Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️สีโทนไทย

✍️สีโทนไทย

Description: ✍️สีโทนไทย

Search

Read the Text Version

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พิ่ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 1

สารรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวฒั นธรรม วรี ะ โรจน์พจนรตั น์ เนือ่ งในพธิ เี ปิดนิทรรศการ “สไี ทยโทน : เสนห่ ์ไทยเพม่ิ มลู คา่ ธรุ กจิ ” วนั ท่ี 15 ตุลาคม 2558 ณ HOF ART Space ในโครงการ W District กรุงเทพฯ 2

สี นิทรรศการ “สีไทยโทน : เสน่ห์ไทยเพิ่มมูลค่าธุรกิจ” นับเป็นกิจกรรมลำ�ดับที่ เ สองของศูนย์บันดาลไทย หน่วยงานใหม่ในกระทรวงวัฒนธรรม ท่ีมีการเปิดตัวและเริ่ม ส ขบั เคลอื่ นงานเมอ่ื วนั ท่ี 7 สงิ หาคม ศกน้ี น่ ห์ การดำ�เนินงานด้านวัฒนธรรมของชาตินั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 ซ่ึงเป็นช่วง ไ ต้นสงครามโลกครั้งที่สอง ภารกิจการทำ�งานจึงปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์โลกและ ท สถานการณ์การเมืองในประเทศ จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2545 จึงไดส้ ถาปนาขน้ึ เป็นกระทรวง ย วัฒนธรรม เ พ่ิ ในทศวรรษแรก (พ.ศ. 2545-2555) กระทรวงวัฒนธรรมเน้นภารกิจด้านสังคม ม ท่ีครอบคลุมงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม แต่เมื่อสังคมเปล่ียนไปตามยุค มู โลกาภิวัตน์ กระทรวงจำ�เป็นต้องปรับบทบาทเพ่ือร่วมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ ล ประเทศ ในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2556-2566) ยุทธศาสตร์ของกระทรวงจึงมุ่งสู่การ ค่ ทำ�งานด้าน “สังคมกง่ึ เศรษฐกจิ ” โดยเปน็ หน่วยงาน “ต้นนาํ้ ” ในการทำ�หน้าทรี่ วบรวม า และสังเคราะห์มรดกอารยธรรมที่ตกผลึกมายาวนานในแผ่นดินไทย เป็นคุณค่าที่ควร ธุ นำ�มาใช้ประโยชน์ด้วยความเข้าใจเพ่ือให้เกิดการต่อยอด เกิดการสร้างนวัตศิลป์ มีการ ร สง่ ตอ่ คณุ คา่ ใหม่ใหแ้ กส่ งั คม และเปน็ ตน้ ทนุ ในการขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคเ์ พอื่ กิ น�ำ ไปสกู่ ารพัฒนาประเทศอย่างย่ังยนื จ เพอ่ื การกา้ วไปสภู่ ารกจิ ดงั กลา่ ว กระทรวงวฒั นธรรมจงึ ไดจ้ ดั ตง้ั “ศนู ยบ์ นั ดาลไทย” ข้ึนมาท�ำ หน้าท่ีบรหิ าร “ทุนวฒั นธรรม” เพ่ือส่งตอ่ ใหแ้ กห่ น่วยงานกลางนาํ้ และปลายนํ้า รวมทัง้ เช่ือมโยงเครือขา่ ยจากหนว่ ยงานภาครฐั และเอกชนจากภมู ภิ าคตา่ งๆ เพ่อื ให้เกดิ การวเิ คราะห์ “เสนห่ ์ไทย” ในการน�ำ ไปใช้ประโยชนอ์ ยา่ งร่วมสมยั การฟื้นคุณค่าสีไทยผ่านกรณีศึกษาต่างๆ ในวันน้ี เป็นการส่งเสริมให้เกิดการสร้าง อัตลกั ษณ์งานออกแบบไทยเพือ่ เพมิ่ มลู ค่าทางธรุ กจิ และในอนาคต อาจต่อยอดเป็นงาน สร้างสรรค์ท่ีเสริมพลังใหก้ ับประชาคมอาเซียน เน่อื งดว้ ย “วฒั นธรรม” ก็คือหนงึ่ ในสาม เสาหลกั ส�ำ คญั ของประชาคมนี้ ขอขอบคุณทุกฝ่ายท่ีได้ร่วมกันฟื้นความรู้เร่ืองสีไทย ซ่ึงเป็นก้าวสำ�คัญในการสร้าง ความมน่ั ใจและเป็นแรงบันดาลใจว่า “เสน่ห์ไทย” นนั้ สามารถเพ่ิมมูลค่าธรุ กิจได้แทจ้ รงิ 3

สารปลดั กระทรวงวัฒนธรรม ศ.ดร.อภนิ ันท์ โปษยานนท์ เนอ่ื งในพธิ ีเปิดนทิ รรศการ “สไี ทยโทน : เสนห่ ์ไทยเพ่มิ มูลคา่ ธรุ กจิ ” วนั ที่ 15 ตลุ าคม 2558 ณ HOF ART Space ในโครงการ W District กรงุ เทพฯ 4

สี “สี” เป็นองคป์ ระกอบสำ�คัญต่อการสรา้ งสรรค์ศิลปะและงานออกแบบ นิทรรศการ เ “สไี ทยโทน: เสนห่ ไ์ ทยเพม่ิ มลู คา่ ธรุ กจิ ” ภายใตศ้ นู ยบ์ นั ดาลไทย โดยกระทรวงวฒั นธรรม ส จัดข้ึนเพื่อฟ้ืนเสน่ห์สีไทยให้สังคมได้ตระหนักถึงความล้ําค่าของมรดกวัฒนธรรม และ น่ สง่ ต่อคุณคา่ น้ีให้แก่คนรนุ่ ใหม่ ห์ ไ ชดุ ความรใู้ นหนงั สอื เลม่ น้ี เปน็ ผลจากการคน้ ควา้ วจิ ยั ทท่ี �ำ ใหเ้ ราตระหนกั ถงึ รากเหงา้ ท ความเป็นมาของ “สีไทย” ที่มีมายาวนาน โดยใช้อุปกรณ์ระบบดิจิตอลในการเทียบกับ ย สงี านจติ รกรรมไทยโบราณ ทย่ี อ้ นกลบั ไปถงึ สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ยคุ ทยี่ งั ไมม่ สี สี �ำ เรจ็ รปู จาก เ ต่างประเทศเข้ามา งานวิจยั ยังพบวา่ “สีไทยโทน” เป็นกลมุ่ สีเดยี วกับ “อาเซยี นโทน” พ่ิ ดว้ ยเหตุท่ชี าติอุษาคเนย์ของเรานี้ ต่างสืบวัฒนธรรมสายเดยี วกนั ม มู ศูนย์บันดาลไทยเน้นการ “บริหารเสน่ห์ไทย” ผ่านกรณีศึกษาที่เป็นรูปธรรม เพื่อ ล กอ่ ใหเ้ กดิ การสง่ ตอ่ คณุ คา่ ใหม่ใหส้ งั คม ทง้ั ดา้ นการรบั รู้ การชนื่ ชม และเพอื่ การเพม่ิ มลู คา่ ค่ ธรุ กจิ เปน็ การสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การสรา้ งอตั ลกั ษณ์ไทยในงานศลิ ปะ การผลติ สนิ คา้ และการ า บรกิ าร ซงึ่ เปน็ ยทุ ธศาสตร์ในทศวรรษทสี่ องของกระทรวงวฒั นธรรม ทมี่ เี ปา้ หมายกา้ วไป ธุ สูก่ ารเปน็ กระทรวงต้นนํา้ ชน้ั เลศิ ร กิ การสรา้ งอตั ลกั ษณเ์ ปน็ กระบวนการหนงึ่ ในการพฒั นาเศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรค์ การน�ำ จ ต้นทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ขับเคล่ือน เท่ากับการสร้างสรรค์งานอย่างมีทิศทาง การฟื้น ความรู้ “เสน่ห์สีไทย” ในวันนี้ โดยนำ�เสนอผา่ นกรณีศึกษาต่างๆ ท้ังดา้ นผลติ ภณั ฑ์ การ บริการ และงานโฆษณา จะนำ�ไปสู่การต่อยอดและขยายผลไปสู่ธุรกิจอ่ืนๆ อาทิ การ ออกแบบแฟชนั่ งานออกแบบตกแต่งภายใน และงานบรกิ ารเพือ่ การทอ่ งเท่ยี ว เปน็ ตน้ ความรู้เร่ืองสีไทยในวันน้ี จึงเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการฟ้ืนเสน่ห์ไทยท่ีมี อยู่ทุกหนแห่งในแผ่นดินแห่งพหุวัฒนธรรมน้ี เพ่ือสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นอย่าง ตอ่ เนอื่ งและส่งผลอย่างเป็นรปู ธรรม อันเปน็ ภารกิจของศูนยบ์ นั ดาลไทย 5

“สีไทยโทน” เสน่หไ์ ทยเพ่มิ มลู ค่าธุรกจิ โดย ศนู ย์บันดาลไทย กระทรวงวฒั นธรรม www.bundanthai.com ทีป่ รกึ ษา วรี ะ โรจน์พจนรัตน์ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวฒั นธรรม ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท ์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ออกแบบผลงานกรณีศกึ ษา และ Key Visual งานนทิ รรศการ ไพโรจน์ พทิ ยเมธี เนอื้ หาองค์ความรูส้ ีไทยและเฉดสไี ทยโทน เรียบเรยี งจากงานวจิ ยั โดยอาจารยไ์ พโรจน์ พิทยเมธี • การวเิ คราะห์องค์ประกอบการออกแบบเลขนศลิ ปท์ แี่ สดงเอกลักษณ์ไทย, วิทยานพิ นธร์ ะดับปริญญาโท มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร, 2551 • การสรา้ งประสบการณ์สนุ ทรยี ะจากสีไทย, วทิ ยานพิ นธร์ ะดับปรญิ ญาเอก มหาวิทยาลัยศลิ ปากร, 2556 บรรณาธกิ าร พรวไิ ล คารร์ มลั ติมเี ดยี ณัชพล ศรีโหร อานภุ าพ อดลุ ย์เดช ประสานงานโครงการ ชน่ื จติ ร แย้มชุ่ม อุราณี ทับทอง ภทั รภร ลิ่มรัตนมงคล พิมพอ์ ร จันทร์ศริ วิ ัฒนา ภญิ ญภ์ ัสสร ล่ิมรตั นธนากลุ ชนาธปิ เหล่าวฒั นากุล ออกแบบรปู เลม่ ธีรพงษ์ คงจนั ทร์ ณัฐปราง พทิ ยครรชิต ขอบคุณ HOF ART Space ในโครงการ W District บริษัท ทีโอเอ เพนท์ (ประเทศไทย) จำ�กัด Artistic Acrylic Colour บริษัท จลุ ไหมไทย จำ�กดั Clay Shop จัดทำ�โดย กระทรวงวฒั นธรรม 666 ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำ�หรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทร. 0-2422-8851-8 Call Center 1765 พมิ พค์ ร้งั แรก : ตุลาคม 2558 จำ�นวน 2,000 เล่ม 6

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พิ่ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 7

ค�ำ นำ� ชนเผ่าใช้สีทาตามร่างกายเพ่ือกระตุ้นให้เกิดความฮึกเหิม ตามฝาผนังถ้ํา หรือหน้าผา พบภาพเขียนสกี อ่ นประวตั ิศาสตร์ ภาชนะดินเผาเกา่ แกม่ รี อ่ งรอยการ ใช้เชือกชุบสีทาบคาดเพ่ือให้เกิดเป็นลวดลาย เหล่านี้ล้วนพิสูจน์ว่า มนุษย์รู้จักการ ใช้สมี าตัง้ แตค่ รง้ั บรรพกาล และเขา้ ใจอทิ ธิพลของ “ส”ี ท่ีมตี อ่ การแสดงความรสู้ ึก ทุกชนชาติรู้จักใช้สีเป็นองค์ประกอบหนึ่งในงานทัศนศิลป์ สีไทยเองก็มี รากเหง้าท่ีมีหลักฐานสืบค้นย้อนหลังไปได้อย่างน้อยในยุคกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310) อาณาจักรที่ได้ช่ือว่ารุ่งเรืองและม่ังค่ังที่สุดในสุวรรณภูมิในขณะน้ัน งานศึกษาวิจัยเร่ืองสีไทยท่ีเป็นองค์ความรู้ในหนังสือเล่มน้ี (และในนิทรรศการ) เรียบเรยี งจากงานวจิ ยั สองเร่อื งของอาจารย์ไพโรจน์ พทิ ยเมธี คอื (1) การวิเคราะห์ องค์ประกอบการออกแบบเลขนศิลป์ท่ีแสดงเอกลักษณ์ไทย, วิทยานิพนธ์ระดับ ปรญิ ญาโท มหาวิทยาลยั ศิลปากร, 2551 และ (2) การสรา้ งประสบการณส์ ุนทรยี ะ จากสีไทย, วิทยานพิ นธ์ระดับปรญิ ญาเอก มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2556 โดยในการ เทยี บสจี ากงานจติ รกรรมฝาผนงั ในโบสถเ์ กา่ แก่ ใชอ้ ปุ กรณด์ จิ ติ อลทเี่ รยี กวา่ คลั เลอร์ แคปชัวร์ (Colour CAPSURE) ของบรษิ ทั แพนโทน เพอ่ื อา่ นค่าสบี นภาพเขยี น แลว้ นำ�มาเทียบกับหนังสอื ท่รี ะบคุ ่าสีของแพนโทน เพ่ือให้ไดร้ หัสค่า C M Y K ในการ ผสมสสี มยั ใหม่ จากน้นั ยอ้ นคืนไปคน้ คว้าตำ�ราต่างๆ ที่พูดถงึ ชอ่ื สไี ทย ความหมาย ตลอดจนวสั ดปุ รุงสไี ทย ความสะดวกในการใช้สสี ำ�เรจ็ รปู ทำ�ใหส้ ีไทยหายไปจากชีวิตประจำ�วัน แม้ คนส่วนใหญ่ยังคุ้นกับชื่อเรียก แต่ไม่ชัดเจนว่าสีท่ีชื่อดังกล่าวเป็นอย่างไรแน่ จึงไม่ สามารถนำ�มาใชง้ าน สีไทยจงึ มใี ช้กนั อยใู่ นวงแคบๆ ของกลมุ่ ครูช่างบางสว่ น 8

สี หนังสอื “สีไทยโทน” เสนห่ ไ์ ทยเพ่ิมมูลคา่ ธุรกิจ เปน็ เ หนงึ่ ในชุดความรู้เพ่อื นทิ รรศการทม่ี ีช่อื เดียวกนั ดำ�เนนิ งานโดย ส ศูนย์บันดาลไทย เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในการส่งเสริม น่ สนับสนุน และให้บริการคำ�แนะนำ� เพ่ือให้เกิดการใช้ทุน ห์ วฒั นธรรมในการเพมิ่ มลู ค่าของธรุ กจิ ไ ท การฟื้นคุณค่าสีไทย โดยการพัฒนาให้เป็นเทรนด์ ย “ไทยโทน” ผ่านกรณีศึกษาต่างๆ ในนิทรรศการน้ี นอกจากจะเป็นการสร้าง เ อัตลักษณ์ให้กับงานออกแบบไทยแล้ว ยังสามารถต่อยอดเป็นงานสร้างสรรค์ใน พ่ิ ประชาคมอาเซียนด้วย เพราะพื้นฐานวัฒนธรรมที่มาจากรากเดียวกัน ทำ�ให้โทนสี ม ของชาวอาเซียนมีความคล้ายคลึงกัน จะแตกต่างก็เพียงความหมายของช่ือที่ มู บรรพบุรษุ แต่ละชาติได้สรรค์สรา้ งไวใ้ ห้ ล ค่ ศนู ยบ์ นั ดาลไทยหวงั วา่ หนงั สอื เลม่ นี้ จะเปน็ สอ่ื ในการสง่ ตอ่ “คณุ คา่ ใหม”่ นี้ า ใหส้ งั คมได้รว่ มภาคภมู ใิ จ นอกเหนอื จากมลู ค่าในการพัฒนาเศรษฐกิจ ธุ ร กิ จ ศูนย์บนั ดาลไทย กระทรวงวัฒนธรรม, 2558 นิทรรศการ “สีไทยโทน” เสน่ห์ไทยเพม่ิ มลู คา่ ธุรกจิ 14 ตุลาคม-3 พฤศจกิ ายน 2558 ณ HOF ART Space ในโครงการ W District ระหว่างสุขมุ วิท 69-71 9

สารบัญ • ศนู ยบ์ นั ดาลไทย 12 • จาก “สีไทยโทน” ถึง Tropical Colour 16 • องคค์ วามรสู้ ไี ทย 20 • การแบ่งหม่สู ีไทย 24 • วสั ดปุ รงุ สไี ทย 30 • ชอื่ สไี ทยและคา่ สีไทยโทน 34 • การผสมสไี ทยโทน 42 • เสน่ห์สีไทยโทน เพ่ิมมลู ค่าธุรกิจ 44 • ศลิ ปนิ ครชู า่ ง และนกั วิชาการท่ศี ึกษาเร่ืองสีไทย 60 • คน้ ควา้ ความร้เู รื่อง “สีไทย” จากเอกสารตา่ งๆ 61 10

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 11

12

สี 24 มงกฎุ เ วรรณคดี “รามเกยี รติ์” ท่ีล้นเกล้ารชั กาลที่ 1 ทรงพระราชนพิ นธน์ ้ัน กลา่ วถงึ ตัวละครท่ีเปน็ ส ลงิ หรือเสนาวานร อนั เปน็ ทหารเอกของพระราม มีดว้ ยกนั ทง้ั หมด 18 ตน เรียกว่า 18 มงกุฎ แตล่ ะตน น่ มี “สีกาย” ตา่ งกัน สีจงึ เป็นตวั บ่งบอกวา่ วานรท่ีหน้าตาเหมือนกนั น้ัน มีช่ือใดบา้ ง ห์ ไ นิทรรศการ “สีไทยโทน : เสน่ห์ไทยเพ่ิมมูลค่าธุรกิจ” นำ�แนวคิด 18 มงกุฎมาใช้ในงาน ท ออกแบบ เพอ่ื ใหง้ านสไี ทยมกี ราฟกิ ทสี่ นกุ สนาน ไมเ่ บอื่ โดยเรยี กเปน็ “24 มงกฎุ ” ตามเทรนดส์ ไี ทยโทน ย ท่ใี ชใ้ นนทิ รรศการน้ี และโลดแล่นอย่ใู นหน้าหนงั สอื เลม่ นี้ เ พ่ิ แดงชาด รงทอง คราม มวงเม็ดมะปราง เขยี วไพร ควายเผือก ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ ดินแดง เหลอื งดิน เขียวขาบ มวงดอกตะแบก เขียวน้ำไหล ขาวกระบงั ล้ินจ่ี นวลจนั ทร นำ้ ไหล ดอกผักตบ เขยี วต้ังแช นวล บัวโรย หงสบาท เขยี วใบแค ลูกหวา เขียวดิน ทอง คำ�ว่า สิบแปดมงกุฎ ที่เป็นสำ�นวนเปรียบคนไม่ดีนั้น ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์ุ : 7 กรกฎาคม 2440 - 2 กรกฎาคม 2523) อธิบายว่า ในสมัยรัชกาลท่ี 6 มีนักเลงการพนันท่ีข้ึนช่ือพวกหนึ่ง ถือกันว่าเป็นนักการพนันช้ันยอด พวกน้ีสักตรามงกุฎ ฉะนั้นเมื่อใครเป็นนักเลงการพนันใหญ่ ชาวบ้านก็เลย เรียกว่า “สิบแปดมงกุฎ” เหมือนอย่างวานรในเรื่องรามเกียรต์ิ ต่อมา ความหมายนี้จึงเพ้ียนหมายถึงคนไม่ดี คนที่ ประพฤติตนไปในทางเส่อื มเสยี ทจุ ริตด้านอน่ื ๆ 13

ศนู ยบ์ ันดาลไทย (The Center of Thai Inspiration) วฒั นธรรมไทย เปน็ มรดกทด่ี งี ามและสบื ทอดกนั มาอยา่ งยาวนาน อนั แสดง ถึงเอกลกั ษณข์ องประเทศได้เป็นอยา่ งดี วัฒนธรรมไทยนั้นมาจาก 2 ส่วนสำ�คัญ คือ สินทรัพย์ทางด้านวัตถุ เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ และส่วนที่สองคือ สนิ ทรัพย์ทางดา้ นวฒั นธรรม เชน่ ประเพณี ศิลปะการแสดง อาหาร ผา้ เปน็ ตน้ กระทรวงวฒั นธรรม ในฐานะหนว่ ยงานทมี่ พี นั ธกจิ โดยตรงกบั ยทุ ธศาสตร์ การนำ�มิติทางวัฒนธรรมมาเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม สง่ เสรมิ อตุ สาหกรรมทางวฒั นธรรม จงึ ไดด้ ำ�เนนิ โครงการจดั ตงั้ “ศนู ยบ์ นั ดาลไทย” เพ่ือเป็นศูนย์กลางในการให้บริการและให้คำ�แนะนำ�สำ�หรับการพัฒนาธุรกิจ อุตสาหกรรมวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ บริหารจัดการเสน่ห์ทางวัฒนธรรม (ทุนทางวัฒนธรรม) อีกท้ังยังเป็นแหล่งที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการนำ�มิติและ ทุนทางวัฒนธรรมมาเพ่ิมคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริม อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ โดยศูนย์ดังกล่าวจะเป็นแหล่งสารัตถะที่รวบรวม ข้อมูลทุนทางวัฒนธรรมจากแหล่งอารยธรรมและท่ีเป็นเอกลักษณ์อันโดด เดน่ ของแตล่ ะเสน้ ทางมรดกวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาและทนุ ทางวฒั นธรรม จากทว่ั ประเทศ ทงั้ แบบดงั้ เดมิ รว่ มสมยั และสมยั ใหมต่ ามเสน้ ทาง อารยธรรม “๙ เสน่ห์ ๘ วิถี” ๙ เสนห่ ์ ๘ วิถี “ทนุ วัฒนธรรมไทย” “๘ วิถีวฒั นธรรม” จำ�แนกดังนี้ 1.อาหาร 2.การแตง่ กาย 3.ที่อยู่อาศัย 4.ประเพณี 5.ภาษา 6.อาชีพ 7.ความเช่ือ 8.ศิลปะพืน้ ถนิ่ สว่ น “๙ เสนห่ ม์ รดกวฒั นธรรมไทย” ประกอบดว้ ย 1.วฒั นธรรมบา้ นเชยี ง (Ban Chiang Cultural Heritage) 2.วฒั นธรรมทวารวดี (Dvaravati Cultural Heritage) 3.วัฒนธรรมศรีโคตรบูรณ์-ล้านช้าง (Sri Kotrabun-Lan Chang Cultural Heritage) 4.วัฒนธรรมลพบุรี (Lopburi Cultural Heritage) 5.วัฒนธรรมศรีวิชัย (Srivijaya Cultural Heritage) 6.วัฒนธรรมล้านนา (Lanna Cultural Heritage) 7. วัฒนธรรมสุโขทัย (Sukhothai Cultural Heritage) 8.วัฒนธรรมอยุธยา (Ayutthaya Cultural Heritage) 9. วัฒนธรรม ธนบุร-ี รัตนโกสนิ ทร์ (Thonburi-Ratanakosin Cultural Heritage) ศูนย์บันดาลไทย ตั้งอยู่ในหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำ�เนิน ภายในศูนย์ ประกอบด้วยนิทรรศการถาวร นิทรรศการหมุนเวียน และห้องสมุด รวมทั้ง e-library ผา่ น www.bundanthai.com ทสี่ งั เคราะหท์ นุ วฒั นธรรมในเรอ่ื งตา่ งๆ ให้สะทอ้ นออกมาเปน็ “เสน่ห์ไทย” เพือ่ นำ�มาใชเ้ พ่ิมมูลค่าทางธรุ กจิ 14

Becoming “Inspire By Thai” สี At present, culture has a key role in economic, industrial and เ tourism systems due to the complex and competitive world market ส which is constantly changing in all regions such as EU, BRIC, ASEAN, น่ etc. As a result, countries have been trying to find their uniqueness ห์ as a selling point to generate income to their countries. Culture is ไ a significant tool that has been used by many countries to ท differentiate and enhance their products. Thailand is very rich in ย its cultural resources and diversity (or cultural fund) which can เ substantially contribute to various industries an economy of the พ่ิ country. ม มู In order to achieve such outcome, the Ministry of Culture ล has expedited the process to change its role and structure from a ค่ social ministry into half social half economic ministry by combining า 3 following dimensions: ธุ ร 1. Culture Fund Utilisation Management กิ 2. Community Economy Support Based on Local Culture จ 3. Effective Amendment of Structure an Management System of Governmental Sector and Personnel 15 To achieve the goal of combining these 3 dimensions together with the Ministry of Culture’s strategy in bringing out the best Thailand’s cultural fund to create social and economic values, the Ministry has implemented “The Center of Thai Inspiration” a project which serves as a service and consulting centre for creative industry entrepreneurship and cultural fund management. Just like its name, “The Center of Thai Inspiration” is aimed to inspire people to use cultural fund to add and create economic and social values as well as to promote creative cultural industry among entrepreneurs, scholars, educators, students and those interested in finding out more information about the project. Its main objective is to gather all information there is about cultural fund to make the place a useful database of cultural fund that can be used for development of creative cultural industry.

16

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ แนวคดิ ของการออกแบบตราสญั ลักษณ์ศูนยบ์ ันดาลไทย ย่อมุมไม้สิบสอง เอกลักษณท์ ป่ี รากฏในงานสถาปตั ยกรรมสมัยอยุธยา เพื่อสอ่ื ถงึ ความ เคลื่อนไหวการกระเพื่อมของหยดน้ําท่ีตกกระทบนํ้าแล้วแผ่กระจาย เปรียบเสมือน การเผยแพร่ และสร้างมูลค่าจากศลิ ปวฒั นธรรมไทยใหแ้ ผก่ วา้ งออกไปไม่มที สี่ ้นิ สุด สแี ดงชาด สีไทยโทนทพ่ี บมากทีส่ ดุ ในงานจติ รกรรมไทย สื่อถึงสบี รรยากาศของสวรรค์ เปน็ โลกทพิ ยต์ ามความเชอ่ื ของไทย นก จากลายรดนา้ํ ของตพู้ ระธรรมวดั เชงิ หวาย ทเ่ี ปน็ ทส่ี ดุ ของลวดลายศลิ ปะไทยทที่ กุ คน ยอมรบั สือ่ ถึงความคดิ สร้างสรรค์ท่ีไม่เคยหยุดนง่ิ และเปน็ อิสระเหมอื นกับนก 17

จาก “สีไทยโทน” ถึง Tropical Colour โลกย่อเล็กลงเพราะการเทคโนโลยีการส่ือสาร ทั้งสร้างกระแสหลักการ บรโิ ภคอนั เชยี่ วกราก แมแ้ ตกตา่ งกนั ดว้ ยเชอ้ื ชาตหิ รอื ภาษา ทวา่ ทกุ วนั นหี้ นมุ่ สาว กม็ ลี กั ษณะเสอื้ ผ้า-หน้า-ผม ที่ดผู าดๆ คลา้ ยจะเป็นชาติเดียวกนั อาหารการกินก็ ประหนง่ึ ผลิตออกมาจากครัวเดียวกนั การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเป็นแรงกระตุ้นหน่ึงที่ทำ�ให้สังคมในประเทศ สมาชกิ แหง่ ประชาชาตนิ เี้ กดิ ความตน่ื ตวั เพอ่ื นบา้ นทง้ั สบิ ประเทศตา่ งตระหนกั ถงึ การรวมพลังเพอ่ื ร่วมกา้ วสเู่ วทโี ลกอย่างเขม้ แขง็ แต่ละประเทศจำ�เป็นตอ้ งพฒั นา ตนเอง ไม่ให้อยรู่ งั้ ทา้ ย ขณะเดียวกันก็ตอ้ งรักษาคุณคา่ “อตั ลักษณ”์ ของตนเอง ไว้ โดยสามารถสะทอ้ นผา่ นงานศิลปะ งานออกแบบ และงานสรา้ งสรรคต์ ่างๆ การใช้อัตลักษณ์เป็นวิธีการหนึ่งในการ “สร้างแบรนด์” ของประเทศ ชาติท่ีประสบความสำ�เร็จในการสร้างแบรนด์ของประเทศที่ท่ัวโลกยอมรับ ล้วน นำ�มรดกอารยธรรมมาเป็นตน้ ทนุ ในการสร้างมลู ค่าเพิ่มให้แก่ธรุ กจิ การใชต้ ้นทุน ทางวฒั นธรรมมาสรา้ งเสนห่ ใ์ หแ้ กธ่ รุ กจิ เปน็ แนวโนม้ เชงิ บวก แตใ่ นบา้ นเรา ตน้ ทนุ หลายอยา่ งกำ�ลงั หดหาย เชน่ เดยี วกบั เรอื่ งสไี ทย ซง่ึ เปน็ มรดกวฒั นธรรมทห่ี ยงั่ ราก มายนื ยาว สบื คน้ กลบั ไปไดถ้ งึ ยคุ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ทงั้ เฉดสนี บั รอ้ ยทเี่ หมาะสมกบั การ ใช้งานท้ังด้านศิลปะ งานออกแบบ งานพัสตราภรณ์ และชื่อเรียกสีอันไพเราะที่ ล้วนมีความหมายเชงิ วรรณศลิ ป์ ทกุ วนั น้มี ีนักวชิ าการ ศิลปนิ ครชู ่าง จำ�นวนไมม่ ากที่ศึกษาเร่ืองสีไทย วิธี การปรงุ สีไทยตามสูตรโบราณ สว่ นมากเป็นการปรงุ สีเพือ่ ใชใ้ นงานจิตรกรรมไทย เชน่ งานจิตรกรรมฝาผนงั การทำ�หัวโขน และการย้อมผา้ การนำ�สีไทยไปใช้ในงานออกแบบทุกแขนง จะต้องใช้การเทียบเฉดสีให้ ตรงกับคู่มือ เพื่อเลียนแบบเฉดสีให้ใกล้เคียงมากท่ีสุด โดยบุคลิกลักษณะโดย รวมของสไี ทยโทนจะมีความน่นุ นวล มกี ลิ่นอายแบบตะวันออก และมีอารมณท์ ี่ หลากหลาย (ขึน้ อยู่กบั ปรมิ าณการใช้สีและการจับคู่ส)ี 18

สี ใยต้องฟื้นสีไทย ในเม่ือทุก เ วันน้ีก็มีสีสำ�เร็จรูปใช้กันดาษดื่นจน ส แสนจะคุ้นเคยแล้ว ในงานกราฟิก น่ นกั ออกแบบกช็ นิ กบั การใชส้ แี พนโทน ห์ ไ สีไทยแตกต่างจากสีสำ�เร็จรูป ท ทั่วไปอยา่ งไร ย เ อรรถาธิบาย 4 ข้อน้ี อาจช่วย พ่ิ ทำ�ให้เกิดการมองสีไทยด้วยความ ม เข้าใจขึ้น มู ล • สไี ทยมรี ากฐานจากความเชอ่ื ค่ ความศรัทธา เช่น การใช้สีแดงชาด า เพื่อแสดงถึงความศักด์ิสิทธ์ิ แสดง ธุ บรรยากาศของสวรรค์ เพราะสีแดง ร หมายถึง สีแห่งสวรรค์ จึงมักใช้ กิ ในโบสถ์ โดยเฉพาะเป็นฉากหลัง จ พระพุทธรูปท่ีมีสีทอง เป็นการขับให้ ความกลมกล่อมของสีไทยท่วี างอย่ดู ้วยกนั อยา่ งเหมาะสม องค์พระดเู ดน่ สง่างาม • ความงามของวัสดุสีไทย เพราะสีไทยปรุงจากวัสดุธรรมชาติ ท้งั เปลอื กไม้ แรธ่ าตุ พืช • ความงามเฉดสไี ทยที่มบี คุ ลิก ทแ่ี ตกตา่ ง ไมว่ า่ จะนำ�เฉดสตี ดั กนั มาก แค่ไหนมาผสมกัน ก็ยังกลมกล่อม ลงตัว มีท้งั ลักษณะพาสเทล (นุม่ นวล เหมือนมีฝุ่นแป้งผสม) และความสด ฉา่ํ • ความงดงามด้านวรรณศิลป์ จากชื่อเรียกสีไทย ที่มีความหมาย ทด่ี ี สว่ นใหญเ่ ปน็ ชอื่ ทมี่ าจากธรรมชาติ 19

สไี ทยยงั ทำ�ใหผ้ ชู้ มผลงานเกดิ ความภาคภมู ใิ จในภมู ปิ ญั ญาของแผน่ ดนิ ผา่ น งานออกแบบท่ีเปี่ยมด้วยคุณค่า จาก “ไทยโทน” ในก้าวแรกวันน้ีที่พัฒนาผ่าน กรณศี กึ ษาตา่ งๆ สามารถตอ่ ยอดไปสงู่ านออกแบบแขนงอื่นๆ เช่น งานออกแบบ แฟชน่ั ทเี่ ราอา้ งองิ จากเทรนดใ์ นโลกตะวนั ตกทมี่ ี 4 ฤดกู าล (ฤดใู บไ้ มผ้ ลิ รอ้ น ใบไม้ ร่วง และฤดูหนาว) แตอ่ าเซียนน้นั อยใู่ นเขตเมอื งร้อน หรือทรอปคิ อล (tropical region) เรามี 3 ฤดกู าล คอื ฤดรู อ้ น ฝน และฤดูหนาว ท่ีไหนๆ กม็ ีฤดูรอ้ น ในเขตทะเลทรายย่ิงรอ้ นกวา่ แตร่ อ้ นแบบของเรา เปน็ แบบไหน หนา้ หนาวของเราเป็นอย่างไร จะดกี วา่ ไหม หากเราคดิ บน “ความเป็นเรา” สรา้ ง Tropical Colour ที่ เป็นอตั ลกั ษณข์ องเรา เจือด้วยโลกาภวิ ตั นแ์ ต่พอประมาณ เม่อื นัน้ สีไทยโทนก็จะเป็นผ้กู ำ�หนดเทรนด์ในระดับภมู ภิ าค ผู้สืบสานการปรุงสไี ทย ครชู า่ งทย่ี งั สบื สานการปรงุ สไี ทยใชใ้ นการทำ�งานจนทกุ วนั นี้ และเปน็ ทย่ี อมรบั มากทส่ี ดุ ในวงการ ศลิ ปะไทย คอื อาจารยว์ ีรธรรม ตระกูลเงนิ ไทย ผปู้ รงุ สีใชใ้ นจิตรกรรมไทยและงานพัสตราภรณ์ โดย คน้ คว้าความรเู้ รอ่ื งสไี ทยมานานกว่า 30 ปี ดว้ ยความเชอ่ื วา่ “อะไรที่คนโบราณท�ำ ได้ เราคนสมัยใหม่ กต็ อ้ งทำ�ได้ และควรจะท�ำ ไดด้ กี วา่ ดว้ ยซํ้า”* ปัจจบุ ัน อาจารย์วีรธรรม เป็นผู้นำ�ในการฟนื้ ผ้าทอยกทองโบราณในชุมชนในนาม หมบู่ ้านทอผา้ ไหมยกทอง จันทร์โสมา ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ท่านเป็นอาจารย์พิเศษสอนการทอผ้ายกทอง โบราณให้นักเรียนในโครงการศิลปาชีพ สวนจิตรลดา และเป็นผู้ออกแบบผ้าตัดชุดให้ผู้นำ� รวมท้ัง ผา้ คลมุ ไหล่สำ�หรับภริยาผ้นู ำ�ในชาตเิ อเปค (APEC 2003) เมื่อประเทศไทยเป็นเจา้ ภาพในปี 2546 * จากนติ ยสารสารคดี เรือ่ ง ตามหาสไี ทยจากครชู ่างโบราณ ถึงงานดไี ซนไ์ ทยๆ, ฉบับท่ี 350, เมษายน 2557 20

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 21

องคค์ วามรสู้ ีไทย “สี” เป็นองค์ประกอบหลักหน่ึงของงานทัศนศิลป์ มีอิทธิพลอย่างยิ่ง ในการแสดงอารมณ์ ความรสู้ กึ ไปจนถงึ บคุ ลกิ ภาพเฉพาะตน มนษุ ยร์ จู้ กั นำ�สมี าใช้ ในชวี ติ ประจำ�วนั ตัง้ แตบ่ รรพกาล โดยนำ�มาระบายลงบนสิ่งของ ภาชนะเครอื่ งใช้ รูปแกะสลกั เพอ่ื ให้สง่ิ ของดังกล่าวเดน่ ชดั มีความเหมือนจรงิ มากข้นึ รวมถงึ การ ใชส้ วี าดลงบนผนงั ถา้ํ หนา้ ผา กอ้ นหนิ เพอ่ื ถา่ ยทอดเรอ่ื งราวใหร้ สู้ กึ ถงึ พลงั อำ�นาจ การใช้สีทาตามร่างกายเพื่อกระตุ้นให้เกิดความฮึกเหิม หรือใช้สีเป็นสัญลักษณ์ ในการถ่ายทอดความหมาย 22

สมยั เร่มิ แรก มนษุ ย์รจู้ ักใช้สเี พียงไม่ก่ีสี โดยค้นพบจากแหล่งตา่ งๆ ทัง้ สี พชื สตั ว์ ดนิ และแรธ่ าตนุ านาชนดิ รวมถงึ ขเี้ ถา้ เขมา่ ควนั ไฟ สที พ่ี บตามธรรมชาติ เหล่านี้ใชถ้ ู ทา ตอ่ มาเมือ่ มีการยา่ งเนือ้ สัตว์ พบว่า ไขมนั ทีห่ ยดลงดนิ ทำ�ใหด้ ินมสี ี เ เปลย่ี นไปทนี่ า่ สนใจ สามารถนำ�มาระบายลงบนวตั ถแุ ละตดิ แนน่ ทนนาน ไขมนั จงึ ส กลายเปน็ สว่ นผสม ในฐานะสารชนดิ หนงึ่ ทเ่ี ปน็ สว่ นประกอบของสี ทำ�หนา้ ทเ่ี กาะ น่ ติดผิวหน้าของวัสดุที่ทาหรือระบาย นอกจากไขมัน ในเวลาต่อมาก็มีพัฒนาการ ห์ ด้านส่วนผสมท่ีมีคุณสมบัติเกาะติดผิวหน้าท่ีดีข้ึน ทั้งไข่ขาว ข้ีผ้ึง (wax) นํ้ามัน ไ ลินสีด (linseed oil) กาว ยางไม้ (Gum Arabic หรือยางไม้จากต้นอคาเซีย) ท เคซนี (casein หรอื ตะกอนโปรตนี จากนม) และสารพลาสตกิ โพลเี มอร์ (polymer) ย ทำ�ใหเ้ กดิ สีชนิดต่างๆ ทส่ี ร้างสรรค์ความงามอย่างไม่มีขีดจำ�กดั เ พ่ิ สีไทยเป็นต้นทุนวัฒนธรรมท่ีแสดงถึงอัตลักษณ์เฉพาะ ภูมิปัญญา ม อันทรงคณุ คา่ นีม้ ที งั้ เรอ่ื งที่มาของ “ช่อื สี” การ “ปรงุ ” สีจากวัตถุดบิ มู ตา่ งๆ และการ “จบั คสู่ ”ี เพ่ือให้งานทรงพลัง แสดงความหมาย ล ซ่ึงประการหลังนี้เป็นแบบอย่างหรือสไตล์เฉพาะตัว ค่ รวมถึงเทคนคิ ในการนำ�ไปใช้ า สีท่มี นษุ ยใ์ ช้ทั่วไปได้มาจาก ธุ ร • สสารท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติจากพืช สัตว์ กิ แร่ธาตุ แล้วนำ�มาใช้โดยตรง หรือด้วยการสกัด จ ดดั แปลง 23 • สสารท่ีได้จากการสังเคราะห์และผลิต ดว้ ยกระบวนการทางเคมี เพอื่ ใหน้ ำ�มาใชส้ ะดวก ข้ึน เป็นผลิตภณั ฑ์ท่เี ราใช้กันในปัจจบุ ัน • แสง พลังงานชนิดเดียวที่ใหส้ ใี นรูปของ “รังสี” (ray) ท่ีมีความเข้มของแสงอยู่ในช่วงที่ ตาเห็นได้ องคค์ วามรเู้ รอื่ งสไี ทยเปน็ ความรเู้ ฉพาะของครชู า่ ง การใช้สีไทยปรากฏหลักฐานในงานจิตรกรรมฝาผนังซ่ึง ส่วนใหญ่นิยมใช้สีฝุ่น เพราะสามารถแสดงรายละเอียดบน ผนงั ไดม้ าก การคมุ โทนสแี ละการเกลย่ี สที ำ�ไดง้ า่ ย สฝี นุ่ ทำ�ให้ พ้ืนผิวงานมีความแห้ง ด้าน ย่ิงเม่ือมีการปิดทอง เน้ือทอง ไมก่ ระจายไปตดิ ส่วนอ่นื ๆ แตส่ ฝี นุ่ ส่วนมากไม่คงทน เพราะ ความช้นื จากสภาพดินฟ้าอากาศท่แี ทรกซมึ เข้าส่ผู นังปูน

คำ�เรียกสีไทยเป็นชื่อเรียกชองช่างตั้งแต่สมัยโบราณ แต่หลักฐานการ เรียกช่ือสีไทยที่มีการบันทึกไว้ ค่อนข้างหายาก และครูช่างศิลปะไทยท่ี “ปรุง” สีใช้เอง มคี วามรู้เรื่องช่ือเรยี ก และรู้ค่าสที ี่แทจ้ รงิ ยิ่งหายาก การเส่ือมขององค์ความรู้สีไทยเร่ิมมาอย่างช้าๆ ราวร้อยปีก่อน มี เอกสารของฝร่ังเศสระบุว่า ผง “ปรัสเซียนบลู” (Prussian Blue) ซ่ึงเป็นสี สังเคราะหส์ ีนํ้าเงินเข้ม เขา้ มาถึงเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 ชา่ งไทยนิยมใชเ้ ขียน งานจิตรกรรมฝาผนังและใช้ย้อมผ้า พอถึงรัชกาลที่ 5 ความนิยมก็เปลี่ยนจาก สีปรัสเซียนบลูมาเป็นสีฟ้าสด “อัลตรามารีน” (Ultramarine Blue) ซึ่งสังเคราะห์ขึ้นคร้ังแรกในโลก เม่ือปี 2373 แตช่ ่างไทยนยิ มเรยี กวา่ “ครามฝรัง่ ” เร่ิมจากสีน้ําเงินประเดิม แรก จากนนั้ สสี งั เคราะหน์ านาสกี โ็ ถม เข้าสู่ตลาด เพราะให้สีสันท่ีสดใสและใช้ งานสะดวกกว่า จนช่ือเรียกสีไทยและการปรุงสี แทบมลายไปจากวิถีชีวิตของคนไทย ที่ยังเหลืออยู่ก็มักจะเป็นความรู้เฉพาะตัว ครชู า่ ง ซงึ่ มกั เปดิ เผยในหมลู่ กู ศษิ ยแ์ ละลกู หลานใกลช้ ดิ ทกุ วนั น้ี ยงั มกี ารใชส้ ไี ทย ในการทำ�งานศลิ ปะแนวอนุรกั ษ์ สว่ นการนำ�สีไทยมาใช้ในการออกแบบร่วมสมยั นน้ั แทบไมพ่ บ แมช้ อื่ สไี ทยบางชอื่ ยงั คงมกี ารเรยี กขานอยบู่ า้ ง เชน่ สแี ดงเลอื ดนก สีนํ้าตาลไหม้ สีคราม สีเหลืองจำ�ปา ฯลฯ แต่นับวันก็เหลือน้อยลง ศิลปินและ นักออกแบบร่นุ ใหมไ่ ม่คุน้ ชอ่ื เรยี กสไี ทย ไม่รจู้ กั โครงสีและสดั สว่ นการใช้งานเพ่อื ออกแบบ เพราะขาดแหล่งอ้างองิ ทช่ี ดั เจนและเปน็ มาตรฐาน จงึ เลือกใชร้ ะบบสี CMYK ที่เปน็ ระบบสตี าย (solid color) หรอื ระบบแพนโทน (Pantone) ซ่ึงเปน็ ช่ือบริษัทท่ีดำ�เนินกิจกรรมเกี่ยวกับสีส่ิงพิมพ์ มีการระบุค่าสีและหลักการอ้างอิง เพื่อควบคุมขนาดของเม็ดสกรีนในสภาวะการพิมพ์ จนกลายเป็นความนิยมใช้ ในการออกแบบสิ่งพมิ พ์ สถาปัตยกรรมและงานออกแบบตกแตง่ ภายใน ผา้ และ สิ่งทอ ผลติ ภณั ฑ์ และงานหตั ถอุตสาหกรรม 24

อตั ลกั ษณ์บนความเหมอื น สี หวั โขนเปน็ งานชา่ งไทยที่ยงั สืบทอด เ จนทุกวันนี้ ท้ังรูปแบบและวสั ดุ ส ปรงุ สีทส่ี ืบทอดจากโบราณ สมี ี น่ บทบาทในการแยกแยะตวั ละคร ห์ ทำ�ใหผ้ ูช้ มรู้ว่า หน้ายักษท์ เ่ี หมือนกัน ไ ท คือใคร หรือหนา้ ลิงท่ีเหมือน ย กนั นน้ั ตัวไหนคอื หนุมาน เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 25

การแบ่งหมสู่ ไี ทย สีหลักท่ีปรากฏใช้ในงานจิตรกรรมไทยสมัยก่อนมีอยู่ 5 หมู่หลัก คือ สีดำ� ขาว แดง เหลอื ง คราม รวมเรยี กว่า “สเี บญจรงค์” ส่วนสที ี่แปลกออกไปก็ เกดิ จากการผสมสี 5 สีหลกั ดังกล่าว แตกออกเปน็ อีก 5 หมู่สี ไดแ้ ก่ สสี ม้ สีเขยี ว สีมว่ ง สนี ํ้าตาล สีทอง เพอื่ ความเขา้ ใจสไี ทยในภาพรวม จึงใครเ่ รยี งลำ�ดับสที ั้งหมวดหลกั เดิม และสีท่ีเกิดจากผสมใหมใ่ นลกั ษณะกลุ่มโทนสีเดยี วกัน 26

สี ๑. หม่สู ีแดง สีแดงถือว่ามีความสำ�คัญท่ีสุดในงานศิลปกรรมไทย เน่ืองจากเป็นหมู่สี เ (Red) ท่ีมีการใช้งานมาก และเป็นโครงสีส่วนรวม ด้วยเช่ือกันว่าสีแดงแทนสัญลักษณ์ ส ความวา่ งเปล่า เป็นสีบรรยากาศของสวรรค์ เป็นสแี หง่ ความศกั ดสิ์ ิทธิ์ เช่นเดียว น่ สที ี่มีช่ือน�ำ ด้วยคำ�ว่า “หง” กับประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ท่ีมักจะใช้สีแดงเป็นหลัก ด้วยความเชื่อว่าสีแดง ห์ สีในหมู่สีแดงและ คือสแี หง่ รุ่งอรณุ สแี หง่ ความเปน็ มงคล ไ ท หม่สู เี สน ทม่ี ีการผสม ในหมู่สีแดงมีความแตกต่างจากชื่อที่เรียกตามวัสดุสีที่มาจากธรรมชาติ ย ใหอ้ อ่ น จะใชค้ ำ�วา่ “หง” ทงั้ ท่ีเป็นพชื และแรธ่ าตุ ดังตวั อย่างเหลา่ นี้ เ พ่ิ นำ�หนา้ เช่น หงชาด สีชาดหรือ สีแดงชาด (vermillion, bright red, crimson) เป็นสีเดียว ม (สีชาดอ่อน) หงดิน กับสีชาดก้อน ซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหน่ึง เรียกว่าซินนาบาร์ (cinnabar) ใช้เข้ายา มู (สีดนิ แดงออ่ น) หงเสน แผนโบราณเพ่อื รกั ษาโรคเกี่ยวกับกระดกู สชี าดถือเป็นแม่สีของสีไทย ล (สีเสนออ่ น) เป็นต้น ค่ บันทึกเก่ียวกับท่ีมาของชาดยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด เพียงแต่มีระบุไว้ 2 า อย่าง ข้อมูลหน่ึงบอกว่า ชาดเป็นแร่ธาตุเหมือนก้อนหินที่นำ�เข้าจากจีน ได้แก่ ธุ ชาดก้อน ชาดหรคุณจีน ชาดจอแส ชาดผง และชาดหรคุณไทย (สีแดงค่อนข้าง ร เหลอื ง) ชาดหรคณุ จนี เปน็ สที เ่ี ปน็ โลหะหนกั จงึ ใชเ้ ขยี นตดั เสน้ บนแผน่ ทองคำ�เปลว กิ ได้ดีกว่าชาดชนดิ อืน่ และได้รบั ความนิยมใชใ้ นงานจิตรกรรมไทย จ อกี ขอ้ มูลหนึง่ บอกว่า ชาดเป็นสที ไ่ี ดจ้ ากพืชชนดิ หนง่ึ เรียกว่า “ตน้ ชาด หรคุณ” โดยการนำ�เมล็ดหรือก้าน มาโขลกละลายนํ้า กรองเอาแต่ตะกอน ใช้ ระบายหรือเขียนลวดลายตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ภายหลังมีสีชาดมาจากเมืองจีน ซงึ่ ทำ�มาจากพชื ชนดิ เดยี วกนั แตเ่ นอ้ื ละเอยี ดและสสี ดกวา่ ชา่ งเขยี นจงึ หนั มานยิ ม ใช้สีชาดจากเมืองจีนกันมาก ใช้ระบายพื้นภาพและตกแต่งลวดลาย ตลอดจน ตดั เส้นต่างๆ สแี ดงลนิ้ จ่ี ชาวตะวนั ตกเรยี กวา่ crimson เปน็ สแี ดงเขม้ เหมอื นแดงกาํ่ ทำ� มาจากแมลงโคชีนลิ (Cochineal) เป็นสสี ำ�เรจ็ มาจากเมืองจีนที่เรยี กวา่ “อินจี” ชาวงิ้วนิยมใช้ทาปาก เน้ือสีทำ�เป็นผลึกเล็กๆ ทาเคลือบบนแผ่นกระดาษ เมื่อ จะใช้ก็เอาผลกึ มาละลายกบั นํ้า สดี ินแดง เป็นสที ม่ี คี ณุ ลกั ษณะแดงคล้ําเพราะได้จากดนิ แดง หรือเกดิ จาก สนิมแร่เหล็ก (red iron oxide) สดี นิ แดงเทศ เปน็ สดี นิ แดงจากอนิ เดยี (hematite) เนอื้ สคี อ่ นขา้ งแขง็ กวา่ ดินแดงไทยและสีสดใสกว่า และมีใช้น้อย (ตัวอย่างงานสีดินแดงเทศจากอินเดีย หาดูได้ในงานจิตรกรรมในวัดท่ีสร้างข้ึนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น วัดดุสิตตาราม พระทีน่ ่ังพทุ ไธสวรรค์ เปน็ ต้น) นอกจากน้ียงั มีสีดนิ แดงเทศจากเมืองจนี เนอื้ เป็น ผงละเอยี ด เปน็ สีทช่ี ่างไทยยงั ใช้จนปจั จบุ ัน สหี งสบาท เป็นช่ือสีเกา่ ทพ่ี บหลกั ฐานเรยี กมาตั้งแต่ปี 2397 แปลวา่ เท้า ของหงส์ เปน็ สไี ทยในหมสู่ แี ดงออกชมพู เปน็ สขี นั้ ทส่ี องทเี่ กดิ จากการผสมระหวา่ ง สลี ้นิ จี่กับสีขาว เจอื สีรงเลก็ น้อย โดยเปรียบเทยี บสจี ากเท้าหงส์ หรือหงอนไก่ คือ มสี ีแดงชมพอู มม่วง สแี ดงชมพูอมเหลือง สีแดงเรื่อ สีชมพู (pink) หรือศรชี มภู เป็นสเี ดยี วกับหงชาด หรือสีชาดออ่ น 27

สีหม้อใหม่ หรือ ไลท์เรด (Light Red) หรือสีหงเสน (สีเสนผสมขาว) ตำ�ราคชบาลกำ�หนดลักษณะสขี องชา้ งเผือกวา่ เปน็ สหี ม้อใหม่ สีอฐิ คอื สแี ดงเสน ผสมกบั ดำ�นิดหน่อย สีแดงเลือดนก เป็นสีไทยในหมู่สีแดง เกิดจากการผสมระหว่างสีแดงกับ สลี ิ้นจี่ กบั สดี ำ�เขม่า เป็นสแี ดงเขม้ สจี ะสดกวา่ สีเลือดหมู ๒. หมู่สเี หลอื ง ในหมสู่ เี หลอื ง มลี ักษณะต่างกนั บ้างเล็กน้อย ดังน้ี (Yellow) สีเหลืองดิน ทำ�จากดินชนิดหนึ่งท่ีมีเนื้อสีเหลืองหม่น ไมใคร่สดใส เนื้อสี ตดิ จะหยาบ ใชร้ ะบายพน้ื ดาดๆ ทว่ั ไป ไมใ่ ครใ่ ชเ้ ขยี นสงิ่ ละเอยี ดประณตี เทา่ ใดนกั สีน้ีตรงกับสี Yellow Ocher สเี หลืองรง (yellow, gamboge tint) เปน็ สไี ทยในหมสู่ เี หลือง บางทีเรียก วา่ “รงทอง” เป็นสใี นแม่สไี ทย เปน็ สีเหลืองสดใสกว่าสเี หลืองดิน คำ�ว่า “รงค์” นน้ั หมายถึง “สี” โดยเฉพาะ แตช่ า่ งเขียนนิยมเรยี กว่า “รง” หว้ นๆ เป็นที่ร้กู นั ว่าหมายถึงสีเหลืองสดท่ีได้จากยางต้นรงทอง (หมายถึงสีเหลืองพระจันทร์ หรือ gamboge tint ไม่ใช่เหลืองมะนาว) สีเหลืองรงนั้นได้จากยางของต้นไม้ยืนต้นชนิดหน่ึงเรียกว่า ต้นรง (ช่ือ พฤกษศาสตร์ Gracinia Hanbury Hook) ขึ้นอยู่ตามป่าและบนเกาะบางแห่ง แถบจังหวัดชายทะเลภาคตะวันออกของอ่าวไทย บริเวณเกาะลังกา และแถบ อนิ เดยี ใต้ การเตรยี มเกบ็ รง บางแหง่ ยงั ใชว้ ธิ สี บั ยางรงจากตน้ บางแหง่ ลอกเปลอื ก แล้วนำ�มาทุบให้แหลก นำ�มาเคี่ยวไล่นํ้าให้ระเหยออกจนยางรงงวดข้ึนได้ที่ จึง กรอกนา้ํ ยางรงในกระบอกไม้ไผข่ นาดยอ่ มๆ ทงิ้ ไว้ให้เยน็ ยางรงจะจบั ตวั แขง็ เม่ือ ผา่ กระบอกออก เนอ้ื รงจะมลี กั ษณะเปน็ แทง่ กลม ยาว เมอื่ จะนำ�มาใช้ กฝ็ นกบั นาํ้ ให้รงละลายออกเปน็ สี เพือ่ ใชเ้ ขยี นระบายภาพ สีเหลืองหรดาล (orpiment) มาจากหินสีเหลืองที่เป็นแร่ชนิดหน่ึง ประกอบด้วยธาตุสารหนูและกํามะถัน ปรากฏในธรรมชาติ 2 ชนิดคือ หรดาล แดงกบั หรดาลกลบี ทอง ซงึ่ มักอยปู่ นกนั ในการใช้งาน นำ�มาฝนบนหินกับน้ําจะ ไดน้ าํ้ สีเหลือง ใช้เขยี นลายรดนาํ้ และสมุดดาํ ไม่นยิ มนำ�มาเขยี นภาพ เพราะเขยี น แลว้ เป็นปรปักษ์กับปูน ทำ�ให้สเี ปลีย่ นเป็นสีดำ� สเี หลอื งจ�ำ ปา เกดิ จากการผสมสเี หลอื งรงกบั สขี าดเลก็ นอ้ ย เปน็ สเี หลอื ง เขม้ โดยการเปรยี บเทยี บกบั ดอกจำ�ปา สเี หลอื งไพล เปน็ สเี หลอื งออ่ นอมเขยี วนดิ หนอ่ ย เกดิ จากการผสมฝนุ่ ขาว กบั เหลืองรง เจอื ครามนิดหน่อย 28

สี ๓. หม่สู ีส้ม สเี สน (light red, vermillion, red lead) เป็นสไี ทยในหมู่สีแดง บางทจี ึง เ (Orange) เรียกวา่ สีแดงเสน (red lead) หรอื สีแสด คำ�วา่ เสน มาจากคำ�ว่า “ซน๊ิ ” ซง่ึ เปน็ ส ภาษาจีน ฝรง่ั ใช้ทาเหลก็ เพ่อื กนั สนมิ เพราะสเี สนเกิดจากสนิมดบี กุ หรือออกไซด์ น่ ๔. หมูส่ ีเขยี ว ของตะกั่ว ที่ปล่อยให้ระเหยขึ้นไปจับกับภาชนะท่ีรองรับเบ้ืองบนแล้วเกิดเป็นสี ห์ (Green) ซึ่งมักนำ�เข้ามาจากจีน เป็นสีท่ีละลายน้ํายาก ใช้เวลาบดนาน เป็นสีที่มีนํ้าหนัก ไ มาก สีแดงเสนมีคุณลักษณะเป็นสีแดงส้มหรือแดงอมเหลืองแก่ เป็นสีท่ีสดและ ท ๕. หมู่สดี �ำ สวา่ งมาก มคี ุณสมบัติพเิ ศษทไ่ี มส่ ามารถเทียบสผี สมโดยวธิ ีปกติได้ ย (Black) เ สีหงเสน เปน็ เสนปนฝุ่นขาว หรอื เสนอ่อน เรียกอีกอยา่ งว่าสีหม้อใหม่ พ่ิ สเี ขยี ว ถือว่าเปน็ สีสวรรค์ หมายถึงฟา้ เป็นสีป้องกนั ภยั คนสมัยกอ่ น เมอ่ื ม เรียกสีเขียวจะหมายความไปถึงสีฟ้า สีน้ําเงินด้วย เช่น คำ�ว่า สุดหล้าฟ้าเขียว มู หมายถึง ท้องฟ้าสีครามนั่นเอง สีเขียวในหมู่สีไทย จะมีเฉดสีที่รองลงมาจาก ล หมู่สีแดง เพราะมวี สั ดุที่ใหส้ ีเขยี วหลากหลาย รวมถงึ การเทียบสีกับธรรมชาติ ค่ สเี ขยี วตง้ั แช เปน็ สเี ขยี วทน่ี ำ�เขา้ จากเมอื งจนี เกดิ จากการนำ�ทองแดงแชใ่ น า กรดเกลอื ประมาณ 1-2 สปั ดาห์ จะเกดิ เปน็ สนมิ ทองแดงปรากฏใหเ้ หน็ เปน็ สเี ขยี ว ธุ จากนน้ั ขูดออกแล้วผา่ นนาํ้ ให้หมดความเค็ม นำ�มาบดใช้เป็นสเี ขียวเขยี นรปู ชือ่ นี้ ร เป็นภาษาจนี จากคำ�วา่ ตง้ั หมายถึง ทองเหลอื ง ทองแดง แช หมายถงึ เขยี ว เปน็ กิ สีครามอมเหลือง บางทเี รียกวา่ เขียวตัง้ แชฅ (Green Bronzes) สีเขยี วตั้งแชมา จ จากสนมิ เขยี ว (เกดิ จากการแชแ่ ผน่ ทองแดงในกรดนา้ํ สม้ สายชหู รอื พวกงานโลหะ จะเหน็ สนมิ เขยี ว) หรอื ทเ่ี ราเหน็ บนรปู ปน้ั เวลาทท่ี ำ�ปฎกิ ริ ยิ ากบั อากาศไปนานๆ มี 29 การเอาวธิ นี ั้นมาทำ�สีในพวกเครอ่ื งศลิ าดลด้วย สเี ขยี วใบแค เปน็ สเี ขยี วเขม้ คอ่ นขา้ งดำ� เกดิ จากการผสมยางรงกบั เขมา่ หรอื หมกึ จีน หรอื นำ�สีรงผสมกับสคี ราม ก็จะไดส้ เี ขียวเขม้ มากย่งิ ข้ึน สเี ขียวมะกอก เป็นสไี ทยในหมู่สีเขยี ว เกิดจากการผสมระหว่างสีเหลอื งรง กับสีครามนิดหน่อย และสีเสนเล็กน้อย โดยการเปรียบเทียบสีจากผลมะกอก มีความใกลเ้ คยี งกับสีเขยี วไพร สดี ำ�เขมา่ (lamp black) บางทีเรียกอกี อย่างหนง่ึ วา่ สีเขม่า ซ่ึงเปน็ ภาษา เขมร แปลวา่ ดำ� ตรงกับทีม่ าจากการเอาเขมา่ จากควันไฟทลี่ อยขน้ึ ไปจบั รวมตวั กันเป็นก้อนตามปล่องไฟหรือก้นกระทะ มาบดกับน้ํากาวเพ่ือให้ได้สีดำ�ใช้เขียน ภาพ เขม่าจากไฟฟืนจะมีเน้ือสีหยาบ ส่วนเขม่าจากการเผาไหม้ของน้ํามันยาง จะมีเนื้อละเอียดมาก ยังมีสีถ่านที่ได้จากการเผากระดูกสัตว์จนไหม้เป็นถ่านดำ� แล้วบดละเอยี ด สเี ทา สมี อหมึก เปน็ สไี ทยในหมสู่ ดี ำ� สเี ทาบางทีเรยี ก สีมอหมกึ อ่อน หรือ สีสวาด เกิดจากการผสมกันระหว่างสีดำ� หรือสีดำ�เขม่ากับสีขาว สีเขม่าชนิดดี มักห่อขายเป็นแหนบเล็กๆ สีดำ�อีกชนิดเรียกว่า “หมึก” เป็นสีดำ�ผสมยางไม้ ปั้นเป็นแท่ง นำ�มาฝนละลายกับน้าํ เพ่อื ใชต้ ดั เสน้ ดำ�ทีเ่ ป็นส่วนละเอียด

๖. หมู่สขี าว สีฝุ่นขาว (white lead) ช่างรุ่นเก่าเรียกสีขาวว่า “ฝุ่น” ตามภาษาจีน (White) กวางตงุ้ ทเ่ี รียกแปง้ ว่า ฝนุ่ เกดิ จากออกไซด์ของตะกวั่ (zinc oxide) โดยใช้ความ รอ้ นจากก๊าซคาร์บอน รมแผน่ ตะก่วั ทำ�ใหเ้ กดิ สนมิ ขาว เนอื้ สลี ะเอียดและขาวจัด ๗. หมูส่ นี าํ้ เงนิ (Blue) สีขาวกะบัง ทำ�จากดินเนื้อละเอียดสีขาวท่ีเรียกว่า Braytar เป็นสีที่มี นา้ํ หนักมาก นำ�มาแชน่ า้ํ แล้วกรองให้สะอาด เกรอะจนแหง้ (เกรอะ คอื การกรอง โดยแยกเอาแต่ส่วนที่เป็นนํ้าใสหรือส่วนละเอียดท่ีนอนก้น) เหลือเน้ือดินบริสุทธิ์ ท่ีเรียกว่า กะบัง จากนั้นป่นให้ละเอียด แล้วผสมกาวทา มีสีขาวหม่นอมเทา มักใชท้ าหรอื ระบายเพอ่ื รองพนื้ หรอื ทางานหยาบๆ สปี ูนขาว (carbonate of lime) ทำ�จากเปลือกหอยหรอื หินปูนเผาไฟให้สกุ แล้วแช่นํ้าปูน หินจะละลายเป็นแป้ง นำ�มาเกรอะจนแห้งแล้วบดให้ละเอียด กอ่ นใช้ มกั นยิ มทาระบายในงานหยาบๆ สคี วายเผือก เป็นสีไทยในหมู่สขี าว ออกไปทางชมพู เกิดจากการผสมสฝี ุน่ หรอื สขี าวผ่องกบั สแี ดงลิ้นจ่ี เจอื รงเล็กนอ้ ย บางทเี รยี กว่า สสี ำ�ลาน (เหลอื งปน แดง) ใช้เทยี บสจี ากสีควายเผอื กนนั่ เอง สีคราม เป็นสีไทยในหมู่สีคราม (สีนํ้าเงิน) ท่ีมีขั้นตอนทำ�ท่ียุ่งยากและ ซับซ้อน กล่าวคือ นำ�ใบครามมาหมักกับนํ้าปูน และช่างก่อหม้อครามก็ต้องมี ประสบการณ์ในการเตรยี มสคี รามอกี ดว้ ย สที ไี่ ดจ้ ากต้นครามมีช่อื เรยี กตา่ งกันออกไปหลายนยั เช่น สีขาบ สีนาํ้ เงิน สกี รมทา่ การทเ่ี รยี กสคี รามตา่ งกนั ออกไปเชน่ นกี้ เ็ นอ่ื งมาจากลกั ษณะออ่ นหรอื แก่ ของสคี ราม พอจะอธิบายได้วา่ สขี าบ (green, verdant) เป็นสไี ทยในหมูส่ ีคราม เกดิ จากการผสมสีคราม กบั สีขาว เปน็ สคี อ่ นไปทางสีฟ้าหม่นกลางๆ เล็กนอ้ ย พอ้ งกับสปี กี ของนกตะขาบ จึงเรียกสน้ั ๆ ว่าสีขาบ สนี �้ำ เงนิ ลกั ษณะสคี รามทคี่ อ่ นไปทางเขยี ว คลา้ ยสเี ปลวไอรอ้ นจากเนอ้ื แร่ เงินหลอมละลายในเบ้า จงึ เรยี กสีนา้ํ เงิน สีกรมท่า เป็นสีครามมืด เป็นสีนุ่งของข้าราชการในกรมท่า การนุ่งผ้า ของข้าราชการในกรมต่างๆ สมัยกอ่ น มีความหมายให้รวู้ า่ สงั กดั กรมกองใด เช่น กรมท่า-นุ่งผ้าสคี ราม กลาโหม-นุง่ ผา้ สลี ูกหวา้ เป็นต้น สีน้ำ�ไหล (sea green) เป็นสีไทยในหมู่สีคราม เกิดจากการผสมระหว่าง สคี รามกบั สขี าว เจอื เหลอื งรงเลก็ นอ้ ย เปน็ สฟี า้ ออ่ นอมเขยี ว โดยการเปรยี บเทยี บ จากสีนํา้ ท่สี ะท้อนสีฟ้า สที ม่ี ชี ือ่ น�ำ ดว้ ยค�ำ ว่า “มอ” สีครามหรอื สดี ำ� ทีม่ กี ารผสมใหอ้ ่อนดว้ ยการเจอื สีขาว จะมีคำ�วา่ “มอ” นำ�หน้า แสดงใหร้ วู้ า่ หม่นหรอื จางลง เชน่ มอคราม (สีครามออ่ น) มอหมึก (สหี มึกอ่อน) เปน็ ต้น 30

สี ๘. หมู่สีม่วง สีลูกหว้า เป็นสีไทยในหมู่สีม่วง ถ้าเป็นสีทางจิตรกรรมไทยจะหมายถึง เ (Violet) สีมว่ งแดงเข้ม เกิดจากการผสมสคี ราม เจือดว้ ยสีลนิ้ จี่ หรือการนำ�เอาขค้ี รงั่ (รัง ส ของตัวคร่ังท่ีติดอยู่กับต้นฉำ�ฉา) มาชงน้ําร้อน แล้วนำ�ไปต้มจนเดือด กรองด้วย น่ ๙. หมู่สนี ้าํ ตาล ผ้าขาวบาง แล้วเคี่ยวจนแหง้ เหลอื กากตะกอนเปน็ สแี ดงคล้าํ อยา่ งสีลูกหวา้ นำ� ห์ (Brown) ตะกอนไปบดใหล้ ะเอยี ดแลว้ ผสมกาวเพื่อใช้เขยี นระบาย แต่ถา้ เปน็ สที ี่ใช้ยอ้ มผา้ ไ จะใช้ผลลูกหวา้ สุก คนั้ เอาแตน่ ํ้า แลว้ นำ�ไปตม้ ย้อม จะไดส้ ีม่วงอ่อน เปน็ คนละสี ท ๑๐. หม่สู ที อง กับทางจิตรกรรมไทย สีลูกหว้าเป็นสีนุ่งประจำ�กระทรวงกลาโหม คนที่ใส่นุ่ง ย (Gold) ลูกหว้า จงึ มักเรียกว่านุ่งผ้า “สีกลาโหม” เ พ่ิ สมี ว่ งเมด็ มะปราง เปน็ สไี ทยในหมสู่ มี ว่ ง เกดิ จากการผสมระหวา่ งสแี ดงลนิ้ จี่ ม กับคราม เจือสีขาวและสีดำ�เล็กน้อย โดยการเปรียบเทียบสีจากเม็ดมะปรางท่ี มู ผ่าเมล็ดออกแลวั สังเกตสที ่ีอยู่ด้านใน ล ค่ สนี �ำ้ ตาลไหม้ เปน็ สไี ทยในหมสู่ ดี นิ สนี า้ํ ตาล เกดิ จากการผสมระหวา่ งสคี ราม า สีดนิ แดง สีเหลอื งดินและเจอื สดี ำ�เขมา่ เป็นสนี าํ้ ตาลเขม้ โดยการเปรียบเทยี บสี ธุ จากนํา้ ตาลท่ีไหมไ้ ฟ เรียกว่าสีนาํ้ ตาลไหม้ ร กิ สีกะปิ เปน็ สนี า้ํ ตาลอมม่วงหม่นๆ เหมือนสีของกะปิ จ สีทองแดง (copper colour) สีเหมือนแผน่ ทองแดง สีนาก (red gold) คอื สเี ดียวกับสที องแดง สที อง คือสีเหลอื ง เช่น ศรหี ัวขม้นิ หรือสีใบไม้สุกเหลอื ง สเี หลอื งทอง (golden) เปน็ สีเดยี วกบั สีรงทอง สที องค�ำ /ทองค�ำ เปลว สที เี่ ปน็ เอกลกั ษณข์ องไทย เปน็ สศี กั ดส์ิ ทิ ธิ์ และถอื วา่ เปน็ สที ี่มคี า่ มากทสี่ ดุ 31

วสั ดุปรงุ สไี ทย กาวกระถิน (Gum Arabic) สไี ทยท่ใี ชใ้ นงานจิตรกรรม มกั เตรยี ม ในรปู ของสฝี ุน่ การเขียนระบายสจี งึ ต้องผสมแล้วมี “ตวั จบั ” หรอื ตวั ประสาน สง่ิ ทว่ี า่ น้ีคือ กาวและยางไม้ อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ชา่ งเขยี นรูปภาพแบบ ประเพณแี ตส่ มยั โบราณ นิยมใช้ยางไม้ทเี่ ก็บจากต้นมะขวดิ นำ�มาละลายใน นา้ํ ร้อนใหเ้ ปน็ น้าํ ยางเหลว ผสมสฝี ุ่นระบายรูปและเขียนลวดลาย ต่อมา เปลีย่ นไปนิยมใชก้ าวกระถนิ แทน (ยางกระถิน เป็นพรรณไม้ทน่ี ำ�เขา้ จากอินเดยี ) 32

สี ยางรัก (Lacquer varnish) ทองคำ�เปลว (Gold leaf) เ ส เปน็ นํา้ ยางทไ่ี ด้จากต้นไมย้ นื ต้น ทองท่ไี ด้รบั การตีแผจ่ นเป็นแผน่ ทีบ่ างมาก น่ ขนาดกลาง (ไมใ่ ช่ดอกรกั ทีร่ ้อย มักจะใชส้ ำ�หรบั การปดิ ทอง (gilding) ห์ มาลยั ) ขึ้นทวั่ ไปตามป่าเบญจพรรณ หรอื ปิดบนองคพ์ ระพุทธรูปหรอื สง่ิ สักการะ ไ มีลูกท่ีมปี ีกหมุนเหมือนตน้ ยางโทน ท ใชท้ าไมแ้ ละวัสดตุ า่ งๆ เพื่อรกั ษาผิว ย ให้คงทน ทารองพนื้ ผิวเพอ่ื ปดิ ทอง เ ในงานหัตถศลิ ป์ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ เม็ดมะกล�ำ่ ตาช้าง (ชือ่ พฤกษศาสตร์ Adenanthera pavonina) เปน็ ไมย้ นื ต้น ในหลักฐาน พบว่า เคยนำ�มาบดทำ�สีให้เป็นสีแดง ครง่ั (Lac) ครัง่ เปน็ ผลิตผลจากแมลงชนิดหน่ึง เรียกวา่ แมลงครั่ง เปน็ แมลงขนาดเลก็ ที่ใชง้ วงเจาะลงไปบนกง่ิ ไมเ้ พ่ือดดู นํา้ เลย้ี ง ไม่สามารถเคลอื่ นทไ่ี ด้ จงึ สรา้ งรงั หอ่ หมุ้ ปอ้ งกนั ตวั รงั น้ปี ระกอบด้วยสารสีม่วงแดง ข้ผี ้งึ สีเหลอื งแก่และยางสีส้ม มนุษย์รจู้ ัก นำ�รงั ของคร่ังมาใชป้ ระโยชน์ต้งั แตโ่ บราณ กว่า 4,000 ปีมาแลว้ 33

ฝาง (Sappan Tree) เปน็ ไม้พุ่มขนาดใหญ่ มี 2 ชนดิ ท่ีมีแก่นสีแดงเขม้ เรียกวา่ ฝางเสน อีกชนดิ หนึง่ แกน่ สเี หลอื ง เรียกว่าฝางส้ม ใชท้ ำ� เปน็ ยาต้ม แตง่ สอี าหาร ทำ�นาํ้ ยาอุทยั และเป็นสีย้อมโดย ใช้แก่นฝางตม้ เคยี่ วจะไดน้ าํ้ สีแดงเขม้ คล้ายด่างทบั ทมิ ดนิ แดง (Red iron oxide) เปน็ สที ่มี ลี กั ษณะแดงคลาํ้ เพราะเกิดจากสนมิ แร่เหลก็ ชาด (Cinnabar) เสน (Red lead) แร่ธาตุชนดิ หนึง่ เรียกวา่ ซินนาบาร์ เสน มาจากคำ�ว่า “ซ้นิ ” ในภาษา ใชเ้ ข้ายาแผนโบราณเพ่อื รักษาโรค จีน ใช้ทาเหล็กกนั สนิม เสนเกดิ ท่ีเกยี่ วกบั กระดูก จากสนิมดีบุกหรือออกไซด์ตะกัว่ ทปี่ ลอ่ ยให้ระเหยขนึ้ ไปจบั กับ ภาชนะทีร่ องรบั ดา้ นบน แลว้ เกิด เป็นสีแดงอ่อน คล้ายชาด แต่สีสดและอมเหลอื งมากกวา่ หญ้าฝร่ัน (Saffron) เปน็ เคร่อื งเทศและเครอ่ื งยาท่ีสำ�คัญ นำ�เข้าจากประเทศแถบอาหรบั (เปอรเ์ ซยี ) มาต้งั แต่โบราณ (อาหรบั เรียก ซะฟะรนั ) ใช้ใส่ในอาหารและเปน็ สยี อ้ ม 34

สี เทอรค์ อยส์ (Turquoise) เ ส เปน็ หนิ ทชี่ าวอินเดียแดง น่ ใช้ทำ�เครอ่ื งรางนำ�โชค มสี ี ห์ เขียวไข่กาและสนี า้ํ ทะเล ไ ท รง (Gamboge tint) ขม้ิน (Turmeric) ย เ มาจากยางตน้ รง (ช่ือพฤกษศาสตร์ เปน็ พชื ลม้ ลุกใน พิ่ Gracinia Hanbury Hook) ให้ วงศข์ ิง มีถิ่นกำ�เนดิ ใน ม สเี หลอื ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มู เปน็ สียอ้ ม ล เขียวตงั้ แช (Green Bronzes) ค่ า มาจากภาษาจนี “ตงั ” หรือ ธุ “ตัง้ ” หมายถงึ ทองเหลอื ง ร ทองแดง สว่ น “แช” หมายถงึ กิ เขยี ว เปน็ สีที่เกดิ จากแช่แผน่ จ ทองแดงในกรดนํ้าสม้ สายชู ทำ�ใหเ้ กดิ สนมิ เขียว แลว้ ขูด สนิมเขียวมาบดใชง้ าน ลาพิส ลาซูรี (Lapis Lazuli) มาลาไคท์ (Malachite) หินชนิดหนง่ึ ที่ประกอบดว้ ยแร่ 3 ชนิด ทำ�ให้มสี ีตา่ ง หินสีเขยี วสด ทบึ แสง มรี ิ้ว กนั คอื แร่ไพไรท์ (Pyrite) สที อง, แรค่ าลไซท์ ให้สเี หมือนเขียวตัง้ แช (Calcite) สขี าว, แร่ลาซไู รท์ (Lazurite) สีนาํ้ เงนิ เปน็ อญั มณที ่คี อ่ นขา้ งหายาก เป็นของมีคา่ คราม (Indigo) มาต้ังแต่โบราณเพราะความท่ีมีสนี ้าํ เงนิ สด เปน็ ไม้พมุ่ พืน้ เมืองในเอเชีย มขี นาดเลก็ ใช้กิง่ ครามท้งั ใบ แช่นํ้าด่างเพอื่ หมักเอานํา้ คราม มายอ้ มผา้ และมาทำ�สีทา จติ รกรรม สนี วล เหลืองดิน ทำ�มาจากสฝี ุ่น หรอื สขี าวผอ่ ง ทำ�จากดนิ ท่ีมี (White lead) ที่เกดิ จาก เนอื้ สเี หลอื งหม่น ออกไซดข์ องตะกว่ั แล้ว ผสมเหลอื งดิน 35

ชือ่ สีไทยและคา่ สไี ทยโทน จากการวิเคราะห์ในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัย ศลิ ปากร เรอื่ ง “การสรา้ งประสบการณส์ นุ ทรยี ะจากสไี ทย” ของอาจารยไ์ พโรจน์ พิทยเมธี (พ.ศ. 2556) ค้นพบช่ือสีไทย และทดสอบค่าสีโดยกำ�หนดตามค่า C M Y K จำ�นวน 156 สี ดังน้ี 36

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 37

38

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 39

40

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 41

42

สี เ ส น่ ห์ ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ 43

การผสมสไี ทยโทน หลกั การผสมสไี ทย นอกจากการผสมใหส้ อี อ่ นและสเี ขม้ ขน้ึ โดยใชส้ ขี าว และสดี ำ�แล้ว ช่างไทยจะใชส้ หี ลกั จบั กันเป็นคๆู่ สตี า่ งสซี ง่ึ เกดิ ขึน้ ใหม่ด้วยวิธีผสม สีจะมีชอ่ื เรียก ดังนี้ ค่าของสี ค่าชองสีเป็นคำ�ขยายเรยี กสที ี่มีการ ผสมให้อ่อนหรือเขม้ ขนึ้ (tint, shade) หรอื น้ําหนกั สสี เี ดยี ว หรอื หลายสี ท่ีเหน็ “คา่ นํา้ หนกั ” อ่อน-แก่ หลายระดบั ต่างๆ กัน ใกล้เคียง กลมกลนื กนั • วธิ ีการผสมสีเพือ่ ให้ “ออ่ นลง” ถา้ เทียบกบั หลกั การผสมสีของชา่ งเขียน ฝา่ ยตะวันตก จะตรงกับการทำ�สีตา่ งๆ ใหจ้ างลงทีเ่ รียกว่าทินท์ (tint) • วธิ กี ารผสมสเี พื่อให้ “เข้มขึน้ ” คือ การทำ�ใหส้ คี ลาํ้ ลงดว้ ยการเตมิ สดี ำ� ผสมลงไปตามขนาดท่ีต้องการ จะมชี ื่อลงท้ายสีที่เกิดใหม่จำ�พวกน้ี ว่า “ตัด” โดยเฉพาะประเภทสีแดง เปน็ แดงตดั ถ้าเป็นบางสเี ช่นสีครามก็จะ ใช้คำ�วา่ “ผ่าน” กลายเปน็ ผา่ นคราม หรอื ครามทเ่ี ข้มขน้ึ วธิ กี ารผสมเชน่ นต้ี รงกนั กบั การผสมสขี องช่างฝา่ ยตะวันตก คำ�วา่ “เฉด” (shade) 44

สี นอกจากการผสมสีข้ึนใหม่ด้วยวิธีจับคู่ดังกล่าวน้ี ช่างเขียนยังเพ่ิมเติม “สที สี่ าม” รว่ มลงไปในสที เ่ี กิดใหม่ เป็นการผสมรว่ มกนั ระหว่างสหี ลักรวมสามสี เ ตา่ งกนั ในเรอื่ งสดั สว่ น สดุ แตว่ า่ จะใชส้ คี ใู่ ดเปน็ หลกั และเจอื สใี ดรว่ มลงตามพอใจ ส ของชา่ งเขยี นแตล่ ะคน สามารถผสมใหเ้ กดิ สมี ากมาย ขนึ้ อยกู่ บั ประสบการณแ์ ละ น่ ความชำ�นาญของชา่ งเขยี น ตวั อยา่ งสที เี่ กดิ ขนึ้ ใหมด่ ว้ ยวธิ กี ารผสมนม้ี ชี อื่ เรยี กตา่ ง ห์ ออกไป ดังน้ี ไ ท ย เ พ่ิ ม มู ล ค่ า ศพั ทเ์ ทคนคิ เฉพาะของการใช้สไี ทย ธุ • เจือ คือการผสมสีที่ 3 ลงไป ร ในการผสมสีหลกั 2 สี กิ • ถ่วง คอื การลดค่าสีท่ีจะใช้ให้ จ เขม้ ข้นึ ดว้ ยการใช้สีดำ�หรือ สคี ู่ตรงข้าม เช่น การถ่วงดำ� คือการลดคา่ สีนนั้ ๆ ดว้ ยการ ผสมสดี ำ� เป็นตน้ • โฉบ คอื การลงสีบางๆ ไปบนสีที่ รองพื้นเอาไว้ก่อนหน้า เพอ่ื ให้ สีรองพืน้ ช่วยขับสที ี่โฉบลงไป ทำ�ใหม้ คี วามสดใสกว่าการระบาย โดยไมม่ รี องพื้น เชน่ การทาสรี งทอง รองพ้ืน แล้วโฉบสีแดงชาด จะได้ สีแดงชาดทส่ี ดขนึ้ เป็นตน้ • อม คือการเรยี กสที ี่เพิ่มตอ่ ทา้ ย สีหลกั หมายถึงสนี ้นั มคี า่ สีอยู่ เล็กนอ้ ย เช่น สีขาวอมเหลอื ง หมายความว่าสีขาวมสี ีเหลอื งอม อย่เู ล็กนอ้ ย เปน็ ต้น • ซับหนุน คอื เทคนิคการทำ�ให้สที ่ี ระบายมีความสดใส โดดเด่นขนึ้ เช่น สีครามตอ้ งซบั หนุน ดว้ ยสเี สน หมายความว่า ทาสเี สน แล้วจงึ ลงสคี ราม การทาสีรงทอง หรือสีแดงชาด กอ่ นจะปดิ ทององคำ�เปลว เพื่อซับหนนุ ให้ทองคำ�เปลวสกุ ปลัง่ ขนึ้ 45

เสน่ห์สไี ทยโทน เพ่มิ มูลคา่ ธรุ กจิ ในการวิเคราะห์สีไทยจากงานจิตรกรรมฝาผนัง สีของงานศิลปะช่าง โบราณ เช่น หัวโขน โดยใช้อุปกรณ์ดิจิตอลท่ีเรียกว่า Colors CAPSURE ของ บริษทั แพนโทน เพือ่ อ่านค่าสแี ละนำ�มาเทยี บเคียงกบั คมู่ ือการอา่ นคา่ สี C M Y K ของแพนโทนเชน่ เดยี วกนั พบวา่ สไี ทยมคี วามเหมอื นกบั เฉดสที ม่ี อี ยแู่ ลว้ ประมาณ 60 เปอร์เซน็ ต์ สว่ นอีก 40 เปอรเ์ ซ็นต์เป็นสที ่ีมคี วามเฉพาะตัว ไมเ่ หมือนใคร เฉดสีที่มีคุณสมบัติโดดเด่น สามารถนำ�มาต่อยอดสร้างสรรค์ผลงาน ได้มากมายท้ังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ งานบริการ และงานโฆษณา ในการพัฒนา สามารถทำ�ได้ 2 แนวทางคือ การใชด้ ว้ ยแนวทางอนุรกั ษ์การปรุงสฝี ุ่นแบบครูชา่ ง โบราณซ่ึงเหมาะกับงานศิลปะที่มีความประณีตเพื่อสร้างนวัตศิลป์ เช่น การทำ� หัวโขน การย้อมผ้า และอีกแนวทางหน่ึงซ่ึงต่อยอดได้ง่ายกว่า คือการใช้สีที่ มีอยูแ่ ลว้ โดยเทียบจากคา่ สแี พนโทน เพื่อสร้างค่าสีไทยโทน เช่น กรณศี ึกษาการ พัฒนาผลิตภัณฑ์สีทาบ้าน สีอคริลิก ยาทาเล็บ ลิปสติก อาหารแปรรูป จนถึง งานโฆษณาต่างๆ ด้วยความท่ีสีไทยก็มีความคล้ายกับสีทั่วไป การใช้สีไทยโดดๆ อย่าง เดียวย่อมมองไม่เห็น “ความต่าง” ผู้ใช้งานจึงควรศึกษาการจับคู่สีไทยโทนเพื่อ สร้างเทรนด์ ผสมการเล่าเรื่องท้ังท่ีเป็นตำ�นาน ท่ีมาของสี หรือบุคคลิกของสีซ่ึง มที ีม่ าจากชอ่ื เรยี กของสี ทงั้ หมดนีส้ ามารถถา่ ยทอดออกมาเป็นงานกราฟิกไทย ทง่ี ดงามและมีความหมายทน่ี ่าสนใจ 46

สี กรณีศึกษาใช้กราฟิกไทยประกอบกับ 6 สีไทยโทนเพ่ือเป็นตัวอย่างในการสร้างอัตลักษณ์ เ สีไทย โดยวางบนคอลเลก็ ชั่นตัวอยา่ งผลงานชดุ ต่างๆ ส น่ หงสบาท คราม ห์ ไ สหี งสบาท สีคราม ท เปน็ สีแดงทเ่ี จอื ขาว ใช้กราฟกิ รูปหงส์ หมายถึง ท้องฟา้ แทนคา่ ดว้ ย ย เ เพอ่ื สะทอ้ นความหมายชือ่ สี กราฟกิ เมฆ และเทวดา พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ เขยี วน้ำไหล มว งเมด็ มะปราง สเี ขียวน�้ำ ไหล สีม่วงเม็ดมะปราง ใช้กราฟกิ สายนาํ้ และปลาตะเพยี น เปน็ บรรยากาศคํา่ คืนของทอ้ งน้าํ เจ้าพระยา แทนค่าดว้ ยกราฟกิ ดอกพุดตาล เรอื นนํา้ และเทศกาลลอยกระทง ดนิ แดง เขียวไพร สีดนิ แดง สเี ขยี วไพร ใชก้ ราฟกิ ร่ม และงานหมอ้ ทอง ใช้กราฟิกไทยลวดลายพรรณพฤกษา ซ่งึ เป็นลวดลายจติ รกรรมฝาผนงั ทล่ี อกลายจากตูพ้ ระธรรมโบราณ สะทอ้ นบรรยากาศสวรรค์ เพราะสีแดง 47 ช่างไทยเรียกวา่ สสี วรรค์

อมนษุ ย์ 7 ตน อมนุษย์ 7 ตน หรอื 7 Monsters เหลา่ น้ี เปน็ การนำ�ความหมายของสี และชอ่ื สี มาสรา้ งบคุ ลกิ ทสี่ นกุ สนาน รว่ มสมยั เพอื่ ใหเ้ ปน็ งานออกแบบทสี่ ามารถ ตอ่ ยอดไดห้ ลากหลาย ทง้ั งานมลั ตมิ เี ดยี ผลติ ภณั ฑ์ เชน่ หมอน และกราฟกิ สำ�หรบั งานบรกิ ารตา่ งๆ หากนำ�มอนสเตอรท์ งั้ 7 มาวางประหน่งึ แอนนิเมชนั่ สักเรอื่ ง เราคงเห็น ภาพพระเอก นางเอก นางร้าย ประมาณน้.ี .. • แนวคิดการออกแบบ (concept design) โดย ไพโรจน์ พทิ ยเมธี • ร่วมออกแบบโดย ธรี วฒั น์ พจนว์ บิ ูลศริ ิ สุรสิทธิ์ จนั ทราทพิ ย์ และ ไพโรจน์ พทิ ยเมธี 48

ควายเผอื ก สี เจา้ ตัวนา่ รักของทมี ซือ่ สตั ย์ เผอ่ื แผ่ แบง่ ปนั สญั ลกั ษณค์ อื เ นกเอ้ียงเกาะบนเขา ส น่ คราม เขียวไพร ห์ สุดแสนจะมาดพระเอก มาจาก ผูช้ ว่ ยนางเอก..ชะนสี าว ไ สีครามท่ที ำ�จากใบคราม สะท้อน ทม่ี ผี า้ ขะมา้ และขลุ่ยเปน็ ท ผ่านบุคลิกทเ่ี ยอื กเยน็ รกั ธรรมชาติ สญั ลักษณป์ ระจำ�ตัว ย ใจดี มีลกั ษณะฮิปสเตอร์หน่อยๆ เ สญั ลกั ษณป์ ระจำ�ตวั คอื จกั รยาน พ่ิ ม มู ล ค่ า ธุ ร กิ จ หงสบาท ดนิ แดง นางเอกแสนเปรี้ยว และสุดจะฟงุ้ ฟ้ิง ผูช้ ่วยพระเอก...บุคลิกร้อนแรง บ้าพลัง สญั ลกั ษณป์ ระจำ�ตัวคอื สวมชฎา แตร่ กั เด็ก สัญลกั ษณ์ประจำ�ตวั คอื คาบพริก มว่ งเมด็ มะปราง เขียวนำ้�ไหล นางแมวย่วั โทสะ นางร้ายท่เี สมือน จำ�อวดของทมี ...ตวั โปร่งใส จะมสี องเพศ หัวเปน็ แมว ตวั เปน็ ดว้ ยสเี ขยี ว นสิ ัยโอนออ่ น ปลาหมึก ยุม่ ยา่ มและเชิดหยง่ิ ผ่อนตาม ประสาตลกไทย สัญลกั ษณป์ ระจำ�ตัวคอื เฉลว ลื่นไหลไปได้ทุกที่ สัญลักษณ์ คอื ลูกตาท่ไี หลไปมาไดท้ วั่ ตัว สญั ลักษณส์ ายนา้ํ บนศรี ษะ 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook