Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 296_60

Description: 296_60

Search

Read the Text Version

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับอารยธรรมจนี ดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ ศูนยเ์ ทคโนโลยีโลหะและวัสดุแหง่ ชาติ วนั ท่ี ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๒๕ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มพี ระราชปฏิสันถารกับ ฯ พณฯ เติง้ เส่ียวผิง รองประธานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสตจ์ นี ณ กรงุ ปักกง่ิ ภาพจากหนังสอื ความรกั ผกู พนั กับจนี : การรำลกึ ๓๐ ปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เสดจ็ ฯ เยอื นจีน หนา้ ๒๖ เปน็ ทท่ี ราบกนั โดยทว่ั ไปในหมปู่ ระชาชนชาวไทย บทความนปี้ ระมวลแรงบนั ดาลพระราชหฤทยั ว่า สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ท่ีทำให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ทรงสนพระราชหฤทยั ในภาษาและวฒั นธรรมจนี อกี ทงั้ ราชกุมารี ทรงศึกษาภาษาและวัฒนธรรมจีน ยงั ทรงเจริญสัมพนั ธไมตรกี ับประเทศจนี อยา่ งต่อเน่อื ง จนเช่ียวชาญ พระราชกรณียกิจท่ีสำคัญอัน พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีน เ กี่ ย ว เ นื่ อ ง กั บ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ไ ท ย - จี น แลว้ กวา่ ๓๐ ครง้ั ไดร้ บั รางวลั ตา่ งๆ จากจนี หลายรางวลั รวมทงั้ เกร็ดเรือ่ งราวต่างๆ ท่ีนา่ สนใจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงได้รับเลือกให้เป็น “สิบมิตรท่ีดี ทสี่ ุดในโลกของชาวจีน” page 77_60-72.indd 60 7/28/15 4:43:05 PM

กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 61 วนั ท่ี ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงฉายพระฉายาลกั ษณร์ ว่ มกบั ฯพณฯ เจีย่ ฉิง้ หลิน ประธานสภาพที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจนี กรรมการประจำกรมการเมืองสว่ นกลางของพรรคคอมมิวนิสตจ์ นี พรอ้ มกบั บคุ คลและตัวแทนทไ่ี ดร้ ับเลือกเปน็ “สบิ มิตรทดี่ ีทส่ี ุดในโลกของชาวจนี ” ภาพจากหนงั สอื ความรกั ผกู พนั กับจีน: การรำลึก ๓๐ ปี สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสด็จฯ เยอื นจีน หน้า ๙๕ ทรงเร่ิมสนพระราชหฤทัยภาษาและอารยธรรมจีน อาจารยเ์ ผยเ์ สยี่ วรยุ่ ๑ เขยี นไวใ้ นบทความเรอื่ ง ทัง้ ทเ่ี ป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรง่ั เศส” เสนห่ แ์ หง่ พระจรยิ วตั รในสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ (ค.ศ. วา่ [๑] “ในปี ค.ศ. ๑๙๗๓ ระหว่างที่สมเดจ็ พระเทพ ๑๙๘๐) ไดเ้ รมิ่ ทรงพระอกั ษรภาษาจนี กบั พระอาจารย์ รัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไป ชาวจีนท่ีสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เยอื นประเทศสวเี ดน ไดเ้ สดจ็ ฯ ชมพพิ ธิ ภณั ฑโ์ บราณวตั ถุ จดั ถวาย ทงั้ นพี้ ระองคท์ า่ นไดท้ รงเลา่ ใหอ้ าจารยฟ์ นั่ ชนุ เอเชียตะวันออกไกล (Museum of Far Eastern หมงิ ฟงั วา่ ทรงเรยี นภาษาจนี ตามคำแนะนำของสมเดจ็ Antiquities) ในกรงุ สตอ็ คโฮลม์ และไดท้ อดพระเนตร พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ อาจารย์ฟ่ันชุนหมิง๒ เห็นเครื่องเคลือบดินเผาของจีนจำนวนมาก นับแต่ ไดเ้ ขยี นไวใ้ นบทความเรอ่ื ง พระราชหฤทยั อนั งดงาม [๑] นั้นมา ก็ทรงเริ่มสนพระราชหฤทัยในเรื่องเก่ียวกับ ว่า “สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ มพี ระราชดำรสั ว่า ‘อย่ามัว วฒั นธรรมจนี ครน้ั เมอ่ื ทรงเขา้ รบั การศกึ ษาในคณะอกั ษร แต่มองไปแต่ทางโลกตะวันตก จีนก็เป็นชนชาติท่ี ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ทรงพระอักษร ยง่ิ ใหญช่ นชาตหิ นง่ึ ตอ่ ไปจะตอ้ งพฒั นาอยา่ งแนน่ อน’” หนงั สอื และตำรบั ตำราเกยี่ วกบั ประเทศจนี จำนวนมาก ๑ เผย์เส่ียวรุ่ย ศาสตราจารยป์ ระจำคณะภาษาต่างประเทศ มหาวทิ ยาลยั ปักกิง่ ๒ ฟ่ันชนุ หมงิ อาจารย์ประจำศูนยภ์ าษาและวัฒนธรรมสำหรบั เจา้ หนา้ ทกี่ ารทตู กรุงปักกง่ิ เป็นพระอาจารยผ์ ถู้ วายพระอักษร ในชว่ งเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑-๒๕๔๔ page 77_60-72.indd 61 7/28/15 4:43:05 PM

62 กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ถึง ๒๕๕๗ สถานเอก แสดงเสมอ หลังจากเสร็จส้ินกิจกรรมท้ังหลายแล้ว อัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้จัดพระอาจารย์ เสด็จฯ กลับถึงท่ีประทับ ก็ยังต้องทรงการบ้านและ ชาวจีนมาถวายพระอักษรแด่สมเด็จพระเทพรัตน เตรยี มบทเรยี นของวนั ถดั ไป มกั จะทรงงานจนถงึ ดกึ ดนื่ ราชสุดาฯ รวมท้ังสน้ิ ๑๓ คน หรืออาจถึง ๑ หรือ ๒ นาฬิกาของวันใหม่ แต่ไม่ว่าจะดึกเพียงไร วันรุ่งขึ้นก็จะทรงตื่นบรรทม ทรงเป็น “นกั เรยี นนอก” ตรงเวลาได้เสมอเพื่อเสด็จออกว่ิงและเร่ิมต้นวันใหม่ ของชีวิตนักศึกษา บันทึกประจำวันของสมเด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม พระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้จดบันทึกกิจกรรมต่างๆ ราชกุมารี ทรงพระราชดำริจะเพ่ิมพูนทักษะ เหล่านีไ้ ว้อย่างชดั เจน” ความรู้ภาษาจีน โดยเฉพาะอย่างย่ิงด้านการพูด บันทึกประจำวันเก่ียวกับช่วงเวลาอันแสน การฟัง และการเขียน ทั้งนี้ได้ทรงเล่าไว้ในหนังสือ พิเศษนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม เม่ือข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอก ว่า “ข้าพเจ้า ราชกุมารี ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์เผยแพร่ เรียนภาษาจนี มา ๒๐ ปแี ล้ว แตค่ วามรูย้ ังไมก่ ้าวหน้า พระราชทานชอ่ื หนงั สอื วา่ เมอ่ื ขา้ พเจา้ เปน็ นกั เรยี นนอก เทา่ ทคี่ วร ทง้ั ๆ ทส่ี ถานทตู จนี จดั ครมู าสอนเปน็ ประจำ หนังสือเล่มน้ีมีเกร็ดเร่ืองราวน่าสนใจท่ีเกิดข้ึนใน จงึ เกดิ ความคิดว่า ถ้าข้าพเจ้าไดม้ าอยใู่ นแวดวงคนจีน แต่ละวัน รวมท้ังภาพประกอบจำนวนมากท่ีช่วยให้ เรียนภาษาจีนอย่างเดียวไม่ต้องทำงานอ่ืนสักพักน่า เขา้ ใจเร่อื งราวตา่ งๆ ได้อยา่ งแจม่ ชดั ย่ิงขน้ึ จะดขี น้ึ ” ดงั นน้ั จงึ ตดั สนิ พระราชหฤทยั ไปศกึ ษาภาษา จีนที่มหาวิทยาลัยปักก่ิง ในช่วงวันท่ี ๑๔ กุมภาพันธ์ หนังสือ เมอ่ื ขา้ พเจ้าเป็นนักเรยี นนอก ถึง ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ในการนี้ กระทรวงศึกษาของจีนได้รับภาระ ค่าใช้จ่ายทุกด้าน ตั้งแต่ค่าที่พักในมหาวิทยาลัย ค่าเล่าเรียนและค่าอาหาร ส่วนมหาวิทยาลัยปักก่ิง นอกจากจะจัดพระอาจารย์ให้มาสอนภาษาจีนท้ัง ไวยากรณ์ การอา่ น และการพดู แลว้ ยงั จดั ใหพ้ ระองคท์ า่ น ได้เรียนรำมวยไทเก๊ก เขียนภาพจีน เขียนตัวหนังสือ และสซี อเออ้ ร์หูอีกดว้ ย [๒] อาจารย์เผย์เส่ียวรุ่ย ได้บันทึกไว้ว่า “ในช่วงเวลา ๑ เดือนถัดจากนั้นมา สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ ต้องทรงพระอักษรและเข้าร่วม กิจกรรมต่างๆ มากมาย ทรงต่ืนบรรทมเวลา ๖ นาฬกิ าตรงเปน็ ประจำทกุ วนั จากนน้ั ทรงวง่ิ ออกกำลงั กายรอบทะเลสาบเว่ยหมิงหูและฝึกเรียนไทเก๊กที่ริม ทะเลสาบ ในช่วงเช้าต้องทรงพระอักษรวิชาภาษาจีน ช่วงบ่ายทรงพระอักษรวิชาด้านศิลปะ วัฒนธรรม หรือฝึกทักษะการใช้ภาษาจีนจากการทัศนศึกษา ฟังการบรรยาย หรือการประชุมสัมมนา ช่วงค่ำก็มัก จะมกี ำหนดการพบปะเยย่ี มชมหรอื ทอดพระเนตรการ page 77_60-72.indd 62 7/28/15 4:43:05 PM

กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 63 พบนักปราชญ์ ทา่ นจเ้ี ซี่ยนหลนิ “สนทนาภาษาจนี เรยี นเรอ่ื งของศาสตราจารย์ จ้ีเซ่ียนหลิน เพราะเราจะไปหาท่านท่ีบ้านบ่ายนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม อา่ นแลว้ รสู้ กึ ประทบั ใจวา่ คนพเิ ศษ ทา่ นเปน็ คนซานตง ราชกุมารี ทรงโปรดท่ีจะมีพระราชปฏิสันถารกับผู้รู้ เ ร่ิ ม แ ป ล ห นั ง สื อ ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ตั้ ง แ ต่ อ า ยุ น้ อ ย หรือปราชญ์ในสาขาวิชาต่างๆ ขณะที่ศึกษาอยู่ที่ ต่อมาเรียนวรรณคดีตะวันตก ที่จริงสอบได้ทั้งท่ี มหาวิทยาลัยปักก่ิง จึงหาโอกาสเสด็จพระราชดำเนิน มหาวทิ ยาลยั ปกั กงิ่ และมหาวทิ ยาลยั ชงิ หวั แปลบทกวี ไปพบกับปราชญ์ของจีนท่านหนึ่ง คือ ศาสตราจารย์ ของเฮอลเดอรีน (Hölderin) เป็นนักศึกษาแลก จี้เซ่ียนหลิน พระองค์ท่านได้เล่าไว้ในหนังสือ เปลยี่ นของมหาวทิ ยาลยั ไปทม่ี หาวทิ ยาลยั เกอรท์ งิ เกน เม่ือขา้ พเจา้ เปน็ นกั เรยี นนอก วา่ [๒] (Göttingen) ได้เรียนภาษาสันสกฤตจนจบ ปริญญาเอก เขียนวิทยานิพนธ์เก่ียวกับไวยากรณ์ กลยุทธ์การถวายพระอักษรของพระอาจารย์ อาจารย์หวังร่ัวเจียง๓ เขียนเล่าไว้ในเรื่อง “กำหนดฉากเปน็ หอ้ งรบั รองหรอื หอ้ งเลยี้ งรบั รอง พระวริ ยิ ะอตุ สาหะ พระอจั ฉรยิ ภาพ และพระจรยิ วตั ร ทั้งนี้ โดยนำเอาประสบการณ์ของพระองค์มาปรับให้ อนั โดดเดน่ : บนั ทกึ การถวายพระอกั ษรภาษาจนี สมเดจ็ เป็นบทสนทนาจำลอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระเทพรตั นราชสุดาฯ ว่า [๑] โปรดวิธีการฝึกฝนเช่นน้ี และทรงเลือกท่ีจะเป็นฝ่าย “ข้าพเจ้ารับผิดชอบถวายพระอักษรวชิ าการ กำหนดบทบาทผู้แสดง ทรงรับส่ังว่า “วันน้ีอาจารย์ สนทนาภาษาจีน เน่ืองจากไม่มีตำราใดท่ีเหมาะสม เปน็ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง…” “วนั นใ้ี หอ้ าจารยเ์ ปน็ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจแต่งตำราขึ้นเอง แนวคิดพ้ืนฐาน รองประธาน…” แล้วฝกึ สนทนาอย่างทรงสำราญพระ คือสร้างบทเรียนให้สอดคล้องกับสถานภาพท่ีเป็นจริง ราชหฤทยั ” ของพระองค์ เลอื กสมมตสิ ถานการณจ์ ำเพาะทพ่ี ระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม อาจจะต้องเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปเขา้ รว่ ม วางเน้อื หา ราชกมุ ารี ทรงบนั ทกึ วธิ กี ารสอนในมมุ มองของพระองค์ หลกั ใหอ้ ยใู่ นภาวการณท์ พ่ี ระองคจ์ ะตอ้ งเสดจ็ พระราช ไว้วา่ [๒] ดำเนนิ ไปเขา้ รว่ ม วางเน้ือหาหลักใหอ้ ยใู่ นภาวการณท์ ่ี “เตรยี มเรอื่ งพบอธกิ ารคนื นี้ ครหู วงั บอกวา่ ให้ พระองค์ต้องมีพระราชดำรัส ดำเนินเร่ืองว่าพระองค์ ดเู ทปทพี่ ดู กบั รฐั มนตรเี ฉนิ จอื้ ลี่ และเหน็ วา่ ตรงไหนทยี่ งั จะได้พบผู้ใด และควรจะมีพระราชกระแสอย่างไร เขียนไม่ดีให้แก้ไข ท่ีข้าพเจ้าพูดวันน้ันครูฟังแล้วเขียน ควรจะมพี ระราชกระแสถามอยา่ งไร มพี ระราชกระแส ออกมาใหเ้ ปน็ บทสนทนา ศพั ทไ์ หนทข่ี า้ พเจา้ พดู ไมอ่ อก ตอบอย่างไร ในขณะเดียวกันก็ถวายเนื้อหาภูมิหลัง หรือใช้คำผิดก็แก้ให้เสร็จแล้วเขียนให้ด้วยว่าอ่าน ขอ้ มลู เพอ่ื ใหท้ รงสามารถเพม่ิ พนู ขอบเขตการสนทนาได้ อย่างไร แปลวา่ อะไร” กวา้ งขวางยง่ิ ขน้ึ และสามารถดำเนนิ การสนทนาไดอ้ ยา่ ง เมอื่ ศษิ ยผ์ มู้ พี ระวริ ยิ ะอตุ สาหะอยา่ งเยยี่ มยอด เปน็ อสิ ระมากขนึ้ ด้วย” และ ได้พบกับครูที่มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครูแท้เช่นนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดการทรงพระอักษรภาษาจีน ณ มหาวิทยาลัยปกั กง่ิ จึงสมั ฤทธ์ผิ ลอย่างดียง่ิ ๓ หวงั ร่ัวเจยี ง ศาสตราจารย์ประจำคณะภาษาจนี สำหรบั ชาวต่างชาติ มหาวิทยาลยั ปกั กงิ่ page 77_60-72.indd 63 7/28/15 4:43:05 PM

64 กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 ในหนังสือมหาวัสตุ เรียนสันสกฤตแล้วยังเรียน อาจารย์หวังรั่วเจียง ซ่ึงตามเสด็จฯ ไปเย่ียม ภาษาบาลี (เรียนภาษารัสเซีย ยูโกสลาเวีย อาหรับ) ท่านจ้ีเซ่ียนหลินด้วยเขียนเล่าว่าเม่ือสมเด็จพระเทพ กลับมาสอนภาษาสันสกฤต เขียนหนังสือเกี่ยวกับ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบว่า ศกุนตลาของกาลิทาส ไปท่ีพม่าเย่ียมสมาคมค้นคว้า ท่านจี้เซ่ียนหลินเคยศึกษาภาษาสันสกฤต ภาษาบาลี เกยี่ วกับพมา่ เขยี นเก่ียวกับปญั จตันตระ” และภาษาโตคาเรียน ก็ทรงปรารภข้ึนว่า “เรารู้จัก “ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมทำอะไรไม่ค่อยได้ ภาษาบาลีและสันสกฤตอยู่ แต่ภาษาโตคาเรียนคือ แอบแปลรามายณะ ภายหลงั เขยี นเกี่ยวกับรามายณะ ภาษาอะไรนะ” อาจารย์หวังร่ัวเจียงกล่าวว่าตนเองก็ ต่อไป ค้นคว้าเร่ืองความสัมพันธ์จีน-อินเดีย ศึกษา รู้จักภาษาโตคาเรียนน้อยมาก ทราบแต่เพียงว่าเป็น พุทธศาสนา ท่านเคยเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัย ภาษาหน่ึงในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน และเมื่อ ปักกง่ิ เปน็ บคุ คลตัวอย่าง เนอ่ื งจากศกึ ษามาก เขียน แรกเริ่มที่มีการแปลนามศัพท์ทางพุทธศาสนามาเป็น หนังสือไม่หยุดท้ังๆ ท่ีทำงานบริหารด้านการสอน ภาษาจนี นนั้ ไมไ่ ดแ้ ปลจากภาษาบาลสี นั สกฤตโดยตรง เปน็ นกั วชิ าการทที่ ำไดค้ รบถว้ นพรอ้ มทกุ อยา่ ง ทงั้ เปน็ แต่แปลผ่านภาษาโตคาเรียนมาอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น นกั เขยี น นกั วจิ ยั ครู ผบู้ รหิ าร เวลานอ้ี ายุ ๙๐ ปี แลว้ ” จงึ ควรจะไปขอคำอธบิ ายจากทา่ นจเ้ี ซย่ี นหลนิ โดยตรง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมพี ระราชปฏสิ ันถารกับทา่ นจเ้ี ซยี่ นหลิน ภาพจากหนงั สือ เมือ่ ข้าพเจา้ เป็นนักเรยี นนอก หนา้ ๑๙๖ page 77_60-72.indd 64 7/28/15 4:43:05 PM

กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 65 คร้ันเม่ือสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทำงานบา้ น กวาดบา้ น ซกั ผา้ ทำทกุ ๆ อยา่ งดว้ ยตวั เอง สยามบรมราชกุมารี ทรงพบท่านจ้ีเซ่ียนหลิน ไมย่ อมใหค้ นอนื่ ชว่ ย ไมจ่ า้ งลกู จา้ ง สำหรบั คนอายุ ๙๐ ปี ปราชญผ์ ้นู กี้ ็กราบบังคมทลู วา่ เท่าน้ีก็นับวา่ มากแล้ว” “ภาษาโตคาเรียนพบคร้ังแรกท่ีซินเจียง อาจารย์หวังร่ัวเจียง บันทึกไว้ว่า สมเด็จ ผเู้ คยเรยี นภาษาสนั สกฤตมากอ่ นกจ็ ะเรยี นภาษาโตคา- พระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระราชหฤทัยช่ืนชม เรียนไดค้ อ่ นขา้ งง่าย เม่อื เทยี บกับภาษาสนั สกฤตแล้ว ท่านจี้เซ่ียนหลินท่ีตลอดชีวิตได้ทำงานประพันธ์ ภาษาโตคาเรยี นจะไมม่ หี นว่ ยเสยี งธนติ และเสยี งโฆษะ อย่างไม่หยุดย้ังจนมีผลงานมากมาย และทรงมี คำบอกจำนวนของภาษาโตคาเรียนค่อนข้างซับซ้อน พระดำรัสว่า “ตอ่ ไปน้ถี า้ ร้สู กึ เหน่ือยจากการเล่าเรยี น นอกจากจะมีคำบอกจำนวนแบบเด่ียวและแบบผสม ก็จะต้องคิดถึงท่านจีเ้ ซีย่ นหลนิ ” แล้ว ยงั มีคำบอกแบบเป็นคอู่ ีกด้วย” อาจารย์หวังรั่วเจียง เขียนบันทึกไว้ว่า พระราชนิพนธ์เก่ียวกับจนี “คำกราบบังคมทูลของท่านจี้เซี่ยนหลินไม่เพียงแต่ จะทำให้ทรงเข้าใจภาษาโตคาเรียนในภาพรวมได้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม เท่านั้น ยังได้กระตุ้นความสนพระทัยที่จะได้ความรู้ ราชกุมารี ทรงเป็นนักเขียนและนักแปลผู้มีผลงาน ต่อยอดไปอีกข้ัน ทรงมีพระราชดำริว่า เมื่อเสด็จฯ มากมาย เฉพาะหนังสือท่ีเก่ียวกับจีนอาจแบ่งเป็น ๓ ประเทศเยอรมนีจะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรจารึก กลุม่ หลัก ไดแ้ ก่ [๑] ภาษาโตคาเรียนท่เี ก็บไว้ท่ีนั่นใหจ้ งได้” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม พระราชนิพนธ์ชุดเสด็จพระราชดำเนิน ราชกุมารี ทรงถามท่านว่าทำไมเรียนภาษาสันสกฤต เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปี พ.ศ. ท่านอธิบายว่าวัฒนธรรมใหญ่ๆ มีวัฒนธรรมจีนและ วฒั นธรรมอนิ เดยี ทง้ั สองวฒั นธรรมมคี วามเกย่ี วขอ้ งกนั ๒๕๒๔-๒๕๔๘ ได้แก่ ย่ำแดนมังกร (พ.ศ. ๒๕๒๔) จีนรับวัฒนธรรมหลายอย่างจากอินเดีย ท่ีเห็นชัดเจน มุ่งไกลในรอยทราย (พ.ศ. ๒๕๓๓) แกะรอยโสม คือพุทธศาสนา จึงเห็นว่าควรจะทำความเข้าใจ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ไอรัก คืออะไร (พ.ศ. ๒๕๓๖) ประเทศอินเดียให้ดี และทรงบันทึกไว้ด้วยว่า เกล็ดหิมะในสายหมอก เล่ม ๑-๕ (พ.ศ. ๒๕๓๗) “ท่านมีห้องหนังสือหลายห้อง มีหนังสือโบราณ ใตเ้ มฆที่เมฆใต้ (พ.ศ. ๒๕๓๘) เยน็ สบายชายนำ้ (พ.ศ. หนังสือทางพุทธศาสนาก็เยอะแยะ มีพระไตรปิฎก ๒๕๔๐)คนื ถน่ิ จนี ใหญ่(พ.ศ.๒๕๔๑)เจยี งหนานแสนงาม ตอนนี้กำลังค้นคว้าพุทธศาสนานิกายวัชรยาน (พ.ศ. ๒๕๔๓) เม่ือข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอก (พ.ศ. (แบบทิเบต) ในเมืองคู่เชอ (เมืองน้ีชาวต่างชาติมัก ๒๕๔๔) หวงเหออู่อารยธรรม (พ.ศ. ๒๕๔๔) และ เรียกเคล่ือนเป็นเมืองกุฉา-Kucha) ทางตะวันตกของ ตน้ นำ้ ภผู า และผนื ทราย (พ.ศ. ๒๕๔๘) ภมู ิภาคปกครองตนเองซนิ เจยี ง” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม พระราชนพิ นธแ์ ปลไดแ้ ก่ ผเี สอื้ ผลงานของ ราชกุมารี ยังทรงบันทึกไว้ด้วยว่า“พูดกันถึงเรื่อง คนอายยุ นื ทกุ คนอดไมไ่ ดท้ จ่ี ะยกตวั อยา่ งศาสตราจารย์ หวงั เมง่ิ (พ.ศ.๒๕๓๗) เกจ็ แกว้ ประกายกวี (บทกวจี นี จี้เซยี่ นหลิน คนชอบถามว่าท่านออกกำลงั กายอยา่ งไร พ.ศ. ๒๕๓๘) เมฆเหินนำ้ ไหล ผลงานของฟังฟงั (พ.ศ. (เช่น คนแก่มักจะเดินเล่น หรือรำมวยจีน) ท่านว่า ๒๕๓๙) หยกใสร่ายคำ บทกวีจีน (พ.ศ. ๒๕๔๑) ไม่ออกกำลังใดๆ ท้ังสิ้น ที่จริงแล้วออกกำลังกายคือ เพยี งวนั พบ วนั นท้ี สี่ ำคญั (รวมพระราชนพิ นธแ์ ปล พ.ศ. ๒๕๔๘) หมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า ผลงานของหวังอันอ้ี (พ.ศ. ๒๕๕๕) นารีนครา ผลงานของฉือล่ี (พ.ศ. ๒๕๕๖) ตลอดกาลนะ่ นานแคไ่ หน ผลงานของเถยี่ หนงิ (พ.ศ. ๒๕๕๗) page 77_60-72.indd 65 7/28/15 4:43:05 PM

66 กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 วันที่ ๒๗ กมุ ภาพนั ธ์ – ๖ มนี าคม ๒๕๓๘ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสด็จพระราชดำเนนิ เยือนเมอื งคณุ หมิง ต้าหล่ี และสิบสองปนั นา มณฑลยนู นาน โดยมีประชาชนชาวไตสบิ สองปนั นาและชนเผา่ ตา่ งๆ ถวายการตอ้ นรับอยา่ งอบอ่นุ ภาพจากหนังสอื ความรกั ผูกพันกบั จนี : การรำลกึ ๓๐ ปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสดจ็ ฯ เยือนจีน หนา้ ๔๕ พระราชนิพนธท์ ว่ั ไปเกี่ยวกบั จนี ไดแ้ ก่ ร้อยภาพ คล้องใจ ไทย-จีน (พ.ศ. ๒๕๕๐) และ ศลิ ปะจนี (พ.ศ. ๒๕๕๐) ตวั อยา่ งงานพระราชนิพนธ์เกี่ยวกบั จีน page 77_60-72.indd 66 7/28/15 4:43:06 PM

กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 67 ความเขา้ พระราชหฤทัยในศลิ ปะจนี วันที่ ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๔๕ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในวันท่ี ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระอกั ษรโอกาสเสดจ็ พระราชดำเนิน ทรงแสดงปาฐกถาเรื่อง ศิลปะจีน ณ มหาวิทยาลัย ไปพพิ ธิ ภณั ฑ์แหง่ มณฑลฮกเกีย้ น ศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตอำเภอองครักษ์ จังหวัด นครนายก ปาฐกถาที่ทรงบรรยายมีความยาว ภาพจากหนังสือ ความรักผูกพนั กบั จนี : การรำลึก ๓๐ ปี ประมาณ ๒ ชว่ั โมงเศษ ครอบคลมุ ศลิ ปะจนี แขนงตา่ งๆ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี อย่างครบถ้วน ท้ังด้านทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง เสด็จฯ เยอื นจนี หน้า ๖๘ และวรรณศิลป์ อีกท้ังยังได้ทรงฉายภาพงานศิลปะ ประเภทต่างๆ ทค่ี ัดสรรแลว้ อีกประมาณ ๑๓๐ ภาพ กวีนิพนธ์ : “กวีมีอิสระในการเขียน และ ประกอบการบรรยาย ทรงตั้งข้อสังเกตว่า “ศิลปะ หรืออารยธรรมจีนไม่ใช่อารยธรรมที่เหมือนกันไป ยอ่ มหวงั ใหผ้ อู้ า่ นไดใ้ ชจ้ นิ ตนาการและปญั ญากลน่ั กรอง หมดอย่างท่ีเราคิด แต่เป็นของพ้ืนเมืองก็มีอยู่มาก ตคี วามจากกวนี พิ นธข์ องตน เสรภี าพนเ้ี ปน็ การใหช้ วี ติ เพราะประเทศจีนกว้างใหญ่มาก มีแว่นแคว้นหรือ อันสมบูรณ์แก่บทกวีจากภาษาใจที่ส่ือกันได้โดยไม่มี ประเทศย่อยๆ อยู่ในจีน จึงมีความเป็นพ้ืนถิ่นและ ขอบเขตจำกัด ไร้พรมแดน เป็นภาษาสากล” วฒั นธรรมหลากหลาย” ปาฐกถาดังกล่าวน้ีได้จัดพิมพ์เผยแพร่ใน จิตรกรรม : “ศิลปินนิยมเขียนภาพ หนังสือชื่อ ศิลปะจีน ดังจะคัดข้อความบางส่วน มานำเสนอ เพ่ือเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงความเข้า ภูเขาสูงตระหง่าน คนตัวเล็ก รวมภาพให้เห็น พระราชหฤทัยอันลุ่มลึกต่อศิลปะจีนของพระองค์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติว่า มนุษย์ ท่าน ดังนี้ จะตัวเล็กนิดเดียวเม่ือเปรียบเทียบกับธรรมชาติ อันยิ่งใหญ่ ชมภาพจีนแล้วจะได้แนวคิดทางปรัชญา การเขยี นพกู่ นั จนี : “กรณเี ขยี นตวั อกั ษรจนี เสมอ เช่น ดอกเหมย หรือดอกบ๊วย ท่ีบานได้แม้ แตฤ่ ดหู นาวท่ีมหี มิ ะตก คอื ความอดทน ความคงทน เปน็ ศลิ ปะทค่ี นจนี ชน่ื ชมมาก และถอื วา่ เปน็ ศลิ ปะชนั้ สงู การเขียนพู่กันที่จีนเรียกว่า ซูฝ่า น้ันฝร่ังเรียกว่า calligraphy” และ “พู่กันซึ่งเป็นเครื่องมือใน การเขียนก็ไม่เหมือนกับเคร่ืองมืออย่างอื่น เขียนแล้ว ไม่แข็ง จะมีความอ่อนนุ่ม จะสัมพันธ์กับมือของเรา ท่ีว่าเราจะกดหนักกดเบา มีความรู้สึกจากจิตใจ จากสมอง จนถึงท่ีมือ เพราะฉะน้ันก็จะเป็นเรื่องของ ศิลปะมากกวา่ การท่ีเราจะเขยี นหนงั สืออืน่ ๆ ท่วั ไป” สวนจนี : “สวนราษฎรมเี นอื้ ทนี่ อ้ ย ผจู้ ดั สวน ต้องจัดเนื้อท่ใี ห้ได้ประโยชนม์ ากทส่ี ดุ เช่น ขดุ สระน้ำ สะทอ้ นทวิ ทศั นท์ สี่ วยงามจากขา้ งนอกมาไวใ้ นบา้ นเรา จนี เรียกว่าเป็นการ “ยืมวิว” ของคนอืน่ มา” page 77_60-72.indd 67 7/28/15 4:43:06 PM

