พชื สมุนไพรจากไมด อกมว ง ธาตรี ผดงุ เจริญ สชุ าดา สขุ หรอ่ ง ภาควชิ าเภสชั เวทและเภสชั พฤกษศาสตร์ 1 คณะเภสชั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
คํานยิ ม เพอ่ื เป็นการเทดิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในเรอ่ื งการ อนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราช กมุ ารี ทท่ี รงสบื สานพระราชปณธิ านตอ่ ในการอนุรกั ษท์ รพั ยากรของประเทศ ภาย ใตโ้ ครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เน่อื งมาจากพระราชดาํ ริ สมเดจ็ พระเทพรตั น ราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทท่ี รงมพี ระราชดาํ รใิ หม้ กี ารศกึ ษาสาํ รวจ “ตงั้ แต่ ยอดเขาถงึ ใตท้ ะเล” เพอ่ื การอนุรกั ษท์ รพั ยากรไทย ภมู ปิ ญั ญาไทย ใหค้ งอยเู่ ป็น สมบตั ขิ องชาตติ ่อไป จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เป็นหน่วยหน่ึงทไ่ี ดร้ ว่ มสนองพระราชดาํ รเิ ป็น คณะปฎบิ ตั กิ ารวทิ ยาการ ในโครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เน่ืองมาจากพระ ราชดาํ ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) ทาํ การศกึ ษา สาํ รวจ วจิ ยั ในพน้ื ทต่ี ่างๆของโครงการ ตงั้ แต่ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ในพน้ื ทโ่ี ครงการ สรา้ งปา่ พนั ธกุ รรมพชื ตามแนวพระราชดาํ ริ อุทยานแหง่ ชาตทิ บั ลาน อาํ เภอทบั ลาน จงั หวดั นครราชสมี า มาจนถงึ ปจั จบุ นั ในพน้ื ทห่ี มเู่ กาะแสมสาร อาํ เภอสตั หบี พลองใบใหญ่ จงั หวดั ชลบุรี เกาะขา้ งเคยี งทอ่ี ยใู่ นการดแู ลของกองทพั เรอื ในทะเลอา่ วไทย และ เกาะต่างๆในทะเลอนั ดามนั พน้ื ทโ่ี ครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เน่ืองมาจาก พระราชดาํ รฯิ เขาเขยี ว เขาชมภู่ สวนสตั วเ์ ปิดเขาเขยี ว อาํ เภอศรรี าชา จงั หวดั ชลบุรี พน้ื ทเ่ี ขาวงั เขมรและแปลง ๙๐๕ อาํ เภอไทรโยค จงั หวดั กาญจนบุรี และ พน้ื ทป่ี กปกั พนั ธกุ รรมพชื การไฟฟ้าฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย ในการน้ีจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ไดจ้ ดั ทาํ คมู่ อื “พืชสมนุ ไพรจากไม้ ดอกม่วง” มกี ารจาํ แนกทางอนุกรมวธิ านและลกั ษณะประจาํ ชนิดทม่ี ปี ระโยชน์ ทางยา และมดี อกสมี ว่ งทม่ี คี วามสวยงามตามธรรมชาติ ทงั้ น้ีเพอ่ื เป็นการกระตุน้ ใหเ้ หน็ ถงึ ความงดงามและคณุ คา่ ของพชื พรรณ อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ การอนุรกั ษ์ และพฒั นาทรพั ยากรของประเทศต่อไป พรชยั จฑุ ามาศ รองผอู้ าํ นวยการ โรสแมร่ี โครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ 2 สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 3
บทนํา หญ้าหนวดแมว พชื สมนุ ไพรใชเ้ ป็นวตั ถุดบิ ในการผลติ ยา ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร หรอื เครอ่ื งสาํ อางอยา่ งแพรห่ ลาย สมนุ ไพรทเ่ี รานํามาใชป้ รงุ เป็นยา มที งั้ ทเ่ี ป็นชน้ิ สว่ นของพชื สดหรอื แหง้ ทเ่ี รยี กกนั วา่ เครอ่ื งยาสมนุ ไพร ไมบ่ อ่ ยนกั ทจ่ี ะพบเหน็ ดอกของสมนุ ไพรนนั้ ๆ นอกจากพชื สมนุ ไพรจะมปี ระโยชน์ในการใชเ้ ป็นยาแลว้ ดอกอนั มหี ลากสเี ป็นการชว่ ยแต่งแตม้ ความสวยงามใหแ้ ก่ธรรมชาติ อกี ทงั้ ชว่ ย ในการแพรพ่ นั ธุ์ ดอกไมใ้ หค้ วามรสู้ กึ นุ่มนวล ออ่ นหวาน มชี วี ติ ชวี า กลน่ิ หอม ชว่ ยทาํ ใหร้ า่ งกายและจติ ใจสบายขน้ึ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี สสี นั ทส่ี ดใสชว่ ยทาํ ใหจ้ ติ ใจ เบกิ บาน ผเู้ ขยี นจงึ ไดจ้ ดั กลมุ่ พชื สมนุ ไพรดว้ ยสขี องดอก โดยหวงั จะใหค้ วาม สบายตาและสบายใจแกท่ า่ นทไ่ี ดม้ โี อกาสศกึ ษาขอ้ มลู ของหนงั สอื เลม่ น้ี หนังสือเล่มน้ีกล่าวถึงกลุ่มของสมุนไพรท่ีมีดอกสีม่วงถึงน้ําเงินโดย เน้ือหากลา่ วถงึ ชอ่ื ของสมนุ ไพร ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ วงศ์ ชอ่ื อน่ื ตลอดจนลกั ษณะพชื แบบยอ่ และยงั แสดงภาพสมนุ ไพรเน้นในสว่ นดอก รวมทงั้ สรรพคณุ ตามตาํ รายา ไทยและขอ้ มลู งานวจิ ยั อกี ทงั้ ขอ้ มลู ประกอบทน่ี ่าสนใจอน่ื ๆ เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ จู้ กั และจดจาํ ไดเ้ มอ่ื พบเหน็ อกี ทงั้ เป็นขอ้ มลู หน่ึงทช่ี ว่ ยในการพสิ จู น์เอกลกั ษณ์ของ ตน้ ไมน้ นั้ ดว้ ย ผู้เรียบเรียงหนังสือเล่มน้ีตงั้ ใจรวบรวมข้อมูลสมุนไพรท่ีมีดอกสีม่วง เพอ่ื ตอ้ งการถวายงานแดส่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าสยามบรมราชกุมารี ดงั นัน้ ก่อนเขา้ สู่เน้ือหาของสมุนไพรขอให้ขอ้ มูลพชื ดอกสมี ่วงชนิดหน่ึงซ่ึงไม่ใช่ สมนุ ไพร แต่มวี ตั ถุประสงคจ์ ะเผยแพรข่ อ้ มลู และความงดงามของดอกไมซ้ ง่ึ ได้ รบั พระราชทานชอ่ื จากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า สยามบรมราชกุมารี เมอ่ื วนั ท่ี 29 กนั ยายน 2552 วา่ “มว่ งเทพรตั น์” รองศาสตราจารย์ เภสชั กรหญงิ ธาตรี ผดงุ เจรญิ รองศาสตราจารย์ ร.ต.อ.หญงิ เภสชั กรหญงิ ดร. สชุ าดา สขุ หรอ่ ง 45
คาํ นิยม สารบัญ วา่ นพงั พอน 50 บทนาํ สงั กรณี 52 ม่วงเทพรัตน์ หนา สาบแร้งสาบกา 54 สมุนไพรดอกสีม่วง 3 หญา้ ปักกิ่ง 56 5 หมอนอ้ ย 58 กระชายดาํ 8 หญา้ หนวดแมว 60 กะเพราแดง หวา้ ชะอาํ 62 แกว้ เจา้ จอม 12 เหงือกปลาหมอดอกม่วง 64 คนทีสอ 14 อญั ชนั 66 คนทีสอทะเล 16 อินทนิลน้าํ 68 โดไม่รู้ลม้ 18 กิตติกรรมประกาศ 70 เทียนบา้ น 20 เอกสารอา้ งอิง 71 ใบระบาด 22 พรมมิ 24 พระอินทร์โปรย 26 พลองใบใหญ่ 28 มะแวง้ เครือ 30 มะแวง้ ตน้ 32 แมงลกั คา 34 รักดอกม่วง 36 รางจืด 38 โรสแมร่ี 40 ลาํ โพงกาสลกั 42 เลี่ยนดอกม่วง 44 46 6 48 7
มว งเทพรัตน ชื่อวิทยาศาสตร์ Exacum affine Balf.f. ex Regel วงศ์ Gentianaceae ช่ืออ่ืน ดาวล้อมเดือน, Persian Violet, German Violet, Arabian Violet “ม่วงเทพรตั น์” เป็นพชื ทอ้ งถน่ิ ของเกาะ Socotra ในหมเู่ กาะ Yemen 9 ในมหาสมทุ รอนิ เดยี เป็นไมล้ ม้ ลุกขนาดเลก็ อายเุ ฉลย่ี 2 ปี ความสงู ประมาณ 60 เซนตเิ มตร ทรงพมุ่ กลม ใบมสี เี ขยี วเขม้ รปู ไข่ ยาวไมเ่ กนิ 4 เซนตเิ มตร มดี อก ในชว่ งหน้ารอ้ นและฤดใู บไมผ้ ลิ ดอกมสี มี ว่ งเขม้ มว่ งอมฟ้า และสขี าว มกี ลบี ดอก 5(4-6) กลบี ดอกบานไดน้ าน 7 วนั รปู รา่ งของดอกเมอ่ื บานเตม็ ทแ่ี ลว้ ดคู ลา้ ยดาว มเี กสรตวั ผสู้ เี หลอื งสามารถเหน็ ไดช้ ดั เจน มกี ลนิ่ หอมออ่ นๆ ในเวลากลางวนั ซง่ึ ตน้ มว่ งเทพรตั น์นนั้ สามารถขยายพนั ธุโ์ ดยการเพาะเลย้ี งเน้ือเยอ่ื และออกดอกใน ขวดสวยงาม และสามารถนําออกปลกู ในสภาพธรรมชาตเิ พอ่ื เป็นไมป้ ระดบั และ สามารถขยายพนั ธโุ์ ดยการปกั กง่ิ ชาํ ไดเ้ ชน่ กนั 8
กระชายดาํ Kaempferia parviflora Wall. ex Baker ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiberaceae วงศ์ กะแอน ระแอน ขิงทราย ว่านกาํ บงั ว่านจงั งงั ช่ืออื่น ว่านพญานกยงู สรรพคณุ กระชายดาํ เป็นสมนุ ไพรพน้ื บา้ นทม่ี กี ารใชก้ นั แต่โบราณ เหงา้ ของ กระชายดาํ มรี สเผด็ รอ้ น ใชเ้ ป็นยาอายวุ ฒั นะ บาํ รงุ กาํ ลงั บาํ รงุ กาํ หนดั แกบ้ ดิ และแกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก ใบเลย้ี งเดย่ี ว สงู 30-90 เซนตเิ มตร มเี หงา้ อวบกลมอยู่ ข้อมูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากกระชายดํามฤี ทธิฆ์ ่าเช้อื แบคทเี รยี ใตด้ นิ เน้ือในเหงา้ มสี มี ว่ งจนถงึ มว่ งดาํ มกี ลนิ่ หอม เปลอื กเหงา้ มสี นี ้ําตาลเขม้ ใบ ตา้ นเชอ้ื รา ฆา่ เชอ้ื ไวรสั ฤทธติ ์ า้ นการกลายพนั ธุ์ ขยายหลอดเลอื ด ตา้ นการ เดย่ี วรปู ไขห่ รอื รปู รี ปลายใบแหลม ใบเรยี งสลบั ผวิ ใบดา้ นลา่ งมขี นสนั้ ขอบแผน่ อกั เสบ และชว่ ยปกป้องการเกดิ แผลในกระเพาะอาหาร ใบมกั มสี นี ้ําตาลแดง กา้ นใบมสี แี ดงอมมว่ งและหนาอวบ ดอกเป็นดอกชอ่ ออก ตามซอกใบ ใบประดบั 2 ใบหมุ้ ชอ่ ดอก กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั เกสรตวั ผทู้ เ่ี ป็น หมนั มลี กั ษณะคลา้ ยกลบี ปากขนาดใหญ่ มสี มี ว่ ง หรอื ขมพู ขอบกลบี สจี างลง องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั เหงา้ ประกอบดว้ ยสารกลมุ่ terpenoids เชน่ borneol และ sylvestrene และสารกลมุ่ flavonoids เชน่ dimethoxyflavone, trimethoxyflavone, tetramethoxyflavone, chalcone, และ anthocyanin สรรพคณุ12 กระชายดาํ เป็นสมนุ ไพรพน้ื บา้ นทม่ี กี ารใชก้ นั แต่โบราณ เหงา้ ของกระชายดาํ มรี สเผด็ รอ้ น ใชเ้ ป็นยาอายวุ ฒั นะ บาํ รงุ กาํ ลงั บาํ รงุ กาํ หนดั แกบ้ ดิ และแกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ 13
กระเพราแดง Ocimum sanctum L. สรรพคณุ ตาํ รายาไทยใชใ้ บและ Lamiaceae (Labiatae) ยอดกะเพราแดง ลดอาการทอ้ ง ชื่อวิทยาศาสตร์ กอมก้อ กอมก้อดง อดื เฟ้อ ขบั ลม แกป้ วดทอ้ ง บาํ รงุ วงศ์ ธาตุ แกอ้ าการจกุ เสยี ด ใชท้ า ชื่ออ่ืน ภายนอกแกโ้ รคผวิ หนงั ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลกุ ลาํ ตน้ สแี ดงอมเขยี ว ใบเดย่ี ว ออกตรงขา้ ม รปู รี ปลายใบมน ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สาร หรอื แหลม โคนใบแหลม ขอบใบจกั เป็นฟนั เลอ่ื ย แผน่ ใบสเี ขยี ว มขี นสมี ว่ งแดง ดอก สกัดเอทานอลของใบกะเพรา ออกเป็นชอ่ ทป่ี ลายกงิ่ ดอกสขี าวแกมมว่ งแดงจาํ นวนมาก กลบี เลย้ี งโคนเชอ่ื มตดิ แดงมีฤทธิส์ ามารถลดการหลัง่ กนั ปลายเรยี วแหลม ดา้ นนอกมขี น กลบี ดอกแบง่ เป็น 2 ปาก ปากบนมี 4 แฉก ปาก กรดและป้ องกันการถูกทําลาย ลา่ งมี 1 แฉก ปากลา่ งยาวกวา่ ปากบน มขี น ผลเป็นผลแหง้ เมอ่ื แตกออกจะมเี มลด็ ของเยอ่ื บุกระเพาะอาหารได้ สาร สดี าํ รปู ไข่ eugenol มฤี ทธลิ ์ ดการอกั เสบ โดยยบั ยงั้ การสงั เคราะห์ prostaglandin และมฤี ทธขิ ์ บั น้ําดี น้ํามนั ระเหยจาก องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั กะเพราแดงมนี ้ํามนั ระเหยหลายชนิดประกอบดว้ ย กะเพราสามารถตา้ นเชอ้ื แบคทเี รยี ทเ่ี ป็นสาเหตทุ าํ ใหเ้ กดิ อาการทอ้ งเสยี ได้ ปจั จบุ นั น้ํามนั ทส่ี ว่ นใหญ่เป็นสารในกลมุ่ terpenes เชน่ camphene, linalool, eugenol มผี ลติ ภณั ฑก์ ะเพราแดงแปรรปู เป็นชาชงจาํ หน่าย 14 15
แก้วเจ้าจอม Guaiacum officinale L. องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ใบ ลาํ ตน้ และผลมสี ารกลุม่ saponins Zygophyllaceae เชน่ guaiacin A, guaiacin B ช่ือวิทยาศาสตร์ Lignum vitae วงศ์ สรรพคณุ เน้ือไมช้ ว่ ยขบั เหงอ่ื ขบั เสมหะ เป็นยาระบาย และเป็นยาฝาดสมาน ช่ืออื่น ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั เมทานอลของเน้ือไม้แก้วเจ้าจอมมฤี ทธิ ์ ตา้ นการอกั เสบในหนูแรท ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ ขนาดใหญ่ถงึ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ สงู 2-10 เมตร เปลอื กตน้ สเี ทา 17 เขม้ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มี 2-4 คู่ เรยี งตรงขา้ ม ไมม่ กี า้ น รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู รี แผน่ ใบหนา โคนใบสอบ ปลายใบมน ขอบใบเรยี บ ดอกออกเป็นกระจกุ ตามซอกใบและปลายกง่ิ กลบี ดอก 5 กลบี สฟี ้าอมมว่ งหรอื ฟ้าคราม สจี ะจางลง เมอ่ื ใกลโ้ รย ผลเป็นผลแหง้ แตก รปู คลา้ ยหวั ใจ ปลายมตี ง่ิ แหลม สเี หลอื งอมสม้ เมลด็ มเี ยอ่ื หมุ้ สแี ดง 16
คนทีสอ Vitex trifolia L. dihydrosolidagenone และ abietatriene -3β-ol ช่ือวิทยาศาสตร์ Lamiaceae ( Labiatae ) สรรพคณุ รากและใบทาํ ยาตม้ แกไ้ ข้ ใบ ขบั เสมหะ บาํ รงุ ธาตุ แชน่ ้ําอาบแกโ้ รค วงศ์ คนุ ตีสอ โคนดินสอ ดอกสมทุ ร ดินสอ ผเี สื้อน้อย ผวิ หนงั ฆา่ พยาธิ โรคหดื ไอ ช่ืออื่น มดู เพิ่ง สีสอ สีเสื้อน้อย ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั อเี ทอร ์และสารสกดั เอทานอลของใบคนทสี อ มฤี ทธติ ์ า้ นเชอ้ื แบคทเี รยี สารสกดั เฮกเซนของลาํ ตน้ และสารกลมุ่ flavonoids จากผล คนทสี อมฤี ทธยิ ์ บั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเซลลม์ ะเรง็ และสารในกลมุ่ ecdysteroids มฤี ทธทิ ์ าํ ใหแ้ มลงไมล่ อกคราบและตายในทส่ี ดุ ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ กง่ิ กา้ นมขี นนุ่ม ใบประกอบแบบน้ิวมอื เรยี งตรงขา้ ม มดี อก 19 เป็นชอ่ ออกทป่ี ลายกง่ิ กลบี ดอกสมี ว่ งตดิ กนั เป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก กา้ น ชเู กสรเพศผยู้ าวพนั กลบี ดอก ทโ่ี คนมขี นนุ่ม รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลแหง้ สดี าํ รปู ทรงกลม ผวิ มนั องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั ใบประกอบดว้ ยสารในกลุม่ ecdysteroids ผลมี สารกลุม่ flavonoids เชน่ persicogenin, artemetin, luteolin, penduletin, vitexi- carpin, chrysosplenol-D และสารกลุม่ diterpenoids เชน่ rotundifuran, 18
