สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 หลกั สูตรผู้ฝึ กสอนกฬี าคาราเต้โด(Karatedo) 1. วตั ถุประสงคแ์ ละจุดมุ่งหมาย 2. ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ 3. ประวตั ิความเป็นมา คาราเตโ้ ด 4. ความหมายคาวา่ คาราเตโ้ ด 5. คาราเตก้ บั ประเทศไทย 6. ประวตั ิการก่อต้งั สมาคมคาราเตใ้ นประเทศไทย 7. เพลงมวย (Kata) 8. การต่อสู้ (Kumite) 9. ผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด 10. คาศพั ทพ์ น้ื ฐานของคาราเต้ 11. ประเภทของการแข่งขนั 12. รูปแบบการจดั การแขง่ ขนั 13. กติกาการแขง่ ขนั 14. จรรยาบรรณ กบั กติกา เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 1
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 วตั ถุประสงค์และจุดมุ่งหมาย 1. เพอื่ เผยแพร่กีฬา Karatedo ใหเ้ ป็ นท่แี พร่หลายในวงกวา้ ง 2. เพอ่ื สร้างผฝู้ ึกสอนในระดบั ภมู ิภาค 3. เพอื่ ยกระดบั บุคลากรในดา้ นการฝึกสอน 4. เพอื่ เพมิ่ ศกั ยภาพของผฝู้ ึกสอนในระดบั ภูมิภาค 5. เพอื่ ส่งเสริมใหผ้ ฝู้ ึกสอนไดเ้ รียนรู้ในมาตราฐานเดียวกนั 6. เพอ่ื เพม่ิ ปริมาณผฝู้ ึกสอนท่เี ขา้ ใจทกั ษะ คาราเตโ้ ด อยา่ งแทจ้ ริง 7. เพอ่ื วางรากฐานการพฒั นาผฝู้ ึกสอนสู่ความเป็ นเลิศ 8. เพอื่ ใหเ้ กิดการสร้างทมี นกั กีฬามากข้ึน 9. ผฝู้ ึกสอนสามารถนาทกั ษะคาราเตโ้ ด ไปเผยแพร่ตอ่ ได้ ประโยชน์ทไี่ ด้รับ 1. เผยแพร่กีฬาคาราเตโ้ ดสู่ภมู ิภาค 2. มีจานวนผฝู้ ึกสอนทมี่ ากข้ึน 3. จานวนผทู้ ี่เขา้ ใจในทกั ษะคาราเตโ้ ดเพมิ่ ข้นึ 4. จานวนนกั กีฬาที่เพม่ิ ข้นึ 5. สามารถนาวชิ าทีเ่ รียนมาใชป้ ้ องกนั ตวั และช่วยเหล่ือผอู้ ื่นในยามคบั ขนั 6. สามารถพฒั นาตนเองไปสู่การเป็ นผฝู้ ึกสอน โรงเรียน สถาบนั จงั หวดั ประเทศ 7. เขา้ ใจในหลกั การฝึกคาราเตโ้ ดอยา่ งแทจ้ ริง 8. สามารถนาแบบฝึกไปเผยแพร่ต่ออยา่ งถูกตอ้ ง 9. รู้จกั การฝึกการใชส้ มาธิ และการหายใจท่ีถูกหลกั ของคาราเตโ้ ด เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากุล 2
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ประวตั คิ วามเป็ นมา คาราเต้โด ประวตั ิความเป็ นมา จากอดตี พฒั นาการของคาราเตม้ บี นั ทกึ เอาไวว้ า่ เรม่ิ ตน้ ขน้ึ ในชว่ งแรกของศตวรรษท่ี 14 เรมิ่ มี การตดิ ต่อคา้ ขาย แลกเปลย่ี นวฒั นธรรมกนั ระหวา่ งประเทศจนี และหมูเ่ กาะรวิ กวิ (ปจั จบุ นั คอื โอกนิ าวา ซ่งึ ตอนนนั้ ยงั ไม่ไดเ้ ป็นประเทศญป่ี นุ่ ) ในขณะนนั้ กงั ฟู (Kung-Fu) กาลงั เขา้ มาเผยแพร่ และไดป้ รบั ปรงุ พฒั นาการมาเป็น ศลิ ปะป้องกนั ตวั ของเกาะรวิ กวิ เอง มชี อ่ื เรยี กในขณะนนั้ หลายอยา่ ง เชน่ เทะ (Te) นาฮาเต้ (Nahate) โอกนิ าวา่ -เต้ (Okinawa te) โทเดะ(Toudei) เคมโป(Kempo) สมยั การปกครองของตระกลู โตกงุ าวะ ซ่งึ เป็นโชกนุ ปี ค.ศ. 1609 ทางไดมยี ว ชมิ าสึ ตระกูล ซทั ซูมา ไดย้ ดึ หมูเ่ กาะรวิ กวิ เป็นเมอื งขน้ึ และมกี ารตงั้ นโยบายหา้ มไมใ่ หป้ ระชาชนมอี าวธุ อยใู่ น ครอบครอง สนั นิษฐานไดว้ า่ การพฒั นาของคาราเตเ้ ป็นการตอ่ สูป้ ้องกนั ตวั เองโดยไม่ใชอ้ าวธุ อาจเป็น ผลจากแรงกดดนั จากการหา้ มใชอ้ าวธุ เป็นทวคี ณู และกล่าวไดว้ า่ คาราเตน้ นั้ เกดิ จากการใชท้ ุกอย่างใน รา่ งกายใหเ้ สมอื นใชอ้ าวธุ ซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากสานกั ดาบของตระกลู ซทั ซูมา ทม่ี กี ารฝึกฝนเพลงดาบ โดยเน้นเฉพาะการเอาชนะคตู่ ่อสูใ้ หไ้ ดโ้ ดยการฟนั ในดาบเดยี ว ซ่งึ คาราเต้ ไดน้ าหลกั การดงั กลา่ วมาใช้ ในการฝึกฝน เพ่อื ใหส้ ามารถลม้ คูต่ อ่ สู้ ภายในหน่ึงเทคนคิ และไดพ้ ฒั นามาเป็นคาราเตโ้ ดจนถงึ ปจั จุบนั ใน ปี ค.ศ. 1922 กฬี าคาราเตโ้ ด ไดถ้ กู สาธติ ขน้ึ เป็นครงั้ แรกในงานแสดงศลิ ปะป้องกนั ตวั ของ ประเทศญป่ี นุ่ ณ กรุงโตเกยี ว โดยปรมาจารย์ กอิ ชิ นิ ฟุนาโกชิ (Grand Master Gichin Funakoshi ) และไดร้ บั การสนใจเป็นอยา่ งมาก คาราเตไ้ ดเ้ ผยแพร่ไปยงั ทต่ี า่ งๆ อย่างรวดเรว็ บรรจเุ ขา้ หลกั สูตรมธั ยม รวมถงึ การจดั ตงั้ เป็นชมรมในมหาวทิ ยาลยั เคโอเป็นแห่งแรก และอกี หลายมหาวทิ ยาลยั ในเวลาต่อมา ปจั จบุ นั คาราเตไ้ ดเ้ ผยแพรไ่ ปทุกมุมโลก ในเดอื นตลุ าคม ปี ค.ศ. 1957 ไดม้ กี ารจดั แขง่ ขนั กฬี าคาราเตข้ น้ึ เป็นครงั้ แรก ทก่ี รงุ โตเกยี ว ประเทศญป่ี นุ่ แบ่งประเภทการแขง่ ขนั ทงั้ แบบท่ารา(Kata) และแบบต่อสู้(Kumite) ซง่ึ ในปจั จบุ นั รูปแบบ การตดั สนิ มกี ารเปลย่ี นแปลงเป็นอย่างมาก ตงั้ กฎระเบยี บขน้ึ มาใหม่ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ภาวะปจั จุบนั คาราเตโ้ ด ไดถ้ ูกแพรห่ ลายจนกลายเป็นกฬี าประจาชาตขิ องประเทศญป่ี นุ่ ปจั จุบนั ไดเ้ ผยแพร่ไป ยงั ประเทศต่างๆ กวา่ 170 ประเทศ ประชาชนประมาณ 40 ลา้ นคน ในปจั จุบนั ไดร้ วมเอา คาราเตโ้ ด เป็นสว่ นหน่งึ ของการฝึกฝนของพวกเขา นนั่ เพราะคาราเตโ้ ด ไม่เพยี งแตจ่ ะมจี ุดประสงคใ์ นการปรบั ปรงุ พฒั นาในดา้ นเทคนิคเท่านนั้ แต่ยงั รวมถงึ การเสรมิ สรา้ งบุคลกิ ความสมบรู ณแ์ ขง็ แรงของรา่ งกาย และ จติ ใจอกี ดว้ ย เพ่อื ใหม้ คี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ประวตั คิ วามเป็นมาของคาราเตโ้ ดยงิ่ ขน้ึ ดงั จะไดก้ ล่าวถงึ ความเป็นมาและเหตุการณ์โดยสงั เขปตอ่ ไป เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากุล 3
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ความหมายคาว่า คาราเต้โด คาราเตม้ กั ถูกเขา้ ใจผดิ วา่ เป็นการตอ่ สดู้ ว้ ยการฟนั อฐิ แตท่ จ่ี รงิ แลว้ คอื การตอ่ สดู้ ว้ ยการใชอ้ วยั วะ ต่างๆ ในรา่ งกาย เชน่ กาปนั้ เทา้ สนั มอื น้วิ ศอก เป็นตน้ แต่เมอ่ื ถูกดดั แปลงเป็นกฬี าแลว้ เหลอื เพยี งมอื และเทา้ คาวา่ คาราเตเ้ ดมิ ทมี าจากการออกเสยี งแบบชาวโอกนิ าวา ตวั “คารา” ในภาษาจนี หมายถงึ ประเทศจนี หรอื ราชวงศถ์ งั สว่ น“เต”้ หมายถงึ มอื คาราเต้ หมายความวา่ ฝา่ มอื จนี หรอื ฝา่ มอื ราชวงศถ์ งั หรอื กาปนั้ จนี หรอื ทกั ษะการตอ่ สูแ้ บบจนี ในรปู แบบการเขยี นแบบน้ี ฝา่ มอื ราชวงศถ์ งั กบ็ ่งบอกถงึ อทิ ธพิ ลทร่ี บั มาจากลกั ษณะการต่อสูข้ องชาวจนี ในปี ค.ศ. 1933 หลงั จากสงครามระหวา่ งจนี กบั ญ่ปี นุ่ ครงั้ ท่ี 2 ทา่ นปรมาจารยก์ ชิ นิ ฟุนาโคชิ ไดเ้ ปลย่ี นตวั อกั ษร “คารา” ไปเป็นตวั อกั ษรทม่ี เี สยี งเหมอื นกนั แต่ มคี วามหมายวา่ ความวา่ งเปลา่ แทน เมอ่ื ปี ค.ศ. 1936 หนงั สอื เล่มทส่ี องของทา่ นปรมาจารยฟ์ ุนาโคชิ ใชต้ วั อกั ษร “คารา ” ทม่ี ี ความหมายวา่ ความวา่ งเปล่า และในการชมุ นุมบรรดาอาจารยช์ าวโอกนิ าวา กใ็ ชต้ วั อกั ษรเดยี วกนั ตงั้ แต่ นนั้ มาคาวา่ คาราเต้ (ซง่ึ ออกเสยี งเหมอื นเดมิ แตใ่ ชต้ วั อกั ษรใหม่) จงึ หมายถงึ มอื เปลา่ คาวา่ มอื เปล่า ไม่เพยี งแตน่ กั คาราเตจ้ ะตอ่ สูโ้ ดยปราศจากอาวธุ แลว้ ยงั ซ่อนความหมายตาม ความเชอ่ื แบบหลกั ปรชั ญาของศาสนาพุทธ นิกายเซน็ ไวด้ ว้ ย เพราะตามวถิ แี ห่งเซน็ การพฒั นา ความสามารถและศลิ ปะของแตล่ ะบคุ คลจะตอ้ งทาจติ ใจใหว้ า่ งเปล่า ละเวน้ จากความปรารถนา ความมี ทฐิ แิ ละกเิ ลสตา่ งๆ คาวา่ “โด” แปลวา่ วถิ ที าง ลทู่ าง ศาสตร์ อกี ทงั้ ยงั หมายถงึ ปรชั ญาในศาสนาพุทธลทั ธเิ ต๋าอกี ดว้ ย “โด” เป็นคาตอ่ ทา้ ยทใ่ี ชส้ าหรบั ศลิ ปะหลายชนิดใหค้ วามหมายวา่ นอกจากจะศลิ ปะเหลา่ นนั้ จะเป็น ทกั ษะ แลว้ ยงั ตอ้ งมพี น้ื ฐานของจติ วญิ ญาณอยู่ดว้ ย สาหรบั ในความหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศลิ ปะการตอ่ สู้ อาจจะแปลไดว้ า่ “วถิ แี หง่ ...” เชน่ ใน ไอคโิ ด ยโู ด เคนโด ดงั นนั้ “คาราเตโ้ ด ” จงึ หมายถงึ “วถิ แี หง่ มอื เปล่า” คาราเตโ้ ด แปลวา่ วถิ แี หง่ การใชม้ อื (รา่ งกาย) ตอ่ สูโ้ ดยปราศจากอาวธุ วถิ แี หง่ คาราเตเ้ ป็น วธิ กี ารดงึ พลงั จากทงั้ รา่ งมารวมใหเ้ ป็นหน่งึ ในการตอ่ สูโ้ จมตี ซ่งึ ความรนุ แรงของการโจมตนี นั้ มคี า กลา่ วถงึ วา่ อจิ เิ กอิ อซิ ทั สึ หรอื พชิ ติ ในหมดั เดยี ว สงิ่ ทส่ี าคญั ของคาราเตค้ อื การต่อสูก้ บั ตนเอง เชน่ การ ฝึกยงั้ แรงการโจมตี โดยใชใ้ นการหยุดโจมตเี มอ่ื สมั ผสั ร่างกายคตู่ ่อสูแ้ มเ้ พยี งเลก็ น้อย เพ่อื ไมใ่ หเ้ กดิ การ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 4
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 บาดเจบ็ หรอื ป้องกนั การบาดเจบ็ ซง่ึ เป็นการฝึกการกาหนดความรนุ แรงของการโจมตี เมอ่ื ผฝู้ ึกสามารถ ยงั้ แรงได้ เขากจ็ ะเพมิ่ ความรนุ แรงในการโจมตไี ดจ้ นถงึ ขดี ความสามารถเชน่ เดยี วกนั การฝึ กฝน ขนั้ ตอนการฝึกของคาราเตโ้ ด จะเรมิ่ ตน้ ทก่ี ารสอนธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิ เชน่ ท่าเคารพต่างๆ การ ปฏบิ ตั ติ นตอ่ เซนเซ (อาจารย)์ เซมไป (รุ่นพ)่ี มารยาทในโดโจ (โรงฝึก) ระเบยี บในการฝึกต่างๆ แลว้ จงึ สอนหลกั ในวชิ าคาราเต้ โดยจะเรมิ่ ตน้ ทก่ี ารยนื ในท่าชยิ นื ธรรมชาติ, ซกึ ิ (ท่าชก), อเุ กะ (ท่าปดั ), เกริ (ท่า เตะ), ดาจิ (ท่ายนื และการยา่ งกา้ ว) และนาท่าชกปดั หรอื เตะมารวมกบั ทา่ ย่างกา้ ว จนเป็นท่าคฮิ อง (พน้ื ฐาน) ตา่ งๆ เม่อื นาทา่ พน้ื ฐานมาฝึกเขา้ คกู่ นั โดยใหฝ้ า่ ยหน่งึ บุกฝา่ ยหน่งึ รบั กจ็ ะเป็นการฝึกเพ่อื เพมิ่ ทกั ษะการตอ่ สู้ และทก่ี ารรวมท่าพน้ื ฐานตา่ งๆ มาเรยี งรอ้ ยเป็นเพลงมวยหรอื ทเ่ี รยี กวา่ กาตา้ เพอ่ื การฝึก สมาธิ และเทคนคิ รูปแบบในการต่อสูต้ า่ งๆ สง่ิ สาคญั ทจ่ี ะรวมเป็นนกั คาราเตท้ ด่ี ไี ดต้ อ้ งมที งั้ ความเป็นคาราเต้ และตอ้ งมโี ดในจติ ใจ โดย คาราเต้ ตอ้ งประกอบดว้ ย 3K คอื 1. Kihon คฮิ อง เป็นท่าพน้ื ฐาน 2. Kumite คมู เิ ต้ เป็นการต่อสู้ 3. Kata คาตะ เป็นทา่ เพลงมวย ซง่ึ รวมแลว้ เป็น Karate คาราเต้ เป็นการฝึกเพ่อื ใหม้ สี ุขภาพพลานามยั ทแ่ี ขง็ แรง และสามารถ ตอ่ สปู้ ้องกนั ตวั ชว่ ยเหลอื ตนเองและผอู้ ่นื ไดใ้ นยามคบั ขนั และสง่ิ สดุ ทา้ ยคอื Do (โด) ในคาวา่ คาราเตโ้ ด “โด” คอื การฝึกตนเองใหม้ รี ะเบยี บวนิ ยั ต่อตนเองและผอู้ น่ื มารยาทกาลเทศะ เรยี บรอ้ ย ความอ่อนน้อม ถ่อมตน หรอื เป็นคนดี นนั่ เองและหลกั ปรชั ญาพุทธนิกายเซน โดยคาวา่ “โด” เป็นสง่ิ ทค่ี วบคุมจติ ใจไมใ่ ห้ นกั คาราเตไ้ ปทารา้ ยผอู้ น่ื ไดเ้ หมอื นดาบในฝกั ดงั นนั้ นกั คาราเตจ้ งึ ไมเ่ ป็นแค่นกั สูเ้ ท่านนั้ แตย่ งั ตอ้ งเป็น คนทม่ี จี ติ ใจดงี ามอกี ดว้ ย สไตลข์ องคาราเต้ นนั้ แตกออกเป็น 4 แนวทางใหญ่ๆ หรอื 4 สานกั ใหญ่ ไดแ้ ก่ a. โกจูรวิ Goju-ryu b. โชโตกนั Shotokan c. ชโิ ตรวิ Shito-ryu d. วาโดรวิ Wado-ryu เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 5
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 คาราเต้กบั ประเทศไทย เรมิ่ ก่อนปี พ.ศ. 2500 คาราเตร้ ูจ้ กั ในนามมวยญ่ปี นุ่ ในยุคกอ่ นคาราเตไ้ ดเ้ ขา้ มาแบบท่องเทย่ี ว เพ่อื หาประสบการณจ์ ากความรแู้ ละความจรงิ วา่ คาราเตน้ ้เี ป็นวชิ าทเ่ี ลอเลศิ เหนอื กวา่ วชิ าต่อสูอ้ ่นื ใดใน โลกสมจรงิ ดงั คากลา่ วเล่าต่อๆ กนั มาหรอื ไม่ หลงั จากปี พ.ศ. 2500 เป็นลาดบั มาประมาณ 1-2 ปี ไดม้ ี การประกบคู่มวยไทยกบั คาราเตจ้ ะขน้ึ ทส่ี นามมวยเวทลี ุมพนิ ี ก่อนการขน้ึ ชกไดม้ กี ารตกลงขอ้ ต่อรองกนั นานพอสมควรกวา่ จะขน้ึ เวทไี ด้ อนั เน่อื งมาจากกฎ กตกิ าการแขง่ ขนั ค่าใชจ้ ่าย เงนิ รางวลั และสงิ่ ตา่ งๆ อกี หลายอย่างทจ่ี าเป็น ตอ้ งกาหนดขน้ึ ระหวา่ งคาราเตก้ บั มวยไทยทจ่ี ะชกเป็นครงั้ แรก ขอ้ ตกลงทจ่ี ะขอกล่าวถงึ น้กี ค็ อื วา่ การต่อสูม้ วยไทยกบั คาราเตน้ ้ี คาราเตต้ อ้ งสวมนวมเหมอื น มวยไทยดว้ ย ถา้ เป็นเชน่ นนั้ คาราเตก้ ห็ มดโอกาสไดใ้ ชอ้ าวธุ สาคญั ซ่งึ เหมอื นกบั การนามดี สวมฝกั ชกั ออกมาไมไ่ ด้ ความคมกไ็ ม่มี เมอ่ื การแขง่ ขนั สน้ิ สุดลง คาราเตก้ พ็ ่ายแพไ้ ปคนไทยเป็นผมู้ ชี าตนิ ิยมอยา่ ง ยง่ิ ถา้ จะ จดั แขง่ ขนั อนั จะทาลายเกยี รตยิ ศชอ่ื เสยี งและศลิ ปะมวยไทยแลว้ จะไม่ยอมเสย่ี งใหม้ ขี น้ึ อย่าง เดด็ ขาด เพราะเกรงวา่ คนไทยดว้ ยกนั จะตาหนผิ จู้ ดั วา่ เป็นผทู้ าลายศลิ ปะมวยไทย ยงั มกี ฬี า Kick Boxing ซ่งึ มสี ่วนใหค้ าราเตเ้ มอื งไทยตอ้ งซบเซาไปดว้ ย เน่อื งจากไดม้ นี กั คาราเต้ แบบธรุ กจิ เกดิ ขน้ึ ในประเทศญ่ปี นุ่ ไดน้ าเอามวยไทยผสมกบั คาราเตแ้ ลว้ มาตงั้ เป็นตาหรบั ใหม่วา่ Kick Boxing หดั ไดป้ ระมาณ 5 ปี นาขน้ึ ชกทญ่ี ป่ี นุ่ และไดน้ ามวยไทยดว้ ยการจา้ งขน้ึ ชกบนเวทที ญ่ี ป่ี นุ่ เพอ่ื ประกาศศกั ดศิ์ รวี า่ Kick Boxing เป็นตาหรบั ของญ่ปี นุ่ เหนือศลิ ปะมวยไทย เพอ่ื สรา้ งความสนใจใหก้ บั บุคคลทวั่ ไป และไดเ้ ผยแพรไ่ ปยงั นานาชาติ โดยไดต้ งั้ คา่ ยและสถานทฝ่ี ึกซ้อมกนั อยา่ งเป็นล่าเป็นสนั และไดเ้ ผยแพร่มายงั ประเทศไทย จดั ตงั้ คา่ ยมวย Kick Boxing ขน้ึ ทอ่ี าคารราชอาเขต ต่อมาจงึ ขน้ึ ชกกบั มวยไทยและปญั หาใหญ่ จนทาใหค้ า่ ยมวย Kick Boxing ไม่สามารถจะดาเนินธุรกจิ การฝึกซ้อมและจดั แขง่ ขนั กบั มวยไทยกพ็ ่ายแพบ้ อ่ ยครงั้ จนตอ้ งเลกิ ลม้ กจิ การไป แตเ่ ขากลบั เรยี กวา่ เป็นการแขง่ ขนั ระหวา่ ง มวยไทยกบั คาราเต้ ซง่ึ กไ็ มอ่ าจทราบไดว้ า่ เพราะเหตใุ ด จงึ เป็นเชน่ นนั้ ผลกระทบจากการกระทา ดงั กลา่ ว เป็นผลใหก้ จิ การฝึกสอนคาราเตใ้ นประเทศไทยประสบอุปสรรคปญั หาไม่เตบิ ใหญ่เท่าทค่ี วร เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากุล 6
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ประวตั ิการก่อตงั้ สมาคมคาราเต้ในประเทศไทย คาราเตโ้ ด เขา้ มาเผยแพร่ในประเทศไทยโดยผฝู้ ึกสอนชาวญ่ปี นุ่ จานวน 3 ทา่ น ในเดอื นเมษายน พ.ศ. 2508 (ค.ศ.1965) และไดพ้ ฒั นาจนกลายเป็นศลิ ปะการตอ่ สูท้ ม่ี รี ูปแบบเฉพาะตวั ในประเทศไทยตงั้ แต่ เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2512 (ค.ศ.1969) คาราเตโ้ ดไทยไดย้ อมรบั เขา้ เป็นสมาชกิ ของ สมาคมสหพนั ธ์ คาราเตโ้ ดโลก The World Union of Karatedo Organization (WUKO) ปจั จุบนั คอื สมาคมสหพนั ธค์ าราเต้ โลก World Karate Federation (WKF) และไดเ้ ขา้ ร่วมการแขง่ ขนั คาราเตโ้ ดโลก ครงั้ ท่ี 1 ณ กรุงโตเกยี ว ประเทศญ่ปี นุ่ ในปี พ.ศ.2513 (ค.ศ. 1970) ตงั้ แตน่ นั้ เป็นตน้ มาจนถงึ ปจั จุบนั คาราเตโ้ ดไทยไดส้ ่งทมี เขา้ สกู่ ารแขง่ ขนั คาราเตโ้ ดนานาชาติ อกี ครงั้ ตอ่ หลายครงั้ ในเดอื นมนี าคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) คาราเตโ้ ดไทยไดเ้ ขา้ ร่วมเป็นสมาชกิ The Asian Pacific Union of Karatedo Organization (APUKO) ปจั จุบนั คอื Asian Karatedo Federation (AKF) และไดร้ ว่ มในการแขง่ ขนั คาราเตโ้ ด เอเซย่ี นแปซฟิ ิก ทป่ี ระเทศสงิ คโปร์ ในปีเดยี วกนั ในเดอื นตุลาคม พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) คาราเตโ้ ดไทยไดก้ อ่ ตงั้ The Federation of All Thai Karatedo Organization (FATKO) ปจั จุบนั คอื สมาคมสหพนั ธค์ าราเต้-โด แหง่ ประเทศไทย Thai Karate- do Federation of Thailand(TKF) ต่อมาในเดอื นพฤษภาคม พ.ศ.2530(ค.ศ.1987) สมาคมสหพนั ธค์ าราเต้-โด แห่งประเทศไทย ไดร้ บั การรบั รองจากการกฬี าแห่งประเทศไทย และ ไดเ้ ขา้ ร่วมการแขง่ ขนั กฬี าซเี กมส์ ครงั้ ท่ี 14 The 14th South East Asian Games (SEA Games) ณ กรงุ จากาตา้ ประเทศอนิ โดนเี ซยี ในปีเดยี วกนั ในการแขง่ ขนั คาราเตโ้ ดครงั้ แรกไดถ้ กู บรรจุไวใ้ นการแขง่ ขนั กฬี าเอเซ่ยี นเกมส์ ครงั้ ท่ี 12 ทจ่ี ดั ขน้ึ ณ จงั หวดั ฮโิ รชมิ า ประเทศญ่ปี นุ่ ปี พ.ศ. 2537(ค.ศ.1994) และครงั้ ท่ี 2 จะไดถ้ กู บรรจุ ไว้ ในการแขง่ ขนั กฬี าเอเซ่ยี นเกมส์ ครงั้ ท่ี 13 ทจ่ี ะมขี น้ึ ในกรงุ เทพฯ ( The 13th Asian Games Bangkok 1998) พ.ศ.2541 นกั กฬี าระดบั สดุ ยอดกวา่ 160 คน จาก 26 ประเทศ จะมาแขง่ ขนั กนั ในครงั้ น้ี ซง่ึ จดั ขน้ึ โดย สภาโอลมิ ปิกเอเชยี Olympic Council of Asia (OCA) คณะกรรมการจดั การแขง่ ขนั บางกอกเอเซ่ยี นเกมส์ Bangkok Asian Games Organizing Committee(BAGOC) สหพนั ธค์ าราเตโ้ ลก (WKF) สมาคมสหพนั ธค์ าราเตโ้ ดแห่ง Asian Union of Karatedo Organization (AUKO) ปจั จุบนั คอื Asian Karate Federation (AKF) และสมาคมสหพนั ธค์ าราเต้-โดแหง่ ประเทศไทย ( TKF) ปจั จุบนั คอื สมาคมคาราเตแ้ หง่ ประเทศไทย Thailand Karate Federation (TKF) สหพนั ธค์ าราเตโ้ ลก มกี ารสอนในหลกั การสอนหลกั อยู่สแ่ี บบหรอื 4 สานกั คอื 1. Goju-ryu 3. Shito-ryu 2. Shotokan 4. Wado-ryu สาหรบั ในประเทศไทย การสอนแบบ Goju-ryu เป็นสานกั แรกทเ่ี ขา้ มาสอนโดยมผี เู้ รยี น และ ฝึกซ้อมมาก ทส่ี ุดในปจั จุบนั เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากุล 7
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 การแข่งขนั คาราเต้ในประเทศ แบง่ เป็น 2 ระดบั 1. ระดบั เยาวชน 2. ระดบั ประชาชน การจดั แขง่ ขนั ในรายการต่างๆ มดี งั น้ี 1. กฬี าแห่งชาติ 2. กฬี าเยาวชนแหง่ ชาติ 3. กฬี านกั เรยี นแห่งประเทศไทย 4. กฬี ามหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย 5. กฬี าสถาบนั พลศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย 6. การแขง่ ขนั คาราเตโ้ ด ประเภททมี ชงิ ชนะเลศิ แห่งประเทศไทย 7. การแขง่ ขนั คาราเตโ้ ดชงิ ชนะเลศิ สานกั ประจาปี 8. การแขง่ ขนั คาราเตโ้ ดชงิ ชนะเลศิ แห่งประเทศไทย การแขง่ ขนั คาราเตใ้ นต่างประเทศ 1. World Karate Senior Championships 2. World Karate Junior & Cadet Championships 3. World Games / Karate 1 / Premier League 4. Sport Accord combat Games 5. Asian Games 6. Asian Martial Arts Games 7. AKF Senior Championships (Asian Karate Federation) 8. AKF Junior & Cadet Karatedo championships (Asian Karate Federation) 9. SEA Games 10. SEAKF Karatedo championships (South East Asian Karate Federation) 11. Asean University Games 12. Karatedo Open Championship เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 8
