย แต​่ รศั มี 5 แฉก บางช​ นดิ อ​ าจม​ ม​ี ากกวา่ น​ นั้ ดาวท​ ะเล ทอ​่ี าศยั อ​ ยใ​ู่ นแ​ นวป​ ะการงั น​ นั้ มท​ี ง้ั ช​ นดิ ห​ นามส​ นั้ ส่วน​ใหญ​่กิน​หอย​เปน็ อ​ าหาร แต่​มด​ี าว​ทะเลช​ นดิ ​ หนามย​ าว หนามแ​ หลม หนามท​ ู่ และ​หอยเ​มน่ ​ที่​ กิน​ปะการัง​เป็น​อาหาร ได้แก่ ดาว​มงกุฎ​หนาม นยิ ม​เก็บม​ า​ทำข​ อง​ท​รี่ ะลึก ไดแ้ ก่ หอยเ​ม่นห​ นาม​ หรือ​ที่​เรียก​ว่า ปลาดาว​หนาม (Crown of สั้น และห​ อยเ​มน่ ​ดินสอ Thorns Starfish) เปน็ ส​ ตั วท​์ ไ​่ี มม่ ก​ี ระดกู ส​ นั ห​ ลงั ดาวท​ ะเล มห​ี ลายช​ นดิ หลายส​ ​ี รปู ร​า่ งแ​ บง่ ​ รูป​ร่าง​มี​ลักษณะ​เป็น​แฉก​คล้าย​ดาว​และ​มี​หนาม​ ออกไ​ด​้เปน็ 2 ส่วนค​ ือ สว่ นล​ ำ​ตัว และ​สว่ น​แขน​ อยู่​บน​ผิวหนัง​รอบ​ตัว บริเวณ​ใต้​แขน​ที่​เป็น​แฉก​ ท​ี่แยกอ​ อกไ​ปเ​ปน็ แ​ ฉก​คลา้ ย​รศั มด​ี าว ส่วน​ใหญ​่ม​ี แต่ละ​แขน​จะ​มี​ขา​เป็น​หลอด​ส้ัน​เรียง​กัน​เป็น​แถว สำหรับ​ใช้​จับ​อาหาร​และ​เคล่ือนที่​การ​เคล่ือนที่​นี้​ เป็น​ไป​อย่าง​เช่ือง​ช้า แต่​สามารถ​เคลื่อนท่ี​ได้​ทุก​ แนว​ระดับต​ ามพ​ นื้ ท​ ้อง​ทะเล ดาวม​ งกฎุ ​หนามจ​ ะ​ กนิ เ​นอื้ เยอ่ื ข​ องป​ ะการงั เ​ปน็ อ​ าหาร ปะการงั ท​ ถ​่ี กู ​ ดาวม​ งกฎุ ห​ นาม​กินม​ ากท​ ่ีสดุ ไดแ้ ก่ ปะการังเ​ขา​ กวาง ปะการังดอก​เห็ด​ และป​ ะการังท​ ​่ไี ม่​ถกู ด​ าว​ มงกฎุ ห​ นาม​กินเ​ลย กค​็ อื ​ ปะการงั ส​ นี ้ำเงิน 34 ค่มู อื ท่องเท่ียวอทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะสุรินทร์

5. ส่ิง​มี​ชีวิต​บาง​ชนิด​ใน​แนว​ปะการัง เช่น ทากทะเล (Sea slug) และ กลั ปงั หา (Sea fan) ประโยชนข​์ องแ​นวป​ ะการงั ผลติ ​สาร​พษิ ​เพอ่ื ​ปอ้ งกนั ตวั ​เอง​นน้ั สามารถ​นำ​มา 1. แนวป​ ะการงั บ​ รเิ วณช​ ายฝงั่ แ​ ละแ​ นวป​ ะการงั ​ ส​กดั ใ​ชท​้ ำ​ยา เชน่ ยา​ตอ่ ​ตา้ นโ​รคม​ ะเรง็ ยา​ตอ่ ​ตา้ น​ แบบก​ ำแพง ชว่ ยป​ อ้ งกนั ช​ ายฝง่ั จ​ ากก​ ารก​ ดั เ​ซาะ​ จลุ ชพี แ​ ละน​ ำ้ ยา​ปอ้ งกนั ก​ ารต​ กผลกึ แ​ ละแ​ ขง็ ต​ วั ของ​คลืน่ ​และก​ ระแสน​ ำ้ ​โดยตรง บริเวณ​ชายฝั่ง​ท​ี่ 6. แนว​ปะการัง​เป็น​เสมือน​ห้อง​ทดลอง​ทาง​ แนวป​ ะการงั ถ​ กู ท​ ำลายจ​ ะถ​ กู ก​ ดั เ​ซาะอ​ ยา่ งร​นุ แรง​ นิเวศวิทยา ใน​ช่วง​เวลา 15 ปี​ที่​ผ่าน​มา​ ได้​มี จากค​ ลืน่ ​ลมทะเลใ​น​ฤด​มู รสุม ก​ ารศ​ กึ ษาว​ จิ ยั เ​กย่ี วก​ บั ร​ะบบน​ เิ วศใ​นแ​ นวป​ ะการงั ​ 2. แนว​ปะการัง​เป็น​แหล่ง​กำเนิด​ทราย​ให้​กับ​ เพิ่ม​ข้ึน​อย่าง​มาก​และ​มี​แนว​โน้ม​เพ่ิม​ข้ึน​เร่ือยๆ ชายหาด ทั้ง​จาก​การ​สึก​กร่อน​ของ​โครงสร้าง​ ใน​อนาคต หินปูน การ​กัดกร่อน​โดย​สัตว์​ทะเล​บาง​ชนิด​ 7. แนวป​ ะการังจ​ ัด​เปน็ ​แหลง่ ท​ อ่ งเ​ทย่ี วใ​ต้​ทะเล​ และ​จาก​กระแส​คลื่น ซ่ึง​ทำให้​หินปูน​ปะการัง​ ท่ี​มี​ความ​สวยงาม ความ​หลาก​หลาย​ของ​ส่ิง​มี​ แตก​ละเอียด​เป็น​เม็ด​ทราย​ท่ี​ขาว​สะอาด มี​การ​ ชีวิต​และ​น้ำ​ทะเล​ที่​ใส​สะอาด ปะการัง​จึง​เป็น​ ประมาณ​ว่า​ แร่​ธาตุ​แคลเซียม​คาร์บอเนต​ท่ี​ ทรัพยากร​ท่ี​มี​คุณค่า​ต่อ​อุตสาหกรรม​ท่อง​เท่ียว​ ทับถม​ในม​ หาสมทุ รน​ ัน้ รอ้ ยล​ ะ 50 เกดิ จ​ าก​แนว​ การด​ ำ​น้ำ​และก​ ารถ​ า่ ยภ​ าพใ​ต้น​ ้ำ ปะการัง 3. แนวป​ ะการงั เ​ปน็ แ​ หลง่ อ​ าหารข​ องม​ นษุ ยแ​์ ละ​ ยัง​เป็น​ที่​อ​ยู​่อาศัย​ของ​สัตว์​และ​พืช​นานา​ชนิด ท่ี​อาศัย​อยู​่เฉพาะ​ใน​แนว​ปะการงั เชน่ เต่า​ทะเล​ และส​ ตั ว์​ไม่มี​กระดูก​สัน​หลัง ไดแ้ ก่ หมึก หอย กุง้ แมงกะพรุน และป​ ลงิ ​ทะเล 4. แนว​ปะการงั ​เป็นแ​ หล่ง​ทีม่ าข​ อง​วสั ดท​ุ ่ี​ใช​้ใน​ การก​ อ่ สรา้ ง เชน่ ปนู ​ขาว กระเบอ้ื ง และ​ทราย 35ค่มู อื ทอ่ งเทยี่ วอทุ ยานแหง่ ชาติหมเู่ กาะสรุ ินทร์

36 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

ลักษณะแนวปะการงั ของหมเู่ กาะส​ ุรินทร์ เกาะ​สุรินทร์​แบ่ง​ออก​เป็น 2 เกาะ​ใหญ่​ที่​เรียงตัวใน​ แนว​เหนือ-ใต้ ซ่ึง​ใน​ท่ี​น้ี​เรียก​ว่า ​เกาะ​สุรินทร์​เหนือ​และ​ เกาะ​สุรินทร์​ใต้ ท้ัง 2 เกาะ มี​แนว​ปะการัง​ขนาด​ใหญ่​ท่ี​ ก่อ​ตัว​ต่อ​เนื่อง​กัน มี​เพียง​ด้าน​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ของ​เกาะ​ สุรินทร์​ใต้​เท่านั้น​ท่ี​เป็น​แนว​โขด​หิน​ที่​มี​ปะการัง​ข้ึน​อยู่​น้อย​ มาก พนื้ ทีแ​่ นว​ปะการงั ​รวม​ท้งั หมดป​ ระมาณ 7.17 ตาราง​ กิโลเมตร ตั้งแต่​ชายฝั่ง​ด้าน​ทิศ​ใต้ (อ่าว​ผัก​กาด) ตลอด​ไป​ ทาง​ฝั่ง​ตะวัน​ออก​ของ​เกาะ​สุรินทร์​ใต้ ปะการัง​ท่ี​พบ​มาก ไดแ้ ก่ ปะการงั เ​ขาก​ วาง ปะการงั ด​ อก​กะหลำ่ และป​ ะการงั ​ โขด สว่ นท​ างด​ า้ นต​ ะวนั อ​ อกแ​ นวป​ ะการงั บ​ รเิ วณโ​ซนล​ าดช​ นั ​มี​ความ​ลาด​ชัน​มาก สิ้น​สุด​ที่​ระดับ​ลึก​ประมาณ 18 เมตร ปะการัง​ท่ี​พบ​มาก ได้แก่ ปะการัง​โขด ปะการัง​นิ้ว​มือ​ผิว​ ขรขุ ระ ปะการงั ​ผิว​ยยู่ ี่ และ​ปะการัง​เขาก​ วาง ถัดข​ ้ึน​ไป​เป็น​ สว่ นข​ องอ​ า่ วใ​หญบ​่ รเิ วณห​ นา้ ช​ อ่ งแคบร​ะหวา่ งเ​กาะเ​หนอื -ใต้ (อ่าว​ท่ีทำการ​หน่วย​พิทักษ์​อุทยาน​แห่ง​ชาติ) เป็น​พ้ืนท่ี​ ท่ี​มี​แอ่ง​ลึก​เป็น​แห่งๆ เส้น​แนว​ขอบ​ปะการัง​จึง​ไม่​เด่น​ชัด 37ค่มู อื ทอ่ งเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

ชนิด​ปะการงั ​ท​่พี บ​มาก​คอื ปะการงั ​โขด ปะการงั ​ มี​ส่วน​ของ​โซน​ลาด​ชัน​ท่​ีลาด​ชัน​มาก​และ​ลึก​ถึงท่ี​ เขาก​ วาง ปะการงั ไ​ฟแ​ บบก​ ง่ิ และป​ ะการงั ไ​ฟแ​ บบ​ ระดับ​ประมาณ 30 เมตร ชนิด​ปะการัง​ท่ี​พบ​ แผน่ บาง​จดุ ​เป็นเ​นนิ ต​ ้นื (ระดบั ​ลึก 2-3 เมตร) ที​่ มากใ​นอ​ า่ ว ไดแ้ ก่ ปะการงั ​โขด ปะการงั น​ ว้ิ ม​ อื ​ผวิ ​ มี​พ้ืน​ทราย​มาก​ถึง 30-40% แต่​ใน​ส่วน​ที่​เลียบ​ ขรุขระ ปะการัง​เขา​กวาง และ​ปะการัง​เขา​กวาง​ ชายฝ่ัง​ของ​เกาะ​สุรินทร์​เหนือ​พบปะ​กา​รัง​ก่อ​ตัว​ แบบ​แปรง​ล้าง​ขวด ท่ี​บริเวณ​พ้ืนท่ี​ลึก​ข้าง​ล่าง​ เป็น​แนว​หนา​แน่น​และ​ลาด​ชัน​มาก ลึก​ถึง​ระดับ พบปะ​กา​รงั ​จาน ปะการงั ​ผวิ ​ยยู่ ่ี ปะการงั ​ชอ่ ง​เลก็ ​ 30 เมตร เมอ่ื เ​กิดป​ รากฏการณป​์ ะการัง​ฟอก​ขาว แบบ​แผ่น ถัด​ข้ึน​ไป​ทาง​เหนือ​ของ​อ่าว​แม่ยาย (Coral bleaching) ใน​ปี พ.ศ. 2538 ปะการงั ​ มี​อ่าว​ใหญ่​บน​ชายฝ่ัง​ตะวัน​ออก (อ่าว​ไทร​เอน) เขาก​ วางใ​นบ​ รเิ วณท​ ต​่ี น้ื จ​ นถงึ ร​ะดบั ท​ ล​่ี กึ ป​ ระมาณ อา่ วช​ ายฝง่ั ท​ ศิ ต​ ะวนั อ​ อกเ​ฉยี งเ​หนอื (อา่ วจ​ าก) อา่ ว​ 8 เมตร ตาย​ไป​เป็น​ปริมาณ​มาก ซาก​ปะการัง​ ทศิ เ​หนอื (อา่ วท​ รายแ​ ดง) และอ​ า่ วท​ ศิ ต​ ะวนั ต​ ก (อา่ ว​ ตาย​ส่วน​ใหญ่​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​สาหร่าย​เห็ด​หูหนู ไมง​้ าม) ในอ​ า่ วเ​หลา่ น​ ม​้ี แ​ี นวป​ ะการงั ก​ อ่ ต​ วั โ​ดยต​ ลอด และส​ าหรา่ ยส​ ี​แดง ถัด​ข้นึ ไ​ปใ​น​อา่ วแ​ ม่ยาย แนว​ บาง​ส่วน​ของ​ชายฝ่ัง​ทิศ​เหนือ​และ​ทิศ​ตะวัน​ตก ปะการงั ท​ เ​่ี ลยี บป​ กี อ​ า่ วท​ งั้ ท​ างท​ ศิ เ​หนอื แ​ ละท​ ศิ ใ​ต​้ เ​ปน็ แ​ นว​โขดห​ นิ ท​ ม​่ี ป​ี ะการงั ข​ น้ึ ไ​ดพ​้ อส​ มควร 38 คู่มือท่องเทย่ี วอุทยานแห่งชาติหมเู่ กาะสรุ นิ ทร์

เ​อสโขกสสขใ่าีนาบันรุ ิ้นดวก​้ำินด​​อ​​สสวเปทา้่างุดุ​เาะนทวินร​งอก​หอ​ใ​์พ่าตแาน่ืนแวร้ล(​ลใ้ามงัชอะห​ชะน​ี​ปน่า​ปญ่อ​ปวิ้ วะดิ ะงม​่​ดะส​กป​กแอื้าก​ุเาะาคทนผ​รารกบพวิัรง​ตงั าข​​เ​ัดง)โ​ะรขต​ดร้ามวงั าขุะ๊นอท​ันีน​​กรก​ตพ​ี่​ตำ้เวะป​ค​ะกกบาป็นวอ่ะง​เม​ฉัน​ะทช​หนาียก​ตนรข​กลงางกิด้า่ำ​เไร​พงห​ตท​ดงั ​ขใุ่ม่อนแ้ไี่​เ​นนุ่พฟ​เกือน​สเ​ป่ิม่​ขมปป่ือ่ว​ขะออื่ ะะนง้ึนกงเ​ก​ไก​ขท​เา​มปากาอรยีาร​จราังงบงั งันะ​​​​​​ 39คู่มอื ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมเู่ กาะสรุ ินทร์

40 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

เกาะ​รี (เกาะ​ส​ตอรค์ ) ชายฝง่ั ​ทศิ ​ใต้ ทศิ ​ตะวนั ​ออก และ​ทศิ ​เหนอื มแ​ี นวป​ ะการงั ก​ อ่ ต​ วั ไ​ดห​้ นาแ​ นน่ พน้ื ทแ​่ี นวป​ ะการงั ​ รวม​ท้ังหมด​ประมาณ 0.08 ตาราง​กิโลเมตร ปะการัง​ส่วน​ใหญ่​ที่​พบ ได้แก่ ปะการัง​โขดและ​ ปะการัง​เขา​กวาง โดย​กระจาย​ส้ิน​สุด​ท่ี​ความ​ลึก ป​ ระมาณ10เมตรชายฝง่ั ต​ ะวนั ต​ กเ​ปน็ แ​ นวโ​ขดห​ นิ ​ ที่​มี​ปะการัง​ข้ึน​ประปราย พบปะ​กา​รัง​อ่อน ด​ อกเ​ห็ดขึ้น​อยทู​่ ว่ั ไป บาง​ส่วนใ​กล้จ​ ุด​ทาง​ตอนใ​ต​้ พเกบาปะะปก​าาจ​รังุมสบ​ีน้ำาเงนิ ​มาก กองห​ นิ ​รเิ​ชล​ ิว แนวป​ ะการงั ก​ อ่ ต​ วั ไ​ดห​้ นาแ​ นน่ ท​ างช​ ายฝงั่ ​ เป็นก​อง​หิน​ใต้​น้ำ อยู่​กลาง​ทะเล​ที่​เส้น​ ทิศ​เหนือ​และ​ทิศ​ตะวัน​ออก พื้นที่​แนว​ปะการัง​ รุง้ 9° 21’48’’ เส้นแ​ วง 98° 1’24’’ ลกั ษณะ​ รวม​ทั้งหมด​ประมาณ 0.11 ตาราง​กิโลเมตร มี​ เด่น​ของกอง​หิน​น้ี​คือ เป็น​แหล่ง​ท่ี​มี​ปะการัง​ ดง​ปะการัง​เขา​กวาง​ข้ึน​อยู่​อย่าง​หนา​แน่น​ตั้งแต่​ ออ่ น กลั ปังหา และ​สัตวไ​์ ม่ม​ีกระดูกส​ ันห​ ลงั อ​ ื่นๆ ระดบั ต​ ืน้ ​จนส​ ิ้นส​ ุด​ท่ี​ความล​ ึก​ประมาณ 15 เมตร หลาก​หลาย​ชนิด และม​ ี​ฉลามว​ าฬ​เข้าม​ าว​ น​เวยี น​ ชายฝง่ั ​ดา้ น​ทศิ ​ใต​แ้ ละ​ทศิ ​ตะวนั ​ตก​เปน็ ​แนว​โขด​หนิ หากนิ อ​ ย่เู​สมอ ส่วน​ใหญ่​เป็น​ปะการัง​ไฟ ปะการัง​โต๊ะ และ​พบ ปเกะา​กะา​ตร​งั อ​อร​อ่ นินด​​ลอาก​เหด็ ข​ น้ึ ​อยท​ู่ วั่ ไป หมู่​เกาะ​สุรินทร์​เป็น​เกาะ​ท่ี​มี​แนว​กำบัง​ คลนื่ ล​ ม นำ้ ใ​ส อณุ หภมู พ​ิ อเ​หมาะ มก​ี ารผ​ สมผ​ สาน แนว​ปะการัง​ก่อ​ตัว​ได้​อย่าง​หนา​แน่น​ทาง​ ​ของ​น้ำ​ที่​ได้​รับ​สาร​อาหาร​จาก​มวล​น้ำ​เบ้ือง​ล่าง ชายฝั่ง​ด้าน​ตะวัน​ออก​จนถึง​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้ และ​มี​ความ​อุดม​สมบูรณ์​ของ​แพ​ลงก์​ตอน จึง​ พื้นที่​แนว​ปะการัง​รวม​ทั้งหมด​ประมาณ 0.17 สามารถ​พบ​ส่ิง​มี​ชีวิต​ใน​ทะเล​ได้​หลาก​หลาย​ชนิด ตาราง​กิโลเมตร อ่าว​ด้าน​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้​มี​ ดังน้ี ฟองน้ำ 9 ชนดิ สตั ว​ท์ ะเลก​ ลุม่ ​มอลลัส 108 ปะการัง​น้อย​เนื่องจาก​เป็น​จุด​ที่​มี​ปะการัง​อ่อน​ ชนดิ แบ่ง​เป็นห​ อย 20 ชนดิ หมึก 3 ชนิด และ​ ปะการังดอก​เห็ด​ปกคลุม​พื้นที่​มาก​ถึง 30% ทาก 85 ชนิด สัตว์​ทะ​เลก​ลุ่ม​ค​รัส​เต​เชีย​น 159 ทำให้​มี​ส่วน​ของ​ปะการัง​แข็ง​น้อย​ลง ชนิด​ ชนิด แบง่ เ​ป็นก​ ุง้ 49 ชนิด ก้งั 9 ชนิด และป​ ู 100 ปะการังท​ ี่พ​ บเ​ป็นส​ ่วนใ​หญ่ค​ ือ ปะการังเ​ขาก​ วาง ชนดิ เชน่ กงุ้ ม​ ดแดง กงุ้ ม​ งั กรย​ กั ษ์ กงั้ ต​ กั๊ แตนเ​จด็ ส​ ี และป​ ะการังโ​ขด โดยที่ป​ ะการังเ​ขาก​ วางป​ กคลุม​ ป​ูมงั กร ป​ฤู าษี กลุ่มเ​อคไ​ค​โนเ​ดริ ม์ 32 ชนิด และ​ พื้นทีห่​ นาแ​ นน่ แ​ ละส​ มบูรณม์​ าก ชายฝัง่ ต​ ะวนั ต​ ก​ ปลา 626 ชนิด ปลาท​ พ่ี​ บใ​น​บริเวณ​แนวป​ ะการัง เป็นแ​ นวโ​ขดห​ ินท​ ีม่​ ปี​ ะการังข​ ึ้นไ​ดม้​ ากพ​ อส​ มควร เช่น ฉลาม​หู​ดำ ฉลาม​ลายเ​สือ​ดาว ปลากร​ ะ​เบน​ ส่วนใ​หญ่เ​ป็นป​ ะการัง​ไฟ (Millepora sp.) ขึ้น​ จดุ ฟ​ ้า ปลาว​ ัว​ตวั ​ตลก ปลาต​ ๊กั แตนห​ นิ และปลา​ เคลือบ​เป็น​ผิว​บางๆ ผีเส้ือ 41คมู่ ือท่องเที่ยวอทุ ยานแห่งชาตหิ มูเ่ กาะสุรินทร์

42 ค่มู ือทอ่ งเท่ยี วอทุ ยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสุรนิ ทร์

ชมชน​ชาวเล ชาวเล ซึ่ง​เป็นก​ลุ่ม​ชน​พ้ืน​เมือง​ที่​อาศัย​ และ​ดำรง​ชีวิต​อยู่​แถบ​ทะเล​อันดามัน​น้ี​มา​นาน​ นบั ​ร้อยๆ ปี เกาะแ​ ละ​ชายฝั่ง​ทะเลแ​ ถบอ​ นั ดามัน​ เหนอื (ระนองแ​ ละพ​ งั งา) มช​ี าวเลม​ อแ​ กน ซง่ึ เ​ดมิ ​ อาศัยอ​ ยใู่​น​เรอื เดินท​ างไ​ปม​ า​ตามเ​กาะต​ า่ งๆ ใน​ ทะเลอ​ นั ดามนั ร​วมท​ ง้ั หมเ​ู่ กาะม​ ะรดิ (Mergui Ar- chipelago) สว่ นอ​ นั ดามนั ก​ ลาง (พงั งาแ​ ละภ​ เู กต็ ) มี​ชาวเล​มอ​แกน ซ่ึง​ตั้ง​หลัก​แหล่ง​บริเวณ​ชายฝ่ัง​ ทะเล​หรือ​ลึก​เข้า​มา​ใน​แผ่นดิน แต่​ส่วน​หนึ่ง​ก็​ยัง​ ทำ​มา​หากิน​ท่ี​เก่ียวข้อง​กับ​ทะเล และ​อันดามัน​ ใต้ (ภูเก็ต กระบ่ี ตรัง และ​สตูล) มี​ชาวเล​อู​รัก​ ลา​โว้ย​ซึ่ง​ตั้ง​ถิ่นฐาน​เป็น​ชุมชน​ขนาด​ใหญ่ ทำ​มา​ หากินแ​ ละ​มว​ี ถิ ผี​ ูกพัน​กับท​ ะเล​อย่าง​เหนียวแ​ นน่ 43คมู่ ือทอ่ งเท่ียวอุทยานแหง่ ชาติหมเู่ กาะสรุ ินทร์

ทำให​อ้ ากาศ​ค่อนข​ า้ งแ​ หง้ คลื่นล​ มส​ งบ ชาวเลจ​ ึง​ ออกเ​ดนิ ท​ างห​ ากนิ ใ​นท​ ะเลไ​ดอ​้ ยา่ งอ​ สิ ระ เดนิ ท​ าง​ ไป​ตามเ​กาะ​ไกลๆ ได้​โดยใ​ช้​เรือ (กา่ บ​ างใ​นภ​ าษา มอแ​ กน/มอแ​ กลน และ​ปราฮใ​ู นภ​ าษาอ​ ูร​ ักล​ าโ​วย้ ​ ชาวเลพ​ นื้ เมอื งเหลา่ นม​ี้ ว​ี ถิ ช​ี วี ติ ท​ โ​ี่ ดดเ​ดน่ ทแี่​ ลน่ ​โดย​แรง​ลม​และ​แรง​คนแ​ จว) คอื ในอ​ ดีต​มีก​ ารเ​ดนิ ท​ าง​ทำม​ า​หากนิ อพยพโ​ยก​ ชาวเล​มี​ความ​คุ้น​เคย​กับ​ทะเล​และ​มี​ความ​ ย้าย​ไป​ตาม​เกาะ​และ​ชายฝ่ัง​ทะเล​อันดามัน​บ่อย​ รู้ลึก​ซึ้ง​เก่ียว​กับ​สิ่ง​แวดล้อม​และ​ทรัพยากร​ทาง​ คร้ัง​จน​ได้​รับ​การ​ขนาน​นาม​มา​จาก​ชาว​อังกฤษ​ที่​ ทะเล โดยส​ ามารถส​ งั เกตล​ ม คลนื่ อากาศ กระแส​ เข้า​มา​ในย​ คุ อ​ าณานคิ มแ​ ถบน​ ้ี​วา่ ยปิ ซท​ี ะเล (Sea น้ำ และ​ข้าง​ข้ึน​ข้าง​แรม รวม​ท้ัง​มี​ความ​รู้​ท่ี​จะ​ Gypsy) แต่​ใน​ความ​เป็น​จริง​ชาวเล​เหล่า​นี้​ไม่​ได้​ ปรับ​ตัว​ให้​สอดคล้อง​กับ​วงจร​ธรรมชาติ ความ​รู้​ เดิน​ทาง​เร่ร่อน​ตลอด​ปี แต่​ปรับ​วิถี​ชีวิต​ตาม​ภูมิ​ เกี่ยว​กบั ​สภาพ​ลม​ฟา้ ​อากาศ​ทาง​ทะเล​และ​ทกั ษะ​ อากาศ​ของ​ท้อง​ถิ่น กล่าว​คือ ฝั่ง​ทะเล​และ​เกาะ​ การ​จับ​สัตว์​ทะเล​ที่​ได้​มา​จาก​การ​เล่น​และ​ฝึกฝน​ ใน​บริเวณ​ทะเล​อันดามัน​ได้​รับ​อิทธิพล​จาก​มรสุม​ ตงั้ แตย่​ ัง​เดก็ ในส​ มัย​กอ่ นช​ าวเลไ​ม​่ตอ้ ง​ม​ีอุปกรณ​์ ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ใน​ช่วง​เดือน​พฤษภาคม-เดือน​ ใน​การ​จับ​สัตว​์ทะเล​ที่​ซับ​ซ้อน เคร่ือง​มือ​การ​เก็บ​ ตุลาคม ทะเล​จึง​มี​คล่ืน​ลม​ซึ่ง​จำกัด​การ​เดิน​ทาง​ หา​หลักๆ คือ มอื เ​ปลา่ แว่นตาด​ ำ​นำ้ ฉมวก​หรือ​ โดยเ​รอื ในช​ ว่ งฤ​ ดน​ู ้ี ชาวเลม​ กั ต​ ง้ั ห​ ลกั แ​ หลง่ สรา้ ง​ สามงา่ ม เหลก็ แ​ หลมย​ าว​มีป​ ลาย​เป็นต​ ะขอ คอ้ น​ เพิง​เล็กๆ อยู่​บน​ฝั่ง​ที่​อ่าว​หลบ​ลม ใน​ขณะ​ที่​อีก​ เลก็ และเหลก็ ต​ อกห​ อย ครึ่ง​ปี​อิทธิพล​ของ​ลม​มรสุม​ตะวัน​ออก​เฉียง​เหนือ​ 44 ค่มู ือท่องเท่ียวอทุ ยานแหง่ ชาติหมเู่ กาะสุรินทร์

ชาวเล​ม​ ี​อภิธาน​ศัพท์​เกี่ยว​กับ​พ้ืนท่ี​ทาง​ และ​ความ​รู้​พ้ืน​บ้าน​ที่​ขาด​การ​สืบทอด​ไป​สู่​ผู้คน​ ทะเล​ท่ี​หลาก​หลาย มี​คำ​เรียก​ชื่อ​คล่ืน​ที่​สะท้อน​ รุ่นห​ ลัง และก​ ารต​ ง้ั ​หลัก​แหลง่ ​สรา้ ง​บ้านเ​รือน​อยู​่ ถึง​แรง​และ​ทิศทาง​ลม ความ​ลึก​ของ​ทะเล และ​ อาศัย​อยา่ งถ​ าวร​ตาม​หาด​ทรายช​ ายทะเล รูปล​ ักษณะข​ องค​ ลน่ื นอกจากน​ ้​ี ยัง​รจู้ กั พ​ ืชพันธุ​์ ชาวเล​มอ​แกน มี​พ้ืนท่ี​อยู่​อาศัย​และ​ ไม้​ใน​ป่า​เพราะ​วิถี​ด้ังเดิม​ก็​อาศัย​พ่ึงพา​ทรัพยากร​ ทำม​ าห​ ากนิ ท​ ก​ี่ นิ อ​ าณาเขตก​ วา้ งข​ วาง ทง้ั ใ​นพ​ นื้ ท​ี่ เหล่า​น้ี​มา​ตลอด​ระยะ​เวลา​หลาย​ร้อย​ปี และ​ยัง​ อทุ ยานแ​ หง่ ช​ าตห​ิ มเ​ู่ กาะร​ ะนอง อทุ ยานแ​ หง่ ช​ าต​ิ ถ่ายทอด​ความ​รู​้พนื้ ​บา้ น​จาก​คน​กลุ่ม​หน่ึง​ส​ู่อีก​ร่นุ ​ หมู่​เกาะ​สุรินทร์ อุทยาน​แห่ง​ชาติ​หมู่​เกาะ​สิ​มิ​ลัน หนึ่ง แม้​ใน​ระยะ​หลัง​ชาวเล​จะ​เผชิญ​กับ​ความ​ ใน​พื้นท่ี​เหล่า​นี้​มี​สุสาน​เก่า​และ​สถานท่ีท่ี​มี​ความ​ เปลี่ยนแปลง​เช่น​เดียว​กับ​ชน​พื้น​เมือ​งอ่ืนๆ ท่ัว​ สำคัญ​ด้าน​จิต​วิญญาณ​และ​ประวัติศาสตร์​ของ​ โลก รวมท​ งั้ ​เผชิญ​ปญั หา​ทห่ี​ ลาก​หลาย​ตั้งแตก่​ าร​ ชาวม​ อแ​ กน โดยมอแ​ กนท​ อ​ี่ าศยั อ​ ยใ​ู่ นอ​ ทุ ยานแ​ หง่ ​ ไร้​สัญชาติ การ​ขาดแคลน​ความ​ม่ันคง​ด้าน​ท่ี​อยู่​ ชาตห​ิ มเ​ู่ กาะส​ รุ นิ ทรไ​์ ดต​้ ง้ั ช​ มุ ชนอ​ ยใ​ู่ นบ​ รเิ วณอ​ า่ ว​ อาศัย วิถี​การ​ดำรง​ชพี ​ด้ังเดิมเ​ส่ือม​ถอย​ลง ภาษา​ ไทรเ​อนท​ างด​ า้ นต​ ะวนั อ​ อกข​ องเ​กาะส​ รุ นิ ทรเ​์ หนอื และ​อ่าว​บอน​ทาง​ด้าน​ทิศ​ตะวัน​ออก​ของ​เกาะ​ สุรินทร์​ใต้ ชาว​มอ​แกน​จะ​นับ​เวลา​จะ​สังเกต​จาก​ ดวงจ​ นั ทร์ ไมม่ ศ​ี าสนา แตจ​่ ะน​ บั ถอื ผ​ ี สง่ิ ท​ ไ​่ี มม่ ต​ี วั ​ ตน หากม​ ใี​ครเ​สยี ช​ วี ิตจ​ ะน​ ำศ​ พไ​ปฝ​ งั ไ​วใ​้ นบ​ รเิ วณ​ ดา้ น​ทศิ ​เหนอื ​ของอ​ า่ ว​แมย่ าย ใน​เดือน​เมษายน​ของ​ทุก​ปี มอ​แกน​ท่ี​อยู่​ ตามเ​กาะต​ า่ งๆ จะม​ าร​วมต​ วั ก​ นั ท​ ห​่ี มเ​ู่ กาะส​ รุ นิ ทร​์ เพื่อ​ประกอบ​พิธี “ลอย​เรือ” บวงสรวง​ผี​และ​ วิญญาณ​ของ​บรรพบุรุษ​อีก​ทั้ง​เป็นการ​สะเดาะ​ เคราะหใ​์ หป​้ ลอดภยั แ​ ละแ​ คลว้ คลาดจ​ ากอ​ นั ตราย​ ทง้ั ป​ วง 45คู่มือทอ่ งเที่ยวอุทยานแหง่ ชาตหิ มู่เกาะสรุ นิ ทร์

B AI9 6' 5 6'1<&6B/ Ę 6/8 %Ę=A64.<'è 'Ĝ /8'6 A64'é /6'6&B 1Ę6+ 6 A64.'< è'AĜ /1; 16Ę +E% ę 6% 16Ę +'4 8 16Ę +B%Ę&6& 1Ę6+E'A1 A64)6 –A646 %Ā 6— 16Ę +1% 5 6 1Ę6+1Ę 6 /81 1Ę6+.A< \" 1Ę6+1 1 /8 'èA)8+ A64.'< è'DęĜ 1Ę6+AĘ6 Triple rock 1Ę6+ 56 1Ę6+Eʖ1'è )6— .g5 )5-Ĝ A/+ /ę6% A. +.$6\"''%68 A566' A'è 6' A#ñï#.Ą $6\"''%68 A 8 ''%\"Aô ,- ADę '4C&Ĝ +5I E 46 คู่มอื ท่องเที่ยวอทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะสุรนิ ทร์