คนทีสอทะเล ช่ือวิทยาศาสตร์ Vitex rotundifolia L. f. วงศ์ Lamiaceae ( Labiatae ) ช่ืออ่ืน คนที กนู ิง ลกั ษณะพืช ไมเ้ ถาเลอ้ื ย มกั ขน้ึ รมิ ทะเล ใบเป็นใบประกอบแบบน้ิวมอื มกั พบมี สรรพคณุ ฆา่ พยาธิ แกบ้ วม ฟกชา้ํ ขบั เสมหะ ขบั ลม ใบยอ่ ยเดยี ว บางครงั้ พบมใี บยอ่ ย 3 ใบ สเี ขยี วเขม้ มนั ดา้ นทอ้ งใบมขี นละเอยี ดสี ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารกลุม่ flavonoids ทส่ี กดั ไดจ้ ากผลมฤี ทธยิ ์ บั ยงั้ เงนิ เทา ปลายใบแหลม โคนใบสอบเลก็ ดอกสมี ว่ งออกเป็นชอ่ ทป่ี ลายกง่ิ ผลแหง้ เป็นทรงกลม การเจรญิ เตบิ โตของเซลล์ สารสกดั จากใบมฤี ทธไิ ์ ลย่ งุ และฆา่ เชอ้ื แบคทเี รยี และ สารในกลุม่ ecdysteroids มฤี ทธทิ ์ าํ ใหแ้ มลงไมล่ อกคราบและตายในทส่ี ดุ องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั ใบประกอบดว้ ยสารในกลุม่ ecdysteroids ผล ประกอบดว้ ยสารในกลมุ่ flavonoids เชน่ vitexicarpin, casticin, artemetin 21 20
โด่ไม่รลู้ ้ม Elephantopus scaber L. สรรพคณุ รากและใบ แกไ้ ขต้ วั รอ้ น ขบั ปสั สาวะ ทงั้ ตน้ แกบ้ ดิ แกท้ อ้ งเสยี บาํ รงุ หวั ใจ แกไ้ อ ขบั เหงอ่ื แกฝ้ ี แกแ้ มลงสตั วก์ ดั ต่อย ชื่อวิทยาศาสตร์ Asteraceae (Compositae) วงศ์ หนาดผา หญ้าไก่นกค่มุ หญ้าปราบ ข้อมูลงานวิจัยพบว่าสารสกัดหยาบจากทัง้ ต้นสามารถยับยัง้ เช้ือ ชื่ออื่น หญ้าสามสิบสองหาบ หญ้าไฟนกค้มุ แบคทเี รยี ตา้ นไวรสั ลดการอกั เสบ ตา้ นเบาหวาน และมฤี ทธปิ ์ กป้องตบั สาร สกดั จากใบใชแ้ กห้ อบหดื แกท้ อ้ งเสยี ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลกุ ใบเดย่ี วออกเรยี งเวยี นกนั แน่นทโ่ี คนตน้ แผน่ ใบมขี นสาก 23 มอื ขอบใบหยกั ฟนั เลอ่ื ย ดอกสมี ว่ งออกเป็นชอ่ ทป่ี ลายยอดรวมกนั เป็นกระจกุ กลม บรเิ วณโคนกระจกุ ดอกรองรบั ดว้ ยใบประดบั แขง็ รปู สามเหลย่ี ม ผลเลก็ เรยี ว รปู กรวย แคบ ผวิ ดา้ นนอกมขี นหนาแน่น องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ทงั้ ตน้ พบสารสาํ คญั ในกลุม่ sesquiterpene lactones เชน่ elephantopin, elephantopin deoxy นอกจากน้ียงั พบสารในกลุม่ sterols, cou- marins, flavonoids และ alkaloids อกี ดว้ ย 22
เทียนบา้ น Impatiens balsamina L. Balsaminaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ เทียนดอก เทียนไทย เทียนสวน วงศ์ ช่ืออ่ืน ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลกุ ลาํ ตน้ กลมสเี ขยี วออ่ นอมแดง อวบน้ํา เน้ือใสโปรง่ ใบ สรรพคณุ ตาํ รายาไทยใชใ้ บสดแก้ เป็นใบเดย่ี ว เรยี งสลบั เวยี นรอบลาํ ตน้ รปู ยาวเรยี ว โคนใบและปลายใบเรยี ว เลบ็ ขบหรอื เป็นหนอง รากทาํ ใหโ้ ลหติ แหลม ขอบใบหยกั ลกึ แบบฟนั เลอ่ื ย ดอกออกเดย่ี วหรอื ออกหลายดอกรวมกนั หมนุ เวยี นดี แกบ้ วม ลาํ ตน้ กลอ่ มเสมหะ กลบี ดอกมหี ลายสี เชน่ ขาว ชมพู แดง สม้ มว่ ง หรอื หลายสผี สมกนั ผลรปู ไข่ ขบั ลม แกแ้ ผลเน่าเป่ือย ดอกพอกกนั เลบ็ หรอื รปู รี มขี นสขี าว แกจ่ ดั จะแตกเป็นรว้ิ ๆ ตามยาวของผล และบดิ มว้ น แต่ละ ถอด แกแ้ ผลพพุ อง แกป้ วดขอ้ เมลด็ ขบั ชอ่ งมเี มลด็ กลมจาํ นวนมาก เสมหะ แกแ้ ผลตดิ เชอ้ื ทงั้ ตน้ ใชแ้ กฝ้ ี องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั รากและใบประกอบดว้ ยสารสาํ คญั ในกลมุ่ ข้ อ มู ล ง า น วิ จัย พ บ ว่ า ส า ร naphthoquinones เชน่ lawsone, lawsone methyl ether และ 2-methoxy-1,4- สกดั จากเทยี นบ้านมฤี ทธติ ์ ้านมะเรง็ naphthoquinone และสารในกลุม่ flavonoids เชน่ quercetin และ kaempferol ตา้ นการเกดิ อนุมลู อสิ ระ ตา้ นเชอ้ื ดอกประกอบดว้ ยสารในกลุม่ flavonoid ไดแ้ ก่ anthocyanin แบคทเี รยี ตา้ นการแพ้ ตา้ นเชอ้ื รา และกระตุน้ การหายใจ 24 25
ใบระบาด Argyreia nervosa (Burm.f.) Bojer สรรพคณุ ใบสดใชพ้ อกแผล เรง่ หนองฝี ลดการอกั เสบ รกั ษาแผล แกผ้ น่ื คนั ราก Convolvulaceae ใชข้ บั น้ําเหลอื งเสยี เป็นยาบาํ รงุ ช่ือวิทยาศาสตร์ ผกั ระบาด เมืองมอน วงศ์ ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบว่าสารสกดั ดว้ ยน้ําของใบระบาดมฤี ทธลิ ์ ดการอกั เสบ ชื่ออ่ืน ในหนูแรท ลกั ษณะพืช ไมเ้ ถา ลาํ ตน้ และกงิ่ กา้ นสเี ขยี ว มขี นนุ่มสขี าวหรอื น้ําตาลแกม 27 เหลอื ง มยี างเหนียวสขี าว ใบเดย่ี วรปู ไขห่ รอื กลม ปลายใบมนหรอื แหลม โคน ใบรปู หวั ใจ ดอกออกชดิ กนั เป็นชอ่ กลบี ดอกใหญ่โคนเชอ่ื มตดิ กนั เป็นรปู ทอ่ หรอื กรวย สมี ว่ งแกมชมพู ปลายกลบี บานออกคลา้ ยปากแตร กลางกลบี ดอกมขี น หนานุ่ม ใบประดบั ใหญ่ รปู ไขข่ อบขนานหรอื รี กา้ นดอกสนั้ เป็นเหลย่ี ม องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั เมลด็ มสี ารในกลมุ่ ergotalkaloid ไดแ้ ก่ lysergic acid amide (LSA) มฤี ทธติ ์ ่อจติ และประสาท ทาํ ใหป้ ระสาทหลอน ปรบั เปลย่ี น การมองเหน็ โดยเฉพาะสี 26
พรมมิ Bacopa monnieri (L.) Wettst. ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั พรมมิ มผี ลต่อการเสรมิ ความจาํ และการ เรยี นรู้ รวมทงั้ มผี ลป้องกนั เซลลป์ ระสาท โดยมงี านวจิ ยั ทงั้ ในหนูแรทและใน ชื่อวิทยาศาสตร์ Scrophulariaceae มนุษย์ วงศ์ ผกั มิ ชื่ออื่น ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก ลาํ ตน้ เลอ้ื ยแผ่ แตกกงิ่ กา้ นมาก งอกรากทข่ี อ้ ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ชอ้ นหรอื รปู ไขก่ ลบั ปลายมน ขอบใบเรยี บ ดอกเดย่ี ว ออกท่ี ซอกใบ สขี าวหรอื มว่ งออ่ น ใบประดบั รปู ดาบ ผลแหง้ แตกได้ รปู ไข่ องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั ทงั้ ตน้ ของพรมมปิ ระกอบดว้ ยสารในกลุม่ triter- penoid saponins ทส่ี าํ คญั เชน่ bacoside A และ bacoside B สรรพคณุ ตาํ รายาไทยวา่ ดอกและตน้ ใชเ้ ป็นยาขบั โลหติ ขบั ระดู ใบใชแ้ กไ้ ข้ ขบั เสมหะ ขบั พษิ รอ้ น แกร้ อ้ นในกระหายน้ํา นอกจากน้ียงั ใชบ้ าํ รงุ กาํ ลงั บาํ รงุ หวั ใจ และบาํ รงุ ประสาท ในตาํ ราอายรุ เวทของอนิ เดยี ใชเ้ ป็นยาเพอ่ื ชว่ ยฟ้ืนฟูความจาํ และบาํ รงุ สมอง 28
พระอินทรโ์ ปรย ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก สงู 60-120 เซนตเิ มตร ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนาน แกมรปู รี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบใบหยกั แผน่ ใบสาก กวา้ ง 1.5-5 เซนตเิ มตร ชื่อวิทยาศาสตร์ Stachytarpheta indica Vahl. ยาว 2-8 เซนตเิ มตร ดอกเป็นดอกชอ่ ออกทป่ี ลายกงิ่ กลบี ดอกโคนเชอ่ื มตดิ กนั เป็น วงศ์ Verbenaceae หลอด สมี ว่ งแกมน้ําเงนิ ผลแหง้ ไมแ่ ตก รปู ขอบขนานยาว ช่ืออ่ืน เดือยงู พนั งูเขียว ส่ีบาท หญ้าพนั งูเขียว องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั ประกอบดว้ ยสารในกลมุ่ iridoids glycosides เชน่ หญ้าหนวดเสือ หญ้าหางงู tarphetalin และ ipolamiide นอกจากน้ียงั พบสารในกลุม่ flavonoids, steroids, tan- nins, cardiac glycosides, alkaloids, และ saponins สรรพคณุ ทงั้ ตน้ ตม้ น้ําดม่ื แกไ้ ข้ ขบั เหงอ่ื และขบั ปสั สาวะ ตน้ สดตาํ พอกตาม บรเิ วณทเ่ี คลด็ บวมและใชท้ าถนู วดรกั ษาอาการปวดเมอ่ื ย ใบใชเ้ ป็นชาชงดม่ื แกป้ วด เปลอื กตน้ ใชร้ กั ษาอาการทอ้ งเสยี ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั ดว้ ยน้ําของใบพระอนิ ทรโ์ ปรยมฤี ทธบิ ์ รรเทา อาการปวดและลดการอกั เสบ นอกจากน้ียงั มฤี ทธขิ ์ ยายหลอดเลอื ด 30 31
พลองใบใหญ่ 33 ช่ือวิทยาศาสตร์ Memecylon ovatum Sm. วงศ์ Melastomataceae ชื่ออื่น พลองกินลกู พลองใบใหญ่ ลกั ษณะพืช ไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง สงู 5-15 เมตร มกั แตกกงิ่ ต่าํ เปลอื กสนี ้ําตาลแกมเทา ใบเดย่ี ว รปู รหี รอื รปู ไข่ เรยี งตรงขา้ มในระนาบ เดยี วกนั ชอ่ ดอกออกเป็นกระจกุ ออกตามงา่ มใบ กลบี เลย้ี งโคนเชอ่ื มตดิ กนั เป็นหลอด ปลายแยก 4-5 แฉก ผลออ่ นสชี มพู ผลแก่เปลย่ี นเป็นสนี ้ําเงนิ เขม้ ถงึ ดาํ มรี สหวาน รบั ประทานได้ เมลด็ เดย่ี ว แขง็ องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั - สรรพคณุ ใบใชเ้ ป็นยาแกไ้ ฟไหม้ น้ํารอ้ นลวก ไมท่ าํ ใหเ้ กดิ แผลเป็น และดบั พษิ ปวดแสบปวดรอ้ น เน้ือไมแ้ ละราก ฝนหรอื ตม้ ดม่ื แกไ้ ข้ ถอนพษิ ผดิ สาํ แดง ดบั พษิ รอ้ น แกไ้ ขพ้ ษิ ไขห้ ดั และดบั พษิ ภายในต่างๆ 32
มะแว้งเครอื Solanum trilobatum L. องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั มะแวง้ เครอื Solanaceae ประกอบดว้ ยสารในกลมุ่ alkaloids หลายชนิด เชน่ ช่ือวิทยาศาสตร์ มะแว้งเถา แขว้งเควีย solamarine, solasonine, solasodine, solanine วงศ์ สาร tomatid-5-en-3-β-ol เป็น alkaloid ชนิดหน่ึง ช่ืออ่ืน ทท่ี าํ ใหผ้ ลมะแวง้ เครอื มรี สขม นอกจากน้ียงั พบสาร กลมุ่ steroid sapogenin เชน่ diosogenin สรรพคณุ ผลใชเ้ ป็นยาแกไ้ อ แกโ้ รคหอบหดื และรกั ษาเบาหวาน ตาํ รายาไทยใช้ ผลแก่สด 5-10 ผล โขลกพอแหลก คนั้ เอาแต่น้ํา รบั ประทานบอ่ ยๆ เพอ่ื บรรเทา อาการไอและขบั เสมหะ ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั จากตน้ มะแวง้ เครอื มฤี ทธติ ์ ่อตา้ นอนุมลู อสิ ระ และชว่ ยป้องกนั การเกดิ พษิ ต่อตบั มสี ารทอ่ี อกฤทธติ ์ ่อระบบการหายใจ และมฤี ทธิ ์ ตา้ นการอกั เสบ ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑต์ น้ มะแวง้ เครอื แปรรปู เป็นยาอมชว่ ยแกไ้ อ และชาชงจาํ หน่าย ลกั ษณะพืช ไมเ้ ถาเลอ้ื ย ลาํ ตน้ กลม สเี ขยี วเป็นมนั มหี นามแหลมตามกงิ่ กา้ น ใบ 35 เป็นใบเดย่ี ว ออกเรยี งสลบั สเี ขยี วเป็นมนั แผน่ ใบลา่ งมหี นามตามเสน้ ใบ ดอก ออกเป็นชอ่ ตามซอกใบทป่ี ลายกง่ิ ดอกสมี ว่ ง กลบี เลย้ี งมี 5 กลบี กลบี ดอกมี 5 แฉก ยน่ ปลายแหลม โคนเชอ่ื มตดิ กนั เกสรเพศผสู้ เี หลอื งมี 5 อนั ผล รปู ทรง กลม ผวิ เรยี บ ผลดบิ สเี ขยี วมลี ายขาว ผลสกุ สแี ดงใส เมลด็ แบน มจี าํ นวนมาก 34
มะแว้งต้น Solanum indicum L. องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ในมะแวง้ ตน้ ประกอบดว้ ยสารสาํ คญั คอื alkaloid Solanaceae ชนิด solasodine และ solanine และสารในกลุม่ steroids เชน่ β-sitosterol และ ชื่อวิทยาศาสตร์ มะแคว้ง มะแคว้งขม มะแคว้งคม มะแคว้งดาํ diogenin วงศ์ แว้งคม สะกงั้ แค ช่ืออ่ืน สรรพคณุ มะแวง้ ตน้ เป็นสมนุ ไพรพน้ื บา้ น ใชเ้ ป็นยาแกไ้ อ ขบั เสมหะ ชว่ ยลดน้ําลาย เหนียว แกค้ อแหง้ แกโ้ รคหอบหดื บาํ รงุ ธาตุ รกั ษาวณั โรค ขบั ปสั สาวะ และรกั ษา เบาหวาน ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากมะแวง้ ต้นมสี ารทอ่ี อกฤทธติ์ ่อระบบการ หายใจ จงึ ชว่ ยบรรเทาอาการไอได้ มฤี ทธติ ์ า้ นการอกั เสบ มคี วามเป็นพษิ ต่อเซลล์ มะเรง็ ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑม์ ะแวง้ ตน้ แปรรปู เป็นยาอมชว่ ยแกไ้ อและชาชงออก จาํ หน่าย ทกุ สว่ นของมะแวง้ ตน้ พบสารสเตอรอยดป์ รมิ าณคอ่ นขา้ งสงู จงึ ไมค่ วรใช้ ตดิ ต่อกนั เป็นเวลานาน ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ เปลอื กตน้ สนี ้ําตาล ยอดออ่ นและตน้ ออ่ นมขี นสขี าว ใบเป็น 37 ใบเดย่ี ว สเี ขยี ว ออกเรยี งสลบั รปู ไข่ ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบหยกั เวา้ มขี น นุ่ม ดอกออกเป็นชอ่ ตามกง่ิ หรอื ซอกใบ สมี ว่ ง กลบี เลย้ี งเชอ่ื มตดิ กนั ปลายแยก เป็น 5 แฉกแหลม ดา้ นนอกมขี น กลบี ดอกมี 5 กลบี รปู ไข่ ปลายแหลมตดิ กนั บรเิ วณโคนกลบี เกสรเพศผสู้ เี หลอื ง ตดิ กนั เป็นแทง่ ผลรปู ทรงกลม ผวิ เรยี บ ผล ดบิ สเี ขยี ว ผลสกุ สสี ม้ เมลด็ มลี กั ษณะแบน มจี าํ นวนมาก 36
แมงลกั คา Hyptis suaveolens (L.) Poit. องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ใบและ Lamiaceae ( Labiatae ) น้ํามนั ระเหยในแมงลกั คาประกอบดว้ ย ชื่อวิทยาศาสตร์ การา สารสาํ คญั ในกลมุ่ terpenoid หลายชนิด วงศ์ เชน่ 1,8-cineole, β-caryophyllene, ชื่ออ่ืน dehydroabietinol, sabinene, li- monene, bicyclogermacrene และ ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลกุ อายปุ ีเดยี ว สงู ไดถ้ งึ 1.5 เมตร มกี ลน่ิ หอม ลาํ ตน้ และกงิ่ β-phellandrene เป็นสเ่ี หลย่ี ม ผวิ มขี นสขี าวเหนียวตดิ มอื ใบเดย่ี ว ออกเรยี งตรงขา้ ม รปู ไขห่ รอื รปู สเ่ี หลย่ี มขา้ วหลามตดั ปลายใบแหลม ฐานใบมน ขอบใบหยกั มนหรอื หยกั ซ่ี สรรพคณุ แมงลกั คาเป็นสมนุ ไพรทม่ี ี ฟนั เลอ่ื ย ผวิ ใบมขี นทงั้ สองดา้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกทป่ี ลายกง่ิ และซอก สรรพคุณเด่นในการใช้แก้โรคผิวหนัง ใบ ชอ่ ละ 2-6 ดอกยอ่ ย กลบี ดอกสมี ว่ ง โคนกลบี สขี าว กลบี เลย้ี งสเี ขยี ว ผลแบบ ใบชงดม่ื เป็นยาลดไข้ ขบั เหงอ่ื ขบั น้ํานม แคปซลู มกี ลบี เลย้ี งหมุ้ อยู่ เมลด็ มสี นี ้ําตาลเขม้ แกห้ วดั ใชไ้ ลแ่ มลง รากตม้ กนิ เป็นยา เจรญิ อาหาร ขบั ระดู 38 ข้อมูลงานวิจัยพบว่าสารสกัด จากแมงลกั คามฤี ทธติ ์ ้านเช้อื แบคทเี รยี ตา้ นเชอ้ื รา ยบั ยงั้ เน้ืองอก ลดน้ําตาล ในเลอื ด ลดอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ ลด ความดนั โลหติ ตา้ นการชกั และมฤี ทธิ ์ สมานแผล 39
รกั ดอกม่วง Calotropis gigantea (L.) Dryand. สรรพคณุ ตาํ รายาไทยใชย้ างจากตน้ ขบั พยาธิ รกั ษาโรคกลากเกลอ้ื น เป็นยา Apocynaceae ระบาย รากใชแ้ กไ้ ข้ เปลอื กใชข้ บั น้ําเหลอื งเสยี ทาํ ใหอ้ าเจยี น ใบแกร้ ดิ สดี วง ช่ือวิทยาศาสตร์ รกั รกั ดอกม่วง ปอเถื่อน ป่ านเถื่อน ทวาร แกส้ น้ เทา้ แตก ดอกชว่ ยยอ่ ยอาหาร ฆา่ เชอ้ื โรคผวิ หนงั แกห้ ดื และแกไ้ อ วงศ์ ช่ืออ่ืน ข้อมูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากรกั ดอกม่วงมฤี ทธิฆ์ ่าพยาธิตวั กลม ตา้ นไวรสั ตา้ นเชอ้ื รา ตา้ นเชอ้ื วณั โรค แกห้ อบหดื แกไ้ อ และกระตุน้ การบบี ตวั ของมดลกู ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ ลาํ ตน้ ตงั้ ตรง ตามกง่ิ กา้ นใบมขี นขาวนุ่มคลุม มนี ้ํายางสขี าว 41 สงู 1-3 เมตร ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนานหรอื รปู ขอบขนานแกมไขก่ ลบั กวา้ ง 4-15 เซนตเิ มตร ยาว 8-30 เซนตเิ มตร ผวิ ใบมนี วลสขี าว ดอกชอ่ ออกท่ี ซอกใบ กลบี ดอกสมี ว่ ง รยางคร์ ปู มงกุฎ ผลเป็นฝกั คู่ ลกั ษณะเหมอื นกระสวยสนั้ โคง้ งอน เมอ่ื แก่จะแตกออก เมลด็ สนี ้ําตาลมขี นสขี าว องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั ทงั้ ตน้ และยางจากตน้ ประกอบดว้ ยสารในกลมุ่ terpenoids เชน่ α-amyrin และ β-amyrin, taraxasterol และ β-sitosterol สาร ในกลมุ่ oxypregnane-oligoglycoside เชน่ calotroposides A-G และสารในกลมุ่ cardiac glycoside ไดแ้ ก่ calactin 40
รางจืด Thunbergia laurifolia Lindl. ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthaceae วงศ์ ช่ืออ่ืน กาํ ลงั ช้างเผอื ก ขอบชะนาง เครือเขาเขียว ยาเขียว คายรางเยน็ ลกั ษณะพืช ไมเ้ ถาเลอ้ื ย เถากลมเป็นขอ้ ปลอ้ ง ใบเดย่ี ว เน้ือแขง็ ใบออกตรง สรรพคณุ รางจดื เป็นสมนุ ไพรพน้ื บา้ นทม่ี กี ารใชก้ นั แต่โบราณ จดั เป็นสมนุ ไพร ขา้ มกนั เป็นคู่ รปู รยี าวหรอื รปู ไข่ โคนใบเวา้ ปลายใบเรยี วแหลม ดอกออกเป็นชอ่ ทม่ี สี รรพคณุ เป็นยาเยน็ เดน่ ในเรอ่ื งการถอนพษิ ดบั พษิ ตาํ รายาไทยใชน้ ้ําคนั้ ใบ ทป่ี ลายกง่ิ ดอกสมี ว่ งหรอื ฟ้าอมมว่ ง กลบี ดอกแผอ่ อกเป็นรปู ระฆงั แยกออกเป็น สด แกไ้ ข้ แกร้ อ้ นใน ถอนพษิ ทงั้ ตน้ ใชถ้ อนพษิ เบอ่ื เมา รากและเถา แกร้ อ้ นใน 5 กลบี เกยซอ้ นกนั โคนกลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั เป็นหลอด ภายในหลอดมสี เี หลอื ง กระหายน้ํา ออ่ น ใบประดบั สเี ขยี วประสนี ้ําตาลแดง ผลรปู กลม ปลายเป็นจะงอยแหลม ผล เป็นผลแหง้ เมอ่ื แกจ่ ะแตกออกเป็นสองซกี ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากใบรางจดื มฤี ทธติ ์ ่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกนั การเกดิ พษิ ต่อตบั ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑร์ างจดื แปรรปู บรรจแุ คปซลู และชา องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ใบรางจดื ประกอบดว้ ย rosmarinic acid และ ชงออกจาํ หน่ายมากมาย caffeic acid นอกจากน้ียงั ประกอบดว้ ยสารในกลุม่ iridoid glycosides เชน่ 8-epi-grandifloric acid และ 3'-O-β-glucopyranosyl-stilbericoside 43 42
โรสแมร่ี Rosmarinus officinalis L. Lamiaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ วงศ์ ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ ใบมรี ปู รา่ งคลา้ ยเขม็ รปู ขอบ องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ใบประกอบ ขนานแคบ ยาว 2-4 เซนตเิ มตร กวา้ ง 0.2-0.5 ดว้ ยสารสาํ คญั ในกลุม่ polyphenol เชน่ ros- เซนตเิ มตร มกี ลนิ่ หอม และเขยี วอยตู่ ลอดปี ดา้ น marinic acid และสารในกลุม่ diterpene เชน่ บนของใบมสี เี ขยี ว ดา้ นทอ้ งใบเป็นสขี าวและมขี น carnosic acid และ carnasol น้ํามนั จากใบ ปกคลุม ดอกมหี ลายสี เชน่ ขาว ชมพู มว่ ง หรอื ฟ้า และเมลด็ ประกอบดว้ ยสารในกลุม่ terpene ท่ี กลบี ดอกตดิ กนั ปลายแยกเป็น 5 กลบี มลี กั ษณะ สาํ คญั เชน่ cineole, eucalyptol เป็น 2 ปาก สรรพคณุ ยอดออ่ นของใบใชท้ าํ ชาโรสแมร่ี 44 ดม่ื บรรเทาอาการ ปวดศรี ษะ จกุ เสยี ด และ เป็นไข้ ใชป้ รงุ อาหารทาํ ใหม้ กี ลน่ิ หอมและ แต่งกลนิ่ ซุป น้ํามนั จากเมลด็ ชว่ ยกระตุน้ การไหลเวยี นของโลหติ ชว่ ยใหร้ สู้ กึ สดชน่ื ชว่ ยกระตุน้ การเจรญิ ของเสน้ ผม ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ ใบโรสแมรม่ี ฤี ทธติ ์ า้ นอนุมลู อสิ ระ ตา้ นการแพ้ และ การอกั เสบ 45
ลาํ โพงกาสลกั องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ทงั้ ตน้ มสี าร กลุม่ tropane alkaloids ทส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ hyoscine ชื่อวิทยาศาสตร์ Datura fastuosa L. และ hyoscyamine โดยพบมากทด่ี อกและเมลด็ วงศ์ Solanaceae นอกจากน้ียงั ประกอบดว้ ยสารอน่ื ๆ เชน่ cusco- ช่ืออื่น มะเขือบา้ ดอกดาํ กาสลกั hygrine, daturanetelin B, withafastuosin D, E, F, และ withametelin H ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก ใบคลา้ ยมะเขอื ขอบ สรรพคณุ รากแกพ้ ษิ ฝี ดบั พษิ รอ้ น ใบแกป้ วดบวมอกั เสบ รกั ษาแผลเรอ้ื รงั กลาก ใบหยกั ฐานใบไมเ่ ทา่ กนั ลาํ ตน้ และกงิ่ มสี ี เกลอ้ื น ดอกแกห้ ดื ผลแกพ้ ษิ ไข้ เมลด็ ฆา่ เชอ้ื โรค รกั ษาหดิ เหา ทงั้ หา้ บาํ รงุ ประสาท แก้ มว่ งเขม้ ดอกเป็นดอกเดย่ี วเมอ่ื โตเตม็ ทร่ี ปู รดิ สดี วงจมกู รา่ งคลา้ ยแตรหรอื ลาํ โพง กลบี ดอกซอ้ นโดยสี ขาวจะอยดู่ า้ นในและมสี มี ว่ งอยดู่ า้ นนอก โคน ทกุ สว่ นของลาํ โพงมพี ษิ ถา้ กนิ เขา้ ไปมาก จะทาํ ใหเ้ กดิ อาการสายตาพรา่ มวั กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั ผลคอ่ นขา้ งกลม ผวิ มี ปากแหง้ กระหายน้ํามาก ผวิ หนงั รอ้ นแดง ปวดศรี ษะ เป็นไข้ ประสาทหลอนและชกั ได้ หนามสนั้ ๆ เมลด็ มจี าํ นวนมากลกั ษณะกลม แบน 47 46