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 เพลงมวยหรอื ท่ารา (Kata) คาตะหรือกาต้า (Kata) มคี วามหมายวา่ ทา่ ราหรอื เพลงมวย ในการฝึกฝน ท่าพน้ื ฐานหรอื คฮิ อง (Kihon) นนั้ เราสามารถเปรยี บเทยี บไดก้ บั ตวั โน้ตดนตรที อ่ี ยู่อย่างโดดเดย่ี วและทา่ ราหรอื เพลงมวยเป็นการ เรยี บเรยี งเชอ่ื มโยงประสานตวั โน้ตดนตรแี ต่ละตวั ขน้ึ มาเป็นท่าราหรอื เพลงมวย หรอื การนาท่าพน้ื ฐานแบบ ตา่ งๆ มาประกอบกนั เพอ่ื แสดงเป็น 1. กระบวนทา่ (Form) 2. จงั หวะ (Timing) 3. ความรวดเรว็ (Speed) 4. ความสมดลุ (Balance) 5. พลงั (Strength) เป็นการนาท่าพน้ื ฐานมาประยกุ ตใ์ ชแ้ ละเป็นการฝึกฝนในชนั้ ทส่ี งู ขน้ึ การฝึกทา่ ราหรอื เพลงมวยไดน้ นั้ จงึ จาเป็นตอ้ งผา่ นการฝึกฝนท่าพน้ื ฐานเสยี ก่อน มฉิ ะนนั้ จะไม่สามารถเขา้ ใจความหมายหรอื ปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ย่าง ถกู ตอ้ งครบถว้ น การฝึกฝนราเพลงมวย สามารถฝึกฝนเพยี งลาพงั กไ็ ด้ โดยจะใชจ้ นิ ตนาการของผฝู้ ึกวา่ มคี ูต่ อ่ สูจ้ รงิ โดยนาเอาท่าทางตา่ งๆ ในการจโู่ จมและป้องกนั โดยใชอ้ าวธุ ทกุ อยา่ งของรา่ งกาย ทงั้ หมดั เทา้ เขา่ ศอก ทงั้ การปิดป้อง ตอ่ ย เตะ ฟาด ทม่ิ แทง ฟนั หกั ลอ็ ก จบั ทมุ่ เคล่อื นไหวทส่ี อดคลอ้ งสอดประสานกนั ทม่ี ี การรุกและการรบั ซง่ึ เป็นการผสมผสานอย่างคลอ่ งแคลว่ และลงตวั สามารถใชจ้ รงิ ได้ นามาประยกุ ตเ์ ป็น ท่าราโดยมตี งั้ แต่ทา่ ขนั้ พน้ื ฐานจนมาถงึ ท่าขนั้ สูง รวมถงึ การฝึกหายใจ สมาธิ หรอื การเดนิ ลมปราณ หรอื กาลงั ภายใน และกาลงั ภายนอกดว้ ย จงึ ไม่ใชเ่ ป็นการง่ายทจ่ี ะฝึก ใหม้ คี วามแขง็ แรงและสมบูรณ์ได้ จงึ ตอ้ ง ใชเ้ วลาฝึกฝนมากพอสมควร สาหรบั เพลงมวย ตงั้ แต่อดตี มา ปรมาจารยแ์ ละอาจารยส์ านกั ตา่ งๆ กต็ า่ งคดิ คน้ คน้ ควา้ วจิ ยั เป็น เวลานาน จากการฝึกฝนและประสบการณ์การตอ่ สูจ้ รงิ จนมาเป็นเพลงมวยของตนเองขน้ึ โดยทพ่ี ฒั นาหรอื ประยุกตม์ าจากการป้องกนั ตวั และใหเ้ ป็นแบบเฉพาะประจาสานกั นนั้ ๆ เพ่อื ใหล้ กู ศษิ ยไ์ ดจ้ ดจาและเป็น เอกลกั ษณ์ของโรงเรยี นนนั้ ๆ เน่อื งจากมหี ลายสานกั จงึ มเี พลงมวยมากมายหลายท่าและบางสานกั ก็ พฒั นาจากสานกั ดงั้ เดมิ ซ่งึ ตนไดเ้ คยร่าเรยี นมา จากหลายทแ่ี ละจนถงึ ปจั จุบนั กย็ งั มกี ารคดิ คน้ เพลงมวย ออกมาอยู่ ตอ่ มาเมอ่ื มกี ารรวมตวั ก่อตงั้ ขน้ึ เป็นสหพนั ธ์ จงึ มกี ารทาขอ้ ตกลง และไดน้ าเพลงมวยเหล่าน้ี มา ใชใ้ นการแขง่ ขนั ดว้ ย โดยเพลงมวยทใ่ี ชแ้ ขง่ ขนั ในระดบั สากลมอี ยู่ 4 สานกั ใหญ่ ไดแ้ ก่ โกจูรวิ (GOJU-RYU) โชโตกนั (SHOTOKAN) ชโิ ตรวิ (SHITO-RYU) วาโดรวิ (WADO-RYU) เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 9
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 จงึ กล่าวไดว้ า่ การราเพลงมวยนนั้ เป็นทงั้ ศาสตรแ์ ละศลิ ปและความเป็นเอกลกั ษณ์ของสานกั และตวั ผแู้ สดงหรอื ผฝู้ ึกเองอยา่ งชดั เจนมากทส่ี ุด เพราะสงิ่ ทแ่ี สดงออกมา สามารถบ่งบอกถงึ ศกั ยภาพของผฝู้ ึก และประสทิ ธภิ าพในการใชร้ ่างกาย หรอื การออกพลงั สมาธิ จติ ใจ ไดค้ รบถว้ น เตม็ ทห่ี รอื ไม่ และถา้ ผฝู้ ึก สามารถทาเพลงมวย ไดด้ ี การตอ่ สูก้ จ็ ะดตี ามไปดว้ ยเชน่ กนั การแสดงหรอื การฝึกเพลงมวยไมใ่ ชก่ ารเตน้ ราหรอื การแสดงละคร ดงั นนั้ จะตอ้ งยดึ มนั่ ในคุณคา่ ของเกา่ และหลกั การดงั้ เดมิ ไว้ จะตอ้ งจรงิ จงั เหมอื นในการตอ่ สูจ้ รงิ และแสดงสมาธิ , พลงั , และ ประสทิ ธภิ าพในการปะทะในเทคนิคของมนั และจะตอ้ งแสดงความแขง็ แกร่ง , พลงั , และความเรว็ เชน่ เดยี วกบั ทว่ งท่าลลี าทส่ี วยงาม, จงั หวะ, และการทรงตวั การแสดงเพลงมวย จะตอ้ งแสดงดว้ ยความสมบรู ณ์ และตอ้ งแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเขา้ ใจใน ความหมายของแต่ละทา่ ในการประเมนิ ความ สามารถของผรู้ าทา่ ราหรอื เพลงมวยนนั้ 1. ท่าตามความเป็นจรงิ ตามความหมายของเพลงมวย 2. ความเขา้ ใจในเทคนิคทน่ี ามาใช้ 3. ความเหมาะสมของเวลา จงั หวะ ความเรว็ การทรงตวั และการรวมพลงั 4. ความถกู ตอ้ งและการใชล้ มหายใจอยา่ งเหมาะสมเพอ่ื ชว่ ยในการรวมพลงั 5. ความถกู ตอ้ งในการรวบรวมความตงั้ ใจ และสมาธิ 6. ความถกู ตอ้ งของทา่ ยนื ดว้ ยขาทเ่ี กรง็ อย่างเหมาะสมและเทา้ แบนเรยี บทพ่ี น้ื 7. ทอ้ งทเ่ี กรง็ อย่างเหมาะสมและไมม่ กี ารกระดกขน้ึ ลงของสะโพกเวลาเคลอ่ื นตวั 8. รูปแบบทถ่ี ูกตอ้ งของท่าทางทแ่ี สดงในท่าพน้ื ฐาน เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 10
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 การต่อสู้ (Kumite) คมู ิเต้ (Kumite) มคี วามหมายวา่ การตอ่ สู้ หรอื เรยี กกนั วา่ Free sparing เป็นการตอ่ สูโ้ ดยใชท้ า่ ตา่ งๆ เชน่ การต่อย การเตะ การฟาด การทุม่ ลม้ หรอื ทาใหค้ ู่ต่อสูเ้ สยี หลกั เป็นตวั ทาคะแนน การต่อสูเ้ ป็น การนาสง่ิ ทไ่ี ดฝ้ ึกฝนมาใชไ้ ม่วา่ จะเป็น ท่าพน้ื ฐาน หรอื เพลงมวย โดยในการฝึกฝนการตอ่ สูเ้ บอ้ื งตน้ จะเป็น การฝึกฝนในท่าทม่ี กี ารกาหนดไว้ (Yakusoku kumite) เพอ่ี ฝึกฝนการตอบโตก้ บั อกี ฝา่ ยหน่ึง เพอ่ื พฒั นา ประสาทสมั ผสั ของรา่ งกายใหว้ อ่ งไวขน้ึ เพราะการตดั สนิ ใจในการรกุ หรอื รบั เป็นสงิ่ ทต่ี อ้ งเกดิ ขน้ึ ในพรบิ ตา ก่อนทจ่ี ะเป็นการฝึกฝนการตอ่ สูใ้ นระดบั สูงคอื การตอ่ สูอ้ สิ ระ(Free sparing)หรอื จยิ คู มู เิ ต(้ Jiyu kumite) ในสมยั กอ่ นการตอ่ สู้ จะเป็นการฝึกตอ่ สูจ้ รงิ แบบป้องกนั ตวั ซ่งึ มจี ุดประสงคเ์ พอ่ื นาไปใชใ้ นการ ต่อสูด้ ว้ ยมอื เปลา่ และอาจจะรุนแรงถงึ ชวี ติ ได้ ซง่ึ ในยุคแรกทม่ี กี ารประลองยทุ ธก์ นั ระหวา่ งสานกั ต่างๆ หรอื จอมยุทธต์ า่ งๆ เพ่อื แลกเปลย่ี นวชิ าความรหู้ รอื เทคนิคซง่ึ กนั และกนั ทาใหผ้ ปู้ ระลองไดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั พกิ าร หรอื อาจถงึ แกช่ วี ติ จนปจั จุบนั ไดม้ กี ารพฒั นาปรบั มาเป็นกฬี า ไดม้ กี ารจดั แขง่ ขนั การประลองกนั ขน้ึ ในกฎ กตกิ าและขอ้ หา้ มทเ่ี ป็นอนั ตรายและเครอ่ื งป้องกนั ตา่ งๆ ขน้ึ เรยี กวา่ ชไิ อคูมเิ ต(้ Shiai Kumite) เทคนิคการจู่โจมของคาราเตด้ งั้ เดมิ มคี วามรุนแรงสงู ซ่งึ อาจทาใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ หรอื ถงึ ตายได้ ดงั นนั้ ในการแขง่ คาราเตเ้ พ่อื การกฬี า , จงึ มกี ารหา้ มนาการจ่โู จมซ่งึ อนั ตรายมาใช้ และเทคนิคทงั้ หมด จะตอ้ งมกี ารควบคมุ บางส่วนของร่างกาย ใหส้ ามารถรบั แรงกระแทกไดด้ พี อสมควร เชน่ หน้าทอ้ ง แต่ บรเิ วณ ศรี ษะ ใบหน้า ลาคอ ขาหนีบ และขอ้ ตอ่ ต่างๆ หรอื จุดทอ่ี อ่ นไหวของรา่ ยกาย ฉะนนั้ การจู่โจมท่ี ตงั้ ใจซ่งึ กอ่ ใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ อาจถกู ปรบั โทษ ยกเวน้ เกดิ ขน้ึ จาก ผถู้ กู กระทาเอง ผแู้ ขง่ ขนั ตอ้ งจ่โู จมดว้ ย การควบคุมทด่ี ี และทา่ ทางทด่ี ี มฉิ ะนนั้ อาจถกู ปรบั โทษได้ เพอ่ื ความปลอดภยั แก่ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั จงึ เป็นทท่ี กุ คนยอมรบั และเป็นทน่ี ิยมกนั ทวั่ ประเทศ จนถงึ ระดบั โลก และไดน้ าเขา้ สู่การแขง่ ขนั กฬี าระดบั นานาชาติ อาทิ ซเี กมส์ เอเชย่ี นเกมส์ และกาลงั ผลกั ดนั เขา้ สู่ โอลมิ ปิคเกมสใ์ นอนาคต โดยไดม้ กี ารกาหนดใหผ้ แู้ ขง่ ขนั สามารถโจมตสี ่วนตา่ งๆ ของคู่ต่อสูไ้ ดเ้ ฉพาะบรเิ วณดงั ต่อไปน้ี คอื ศรษี ะ หน้า คอ ทอ้ ง อก หลงั ขา้ งลาตวั รูปแบบการจดั การแข่งขนั ประเภทการแข่งขนั การแข่งขนั กีฬา คาราเต้โด แบ่งการแข่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1. การแขง่ ขนั ประเภทตอ่ สู้ (Kumite) 2. การแขง่ ขนั ประเภทท่ารา (Kata) เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 11
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 หลกั การให้คะแนน การแขง่ ขนั ต่อสู้ (Kumite) 1. Good Form : การจูโ่ จมดว้ ยท่าทางทด่ี ี 2. Sporting Attitude : ทศั นคตทิ างกฬี า 3. Vigorous Application : การใชพ้ ลงั และความเรว็ 4. Awareness (Zanshin) : การระวงั การจู่โจมกลบั จงั หวะการจโู่ จม 5. Good Timing : 6. Correct Distance : ระยะของการจูโ่ จม การแข่งขนั ท่ารา (Kata) o ทา่ ตามความเป็นจรงิ ตามความหมายของท่าราและความเขา้ ใจในเทคนคิ ทน่ี ามาใช้ o ความเหมาะสมของเวลา, จงั หวะ, ความเรว็ , การทรงตวั และการรวมพลงั o ความถกู ตอ้ งและการใชล้ มหายใจอย่างเหมาะสมเพอ่ื ชว่ ยในการรวมพลงั o ความถูกตอ้ งในการรวบรวมความตงั้ ใจและสมาธิ o ความถกู ตอ้ งของท่ายนื ดว้ ยขาทเ่ี กรง็ อยา่ งเหมาะสมและเทา้ แบนเรยี บทพ่ี น้ื o ทอ้ งทเ่ี กรง็ อย่างเหมาะสมและไมม่ กี ารกระดกขน้ึ ลงของสะโพกเวลาเคลอ่ื นตวั o รปู แบบทถ่ี กู ตอ้ งของทา่ ทางทแ่ี สดง o การแสดงทา่ ทางจะถูกประเมนิ ดว้ ยการวเิ คราะหจ์ ุดอ่นื ๆ ดว้ ย เชน่ ระดบั ความยากของทา่ o ในการแขง่ ขนั ทา่ ราแบบทมี จะดคู วามกลมกลนื และพรอ้ มเพรยี งกนั โดยไม่ใชก้ ารบอกใบ้ จากการใชท้ ่าทางภายนอกมาเป็นปจั จยั ในการตดั สนิ ดว้ ย การใหค้ ะแนนสามารถใหไ้ ดต้ ามระดบั ต่อไปน้ี : อปิ โป้ง (Ippon) 3 คะแนน วาซาอาริ (Waza-ari) 2 คะแนน ยูโค (Yuko) 1 คะแนน 1. การใหค้ ะแนน อปิ โป้ง (Ippon) หรอื 3 คะแนน เกดิ จากการทน่ี กั กฬี า 1.1 เตะสงู (Jodan Kick) บรเิ วณใบหน้าหรอื ศรี ษะ 1.2 กวาดขาหรอื ทมุ่ เหวย่ี งคตู่ ่อสูล้ ม้ ลง และตามดว้ ยการจโู่ จมทบ่ี รเิ วณใบหน้า , ศรี ษะหรอื ระดบั ลาตวั ดว้ ยการต่อย, การเตะ ในเวลาประมาณ 2 วนิ าที หลงั จากการท่มุ หรอื กวาดขา เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 12