68 กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 ส่วนไผ่จะลู่ไปตามลมไม่หักโค่น แม้ลมจะแรงเพียงใด พระองค์ท่านยังทรงแทรกเกร็ดความรู้ ถงึ ไผเ่ ลก็ ๆ ไมต่ า้ นลม จรงิ ๆ แลว้ จะแขง็ มาก ใชป้ ระโยชน์ เชิงวัฒนธรรมของจีนโบราณด้วย เช่น “สมมติว่า แทนคอนกรีตเสริมเหลก็ กย็ งั ได”้ อาจารย์ผู้ใหญ่จะเขียนหนังสือ เขียนบทกวี ก็จะมี ลูกศิษย์เป็นคนน่ังฝนหมึกให้คนฝนหมึกจะได้รับ ดนตรี : “นักแต่งเพลงคนหน่ึงมีคนรู้จัก ถ่ายทอดความรู้ ฟังอะไรต่อมิอะไรและดูอากัปกิริยา ของอาจารยด์ ว้ ย นเี่ ปน็ การเรยี นจากอาจารยแ์ บบหนงึ่ มากชอ่ื หวงั ลวั่ ปนิ (Wangluobin ค.ศ. ๑๙๑๓-๑๙๙๖) ฝนหมกึ รับใชอ้ าจารย์” เขาเปน็ ราชาแหง่ เพลงตะวนั ตก คอื แถบซนิ เกยี ง ชงิ ไห่ นอกจากนี้ ยังทรงมีข้อสังเกตบางประการ เช่น เพลง “ณ ทอ่ี ันแสนไกลที่น้ัน” ได้ความบันดาลใจ ซ่ึงผู้ที่สนใจอาจสืบค้นหาความจริงด้วยตนเอง เช่น จากเพลงพ้ืนเมืองในชิงไห่ เนื้อเพลงหรือทำนองเพลง “คนไทยนิยมส่ังสีจากจีนมาใช้ เพราะฉะน้ันจะมีชื่อ จะแสดงใหเ้ หน็ ถงึ สภาพทางภมู ศิ าสตรแ์ ถบนนั้ ซงึ่ เปน็ เปน็ จนี เชน่ สเี ขยี วตงั้ แช สแี ดง ใช้คำวา่ หงชาด หงดนิ ทุ่งหญา้ กว้างและมีมา้ ว่งิ คนทอี่ ยแู่ ถวนนั้ เปน็ คนเล้ียง หงสบาท สงสยั คำวา่ หง ตรงกบั คำจนี วา่ สแี ดง ไมท่ ราบ สัตว์เร่ร่อน เขาก็พูดถึงว่าอยู่ในที่นั่นท่ีห่างไกล มีสาว วา่ เปน็ คำพ้องหรือเป็นสีแดงท่สี ่ังเข้ามาจากจนี ” แสนดี ใครเดินผ่านกระโจมของเธอก็จะต้องหันหน้า ส่วนภาพในหนา้ ๖๔ ของหนงั สือ ศลิ ปะจีน ไปดู เพราะหน้าของเธอแจ่มใสสวยงามเหมือน พระองค์ท่านก็ตั้งข้อสังเกตอย่างมีอารมณ์ขันชวนคิด ดวงตะวนั ตอ้ งใจคน เหมอื นแสงจนั ทรก์ ระจา่ งในยามคำ่ และเขยี นไวใ้ ตภ้ าพวา่ “ภาพนคี้ นจนี บอกวา่ เปน็ ภาชนะ ฉั น ยิ น ดี ท่ี จ ะ ล ะ ท้ิ ง ท รั พ ย์ ส ม บั ติ ท้ั ง ป ว ง ท้ั ง ห ม ด สำหรับใส่สุรา เราลองถามคนไทยหลายคนแล้วบอก มาต้อนแกะอยู่กับเธอ ได้เห็นหน้าเธอทุกวัน ได้เห็น ว่าคอื คอมฟอรต์ รอ้ ย ก็เลยไม่ร้วู ่าอะไร ท่านพิจารณา เส้ือผ้าขลิบทอง และหวังจะเป็นแกะตัวน้อยอยู่ใกล้ เอาเองกแ็ ล้วกันว่ามนั ใชอ้ ย่างไร” กายเธอ อยากให้เธอใช้แส้เบาๆ ตีตัวฉันอย่างไม่หยุด เลยเหมอื นเวลาทข่ี ี่มา้ ” วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ – ๖ มนี าคม ๒๕๓๘ ภาพปรศิ นาจากหนงั สอื ศลิ ปะจนี หน้า ๖๔ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ พระราชดำเนนิ เยอื นเมอื งคุณหมิง ต้าหลี่ และสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประชาชนเผ่าตา่ งๆ ถวายการต้อนรบั อยา่ งอบอ่นุ โดยทรงบรรเลงเพลง “จุย้ ไทผ่ งิ ” กับนักดนตรีชนเผ่าไป๋ดว้ ย ภาพจากหนังสอื ความรักผูกพันกบั จีน : การรำลกึ ๓๐ ปี สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ ฯ เยือนจนี หน้า ๔๔ page 77_60-72.indd 68 7/28/15 4:43:06 PM

กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 69 โทบรรงาณส น พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ใ น บ ท ก วี จี น เร่อื งแรก คือ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ไปทรงเปดิ ปา้ ยสถาบนั ขงจอ่ื แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ราชกมุ ารี ทรงโปรดปรานบทกวจี นี โบราณเปน็ อยา่ งยงิ่ และเม่ือมีคนกล่าวว่าที่ต้ังสถาบันขงจื่อมีขนาดเล็ก ประเด็นน้ีอาจารย์จี้หนานเซิง๔ เล่าไว้ในเร่ือง สมเด็จ เกินไป ก็ทรงยกเอาบทกวีสมัยถังท่ีประพันธ์โดย เจา้ ฟ้าผพู้ เิ ศษกับความรู้สึกอันพเิ ศษ วา่ หลิวอี่ว์ซี ท่ีว่า “ (ขุนคีรีใช่ “ทรงสนพระราชหฤทยั ในการนม้ี าก และทรง เพราะสูงจึงเสถียร แต่มีเซียนสถิตช่ือจึงลือเล่ือง)” ให้หาหนงั สือ บทกวีสมยั ถัง ๓๐๐ บท ฉบับแปลเปน็ ขึ้นมาเปรียบ อันแสดงให้เห็นถึงพระปฏิภาณ ภาษาอังกฤษมาใช้ประกอบอีกด้วย ในการถวาย ทเ่ี ฉยี บคม สามารถยกคำปราชญท์ เี่ หมาะกบั เหตกุ ารณ์ พระอกั ษร ขา้ พเจา้ จะใชภ้ าษาฝรงั่ เศสถวายขอ้ มลู เกยี่ ว มากล่าวและทำใหผ้ ู้ทไี่ ด้ยนิ ฉุกคดิ ได้ กบั ตวั กวี คำแปลตวั บทและความหมายโดยนยั จากนนั้ อกี เรอ่ื งหนง่ึ ทรงเลา่ ไวใ้ นหนงั สอื ศลิ ปะจนี วา่ ก็จะอ่านออกเสียงและท่องบทกวีถวายให้ทรงฝึกไป “ท่านประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินท่อง พรอ้ มๆ กัน ในระหวา่ งนัน้ มกั จะมีพระราชดำรสั ถาม บทกวีสมัยราชวงศ์ถังได้เป็นร้อยๆ บท และท่านก็ว่า และมพี ระราชวนิ จิ ฉยั ตอ่ บทกวที ที่ รงเสมอๆ การถวาย เรียนมาเป็นวิศวกร แต่ก็ต้องเห็นคุณค่าของบทกวี พระอกั ษรจงึ เปลยี่ นรปู แบบจากการบรรยายประกอบ ท่องได้ก็จะซึมเข้าไปในจิตใจ ท่านว่า ข้าพเจ้าเรียน การฝกึ ทักษะกลายเป็นอภปิ รายร่วมกันโดยปริยาย” อักษรศาสตร์มา แต่คงท่องสู้ท่านไม่ได้ พอไปส่งท่าน อาจารย์เผย์เสี่ยวรุ่ย ได้แสดงความช่ืนชมใน ทท่ี พี่ กั ตอนไปภเู กต็ ทา่ นกเ็ รยี กเขา้ ไปทห่ี อ้ ง ไหนมาทอ่ ง พระปรชี าสามารถด้านวรรณศิลป์ของสมเด็จพระเทพ กลอนใหฟ้ งั ซิ ไมต่ อ้ งทอ่ งกลอนจนี ทอ่ งกลอนไทยใหฟ้ งั รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารไี วว้ า่ พอทอ่ งทา่ นกพ็ อใจ บอกวา่ ยงั ทอ่ งกลอนได้ พอจะกลบั “พระราชนิพนธ์แปลบทกวีสมัยราชวงศ์ถัง ทา่ นมอบลายมอื ของทา่ นเอาไวใ้ ห้ เปน็ บทกวขี องหลไ่ี ป๋ และซ่งในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สามารถเก็บ กล่าวถึงสุราอย่างดี สุราที่ปรุงด้วยหัวพืชสมุนไพร สารัตถะและนัยแฝงต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน อย่างหนึ่ง คนไทยแปลว่า ทิวลิป รินสุราสีอำพัน ถูกต้องแม่นยำ บางบทบางตอนก็ทรงแปลได้อย่าง ใสช่ ามหยก ชมวา่ เจา้ ของบา้ นฉลาดมาก สามารถทำให้ บริบูรณ์ด้วยเชิงวรรณศิลป์ ตัวอย่างเช่น บทกวี แขกมึนเมาได้ คือ มอมเหล้าแขกจนมึน ไม่รู้ว่า “เซิงเซิงม่าน” ของหลี่ชิงเจ้า วรรคหน่ึงมีความเป็น ที่นี่เป็นบ้านตนหรือบ้านคนอ่ืน อันน้ีเป็นคำชม ภาษาจนี ว่า หมายความวา่ ดูแลดี ไมใ่ ชม่ ามอมด้วยสุราอยา่ งเดียว ก็ทรง แปลเป็นภาษาไทยว่า “ค้ น ค้ น ห า ห า พูดว่ามอมเมาของเราไม่ดี แต่ในท่ีนี้เป็น sense ท่ีดี เงียบเงียบเหงาเหงา โศกโศกเศร้าเศร้า ตรอมตรม” พู ด ถึ ง ว่ า ส า ม า ร ถ ที่ จ ะ ดู แ ล แ ข ก จ น ก ร ะ ท่ั ง แ ข ก ซง่ึ เปน็ การถา่ ยทอดทไ่ี ดท้ งั้ ความหมายและอารมณก์ วี มีความรู้สึกว่า เหมือนอยู่บ้านตนเองนับเป็นคำพูด ไดท้ งั้ การเลน่ เสยี งคล้องจอง ชวนใหท้ ่องไดค้ ลอ่ งปาก ที่ลกึ ซง้ึ ” ฟังไพเราะเสนาะหู นบั เป็นศลิ ปะการแปลชัน้ เลิศ” มีเกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับบทกวีหลายเรื่อง หนึ่งท่ีแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอันลึกซึ้งของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีต่อบทกวีโบราณของจีน จะขอเล่าไว้ในที่น้ีสัก ๒ เร่อื ง ดังนี้ ๔ จห้ี นานเซิง อดตี เลขานุการเอกประจำกระทรวงการตา่ งประเทศของจีน เปน็ พระอาจารย์ผถู้ วายพระอักษร ในช่วงเดือนกุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๒๕ – กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ page 77_60-72.indd 69 7/28/15 4:43:06 PM

70 กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 แคลวาะเมทสคนโนพโรละยรีขาชอหงจฤนี ทัยในวิทยาศาสตร์ “ศูนย์แลกเปล่ียนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมไทย-จีน สิรินธร” อันแสดงให้เห็นถึง อาจารย์หวังรั่วเจียง แสดงทัศนะของท่านไว้ พระวิสัยทัศน์ทางวิชาการที่ต้องการยกระดับการแลก ในบทความเรือ่ ง พระวิรยิ ะอุตสาหะ พระอจั ฉรยิ ภาพ เปลี่ยนความรู้ระหว่างไทย-จีนให้สอดคล้องกับบริบท และพระจริยวัตรอันโดดเด่น: บันทึกการถวายพระ และความตอ้ งการของสงั คมในปัจจบุ ัน อกั ษรภาษาจนี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ว่า [๑] “นบั แตท่ ท่ี รงเรม่ิ สนพระราชหฤทยั “หนหู คู น” สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นตน้ มา ในยามทมี่ รี บั ส่ังหยอกล้อกม็ กั จะทรงแทรก ทอดพระเนตรกิจกรรมบนเรอื ตดั น้ำแข็งเสวย่ี หลง คำศัพท์เฉพาะท่ีใช้ในทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ด้วยเสมอ เช่น เม่ือพระสหายท่านหนึ่งรับประทาน เมื่อวนั ท่ี ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๖ เนอื้ ววั แลว้ มอี าการแพ้ กม็ พี ระดำรสั วา่ นา่ จะใหไ้ ปเพม่ิ ยีนของเสือ เพราะเสือกินเนื้อวัวแล้วไม่แพ้ ข้าพเจ้า ภาพจากหนงั สือ ๖๐ พรรษา รตั นราชสุดา วทิ ยาปริทรรศน์ หนา้ ๖๒ มีความรู้สึกว่า “นิทรรศการผลงานความสำเร็จของ โครงการ 863๕” นั้นมีผลต่อความสนพระราชหฤทัย ความรว่ มมอื กบั สาธารณรฐั ประชาชนจนี ในดา้ น ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อยู่มาก ทำให้การ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามแนวทางพระราชดำริ ใฝ่พระราชหฤทัยในเรื่องจีนของพระองค์เบนจากเร่ือง ดำเนินการผ่านกลไกความร่วมมือกับสถาบันบัณฑิต ขนบประเพณีวัฒนธรรมไปเป็นด้านวิทยาศาสตร์และ วิทยาศาสตร์จีน (CAS : Chinese Academy of เทคโนโลยี และทำให้ทรงเข้าพระราชหฤทัยประเทศ Sciences) ในหลายด้าน เช่น [๔] จนี สมัยใหมล่ กึ ซ้งึ เข้าไปอกี ขั้นหนึ่ง” และ • การวิจัยร่วมด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์และ ทรงมีแผนพระราชดำริใหม่ๆ ในด้านการ อนภุ าค ระหวา่ งมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี (มทส.) แลกเปลี่ยนระหว่างไทย-จีน มีพระราชปรารภว่า กบั The Institute of High Energy Physics (IHEP) “ที่ผ่านมา คนไทยต้องการเรียนรู้ภาษากับวัฒนธรรม โดยมีนักศึกษาปริญญาเอกของ มทส. ไปทำงานวิจัย จีนจึงมาท่ีประเทศจีน แต่ถ้าต้องการศึกษาด้าน ที่ IHEP และแลกเปล่ียนนกั วจิ ัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็จะไปทางยุโรปอเมริกา • การวิจยั ร่วมด้านดาราศาสตร์ ระหว่าง เดย๋ี วนไี้ ดม้ าเหน็ แลว้ วา่ วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยขี องจนี สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หลายๆ ด้านก้าวหน้าไปมาก นอกจากนี้สภาวการณ์ กบั Yunnan Astronomical Observatory (YNAO) ของประเทศจนี กบั ประเทศไทยกม็ ลี กั ษณะใกลเ้ คยี งกนั ในหวั ขอ้ “Observations and studies of low mass ต่อจากน้ีไปสมควรจะส่งคนมาที่ประเทศจีนเพ่ือเรียน ratio, deep over contact binary stars” ในช่วงปี วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ีก่ ้าวหนา้ บา้ ง” พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ เมื่อมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เตรียมจัดตั้ง “ศูนย์แลกเปล่ียนภาษาและวัฒนธรรม สิรินธร” น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเพื่อเฉลิม พระเกยี รตใิ นพระวโรกาสพระชนมายคุ รบ ๕๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กพ็ ระราชทานคำแนะนำวา่ ควรเพม่ิ คำวา่ “วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี” และ “ไทย-จีน” เข้าไปด้วยให้เป็น ๕ ข้อความในต้นฉบับ (หนังสอื เม่ือได้ใกลช้ ิดยุคลบาท) หนา้ ๗๖ เขยี นวา่ “863 โครงการ” แต่ท่ถี กู ตอ้ งคือ “โครงการ 863” page 77_60-72.indd 70 7/28/15 4:43:06 PM

กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 71 • การประยุกต์ข้อมูลดาวเทียมของจีน • การส่งนักศึกษาไทยไปศึกษาระดับ และไทยเพอ่ื การจดั การปญั หาอทุ กภยั ในพน้ื ทน่ี ำ้ ทว่ ม ปรญิ ญาโทหรือเอกในสาขาตา่ งๆ ไดแ้ ก่ การสำรวจ ซ้ำซาก ระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ระยะไกล เทคโนโลยีอวกาศ ฟิสิกส์ของเคร่ืองเร่ง และภูมิสารสนเทศ (GISTDA) กับ Institute of อนุภาคและเทคโนโลยแี สงซินโครตรอน การประมวล Remote Sensing and Digital Earth (RADI) โดย ภาษาธรรมชาติและการแปลภาษาด้วยคอมพิวเตอร์ ร่วมกันประมวลผลแปลภาพถ่ายดาวเทียม รวบรวม หุ่นยนตอ์ ัตโนมตั ิ ดาราศาสตร์ ดาราฟิสกิ ส์ และระบบ ขอ้ มลู อทุ กวทิ ยาและอตุ นุ ยิ มวทิ ยา และจดั ทำฐานขอ้ มลู จำลองนำ้ สำหรบั การเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศ ของพื้นท่ีศึกษา ได้แก่ ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำแยงซี นอกจากน้ี ยังมีโครงการวิจัยขั้วโลกตาม เพอ่ื เปรยี บเทยี บลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและปจั จยั แวดลอ้ ม พระราชดำรสิ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรม ต่างๆ ท่ีมีผลกระทบต่อการเกิดน้ำท่วมในพ้ืนที่ศึกษา ราชกุมารี ซึ่งสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ ดังกล่าว เป้าหมายของโครงการนี้คือการพัฒนาแบบ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ลงนามในข้อตกลง จำลองเพ่อื ใช้เปน็ เคร่อื งมอื ในการจดั การอุทกภัย ความร่วมมือกับหน่วยงานขั้วโลกเหนือและข้ัวโลกใต้ • การประชมุ วชิ าการ ICCES-HAII Work- (CAA: Chinese Arctic and Antarctic shop ในประเด็น Rainfall Forecasting จัดโดย Administration) สังกัดสำนักงานบริหารกิจการ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ทางทะเล โดยคัดเลือกนักวิจัยไทย ๒ คน ได้แก่ (สสนก.) รว่ มกับ The Institute of Atmospheric รองศาสตราจารย์ดร.สชุ นาชวนติ ย์และผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ Physics (IAP) และ The International Center ดร.อรฤทัย ภิญญาคง จากคณะวิทยาศาสตร์ for Climate and Environment Sciences (IC- จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ใหเ้ ดนิ ทางไปกบั คณะสำรวจ CES) ทกี่ รงุ เทพมหานคร เม่ือวนั ท่ี ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ทวีปแอนตาร์กติกจีนครั้งที่ 30 หรือ CHINARE30 ๒๕๕๖ (30th Chinese Antarctic Research Expedition) • การวิจัยและพัฒนาระบบแปลภาษา ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ถึง ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. อัตโนมัติจีน-ไทย โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ๒๕๕๗ เพื่อไปทำงานวิจัยที่สถานีวิจัยเกรทวอลล์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมกับ Institute of (Great Wall Station) ซ่ึงตั้งอยู่บนเกาะคิงส์จอร์จ Computing Technology (ICT) ในช่วงปี พ.ศ. ในทวปี แอนตารก์ ตกิ า ๒๕๕๖-๒๕๕๗ โครงการ 863 คืออะไร? โครงการ 863 (863 Program) หรือ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงและการพัฒนาการวิจัยแห่งชาติ (State High-Tech Development Plan) เร่มิ ตน้ เม่อื วนั ที่ ๓ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๘๖ ซง่ึ จีนเขยี นโดยใชร้ ูปแบบว่า 86/3 จงึ เรียกวา่ โครงการ 863 โครงการน้ีมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาระดับความสามารถทางเทคโนโลยีชั้นสูงของจีนในหลายสาขา โดยวิศวกร ช้ันนำ ๔ คนของจีน ได้เขียนจดหมายถึงท่านเติ้งเส่ียวผิงระบุว่า ท้ัง ๔ คนได้ติดตามความคืบหน้าโครงการ Star Wars ของสหรัฐอเมริกาและโครงการวิทยาศาสตร์อื่นๆ ทั่วโลก และเสนอว่าจีนควรมีโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับสงู ของตัวเอง ทา่ นเต้งิ เสีย่ วผงิ สนบั สนนุ ให้เกดิ โครงการนีท้ ันที และผู้นำจนี รุ่นต่อมาทกุ คนกใ็ ส่ใจโครงการนอ้ี ย่างตอ่ เนื่อง ในระยะแรก โครงการ 863 เน้นพัฒนาเทคโนโลยใี น ๗ สาขา ได้แก่ พลังงาน วสั ดศุ าสตร์ เลเซอร์ เครื่องจักรกลอัตโนมตั ิ เทคโนโลยชี ีวภาพ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และเทคโนโลยอี วกาศ ต่อมาได้เพิ่มอกี ๒ สาขา ไดแ้ ก่ โทรคมนาคม (ค.ศ. ๑๙๙๒) และเทคโนโลยที างทะเล (ค.ศ.๑๙๙๖) ทมี่ า : http://en.wikipedia.org/wiki/863_Program page 77_60-72.indd 71 7/28/15 4:43:06 PM

72 กรกฎาคม - กนั ยายน 2558 ทศั นะต่อชาวจีนในประเทศไทย นิสิตมหาวิทยาลัยก็มีพระสหายเป็นลูกหลานจีน จำนวนมาก ทรงชื่นชมในผลการเรียนที่โดดเด่นของ บทความนข้ี อจบดว้ ยประเดน็ เลก็ ๆ แตเ่ กย่ี วขอ้ ง พระสหายทั้งหลายและมีพระดำรัสว่า “ครอบครัว กับคนจีนและคนไทยเช้ือสายจีน นั่นคือ ทัศนะของ ชาวจนี ใหค้ วามสำคญั ตอ่ การศกึ ษาของลกู หลานอยา่ ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาก จะพยายามอยา่ งเตม็ ท่ี ใหล้ กู หลานมโี อกาสไดเ้ รยี น ทมี่ ตี อ่ ชาวจนี ในประเทศไทย พระองคท์ า่ นไดพ้ ระราช หนังสือ ซงึ่ เปน็ การกระทำท่ถี ูกตอ้ ง”” ทานความเห็นแก่อาจารย์เผย์เสีย่ วรยุ่ ว่า [๑] นอกจากน้ี การท่พี ระองคท์ ่านเสด็จพระราช “ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่เคย ดำเนินงานตรุษจีนที่เยาวราชเป็นประจำ ย่อมแสดง ถูกมองว่าเป็นคนต่างชาติเลย และมีสิทธิเท่าเทียม ใ ห้ เ ห็ น ว่ า ท ร ง ใ ห้ ค ว า ม ส ำ คั ญ กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม จี น กับคนไทยทุกประการ นายกรัฐมนตรีของไทยหลาย และคนจนี ในประเทศไทยอย่างเปน็ รปู ธรรม คนก็เป็นลูกหลานจีน แม้จะมีเชื้อสายจีนแต่ก็เป็น คนไทยเต็มตัว” และ “อันที่จริง เม่ือตอนที่ทรงเป็น ร้จู กั ...สถาบนั บณั ฑติ วิทยาศาสตร์จนี สถาบันบัณฑติ วิทยาศาสตร์จนี (CAS : Chinese Academy of Sciences) ประกอบดว้ ยสถาบนั วจิ ยั จำนวน ๑๐๔ แหง่ มหาวทิ ยาลยั และองคก์ รสนบั สนนุ ๕ แหง่ องค์กรดา้ นการบรหิ ารจดั การ ๑๒ องค์กร และหนว่ ยงานอน่ื ๆ อีก ๓ หน่วยงาน นอก จากนย้ี งั มหี นว่ ยงานดา้ นกฎหมาย ๒๕ หนว่ ยงาน และวสิ าหกจิ ทส่ี ถาบนั บณั ฑติ วทิ ยา- ศาสตร์จนี ลงทนุ อกี ๒๒ แห่ง (ขอ้ มูลในปี พ.ศ.๒๕๕๕ ) ตัวอยา่ งสถาบันวิจยั ในสังกัด เชน่ สถาบนั ฟสิ กิ ส์ (Institute of Physics) สถาบันเคมี (Institute of Chemistry) สถาบันธรณีวทิ ยาและธรณฟี ิสิกส์ (Institute of Geology and Geophysics) ศูนย์วิทยาศาสตร์นาโนและนาโนเทคโนโลยีแห่ง ชาติ (National Center for Nano Science and Technology) สถาบันจติ วทิ ยา (Institute of Psychology) และ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรอ์ วกาศแหง่ ชาติ (National Space Science Center) เปน็ ต้น มหาวิทยาลัยในสังกดั ได้แก่ University of Chinese Academy of Sciences และ University of Science and Technology of China ทม่ี า : www.english.cas.cn/CASI/ แหล่งข้อมูลอ้างองิ ๑. เผย์เสยี่ วรุ่ย และคณะ เขยี น, จตุวทิ ย์ แกว้ สวุ รรณ์ และคณะ ผแู้ ปล,จ ปกรณ์ ลมิ ปนุสรณ์ บรรณาธกิ ารแปล, เมอ่ื ได้ใกล้ชิดยคุ ลบาท, สำนกั พมิ พ ์ ชวนอ่าน, พิมพค์ รั้งแรก ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒. สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี, เม่อื ขา้ พเจา้ เป็นนกั เรียนนอก พระราชนพิ นธ์ในสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกมุ ารี, พิมพค์ รงั้ ท่ี ๒ มนี าคม ๒๕๔๕, จัดพมิ พ์โดย มูลนธิ สฺ มเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ ๓. สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ าร,ี ศลิ ปะจีน ปาฐกถาพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี, นานมี บ๊คุ ส์พบั ลเิ คช่นั ส,์ พิมพค์ รัง้ ที่ 1 พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ๔. ๖๐ พรรษา รัตนราชสดุ า วทิ ยาปรทิ รรศน,์ จดั พมิ พ์โดย โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำรสิ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี, พมิ พ์ครง้ั ที่ ๑ มนี าคม ๒๕๕๘ ๕. ความรักผกู พันกบั จีน : การรำลกึ ๓๐ ปี สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยอื นจีน, Copyright by Xinhua News Agency, Published by Amarin Printing and Publishing Public Company Limited, ISBN 978-974-8100-88-3 page 77_60-72.indd 72 7/28/15 4:43:07 PM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook