โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ว 30261 ระดบั มัธยมศึกษาปีที่ 4
หน่วยท่ี 2 การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี (Plate Tectonics)
ผลการเรยี นรู้ ๒. อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาที่ สนบั สนุนการเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี ๓. ระบสุ าเหตุ และอธบิ ายแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณที ส่ี ัมพนั ธก์ ารเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณพี รอ้ ม ยกตวั อยา่ งหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทพ่ี บ
ทฤษฎธี รณแี ปรสัณฐาน จากการศึกษาโครงสร้างโลกพบว่า ฐานธรณีภาคเป็ นของแข็งทม่ี สี ภาพพลาสตกิ มธี รณีภาคทเ่ี ป็ นของแข็งวางตัวอยู่ด้านบน เมอ่ื ฐานธรณีภาคได้รับความร้อนจากภายใน โลกจะเกดิ การเคลอ่ื นทีอ่ ย่างช้าๆ และทาให้ธรณภี าคเคลอื่ น ทต่ี ามไปด้วย ธรณีภาคเมอ่ื เคลอ่ื นที่ในทศิ ทางต่างกนั จะแตกออกเป็ นแผ่น เรียกว่า แผ่นธรณี (plate) กระบวนการดงั กล่าว ทำให้โลกเกดิ การเปลยี่ นแปลง
ทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐาน ทดสอบก่อนเรียน จงทาเคร่ืองหมาย (/) หนา้ ขอ้ ความที่ถกู และทาาเคร่ืองหมาย (x ) หนา้ ขอ้ ความท่ีผดิ _____1. หินบะซอลตท์ ่ีพบใกลร้ อยแยกบริเวณสนั เขากลางสมุทรจะมีอายอุ ่อน กวา่ หินบะซอลตท์ ่ีอยไู่ กลจากรอยแยกออกไป ____ 2. เม่ือแผน่ ธรณีมหาสมุทรเกิดรอยแยกและเคล่ือนท่ีออกจากกนั อยา่ งชา้ ๆ จะมีเน้ือ หินแกรนิตจากส่วนล่างแทรกดนั ข้ึนมาตรงรอยแยกเกิดเป็นธรณีภาคใหม่ ____ 3. วงจรการพาความร้อนเป็นกระบวนการที่ทาาใหเ้ กิดการเคล่ือนทข่ี องแผน่ ธรณี ____ 4. อลั เฟรด เวเกเนอร์ เป็นผเู้ สนอทฤษฎีการแผข่ ยายพ้ืนสมุทร ____ 5. บริเวณทะเลแดงเกิดจากการเคล่ือนท่ีชนกนั ของแผน่ ธรณีมหาสมุทรกบั แผน่ ธรณี ทวปี
ทฤษทฎฤทีธษดฎรสีธณอรณบีแกีแ่อปปนรสเรรณัียสนฐาณั น ฐาน จงทาเคร่ืองหมาย (/) หนา้ ขอ้ ความที่ถูก และทาาเครื่องหมาย (x ) หนา้ ขอ้ ความที่ผดิ ____6. เทือกเขาหิมาลยั เกิดจากการเคล่ือนท่ีเขา้ หากนั ของแผน่ ธรณียเู รเซียและแผน่ ธรณี อินเดีย – ออสเตรเลีย ____ 7. แผน่ ธรณี คือเปลือกโลกเฉพาะส่วนที่เป็นพ้นื ทวปี ที่แตกออกเป็นหลายแผน่ ____ 8. ร่องลึกกน้ สมุทรเกิดข้ึนบริเวณกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ____ 9. รอยเล่ือนซานแอนเดรียสเกิดจากการเคลื่อนท่ีเขา้ หากนั ของแผน่ ทวปี ____ 10. ภาวะแม่เหลก็ บรรพกาลของพ้นื มหาสมุทรเป็นหลกั ฐานยนื ยนั การเคล่ือนท่ีออกจากกนั ของแผน่ ทวปี
ทฤษทฎฤทีธษดฎรสีธณอรณบีแกีแ่อปปนรสเรรณัียสนฐาณั น ฐาน จงทาเคร่ืองหมาย (/) หนา้ ขอ้ ความท่ีถกู และทาเคร่ืองหมาย (x ) หนา้ ขอ้ ความที่ผดิ __/___1. หินบะซอลตท์ ี่พบใกลร้ อยแยกบริเวณสนั เขากลางสมุทรจะมีอายอุ ่อน กวา่ หินบะซอลตท์ ี่อยไู่ กลจากรอยแยกออกไป __X__2. เม่ือแผ่นธรณีมหาสมุทรเกิดรอยแยกและเคลื่อนท่ีออกจากกนั อยา่ งชา้ ๆ จะมีเน้ือ หินแกรนิตจากส่วนล่างแทรกดนั ข้ึนมาตรงรอยแยกเกิดเป็นธรณีภาคใหม่ ___/ _ 3. วงจรการพาความร้อนเป็นกระบวนการท่ีทาใหเ้ กิดการเคล่ือนท่ีของแผน่ ธรณี ___/ _ 4. อลั เฟรด เวเกเนอร์ เป็นผเู้ สนอทฤษฎีการแผข่ ยายพ้นื สมุทร ___/_ 5. บริเวณทะเลแดงเกิดจากการเคล่ือนท่ีชนกนั ของแผน่ ธรณีมหาสมุทรกบั แผน่ ธรณี ทวปี
ทฤษทฎฤทีธษดฎรสีธณอรณบีแกีแ่อปปนรสเรรณัียสนฐาณั น ฐาน จงทาเคร่ืองหมาย (/) หนา้ ขอ้ ความที่ถกู และทาาเครื่องหมาย (x ) หนา้ ขอ้ ความที่ผดิ __/__6. เทือกเขาหิมาลยั เกิดจากการเคลื่อนท่ีเขา้ หากนั ของแผน่ ธรณียเู รเซียและแผน่ ธรณี อินเดีย – ออสเตรเลีย __X__ 7. แผน่ ธรณี คือเปลือกโลกเฉพาะส่วนที่เป็นพ้ืนทวปี ท่ีแตกออกเป็นหลายแผน่ __X__ 8. ร่องลึกกน้ สมุทรเกิดข้ึนบริเวณกลางมหาสมุทรแอตแลนติก __/__ 9. รอยเล่ือนซานแอนเดรียสเกิดจากการเคล่ือนที่เขา้ หากนั ของแผน่ ทวปี __/__ 10. ภาวะแม่เหลก็ บรรพกาลของพ้นื มหาสมุทรเป็นหลกั ฐานยนื ยนั การเคลื่อนท่ีออกจากกนั ของแผน่ ทวปี
ทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐาน ทฤษฎีแปรสัณฐานเป็ นเชิงธรณีวิทยา ที่ถูกพฒั นาข้ึนเพื่ออธิบายถึงหลกั ฐานจาก การสงั เกตการเคล่ือนตวั ของแผน่ เปลือกโลก ขนาดใหญ่ โดยทฤษฎีน้ี ได้พัฒนาต่อ ยอดจากทฤษฎีการเลื่อนไหวของทวีปเดิมท่ี ถูกเสนอข้ึน
ธรณีแปรสณั ฐาน ความหมายแผน่ ธรณี (Lithosphere) เป็ นบริเวณท่ีเป็ นช้ันเปลือกโลก (Crust) รวมไปถงึ เนื้อโลกส่วนบน (Upper mantle) ซ่ึงเป็ นส่ วนทเี่ ป็ นฉนวนความร้อนและมีสภาพ ยดื หยุ่นเป็ นพลาสตกิ และส่ วนทเ่ี ป็ นหนิ หนืดจะ เรยี กวา่ ฐานธรณภี าค (Asthenosphere) ธรณีภาคจะรวมถงึ เปลอื กโลกภาคพนื้ ทวปี และ เปลอื กโลกใตม้ หาสมทุ ร ธรณภี าคแบง่ ออกเป็ นแผน่ ๆ เรยี กวา่ เพลต (Plate) และมกี ารเคลอ่ื นทอี่ ยา่ งช้า ๆ
ธรณีแปรสณั ฐาน ซ่ึงทฤษฎีที่อธิบายการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีภาคและยอมรับในปัจจุบนั คือ ทฤษฎีการแปรสณั ฐานแผน่ ธรณี (Plate tectonic theory) โดยมีรากฐานมาจากสมมติฐาน 1.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener 1.2 ทฤษฎีพ้นื สมุทรขยาย (Sea-floor spreading theory) ของ Dr. Harry H. Hess
1.1 ทฤษฎีทวีปเล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener นัก วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ พ ย า ย า ม ศึ ก ษ า โ ด ย ก า ร สั ง เ ก ต ห ลัก ฐ า น ท่ี ปรากฏและอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ในเวลาต่อมา เทคโนโลยีมีความกา้ วหน้ามากข้ึนทาให้สามารถศึกษาและรวบรวม ขอ้ มูลได้มากข้ึน จนสามารถสรุปเป็ นแนวคิดและทฤษฎีที่สามารถ อธิบายการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนบนโลกได้ ทฤษฎีน้ีเกิดข้ึนในช่วงคริ สต์ศตวรรษท่ี 19 จาก การศึกษาแผนท่ีโลกของฟานซิล เบค่อน (Francis Bacon) โดยคาดว่าหากดนั ทวีปอเมริกาใตแ้ ละทวีปอเมริกาเขา้ มา ประกอบกนั จะสามารถเชื่อมต่อกนั ไดพ้ อดี
1.1 ทฤษฎีทวปี เล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener ต่อมาในปี คริสตศ์ กั ราช 1915 อลั เฟรท เวเกอเนอร์ (Alfred Lothar Wegener) ไดน้ าเสนอเก่ียวกบั ทฤษฎี ทวีปเล่ือน เมื่อประมาณ 200-300 ล้านปี ที่ผ่านมา แผ่นดินท้งั หมดในโลกรวมเป็ นผืนเดียวกัน เรียกว่า พนั เจีย (Pangaea) ต่อมาในยคุ ไทรแอสซิก ทวปี ที่เดิม เคยเป็ นผืนแผ่นดินเดียวกนั ค่อยๆเริ่มมีการแยกตวั ออก จากกนั โดยทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ จะค่อย ๆ เคลื่อนออกจากทวีปอเมริกาและทวีปยโุ รป จึงทาให้ ขนาดของมหาสมุทรแอนแลนติกกวา้ งยิง่ ข้ึน ดว้ ยการ เคลื่อนที่ของทวีปดังกล่าว เรี ยกว่า ทวีปเล่ือน
1.1 ทฤษฎีทวีปเล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener ทฤษฎีทวีปเลื่อนน้ีเป็นท่ียอมรับกนั โดยทวั่ ไปในปี ค.ศ 1960 โดย กล่าวถึงการที่ ทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้รวมตัวเป็ นแผ่นเดียวกนั เรียกว่า แผ่นอเมริกา และมกั พบวา่ บริเวณที่เป็นขอบของแผน่ ทวีป เช่น แผน่ ทวีปแปซิฟิ ก จะพบแนวการเกิดภเู ขาไฟและแผน่ ดินไหวอยเู่ สมอ เน่ืองจากมีการเคล่ือนที่ของแผน่ ทวีป (Plant) อยู่ ตลอดเวลา ซ่ึงสันนิษฐานว่าเกิดจากการเคลื่อนที่ของหิน หลอมละลายและจากกระบวนการพาความร้อนภายใน โลก นอกจากน้ียงั กล่าววา่ ทวปี อเมริกาใต้ แอฟริกา อินเดีย ออสเตรเลีย เคยอยู่ชิดติดกบั ทวีปแอนตาร์กติกในบริเวณ ข้ัวโลกใต้ ซ่ึงเป็ นเขตหนาวเย็นโดยมีหลักฐานเป็ น ร่องรอยของธารน้าแขง็ และอดีต
1.1 ทฤษฎีทวีปเล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener ในขณะที่ตอนใตข้ องทวีปอเมริกาเหนือ ยโุ รป และเอเชีย มีหลกั ฐานบ่งช้ีวา่ เคยเป็นเขตร้อน แถบศนู ยส์ ูตรมีความอดุ มไปดว้ ยถ่านหินและน้ามนั ซ่ึงเกิดจากการทบั ถมของพชื ในอดีต จากขอ้ มลู รอยต่อของทวปี ยงั ไม่เพยี งพอท่ีจะอธิบายการเชื่อมติดกนั ของทวปี ในอดีต เวเก เนอร์ จึงคน้ ควา้ หาความรู้และหลกั ฐานอ่ืนมาสนบั สนุนแนวความคิดของเขาซ่ึงประกอบดว้ ยขอ้ มูล ต่าง ๆ ดงั 1น.้ี ซากดกึ ดาบรรพ์ กล่มุ หินและแนวเทอื กเขา อายหุ ิน ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล 5. หลกั ฐานทเ่ี กดิ จากการสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แขง็
1.1 ทฤษฎีทวีปเล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener หลกั ฐานทสี่ นับสนุน : ซากดกึ บรรพ์ 1.ซากดกึ ดาบรรพ์ เวเกเนอร์ไดเ้ สนอใหพ้ ิจารณารูปร่างของทวปี ต่าง ๆ บนแผนที่โลก อีกท้งั ยงั ไดศ้ ึกษาซากดึกดาบรรพข์ องพืชและสตั วท์ ี่อยตู่ ามแนวชายฝั่ง (Coastline) ท้งั ทวปี อเมริกาใตแ้ ละ แอฟริกา พบวา่ บริเวณท่ีเป็นแนวชายฝ่ังของทวปี ท้งั สองต่อตรงกนั ไดน้ ้นั มีซากดึกดาบรรพช์ นิดเดียวกนั น้นั หมายความวา่ ในอดีตน้นั ท้งั สองทวีปมีพืชและสตั วช์ นิดเดียวกนั อาศยั อยู่ ขอ้ สังเกตน้ีจึง สนบั สนุนสมมติฐานของเวเกเนอร์ท่ีวา่ ทวปี อเมริกาเดิมน้นั เป็น ผนื แผน่ เดียวกนั
1.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener 1.ซากดกึ ดาบรรพ์ 3. 1. 4. 2.
ไซโนกาทสั (Cynogathus) เป็นส่ิงมีชีวติ นกั ล่าในยคุ ไทรแอสซิก ตอนตน้ -ตอนกลาง เป็นสตั วเ์ ล้ือยคลานเล้ียงลกู ดว้ ยนม พบซากดึกดาบรรพใ์ นแอฟริกาตอนใต้ อเมริกาตอนใต้ จีน และแอนตาร์กติกา ลาตวั ยาว 1 เมตร ส่วนหวั ยาว 30 cm กรามใหญ่ ฟังแหลม ขาคู่หนา้ อยดู่ า้ นขา้ ง ลาตวั แต่ขาดา้ นหนา้ แผอ่ อกดา้ นขา้ ง สามารถหายใจและกลืนไดพ้ ร้อมกนั
ลสิ โทรซอรัส(Lystrasarus) เป็นส่ิงมีชีวติ ในยคุ เพอร์เมียนตอนปลาย-ยคุ ไทร แอสซิกตอนตน้ อาศยั ในทวปี แอนตาร์กติก อินเดีย และแอฟริกา ตอนใต้ มีประมาณ 4-6 สปี ซีส์ มีฟันเพียง 2 ซี่ เหมือนสุนขั เข้ียวยาว มีจงอยปากรูปร่างคลา้ ยเขาสตั ว์ เหมือนเต่าทะเล จดั เป็นสตั วก์ ินพืช มีตาอยสู่ ูงจากกะโหลกศีรษะไปทางดา้ นหนา้ ใบหนา้ ส้นั น้าหนกั ประมาณ 90 Kg เป็นสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั อาศยั อยบู่ นบก
กลอสซอพเทอริส (Glossopteric) เป็นที่รู้จกั กนั ดีวา่ เป็นเฟิ ร์นมีเมลด็ ไดว้ วิ ฒั นาการข้ึนมาในช่วงตน้ ของยคุ เพอร์เมียนและไดส้ ูญสิ้นพนั ธไ์ ปท้งั หมด เมื่อสิ้นสุดยคุ เพอร์เมียน มีการคน้ พบพืชสกุล “กลอสซอพเทอริส” มากกวา่ 70 ชนิดเฉพาะในประเทศอินเดีย
1.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener หลกั ฐานทส่ี นับสนุน : กล่มุ หินและแนวเทอื กเขา 2. กลุ่มหินท่ีพบในทวปี อเมริกาใต้ ทวปี แอนตาร์ กตกิ าร์ ทวปี แอฟริกาและอนุทวปี อนิ เดีย เป็ นกลุ่ม หินท่ีเกิดขึน้ ในช่วง 146-359 ล้านปี และมีการ ระเบิดของภูเขาไฟเหมือนกนั จากการสารวจช้นั หิ นบริ เวณทวีปท้ังสองฝั่ งของมหาสมุทร แอตแลนติก พบว่า ช้นั หินดงั กล่าวเกิดในสภาพแวดลอ้ มและช่วงเดียวกนั รวมท้งั แนวเทือกเขาบริเวณ ฝ่ังตะวนั ออกของทวีปอเมริกาเหนือกบั แนวเทือกเขาบริเวณฝ่ังตะวนั ตกของทวีปยโุ รป มี การวางตวั ในแนวเดียวกนั มีหินชนิดเดียวกนั และอายขุ องหินอยใู่ นช่วงเวลาเดียวกนั
1.1 ทฤษฎีทวปี เล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener หลกั ฐานทสี่ นับสนุน : อายหุ ิน 3.อายหุ ินบริเวณพ้ืนสมุทร จากการสารวจมหาสมุทรแปซิฟิ ก มหาสมุทรแอตแลนติก รวมท้งั ทะเลใกลเ้ คียงพบหินบะซอลตท์ ี่บริเวณหุบเขาทรุดหรือรอยแยกบริเวณสนั เขาใตส้ มุทร ซ่ึง หินบะซอลตฺที่อยไู่ กลจากรอยแยกมีอายมุ ากกวา่ หินบะซอลตท์ ี่อยใู่ กลห้ ุบเขาทรุด - นกั วทิ ยาศาสตร์อธิบายไดว้ ่า เมือ่ แผ่นธรณเี กดิ รอยแยกแผ่นธรณจี ะเกดิ การเคล่ือนตวั ออกจาก กนั อย่างช้า ๆ ตลอดเวลา ขณะเดยี วกนั เนอื้ ของหินบะซอลต์จากส่วนล่างจะแทรกตวั ขึน้ มาตรง รอยแยกเป็ นช้ันธรณภี าคใหม่ทาให้บริเวณรอยแยกเกดิ หินบะซอลต์ใหม่เร่ือย ๆ ดงั น้นั แผ่นธรณี บริเวณเทอื กเขาใต้สมุทรจงึ มอี ายอุ ่อนทส่ี ุดและแผ่นธรณใี กล้ขอบทวปี จะมอี ายุมากกว่า
1.1 ทฤษฎีทวีปเล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener ปี ค.ศ. 1960 Harry H. Hess Harry Hammond Hess (1906 - 1969) นกั ธรณวี ทิ ยา ชาวอเมรกิ นั
1.1 ทฤษฎีทวปี เล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener
1.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener หลกั ฐานทส่ี นับสนุน : 4. หลกั ฐานที่เกดิ จากการสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แขง็ ในช่วง 280 ล้านปี ก่อน พบหลกั ฐานว่าแผ่นดนิ ท่ีเคยเป็ น กอนด์วานา ถูกปกคลุมด้วยนา้ แขง็ และเมอ่ื พจิ ารณาร่องรอยการเคลอ่ื นที่ของธาร นา้ แข็ง พบว่าสอดคล้องกนั จึงเป็ นหลกั ฐานท่แี สดงว่าทวีปต่าง ๆเคย ต่อเป็ นทวปี เดยี วกนั จากการสารวจตะกอนท่สี ะสมตัวจากธารนา้ แขง็ และรอยครูดทเ่ี กดิ จากการเคลอื่ นทขี่ องธารนา้ แขง็ ในอดตี บนทวปี แอฟริกา ออสเตรเลยี และอเมริกาใต้ แสดงว่าในอดตี ทวปี ดังกล่าวมสี ภาพภูมิอากาศ คล้ายคลงึ กนั และถูกปกคลุมด้วยธารนา้ แขง็ มาก่อน
1.1 ทฤษฎีทวีปเลื่อน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener หลกั ฐานทสี่ นับสนุน : ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล 5. ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล หมายถึง ร่องรอยสนามแม่เหล็กโลกในอดีต ซ่ึงศึกษาไดจ้ ากหินบะซอลต์ ท่ีมีแร่แมกนีไทต์เป็ นองค์ประกอบ ในขณะที่ ลาวาบะซอลตไ์ หลบนผิวโลกอะตอมของธาตุเหลก็ ที่อยใู่ นแร่แมกนีไทตจ์ ะ ถกู เหน่ียวนาโดยสนามแม่เหลก็ ทาใหม้ ีการเรียงตวั ในทิศทางเดียวกนั กบั เส้น แรงแม่เหลก็ โลกในขณะน้นั ซ่ึ งการเรี ยงตัวของอะตอมของธาตุเหล็กจะไม่เปลี่ ยนแปลงไปตามการกลับ ข้วั แม่เหลก็ เน่ืองจากภาวะของสนามแม่เหลก็ โลกบรรพกาล ในบางช่วงเวลาทาง ธรณีวิทยาเป็ นสนามแม่เหล็กแบบกลบั ข้วั ดงั น้ันถ้าหินจากพ้ืนท่ีต่างกัน มา ตรวจวดั ภาพความเป็นแม่เหลก็ ของหินแลว้ พบวา่ สารแม่เหลก็ ในหินเรียงตวั ไปใน ทิศทางเดียวกนั แสดงวา่ เป็นหินท่ีเกิดในช่วงเวลาทางธรณีวิทยาเดียวกนั
1.1 ทฤษฎีทวปี เล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener
1.1 ทฤษฎีทวปี เล่ือน (Continental drift hypothesis) ของ Dr. Alfred Wegener https://www.youtube.com/watch?v=QpffDai6afI https://www.youtube.com/watch?v=Perc29COuaQ https://www.youtube.com/watch?v=5vMqHhC1_J4
1.123 ททฤฤษษฎฎีธีทพร้วืนณปี สีแเมลปุท่ือรนรสขณั (ยCฐาoยาnน(tSineean-tfalol odrisfpt rheyapdointhgetshise)oขryอ)งขDองr.DArl.frHedarrWy Heg.eHnerss การสารวจพ้นื มหาสมุทรของHarry Hammond Hessไดม้ ีการนาเคร่ืองวดั ความเขม้ ของ สนามแม่เหลก็ (magnetic metic ไปตรวจวดั สภาพความเป็นแม่เหลก็ ของหิน พบว่า มีรูปแบบ การเรียงตัวของสารแม่เหล็กในหินที่สมมาตรกนั ระหว่างสองข้างของสันเขากลางมหาสมุทร ซ่ึงเกิดจาก เม่ือลาวาแข็งตวั เป็ นหิน สารแม่เหล็กในหิน จะถูกเหนี่ยวนาให้เรียงตวั ตาม ทิศทางของสนามแม่เหล็กโลกในขณะน้นั การเรียงตวั ของสารแม่เหล็กจะไม่เปล่ียนแปลง ตามการกลบั ข้วั ของสนามแม่เหล็กโลก สภาพความเป็ นแม่เหล็กในหินน้ี จึงเรียกว่า ภาวะ แม่เหลก็ บรรพกาล (pale magnetism) ซ่ึงขอ้ มูลดงั กล่าวน้นั สนบั สนุนแนวคิดการแผข่ ยายพ้ืน มหาสมุทร
1.2 ทฤษฎีพ้ืนสมุทรขยาย (Sea-floor spreading theory) ของ Dr. Harry H. Hess ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทรถูกเสนอโดยแฮรร่ี แฮมมอนด์ เฮสส์ (Harry Hammond Hess) เป็นทฤษฎีต่อยอดจากทฤษฎีทวีป เลื่อนของอลั เฟรด เวเกเนอร์ (Alfred Wegener) โดยทฤษฎีน้ีได้ อธิบายถึงสาเหตุของการขยายตวั ของพ้ืนสมุทร ไดว้ า่ พ้ืนสมุทรมีการ แผ่ขยายออกไปจากแนวสันเขากลางมหาสมุทรเนื่องจากแทรกดนั ของแมกมาข้ึนมาบนเปลือกโลก Harry Hammond Hess
1.2 ทฤษฎีพ้ืนสมุทรขยาย (Sea-floor spreading theory) ของ Dr. Harry H. Hess ในระหวา่ งสงครามโลกคร้ังท่ี 2 มีการจา้ งนกั ธรณีวิทยาเพื่อสารวจ พ้ืนมหาสมุทร ซ่ึงในการสารวจน้ันไดท้ าการวดั ความลึกของทะเล ทาให้คน้ พบ ลกั ษณะธรณีสัณฐาน เช่น สันเขากลางสมุทร (mid-ocean ridge) ซ่ึงเป็ นบริเวณท่ี แมกมาแทรกดนั ข้ึนมาบนเปลือกโลกมหาสมุทร ทาให้เปลือกโลกโก่งตวั ข้ึนและ แตกตวั ออกจากกนั Harry Hammond Hess ซ่ึงเปลือกโลกส่วนท่ีบางจะทรุดตวั ลงเกิดเป็นหุบเขาทรุด (rift valley) และเมื่อแมกมาแทรกดนั ข้ึนมาสู่ผวิ โลกจะเรียกวา่ ลาวา (Lava) ซ่ึงเม่ือลาวามีอุณหภูมิลดลงและแขง็ ตวั กลายเป็นหินที่เป็นส่วนหน่ึงของเปลือก โลก โดยการแทรกดนั อยา่ งต่อเนื่องของแมกมาจะทาใหเ้ กิดแรงดนั ส่งผลทาใหเ้ ปลือกโลกมหาสมุทรท่ี เกิดข้ึนก่อนเคล่ือนท่ีออกห่างจากแนวสนั เขากลางสมุทร ซ่ึงจากกระบวนการดงั กล่าวทาใหก้ ารแตกออก ของแผน่ พนั เจียและการท่ีแผน่ ธรณีภาคเคลื่อนที่แยกออกจากกนั
1.2 ทฤษฎีพ้นื สมุทรขยาย (Sea-floor spreading theory) ของ Dr. Harry H. Hess ลกั ษณะของการแผข่ ยายของพนื้ สมุทร
1.2 ทฤษฎีพ้นื สมุทรขยาย (Sea-floor spreading theory) ของ Dr. Harry H. Hess ลกั ษณะของการแผข่ ยายของพนื้ สมุทร
จากขอ้ มูลและหลกั ฐานต่าง ๆ เวเกเนอร์ไดน้ าเสนอทฤษฎีทวปี เล่ือน(Theory of continental drift) ที่ อธิบายวา่ เมื่อประมาณ 245 ลา้ นปี ก่อน ทวีปต่าง ๆ ในปัจจุบนั เคยอยตู่ ิดกนั เป็นแผ่นดินเดียวกนั เรียกว่า พนั เจยี ในเวลาต่อมา พนั เจียเร่ิมแยกตวั ออกจากกนั เป็นสองทวปี ขนาดใหญ่ไดแ้ ก่ ลอเรเซีย (Laurasia) และกอนด์วา นา (Gondwana) และต่อมาท้งั สองทวปี กม็ ีการแยกตวั ออกจากนั อยา่ งชา้ ๆ จนมีลกั ษณะดงั เช่นปัจจุบนั
ทวปี ของโลกประมาณ 200 ลา้ นปี มาแลว้ ประมาณ 200 ล้านปี มาแล้ว ทวีปต่าง ๆ เรียก พนั เจยี (pangaea) ซ่ึงท้งั หมดอยู่รวมเป็ นผนื แผ่นดนิ เดียวกนั ประมาณ 150 ล้านปี มาแล้ว พันเจียได้แยกออกเป็ น ทวีปใหญ่ 2 ทวีป คือ ทวีปทางเหนือ เรียก ลอเรเซีย และทวีปทางใต้ เรียก กอนด์วานา ทวปี ของโลกประมาณ 150 ลา้ นปี มาแลว้
ทวปี ของโลกประมาณ 100 ลา้ นปี ประมาณ 100 ล้านปี มาแล้ว กอนด์วานาแตกและ มาแลว้ เคล่ือนแยกจากกันเป็ นอินเดีย อเมริกาใต้ และ แอฟริกา ส่ วนลอเรเซียเคลื่อนแยกจากกันเป็ น ทวปี ของโลกประมาณ 50 ล้านปี อเมริกาเหนือ และ ยูเรเซีย (eurasia) ประกอบด้วย มาแล้ว ยุโรปและเอเชีย ประมาณ 50 ล้านปี มาแล้ว มหาสมุทรแอตแลนติก แยกตัวกว้างขึ้นทาให้แอฟริกาเคล่ือนห่ างจาก อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ แยกออกจากยุโรป และ อเมริกาเหนือโค้ งเว้าเข้ าเช่ือมกับอเมริกาใ ต้ ออสเตรเลยี แยกออกจากแอนตาร์กติกา
แบ่งทวปี ใหญ่เป็ น 7 ทวีป ได้แก่ 1. ทวปี อเมริกาเหนือ 2. ทวีปอเมริกาใต้ 3. ทวีปแอฟริกา 4.ทวปี เอเชีย 5.ทวปี ยุโรป 6.ทวปี แอนตาร์กติกา 7.ทวีปออสเตรเลีย (ประกอบด้ วย ประเทศออสเตรเลยี ประเทศนิวซีแลนด์ และหมู่เกาะแปซิฟิ กอนื่ ๆ)
ปัจจุบัน นักธรณวี ทิ ยาแบ่งแผ่นธรณภี าคของโลกออกเป็ น 14 แผ่น ดงั นี้ 1. แผ่นอนิ เดยี 2. แผ่นแอฟริกา 3. แผ่นอนิ เดีย-ออสเตรเลยี 4. แผ่นแอนตาร์กติก 5. แผ่นแปซิฟิ ก 6. แผ่นอเมริกาเหนือ 7. แผ่นแคริบเบียน 8. แผ่นโคคอส 9. แผ่นนาสกา 10. แผ่นอเมริกาใต้ 11. แผ่นฟิ ลปิ ปิ นส์ 12. แผ่นแคโรไลน์ 13. แผ่นฟิ จิ 14. แผ่นจวน เดอ ฟูกา
1.3 ทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐาน การเคล่ือนท่ีของแผน่ เปลือกโลก เกดิ จากการเคลือ่ นท่ีของ หินหนืด โดยเฉพาะแผ่นเปลอื ก โลกที่อยู่ใต้มหาสมุทร ซ่ึงมีความหนาแน่นนอ้ ย หินหนืดสามารถแทรกดนั ตวั ตามรอยต่อระหว่าง แผ่นเปลือกโลกไดง้ ่าย นักธรณีวิทยาพบว่า บริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทร แอตแลนติก มีแนวหินใหม่เกิดข้ึนตลอดเวลา ซ่ึงแนวหินใหม่ทเ่ี กดิ จากการดนั ตวั ของหินหนืดจะมี อายนุ ้อยกว่าหินบนทวปี
แบบฝึ กหดั 1.ใหน้ กั เรียนสรุปเน้ือหา ทฤษฎีทวปี เล่ือน และทฤษฎีการแผข่ ยายพ้นื สมุทร พร้อมท้งั ตอบคาถาม 2 ขอ้ ต่อไปน้ี 1.1 เพราะเหตุใด อลั เฟรด เวเกเนอร์จึงเช่ือวา่ ทวปี ต่าง ๆ ในปัจจุบนั เคยติดกนั เป็น แผน่ เดียวมาก่อน ตอบ 1.2 การคน้ พบส่ิงใดของ แฮร่ี เฮส ที่ถูกนาามาใชส้ นบั สนุนทฤษฎีการแผข่ ยายพ้นื สมุทร ตอบ
2. รูปแบบการเคลื่อนท่ีของแผน่ ธรณีภาค 2.1 แผน่ ธรณีแยกออกจากกนั (Divergent plant boundary) 2.2 แผน่ ธรณีเคลื่อนท่ีเขา้ หากนั (Convergent plant boundary) 2.3 แผน่ ธรณีเคลื่อนที่ผา่ นตามระดบั (Tranform plant boundary)
2.1 แผน่ ธรณีแยกออกจากกนั (Divergent plant boundary) https://www.youtube.com/watch?v=VefUAIDcOp4
2.1 แผน่ ธรณีแยกออกจากกนั (Divergent plant boundary)
2.1 แผน่ ธรณีแยกออกจากกนั (Divergent plant boundary)
แ2.ผ2น่ แธผรน่ ณธีเรคณล่ืีอเคนลทื่อ่ีเนขทา้ ห่ีเขาา้กหนั า(กCนoั n(vCeorgnevnetrgpelannttpblaonutnbdoauryn)dary) 2.2.1 แผ่นธรณมี หาสมุทรเคล่ือนที่เขา้ หาแผ่นธรณมี หาสมุทร (Ocean-Ocean Convergent Boundary) 2.2.2 แผ่นธรณที วปี เคลื่อนที่เขา้ หาแผ่นธรณมี หาสมุทร (Continent-Ocean Converge Boundary) 2.2.3 แผ่นธรณีทวปี เคลื่อนที่เขา้ หาแผ่นธรณที วีป
2.2.1 แผ่นธรณมี หาสมุทรเคลื่อนที่เขา้ หาแผ่นธรณมี หาสมุทร (Ocean-Ocean Convergent Boundary)
Search