เลี่ยนดอกม่วง ช่ือวิทยาศาสตร์ Melia azedarach Linn. วงศ์ Meliaceae ช่ืออ่ืน เคี่ยน เกรียน เล่ียนใบใหญ่ เฮ่ียน ลกั ษณะพืช ไมย้ นื ตน้ ขนาดใหญ่ เปลอื กผวิ ตน้ สนี ้ําตาล ผวิ เป็นรอ่ งตามยาว ใบ สรรพคณุ ทกุ สว่ นมรี สขม เมา ราก ผล และเปลอื กตน้ ขบั พยาธิ แกไ้ ข้ แก่นและ ประกอบแบบขนนก ใบยอ่ ยปลายแหลมเรยี วโคนใบสอบ ขอบใบหยกั สว่ นลา่ ง ดอก แกโ้ รคผวิ หนงั ใบ ขบั ปสั สาวะ บาํ รงุ โลหติ พอกแผล แกน้ ้ํารอ้ นลวก ทงั้ ตน้ ของใบมขี นสเี ขยี วออ่ นเหน็ เสน้ ใบชดั ดอกสมี ว่ งออ่ นหรอื สฟี ้า กลน่ิ หอม ออก แกโ้ รคเรอ้ื น ทาํ ใหเ้ จรญิ อาหาร ชาวบา้ นใชใ้ บและเปลอื กตน้ ตม้ กบั น้ําเป็นยาฆา่ เป็นชอ่ กระจกุ ใหญ่ตามปลายกงิ่ ผลกลมรี สเี ขยี วเมอ่ื แก่จะเปลย่ี นเป็นสเี หลอื ง แมลงและไลแ่ มลง มเี มลด็ 4-5 เมลด็ ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั เอทานอลจากดอก ใบ ผล และเมลด็ มฤี ทธิ ์ องคป์ ระกอบทางเคมที ่ีสาํ คญั เปลอื กและใบประกอบดว้ ยสารในกลมุ่ limonoids ตา้ นจลุ ชพี เชน่ azadirachtin นอกจากน้ยี งั ประกอบดว้ ยสารในกลมุ่ tannins, flavonoids และ phenolic compounds อกี หลายชนิด 49 48
ว่านพงั พอน Tacca chantrieri Andr. Taccaceae ช่ือวิทยาศาสตร์ เนระพสู ีไทย คล้มุ เลีย ดีงูหว้า ดีปลาช่อน วงศ์ ม้าถอนหลกั มงั กรดาํ ว่านหวั ลา ช่ืออื่น ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก อายหุ ลายปี รากมปี มุ่ ปมมาก กา้ นใบยาว ขอบใบหยกั เป็น สรรพคณุ เหงา้ และเน้ือไมใ้ ชล้ ดไข้ แกท้ อ้ งเสยี คลน่ื ดอกสมี ว่ งเขม้ ใบประดบั 4 ใบ ใบใหญ่ 2 ใบ ใบเลก็ 2 ใบ ใบประดบั ของ ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารกลุม่ steroidal saponins ทส่ี กดั ไดจ้ ากเหงา้ มี ดอกยอ่ ยเรยี งยาวเป็นเสน้ ผลเป็นแคปซลู ยาว เมลด็ สามเหลย่ี มสมี ว่ งจนถงึ มว่ ง อมน้ําตาล ความเป็นพษิ ต่อเซลล์ องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั เหงา้ มสี ารกลมุ่ steroidal glycosides เชน่ tac- 51 casterosides และสารกลุม่ steroidal saponins เชน่ spirostanol saponins 50
สงั กรณี Barleria strigosa Willd. องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ทงั้ ตน้ ประกอบดว้ ยสารสาํ คญั ในกลุม่ phenyletha- Acanthaceae noid และ iridoid glycosides ช่ือวิทยาศาสตร์ กาํ แพงใหญ่ ขีไ้ ฟนกค้มุ หญ้าหงอนไก่ วงศ์ หญ้าหวั นาค สรรพคณุ เป็นยาดบั พษิ ไขท้ งั้ ปวง ทงั้ ตน้ ตม้ น้ําดม่ื บาํ รงุ กาํ ลงั ราก ตม้ น้ําดม่ื ช่ืออื่น แกร้ อ้ นใน กระหายน้ํา แกไ้ ข้ แกโ้ ลหติ กาํ เดา ดบั พษิ รอ้ น ถอนพษิ ไขก้ าฬ ใบแกไ้ ขห้ วดั ใหญ่ วณั โรคปอด ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั หยาบทงั้ ตน้ มฤี ทธยิ ์ บั ยงั้ เอนไซม์ phosphodiesterase ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ ขนาดเลก็ กง่ิ กา้ นมขี นสนี ้ําตาล ใบ 53 เดย่ี วเรยี งตรงขา้ มแบบสลบั รปู ไขแ่ กมขอบขนาน ใบ ดา้ นบนเกลย้ี งเป็นมนั ขอบใบเรยี บ ดอกออกเป็นชอ่ ท่ี งา่ มใบ ดอกยอ่ ยมจี าํ นวนมาก แต่บานครงั้ ละ 1-2 ดอก กลบี ดอกสมี ว่ งแกมน้ําเงนิ หรอื ฟ้า ปลายแยกเป็น 2 ปาก มใี บประดบั ยอ่ ยหมุ้ ดอก ผล เป็นฝกั เกลย้ี ง รปู รา่ งแบน มเี มลด็ 4 เมลด็ 52
สาบแรง้ สาบกา องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ทงั้ ตน้ ประกอบดว้ ยสารสาํ คญั หลายชนิด เชน่ สารในกลมุ่ alkaloids, flavonoids, steroids, terpenes, saponins, tannin, fatty ช่ือวิทยาศาสตร์ Ageratum conyzoides L. acids, phenolic compounds และ essential oil ในกลุม่ chromene อกี หลาย วงศ์ Asteraceae (Compositae) ชนิดซง่ึ สารในกลมุ่ chromene น้ีทาํ ใหส้ าบแรง้ สาบกามกี ลน่ิ เฉพาะตวั ชื่ออ่ืน หญ้าสาบแฮ้ง หญ้าสาบแร้ง ตบั เสือเลก็ สรรพคณุ ทงั้ ตน้ แกไ้ ข้ ขบั ปสั สาวะ ใบ ตม้ น้ํากนิ แกไ้ ข้ ตาํ พอกแกค้ นั หา้ มเลอื ด เทียมแม่ฮาบ ทาแกป้ วดเมอ่ื ย น้ําคนั้ ใชห้ ยอดตา ทงั้ ตน้ และใบตาํ พอกแกโ้ รคผวิ หนงั ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากใบด้วยน้ําสามารถกําจดั อนุมูลอสิ ระ ABTS และ DPPH และสารสกดั เอทานอลมฤี ทธติ ์ า้ นอนุมลู อสิ ระชนิด superox- ide anion ไดด้ ี ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก ทงั้ ตน้ มขี นปกคลุม เมอ่ื เดด็ มาขยด้ี มจะมกี ลนิ่ เฉพาะตวั 55 ใบเดย่ี วออกตรงขา้ ม ขอบใบหยกั มน เน้ือใบบางคลา้ ยกระดาษ ดา้ นลา่ งสจี าง มี ขนทงั้ สองดา้ น ดอกเป็นกระจกุ สขี าวหรอื มว่ ง ออกเป็นชอ่ ทป่ี ลายยอด โคนกลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั เป็นรปู ทอ่ ปลายมี 5 แฉก ผล รปู ขอบขนานแคบ สดี าํ มี 5 สนั มี ระยางคส์ นั้ ๆ ซง่ึ สว่ นโคนจกั เป็นซฟ่ี นั สว่ นปลายจะยาวแหลม 54
หญ้าปักกิ่ง Murdannia loriformis (Hassk.) Rolla Rao et Kammathy ช่ือวิทยาศาสตร์ Commelinaceae หญ้าเทวดา เล่งจือเฉ้า วงศ์ ช่ืออ่ืน ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลกุ สงู ประมาณ 10 เซนตเิ มตร ลาํ ตน้ กลมสเี ขยี ว ใบเป็นใบ องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั หญา้ ปกั กง่ิ ประกอบดว้ ยสารในกลุม่ glycolipids เดย่ี ว เรยี งสลบั ใบทโ่ี คนตน้ รปู ขอบขนาน สว่ นใบทป่ี ลายยอดมขี นาดเลก็ กวา่ หลายชนิด เชน่ glycosphingolipid, sphingosine และสนั้ กวา่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ แผน่ ใบเรยี บ กา้ นใบเป็นกาบหมุ้ ลาํ ตน้ สรรพคณุ ชาวจนี สมยั โบราณใชห้ ญา้ ปกั กงิ่ เป็นสมนุ ไพรในโรคต่างๆ เป็นเวลา ดอกออกเป็นชอ่ ทป่ี ลายยอด มใี บประดบั ยอ่ ยคอ่ นขา้ งกลมสเี ขยี วออ่ น ดอกสฟี ้า นาน จดั เป็นสมนุ ไพรทม่ี สี รรพคณุ เป็นยาเยน็ มรี สจดื ใชบ้ าํ รงุ กาํ ลงั ปรบั สมดลุ หรอื มว่ งออ่ น กลบี ดอกบาง โคนกลบี เรยี ว ผล มลี กั ษณะเป็นผลแหง้ แตกออกได้ รา่ งกาย เสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั 56 ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั น้ําจากหญา้ ปกั กงิ่ สามารถใชร้ ว่ มกบั ยาแผน ปจั จบุ นั ได้ ชว่ ยลดอาการขา้ งเคยี งจากการฉายแสง และชว่ ยยบั ยงั้ การกลายพนั ธุ์ ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑห์ ญา้ ปกั กง่ิ แปรรปู บรรจแุ คปซลู และชาชงออกจาํ หน่ายในทอ้ ง ตลาดมากมาย 57
หมอน้อย Vernonia cinerea ( L. ) Less. สรรพคณุ หมอน้อยเป็น Asteraceae (Compositae) สมุนไพรพ้ืนบ้านท่ีมีการ ชื่อวิทยาศาสตร์ หญ้าละออง หญ้าดอกขาว หญ้าสามวนั ใชก้ นั มานาน ลาํ ตน้ แหง้ วงศ์ เสือสามขา ฝรงั่ โคก ก้านธปู นํามาต้มน้ํากินเป็นยาแก้ ช่ืออ่ืน ไข้ แกป้ วดทอ้ ง ลดความ ดนั โลหติ เป็นยาภายนอก ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลกุ ลาํ ตน้ ตงั้ ตรง ใบเป็นใบเดย่ี ว เรยี งสลบั ใบรปู รแี คบ รปู ใช้พอกแผลบวมอักเสบ ไข่ รปู หอก หรอื รปู แถบ ใบทโ่ี คนตน้ ขนาดใหญ่กวา่ ทป่ี ลายยอด ดอกเป็นดอก ค น ส มัย ก่ อ น มัก เ รีย ก ชอ่ กระจกุ แน่น ออกเป็นชอ่ แยกแขนง มใี บประดบั รปู คลา้ ยระฆงั 4 ชนั้ ดอกสี สมุนไพรท่ีมคี ุณสมบตั ิใน มว่ งเขม้ แลว้ คอ่ ยๆ จางลง ผล เป็นผลแหง้ มเี มลด็ เดยี ว รปู ทรงกระบอกแคบ สี การบรรเทาอาการไดห้ ลาย น้ําตาลเขม้ มขี นสขี าวยาวทาํ ใหเ้ หน็ ชอ่ ผลสขี าว ดคู ลา้ ยชอ่ ดอกสขี าว ทเ่ี ป็นชอ่ื โรควา่ หมอน้อย จงึ เป็นคาํ อกี ชอ่ื หน่ึงของตน้ ทใ่ี ชเ้ รยี กในสมนุ ไพรหลาย ชนิด องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ในตน้ ใบ และรากของหมอน้อยประกอบดว้ ย สารสาํ คญั คอื sodium nitrate และสารในกลุม่ steroids เชน่ lupeol, stigmas- ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากต้นหมอน้อยสามารถลดอาการอยาก terol, β-sitosterol สบู บุหรไ่ี ด้ เน่ืองจาก sodium nitrate ทาํ ใหล้ น้ิ ชา ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑจ์ ากใบ หมอน้อยแปรรปู บรรจแุ คปซลู และชาชงออกจาํ หน่าย 58 59
หญ้าหนวดแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq. วงศ์ Lamiaceae (Labiatae ) ชื่ออ่ืน บางรกั ป่ า พยบั เมฆ ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุก ลาํ ตน้ และกงิ่ กา้ นเป็นเหลย่ี ม ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ไข่ สรรพคณุ ใบตม้ น้ําดม่ื แกโ้ รคไต ขบั ปสั สาวะ รกั ษาโรคกระษยั รกั ษาโรคปวด หรอื รปู ขา้ วหลามตดั ปลายใบเรยี วแหลม โคนใบสอบ ขอบใบหยกั ฟนั เลอ่ื ยหา่ งๆ ตามสนั หลงั และบนั้ เอว รกั ษาโรคน่ิว ราก ขบั ปสั สาวะ บรเิ วณปลายใบ ทางดา้ นโคนใบขอบเรยี บ ดอกชอ่ ฉตั รออกทป่ี ลายกง่ิ กลบี เลย้ี ง เชอ่ื มตดิ กนั เป็นรปู ระฆงั กลบี ดอกสขี าวหรอื มว่ งเชอ่ื มตดิ กนั เป็นหลอด ปลายแยก ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ หญา้ หนวดแมวมโี ปตสั เซยี มสงู มาก คนทเ่ี ป็นโรค เป็นสองปาก ปากบนมี 4 กลบี ปากลา่ งมี 1 กลบี โคง้ เป็นรปู ชอ้ น ผลรปู ขอบขนาน หวั ใจและโรคไต หา้ มรบั ประทาน ถา้ ไตไมป่ กติ จะไมส่ ามารถขบั โปตสั เซยี มออก แบน ยาว ตามผวิ มรี อยยน่ มาได้ ซง่ึ ทาํ ใหเ้ กดิ โทษต่อรา่ งกาย องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ตน้ และใบมี potassium ในปรมิ าณสงู มี glycoside 61 ทม่ี รี สขม ชอ่ื orthsiphonin นอกจากน้ียงั ประกอบดว้ ยสารในกลุม่ saponins, alka- loids, organic acid และน้ํามนั ระเหยอกี หลายชนิด 60
หว้าชะอาํ Peristrophe lanceolaria (Roxb.) Nees Acanthaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ จา๊ ฮ่อม กระดองเต่าหกั วงศ์ ชื่ออื่น ลกั ษณะพืช เป็นไมล้ ม้ ลุกหรอื ไมล้ ม้ ลุกกง่ึ พมุ่ ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ มกนั รปู หอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ดอกสชี มพหู รอื อมมว่ ง ออกเป็นชอ่ จากซอกใบหรอื ปลายยอด กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกอยา่ งละ 5 กลบี กลบี ดอกโคนเชอ่ื มกนั ปลาย กลบี แยก เป็นสองปาก ผลเป็นฝกั รปู กระสวย ยาว แก่แตก 2 เสย่ี ง เมลด็ ขนาด เลก็ รปู ไขแ่ บน องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั - สรรพคณุ รากใชฝ้ นกบั เหลา้ ป้ายลน้ิ แกซ้ างเดก็ ชาวเขาเผา่ อกี อ้ ใชใ้ บ ตาํ คนั้ น้ํา ทาหรอื พอก แกอ้ กั เสบ บวม หรอื ตดิ เชอ้ื 62 63
เหงือกปลาหมอดอกม่วง ลกั ษณะพืช ไมพ้ มุ่ ลาํ ตน้ ตงั้ ตรง กลม เรยี บแขง็ มหี นามรอบขอ้ ใบเดย่ี ว เรยี ง ตรงขา้ ม รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ขอบใบหยกั แบบขน ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius L. นก ทป่ี ลายเป็นหนาม ดอกเป็นชอ่ ออกทป่ี ลายกงิ่ กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั ปลาย วงศ์ Acanthaceae แยกเป็น 2 ปาก สมี ว่ งแกมน้ําเงนิ ออ่ นถงึ เขม้ ผลแหง้ แตกได้ ทรงรปู ไข่ ผวิ เกลย้ี ง ชื่ออ่ืน เหงือกปลาหมอน้ําเงิน แก้มหมอ แก้มหมอเล เมลด็ รปู โล่ ผวิ ยน่ หรอื เป็นลกู ฟูก จะเกรง็ นางเกรง็ อีเกรง็ องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ทงั้ ตน้ ประกอบดว้ ยสารสาํ คญั ในกลมุ่ alka- loids เชน่ acanthicifoline, trigonelline สารในกลมุ่ triterpenes เชน่ α-amyrin, β-amyrin และสารในกลมุ่ flavonoids เชน่ quercetin, isoquercetin สรรพคณุ เหงอื กปลาหมอดอกมว่ งเป็นสมนุ ไพรพน้ื บา้ นทม่ี กี ารใชก้ นั แต่โบราณ เป็นสมนุ ไพรทเ่ี ดน่ ในเรอ่ื งการแกโ้ รคผวิ หนงั รากและใบชว่ ยขบั เสมหะ ตาํ รายา ไทยใชท้ งั้ ราก ตน้ ใบ ผล และเมลด็ แกพ้ ษิ ฝี แกโ้ รคผวิ หนงั ผน่ื คนั และใชเ้ ป็นยา อายวุ ฒั นะ ขอ้ มูลงานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากเหงอื กปลาหมอดอกม่วงมฤี ทธยิ ์ บั ยงั้ เน้ืองอก ตา้ นไวรสั ตา้ นมะเรง็ ในเมด็ เลอื ด ตา้ นแบคทเี รยี เสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั และตา้ นการแพ้ ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑใ์ นรปู แบบยาแคปซลู และยาชงสมนุ ไพรวาง จาํ หน่าย 64 65
อญั ชนั Clitoria ternatea L. Leguminosae-Papillionoideae ชื่อวิทยาศาสตร์ แดงชนั เอื้องชนั วงศ์ ชื่ออื่น ลกั ษณะพืช ไมล้ ม้ ลุกเลอ้ื ยพนั ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรยี งสลบั ใบยอ่ ย สรรพคณุ ตาํ รายาไทยกลา่ ววา่ น้ําคนั้ จากดอกอญั ชนั ชว่ ยใหผ้ มดกดาํ รกั ษา 3-9 ใบ รปู รแี กมขอบขนานหรอื รปู รแี กมไขก่ ลบั กวา้ ง 1-3 เซนตเิ มตร ยาว 2-5 อาการผมรว่ งแกพ้ ษิ ต่างๆ แกฟ้ กบวม น้ําคนั้ จากใบ แกต้ าอกั เสบ แกต้ าฟาง ตา เซนตเิ มตร ดอกเดย่ี ว ออกทซ่ี อกใบ กลบี ดอกรปู ดอกถวั่ สนี ้ําเงนิ หรอื มว่ ง ตรง แฉะ รากเป็นยาเยน็ ใชข้ บั ปสั สาวะ เมลด็ ใชเ้ ป็นยาระบาย กลางกลบี สเี หลอื งหมน่ ขอบสขี าว ผลเป็นฝกั ผวิ มขี นละเอยี ด รปู ดาบ โคง้ เลก็ น้อย ปลายเป็นจะงอย แตกเป็น 2 ฝา เมลด็ รปู ไตสนี ้ําตาลเกอื บดาํ จาํ นวน 6-10 ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบวา่ สารสกดั น้ําจากดอกมฤี ทธติ ์ ่อตา้ นอนุมลู อสิ ระ ตา้ น เมลด็ การอกั เสบ ลดอาการหดเกรง็ ในชอ่ งทอ้ ง สารสกดั เมทานอลจากรากมฤี ทธติ ์ า้ น การอกั เสบ ลดไข้ แกป้ วด ปจั จบุ นั มผี ลติ ภณั ฑจ์ ากดอกอญั ชนั แปรรปู เป็นชาชง องคป์ ระกอบทางเคมีที่สาํ คญั ดอกอญั ชนั ประกอบดว้ ยสารสมี ว่ งกลุม่ antho- จาํ หน่าย cyanins หลายชนิด นอกจากน้ียงั พบสารกลมุ่ flavonol glycoside เชน่ kaemp- ferol, quercetin, myricetin และสารกลมุ่ phytoestrogen เชน่ genistein อกี ดว้ ย 67 66
อินทนิ ลนํ้า Lagerstroemia speciosa (L.) Pers. ช่ือวิทยาศาสตร์ Lythraceae วงศ์ ฉ่วงมู ตะแบกดาํ บางอบะวา บาเย บาเอ ช่ืออื่น อินทนิล Pride of India ลกั ษณะพืช ไมย้ นื ตน้ ใบเดย่ี ว เรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนาน หรอื รปู ขอบขนาน และ stigmasterol นอกจาก แกมวงรี ปลายใบแหลมหรอื มน โคนใบเกอื บกลม ดอกชอ่ แยกแขนงออกทป่ี ลาย น้ียงั ประกอบด้วยสารในกลุ่ม กง่ิ กลบี เลย้ี ง 6 กลบี เชอ่ื มตดิ กนั เป็นรปู ระฆงั มขี นสเี ทาหรอื สสี นิม กลบี ดอก 6 ellagitannins เชน่ lagerstro- กลบี รปู คลา้ ยโล่ สชี มพแู กมมว่ ง มกี า้ นกลบี เกสรตวั ผจู้ าํ นวนมาก ผลแหง้ แตก emin, flosin B, stachyurin รปู ทรงกลม เปลอื กแขง็ สรรพคณุ ตาํ รายาไทยวา่ ใบ องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีสาํ คญั ใบมสี ารในกลุม่ triterpenes ชนิดทส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ มรี สจดื ขมฝาดเยน็ ตม้ หรอื ชง corosolic acid และยงั พบสารในกลมุ่ steroids ไดแ้ ก่ sitosterol, campesterol น้ํารอ้ นดม่ื แกโ้ รคเบาหวาน ขบั ปสั สาวะ เมลด็ มรี สขม แกโ้ รคเบาหวาน เปลอื ก มรี สฝาดขม แกไ้ ข้ แกท้ อ้ งเสยี แกน่ มรี สขม เมอ่ื ตม้ ดม่ื ใชแ้ กโ้ รคเกย่ี วกบั ทาง 68 เดนิ ปสั สาวะ แกป้ สั สาวะพกิ าร แกโ้ รคเบาหวาน ราก มรี สขมแกแ้ ผลในปากและ คอ ขอ้ มลู งานวจิ ยั พบว่าสารสกดั จากใบอนิ ทนิลน้ํามฤี ทธลิ ์ ดน้ําตาลในเลอื ด และลดการเกบ็ สะสมไขมนั ภายในเซลล์ 69
กติ ตกิ รรมประกาศ เอกสารอางองิ หนังสอื เล่มน้ีได้รบั การสนับสนุนจากเงนิ งบประมาณแผ่นดนิ 1. นิจศริ ิ เรอื งรงั ษ,ี ธวชั ชยั มงั คละคปุ ต.์ สมนุ ไพรไทย เลม่ 1. กรงุ เทพฯ : ประจาํ ปีงบประมาณ 2556 ผเู้ ขยี นขอขอบคณุ โครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั บรษิ ทั ฐานการพมิ พ์ จาํ กดั . 2547. เน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ท่ี ใหก้ ารสนบั สนุนและอาํ นวยความสะดวกในการทาํ งานวจิ ยั ในพน้ื ท่ี ขอขอบคณุ 2. นนั ทวนั บุณยะประภศั ร, อรนุช โชคชยั เจรญิ พร, บรรณาธกิ าร. ภาควชิ าเภสชั เวทและเภสชั พฤกษศาสตร์ คณะเภสชั ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ สมนุ ไพรไมพ้ น้ื บา้ น (1). กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั . 2540. มหาวทิ ยาลยั ทใ่ี หค้ วามรว่ มมอื เป็นอยา่ งดี และขอขอบคณุ เภสชั กรหญงิ วร ลกั ษณ์ ภผู า เภสชั กรหญงิ ลดั ดา เตชะวริ ยิ ะทวสี นิ เภสชั กรหญงิ นภสั วรรณ ภรู ี 3. นนั ทวนั บุญยะประภศั ร, อรนุช โชคชยั เจรญิ พร, บรรณาธกิ าร. จารโุ รจน์ นิสติ ระดบั บณั ฑติ ศกึ ษาของภาควชิ าฯ และคณุ ศศมิ า จนั ทรแ์ ยม้ ทไ่ี ด้ สมนุ ไพรไมพ้ น้ื บา้ น (2). กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั . 2541. ร่วมมอื กนั ทําการคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพ่อื การใชป้ ระโยชน์จากพชื สมุนไพรทม่ี ดี อกสี มว่ ง 4. นนั ทวนั บุญยะประภศั ร, อรนุช โชคชยั เจรญิ พร, บรรณาธกิ าร. สมนุ ไพรไมพ้ น้ื บา้ น (3). กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั . 2542. 70 5. นนั ทวนั บุญยะประภศั ร, อรนุช โชคชยั เจรญิ พร, บรรณาธกิ าร. สมนุ ไพรไมพ้ น้ื บา้ น (4). กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั . 2543. 6. นนั ทวนั บุญยะประภศั ร, อรนุช โชคชยั เจรญิ พร, บรรณาธกิ าร. สมนุ ไพรไมพ้ น้ื บา้ น (5). กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั . 2543. 7. เพญ็ นภา ทรพั ยเ์ จรญิ , นิจศริ ิ เรอื งรงั ษ,ี กญั จนา ดวี เิ ศษ. สมนุ ไพรในอุทยานแหง่ ชาตภิ าคกลาง. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สามเจรญิ พานิชย์ (กรงุ เทพฯ) จาํ กดั . 2549. 8. เพญ็ นภา ทรพั ยเ์ จรญิ . สมนุ ไพรในอุทยานแหง่ ชาตภิ าคเหนือ. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สามเจรญิ พาณชิ ย์ (กรงุ เทพฯ) จาํ กดั . 2549. 9. เพญ็ นภา ทรพั ยเ์ จรญิ . สมนุ ไพรในอุทยานแหง่ ชาตภิ าคอสี าน. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สามเจรญิ พาณชิ ย์ (กรงุ เทพฯ) จาํ กดั . 2549. 10. พรอ้ มจติ ศรลมั พ,์ วงศส์ ถติ ฉวั่ กุล, สมภพ ประธานธรุ ารกั ษ.์ สารานุกรมสมนุ ไพร เลม่ 1 สมนุ ไพรสวนสริ รี กุ ขชาต.ิ กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ชงิ่ จาํ กดั (มหาชน). 2548. 11. ราชบณั ฑติ ยสถาน. อนุกรมวธิ านพชื อกั ษร ก ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : หจก. อรณุ การพมิ พ.์ 2549. 12. สว่ นพฤกษศาสตรป์ า่ ไม้ สาํ นกั วชิ าการปา่ ไม้ กรมปา่ ไม.้ ชอ่ื พรรณไมแ้ หง่ ประเทศไทย เตม็ สมติ นิ นั ทน์. ฉบบั แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ . กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ประชาชน จาํ กดั . 2544. 13. หมอเสงย่ี ม พงษบ์ ุญรอด. ไมเ้ ทศ เมอื งไทย สรรพคณุ ของยาเทศและยาไทย. กรงุ เทพฯ: ศลิ ปาบรรณาคาร. 2518.
72
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: