Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

พระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

Description: พระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

Search

Read the Text Version

Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน

พมิ พ์โดยเสด็จพระราชกุศลในพระราชพธิ ีพระราชทานเพลงิ พระศพ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (เจริญ สุวฑฒฺ โน) ISBN 978-616-406-211-5 พมิ พ์ครั้งท่ี ๑ ธนั วาคม ๒๕๕๘ จำ�นวนพิมพ์ ๓๐๐,๐๐๐ เล่ม จัดพมิ พโ์ ดย วดั บวรนเิ วศวิหาร คณะบรรณาธกิ าร พระโสภณคณาภรณ์ (สมจติ ต์ อภจิ ิตโฺ ต) พระศากยวงศว์ ิสทุ ธิ์ รศ.สุเชาวน์ พลอยชุม นางสาวพจมาลย์ เกียรติธร พิมพ์ที่ บรษิ ทั อมรินทร์พร้นิ ต้งิ แอนดพ์ ับลิชช่ิง จ�ำ กัด (มหาชน) ๓๗๖ ถนนชัยพฤกษ์ แขวงตลิง่ ชนั เขตตล่งิ ชนั กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐, ๐-๒๘๘๒-๑๐๑๐ โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๒๗๔๒, ๐-๒๔๓๔-๑๓๘๕ E-mail : [email protected] Homepage : http://www.amarin.com

3

4

ค�ำปรารภ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ส้ินพระชนม์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เวลา ๑๙ นาฬิกา ๓๐ นาที ณ ตึกวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สิริพระชนมายไุ ด้ ๑๐๐ พรรษา ๒๑ วนั ครั้นวันศุกร์ที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เวลา ๑๓ นาฬิกา ได้เชิญพระศพ มายังพระต�ำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระ- ราชด�ำเนินแทนพระองค์มาถวายน�้ำสรงพระศพ และทรงพระกรุณาโปรดพระราชทาน พระโกศกุด่ันใหญ่ประดิษฐานพระศพ พระโกศประดิษฐานภายใต้เศวตฉัตร ๓ ชั้น บนพระแท่น แว่นฟ้าปิดทองประดับกระจก แวดล้อมด้วยฉัตรเครื่องสูง ๓​ คู่ ประดับพุ่มตาดทอง ดอกไม้แจกัน และเทียนไฟฟ้า รายรอบพระโกศบนพระแท่นแว่นฟ้าทั้งสองชั้น เบ้ืองหน้า ตั้งพานพระภูษาโยงซ่ึงทอดมาจากปากพระโกศ เช่ือมกับด้ายสุก�ำ อันประชุมที่เบื้องพระเศียร ของพระศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ถวายพระศพทั้งกลางวันกลางคืน และมีประโคมย�่ำยามเป็นเวลา ๗ วัน ทรงพระกรุณา โปรดบ�ำเพญ็ พระราชกุศลสตั ตมวาร ปัญญาสมวาร และสตมวาร ถวายพระศพมาโดยล�ำดับ นับแต่วันประดิษฐานพระศพ ณ พระต�ำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เม่ือวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นมา ผู้น�ำประเทศ ทูตานุทูต ผู้น�ำองค์กรศาสนา หน่วยราชการ ผู้น�ำองค์กรต่างๆ คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนท้ังภายในประเทศและต่างประเทศได้มา ถวายสักการะเคารพพระศพ และไดร้ ่วมเปน็ เจา้ ภาพบ�ำเพญ็ กศุ ลถวายพระศพอย่างตอ่ เนื่อง พระศพเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไดป้ ระดษิ ฐาน ณ พระต�ำหนกั เพช็ ร วัดบวรนเิ วศวหิ าร แตว่ นั ท่ี ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถงึ วันท่ี ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นเวลา ๗๘๒ วัน หรือ ๒ ปี กับ ๕๒ วัน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ก�ำหนดการพระราชพิธีพระราชทาน เพลิงพระศพ ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๑๕ - ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ 5

ในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรง พระกรุณาโปรดให้พิมพ์หนังสือพระราชทานถวายเป็นพระอนุสรณ์ และถวายพระราชกุศลแด่ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก จ�ำนวน ๔ เล่ม คือ ๑. ธรรมบรรยายทางวทิ ยุ อ.ส. ระหวา่ งกาลทรงพระผนวช พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร- มหาภมู ิพลอดุลยเดช ๒. พระไตรรัตนคุณ : พระธรรมบรรยายแนวฝึกหัดอบรมจิตท่ีสมเด็จพระญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ทรงแสดง ณ ตึก สว ธรรมนิเวศ วดั บวรนิเวศวหิ าร ๓. พระธรรมเทศนาในการทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลการพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพ และการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุมาศ พระเมรุ ทอ้ งสนามหลวง พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ - ๒๕๕๕ ๔. โคลงสภุ าษิตประจ�ำภาพในพระอโุ บสถ วัดพระศรีรตั นศาสดาราม (ฉบับถอดความ) ทรงตั้งพระราชหฤทัยอุทิศพระราชกุศลทั้งปวงอันจะพึงมีแต่วิทยาทานน้ีถวายสมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้ทรงเป็นคารวสถาน ปูชนียเจดีย์ แห่งพระองค์ พระบรมวงศานวุ งศ์ พทุ ธบรษิ ัท และอาณาประชาราษฎร์ท่วั ไป เนื่องในการน้ี รัฐบาลได้พิมพ์หนังสือโดยเสด็จพระราชกุศลในพระราชพิธีพระราชทาน เพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จ�ำนวน ๓ เล่ม คือ ๑. คมั ภรี ล์ ลิตวิสตระ พระพทุ ธประวตั ฝิ า่ ยมหายาน ภาคภาษาสนั สกฤต ๒. คัมภรี ล์ ลติ วิสตระ พระพุทธประวัติฝา่ ยมหายาน ภาคภาษาไทย ๓. การบริหารทางจิตส�ำหรับผใู้ หญ่ นอกจากนี้ คณะสงฆ์ องค์กร และบุคคลต่างๆ ได้จัดพิมพ์หนังสือโดยเสด็จพระราชกุศล นอ้ มถวายเป็นพระอนสุ รณ์และน้อมถวายพระกศุ ลอีกจ�ำนวนหนึง่ วัดบวรนิเวศวิหารขอพระราชทานถวายพระพรถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ท่ีทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรม- ราชานุเคราะห์ ในการท้ังปวงอันเน่ืองด้วยการพระศพเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มาโดยตลอดต้ังแต่วันสิ้นพระชนม์จนถึง การพระราชพธิ ีพระราชทานเพลิงพระศพเปน็ ทสี่ ดุ ขออนุโมทนาอ�ำนวยพรรัฐบาล คณะสงฆ์ องค์กร คณะบุคคล และเอกชนทั้งปวง ท่ีได้โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระศพเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช 6

สกลมหาสังฆปริณายก มาตั้งแต่ต้น จนตลอดการพิมพ์หนังสือโดยเสด็จพระราชกุศลในการ พระราชพิธพี ระราชทานเพลิงพระศพ ขอพระราชกุศลที่สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ต้ังพระราชหฤทัย ทรงบ�ำเพ็ญพระราชทานอุทิศถวายในการคร้ังนี้ และขอกุศลบุญราศีท่ีรัฐบาล คณะสงฆ์ องค์กร คณะบุคคล และเอกชนทั้งหลายท้ังปวง ได้ต้ังใจกระท�ำบ�ำเพ็ญน้อมอุทิศถวาย จงสัมฤทธิ์เป็นอดิเรกปุญญวิบาก แด่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ตามควรแกพ่ ระคตวิ ิสัยจงทกุ ประการ เทอญ วัดบวรนิเวศวิหาร ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ 7

8

เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ทรงเป็นท่ีเคารพสักการะของปวงพุทธศาสนิกชนและสาธุชนท่ัวไป ท้ังภายใน และต่างประเทศ การเสด็จล่วงลับไปของพระองค์ จึงเป็นที่อาลัยและระลึกถึงของคนท้ังหลาย มิรู้วาย เพื่อให้พระกิตติคุณและพระเมตตาคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ พระองค์นั้นประทับแน่น อยู่ในความทรงจ�ำ สถิตมั่นอยู่ในดวงใจสมดังที่คนท้ังหลายได้มีศรัทธาปสาทะในพระองค์ มายาวนานตลอดไป ดว้ ยส�ำนกึ ในพระเมตตาคณุ และพระวริ ยิ อตุ สาหะในการปฏบิ ตั พิ ระศาสนกจิ เพอ่ื ความเจรญิ แพร่หลายของพระพุทธศาสนาและเพื่อสุขประโยชน์ของมหาชนและบ้านเมืองเป็นอเนกประการ พระเดชพระคณุ พระธรรมมงคลญาณ (วริ ยิ งั ค์ สริ นิ ฺธโร) พรอ้ มด้วยคณะสงฆแ์ ละอุบาสกอุบาสิกา วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร จึงได้จัดพิมพ์หนังสือ พระประวัติพร้อมด้วยพระรูปของ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ พระองค์นั้น ถวายเปน็ พระอนสุ รณแ์ ละถวายพระกศุ ลแดเ่ จา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วรฯ พระองคน์ น้ั ในการพระราชพธิ พี ระราชทานเพลิงพระศพครง้ั นี้ วัดบวรนิเวศวิหาร ขอถวายอนุโมทนาและขออนุโมทนาในกุศลเจตนาและบุญกิริยาของ คณะเจ้าภาพในคร้ังนี้ ขอกุศลบุญราศีอันจะพึงบังเกิดมีแต่การจัดพิมพ์หนังสือนี้เป็นธรรมทาน น้อมอุทิศถวายพระกุศลแด่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ พระองค์นั้นในครั้งนี้ จงสัมฤทธิ อทิ ธวบิ ากวบิ ญุ มนญุ ผลแดเ่ จา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วรฯ พระองคน์ นั้ ตามควรแกพ่ ระคตวิ สิ ยั จงทกุ ประการเทอญ วัดบวรนิเวศวิหาร ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๘ 9

พระประวตั โิ ดยสงั เขป สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก (เจรญิ สุวฑฒฺ โน ป.ธ.๙) วัดบวรนิเวศวหิ าร พระชาตภิ มู ิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระนามเดิมว่า เจรญิ คชวัตร ประสตู เิ ม่อื วนั ศกุ ร์ ขึน้ ๔ ค่ำ� เดอื น ๑๑ ปีฉลู เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๗๕ ตรงกบั วันที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๖ ณ ต�ำบลบ้านเหนือ อ�ำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัด กาญจนบุรี ทรงเป็นบุตรคนโตของนายน้อย คชวัตร (ถึงแก่กรรม พุทธศักราช ๒๔๖๕) และ นางกิมน้อย คชวัตร (ถึงแก่กรรม พุทธศักราช ๒๕๐๘) ทรงมีน้องชาย ๒​ คน ได้แก่ นายจ�ำเนียร คชวัตร และนายสมุทร คชวัตร ได้ทรงมาอยู่ในความดูแลของป้าเฮงซึ่งเป็นพ่ีสาวของนางกิมน้อย การบรรพชาและอุปสมบท พุทธศักราช ๒๔๖๙ ทรงบรรพชาท่วี ดั เทวสังฆาราม (วัดเหนอื ) จงั หวัดกาญจนบรุ ี พระครู อดุลยสมณกิจ (ดี พุทฺธโชติ) ต่อมาคือพระเทพมงคลรังษี เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆารามเป็น พระอุปัชฌาย์ และพระครูนิวิฐสมาจาร (เหรียญ สุวณฺณโชติ) เจ้าอาวาสวัดศรีอุปลาราม เป็นพระอาจารย์ให้สรณะและศลี เมื่อทรงบรรพชาแล้วทรงจ�ำพรรษาอยู่ท่ีวัดเทวสังฆาราม ๑ พรรษา และได้ทรงศึกษา พระปริยัติธรรมที่วัดเสนหา จังหวัดนครปฐม หลังจากน้ัน พระครูอดุลยสมณกิจ (ดี พุทฺธโชติ) พระอุปัชฌาย์ได้พามายังวัดบวรนิเวศวิหาร และน�ำขึ้นเฝ้าถวายตัวต่อสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร (ต่อมาคือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์) เพื่อทรงอยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในส�ำนักวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงได้รับประทานนามฉายา จากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ว่า “สุวฑฺฒโน” ซ่ึงมีความหมายว่า “ผู้เจริญดี” จนกระทั่งพระชันษา ครบอุปสมบทจึงเสด็จกลับไปผนวชท่ีวัดเทวสังฆาราม เม่ือพุทธศักราช ๒๔๗๖ พระครูอดุลย- สมณกิจ (ดี พุทฺธโชติ) เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆารามเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูนิวิฐสมาจาร (เหรียญ สุวณฺณโชติ) เจ้าอาวาสวัดศรีอุปลาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัด หรุง นามสกุล เซ่ียงฉ่ี เจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๖ ผนวชแลว้ ทรงจำ� พรรษาอยูท่ ว่ี ดั เทวสังฆาราม ๑ พรรษา 10

ภายหลังจึงเสด็จมาจ�ำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร เพื่อทรงศึกษา พระปริยัติธรรม และได้ทรงท�ำทัฬหีกรรม (อุปสมบทซ�้ำ) ท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๖ โดยมีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ช่ืน สุจิตฺโต ป.๗) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเทพเมธี (จู อสิ สฺ รโณ ป.๗) เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ การศึกษา ทรงได้รับการศึกษาเบื้องต้น ณ โรงเรียนประชาบาลวัดเทวสังฆาราม จบช้ันประถม ๕ (เทียบชั้นมัธยม ๒) หลังจากทรงบรรพชาแล้ว ทรงเรียนพระปริยัติธรรมและทรงสอบไล่ได้ ชนั้ ต่างๆ เปน็ ล�ำดบั มาในสำ� นกั เรยี นวดั บวรนิเวศวหิ าร ดังน้ี พุทธศกั ราช ๒๔๗๒ ทรงสอบได้นักธรรมชั้นตรี พุทธศักราช ๒๔๗๓ ทรงสอบได้นกั ธรรมชัน้ โท และ ป.ธ.๓ พุทธศักราช ๒๔๗๕ ทรงสอบไดน้ ักธรรมชน้ั เอก และ ป.ธ.๔ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๖ ทรงสอบได้ ป.ธ.๕ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗ ทรงสอบได้ ป.ธ.๖ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๘ ทรงสอบได้ ป.ธ.๗ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๑ ทรงสอบได้ ป.ธ.๘ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ทรงสอบได้ ป.ธ.๙ สมณศักดิ์ ทรงเปน็ พระราชาคณะชัน้ สามัญ ที่ พระโศภณคณาภรณ์ พุทธศักราช ๒๔๙๐ ทรงเป็นพระราชาคณะช้นั ราช ในราชทินนามเดมิ พุทธศักราช ๒๔๙๔ ทรงเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามเดมิ พุทธศกั ราช ๒๔๙๘ ทรงเปน็ พระราชาคณะชน้ั ธรรม ที่ พระธรรมวราภรณ์ พทุ ธศักราช ๒๔๙๙ ทรงได้รบั พระราชทานพดั รัตนาภรณ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ ทรงเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองช้ันหิรัญบัฏ ที่พระสาสน- พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๔ โสภณ ทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ พทุ ธศักราช ๒๕๑๕ ที่ สมเดจ็ พระญาณสังวร ทรงได้รับพระราชทานสถาปนาข้ึนเป็นสมเด็จพระสังฆราช พทุ ธศักราช ๒๕๓๒ เม่ือวันที่ ๒๑ เมษายน มีพระนามตามท่ีจารึกในพระ- 11

พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๖ สุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระญาณสังวร บรมนริศรธรรม นีติภิบาล อริยวงศาคตญาณวิมล สกลมหาสังฆปริณายก ตำ� แหนง่ หน้าท่ี ตรีปิฎกปริยัตติธาดา วิสุทธจริยาธิสมบัติ สุวัฑฒนภิธาน- พุทธศักราช ๒๔๘๔ สงฆวิสุต ปาวจนุตตมพิสาร สุขุมธรรมวิธานธ�ำรง วชิรญาณ- วงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ วิบุลสีลาจารวัตรสุนทร บวรธรรมบพิตร สรรพคณิศร พทุ ธศักราช ๒๔๘๘ มหาปธานาธิบดี คามวาสี อรัณยวาสี สมเด็จพระสังฆราช” ด�ำรงต�ำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ล�ำดบั ท่ี ๑๙ แหง่ กรงุ รตั นโกสินทร์ พุทธศักราช ๒๔๘๙ ทรงได้รับพระราชทานพัดยศพิเศษ (งาประดับพลอย) และ พดั รัตนาภรณพ์ เิ ศษ พุทธศกั ราช ๒๔๙๐ ทรงเปน็ สมาชิกสังฆสภาโดยต�ำแหนง่ พุทธศกั ราช ๒๔๙๓ ทรงเปน็ กรรมการสังคายนาพระธรรมวนิ ัย พทุ ธศักราช ๒๔๙๔ ทรงเปน็ ผอู้ ำ� นวยการศกึ ษาส�ำนักเรียนวดั บวรนิเวศวิหาร ทรงเปน็ พระวนิ ัยธรชัน้ อทุ ธรณ์ ทรงเป็นกรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๔๙๕ มหาวทิ ยาลยั พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ทรงเป็นเลขานุการในองคส์ มเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นกรรมการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรม- ราชูปถมั ภ์ ทรงเป็นกรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยตุ ประเภทชวั่ คราว ทรงเป็นกรรมการอ�ำนวยการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ ทรงเปน็ กรรมการแผนกตำ� ราของมูลนิธมิ หามกฏุ ฯ ทรงร่วมในคณะทูตพิเศษที่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งไปร่วมฉลองพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตพุ ระอัครสาวก ณ​ กรงุ พนมเปญ ประเทศกัมพชู า 12

พุทธศกั ราช ๒๔๙๖ ทรงเป็นกรรมการตรวจชำ� ระคมั ภรี ฎ์ กี า พุทธศักราช ๒๔๙๗ ทรงเป็นกรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยตุ ประเภทถาวร ทรงร่วมในคณะพระเถระแห่งพระสงฆ์ไทยไปร่วมประชุม สมัยที่ ๒ แห่งฉัฏฐสังคายนา พระไตรปิฎก ณ กรุงย่างกุ้ง พทุ ธศักราช ๒๔๙๙ ประเทศพมา่ ทรงเป็นรักษาการพระวินยั ธรชั้นฎกี า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเลือกให้ พุทธศักราช ๒๕๐๐ ทรงเป็น “พระอภิบาล” (พระพ่ีเล้ียง) ของพระภิกษุพระบาท พุทธศกั ราช ๒๕๐๑ สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในระหว่างทรง พระผนวช และประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ต้ังแต่วันท่ี ๒๒ ตุลาคม - ๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๙๙ พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๓ ทรงเปน็ กรรมการพจิ ารณารา่ งระเบยี บบริหารวดั ธรรมยตุ ทรงเป็นกรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการพระศาสนาและ พุทธศักราช ๒๕๐๔ มนุษยธรรม (ก.ศ.ม.) ทรงเปน็ กรรมการคณะธรรมยุต ทรงเป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การปกครองสั่งการองค์การ ปกครองฝา่ ยธรรมยุต ทรงเป็นพระอปุ ชั ฌาย์ ทรงเปน็ เจ้าอาวาสวดั บวรนเิ วศวิหาร ทรงเปน็ ผรู้ ักษาการเจ้าคณะธรรมยตุ ภาคทกุ ภาค พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๖ ทรงเป็นผอู้ ำ� นวยการมูลนธิ ิมหามกุฏราชวทิ ยาลยั ทรงเปน็ ประธานกรรมการสภาการศกึ ษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พุทธศักราช ๒๕๐๗ ทรงเป็นกรรมการโครงการเชิดชูและบ�ำรุงพระพุทธศาสนา โดยต�ำแหนง่ พุทธศักราช ๒๕๐๙ ทรงเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นกรรมการชุดแรก ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ ทรงเป็นอนุกรรมการพิจารณาร่างระเบียบการเดินทาง ไปต่างประเทศของพระภกิ ษแุ ละสามเณร ทรงเป็นประธานกรรมการอ�ำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูต ไปต่างประเทศของมหาเถรสมาคม 13

พุทธศักราช ๒๕๑๐ ทรงเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาเรื่องวันส�ำคัญทาง พทุ ธศาสนา ประจ�ำปี ๒๕๑๑ ทรงเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาร่างระเบียบมหาเถร- สมาคม ว่าด้วยวิธีปฏิบัติในการปลูกสร้างอาคารในท่ีดิน ของวัดซงึ่ มีผู้เช่าอยู่ พทุ ธศักราช ๒๕๑๑ ทรงเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์การยกเว้น พุทธศกั ราช ๒๕๑๒ คา่ โดยสารรถไฟใหแ้ กพ่ ระภกิ ษแุ ละสามเณรในพระพทุ ธศาสนา ทรงเป็นอนุกรรมการพิจารณาแก้ไขข้อขัดข้องระหว่างวัดกับ พทุ ธศักราช ๒๕๑๔ ผเู้ ช่า (พ.ว.ช.) พุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาโครงการรับการศึกษา ของมหาวิทยาลยั สงฆท์ งั้ สองแห่งเปน็ การศกึ ษาของคณะสงฆ์ ทรงเป็นอนุกรรมการพิจารณาเรื่องการศึกษาโรงเรียนมัธยม ของคณะสงฆ์ ทรงเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโครงการจัดต้ังโรงเรียน พุทธศกั ราช ๒๕๑๖ พระสังฆาธกิ ารสว่ นกลาง ทรงเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎมหาเถรสมาคม วา่ ดว้ ยการลงนิคหกรรมแกพ่ ระภิกษุ 14 ทรงเป็นประธานกรรมการบริหารงานสภาการศึกษาของ คณะสงฆ์ ทรงเปน็ ผูอ้ �ำนวยการโรงเรียนพระสังฆาธิการคณะธรรมยุต ทรงเป็นรองประธานกรรมการคณะธรรมยุต ทรงเป็นเจา้ คณะกรุงเทพมหานครและสมทุ รปราการ (ธ) ทรงเป็นกรรมการมลู นธิ สิ งเคราะหค์ นเปน็ โรคเรื้อน ทรงเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตร ศาสนศึกษาของคณะสงฆ์ ทรงได้รับฉันทานุมัติจากกรรมการคณะธรรมยุตให้เสด็จ ไปทรงตรวจการคณะสงฆ์ และทรงเย่ียมพุทธศาสนิกชน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื รวม ๙ จงั หวดั คือ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธ์ุ และขอนแกน่

พทุ ธศักราช ๒๕๑๗ ทรงเป็นประธานกรรมการคณะธรรมยตุ พุทธศกั ราช ๒๕๑๘ ทรงเปน็ ผู้อำ� นวยการโรงเรยี นครูปรยิ ตั ธิ รรมคณะธรรมยุต พุทธศกั ราช ๒๕๑๙ ทรงเปน็ ประธานกรรมการมูลนิธสิ งั ฆประชานเุ คราะห์ พุทธศักราช ๒๕๒๐ ทรงเปน็ ประธานอำ� นวยการมลู นธิ มิ หาวชริ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พุทธศกั ราช ๒๕๒๑ ทรงเป็นรองประธานคณะกรรมการอ�ำนวยการจัดสร้าง พทุ ธมณฑลฝ่ายสงฆ์ ทรงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ในการ ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวดั พระศรีรัตนศาสดาราม พุทธศักราช ๒๕๒๒ ทรงเป็นอาจารย์ถวายการอบรมพระธรรมวินัย ขณะท่ี พทุ ธศักราช ๒๕๒๔ พระภกิ ษสุ มเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่าง พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๕ วันท่ี ๖ - ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑ ทรงเป็นประธานอ�ำนวยการมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๒๖ ในพระราชปู ถมั ภ์ พุทธศักราช ๒๕๒๗ ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคมและประธานกรรมการ คณะธรรมยตุ ทรงไดร้ บั ฉนั ทานมุ ตั จิ ากกรรมการคณะธรรมยตุ ให้เสด็จไปทรงตรวจการคณะสงฆ์ และทรงเย่ียมพุทธ- ศาสนกิ ชนในภาคเหนอื รวม ๑๐ จงั หวดั คือ นครสวรรค์ ตาก ล�ำปาง ล�ำพนู เชยี งใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ อตุ รดิตถ์ และ กำ� แพงเพชร ทรงเป็นผู้ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถาในพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถวายตลอดมาจนกระท่ังทรงเจริญพระชนมายุมากขึ้น และ ทรงมีปญั หาดา้ นสุขภาพ จึงทรงหยุด ทรงเป็นประธานกรรมการมูลนิธิวัดญาณสังวราราม ในพระ- บรมราชูปถัมภ์ ทรงเปน็ ประธานศนู ยส์ ง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนาแหง่ ประเทศไทย ทรงเปน็ ประธานคณะกรรมการจดั งานสง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา เนือ่ งในเทศกาลวสิ าขบชู า 15

พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ ทรงเป็นรองประธานกรรมการสังคีติการกสงฆ์ ในการ สงั คายนาพระธรรมวนิ ยั ตรวจชำ� ระพระไตรปฎิ ก และทรงเปน็ สังฆปาโมกข์ปาลิวิโสธกะพระวินัยปิฎก เน่ืองในโอกาส มหามงคลท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญ พทุ ธศักราช ๒๕๓๐ พระชนมพรรษา ๕ รอบ จนส�ำเร็จทันในการพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา ทรงเป็นผู้อ่านพระอภิธรรมน�ำพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้า ร�ำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลท่ี ๗ ในกระบวน พทุ ธศักราช ๒๕๓๑ พระราชอสิ รยิ ยศส่พู ระเมรุมาศ ณ​ทอ้ งสนามหลวง ทรงเป็นประธานกรรมการมูลนธิ แิ ผน่ ดินธรรม พุทธศกั ราช ๒๕๓๒ ทรงเป็นประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์และฟื้นฟูจิตใจ ผู้ติดยาเสพตดิ ทรงเปน็ พระอปุ ชั ฌายใ์ นโอกาสทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร- มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน พระบรมราชปู ถมั ภ์ ในการทรงบรรพชาของหม่อมเจ้าจุฑาวัชร มหิดล พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหา- วชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ณ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศ วหิ าร เมื่อวันที่ ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เวลา ๐๙.๐๐ น. ทรงเป็นผรู้ ักษาการเจา้ คณะใหญธ่ รรมยตุ ทรงเปน็ นายกกรรมการมลู นธิ มิ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ฯ ท ร ง เ ป ็ น น า ย ก ส ภ า ก า ร ศึ ก ษ า ม ห า ม กุ ฏ ร า ช วิ ท ย า ลั ย วิทยาลยั พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ทรงเปน็ เจา้ คณะใหญ่คณะธรรมยุต เสด็จไปทรงเยี่ยมพระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ตามค�ำกราบทูลอาราธนาของศูนย์อ�ำนวยการ บรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ระหวา่ งวนั ท่ี ๑๓ - ๑๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๒ 16

พุทธศกั ราช ๒๕๓๓ ทรงเป็นประธานสงฆ์ในการเจริญพระพุทธมนต์ พระราชพิธี พุทธาภิเษกพระพุทธรูปชัยวัฒน์และพระกร่ิง ในโอกาสท่ี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ พุทธศักราช ๒๕๔๐ ๙๐ พรรษา ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย ทรงนั่งปรก ณ พระอุโบสถ วดั พระศรีรตั นศาสดาราม ทรงเป็นนายกสภามหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย พระกรณยี กจิ ทางการพระศาสนาในต่างประเทศ พุทธศกั ราช ๒๕๐๙ ในฐานะประธานกรรมการอ�ำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูต ไปต่างประเทศ ได้เสด็จไปทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ ถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์หน่ึง ในพิธีเปิดวัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม - ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ ซ่ึงพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรง ประกอบพิธีเปิด เม่ือวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ และ ในการเสด็จคร้ังน้ัน ได้ทรงดูงานด้านการพระศาสนาใน ประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และกรีซ ก่อนเสดจ็ กลับประเทศไทยด้วย พทุ ธศักราช ๒๕๑๐ ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม ทรงตามเสด็จสมเด็จ พระสังฆราช (จวน อุฏฺายี ป.ธ.๙) วัดมกุฏกษัตริยาราม ซึ่งเสด็จเยือนประเทศศรีลังกาอย่างเป็นทางการ ตามค�ำ กราบทูลอาราธนาของรัฐบาลประเทศนั้น เพ่ือเจริญ สัมพันธไมตรีระหว่างพุทธศาสนิกชนทั้งสองประเทศ ระหว่าง วนั ที่ ๑๐ - ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๐ พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๑ เสด็จไปทรงดูงานด้านการพระศาสนา วัฒนธรรม และ การศึกษาทั่วไปในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และ ฟิลิปปินส์ ในฐานะประธานกรรมการสภาการศึกษามหา- วิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัย พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โดยอนุมัติของมหาเถร- 17

พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๓ สมาคม พร้อมด้วยพระเทพกวี (ประยูร สนฺตงฺกุโร ป.ธ.๙)๑ เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษามหามกุฏราชวิทยาลัยฯ (ในขณะนน้ั ) ระหวา่ งวันที่ ๑๖ เมษายน - ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เสด็จไปทรงให้การอุปสมบทแก่สามเณรชาวอินโดนีเซีย จ�ำนวน ๕ รูป ณ ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมด้วยพระ- พุทธศกั ราช ๒๕๑๘ ธรรมโสภณ๒ (สนธ์ิ กิจฺจกาโร ป.ธ.๕) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร ตามค� ำกราบทูลอาราธนาของ ๑ สมเดจ็ พระญาณวโรดม พระชินรักขิตเถระ หัวหน้าพุทธศาสนิกชนชาวอินโดนีเซีย ๒ พระญาณวโรดม (ในขณะนั้น) ระหว่างวันท่ี ๖ พฤษภาคม - ๔ มิถุนายน 18 พ.ศ. ๒๕๑๓ ในศกเดียวกัน เสด็จไปทรงดูงานด้านการพระศาสนา และ การศึกษาในประเทศปากีสถาน เนปาล และอินเดีย ในฐานะ ประธานกรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยฯ พร้อมด้วยพระเทพกวี (ประยูร สนฺตงฺกุโร ป.ธ.๙) เลขาธิการ สภาการศกึ ษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ฯ (ในขณะนัน้ ) ในโอกาสเดียวกันทรงได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม ให้ทรง เป็นผู้แทนของคณะสงฆ์ไทย เสด็จไปเยี่ยมเยือนพระสงฆ์ และวัดพระพุทธศาสนาในประเทศปากีสถานตะวันออก (ปัจจุบันคือประเทศบังกลาเทศ) และทรงน�ำสาส์นของสมเด็จ พระสังฆราช (จวน อุฏฺายี ป.ธ.๙) วัดมกุฏกษัตริยารามถึง พุทธศาสนิกชนชาวปากีสถานตะวันออก พร้อมกับพัสดุ ส่ิงของและกัปปิยภัณฑ์ซึ่งคณะสงฆ์ไทยจัดหาไปช่วยเหลือ ชาวพุทธท่ีประสบวาตภัยคร้ังใหญ่ในประเทศนั้น ระหว่าง วันที่ ๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ เสด็จไปทรงเป็นประธานสงฆ์ในพิธีเปิดวัดพุทธรังษี ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซ่ึงสมเด็จพระบรม- โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิด และทรงบ�ำเพ็ญ พระราชกุศลวิสาขบูชา ระหว่างวันที่ ๒๒ พฤษภาคม - ๕ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๑๘

พุทธศักราช ๒๕๒๐ เสด็จไปทรงบรรพชาให้แก่กุลบุตรชาวอินโดนีเซีย จ�ำนวน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๓ ๔๓ คน ณ ​เมืองสมารัง ประเทศอินโดนเี ซยี ตามคำ� กราบทลู อาราธนาของพระสงฆ์สังฆเถรวาทอินโดนีเซีย และ พุทธศักราช ๒๕๒๘ เมื่อทรงปฏิบัติศาสนกิจท่ีประเทศอินโดนีเซียแล้วได้เสด็จไป ทรงดูงานด้านพระพุทธศาสนา ณ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศสิงคโปร์ด้วย ระหว่างวันที่ ๗ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ เสด็จไปทรงประชุมสหพันธ์คีตาอาศรมสากล ในฐานะ แขกพิเศษ ณ​ ประเทศอินเดีย เม่ือทรงปฏิบัติภารกิจที่ ประเทศอินเดียเสร็จสิ้นแล้ว ได้เสด็จไปทรงดูงานด้าน พระพุทธศาสนา ณ ประเทศเนปาลด้วย ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ในศกเดียวกัน ได้เสด็จไปทรงดูงานด้านการพระศาสนา ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ ในยุโรป ตามค�ำกราบทูลอาราธนาของบริษัทศรีกรุงวัฒนา จ�ำกัด พร้อมด้วยพระธรรมดิลก๑ (วิชมัย ปุญฺาราโม ป.ธ.๖) ระหว่างวนั ท่ี ๓ เมษายน - ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ ทรงเป็นประธานคณะ เสด็จพร้อมด้วยพระสงฆ์อีก ๑๙ รูป จากประเทศไทยไปทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ วัดจาการ์ตาธรรมจักรชัย ณ ประเทศอินโดนีเซีย ตามค�ำ กราบทูลอาราธนาของคณะสงฆ์สังฆเถรวาทอินโดนีเซีย เป็นการผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดพระพุทธศาสนาเถรวาท เป็นครั้งแรกในประเทศนั้น ระหว่างวันท่ี ๒๒ - ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ในศกเดียวกัน เสด็จพร้อมด้วยคณะสงฆ์จากประเทศไทย ไปทรงเป็นประธานในการบรรพชากุลบุตรศากยะแห่งเนปาล จ�ำนวน ๗๓ คน ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ตามค�ำ กราบทูลอาราธนาของคณะสงฆ์เนปาล ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๓๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ๑ พระพรหมมนุ ี 19

พุทธศกั ราช ๒๕๓๖ เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามค�ำกราบทูลอาราธนาของรัฐบาลจีน โดยได้เสด็จเยือน พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๘ เมืองต่างๆ คือ ปักกิ่ง ซีอาน คุนหมิง และสิบสองปันนา พุทธศักราช ๒๕๔๑ ระหว่างวันท่ี ๒๐ มิถุนายน - ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ นับเป็นการเจริญศาสนสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีน พุทธศักราช ๒๕๔๒ อย่างเป็นทางการเป็นคร้ังแรกในประวัติศาสตร์แห่งความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศทงั้ สอง เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง วดั ไทยลุมพินี ณ ลุมพนิ ี ประเทศเนปาล เสด็จไปทรงเป็นประธานเปิดการประชุมสุดยอดผู้น�ำ พุทธศาสนาแห่งโลก ครั้งที่ ๑ ณ ​เมืองเกียวโต ประเทศ ญี่ปุ่น (ทรงเป็นประธานอุปถัมภ์ฯ​ คร้ังท่ี ๒ ท่ีมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และคร้ังท่ี ๔ ที่มหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นเจ้าภาพจัดร่วมกับคณะสงฆ์ มหายานนิกายเนนบชุ สุชแุ หง่ ประเทศญี่ป่นุ ) เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย และเสด็จไปทรงดูงาน ด้านการพระศาสนา ณ ประเทศเนปาล งานสาธารณปู การ นับต้ังแต่ทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทรงบูรณะซ่อมสร้างเสนาสนะและ ถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดถึงการก่อสร้างถาวรวัตถุ อันเป็นสาธารณ- ประโยชน์ในทอ่ี ่นื อีกเปน็ จำ� นวนมาก ถาวรวัตถทุ ่สี รา้ งขน้ึ ใหม่ในวดั บวรนเิ วศวิหาร คอื ๑. อาคารกวบี รรณาลยั หอ้ งสมดุ ของสภาการศกึ ษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ๒. อาคารวชริ ญาณวงศ์ เป็นอาคารเรียนของโรงเรียนวดั บวรนิเวศ ๓. ซุ้มปรางค์ที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนลาน ประทักษณิ ชนั้ ๒ ของพระเจดีย์ใหญ่ ๔. กุฏหิ ลวงเจริญฤทธศิ าสตร์ ในคณะเหลอื งรงั ษี ๕. กุฏิพระนิกรบดี ในคณะเขยี วรังษี ๖. อาคาร ภปร พพิ ธิ ภัณฑ์วดั บวรนิเวศวิหาร ในคณะแดงบวร ๗. กุฏคิ ณุ หญิงจดี๊ สัตยานุรักษ์ ในคณะแดงรงั ษี 20

๘. กฏุ ิรามเดชะ ในคณะสงู ๙. ถังน�้ำบ่อบาดาล พร้อมติดตั้งนาฬิกาไฟฟ้าและระฆัง ข้างอาคารมนุษยนาค- วิทยาทาน ๑๐. อาคารกจิ กรรม หลงั อาคารวชริ ญาณวงศ์ โรงเรียนวดั บวรนเิ วศ ๑๑. อาคาร สว ธรรมนเิ วศ โรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดบวรนเิ วศวิหาร ๑๒. มณฑปทปี่ ระดิษฐานพระพุทธบาทจ�ำลอง หลังพระอโุ บสถวดั บวรนิเวศวหิ าร ๑๓. โพธฆิ ระ (เรอื นโพธ์ิ) หลงั พระวิหารพระศาสดา ๑๔. ศาลาวชิรญาณวัดบวรนิเวศวิหาร ๑๕๐ ปี ๑๕. ศาลาหน้าศาลาวชริ ญาณฯ ส่วนเสนาสนะและถาวรวัตถุอื่นๆ ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร ก็โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ ใหม่หมดทัง้ พระอาราม ท่สี ำ� คญั คือ ๑. ประดับพระเจดีย์ใหญ่ดว้ ยโมเสกสที องตลอดทั้งองค์ ๒. ประดบั หินออ่ นพระอุโบสถตลอดทงั้ หลงั การก่อสร้างถาวรวัตถุอ่ืนๆ ภายนอกวัด ตลอดถึงการอุปถัมภ์การก่อสร้างวัดต่างๆ น้ัน กม็ จี ำ� นวนมาก ทีส่ ำ� คัญคือ ๑. โปรดให้สร้างอาคารวชิรญาณวงศ์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ส�ำหรบั เป็นอาคารสงฆ์และใช้ประโยชนท์ างการแพทย์ ๒. โปรดให้สร้างอาคารวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร ณ​ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ส�ำหรบั เป็นอาคารสงฆ์และใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย์ ๓. ทรงอุปถมั ภก์ ารสรา้ งวดั ล้านนาญาณสงั วราราม อ�ำเภอจอมทอง จงั หวัดเชียงใหม่ ๔. ทรงอุปถัมภ์การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทรามหาสันติคีรี และวัดสันติคีรี ณ ดอยแมส่ ะลอง บ้านแม่สะลอง อำ� เภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชียงราย ๕. ทรงอุปถัมภ์การสร้างโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ อ�ำเภอ ค�ำเขื่อนแก้ว จงั หวัดยโสธร ๖. ทรงอปุ ถัมภก์ ารสรา้ งวดั รัชดาภิเษก อ�ำเภอบ่อพลอย จงั หวดั กาญจนบุรี ๗. ทรงอปุ ถัมภก์ ารสร้างวดั วังพไุ ทร อ�ำเภอหนองหญ้าปลอ้ ง จงั หวัดเพชรบรุ ี ๘. ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดพุทธวิมุตติวนาราม (วัดพุมุด) อ�ำเภอไทรโยค จังหวัด กาญจนบุรี ๙. โปรดให้สร้างวัดญาณสังวราราม ในพระบรมราชูปถัมภ์ อ�ำเภอบางละมุง จังหวัด ชลบรุ ี 21

๑๐. โปรดให้สร้างโรงเรียน และโรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต อ�ำเภอ ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ๑๑. ทรงอุปถัมภ์การสร้างอาคาร ภปร (อาคารผู้ป่วยนอก) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ๑ ๒. ทรงอุปถัมภก์ ารสร้างโรงพยาบาลวัดญาณสงั วราราม อ�ำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ๑๓. โปรดให้สร้างอาคารสกลมหาสังฆปริณายก เป็นอาคารสงฆ์อาพาธ และโรงเรียน ถน่ิ ทรุ กนั ดาร ถวายเปน็ พระอนสุ รณส์ ถานแดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทกุ พระองค์ รวม ๑๙ แห่ง นอกจากนี้ ยงั ทรงอุปถัมภ์การกอ่ สร้างวัดในต่างประเทศอีกหลายแห่ง คือ ๑. วัดพุทธรังษี ในอุปการะของมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ณ นครซิดนีย์ ประเทศ ออสเตรเลยี ๒. วดั ธรรมทปี าราม เมืองมาลัง ประเทศอนิ โดนเี ซยี ๓. วัดจาการต์ าธรรมจักรชัย ณ กรุงจาการต์ า ประเทศอินโดนีเซีย ๔. อุโบสถวดั สิริกติ ติวหิ าร ณ เมืองกรี ตปิ รู ์ นครกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ๕. วัดแคโรไลนาพทุ ธจกั รวนาราม ณ รัฐนอรท์ แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมรกิ า พระนพิ นธ์ ทรงพระนิพนธ์หนังสือประเภทต่างๆ ไว้มาก ท้ังที่เป็นต�ำราประกอบการศึกษาธรรมกถา ธรรมเทศนา และศาสนคดี เช่น อธิบายวากยสัมพนั ธ์ ภาค ๑ - ๒ ต�ำนานวัดบวรนิเวศวิหาร เล่ม ๒ หลักพระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธเจ้าของเราน้นั ทา่ นเลศิ ลำ�้ ๔๕ พรรษาของพระพทุ ธเจา้ แนวปฏบิ ัติในสตปิ ฏั ฐาน การบริหารจิตสำ� หรบั ผใู้ หญ่ พระพทุ ธเจา้ ทรงส่งั สอนอะไร พระพทุ ธศาสนากับสงั คมไทย โสฬสปัญหา สมั มาทฏิ ฐิ เปน็ ต้น 22

นอกจากน้ี ยังได้ทรงริเร่ิมให้มีการแปลหนังสือพระพุทธศาสนาท่ีส�ำคัญๆ จากภาษาไทย เป็นภาษาต่างประเทศ เพื่อเป็นการเผยแพร่และเป็นคู่มือการศึกษาพระพุทธศาสนาส�ำหรับ ชาวต่างประเทศอีกเป็นจ�ำนวนมาก เช่น หนังสือหลักสูตรนักธรรมช้ันตรี โท เอก ภิกขุ- ปาติโมกข์ เปน็ ต้น แลว้ โปรดให้มลู นิธิมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัยฯ จดั พมิ พ์เผยแพร่ ในระยะเดยี วกนั นี้ โปรดใหจ้ ดั ตง้ั แผนกจำ� หนา่ ยหนงั สอื พระพทุ ธศาสนาภาษาตา่ งประเทศ ของมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ขึ้นด้วย เพ่ือให้เป็นศูนย์หนังสือทางพระพุทธศาสนา ส�ำหรับชาวต่างประเทศที่สนใจจะศึกษาพระพุทธศาสนา ตลอดถึงชาวไทยท่ีต้องการหนังสือ พระพุทธศาสนาในภาษาต่างประเทศไว้ประกอบการศึกษา ซึ่งได้เริ่มด�ำเนินการมาต้ังแต่ ปีพุทธศกั ราช ๒๕๑๒ พระเกียรตยิ ศพิเศษ รัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาร์ ได้ทูลถวายสมณศักดิ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๓ ท่ีอภิธชมหารัฏฐคุรุ อันเป็นสมณศักดิ์สูงสุดแห่งคณะสงฆ์ เมียนมาร์แด่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ พร้อมท้ังถวายท่ีดิน พุทธศกั ราช ๒๕๕๕ บริเวณพระมหาเจดีย์ชะเวดากอง ๑​ เอเคอร์ ส�ำหรับ สร้างวัดไทยในสหภาพเมียนมาร์ด้วย ทรงเป็นพระมหา- เถระไทยรูปท่ี ๒ ที่ได้รับถวายสมณศักด์ิต�ำแหน่งน้ี (พระองค์แรกคือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง วชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหาร) ที่ประชุมสุดยอดผู้น�ำชาวพุทธโลก ณ เมืองเกียวโต ประเทศญ่ีปุ่น ได้มีฉันทามติถวายต�ำแหน่งพระประมุข สูงสุดแห่งพระพุทธศาสนาโลก แด่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ นับเป็นคร้งั แรกในประวัตกิ ารณข์ องพระพทุ ธศาสนาโลก ปรญิ ญาดุษฎีบัณฑติ กิตตมิ ศกั ดิ์ พุทธศักราช ๒๕๒๙ มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักด์ิ สาขาปรัชญา พุทธศกั ราช ๒๕๓๒ มหาวิทยาลัยมหิดล ถวายปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตตมิ ศักดิ์ สาขาศาสนาเปรียบเทยี บ พุทธศักราช ๒๕๓๓ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่ง คณะสงฆ์ไทย ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตติมศกั ดิ์ สาขาพุทธศาสตร์ 23

พุทธศกั ราช ๒๕๓๗ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถวายปริญญาศิลปศาสตร- พทุ ธศักราช ๒๕๓๘ ดุษฎบี ณั ฑติ กิตตมิ ศกั ดิ์ สาขาปรัชญาและศาสนา พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถวายปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๑ กิตติมศักดิ์ สาขาบริหารการศึกษา พทุ ธศักราช ๒๕๔๓ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ถวายปริญญาศิลปศาสตร- พทุ ธศักราช ๒๕๔๕ ดุษฎีบัณฑิตกิตตมิ ศกั ด์ิ สาขาวิชาปรชั ญาและศาสนา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๗ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ พุทธศกั ราช ๒๕๔๘ สาขาภาษาไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถวายปริญญาศิลปศาสตร- พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ ดษุ ฎีบัณฑิตกิตตมิ ศักด์ิ สาขาวชิ าปรชั ญาและศาสนา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ถวายปริญญาศิลปศาสตร- ดุษฎีบณั ฑิตกติ ตมิ ศักด์ิ สาขาวิชาไทศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ถวายปริญญาครุศาสตร- ดุษฎบี ัณฑิตกติ ติมศักด์ิ สาขาบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ถวายปริญญาครุศาสตร- ดษุ ฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ถวายปริญญาครุศาสตร- ดษุ ฎบี ณั ฑิตกติ ติมศักดิ์ สาขาบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ถวายปริญญาศาสน- ศาสตรดษุ ฎีบัณฑิตกิตติมศกั ด์ิ สาขาวิชาพุทธศาสน์ศกึ ษา พระกรณียกจิ ประจำ� ทรงแสดงเทศนาประจ�ำวนั อุโบสถเวลาเชา้ ในพระอุโบสถวดั บวรนิเวศวิหาร ทรงบรรยายธรรมในการฝึกอบรมการปฏิบัติทางจิต (กรรมฐาน) ประจ�ำวันพระ และ วันหลังวันพระ ณ ห้องประชมุ ชน้ั ท่ี ๒ อาคาร สว ธรรมนเิ วศ ทรงบรรยายธรรมในรายการบริหารทางจิตส�ำหรับผู้ใหญ่ ทางวิทยุกระจายเสียง อ.ส. พระราชวงั ดุสิต ประจ�ำทุกวนั อาทิตย์ พระกรณยี กจิ ดังกลา่ วนี้ ทรงปฏบิ ัติมาอยา่ งต่อเนอื่ งมไิ ดข้ าด กระท่งั ทรงเจรญิ พระชนมายุ มากขึน้ และทรงมีปัญหาดา้ นสขุ ภาพ จงึ ทรงหยดุ 24

ตำ� แหนง่ หนา้ ท่ีสดุ ท้าย เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ าร ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ผอู้ ำ� นวยการโรงเรียนพระสงั ฆาธิการคณะธรรมยุต นายกกรรมการมลู นธิ มิ หามกฏุ ราชวิทยาลยั ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานกรรมการมูลนิธิวดั ญาณสังวราราม ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ประธานศูนยส์ ง่ เสริมพระพุทธศาสนาแหง่ ประเทศไทย เจา้ คณะใหญค่ ณะธรรมยตุ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดญาณสังวราราม ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ประธานคณะกรรมการอำ� นวยการจัดสรา้ งพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์ ประธานคณะกรรมการจัดงานสัปดาหส์ ง่ เสริมพระพทุ ธศาสนาเนือ่ งในเทศกาลวสิ าขบชู า พุทธศักราช ๒๕๔๓ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา- สังฆปริณายก ทรงมีปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากทรงเจริญพระชนมายุมากข้ึน ไม่อ�ำนวยให้ ทรงปฏบิ ัติศาสนกจิ ต่างๆ ได้โดยสะดวก จงึ เสดจ็ ไปประทับ ณ อาคารวชริ ญาณ สามคั คพี ยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เม่ือวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๓ ในช่วงแรกๆ ยังเสด็จกลับไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นระยะๆ ครั้งละ ๓ - ๔ วัน และเสด็จไปทรงสดับพระปาติโมกข์ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ทุกวันธรรมสวนะ เดือนเพ็ญและเดือนดับ จนกระทั่งคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพยาบาลกราบทูลขอประทานให้ ทรงงดการเสดจ็ ต้งั แต่พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ เป็นต้นมา และวันท่ี ๒๑ เมษายน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ได้เสด็จไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารฉลองพระชันษา ครบ ๘ รอบ ๙๖ ปี เป็น ครง้ั สดุ ท้ายทีเ่ สดจ็ วัดบวรนิเวศวหิ าร วันท่ี ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ พระอาการประชวรโดยท่ัวไปทรุดลง คณะแพทย์ จึงได้ถวายการผา่ ตดั พระอนั ตะ (ล�ำไส)้ และพระอันตคุณ (ลำ� ไส้น้อย) หลังการผ่าตัด พระอาการ ท่วั ไปเปน็ ที่พอใจของคณะแพทย์ วนั ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ ความดนั พระโลหิตเร่มิ ลดลง แตม่ ีการกระเต้อื งข้นึ เปน็ ระยะๆ วันท่ี ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ความดันพระโลหิตลดต่�ำลงเรื่อยๆ และอัตรา การเตน้ ของพระหทัยชา้ ลงเรือ่ ยๆ กระทง่ั สนิ้ พระชนม์อย่างสงบ คณะแพทย์ได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์ด้วยการติดเช้ือในกระแสพระโลหิต 25

เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๓๐ นาที สิริพระชนมายุ ๑๐๐ ปี ๒๑ วนั วันที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ได้เชิญพระศพจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มายังพระต�ำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระ- ราชด�ำเนินแทนพระองค์มาถวายน�้ำสรงพระศพ ณ พระต�ำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร แล้วเชิญ พระศพประดิษฐานในพระโกศกุดั่นใหญ่ ประดิษฐานภายใต้เศวตฉัตร ๓​ ช้ัน บนพระแท่น แวน่ ฟา้ ปิดทองประดบั กระจก แวดลอ้ มด้วยฉัตรเคร่อื งสูง ๓ คู่ ประดับพุ่มตาดทอง ดอกไมแ้ จกนั และเทียนไฟฟา้ รายรอบพระโกศบนพระแท่นแว่นฟ้าทง้ั สองช้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระ- อภิธรรมถวายพระศพ ทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมท้ังมีประโคมย่�ำยามถวายพระศพเป็นเวลา ๗ วัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บ�ำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร (๗ วัน) (วันที่ ๓๐ - ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖) ปัญญาสมวาร (๕๐ วัน) (วันท่ี ๑๑ - ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖) และสตมวาร (๑๐๐ วนั ) (วันที่ ๓๐ - ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗) ถวายพระศพ ตามราชประเพณโี ดยล�ำดับ นับแต่ได้เชิญพระศพประดิษฐาน ณ พระต�ำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันท่ี ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นต้นมา ได้มีพระบรมวงศานุวงศ์ ผู้น�ำประเทศ ทูตานุทูต ประเทศต่างๆ และองค์กรศาสนา พร้อมทั้งพุทธศาสนิกชนท้ังภายในประเทศและต่างประเทศ มาถวายสักการะพระศพอย่างเนืองแน่นอย่างมิเคยปรากฏมาก่อน อาทิ คณะทูตานุทูตกว่า ๒๓ ประเทศ มาร่วมในการบ�ำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร ในวันที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ พระราชกุศลปัญญาสมวาร วันที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ และพระราชกุศล สตมวาร วันท่ี ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ พระราชทานพระศพเจ้าพระคุณสมเด็จ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก นอกจากน้ี ยังได้มีผู้น�ำองค์กรทางศาสนาในประเทศต่างๆ ส่งสาส์นแสดงความอาลัย เนื่องในการสิ้นพระชนม์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา- สังฆปริณายก จ�ำนวนมาก อาทิ องค์ดาไลลามะ พระสังฆราช พระสังฆนายก องค์กร ระหวา่ งประเทศ และองค์กรพุทธศาสนาจากนานาประเทศ สรุปได้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงด�ำรงอยใู่ นฐานะพระสังฆบดิ รของพทุ ธบริษัททั่วโลกโดยแท้ 26

27

นายนอ้ ย คชวตั ร พระชนก นางกิมนอ้ ย คชวัตร พระชนนี ป้ากมิ เฮง ผู้อุปการะเลีย้ งดู เมื่อครั้งสมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ยังทรงพระเยาว์ 28

ขณะทรงเปน็ พระมหาเจรญิ สวุ ฑฺฒโน 29

ทรงเป็นพระอภิบาลพระภิกษพุ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั พ.ศ. ๒๔๙๙ 30

พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ถวายน้ําพระมหาสงั ข์ทกั ษณิ าวัฏในพระราชพธิ สี ถาปนาสมเด็จพระสังฆราช 31

เมื่อพระชนมายุ ๗๒ พรรษา 32

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ถวายพดั ยศสมณศกั ดทิ์ ี่ สมเด็จพระสงั ฆราช ในพระราชพิธสี ถาปนาสมเดจ็ พระสงั ฆราช พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั เสด็จฯ มาถวายสกั การะในงานฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา 33

ในพระอโุ บสถวัดบวรนเิ วศวหิ าร 34

หน้าพระแทน่ เศวตฉตั ร ๓ ชนั้ และเคร่อื งประกอบสมณศกั ด์ิท่ี สมเดจ็ พระสังฆราช ณ ศาลา ๑๕๐ ปี วดั บวรนิเวศวิหาร 35

ณ เมืองกีรติปรู ์ กรงุ กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล พ.ศ. ๒๕๒๘ ณ สวนโมกขพลาราม สุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๓๒ 36

ณ ส�ำนักสงฆ์ดอยปยุ เชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๖ 37

ณ สำ� นักสงฆด์ อยปุย เชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๖ 38

ทรงตอ้ นรบั เจ้าชายฟลิ ลปิ ป์แห่งเบลเยียม (ปัจจุบนั คอื สมเดจ็ พระราชาธบิ ดีแหง่ เบลเยยี ม) พ.ศ. ๒๕๓๖ ณ สาธารณรฐั ประชาชนจนี พ.ศ. ๒๕๓๖ 39

40

กบั ประธานาธิบดแี หง่ สาธารณรฐั ประชาชนจนี พ.ศ. ๒๕๓๖ 41

ในงานฉลองพระชนมายุ ๘๔ พรรษา ณ พระอโุ บสถวัดบวรนเิ วศวหิ าร พ.ศ. ๒๕๔๐ 42

ณ เมอื งเกียวโต ประเทศญ่ีปนุ่ พ.ศ. ๒๕๔๑ 43

ณ เมอื งนารา ประเทศญ่ปี ุน่ พ.ศ. ๒๕๔๑ 44

ทรงแสดงพระธรรมเทศนาในพระอุโบสถวดั บวรนิเวศวิหาร 45

ในหอ้ งทรงงาน ณ ตำ� หนกั คอยทา่ ปราโมช 46

ธรรมกถา๑ เรอ่ื ง มนุษยชาตกิ ับศาสนา ในโอกาสน้ีก็ใคร่ท่ีจะพูดถึงเร่ืองศาสนากับมนุษยชาติตามหัวข้อ แต่จะกล่าวถึงมนุษยชาติ ก่อน มนุษยชาติก็คือชาติมนุษย์ ผู้ท่ีเกิดมาเป็นมนุษย์ในโลกน้ีเรียกว่า มนุษยชาติหรือมนุษยชาติ ท้ังน้ัน จึงมาแบ่งกันเป็นชาติไทย ชาติเขมร ชาติญวน ชาติฝรั่งต่างๆ เป็นต้น แต่ว่าผลท่ีมีค�ำ รวมอยู่คือมนุษยชาติ หรือมนุษยชาติ แม้จะแบ่งกันอย่างไร หรือก่ีชาติก็ตาม เมื่อเกิดเป็นคนแล้ว กเ็ ป็นมนุษยชาตทิ ั้งหมด คราวน้ีในปัจจุบันนี้ ผู้ที่เกิดมาเป็นชาติมนุษย์ดังกล่าวแล้ว ยังมีแบ่งกันว่า น่ันเป็นคนป่า คนดอย น่ันเป็นคนบ้าน คนเมือง นี้เป็นคนเจริญ เป็นอารยประเทศ นั่นเป็นคนท่ีด้อยความเจริญ หรือว่าก�ำลังพัฒนา ซึ่งจะเรียกกันให้ไพเราะเสียหน่อยก็ก�ำลังพัฒนาคือที่ยังด้อยความเจริญ ทเี่ ปน็ ดงั นตี้ ามทแ่ี บง่ กนั กเ็ ปน็ ไปไดท้ ง้ั ๒ อยา่ ง คอื ทางรา่ งกายและทางจติ ใจทย่ี งั ดอ้ ยความเจรญิ ทางร่างกายอนั หมายรวมถงึ สงิ่ ภายนอกท้งั หลาย เช่นบ้านเมืองเป็นต้น อนั จะตอ้ งพฒั นากนั ตอ่ ไป อีกน้อยหรือมาก น่ีก็เรียกว่าด้อยในทางร่างกาย ในทางจิตใจนั้นไม่ค่อยจะค�ำนึงกันเท่าไหร่ มุ่งกันถึงร่างกายโดยมาก เว้นไว้แต่ว่าท่ีเป็นคนป่าเถื่อนกันจริงๆ ยังกินเน้ือมนุษย์ ยังไม่รู้จักใช้ เสอื้ ผา้ อยู่กนั ตามป่าเขา เหลา่ นีเ้ ปน็ ต้น จงึ จะนกึ กนั ถึงว่าดอ้ ยความเจริญทางจิตใจด้วย แต่อันที่จริงแล้ว ความด้อยความเจริญทางจิตใจ ย่อมเป็นส่ิงส�ำคัญ และความด้อย ความเจรญิ ทางจติ ใจน้ี ก็เปน็ เหตกุ ่อใหเ้ กิดความทุกขย์ ากต่างๆ ขึน้ ในปัจจบุ ันเปน็ อันมาก กเ็ พราะ ไม่ค่อยค�ำนึงถึงความด้อยความเจริญทางจิตใจ พระพุทธศาสนาน้ันก็เป็นมนุษย์นั่นเองเป็นผู้ที่ ต้ังข้ึน พระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นมนุษยชาติพระองค์หนึ่งในหมู่มนุษย์ท้ังหลาย แต่ว่าได้ทรงแสวงหา ความตรัสรู้ เป็นการพัฒนาทางจิตใจให้เจริญ จนบรรลุถึงความเจริญทางจิตใจอย่างเต็มท่ี เป็นความตรัสรู้พระธรรม จึงทรงได้น�ำความเจริญทางจิตใจน้ันมาแสดงแก่โลก ซึ่งเป็นที่รับนับถือ สืบต่อกันมาจนในบัดน้ีแหละ ท�ำไมจึงต้องมีศาสนา พิจารณาดูโดยสังเขปแล้วก็จะเห็นได้ว่า เครื่องป้องกันทางร่างกายอย่างเดยี วนนั้ ยงั ไม่พอ อันเคร่ืองปกครองป้องกันทางร่างกายนั้น ได้มีมาต้ังแต่อดีตกาล เมื่อมนุษย์รวมกันเข้า ก็จะต้องมีผู้ปกครอง ต้องมีค�ำสั่งปกครองขึ้นมาเป็นกฎหมายต่างๆ แต่ก็เป็นการบังคับไว้ใน ทางร่างกายภายนอก บังคับไม่ถึงจิตใจ แต่ว่าศาสนาน้ันเป็นค�ำส่ังสอนที่ไม่ใช่บังคับ แต่ว่าเป็น ค�ำสั่งสอนท่ีอบรมจิตใจ ท�ำจิตใจให้เจริญข้ึนโดยล�ำดับ เพราะฉะนั้น โดยท่ีคนเราต้องการศาสนา คู่กันไปกับต้องการประสาธสนจักร หรือรัฐจักรคือการปกครองทางบ้านเมือง อันเป็นส่วนร่างกาย เป็นส่วนภายนอก และก็ต้องมีศาสนาส�ำหรับเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจ อบรมจิตใจให้ดีงามอีกด้วย เมื่อเป็นดังนี้แล้วจึงจะมีการเจริญปรากฏเป็นอารยธรรมหรือว่าอริยธรรมต่างๆ ในโลกมา ๑ แสดงแก่ขา้ ราชการพลเรอื น ณ หอประชมุ เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ วนั ที่ ๒๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๔ 47

พิจารณาเทียบกันดูถึงผู้ที่มีความเจริญทางจิตใจกับผู้ที่ไม่มีความเจริญทางจิตใจ ก็จะเห็น แตกต่างกันมาก ดูคนป่าคนดอยท่ีเป็นคนป่าแท้ๆ ซึ่งก็จะต้องยอมรับว่าขาดความเจริญท้ังทาง ร่างกายและทางจิตใจ เพราะฉะน้ัน จิตใจจึงไม่มีความละอายต่างๆ ในส่ิงที่ควรละอาย ไม่รู้จักใช้ เส้ือผ้าเคร่ืองนุ่งห่มและบริโภคเนื้อดิบตลอดจนเถือเนื้อมนุษย์ได้ มีความเป็นอยู่เช่นเดียวกับ สตั วเ์ ดรจั ฉาน อาจจะดกี วา่ ก็ไมม่ ากนกั ดังนี้เรยี กวา่ ขาดความเจรญิ ทัง้ ๒ อยา่ ง มนุษย์เราทีแรกน้ัน ก็น่าจะเป็นคนป่าเหมือนเช่นน้ีกันอยู่โดยท่ัวไป แต่เพราะที่มนุษย์ มีสิ่งหนึ่งทางจิตใจติดมาต้ังแต่เกิด สิ่งน้ันคือปัญญา ความรู้ความฉลาด ทางพระพุทธศาสนา จึงแสดงว่า เกิดเป็นมนุษย์น้ันด้วยอ�ำนาจของกุศล กุศลน้ันก็แปลว่าความฉลาด แปลว่ากิจของ คนฉลาดอันเป็นด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น จงมีปัญญาท่ีเป็นพ้ืนดังท่ีเราเรียกว่า “สัญชาตญาณ และทางพระพุทธศาสนาท่านอาจารย์ท่าน เรียกว่า “สชาติปญฺา ปัญญาที่มาพร้อมกับชาติคือ ความเกิด อาศัยปัญญาที่เป็นพื้นน้ี อบรมเพ่ิมพูนปัญญาให้มากขึ้นโดยล�ำดับ จึงสามารถท่ีท�ำ ตนเองให้พ้นจากความเป็นคนป่า มาเป็นคนบ้านคนเมืองโดยล�ำดับ รู้จักสร้างบ้านเมืองเป็น ที่อยู่อาศัย รู้จักท�ำอะไรต่างๆ อันเป็นเหตุให้เจริญความสุขความส�ำราญดังท่ีปรากฏอยู่ ท้ิงความ เป็นอยู่เย่ียงสัตว์เดรัจฉานเสียห่างไกล ดังจะพึงเห็นได้ในมนุษย์ทุกวันน้ี มีบ้าน มีเมืองอยู่และ มีความเจริญต่างๆ ทางจิตใจน้ันเล่าก็ได้รับความกล่อมเกลาจากลัทธิศาสนาต่างๆ ต้ังแต่ก่อน พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น และจากพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่นให้งดงามข้ึนโดยล�ำดับ ให้รู้จัก ละอายในส่ิงที่ควรละอาย รู้จักใช้เสื้อผ้านุ่งห่ม เหล่าน้ีเป็นต้น และรู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์มาโดยล�ำดับ ท�ำปัญญาคือความรู้ให้เพิ่มพูนขึ้น จิตใจก็งดงามขึ้น โดยล�ำดับ และมนุษย์นี้เองซึ่งเป็นผู้ขัดเกลาใจของตนเองดีที่สุดแล้ว โดยตนเองก็ตาม โดยศิษย์ ของผู้อ่ืนก็ตาม ดังเช่นพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายและพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย ก็ได้น�ำศาสนา ฝึกขัดเกลาจิตใจมนุษย์มาโดยล�ำดับจนถึงในบัดนี้ ให้มีความเจริญทางจิตใจ แต่ว่าย้อนไปดู สตั วเ์ ดรจั ฉานทงั้ หลายจะเหน็ อยา่ งไร จะเหน็ วา่ อยแู่ คน่ นั้ พวกชา้ ง มา้ ววั ควาย สนุ ขั อะไรเปน็ ตน้ ตลอดจนถึงลิง ถึงหน้าจะใกล้มนุษย์สักหน่อยหนึ่ง แต่ว่าปัญญานั้นยังไม่ใกล้ ดึกด�ำบรรพ์มา เป็นอยู่อย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เป็นอยู่อย่างนั้น ไม่แตกต่างอะไรกัน สามารถท�ำได้เท่าท่ีธรรมชาติให้มา เป็นความรนู้ ิดๆ หนอ่ ยๆ ไมเ่ พยี งพอที่จะรถู้ ึงส่งิ ท่ีเรยี กว่าศาสนา ผิด ชอบ ชั่ว ดี เหมือนเช่นมนุษย์ เพราะฉะนั้น ผู้ท่ีเกิดมาเป็นมนุษย์เรานี้ ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน แม้จะเป็นคนป่าคนดอย ดังกล่าวมาแล้ว ก็ได้ปัญญาหรือสชาติปัญญาน้ีติดตัวมาท้ังน้ัน ถ้าหากว่าได้รับการอบรมด้วยดี แลว้ กส็ ามารถทจ่ี ะรไู้ ดว้ า่ นผ่ี ดิ นถ่ี กู นชี่ วั่ นด่ี ี นคี่ วรไมค่ วร สามารถทจ่ี ะขดั เกลาใจของตวั เองใหด้ ไี ด้ ด้วยกันท้ังนั้น น้อยหรือมากจะมีอยู่ ก็เป็นบางคนที่ปัญญาทึบเต็มที หรือที่มีสันดาน หยาบช้าเต็มที แต่ว่าแม้เช่นน้ัน มนุษย์เราเองส่วนใหญ่ในโลกน้ี ต้ังแต่ดึกด�ำบรรพ์มาจนถึงบัดน้ี ก็ยังมีอันหนึ่งที่เป็นปมด้อยที่สุดของมนุษยชาติ คือเป็นทาสของตัณหา ท่ีพระพุทธเจ้าตรัสว่า ตณั หาทาโส เปน็ ทาสของตณั หา หรอื ตณั หาทาสี เปน็ ทาสของตณั หา คอื ความอยากทะเยอทะยาน หรือความก�ำเริบโลภทะยานอยาก และเมื่อเป็นดังนี้ จึงมีตัณหา คือความอยากทะเยอทะยาน หรือความด้ินรนทะยานอยากนั้นแหละปกครองจิตใจ มีตัณหาเป็นใหญ่ ซ่ึงพระพุทธเจ้าตรัส 48

เรียกว่า “ตัณหาธิปไตย ตัณหาเป็นใหญ่ แต่ว่าพระพุทธเจ้าน้ัน ได้ทรงละตัณหานั้นเสียได้ ด้วยการที่ทรงปฏิบัติขัดเกลาใจของพระองค์เอง จนบริสุทธิ์บริบูรณ์ดีที่สุดแล้ว ละตัณหาได้แล้ว จงึ ทรงเปน็ ธรรมาธิปไตย ธรรมะเป็นใหญ่ ฉะนั้น อธิปไตยในพระพุทธศาสนานี้ หากว่าจะแบ่งแล้วก็มี ๒ เท่านั้น คือ ตัณหาธิปไตย กับ ธรรมาธปิ ไตย ตัณหาธปิ ไตย ตณั หาเปน็ ใหญ่ ธรรมาธปิ ไตย ธรรมะเปน็ ใหญ่ ในปัจจุบันนี้แม้จะเข้าใจว่ามีความเจริญสักเพียงไร ก็ดูกันท่ีภายนอก ดูกันท่ีร่างกายท่ี ตบแต่งเรียบร้อยงดงาม ดูกันที่ที่อยู่อาศัยตึกรามบ้านเรือน ดูกันท่ีอุปกรณ์ เงินทอง ข้าวของ เครือ่ งใช้สอย ดูกนั ทีส่ ง่ิ ทีเ่ รียกว่าอำ� นาจวาสนา เป็นน่ันเป็นน่ี เปน็ ใหญเ่ ปน็ โต ครอบครองประเทศ ครอบครองโลก อะไรเหล่านี้เป็นต้น ดูกันที่ภายนอก และก็กล่าวกันว่าเจริญและก็นิยมกันดังนี้ แต่ก็ไม่ไดด้ กู ันถึงจุดความจรงิ ท่จี ิตใจวา่ ถงึ อย่างไรก็ตาม จะมอี ำ� นาจวาสนาเป็นอะไรกต็ าม แตก่ ็ ยังเป็นทาสของตัณหาอยู่ คือความอยากทะเยอทะยาน ความด้ินรน ซ่ึงมีอะไรๆ มากข้ึน ก็ยิ่งเป็นทาสของตัณหามากขึ้น เพราะตัณหาน้ันไม่มีอิ่มไม่มีเต็มไม่มีพอ เหมือนมหาสมุทร ไม่อ่ิม ดว้ ยน�ำ้ ตณั หาก็เช่นเดยี วกนั เพราะฉะนั้น ความเจริญของโลกที่เห็นปัจจุบันนั้นเป็นความเจริญใหญ่โต แต่กองไฟคือ ตัณหาในใจของคนก็ใหญ่โตเท่าน้ันคู่กันไป และในที่สุดกองไฟคือ ตัณหาในใจของคนน้ีเอง ก็ก่อไฟภายนอกข้ึน เผาความเจริญในภายนอกลงไป ดังที่ปรากฏเป็นสงครามโลกเกิดขึ้นมาต่อ กี่คร้ังๆ ต้ังแต่ดึกด�ำบรรพ์มาจนบัดนี้ และต่อไปข้างหน้าก็อาจจะเกิดขึ้น ถ้าตนไม่พยายามจะ ดับไฟตัณหากัน อาจจะต้องเกิดเภทภัยใหญ่โตเช่นน้ันอีก หรือจะย่ิงข้ึนไป ท้ังนี้เพราะไม่มอง เข้ามา ที่จะดับไฟตัณหาในจิตใจ ไม่ขัดเกลาตัณหาในจิตใจลงไป ย่ิงยอมเป็นทาสของตัณหาคือ ความทะยานอยากกันย่ิงขึ้น ธรรมาธิปไตยก็น้อยลงไป ดังนั้นเห็นว่าการกระท�ำอะไรๆ น้ัน ทุกๆ อย่างนั้น แม้ในโลกที่เรียกว่าเจริญแล้ว แต่อ�ำนาจภายนอกก็ยังเป็นใหญ่เหนือธรรมะ คือ ความถูกต้องท้ังหลายอยู่น่ันเองในที่ทั้งหลายท่ัวไป และจะย่ิงมากย่ิงข้ึน เม่ือเป็นดังน้ีแล้ว กลียุค ก็จะต้องบังเกิดขึ้นในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะฉะนั้น ตามหลักธรรมะในพระพุทธศาสนา เมื่อ เป็นดังน้ีแล้ว พวกเราเองนั้นมีจิตใจงดงาม ความเบียดเบียนกันเอง ก่ออาชญากรรมในระหว่าง กันเองก็จะลดน้อยลงไป บังเกิดสันติสุขขึ้นในหมู่พวกตัวเราเอง เพราะฉะนั้น การขัดเกลาจิตใจ ตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนานน้ั จงึ เป็นส่งิ สำ� คญั อนั หนึง่ ก็พึงทราบว่า หลักธรรมะในพระพุทธศาสนานั้นเป็นหลักธรรมที่เป็นธรรมชาติธรรมดา ไม่ใช่สอนผิดธรรมชาติธรรมดา แต่ว่าสอนสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้วน่ีแหละให้เป็นความงามความ เจริญข้ึนทางจิตใจ เช่นเดียวกันกับท่ีท�ำป่าให้เป็นเมือง ท่ีท�ำความเถื่อนให้เป็นความเมือง ท�ำคนเถื่อนให้เป็นคนเมือง นั้นก็ใช้ป่านั่นแหละมาท�ำให้เป็นบ้านเป็นเมือง เช่น ใช้ไม้ท่ีเกิดขึ้น ในปา่ ใชว้ ตั ถทุ งั้ หลายทบี่ งั เกดิ ในปา่ นน่ั แหละมากอ่ สรา้ ง มาทำ� นนั่ มาทำ� นขี่ นึ้ ใหเ้ ปน็ ความเจรญิ ขนึ้ พระพุทธเจ้าก็ทรงบัญญัติธรรมจากจิตใจของคนน่ีแหละ จากสิ่งที่มีอยู่แล้วแต่ปรับปรุง ให้ดีข้ึน จะยกตัวอย่างคือ หิริความละอายใจต่อความช่ัว โอตตัปปะคือความกลัวต่อความชั่ว 49