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 2. การใหค้ ะแนน วาซาอาริ (Waza-ari) หรอื 2 คะแนนเกดิ จากการทน่ี กั กฬี า 2.1 การเตะระดบั ลาตวั (Chudan Kick) 2.2 ชกดา้ นหลงั ของคตู่ ่อสู้ 2.3 ใชเ้ ทคนคิ การตอ่ สูด้ ว้ ยมอื เป็นชดุ ซ่งึ แต่ละเทคนิคสามารถทาคะแนนได้ 2.4 ทาใหค้ ูต่ อ่ สูเ้ สยี หลกั แลว้ จงึ ทาตามดว้ ยการจ่โู จมทบ่ี รเิ วณใบหน้า , ศรี ษะหรอื ระดบั ลาตวั ดว้ ยการตอ่ ย, การเตะ 3. การใหค้ ะแนน ยโู ค (Yuko) หรอื 1 คะแนนเกดิ จากการทน่ี กั กฬี า 3.1 ใชก้ ารต่อยระดบั ลาตวั (Chudan Punch) หรอื ตอ่ ยระดบั สูง( Jodan Punch) 3.2 ใชห้ ลงั มอื (Uchi) ฟาดตามดว้ ยการจ่โู จมทบ่ี รเิ วณใบหน้า, ศรี ษะ ลกั ษณะการทาคะแนนที่ถกู ต้อง เมื่อมีการจ่โู จมมีคณุ สมบตั ิ ดงั นี้ 1. การจ่โู จมดว้ ยท่าทางทด่ี ี (Good Form) หมายถงึ การจูโ่ จมทม่ี ลี กั ษณะตรงตามบรรทดั ฐานของ คาราเตด้ งั้ เดมิ (ท่าพน้ื ฐานของคาราเต้) 2. ทศั นคตทิ างกฬี า (Sport Attitude) หมายถงึ การจู่โจมดว้ ยทา่ ทางทด่ี ี และไม่มคี วามตงั้ ใจท่ี จะ ปองรา้ ยหรอื มุ่งรา้ ย ตอ่ คู่ตอ่ สูใ้ นขณะทใ่ี ชเ้ ทคนคิ จโู่ จมทาคะแนน 3. การใชพ้ ลงั และความเรว็ (Vigorous Application) หมายถงึ การแสดงใหเ้ หน็ ถงึ พลงั และ ความเรว็ ในการใชเ้ ทคนิคจูโ่ จมและแสดงความตงั้ ใจอย่างมุ่งมนั่ ทต่ี อ้ งการใหก้ ารจ่โู จมสาเรจ็ ดว้ ยพลงั ท่ี สงู สุดและเรว็ ทส่ี ดุ ณ ชว่ งเวลานนั้ 4. การระวงั การจูโ่ จมกลบั (Awareness/Zanshin) เป็นบรรทดั ฐานหน่งึ ทไ่ี มค่ อ่ ย ไดน้ ามา ประกอบการใหค้ ะแนน ซ่งึ จะเป็นสภาวะตอ่ เน่อื งจากการโจมตี โดยทน่ี กั กฬี าตอ้ งรกั ษาระดบั สมาธกิ าร สงั เกต ค่ตู อ่ สู้ และการระวงั ความเป็นไปไดข้ องการถูกโจมตกี ลบั จากคูต่ ่อสูข้ ณะทต่ี นเองเขา้ ทาการจูโ่ จม เชน่ ไมห่ นั หน้าหนีจากค่ตู ่อสู้ ขณะทท่ี าการจโู่ จมคู่ตอ่ สู้ 5. จงั หวะการจูโ่ จม (Good Timing) หมายถงึ ไดท้ าการจู่โจมคูต่ อ่ สู้ ณ ชว่ งเวลาทม่ี โี อกาสมาก ทส่ี ดุ หรอื เป็นจงั หวะทด่ี ที ส่ี ดุ ณ ชว่ งเวลานนั้ 6. ระยะการจูโ่ จม (Correct Distance) หมายถงึ การจ่โู จมคู่ต่อสูใ้ นระยะทเ่ี หมาะสม ทาใหก้ ารจู่ โจม มปี ระสทิ ธผิ ลสูงสดุ หากทาการจโู่ จมขณะคตู่ ่อสูก้ าลงั ถอยหลงั อยา่ งเรว็ นนั้ ผลการจู่โจมกจ็ ะลดลง 7. ระยะหยุด (Distancing) หมายถงึ เม่อื สน้ิ สุดการจู่โจมอวยั วะทใ่ี ชใ้ นการจโู่ จม เชน่ การเตะหรอื ชกใบหน้า ควรหยุดลงเม่อื สมั ผสั ผวิ เป้าหมาย หรอื อาจมรี ะยะหา่ งประมาณ 2-3 เซนตเิ มตรจากเป้าหมาย แต่หากเป็น การตอ่ ย (Jodan Punch) หรอื ตอ่ ยทใ่ี บหน้า ซง่ึ มรี ะยะการหยุดทเ่ี หมาะสมและคตู่ ่อสูไ้ ม่ได้ แสดงถงึ ความพยายามทจ่ี ะปดั หรอื หยุด หรอื หลบหลกี ใดๆ ทงั้ น้ีการจู่โจมตอ้ งไดม้ าตรฐานการจู่โจมในขอ้ อน่ื ดว้ ย เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 13
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 อปุ กรณ์ทตี่ ้องใช้ในการแข่งขนั - สนามแข่งขัน ขนาดมาตรฐาน 12x12 เมตร - อุปกรณ์สาหรับนักกีฬา ชุดคาราเต้ นวมแขง่ ขนั สีแดง สีน้าเงนิ สนบั แขง้ และหลงั เทา้ สีแดง สีน้าเงิน เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 14
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 สายแข่งขนั สีแดง สีน้างนิ ฟันยาง กระจบั สาหรับ ผู้หญงิ และระดบั เยาวชน เกราะกนั กระแทกหนา้ อกสาหรบั รุ่นผหู้ ญงิ เกราะป้ องกนั ลาตวั สาหรับรุ่นเยาวชน หนา้ กากป้ องกนั ใบหนา้ สาหรับรุ่นเยาวชน เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากุล 15
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ในการแขง่ ขนั บนพ้นื ที่สนาม จะมี กรรมการตดั สินท้งั หมด 5 คน ประกอบดว้ ย 1. กรรมการช้ีขาด (Referee) 1 คน 2. กรรมการผชู้ ่วย (Judge) 4 คน ดา้ นขา้ งของสนามจะเป็นโตะ๊ เจา้ หนา้ ที่ ซ่ึงเจา้ หนา้ ที่ 1 สนามประกอบดว้ ย ผจู้ ดั การสนาม (Tatami Manager) กรรมการเทคนิค (Arbitrator) หวั หนา้ ผคู้ วบคุมคะแนน (Score supervisors) เจา้ หนา้ ท่ีบนั ทกึ คะแนน (Record keepers) เจา้ หนา้ ท่จี บั เวลา (Timekeepers) โฆษก (Caller announcers) เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากุล 16
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 วธิ ีการจัดการแข่งขนั 1. การแข่งขนั คาราเต้ ประกอบดว้ ยการแขง่ ขนั 2 ประเภท คอื การแข่งขนั แบบต่อสู้ Kumite และหรือ การแขง่ ขนั แบบท่ารา Kata สาหรับการแขง่ ขนั แบบต่อสู้ Kumite สามารถแบง่ เป็ นประเภททมี หรือประเภท บุคคล ซ่ึงประเภทบุคคลอาจ จาแนกตามพกิ ดั น้าหนกั หรือเป็ นการแข่งขนั แบบไม่จากดั น้าหนกั ก็ได้ และในแต่ ละพกิ ดั น้าหนกั ก็จะแบง่ ออกคู่ 2. ผแู้ ขง่ ขนั ไม่สามารถเปล่ียนตวั หรือแทนที่กนั ในการแข่งขนั ประเภทบคุ คลได้ 3. ผแู้ ขง่ ขนั หรือทีมทไ่ี ม่แสดงตนเมื่อถูกประกาศช่ือใหถ้ ือวา่ ผแู้ ข่งขนั หรือทมี น้นั สละสิทธิ (Kiken) จากการแข่งขนั 4. การแขง่ ขนั ประเภททีม ทีมชายประกอบดว้ ยสมาชิก 7 คน ลงแข่งเพยี ง 5 คนในแต่ละรอบ ทีมหญงิ ประกอบดว้ ยสมาชิก 4 คน ลงแขง่ เพยี ง 3 คนในแตล่ ะรอบ 5. ผแู้ ข่งขนั ทกุ คนคอื สมาชิกท้งั หมดของทมี โดยไม่มีการกาหนดตวั สารอง 6. ก่อนการแข่งขนั ประเภททีม ตวั แทนของแต่ละทมี จะตอ้ งส่งรายช่ือสมาชิกในทมี พร้อมท้งั ลาดบั การต่อสูข้ อง แตล่ ะคน ซ่ึงในแต่ละรอบการแข่งขนั น้นั ผแู้ ขง่ ขนั สามารถเปล่ียนลาดบั การต่อสูไ้ ด้ แตห่ ลงั จากท่ี ไดร้ ายงาน และเสนอช่ือของการแข่งขนั รอบน้นั ต่อเจา้ หนา้ ทีแ่ ลว้ จะไม่มีการเปลี่ยนลาดบั การตอ่ สูอ้ ีก 7. ทีมใดทีผ่ แู้ ข่งขนั หรือผฝู้ ึกสอนเปลี่ยนลาดบั หรือช่ือผเู้ ขา้ แขง่ โดยพลการ โดยไม่มีการเขยี นยน่ื คา ร้องก่อนการแข่งขนั รอบน้นั ทมี น้นั จะถูก ตดั สิทธ์ิออกจากการแขง่ ขนั คาอธิบายเพิ่มเติม 1. “หน่ึงรอบของการแขง่ ” คือข้นั ของการแยกการแข่งประเภทหน่ึง เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ชู้ นะในการแข่งแบบ คดั ออก โดยหน่ึงรอบจะลดจานวนผแู้ ข่งใหเ้ หลือเพยี งคร่ึงเดียว ซ่ึงจะนบั รวมผไู้ ม่เขา้ แขง่ ดว้ ย(กรณีสละสิทธ์ิ การแข่ง) ในความหมายน้ีจะใชก้ บั การแขง่ แบบคดั ออกรอบแรก(Repechage) ส่วนในการแขง่ แบบพบกนั หมด (Matrix or Round Robin) หน่ึงรอบหมายถึงการทผี่ แู้ ข่งทกุ คนไดม้ ีโอกาสลงสูห้ น่ึงคร้งั 2. การใชช้ ่ือจริงของผแู้ ขง่ ขนั อาจไม่สะดวกและเป็ นอุปสรรคในการเรียกขาน ดงั น้นั ควรใชห้ มายเลข ประจาตวั แก่ ผแู้ ขง่ ขนั เพอ่ื ใชแ้ ทนการเรียกช่ือนามสกุลจริงของผแู้ ข่งขนั 3. เฉพาะผแู้ ข่งขนั ทจ่ี ะลงแข่งเท่าน้นั ท่ีจะมายนื เขา้ แถวก่อนการแขง่ ขนั สมาชิกในทีมทา่ นอื่นรวมท้งั โคช้ จะตอ้ งนง่ั อยใู่ นบริเวณทีก่ าหนดใหเ้ ทา่ น้นั 4. ทมี ชายตอ้ งมีสมาชิกอยา่ งนอ้ ย 3 คนและทีมหญิงตอ้ งมีสมาชิกอยา่ งนอ้ ย 2 คน หากนอ้ ยกวา่ ทมี จะ ถูกตดั สิทธ์ิออกจากการแข่งขนั (Kiken) 5. ผฝู้ ึกสอน/โคช้ หรือผแู้ ข่งท่ไี ดร้ บั การแต่งต้งั จากทีม จะตอ้ งยน่ื แบบฟอร์มลาดบั ของ ผแู้ ข่งขนั ถา้ โคช้ เป็ นผยู้ น่ื แบบฟอร์ม จะตอ้ งแสดงบตั รประจาตวั ดว้ ยไม่เช่นน้นั แบบที่ยน่ื จะถือเป็ นโมฆะ ในแบบฟอร์ม จะประกอบดว้ ยชื่อประเทศ หรือช่ือสโมสร สีของสายสาหรับการแขง่ ในรอบน้นั และลาดบั การต่อสูข้ องผู้ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 17
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 แขง่ ขนั พรอ้ มชื่อของผแู้ ข่งขนั และหมายเลขประจาตวั ผแู้ ขง่ ใหช้ ดั เจน พร้อมดว้ ยลายเซ็นของโคช้ หรือผทู้ ี่ ไดร้ ับการแตง่ ต้งั 6. ถา้ หากเกิดการผดิ พลาดในตารางการแขง่ หรือผแู้ ขง่ ลงแข่งผดิ ในรอบใดกต็ าม การแข่งขนั ในรอบ น้นั ถือเป็ นโมฆะ ดงั น้นั เพอ่ื หลีกเลี่ยงความผดิ พลาดดงั กล่าวในแต่ละรอบ ผชู้ นะควรตรวจสอบชยั ชนะทโี่ ตะ๊ ควบคุมก่อนออกจาก พ้นื ทแ่ี ขง่ ขนั พนื้ ท่ีสนามแข่ง 1. สนามแข่งจะตอ้ งเป็นพน้ื ท่เี รียบเพอ่ื หลีกเลี่ยงการบาดเจบ็ 2. สนามแข่งจะเป็ นรูปทรงส่ีเหล่ียมจตั ุรสั โดยมีตรา WKF รบั รอง มีขนาดความกวา้ งและยาว 8 x 8 เมตร เม่ือวดั จากดา้ นนอกของเสน้ สนาม และมีพ้นื ท่ปี ้ องกนั อนั ตรายอีกดา้ นละ 2 เมตร สนามแขง่ อาจจะยกให้ สูงจากพ้นื ราบไดไ้ ม่เกิน 1 เมตร รวมแลว้ สนามแขง่ จะมีขนาดเทา่ กบั 12 x 12 เมตร เพอื่ ความปลอดภยั ของผู้ แข่งขนั 3. ตเี สน้ ตาแหน่งของกรรมการผชู้ ้ีขาด(Referee) ขาดยาว 0.5 เมตร ห่างจากจุดศูนยก์ ลางของ สนามแขง่ 2 เมตร 4. ตเี สน้ ขนานสองเสน้ ยาว 1 เมตรสาหรับตาแหน่งของผแู้ ขง่ ขนั โดยเสน้ ท้งั สองอยทู่ างซา้ ยและขวา จากจุดศูนยก์ ลาง ของพ้นื ที่แขง่ ขนั เป็ นระยะ 1.5 เมตร และทามุมฉากกบั เสน้ ตาแหน่งของกรรมการผชู้ ้ีขาด 5. กรรมการผชู้ ่วย(Judges) ทุกคน จะนงั่ ในพ้นื ทท่ี ่ีปลอดภยั กรรมการผชู้ ่วยคนหน่ึงจะหนั เขา้ หา กรรมการผชู้ ้ีขาด และกรรมการผชู้ ่วยอีกสองคน จะนง่ั ดา้ นหลงั ผแู้ ข่งขนั แตล่ ะฝ่ ายประมาณ 1 เมตร หนั ไปทาง กรรมการผชู้ ้ีขาด โดยแต่ละคนจะมีธงแดงและน้าเงิน 6. กรรมการเทคนิค (Arbitrator)จะนง่ั อยดู่ า้ นหลงั นอกพน้ื ท่ีปลอดภยั เยอ้ื งไปทางซา้ ยของกรรมการผชู้ ้ี ขาด (Referee) โดยมีอุปกรณ์คือ ธงแดงหรือสญั ลกั ษณ์และนกหวดี 7. หวั หนา้ ผคู้ วบคุมเวลา(Score supervisor) จะนง่ั ท่โี ตะ๊ ควบคุมคะแนนอยรู่ ะหวา่ งผบู้ นั ทกึ คะแนน (Scorekeeper) และผรู้ ักษาเวลา(Timekeeper) 8. พ้นื ทปี่ ้ องกนั อนั ตราย 1 เมตร ที่อยดู่ า้ นนอกจะตอ้ งมีสีแตกต่างจากสนามแขง่ คาอธิบายเพิม่ เตมิ 1. หา้ มติดต้งั ป้ ายโฆษณา, เสา, หรือแผน่ กระดานภายในระยะ 1 เมตร ของสนามแขง่ 2. เบาะทใี่ ชป้ ูเป็นสนามแขง่ จะตอ้ งไดม้ าตรฐาน คือ ไม่ลื่น ดา้ นบนของเบาะตอ้ งมีผวิ ฝืดเล็กนอ้ ย เบาะ ตอ้ งไม่หนา เกินไป ซ่ึงจะไม่หนาเหมือนเบาะทีใ่ ชใ้ นการแข่งขนั ยโู ด และดา้ นล่างของเบาะตอ้ งเกาะติดกบั พน้ื เวที ตอ้ งอยกู่ บั ทไี่ ม่เคล่ือนไหวไปมาจนเกิดช่วงโหว่ ซ่ึงจะเป็ นอนั ตรายต่อผแู้ ขง่ ขนั ได้ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 18
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 เวลาในการแข่งขนั ต่อสู้ 1. ในการแข่ง Kumite การแข่งขนั ของฝ่ายชายไม่วา่ จะเป็ นการแขง่ ประเภททีมหรือบคุ คลใชเ้ วลา 3 นาที ส่วนการแขง่ ของผหู้ ญิง เยาวชน หรือผฝู้ ึกใหม่ใชเ้ วลา 2 นาที 2. เวลาในการแขง่ จะเริ่มตน้ ต่อเมื่อกรรมการผชู้ ้ีขาดใหส้ ญั ญาณเร่ิม และจะหยดุ การแขง่ ขนั เมื่อ กรรมการผชู้ ้ีขาดสงั่ วา่ Yame (หยดุ ) 3. ผรู้ กั ษาเวลาควรใหส้ ญั ญาณนกหวดี หรือกดออดทีเ่ สียงดงั ชดั เจน เพอ่ื บอกวา่ เหลือเวลาอีก 30 วนิ าที และ เม่ือหมดเวลาการแขง่ ขนั การเริ่ม การหยุดพัก และ การสิ้นสุดการแข่งขัน 1. การใชค้ าพดู และสญั ญาณของกรรมการผชู้ ้ีขาดและกรรมการผชู้ ่วยจะแสดงไวใ้ นภาคผนวกท่ี 1 และ 2 2. กรรมการผชู้ ้ีขาดและกรรมการผชู้ ่วยจะเขา้ ประจาตาแหน่งทีก่ าหนดไว้ และตามดว้ ยการโคง้ คานบั แลกเปล่ียน แก่กนั ของผแู้ ขง่ ขนั จากน้นั กรรมการผชู้ ้ีขาด จะประกาศวา่ Shobu Hajime เพอื่ เริ่มการแขง่ ขนั 3. กรรมการผชู้ ้ีขาดสามารถหยดุ การแข่งขนั โดยประกาศวา่ Y ame และถา้ จาเป็นกรรมการ ผชู้ ้ีขาดจะ สง่ั ใหผ้ แู้ ข่งขนั ท้งั สอง กลบั เขา้ ประจาตาแหน่งเดิม(Moto No Ichi) 4. เม่ือกรรมการผชู้ ้ีขาดกลบั เขา้ ไปยนื ที่ตาแหน่งของตน กรรมการผชู้ ่วยจะใหค้ วามเห็นโดยการใช้ สญั ญาณธง ถา้ มีการใหค้ ะแนน กรรมการผชู้ ้ีขาดจะประกาศผลการตดั สินโดยใชส้ ญั ญาณมือ บ่งบอกฝ่ ายที่ได้ คะแนน (Aka หรือ Ao) ตาแหน่งท่ถี ูกจู่โจม (Chudan หรือ Jodan) เทคนิคที่ทาใหไ้ ดค้ ะแนน (Tsuki, Uchi หรือ Keri) แลว้ กรรมการผชู้ ้ีขาดจะใหค้ ะแนน โดยใชท้ า่ ทางตามท่ีไดอ้ ธิบายไว้ หลงั จากน้นั กรรมการผชู้ ้ีขาด สามารถเริ่มการแข่งขนั อีกคร้งั โดยประกาศวา่ Tsuzukete Hajimei 5. เม่ือผแู้ ข่งขนั ท่านใดท่านหน่ึงไดค้ ะแนนนาคู่แขง่ เกิน 8 แตม้ ในรอบน้นั กรรมการผชู้ ้ีขาด จะ ประกาศ Yame เพอื่ ใหผ้ แู้ ขง่ ขนั ท้งั สอง กลบั ไปประจาตาแหน่งเร่ิมตน้ หลงั จากน้นั กรรมการ ผชู้ ้ีขาดจะ ประกาศผชู้ นะ โดยการยกมือทางดา้ นผชู้ นะข้ึน และประกาศวา่ Ao (Aka) No Kachi แลว้ การแขง่ ขนั กจ็ ะ สิ้นสุดลง 6. เมื่อเวลาการแข่งขนั ไดส้ ิ้นสุดลง ผแู้ ขง่ ขนั ที่ไดค้ ะแนนมากกวา่ จะถูกประกาศวา่ เป็ นผชู้ นะ กรรมการผชู้ ้ีขาดจะ ประกาศ โดยยกมือทางดา้ นผชู้ นะข้นึ และประกาศวา่ “Ao (AKA) No Kachi” แลว้ การ แข่งขนั ก็จะส้ินสุดลง 7. เมื่อเวลาการแขง่ ขนั ไดส้ ้ินสุดลง แต่คะแนนของผแู้ ขง่ ขนั ท้งั สองเสมอกนั หรือไม่มีใครไดค้ ะแนน กรรมการผชู้ ้ีขาด จะประกาศ Yame เพอ่ื ใหท้ ุกคนกลบั ไปประจาตาแหน่งเร่ิมตน้ พร้อมประกาศผลการแข่งขนั วา่ เสมอ Hikiwake แลว้ เริ่มการแขง่ ขนั ใหม่ Sai-shiai ภายในเวลา 1 นาที 8. กรรมการผชู้ ่วยและกรรมการผชู้ ้ีขาดมีคนละ 1 เสียงในการ H antei ยกเวน้ ถา้ ยงั ตดั สินผลไม่ไดห้ ลงั Encho-sen แลว้ กรรมการผชู้ ้ีขาดจะเป็ นผตู้ ดั สินเพยี งคนเดียวเพอื่ เป็ นการยตุ กิ ารแข่งขนั ทีอ่ าจจะเสมอกนั อีก เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 19
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 9. กรรมการผชู้ ้ีขาดจะประกาศ Yame หยดุ การแขง่ ขนั ชว่ั คราว เม่ือมีกรณีดงั ตอ่ ไปน้ีเกิดข้ึน 9.1 เม่ือผแู้ ข่งขนั ทา่ นใดท่านหน่ึง หรือท้งั คู่ออกนอกพน้ื ทแ่ี ข่งขนั 9.2 เม่ือกรรมการผชู้ ้ีขาดตอ้ งการสงั่ ใหผ้ แู้ ข่งขนั ท่านใดทา่ นหน่ึงจดั ชุดแขง่ หรืออุปกรณ์ ในการ ป้ องกนั ตวั ใหเ้ รียบรอ้ ย 9.3 เมื่อกรรมการผชู้ ้ีขาด เห็นวา่ ผแู้ ขง่ ขนั ท่านใดท่านหน่ึงไดก้ ระทาผดิ กติกาการแขง่ ขนั 9.4 เม่ือกรรมการผชู้ ้ีขาดเห็นวา่ ผแู้ ขง่ ขนั ท่านใดทา่ นหน่ึงหรือท้งั คู่ ไม่สามารถทจ่ี ะทาการ แขง่ ขนั ตอ่ ไปได้ เน่ืองจากไดร้ ับบาดเจบ็ ป่ วยหรือดว้ ยสาเหตุอื่น หลงั จากถามความเห็นจาก แพทยส์ นาม กรรมการผชู้ ้ีขาดจะเป็ นผตู้ ดั สินวา่ ผแู้ ข่งขนั ดงั กล่าวสามารถทาการแข่งขนั ต่อไปไดห้ รือไม่ 9.5 เม่ือผแู้ ขง่ เขา้ จบั คูต่ อ่ สูแ้ ตไ่ ม่ไดใ้ ชเ้ ทคนิคอื่นเพอื่ ทาการตอ่ สู้ จู่โจมหรือทมุ่ ภายใน 2-3 วนิ าที 9.6 เม่ือผแู้ ข่งขนั ทา่ นใดทา่ นหน่ึง หรือท้งั คู่ถูกทมุ่ หรือลม้ ลงและไม่มีการใชเ้ ทคนิคการตอ่ สู้ ภายใน 2-3 วนิ าที 9.7 เมื่อเทา้ ของผแู้ ขง่ ขนั ท้งั คูไ่ ม่แตะพน้ื จากการลม้ ลงหรือพยายามท่มุ และเริ่มมีการปลุกปล้ากนั 9.8 เมื่อมีการทาคะแนน 9.9 เมื่อกรรมการผชู้ ่วย 3 ท่านใหส้ ญั ญาณเหมือนกนั หรือใหค้ ะแนนผแู้ ขง่ ขนั ฝ่ ายเดียวกนั 9.10 เม่ือมีการขอรอ้ งโดยผคู้ วบคุมพน้ื ท่กี ารแขง่ ขนั คาอธิบายเพิม่ เตมิ 1. เมื่อเริ่มการแข่งขนั กรรมการผชู้ ้ีขาดจะเรียกผแู้ ขง่ ขนั ท้งั สองเขา้ ประจาตาแหน่งเร่ิมตน้ ถา้ ผแู้ ขง่ ขนั เขา้ มา ภายในพน้ื ท่แี ขง่ ขนั ก่อนเวลาเริ่ม จะถูกเชิญใหอ้ อกนอกพน้ื ที่ ผแู้ ขง่ ขนั จะโคง้ ใหก้ นั และกนั เพอ่ื แสดง ความเคารพ (การผงกหวั นิดหน่อยๆเป็นการไม่สุภาพและไม่เหมาะสมอยา่ งยงิ่ ) กรรมการผชู้ ้ีขาด สามารถเรียก ใหผ้ แู้ ขง่ ขนั ท้งั สองแสดงความเคารพซ่ึงกนั และกนั โดยการใชส้ ญั ญาณมือดงั ทีแ่ สดงในภาคผนวกท่ี 2 เมื่อไม่ มีการเคารพกนั 2. ก่อนที่กรรมการผชู้ ้ีขาดประกาศเร่ิมการแขง่ ขนั ใหม่อีกคร้ัง กรรมการผชู้ ้ีขาดตอ้ งตรวจดูวา่ ผแู้ ข่งขนั ท้งั สอง กลบั ไปประจาตาแหน่งทีเ่ สน้ ของตนเรียบร้อยหรือไม่ ผแู้ ขง่ ขนั ท่ีเคล่ือนไหวไปมาจะตอ้ งถูกสง่ั ใหอ้ ยู่ น่ิงๆ และอยใู่ นทา่ พรอ้ มทจี่ ะทาการแขง่ ขนั ใหม่ โดยกรรมการผชู้ ้ีขาดจะพยายามเริ่มการแขง่ ขนั โดยเร็ว เพอื่ ทจี่ ะหลีกเล่ียงการเสียเวลาในการแขง่ ขนั ใหน้ อ้ ยที่สุด เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 20
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 การจดั การแข่งขนั ท่ารา Kata 1. การแข่งขนั ทา่ รา แบ่งออกเป็นประเภททมี และประเภทบุคคล โดยการแขง่ ขนั ประเภททีมจะมี สมาชิกในทีม ท้งั หมด 3 คน แต่ละทีมตอ้ งเป็ นผหู้ ญงิ ลว้ นหรือชายลว้ น ส่วนการแขง่ ขนั ประเภทบคุ คลจะ แบ่งออกเป็ นการแข่งขนั ประเภทบุคคลหญงิ และบคุ คลชาย 2. ในระบบการแขง่ ขนั แบบคดั ออก แบบตามสาย ชิงตาแหน่งท่ี 3 (Reprechage) จะถูกนามาใช้ 3. สามารถใชท้ ่าราแบบด้งั เดิมได้ โดยยกเวน้ ทา่ ราทีป่ ระกอบอาวธุ (Kobudo) 4. อนุญาตใหใ้ ชท้ า่ ราจากสานกั ท่เี รียนมา เพอื่ การแขง่ ขนั ได้ 5. ตอ้ งแจง้ ท่าราท่โี ตะ๊ บนั ทกึ คะแนน ก่อนที่จะเริ่มการแขง่ ขนั ในแต่ละรอบ 6. ผแู้ ข่งขนั ตอ้ งใชท้ า่ ราท่ไี ม่ซ้ากนั ในแตล่ ะรอบ 7. ในการแขง่ ขนั รอบชิงเหรียญ (รวมชิงท่ี 3) สาหรับการแข่งขนั ท่าราประเภททีมน้นั ทีมท่แี ขง่ ขนั จะตอ้ งแสดง ทา่ รา ปกตกิ ่อน จากน้นั ตอ้ งแสดงความหมายของทา่ ราดว้ ย (Bunkai) เวลาท่ีใชร้ วมท้งั ท่ารา ปกติและ Bunkai คอื 6 นาที เวลาจะเร่ิมนบั โดยเจา้ หนา้ ที่จบั เวลา ต้งั แต่เร่ิมแสดงการคานบั ในตอนทีเ่ ขา้ มาท่ี สนามแข่ง และ เวลาจะหยดุ เม่ือมีการคานบั คร้งั สุดทา้ ย หลงั จากท่ีแสดง Bunkai เสร็จแลว้ . ทมี ใดไม่ไดแ้ สดง การคานบั ในตอนจบการแสดง หรือ ใชเ้ วลาเกินกวา่ 6 นาที ใหถ้ ือวา่ ถูกตดั สิทธ์ิจากการแข่งขนั /แพ.้ ท้งั น้ี ไม่ อนุญาตใหม้ ีการใชอ้ าวธุ หรืออุปกรณ์ใดๆ รวมท้งั การแตง่ กายอ่ืนๆ เพมิ่ เตมิ ประกอบการแสดงดว้ ย คำอธิบำยเพิ่มเติม I) จานวนท่ารา ขึน้ อย่กู บั จานวนของผ้แู ข่งขนั ในประเภทบคุ คลหรือทีม ตามที่กาหนดไว้ในตาราง ด้านล่าง การสละสิทธิหรือ Byes ให้นบั เป็นจานวนที่เข้าแข่งขนั ด้วย Competitors or Teams Kata Required จำนวนผ้แู ข่งขนั หรือทมี จำนวนท่ำรำ 65-128 7 33-64 6 17-32 5 9-16 4 5-8 3 บรรทัดฐานในการประเมินผล 4 2 การให้คะแนน ผแู้ ข่งขนั ประเภทบคุ คลหรือทมี น้นั ผตู้ ดั สินตอ้ งใหค้ ะแนน บนบรรทดั ฐานใหญ่ๆ 4 ประการดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ ทา่ ราทส่ี อดคลอ้ งตอ้ งกนั (ลกั ษณะของท่าราทีถ่ ูกตอ้ ง), ความสามารถในการแสดงทาง เทคนิค, ความสามารถของนกั กีฬา และ ความยากของเทคนิคท่ีนามาใช้ หลกั ใหญ่ๆ ท้งั 4 ประการน้นั จะตอ้ งใหน้ ้าหนกั ในการประเมินเทา่ ๆ กนั เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 21
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 การแสดงความหมายของทา่ รา Bunkai ตอ้ งใหค้ วามสาคญั ในการประเมินคะแนนเทา่ กนั กบั ทา่ ราทแ่ี สดง การแสดงท่ารา การแสดงความหมายของท่ารา (ใชใ้ นรอบทีม่ กี ารชิงเหรียญประเภททีม) 1. ความสอดคลอ้ งของท่าราที่ถกู ตอ้ งตามหลกั การของ 1. ความสอดคลอ้ งกบั ทา่ ราที่แสดงน้นั ๆ สานกั น้นั ๆ 2. ความสามารถในการแสดงทางเทคนิค ไดแ้ ก่ 2. ความสามารถในการแสดงทางเทคนิค ไดแ้ ก่ ก. ตาแหน่งการยนื ก. ตาแหน่งการยนื ข. การใชเ้ ทคนิค ข. การใชเ้ ทคนิค ค. การเคลื่อนไหวอยา่ งต่อเน่ือง ค. การเคลื่อนไหวอยา่ งต่อเน่ือง ง. การควบคุมจงั หวะ/ความพร้อมเพรียงเป็นหน่ึง ง. การควบคุมจงั หวะ/ความพร้อมเพรียงเป็นหน่ึง เดียวกนั เดียวกนั จ. การหายใจท่ีถกู ตอ้ ง จ. การหายใจท่ีถูกตอ้ ง ฉ. มีจุดรวมพลงั (kime) ฉ. มีจุดรวมพลงั (kime) 3. ความสามารถของนกั กีฬา ไดแ้ ก่ 3. ความสามารถของนกั กีฬา ไดแ้ ก่ ก. การแสดงพลงั ก. การแสดงพลงั ข. ความเร็ว ข. ความเร็ว ค. การทรงตวั ค. การทรงตวั ง. จงั หวะลีลา ง. การควบคุมจงั หวะเวลา 4. ความยากของเทคนิคในทา่ ราทใี่ ช้ 4. ความยากของเทคนิคท่ีใชใ้ นการแสดง การตัดสิทธิ/ ปรับแพ้ ผแู้ ข่งขนั ท้งั ประเภทบคุ คลและประเภททมี อาจจะถูกตดั สิทธิ หรือ ปรบั ใหแ้ พ้ ตามเหตุผลดงั ตอ่ ไปน้ี : 1. แสดงท่าราผดิ หรือ แสดงทา่ ราผดิ ไปจากท่ีประกาศไว้ 2. การหยดุ หรือชะงกั อยา่ งชดั เจนในขณะที่ทาการแสดงทา่ รา หลายวนิ าที 3. การรบกวนในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของผตู้ ดั สิน (เช่น ผตู้ ดั สินตอ้ งหลบ หรือ หลีกออกจากตาแหน่งท่ี นง่ั อยเู่ พอ่ื ความปลอดภยั หรือ ผแู้ ขง่ ขนั แสดงทา่ ราดว้ ยการเคลื่อนทีเ่ ขา้ หาผตู้ ดั สินในระยะที่อาจก่อใหเ้ กิด อนั ตรายได)้ 4. สายคาดเอวหลุดขณะทาการแสดงทา่ รา 5. ใชเ้ วลาในการแสดงทา่ ราและความหมายของทา่ รา Bunkai รวมกนั แลว้ เกินกวา่ 6 นาที 6. ไม่ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั หรือ คาแนะนาของหวั หนา้ ผตู้ ดั สิน หรือ การกระทาผดิ ในเรื่องอ่ืนๆ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 22
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 การทาผดิ กตกิ า (ฟาล์ว) การทาผดิ กตกิ า ดงั ต่อไปน้ี หากเกิดข้ึนแลว้ ใหผ้ ตู้ ดั สินนาไปเป็ นประเด็นที่ตอ้ งใชป้ ระกอบกบั การพจิ ารณาใน การประเมินการใหค้ ะแนนตามบรรทดั ฐานขา้ งตน้ ดว้ ย 1. เสียการทรงตวั เล็กนอ้ ย 2. การเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกตอ้ ง หรือ ไม่สมบรู ณ์ของกิริยาท่าทาง (การคานบั ถือวา่ เป็ นส่วนหน่ึงการ เคลื่อนไหวของท่าราดว้ ยเช่นกนั ) อยา่ งเช่น การลม้ เหลวในการแสดงท่าปัดป้ องหรือ ต่อยกลบั ไปยงั เป้ าหมาย 3. การเคลื่อนไหวท่ไี ม่เป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เช่น ปล่อยเทคนิคก่อนท่รี ่างกายจะจบการเคลื่อนไหว หรือ ในกรณีของท่าราทีม, การเคล่ือนไหวทไ่ี ม่เป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ไม่พรอ้ มเพรียงกนั 4. การช้ีนาดว้ ยเสียง (โดยบคุ คลใดบุคคลหน่ึง รวมท้งั สมาชิกคนอื่นๆ ในทมี ) หรือการแสดงละคร เช่น การกระทืบเทา้ การตบหนา้ อก แขน หรือชุดคาราเต้ หรือการหายใจทไี่ ม่เหมาะสม 5. การถ่วงเวลา โดยการเดิน คานบั หยดุ ท่ยี าวนานเกินไปก่อนท่จี ะเร่ิมการแสดงทา่ รา 6. การบาดเจบ็ ทเี่ กิดข้นึ เน่ืองจากแสดงเทคนิคทไี่ ม่สามารถควบคุมไดเ้ องขณะแสดงความหมายของ ทา่ รา Bunkai คำอธิบำยเพ่มิ เตมิ 1. ท่ารา Kata ไม่ใช่การเต้นราหรือการแสดงละคร ดงั นน้ั จะต้องยึดมัน่ ในคุณค่าและหลกั การดง้ั เดิมไว้ จะต้องจริงจังเหมือนในการต่อสู้จริง และต้องมีสมาธิ, พลงั , และประสิทธิภาพของเทคนิค และจะต้องแสดงถึง ความแขง็ แรง, พลงั , และความเร็ว เช่นเดียวกันกบั ท่วงท่าลีลาที่สง่างาม, จงั หวะ และการทรงตวั ด้วย 2. ในท่าราประเภททีม ผ้รู ่วมทีมท้งั 3 คนจะต้องเริ่มต้นแสดงไปในทิศทางเดียวกัน โดยหันหน้าให้ หัวหน้ากรรมการ 3. สมาชิกในทีมจะต้องแสดงความสามารถในทุกแง่มมุ ของท่ารา เช่นเดียวกันกบั ความพร้อมเพรียง เป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน 4. คาสั่งให้เริ่มและหยดุ การแสดง, การกระทืบเท้า, การตบอก แขน หรือเสื้อ, และ การหายใจออก อย่างไม่เหมาะสม ล้วนนับเป็นการชี้นาจากภายนอก (External Cues) ซึ่งการกระทาดงั กล่าวนี้ ให้ผ้ตู ดั สินนามา พิจารณาประกอบในการตดั สินขนั้ สุดท้ายด้วย 5. เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผ้ฝู ึ กสอนหรือผ้เู ข้าแข่งขนั ท่ีจะต้องแจ้งท่าราท่ีเหมาะสม กับ โต๊ะบนั ทึกคะแนน ในแต่ละรอบของการแข่งขนั การดาเนินการแข่งขนั 1. เม่ือเร่ิมการแขง่ ขนั แตล่ ะคร้ัง ในการตอบรบั การขานเรียกชื่อผแู้ ข่งขนั ซ่ึงฝ่ายหน่ึงจะใส่สายสีแดง และอีกฝ่าย ใส่สายสีน้าเงนิ ซ่ึงท้งั 2 ฝ่ายจะยนื ตรงเสน้ รอบนอกพน้ื ท่ีแข่งขนั โดยหนั หนา้ เขา้ หาหวั หนา้ ผู้ ตดั สิน จากน้นั ทาความเคารพ คณะกรรมการตดั สินแลว้ แลว้ จงึ คานบั เคารพซ่ึงกนั และกนั , จากน้นั ฝ่ ายน้าเงนิ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 23
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 จะตอ้ งถอยกลบั ไปจากพน้ื ทแี่ ขง่ ขนั . หลงั จากมีการเคลื่อนท่ไี ปสู่จุดเร่ิมตน้ และไดป้ ระกาศช่ือท่าราอยา่ งชดั เจน แลว้ ฝ่ายแดง ก็เริ่มการแสดงท่ารา เมื่อการแสดงเสร็จส้ิน ฝ่ายแดงจะออกจากสนามแข่งขนั เพอ่ื ใหฝ้ ่ ายน้าเงิน แสดง เมื่อฝ่ ายน้าเงนิ แสดงเสร็จ ท้งั 2 ฝ่ายตอ้ งกลบั มายนื ท่ีขอบนอกสนามและรอฟังคาตดั สินจากคณะผตู้ ดั สิน 2. หากวา่ การแสดงทา่ ราไม่เป็นไปตามกฎหรือมีสิ่งผดิ ปกตอิ ่ืนๆ หวั หนา้ ผตู้ ดั สินอาจเรียกคณะผู้ ตดั สินมาเพอื่ หารือ เพอื่ การตดั สินใจข้นั เดด็ ขาดได้ 3. หากผเู้ ขา้ แขง่ ขนั ถูกตดั สิทธิ หวั หนา้ ผตู้ ดั สินจะตอ้ งยกธงข้นึ ไขวก้ นั เป็ นรูปกากบาทและแยกธงลง 4. หลงั จากจบการแข่งขนั ท่าราท้งั 2 คนแลว้ ผแู้ ขง่ ขนั จะตอ้ งยนื อยทู่ ่รี อบนอกของสนามคนละขา้ ง หวั หนา้ ผตู้ ดั สินจะขอคาตดั สินดว้ ยการประกาศ Hantei และ เป่ านกหวดี 2 จงั หวะเพอ่ื เรียกคะแนนโหวตจากผู้ ตดั สินอ่ืนๆ 5. การตดั สินจะเป็นฝ่ายแดงหรือฝ่ ายน้าเงนิ ไม่มีการเสมอกนั ผแู้ ขง่ ขนั ที่ไดค้ ะแนนเสียงมากกวา่ ถือ วา่ เป็นฝ่ายชนะ และผปู้ ระกาศจะประกาศชื่อผชู้ นะ 6. คู่แขง่ ขนั จะตอ้ งเคารพซ่ึงกนั และกนั จากน้นั เคารพคณะผตู้ ดั สิน แลว้ จึงออกจากสนาม คาอธิบายเพมิ่ เติม 1. จุดเริ่มการแสดงทา่ รา คือ อยภู่ ายในบริเวณของพ้นื ทส่ี นามแข่งขนั 2. หวั หนา้ ผตู้ ดั สิน จะประกาศ Hantai และจะเป่ านกหวดี 2 จงั หวะ เพอื่ ให้คณะผตู้ ดั สิน ยกธงให้ คะแนนโดยพร้อมเพรียงกนั หลงั จากให้มีเวลาเพยี งพอในการนบั คะแนนเสียงเพยี งพอแลว้ (ประมาณ 5 วนิ าที) เป่ านกหวดี อีกคร้งั เพอ่ื ใหล้ ดธงลง 3. หากวา่ ผเู้ ขา้ แข่งขนั หรือทีมฝ่ายหน่ึง ไม่ปรากฏตวั เมื่อประกาศเรียกหรือ สละสิทธ์ิ/ถอนตวั จากการ แข่งขนั kiken ใหถ้ ือวา่ อีกฝ่ายเป็นผชู้ นะโดยอตั โนมตั ิ โดยไม่จาเป็ นตอ้ งแสดงท่ารา ท่แี จง้ ไวก้ ่อนหนา้ น้ี. ใน กรณีน้ี ฝ่ ายที่ชนะไม่วา่ จะเป็ นประเภทบุคคลหรือทมี สามารถใชท้ ่าราน้นั ๆ ไดใ้ นการแขง่ ขนั รอบถดั ไปได้ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากุล 24
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ผ้ฝู ึ กสอนคาราเต้โด (Karatedo Instructor) ผฝู้ ึกสอนคาราเต้ โด คือ ผทู้ จี่ ะตอ้ งถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจในกีฬาคาราเตโ้ ดแก่เยาวชนและ ผทู้ ีส่ นใจ ดงั น้นั ผฝู้ ึกสอนจะตอ้ งเป็ นผทู้ รี่ ู้และเขา้ ใจใน หลกั วชิ าของคาราเตอ้ ยา่ งถ่องแท้ หากผฝู้ ึกสอนมิได้ มีความเขา้ ใจในหลกั วชิ าคาราเตเ้ ป็ นอยา่ งดีแลว้ ผลท่ีไดใ้ นการถ่ายทอด ก็จะไม่เกิดประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ ริง การถ่ายทอดทไ่ี ม่ถูกหลกั ยง่ิ ทาใหผ้ เู้ รียนน้นั เดินผดิ ทาง วชิ าคาราเต้ เป็นวชิ าที่ตอ้ งฝึก ท่าพน้ื ฐานเป็ นหลกั สาคญั เพราะถา้ พ้นื ฐานไม่ดี นกั กีฬาจะไม่สามารถ ฝึกทกั ษะในข้นั สูงได้ ดงั น้นั ผฝู้ ึกสอนตอ้ งเรียนรูพ้ น้ื ฐานของคาราเต้ และเขา้ ใจในความหมาย ของท่าทาง ต่างๆ ของคาราเตใ้ หไ้ ดอ้ ยา่ งถ่องแท้ ตอ้ งสามารถแยกแยะ ทา่ ทางท่ถี ูกตอ้ ง และท่าทางท่ีผดิ ได้ เพอ่ื ทจ่ี ะ สามารถปรับและแกไ้ ข ใหแ้ ก่ผเู้ รียนไดถ้ ูกตอ้ ง และตอ้ งจดจาช่ือท่าต่างๆของคาราเตใ้ หไ้ ด้ ซ่ึงทา่ ตา่ งๆจะมีช่ือ เป็นภาษาญีป่ ่ นุ และแตล่ ะทา่ ก็มีความหมายตา่ งๆกนั ไป ผฝู้ ึกสอนตอ้ งถ่ายทอด วถิ ีของคาราเตแ้ ก่ผเู้ รียน ซ่ึงในฝีกฝนคาราเต้ ไม่ใช่เป็ นการฝึกเฉพาะร่างกาย ผฝู้ ึกตอ้ งฝึกจติ ใจควบคู่กนั ไปดว้ ย ดงั น้นั ผฝู้ ึกสอนมีหนา้ ทีถ่ ่ายทอดแก่นของคาราเตใ้ หผ้ ฝู้ ึกเขา้ ใจ แก่นของ คาราเตค้ ือ DO (โด) นกั คาราเตท้ ี่ดีตอ้ งเป็ นผมู้ ีวนิ ยั มีมารยาท มีความนอบนอ้ มถ่อมตน มีคุณธรรม ไม่กา้ วร้าว ตอ้ งเป็นผทู้ ี่เคารพในกฏของสานกั หรือสถาบนั ทีเ่ ราสงั กดั และเคารพต่อผฝู้ ึกสอนซ่ืงเป็ นครู เคารพ รุ่นพี่ และใหเ้ กียรติรุ่นนอ้ ง รวมท้งั การมีน้าใจนกั กีฬา ใหเ้ กียรตคิ ู่ตอ่ สู้ ไม่กระทาการไดๆใหเ้ ป็ นทเ่ี สื่อมเสียแก่ วชิ าคาราเต้ สานกั อาจารย์ รวมถึงสงั คม คาศัพท์พนื้ ฐานของคาราเต้ อิท หน่ึง 1. การนับจานวน ชิท เจด็ 1. Ichi ฮทั แปด 2. Ni นิ สอง 3. San ซนั สาม 4. Shi ชิ ส่ี 5. Go โกะ หา้ 6. Roku ลุค หก 7. Shishi 8. Hashi 9. Kyu ควิ เกา้ 10. Juu จู สิบ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 25
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 2. ท่าต่างๆ i. Uke อุเกะ การปัด ii. Tsuki ซึกิ การชก iii. Geri เกริ การเตะ iv. Dachi ดาจิ การยนื v. Jodan โจดงั ระดบั หนา้ vi. Chudan จือดงั ระดบั ลาตวั vii. Gedan เกดงั ระดบั ต่ากวา่ เอว 3. คาส่ังต่างๆ Kyosuke เคียวซุเกะ สง่ั ยนื ตรง Yoi โยย่ สงั่ ท่าเตรียม Rei เระ สง่ั คานบั Mokuso โมคุโซะ สง่ั หลบั ตา Naorei เนาเระ สงั่ ลืมตา Osu โอส๊ คาทใี่ ชต้ อบรับ ฯลฯ Hajime ฮาจเิ มะ เร่ิม Yame ยาเมะ หยดุ Kamaite คามายเต้ สงั่ ตงั่ ทา่ Mawatte มาวทั เต้ สงั่ กลบั ตวั Morotte โมร๊อตเต้ สง่ั กบั มาท่าเตรียม การเตรียมตวั ก่อนการฝึ ก เตรียมตัว ด้านจิตใจ ก่อนการเรียนรูใ้ นเร่ืองใดๆ เราตอ้ งเร่ิมจากการท่ีใจเราอยากเรียน อยากรู้ อยากเขา้ ใจ ในเร่ืองน้นั ๆ จริงๆ สิ่งใดที่เร่ิมจากใจรัก ส่ิงน้นั จะสามารถอยไู่ ดย้ งั่ ยนื แตห่ ากวา่ เราทาเพราะตามเพอื่ นหรือตามแฟชนั่ เมื่อ เราเร่ิมเบอ่ื หรือลา้ จากการเรียนรู้ในเรื่องน้นั กจ็ ะไม่มีสิ่งในเป็ นแรงขบั หรือกาลงั ใจใหเ้ ราอยากศึกษาในเร่ือง น้นั ๆ ต่อและก็จะหยดุ และหายจากส่ิงน้นั ไปเลย แต่หากเกิดจากดว้ ยใจรัก เมื่อเราเบอ่ื หรือทอ้ ถอย กอ็ าจจะมี บา้ งทเี่ ราจะหายไป แตเ่ มื่อเวลาหน่ึงเรากจ็ ะกลบั มาไดอ้ ีกและสิ่งทเี่ ราจะสรา้ งเป็ นแรงขบั และกาลงั ใจในการ เรียนรู้ สาหรบั คาราเตโ้ ด กค็ อื เราตอ้ งรูว้ า่ เราจะเริ่มฝึกคาราเตโ้ ด เพอ่ื สิ่งใดและสิ่งท่ขี า้ พเจา้ จะเสนอแนะกค็ ือ เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 26
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 1. เรียนเพอ่ื ออกกาลงั กาย 2. เรียนเพอื่ ป้ องกนั ตวั 3. เรียนเพอ่ื ตอ้ งการเป็นนกั กีฬา เป็ นตน้ แต่ไม่วา่ จะตอ้ งการเรียนเพอื่ อะไร แตส่ ่ิงหน่ึงทขี่ าดไม่ไดก้ ค็ ือเราตอ้ งชอบและอยากเรียนรูก้ ีฬาชนิดน้ี จริงๆ และพร้อมทจ่ี ะเร่ิมเรียนต้งั แต่ เร่ิมนบั หน่ึงและสูงข้ึนไปตามลาดบั ไม่ควรคดิ ทจ่ี ะเรียนลดั เพราะไม่มี สิ่งใดทีจ่ ะไดม้ าดว้ ยทางลดั ถึงจะไดม้ ากจ็ ะไม่ถ่องแท้ ควรเรียนต้งั แต่ข้นั พน้ื ฐานคอ่ ยๆ เรียนสะสม ประสบการณ์ เรียนใหซ้ ึมซบั แลว้ เราจะสามารถนาสิ่งท่ีเราเรียนออกมาใชไ้ ดจ้ ริง เมื่อถึงเวลาท่ตี อ้ งใช้ เตรียมตัว ด้านร่างกาย ก่อนการเร่ิมเรียน คาราเต้ สิ่งสาคญั อนั ดบั แรกกค็ ือ ร่างกายเราตอ้ งพร้อมและถา้ มีโรคประจาตวั อะไร ก็ควรบอกกบั ผฝู้ ึกสอนก่อน ในการฝึกฝนกีฬาทุกชนิดร่างกายเป็ นส่ิงสาคญั เพราะถา้ ร่างกายเราพรอ้ ม เราก็ สามารถฝึกฝนไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี และมีความเสี่ยงต่อการบาดเจบ็ นอ้ ย ในการฝึกคาราเตเ้ ราตอ้ งใช้ ร่างกายทกุ ส่วน ในข้นั เร่ิมแรกอยา่ งแรกก็คอื เราตอ้ งรู้วา่ ร่างกายของเรา รับการฝึกไดแ้ คไ่ หน ไม่ควรโหมฝึกเกินกาลงั ของ ร่างกาย เพราะอาจทาใหเ้ กิดการบาดเจบ็ ได้ และอีกส่ิงหน่ึงท่ีตอ้ งรูก้ ็คอื คาราเตข้ องจริงไม่เหมือนใน ภาพยนตร์ เพราะภาพลกั ษณ์ของคาราเต้ ก็คือการฟันอิฐ ถา้ เรายงั ฝึกฝนไม่เพยี งพอไม่ควรนาไปลอง เพราะจะ ทาใหร้ ่างกายบาดเจบ็ ได้ แต่การฟันอิฐ ฟันกระเบ้ืองหรือฟันขวด ใช่วา่ จะทาไม่ไดแ้ ตต่ อ้ งเกิดจากการฝึกฝน อยา่ งจริงจงั และต่อเน่ืองเป็นเวลานาน จนร่างกายมีความแขง็ แกร่งและมีสมาธิท่มี น่ั คง ถึงจะทาไดโ้ ดยที่ ร่างกายไม่ไดร้ บั บาดเจบ็ และในดา้ นของการฝึกร่างกายใหแ้ ขง็ แรงก่อนการฝึกซอ้ มทีง่ า่ ยๆ กค็ อื การวงิ่ การวง่ิ จะไดท้ ้งั กาลงั ขาและทาใหป้ อดแขง็ แรงและเมื่อร่างกายเราพรอ้ มในระดบั หน่ึง บวกกบั โปรแกรมการฝึก ของผฝู้ ึกสอน กจ็ ะทาใหเ้ ราสามารถฝึกฝนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเหนือสิ่งอ่ืนใดควรมีการฝึกซอ้ มใหม้ ี กาลงั อยตู่ วั อยา่ งสม่าเสมอ เพราะไม่วา่ เราจะฝึกฝนเทคนิคมากเพยี งใดหรือมีฝีมือแค่ไหน แตข่ าดการฝึกซอ้ ม อยา่ งสม่าเสมอ เรากจ็ ะไม่สามารถนาส่ิงทเี่ ราเรียนออกมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี ตวั อยา่ งเช่น เราถูกคนรุมทาร้าย มากกวา่ หน่ึงคน ถึงแมว้ า่ เราจะลม้ คู่ต่อสูไ้ ดห้ น่ึงคนหรือสองคน แต่ถา้ เราหมดแรงกจ็ ะไม่สามารถป้ องกนั ตวั เองจากคนท่ีสามหรือสี่ได้ ประการท่สี องคือ จติ ใจตอ้ งเขม้ แขง็ และมีสมาธิทีด่ ี เพราะไม่วา่ เราจะฝึกมากเพยี งไร แตเ่ มื่อถึงเวลา จริงทตี่ อ้ งใชเ้ รากลบั ตื่นเตน้ ขาดสมาธิ อาจทาใหล้ ืมส่ิงทีเ่ คยเรียนมาจนหมด ดงั น้นั ในการฝึกศิลปะการต่อสู้ ร่างกายและจิตใจเป็นส่ิงสาคญั และการท่จี ะไดม้ าซ่ึงร่างกายและจิตใจท่แี ขง็ แกร่ง กค็ อื การฝึกอยา่ งมุ่งมนั่ จริงจงั และตอ่ เนื่อง จึงจะสาเร็จผล เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากุล 27
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 จรรยาบรรณ กบั กตกิ า (Ethics and Rules) จรรยาบรรณ (Ethics) หมายถึง ประมวลความประพฤติทผี่ ปู้ ระกอบอาชีพการงานแต่ละอยา่ งกาหนด ข้นึ เพอ่ื รกั ษาและส่งเสริมเกียรตคิ ุณช่ือเสียงและฐานะของสมาชิก หรือหมายถึงจริยธรรมของผปู้ ระกอบอาชีพ การงานน้นั กติกา (Rules) เป็ นสิ่งจาเป็นทสี่ าคญั สาหรบั นกั กีฬา ผฝู้ ึกสอน ทีจ่ ะตอ้ งเรียนรู้และทาความเขา้ ใจให้ ถ่องแทเ้ พราะมนั มีผลต่อเกมการแข่งขนั และยงั แสดงใหเ้ ห็นถึงคุณคา่ ความเป็ นนกั กีฬา และผฝู้ ึกสอนที่ดีมี จรรยาบรรณ ดงั น้นั คุณค่าของนกั กีฬาและผฝู้ ึกสอนใช่แตเ่ พยี งมีชยั ชนะเหนือคู่แข่งขนั เทา่ น้นั แต่ยงั ตอ้ ง สามารถรักษาเกียรตคิ ุณในดา้ นพฤตกิ รรม ความประพฤติทแี่ สดงออกไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม การแสดงการ ไม่เห็นดว้ ยกบั การตดั สินของผตู้ ดั สิน หรือการแสดงความไม่พอใจในตวั นกั กีฬาภายในทีมดว้ ยคาพดู ท่ีรุนแรง ไม่เหมาะสม หรือการแสดงกิริยาท่าทางตา่ งๆ นานา ทไี่ ม่ควรเป็ นสิ่งท่ขี ดั ตอ่ กฎแห่งจรรยาบรรณและเป็นการ ทาลายภาพลกั ษณ์ของนกั กีฬา ทีม สถาบนั สโมสร ดว้ ยเหตุน้ีผฝู้ ึกสอนจึงตอ้ งมีความอดทน อดกล้นั และตอ้ งมี ความเขา้ ใจท้งั กฎกติกาการเล่นและจรรยาบรรณในการทาหนา้ ท่ขี องผฝู้ ึกสอน การเล่นใหไ้ ดร้ บั ชยั ชนะดว้ ยการเล่นทย่ี ตุ ิธรรม (Fair Play) ขาวสะอาดซ่ึงนอกจากจะแสดงใหเ้ ห็นถึง ความสามารถท้งั ของผเู้ ล่นและผฝู้ ึกสอนแลว้ ยงั แสดงใหเ้ ห็นถึงคุณคา่ ท่ีมีอยใู่ นตวั ของผฝู้ ึกสอน ทฝี่ ึกสอน ถ่ายทอดวธิ ีการเล่นและความเป็นนกั กีฬาท่ีดี สาหรบั ตวั นกั กีฬากแ็ สดงใหเ้ ห็นถึงการใชค้ วามสามารถใน สติปัญญาและจิตใจในการเล่นและควบคุมอารมณ์ความรูส้ ึกไม่ใหเ้ ล่นหรือแสดงพฤตกิ รรมท่ีไม่เหมาะสมใน เกม การเป็ นผทู้ ม่ี ีวนิ ยั มีความคิดและเป็นนกั กีฬาท่มี ีน้าใจยอ่ มเป็ น ที่ช่ืนชมของผชู้ มอีกดว้ ย นกั กีฬาและผฝู้ ึกสอนต่างก็ตอ้ งทาหนา้ ที่ที่ตนเองรบั ผดิ ชอบ ซ่ึงตา่ งก็มีสิทธิและความรบั ผดิ ชอบที่ ตอ้ งปฏบิ ตั ิท้งั ก่อนการแข่งขนั ระหวา่ งการแข่งขนั และหลงั การแขง่ ขนั เสร็จสิ้น สิทธิและความรับผดิ ชอบของนักกฬี า สิทธิที่นักกีฬาพงึ จะได้รับ มีดังนี้ 1. นกั กีฬาจะตอ้ งไดร้ ับความถูกตอ้ ง ยตุ ธิ รรม ในการตดั สินของผตู้ ดั สินภายใตเ้ ง่ือนไขของกติกา 2. มีสิทธิท่จี ะไดร้ ับการปกป้ อง ดูแลความปลอดภยั ภายในบริเวณสถานที่แข่งขนั 3. สิทธิในเวลาและสถานทีส่ าหรับการเตรียมร่างกายดว้ ยการการอบอุ่นร่างกาย 4. มีสิทธิในการไดร้ ับคาแนะนาจากผฝู้ ึกสอนในระหวา่ งแข่งขนั 5. สิทธิในการไดร้ บั การปฐมพยาบาลในระหวา่ งแข่งขนั หากเกิดการบาดเจบ็ และรบั การรักษา ภายหลงั การแข่งขนั จบลง 6. มีสิทธิขอออกจากสนามระหวา่ งแข่งขนั ดว้ ยเหตุผลส่วนตวั 7. สิทธิในการไดร้ ับพจิ ารณาต่าง ๆ ใหเ้ ป็นไปตามในระเบียบการแขง่ ขนั เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากลุ 28
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ความรับผิดชอบของนักกฬี า มดี งั นี้ 1. จะตอ้ งรู้และปฏิบตั ติ ามระเบียบและกตกิ า 2. จะตอ้ งสวมใส่เครื่องแตง่ กายและเครื่องป้ องกนั ภายใตร้ ะเบยี บการแขง่ ขนั และกตกิ าท่ีกาหนดไว้ 3. ทาหนา้ ที่นกั กีฬาที่ดี โดยเล่นอยา่ งเตม็ ความสามารถอยา่ งมีความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ทมี สถาบนั และหรือสโมสร 4. ละเวน้ การพดู จาและแสดงพฤติกรรมท่ไี ม่สุภาพไม่เหมาะสมต่อ เพอื่ นร่วมทีม ผฝู้ ึกสอน คู่แขง่ ขนั ผตู้ ดั สิน รวมถึงผชู้ ม 5. ละเวน้ การไม่ตรงตอ่ เวลาจากการแข่งขนั การลงสนามแข่งขนั และหรือการกลบั ลงสนามแขง่ ขนั ในรอบต่อไป และในทางกลบั กนั การใชค้ วามถูกตอ้ งในทางทีผ่ ดิ หรือการฝ่าฝืนขอ้ ตกลงในทีป่ ระชุม เช่น การ คดั คา้ นคาตดั สินดว้ ยการออกจากการแขง่ ขนั ท้งั ทมี หรือไม่ยอมแข่งขนั ต่อหรือ การรุมประทว้ งผตู้ ดั สินของผู้ เล่นท้งั ทีม 6. ละเวน้ การเล่นท่ผี ดิ กตกิ าและการแสดงความไม่มีน้าใจของนกั กีฬา 7. เขา้ ร่วมในพธิ ีมอบรางวลั ดว้ ยความยนิ ดีและมีน้าใจเป็นนกั กีฬา สิทธิและความรับผดิ ชอบของผู้ฝึ กสอน หนา้ ท่ีตา่ งๆ ท่ีผฝู้ ึกสอนพงึ ปฏิบตั ิ มีดงั น้ี 1. ช่วยเหลือนกั กีฬาหรือทีมที่อยใู่ นความดูแล ในเรื่องของอุปกรณ์การแข่งขนั เช่น สนามแขง่ ขนั ขนาด พ้นื ผวิ สนาม 2. ช่วยเหลือและใหค้ าแนะนาต่อนกั กีฬาในการเตรียมร่างกายดว้ ยการอบอุ่นร่างกาย 3. ช่วยเหลือนกั กีฬาในการเตรียมอุปกรณ์สาหรับใชใ้ นการแขง่ ขนั เช่น ชุดแข่งขนั เคร่ืองป้ องกนั 4. คอยดูแลเรื่องความปลอดภยั ท้งั ก่อนการแขง่ ขนั และหลงั เสร็จสิ้นการแข่งขนั 5. คอยดูแลและช่วยเหลือนกั กีฬาท่ีไดร้ ับบาดเจบ็ ในการแขง่ ขนั ใหไ้ ดร้ ับการปฐมพยาบาล และการ รักษาฟ้ืนฟอู ยา่ งต่อเนื่อง 6. ช่วยใหค้ าแนะนาแก่ผเู้ ล่นและทีมเก่ียวกบั สถานการณ์ขณะที่แข่งขนั 7. ตรวจสอบการลงโทษนกั กีฬาท่ที าผดิ กตกิ ารวมและแกไ้ ข 8. หนา้ ทใี่ นการขอเวลานอกเพอื่ ช่วยใหน้ กั กีฬาไดผ้ อ่ นคลายและใหค้ าแนะนา 9. คอยดูแลการออก–เขา้ รายงานตวั สายการแขง่ ขนั ของผเู้ ล่นในการแข่งขนั 10. กระตุน้ ใหก้ าลงั ใจต่อนกั กีฬาและทีม เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 29
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ความรับผดิ ชอบของผู้ฝึ กสอน มดี ังนี้ 1. จะตอ้ งรูแ้ ละปฏบิ ตั ิตามกติกาการแข่งขนั 2. พจิ ารณาแนะนาระเบยี บขอ้ บงั คบั การแข่งขนั และการปฏิบตั ติ ามขอ้ บงั คบั แก่ผเู้ ล่น 3. ในเรื่องตรงตอ่ เวลาตอ่ หนา้ ทีก่ ารฝึกสอน การมาสนามแขง่ ขนั การลงสนามแขง่ ขนั และการ กลบั สู่การแขง่ ขนั ในรอบตอ่ ไป 4. ละเวน้ การใชค้ าพดู ในการแนะนาหรือกระตนุ้ นกั กีฬารวมท้งั กิริยาทา่ ทางทไี่ ม่สุภาพไม่เหมาะสม 5. ละเวน้ การแสดงการคดั คา้ นไม่เห็นดว้ ยกบั การตดั สิน ดว้ ยการใชค้ าพดู การแสดงทา่ ทางกิริยาท่ีไม่ เหมาะไม่ควร 6. ละเวน้ ใหส้ ญั ญาวา่ จา้ งหรือใหส้ ิ่งตอบแทนผตู้ ดั สินเก่ียวกบั การตดั สิน 7. ละเวน้ การตกลงหรือสญั ญาใหส้ ่ิงตอบแทนกบั นกั กีฬา ผฝู้ ึกสอน เพอ่ื ผลของการแข่งขนั ในการ เล่นไม่เตม็ ความสามารถ(รวมท้งั นกั กีฬาฝ่ายตรงขา้ ม) 8. เขา้ ร่วมในพธิ ี เช่น การเปิ ดการแขง่ ขนั การประชุม หรือ การมอบรางวลั ดว้ ยความยนิ ดีและเตม็ ใจ บทลงโทษสาหรับความประพฤติทไี่ ม่เหมาะสมสาหรับนกั กฬี าและผ้ฝู ึ กสอน การลงโทษสาหรับการเล่นท่ีผดิ กติกาและประพฤตผิ ดิ ซ่ึงเป็นการกระทาผดิ กติกาและเสียมารยาท จะตอ้ งถูกลงโทษ เป็นโทษโดยตรง ถา้ นกั กีฬากระทาผดิ ตามความผดิ ในขอ้ หน่ึงขอ้ ใดใน พฤตกิ รรมตอ้ งหา้ ม น้ี จะถูกพจิ ารณาจากกรรมการตดั สินช้ีขาด ลงโทษโดยตรงจากกระทาการท่ีซ่ึงการกระทาผดิ กติกาเกิดข้ึน การลงโทษเร่ืองระเบยี บวนิ ัย การกระทาผิดในขณะแข่งขนั ท่ีต้องถูกลงโทษ ผเู้ ล่นตอ้ งถูกเตือนหรือคาดโทษและจะถูกลงโทษ โดยการตดั คะแนนใหฝ้ ่ายตรงขา้ ม ถา้ กระทาผดิ ตาม ความผดิ ขอ้ หน่ึงขอ้ ใด และถา้ ถูกโทษ 4 คร้ังกจ็ ะถูกปรบั แพห้ รือหา้ มแข่งขนั ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี 1. กระทาพฤติกรรมรุนแรง จนคู่ตอ่ สูไ้ ดร้ บั บาดเจบ็ 2. กระทาพฤตกิ รรมตอ้ งหา้ ม 3. ถอยออกนอกสนามในระยะที่กาหนด 4. ถ่วงหรือชะลอเวลาการเล่น 5. เล่นโดยไม่ต้งั ใจหรือไม่สมศกั ด์ิศรี 6. กระทาผดิ เก่ียวกบั การประพฤติตนอยา่ งไม่มีน้าใจเป็นนกั กีฬา 7. แสดงการคดั คา้ นโดยกล่าววาจาหรือกริยาทา่ ทางท่ีไม่สุภาพ 8. กระทาการใดๆ ระหวา่ งการแขง่ ขนั โดยไม่ไดร้ ับอนุญาตจากผตู้ ดั สิน การกระทาผดิ ทีต่ ้องถูกให้ออก ผเู้ ล่นตอ้ งถูกใหอ้ อก ถา้ กระทาผดิ ตามความผดิ ขอ้ หน่ึงขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วสี ุข เช่ียวชาญปรีชากลุ 30
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 1. มารายงานตวั ไม่ทนั หรือแตง่ กายผดิ ระเบยี บ แลว้ แกไ้ ขไม่ทนั เวลา 2. จงใจกระทาผดิ กตกิ าการจโู่ จมอยา่ งรุนแรง จนคู่ต่อสูไ้ ดร้ ับบาดเจบ็ 3. ไดร้ ับบาดเจบ็ จนไม่สามารถแขง่ ขนั ต่อได้ 4. ประพฤตผิ ดิ กตกิ าอยา่ งร้ายแรง 5. ถ่มน้าลายใส่คู่ต่อสูแ้ ละบคุ คลอื่น ๆ 6. จงใจกระทาผดิ กติกาโดยการแกลง้ บาดเจบ็ 7. ใชว้ าจาเหยยี ดหยามหยาบคาย หรือแสดงทา่ ทางไม่เหมาะสม หรือไม่ใหเ้ กียรตกิ บั กรรมการ ตดั สินหรือคูแ่ ข่งขนั 8. ไดร้ ับการคาดโทษเป็นคร้ังทส่ี ามในช่วงเวลาการแข่งขนั เดียวกนั ถา้ การเล่นไดห้ ยดุ ลง เพราะวา่ ผเู้ ล่นถูกไล่ออกจากสนามแขง่ ขนั สาหรับการกระทาผดิ โดยไม่มีการ กระทาผดิ ทีต่ อ้ งเพม่ิ เติมการลงโทษอื่นใด ตามกติกาการเล่น อยา่ งไรกต็ ามถา้ การกระทาผดิ กติกาเกิดข้นึ ภายใน คร้ังน้นั การลงโทษยงั คงเป็ นผลตอ่ เนื่องไปยงั การแข่งขนั คร้ังตอ่ ไปตามทข่ี อ้ บงั คบั ของระเบยี บการแขง่ ขนั ผฝู้ ึกสอนแสดงทีก่ ารคดั คา้ นไม่เห็นดว้ ยกบั การตดั สินของผตู้ ดั สิน ดว้ ยคาพดู ที่รุนแรง หยาบคาย แสดงกริยาท่ีไม่เหมาะสม หรือ การประพฤติปฏิบตั ิทไี่ ม่เหมาะสมในระหวา่ งการแขง่ ขนั อยา่ งร้ายแรง เช่น การ ดูถูกเหยยี ดหยามฝ่ ายตรงขา้ มท้งั คาพดู และกริยาท่าทาง อาจถูกลงโทษจากผตู้ ดั สินดว้ ยการเชิญออกจาก สนามแขง่ ขนั หรือ ปรบั ใหน้ กั กีฬาทแี่ ข่งขณะน้นั หรือท้งั ทีมแพแ้ ละไล่ออกจากสนามทนั ที นกั กีฬาควรท่ีจะรูแ้ ละเขา้ ใจในกติกา นกั กีฬาจะไดเ้ ขา้ ใจวธิ ีเล่นและเล่นอยใู่ นขอบเขตอยา่ งมี จรรยาบรรณ เล่นอยา่ งมีน้าใจนกั กีฬา การเล่นท่รี ุนแรงเพอื่ ชยั ชนะอยา่ งเดียวไม่ไดท้ าใหเ้ กิดคุณค่าในตวั แต่ อยา่ งใด สิ่งสาคญั ถา้ ผฝู้ ึกสอนเป็นผทู้ ม่ี ีจรรยาบรรณ มีวนิ ยั รู้จกั อดทนและอดกล้นั มีความเขา้ ใจในกฎทวี่ า่ ดว้ ย จรรยาบรรณ ผเู้ ล่นก็จะซึมซบั ในระหวา่ งการฝึกซอ้ มและในการใชช้ ีวติ โดยทวั่ ไปซ่ึงนอกจากจะเป็ นผเู้ ล่นทมี่ ี น้าใจนกั กีฬา แลว้ ยงั จะเป็นคนดีของสงั คมอีกดว้ ย เรียบเรียงโดย อาจารยท์ วีสุข เชี่ยวชาญปรีชากุล 31
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ประวตั วิ ทิ ยากร อาจารย์ทวสี ุข เช่ียวชาญปรีชากลุ ที่อยู่ปัจจบุ นั 111 / 24 ซอยวดั บวั ขวญั ถนนงามวงศว์ าน ตาบลบางเขน อาเภอเมือง นนทบรุ ี 11000 โทร. 02-580-7773 มือถือ 081-172-2665 วฒุ ิการศึกษา ระดบั ปริญญาโท สาขาวทิ ยาศาสตร์การกีฬา คณะพลศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ระดบั ปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจมหาบณั ฑิตย์ มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม ระดบั ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั ธุรกิจบณั ทติ ย์ สถานที่ทางาน สถาบนั ศลิ ปะป้ องกนั ตวั นนทบุรี ( Nonthaburi Martial Arts Academy) 21/223 ซ.งามวงศว์ าน29 (เยอ้ื งเดอะมอลล์ งามวงศว์ าน ติดกบั อาคารกลอรี) ถ.งามวงศว์ าน ต.บางเขน อ.เมือง นนทบรุ ี 11000 www. karatekidsgym.com E-mail: [email protected] ประวตั คิ าราเต้ ข้ันปัจจบุ นั คาราเต้ สายดา ข้นั ท่ี 4 (Yon Dan) (ปี 2546) สมาคม คาราเตโ้ ด โกจไู ก นานาชาติ (IKGA) สมาคม ไทยคาราเตโ้ ด โกจไู ก(TKGA) สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย (TKF) ประวตั ิการทางาน สมาคมฯ 2556 – ปัจจบุ นั คณะกรรมาธิการผตู้ ดั สินกีฬาคาราเตโ้ ด สหพนั ธค์ าราเตโ้ ด เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ 2547 – ปัจจุบนั ผตู้ ดั สินกีฬาคาราเตโ้ ด ระดบั A สหพนั ธค์ าราเตโ้ ด เอเชีย / สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย 2549 – 2550 คณะกรรมการบริหาร ตาแหน่ง อุปนายก ฝ่ายเทคนิค สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย 2541 – 2555 ผฝู้ ึกสอนกีฬาคาราเตโ้ ด ทีมชาติไทย สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย 32
สมาคมคาราเตแ้ ห่งประเทศไทย โครงการฝึกอบรมผฝู้ ึกสอนคาราเตโ้ ด ภาคเหนือ ปี 2556 ปัจจุบนั ดารงตาแหน่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย - ผเู้ ช่ียวชาญและวทิ ยากรกีฬาคาราเตโ้ ด สมาคมสหพนั ธ์ คาราเต้โด แห่งเอเชีย Asian Karatedo Federation (AKF) - ผตู้ ดั สินช้ีขาด ประเภทตอ่ สู้ ระดบั A (Kumite Referee A) - กรรมการตดั สิน ประเภทท่ารา ระดบั A (Kata Judge A) สมาคมคาราเต้โดแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ South East Asian Karatedo Federation (SEAKF) - คณะกรรมาธิการผตู้ ดั สิน (Referee Commission) - กรรมการตดั สิน ประเภทตอ่ สูแ้ ละท่ารา ระดบั A (Kumite Referee A / Kata Judge A) สมาคม คาราเต้โด โกจูไก นานาชาติ International Karate-do Gojukai Association (IKGA) - ผตู้ ดั สินช้ีขาด กีฬาคาราเตโ้ ด โกจูไก นานาชาติ - อาจารยส์ มาคมคาราเตโ้ ด โกจูไก นานาชาติ สมาคมคาราเต้แห่งประเทศไทย - คณะกรรมาธิการผตู้ ดั สิน (Referee Commission) - กรรมการตดั สินช้ีขาด ประเภทตอ่ สูแ้ ละท่าราระดบั A (Kumite & Kata Referee A) - ผเู้ ช่ียวชาญและวทิ ยากรกีฬาคาราเตโ้ ด - ผสู้ อนทมี ชาติไทย ประจาสมาคมฯ สมาคม ไทยคาราเต้โด โกจูไก - ผตู้ ดั สินช้ีขาด ประจาสมาคมไทยคาราเตโ้ ด โกจูไก - คณะกรรมการสอบสาย สมาคมไทยคาราเตโ้ ด โกจูไก - อาจารยส์ มาคมไทยคาราเตโ้ ด โกจไู ก (TKGA) 33
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: