1เอกสารประกอบการเรยี นรู้ วชิ ามรดกและวฒั นธรรมจนี กลมุ่ ผูเ้ รยี น ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ นางสาว ดารารัตน์ สีลา
ก คานา เอกสารฉบบั น้ีจัดทาข้ึนเพื่อเป็ นส่วนหน่ึงในการจดั การเรียนรู้ในรายวิชามรดกและวฒั นธรรมจีนโดยในเอกสารเล่มน้ีจะมีการถ่ายทอดเน้ือหาท่ีเก่ียวกบั เทคโนโลยีในยุคโบราณของจีน ซ่ึงถือเป็ นประเพณี ค่านิยมและความเชื่อ เป็ นมรดกที่สืบทอดกนั ถึงปัจจุบนั และในเน้ือหารายวิชาน้ีถือเป็ นส่วนหน่ึงท่ีสาคัญท่ีควรจะศึกษาและเรียนรู้ในรายวิชามรดกและวฒั นธรรมจีน ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ เอกสารประกอบการเรียนในรายวชิ ามรดกและวฒั นธรรมเล่มน้ีจะทาใหผ้ ทู้ ี่อ่านหรือผทู้ ่ีศกึ ษามีความรู้และเกิดความเขา้ ใจ และเป็นประโยชน์ต่อผูท้ ่ีอ่านหรือผู้ที่ศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียนน้ีไม่มากกน็ อ้ ย นางสาวดารารัตน์ สีลา ผจู้ ดั ทา
สารบญั ขเรื่อง หน้าคานา กสารบญั ขจุดประสงค์ คบทที่1 ส่ีส่ิงประดิษฐท์ ี่ยง่ิ ใหญ่ 中国四大发明{Zhōngguï sì dà fāmíng} 1-เทคโนโลยกี ารผลิตกระดาษ 造纸术 {Zàozhǐshù} 1-2-เทคโนโลยกี ารพิมพเ์ ชิงพมิ พ์ 活字印刷术{Huïzì yìnshuā shù} 2-ดินปื น 火药{ Huǒyào} 3-เขม็ ทิศ 指南针{ Zhǐnánzhēn } 4แบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 1 5บทท่ี2จางเหิงกบั เคร่ืองมือวดั แผน่ ดินไหวและเครื่องมือบอกตาแหน่งของดวงดาว 6-7张衡和地动仪浑天{Zhānghéng hé dìdîngyí hùn tiān}แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 2 8บทท่ี3 ลูกคิดและจู่ซ่าน(การคิดเลขดว้ ยลูกคิด) 9算盘和珠算{Suànpánhézhūsuàn}แบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 3 10 11-13บทท่ี 4 วชิ าการฝังเขม็ และสมุนไพร 针灸术{Zhēnjiǔ shù}แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 4 14 14-16บทท่ี 5 การแพทยแ์ ผนจีนและยาจีน 中医中药{Zhōngyī zhōngyào}แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 5 17กิจกรรมการเรียนรู้ 18บรรณานุกรม จ
ค จุดประสงค์ เพ่ือให้นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั มรดกและวฒั นธรรมจีน ในส่วนของเทคโนโลยีในยุคโบราณของจีนมากข้ึน ไดเ้ รียนรู้ประเพณีและวฒั นธรรมของจีน และอีกท้งั ยงั เสริมทกั ษะการแลกเปล่ียนเรียนรู้ในเรื่องของวฒั นธรรม และไดร้ ู้จกั ทกั ษะกลยทุ ธ์ ความคิดสร้างสรรคข์ องผทู้ ่ีคิดคน้ เทคโนโลยี
1 เนื้อหาบทท่ี 1 สี่ส่ิงประดษิ ฐ์ทย่ี งิ่ ใหญ่中国四大发明 {Zhōngguï sì dà fāmíng}1.เทคโนโลยกี ารผลิตกระดาษ 造纸术{Zàozhǐshù} เทคโนโลยกี ารผลติ กระดาษ ตน้ ราชวงศฮ์ นั่ ตะวนั ตกไดม้ ีชาวจีนคิดคน้ เทคนิคการทากระดาษข้ึนมาและในสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ตะวนั ออกขนุ นางช่ือไช่หลุนไดป้ รับปรุงใหมจ่ นสาเร็จ ในสมยั ปลายราชวงศส์ ุยและถงั ตอนตน้ เทคโนโลยกี ารทากระดาษไดแ้ พร่หลายไปถึงเกาหลีและญ่ีป่ ุน และตอ่ มากไ็ ดเ้ ผยแพร่ไปยงัประเทศอาหรับและประเทศอ่ืนๆ พอถึงสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ตะวนั ออกขนุ นางในราชสานกั ชื่อวา่ ไช่หลุนไดท้ ดลองทากระดาษอยเู่ ป็นเวลานานจนกระทง่ั ไดค้ น้ พบวธิ ีการใหมค่ ือใชเ้ ปลือกไมเ้ ศษผา้ เศษแห่เก่าเป็ นวสั ดุแลว้ นามาตม้ กบั น้าจนขน้เหลวแลว้ นาไปเทลงในถาดบางๆตากใหแ้ หง้ จนกลายเป็นแผน่ กระดาษบางๆเหมาะสาหรับการใชเ้ ขียนหนงั สือท้งั ยงั มีราคาถูกดงั น้นั จึงไดร้ ับความนิยมเป็นอยา่ งมากนบั เป็นการสร้างคุณูปการทางดา้ นการสร้างกระดาษเป็นอยา่ งยง่ิhttp://chanakarn340.blogspot.com
2 หลงั สมยั ราชวงศฮ์ น่ั ตะวนั ออกการประดิษฐก์ ระดาษไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งไมห่ ยดุ ย้งั มีการนาเอาไม้ไผฟ่ างขา้ วออ้ ยมาเป็ นวสั ดุในการทากระดาษเนื่องจากวสั ดุที่ใชต้ า่ งกนั ดงั น้นั คุณภาพของกระดาษท่ีออกมาจึงมีความแตกต่างกนั ไปดว้ ยท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั วตั ถุประสงคข์ องการนาไปใช้ กระดาษท่ีผลิตในเมืองฉวนโจวมณฑลอนั ฮุย เป็ นกระดาษเกรดA ที่ใชใ้ นการคดั ตวั อกั ษรและวาดภาพจีนซ่ึงไดร้ ับความนิยมท้งั ในและต่างประเทศในสมยั ปลายราชวงศส์ ุยและราชวงศถ์ งั ตอนตน้ เทคนิคการทากระดาษไดแ้ พร่หลายไปยงัประเทศเกาหลี และญ่ีป่ ุน ตอ่ มาไดเ้ ผยแพร่ไปยงั ประเทศแถบอาหรับและประเทศอ่ืนๆการคน้ พบวธิ ีทาวธิ ีทากระดาษทาใหก้ ารเก็บบนั ทึกขอ้ มูลข่าวสารง่ายข้ึนซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงที่ช่วยในการพฒั นาอารยธรรมของโลก2.เทคโนโลยกี ารพิมพเ์ ชิงพมิ พ์ 活字印刷术{ Huïzì yìnshuā shù} ยคุ สมยั ก่อนมีการประดิษฐแ์ ทน่ พมิ พถ์ า้ ผเู้ รียนอยากไดห้ นงั สือพมิ พเ์ ล่มหน่ึงกต็ อ้ งคดั หนงั สือน้นั ท้งัเล่มสมยั ราชวงศส์ ุยและถงั ไดม้ ีการคิดประดิษฐแ์ ทน่ พิมพไ์ มท้ าใหก้ ารพิมพห์ นงั สือมีความรวดเร็วข้ึนแต่วา่ในการพมิ พห์ นงั สือแตล่ ะแต่ละคร้ังตอ้ งแกะสลกั ไมเ้ ป็นจานวนมากซ่ึงเป็นการยงุ่ ยากมากต่อมาประมาณ900 ปี ก่อนในสมยั ราชวงศซ์ ่งเหนือไดม้ ีนกั ประดิษฐช์ าวบา้ นคนหน่ึงช่ือป้ี ไดแ้ กะสลกั ตวั อกั ษรลงบนกอ้ นดินเหนียวสี่เหล่ียมเล็กๆเกาะกอ้ นละตวั อกั ษรไดเ้ รียกวา่ หัวจื้ออนิ้ ซัวซู่เขาไดแ้ กะสลกั ตวั อกั ษรลงบนกอ้ นดินเหนียวสี่เหลี่ยมเลก็ ๆหนา้ ตวั อกั ษรจากน้นั นาไปเผาไฟใหแ้ ขง็ ตวั ก็ได้เป็นแท่นพิมพท์ ี่เคลื่อนยา้ ยตวั อกั ษรไดต้ อนพิมพก์ ็นาตวั อกั ษรเหล่าน้ีไปวางเรียงตามขอ้ ความไวใ้ นกรอบใหญ่แลว้ ใชห้ มึกค่ะจากน้นั นากระดาษมาทาบหลงั จากที่พมิ พก์ ระดาษเศษแลว้ ตวั อกั ษรเหล่าน้ีจะสามารถนาไปใชใ้ หม่ไดต้ วั อกั ษรท่ีพิมพอ์ อกมาค่อนขา้ งเป็นระเบียบและยงั ประหยดั เวลาอีกดว้ ยทาใหเ้ ทคโนโลยีการพมิ พพ์ ฒั นาไปอีกระดบั หน่ึงก่อน หลงั จากน้นั กแ็ พร่ไปสู่เปอร์เซียและอียปิ ตก์ ารคิดคน้ แทนแทน่ พมิ พท์ าใหเ้ พ่มิ ความรวดเร็วในการส่ือสารขา้ มวฒั นธรรมของประเทศต่างๆในโลกนบั วา่ ประเทศจีนไดส้ ร้างคุณูปการต่อโลกเป็นอยา่ งมาก
33.ดินปื น 火药{ Huǒyào} ดินปื นถูกคน้ พบระหวา่ งข้นั ตอนการกลนั่ ยาของคนจีนโบราณต่อมากแ็ นะนาวธิ ีการดงั กล่าวมาประยกุ ตท์ ายงิ ปื นโดยการนาสารโปแตสเซียมไนเตรทธาตุกรรมฐานและธาตุตามอตั ราส่วนที่เหมาะสมนามาผสมกนั เป็นดินปื นสีดาในสมยั ราชวงศถ์ งั และมีหนงั สือบนั ทึกวธิ ีการทาดินปื นวธิ ีน้ีอยหู่ ลงั จากมีการผลิตดินปื นแลว้ ไดม้ ีการนาไปทาเป็นประทดั และดอกไมไ้ ฟพอถึงตอนปลายสมยั ราชวงศถ์ งั ในเร่ืองมีการประยกุ ตใ์ ช้ในดา้ นการสงครามในสมยั ราชวงศซ์ ่งเหนือไดน้ าดินปื นไปใชใ้ นการสงครามอยา่ งแพร่หลายอาวธุ ท่ีมีส่วนประกอบของดินปื นเช่นปื นไฟ ธนูไฟ และปื นใหญ่ช่วงปี ค.ศ.1225 ถึง1248 ดินปื นและอาวธุ ดินปื นไดแ้ พร่ไปยงั ทวปี ยโุ รปโดยผา่ นทางอาหรับเนื่องจากส่วนผสมสาคญั ของดินปื นคือสารโปแตสเซียมไนเตรทซ่ึงมีสีขาวดง่ั หิมะดงั น้นัคนอาหรับมกั นิยมเรียกยงิ ปื นวา่ หิมะจีนหรือเกลือจีนหลงั จากที่ดินปื นไดเ้ ผยแพร่ไปยงั ยโุ รปก็ไดม้ ีการคิดทดลองเพ่อื ใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลากหลายข้ึนเช่นนาไปใชท้ าอาวธุ ระเบิดภูเขาสร้างถนนขุดแม่น้า การประยกุ ตใ์ ชด้ ินปื นถือเป็นส่วนหน่ึงท่ีผลกั ดนั ให้เกิดการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม http://chanakarn340.blogspot.com
44.เขม็ ทิศ 指南针{ Zhǐnánzhēn } ก่อนท่ีจะมีการประดิษฐเ์ ขม็ ทิศน้นั พูดผคู้ นไดใ้ ชว้ ธิ ีการแบบเดาสุ่มในการออกทะเลบางคร้ังก็พ่งึ พาพระอาทิตยแ์ ละดวงดาวในการบอกทิศทางหากวนั ไหนทอ้ งฟ้ามืดคร้ึมก็อาจหลงทางไดก้ ารประดิษฐเ์ ขม็ ทิศของจีนเป็นการช่วยแกป้ ัญหาเหล่าน้ีใหก้ บั มนุษยชาติเขม็ ทิศเป็นเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการบอกทิศทางในยคุ จ้นั กว๋ั คนจีนไดค้ ิดคน้ เคร่ืองมือที่มีลกั ษณะเป็นหินแม่เหล็กที่ช้ีไปทางทิศเหนือใตแ้ ลว้ นามาประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นเครื่องมือในการบอกทิศทางเรียกวา่ ส่ือสารลกั ษณะของสื่อสารจะมีชอ้ นแมเ่ หลก็ ต้งั อยบู่ นฐานที่มีการสลกั ตวั อกั ษรบอกทิศทางไวซ้ ่ึงคนั ซอ้ นจะช้ีไปทางทิศใตเ้ สมอส่วนปลายอีกดา้ นหน่ึงจะช้ีไปทางทิศเหนือพอถึงสมยั ราชวงศซ์ ่ง มีการนาเอาแผน่ แม่เหล็กและถาดบอกทิศทางมารวมกนั เรียกช่ือวา่ หลวงผานหลงั จากท่ีมีส่ิงน้ีแลว้ ไมว่ า่ จะไปท่ีไหนก็ไมก่ ลวั หลงทิศอีกต่อไปอูซ่ ่งใตไ้ ดแ้ พร่หลายไปยงั ยโุ รปโดยผา่ นทางประเทศแถบอาหรับในสมยั น้นั ชาวอาหรับจะเลือกเขม็ ทิศหนา้ ตาของกะลาสีการคิดคน้ ประดิษฐเ์ ขม็ ทิศมีอิทธิพลตอ่ อุตสาหกรรมเดือนเรือเป็ นอยา่ งมากและนบั วา่ เป็นการพลิกโฉมประวตั ิศาสตร์การเดินเรือของโลกในตอนตน้ ราชวงศห์ มิงเจิ้งเหอไดน้ าลูกเรือสารวจพ้ืนท่ีทางทะเลถึง7 คร้ังในศตวรรษท่ี15 โคลมั บสั ไดค้ น้ พบแผน่ ดินใหมแ่ ละแมกเจลแลนดไ์ ดล้ ่องเรือรอบโลกเป็นตน้ เหตุการณ์เหล่าน้ีลว้ นเป็ นผลมาจากการประยกุ ตใ์ ชเ้ ขม็ ทิศในอุตสาหกรรมการเดินเรือ Chinese2u
5 แบบฝึ กหัดท้ายบทที่ 11. ใครเป็นผคู้ น้ พบวธิ ีการวธิ ีการใหม่ในการทากระดาษ……………………………………………………………………………………………..2. สมยั ปลายราชวงศส์ ุยและราชวงศถ์ งั ตอนตน้ เทคนิคการทากระดาษไดแ้ พร่หลายไปยงั ประเทศใดบา้ ง ……………………………………………………………………………………………..3. ตวั อกั ษรบนกอ้ นดินเหนียวส่ีเหลี่ยมเล็กๆกอ้ นละตวั อกั ษรไดเ้ รียกวา่ อะไร ……………………………………………………………………………………………..4. เทคโนโลยกี ารพมิ พพ์ ฒั นาและเผยแพร่ไปสู่ท่ีใดบา้ ง ……………………………………………………………………………………………..5. ดินปื นถูกคน้ พบระหวา่ งข้นั ตอนใดของคนจีนโบราณ ……………………………………………………………………………………………..6. ดินปื นไดเ้ ผยแพร่ไปยงั ยโุ รปกไ็ ดม้ ีการคิดทดลองเพื่อใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………..7. การประดิษฐเ์ ขม็ ทิศของจีนเป็นการช่วยแกป้ ัญหาในเร่ืองใด ……………………………………………………………………………………………..8. การคิดคน้ ประดิษฐเ์ ขม็ ทิศมีอิทธิพลต่อดา้ นใด …………………………………………………………………………………………….
6บทที่ 2 จางเหิงและเครื่องมือวดั แผ่นดินไหวและเคร่ืองมือบอกตาแหน่งของดวงดาว张衡和地动仪浑天{ Zhānghéng hé dìdîngyí hùn tiān} ในหอ้ งโถงนิทรรศการของพิพธิ ภณั ฑป์ ระวตั ิศาสตร์แห่งประเทศจีนที่เมืองปักกิ่งไดต้ ้งั แสดงแบบจาลองของเครื่องมือวดั แผน่ ดินไหวชิ้นแรกในโลกผทู้ ่ีประดิษฐท์ ี่คน้ เครื่องมือน้ี ไดแ้ ก่นกั วทิ ยาศาสตร์ท่ีมีช่ือเสียงของสมยั ฮนั่ ตะวนั ออกช่ือวา่ จางเหิง เป็ นชาวหนงั หยงัมณฑลเหอหนาน เขาไดข้ ยนั ศึกษาหาความรู้อา่ นหนงั สือเป็นจานวนมากโดยเฉพาะทางดา้ นดาราศาสตร์ปฏิทิน และคณิตศาสตร์ เป็นนกั วทิ ยาศาสตร์ที่มีความสามารถและความรู้อยา่ งกวา้ งขวางท่านหน่ึงในปี ค.ศ. 132 จางเหิงไดส้ ร้างเคร่ืองมือวดั แผน่ ดินไหวซ่ึงสามารถใชว้ ดั ทิศทางของแผน่ ดินไหวท่ีเมืองหลวงลวั่ หยางเครื่องมือน้ีไดใ้ ชท้ องแดงคุณภาพดีรูปร่างภายนอกคลา้ ยกบั แกว้ น้าชาท่ีมีฝากขนาดใหญ่ภายนอกของอุปกรณ์น้ีจะมีมงั กรที่ยอ้ ยลงมาดา้ นล่างอยู่ 8 ตวั หวั มงั กรแบง่ เป็น8 ทิศทางไดแ้ ก่ ทิศตะวนั ออก ใต้ ตะวนั ตก เหนือ ตะวนั ออกเฉียงใต้ ตะวนั ออกเฉียงเหนือตะวนั ตกเฉียงใต้ตะวนั ตกเฉียงเหนือ ในปากของมงั กรแต่ละตวั จะคาบโลกทองแดงไว้ 1 ลูกบนพ้นื ท่ีตรงกบั ปากมงั กรน้นั จะมีคางคกที่เชิดคอข้ึนและปากกวา้ งนงั่ หมอบอยูจ่ านวน 8 ตวั โครงสร้างภายในของเคร่ืองมือวดั แผน่ ดินไหวน้ีมีความประณีตและมหศั จรรยเ์ ป็นอยา่ งยงิ่ในขณะท่ีเกิดแผน่ ดินไหวในทิศทางใดทิศทางหน่ึงน้นั มงั กรทิศทางน้นั ก็จะอา้ ปากลูกทองแดงก็จะร่วงลงเขา้ ปากคางคกเป็ นการรายงานทิศทางท่ีเกิดแผน่ ดินไหว ในวนั หน่ึงของปี ค.ศ. 138 ปากมงั กรท่ีอยบู่ นเคร่ืองมือทางทิศตะวนั ตกไดค้ ายลูกทองแดงออกปรากฏวา่ ในเขตกานซูในปัจจุบนั ซ่ึงอยหู่ ่างนอกเมืองไปนบั พนั ล้ีไดเ้ กิดแผน่ ดินไหวข้ึนจริงๆในวนั น้นั คร้ังน้ีถือเป็นการรายงานแผน่ ดินไหวโดยใชเ้ คร่ืองมือเป็ นคร้ังแรกของโลก ThaiGodVie w.com
7 จางเหิงสร้างเครื่องมือวดั ตาแหน่งดวงดาวเป็นเคร่ืองแรกของโลก เร่ืองราวสาคญั ทางดาราศาสตร์ท่ีเคยปรากฏข้ึนไดส้ ลกั ไวบ้ นเครื่องมือน้ี ผคู้ นสามารถใชเ้ คร่ืองมือวดั ตาแหน่งดาวในการดูปรากฏการณ์การโคจรของ พระอาทิตย์ พระจนั ทร์ และดวงดาว จางเหิงยงั เป็นวศิ วกรเคร่ืองกลเขาไดเ้ คยประดิษฐอ์ ีแร้งไมซ้ ่ึงสามารถบินไดแ้ ละจีห้ ลกี่ ่เู ชอรถ(รถกลองวดั ระยะทาง)ท่ีสามารถวดั ระยะทางไดเ้ ป็นตน้ ผคู้ นใหค้ วามเคารพรักจางเหิงมากจะจดั กิจกรรมเพ่อื เป็ นการแสดงถึงความเคารพและระลึกถึงเขาบ่อยๆท้งั ยงั ไดต้ ้งั ชื่อภูเขาวงแหวนแห่งหน่ึงที่อุบลพระจนั ทร์ตามช่ือของเขา
8 แบบฝึ กหดั ท้ายบทที่ 21. เครื่องมือวดั แผน่ ดินไหวมีลกั ษณะอยา่ งไร……………………………………………………………………………………………..2. จางเหิงไดส้ ร้างเครื่องมือวดั แผน่ ดินไหวซ่ึงสามารถใชว้ ดั ทิศทางของแผน่ ดินไหวท่ีเมืองใด ……………………………………………………………………………………………..3. นอกจากเคร่ืองมือวดั แผน่ ดินไหวแลว้ ยงั มีเคร่ืองมือใดบา้ งที่จางเหิงไดป้ ระดิษฐข์ ้ึนมา……………………………………………………………………………………………..4.สถานท่ีใดท่ีผคู้ นไดต้ ้งั ช่ือตามช่ือของจางเหิง……………………………………………………………………………………………..
9 บทท3่ี ลกู คดิ และจู่ซ่าน(การคดิ เลขด้วยลูกคดิ ) 算盘和珠算 {Suànpán hé zhūsuàn} ลูกคิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ท่ีเกิดจากการใชก้ ารคานวณแบบซ่วนโฉว เป็ นพฒั นาการมาจากสมยั โบราณท่ีผูค้ นใช้ท่อนไมเ้ ล็กๆในการคิดคานวณ ท่อนไมเ้ ล็กๆเหล่าน้นั ถูกเรียกว่า ซ่วนโฉววิธีการคิดคานวณน้ีเรียกวา่ โฉวซ่วนตอ่ มาสภาพความเป็นอยไู่ ดพ้ ฒั นาข้ึน ความจาเป็ นในการคิดคานวณก็ไดเ้ พ่ิมมากข้ึน การใช้ท่อนไมเ้ ล็กในการคานวณจึงไม่เพียงพอต่อความตอ้ งการ ดงั น้นั ผูค้ นจึงคิดคน้ อุปกรณ์คิดเลขท่ีทนั สมยั มากข้ึน เรียกวา่ ลกู คิดเครื่ องลูกคิดมีลักษณะเป็ นรู ปส่ี เหลี่ยมผืนผ้า กรอบท้ังส่ี ด้านทาด้วยไม้ ด้านในมีไม้ท่อนเล็กๆท่ีมีตาแหน่งตายตวั ท่อนไมเ้ ล็กหน่ึงท่อนเป็ นตวั แทนหน่ึงหลกั โดยมีลูกคิดที่ทาดว้ ยไมส้ อดไวใ้ นท่อนไม้ตรงกลางจะมีไมข้ ้นั กลางเผอ่ื แบง่ เคร่ืองลูกคิดออกเป็ นสองส่วน ท่อนไมเ้ ล็กหน่ึงท่อนเป็ นตวั แทนหน่ึงหลกัโดยมีลูกคิดที่ทาดว้ ยไมส้ อดไวใ้ นท่อนไม้ ตรงกลางจะมีไมข้ ้นั กลางเผือ่ แบ่งเครื่องลูกคิดออกเป็ นสองส่วนท่อนไมเ้ ล็กแต่ละท่อนท่ีอยดู่ า้ นบนจะมีลูกคิดสองลูกใส่อยู่ แต่ละลูกจะแทนจานวนห้า ดา้ นล่างจะมีห้าลูกแตล่ ะลูกจะแทนจานวนหน่ึงเมื่อต่อมาลูกคิดใชไ้ ปไดร้ ะยะหน่ึง ผูค้ นก็ไดค้ ิดคน้ สูตรพร้อมกบั เทคนิคการใช้นิ้วมือเพื่อความชานาญในการใชล้ ูกคิด ทาใหก้ ารคิดคานวณแบบน้ีเรียกวา่ จูซ่วน พอมาถึงยคุ ราชวงศห์ มิง ลูกคิดพฒั นาจนสามารถใช้คานวณได้ท้งั การบวก ลบ คูณ หาร พร้อมกบั ใช้ในการคานวณพ้ืนที่ จานวน น้าหนักและปริมาตรของสิ่งของต่างๆ อีกมากมายเนื่องจากลูกคิดมีวิธีการผลิตท่ีง่ายและราคาถูก อีกท้ังวิธีการคิดก็ง่ายและสะดวกดังน้ันลูกคิดมีวิธี ก ารคิ ดก็ง่ ายแล ะส ะดวกดังน้ันลู กคิ ดจึงเป็ นท่ีนิ ย มกันอย่างแพร่ หลาย ในประ เทศจี นจากน้นั จึงค่อยๆแพร่หลายไปยงั ประเทศญี่ป่ ุน เกาหลีและประเทศเพ่ือนบา้ น แบบฝึ กหดั ท้ายบทท่ี 3 China Radio International
10แบบฝึ กหัดท้ายบทที่ 31. ซ่วนโฉว คืออะไร ………………………………………………………………………………………2. เคร่ืองลูกคิดมีลกั ษณะเป็นอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………3. การใชน้ ิ้วมือเพ่ือความชานาญในการใชล้ ูกคิด หรือเรียกวา่ วธิ ีการคิดคานวณแบบใด …………………………………………………………………………………………4. ยคุ ราชวงศห์ มิงลูกคิดมีการพฒั นาอยา่ งไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………5. ลูกคิดค่อยๆแพร่หลายไปยงั ประเทศใดก่อนบา้ ง ………………………………………………………………………………………
11บทที่ 4 วชิ าการฝังเขม็ และสมนุ ไพร针灸术 {Zhēnjiǔ shù} \"เจินจ่ิว\" หรื อ \"ฝังเข็ม\" เป็ นวิธีรักษาโรคแบบพิเศษของประชาชนจีนท่ีใช้มาเป็ นเวลาหลายพนั ปี ชาวจีนจะใช้เข็มที่ทาจากโลหะหรือแท่นอา้ ย (สมุนไพรชนิดหน่ึง) และมว้ นอา้ ยดาเนินการฝังเข็มหรืออบเฉพาะจุดของร่างกายเพ่ือรักษาโรคจนกระทง่ั ได้สร้างทฤษฏีทางเดินของเลือดลมภายในร่างกายท่ีมีเอกลกั ษณ์เสมือนบุปผางามในสาขาแพทยศาสตร์จีนและยงั เป็นท่ีเล่ืองลือไปทวั่ โลกการฝังเขม็ ประกอบดว้ ย 2 วธิ ีคือฝังเข็มและองั เป็ นส่วนประกอบสาคญั ของแพทยแ์ ผนโบราณจีนโดยทวั่ ไปจะรวมท้งั ทฤษฏีฝังเข็มจุดสาคญั ตามร่างกายเทคนิคการฝังเข็มและเครื่องมือท่ีเก่ียวขอ้ งเป็ นวฒั นธรรมแห่งชนชาติจีนที่มีเอกลกั ษณ์โดดเด่นต้งั แต่การก่อรูปข้ึนการประยุกต์ใช้และการพฒั นาเป็ นมรดกล้าค่าของวฒั นธรรมและวทิ ยาศาสตร์ของจีน ชาวจีนไดใ้ ช้ \"เปี ยนสือ\"(หินชนิดหน่ึง)มากดและนาบตามบางส่วนของร่างกายเพื่อรักษาโรคต้งั แต่ยุคหินใหม่ คมั ภีร์ \"ภูเขาและทะเล\" บนั ทึกไวว้ า่ \"มีหินเหมือนหยก ฝนเป็ นเขม็ ได\"้ ซ่ึงเป็ นขอ้ ความเก่ียวกบั เขม็หินท่ีเก่าแก่ที่สุด ส่วนการรักษาโรคดว้ ยวิธีองั ดว้ ยความร้อนเกิดข้ึนหลงั การใช้ไฟ ซ่ึงในคมั ภีร์ \"หวงตีเ้ น่ยจิง\" สมยั ราชวงศ์ฉินและฮนั่ มีขอ้ ความว่า \"มีความเย็นแทรกเขา้ ร่างกายจนทาให้ป่ วย ตอ้ งใชว้ ิธีองั \" ซ่ึงหมายถึงวิธีการองั น่ันเอง อีกท้งั ยงั ได้บรรยายรูปร่างและวิธีผลิตเข็มไวอ้ ย่างละเอียด รวมท้งั ทฤษฏีและเทคนิคฝังเข็มจานวนมากถึงสมยั ชุนชิวจ้นั กวั๋ การฝังเขม็ มีความสมบูรณ์แบบมากข้ึน มีนายแพทยเ์ ชี่ยวชาญการฝังเข็มจานวนไม่นอ้ ย อย่างเช่น \"เป่ี ยนเช่ีย\" ที่บนั ทึกไวใ้ นหนงั สือ \"สื่อจี\"้ เป็ น 1 ในบรรดาตวั แทนสาคญั เขาไดร้ ับการยกยอ่ งใหเ้ ป็นพระบิดาแห่งแพทยศาสตร์จีน ฝีมือการฝังเขม็ ของเขามีความสุดยอด
12จนกระทงั่ ฟ้ื นชีวิตคนได้ เร่ืองราวเกี่ยวกบั การรักษาโรคใหช้ าวบา้ นไดเ้ ล่าตอ่ กนั ในทุกยคุ ทุกสมยั จนถึงปัจจุบนั ท่ีอาเภอเน่ยชิว มณฑลเหอเป่ ย ยงั มีศาลเจา้ เชี่ยหวางและจดั กิจกรรมบวงสรวงตามประเพณีทอ้ งถ่ินอยู่ คาภีร์ \"การองั ทางเดินของเลือดลม 11 เส้นท่ีขาและ แขน\" และ คมั ภีร์ \"การองั ทางเดินของเลือดลม 11 เส้นท้งั หยินและหยาง\" ที่ขุดพบในสุสานราชวงศ์ฮั่น \"หม่าหวางตุย\" เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน และ หนังสือ \"ทางเดินของเลือดลม\" ท่ีขุดพบจากสุสาน ราชวงศฮ์ น่ั เมืองจางเจียซาน มณฑลหูเป่ ย ต่างไดบ้ นั ทึก การหมุนเวียนของทางเดินเลือดลมและโรคชนิดต่างๆ นอกจากน้ีท่ีสุสานราชวงศ์ฮนั่ ตะวนั ตกในอาเภอซวนเปาซาน เมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน มีการขุดพบไมแ้ กะสลกั หุ่นคนทาสีดา โดยมีการวาดภาพเส้นทางการเดินของเลือดลม ซ่ึงนบั เป็นหุ่นคนสาหรับแสดงทางเดินเลือดลมท่ีเก่าแก่ท่ีสุดของจีนท่ีไดค้ น้ พบ จนถึงราชวงศส์ ุยและถงั การฝังเขม็ ไดพ้ ฒั นาเป็นสาขาวชิ า มีหนงั สือเกี่ยวกบั การฝังเขม็ มากข้ึนเน้ือหาหลากหลาย และถูกเรียบเรียงในวชิ าอบรมแพทยศาสตร์ของรัฐบาลอยา่ งเป็นทางการ ที่สานกัโรงพยาบาลประจาราชสานกั มีตาแหน่งนายแพทยฝ์ ังเขม็ หลายระดบั เช่น หมอ ผชู้ ่วย ครู ช่าง และนกั เรียนสมยั ราชวงศซ์ ่งเหนือ แพทยห์ ลวงหวาง เหวยอี ไดร้ วบรวมความรู้และเรียบเรียงจุดบนร่างกายใหเ้ ป็นระบบโดยประพนั ธ์ไวใ้ นหนงั สือ \"ภาพและคมั ภีร์เก่ียวกบั การฝังเขม็ บนหุ่นทองแดง\" และเผยแพร่ไปทวั่ ประเทศมีการหลอมหุ่นทองแดงข้ึนมาเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนอยา่ งประณีตเหมือนคนจริง โดยไดผ้ ลกั ดนั การพฒั นาวชิ าฝังเขม็ เป็นอยา่ งมาก ต่อมาในสมยั ราชวงศห์ มิงและราชวงศ์ชิง ทฤษฏีการฝังเข็มไดพ้ ฒั นาสูงข้ึนไปอีก มีการปรับปรุงเทคนิคและเครื่องมือให้ดีข้ึน มีสาขาวิชาท่ีเกี่ยวขอ้ งต่างๆ และผูเ้ ช่ียวชาญจานวนมากมาย ทาให้วิชาการฝังเขม็ มีความกา้ วหนา้ อยา่ งมาก การรักษาโรคดว้ ยวธิ ีการฝังเขม็ มีเอกลกั ษณ์เป็นอยา่ งยง่ิ สามารถใชก้ บั ผปู้ ่ วยไดโ้ ดยทว่ั ไป ไดผ้ ลรักษารวดเร็วและชดั เจน มีความสะดวกและเรียบง่าย ค่ารักษานอ้ ย ไม่มีผลแทรกซ้อนจึงเผยแพร่ไปยงั ญี่ป่ ุน เกาหลี อินเดีย และประเทศอาหรับต้งั แต่สมยั ราชวงศถ์ งั และไดเ้ ติบโตและเจริญข้ึนเป็ นแพทยศาสตร์วิชาฝังเข็มท่ีมีเอกลกั ษณ์ทอ้ งถิ่น จนถึงปัจจุบนั การฝังเข็มไดเ้ ผยแพร่หลายไปยงั ทว่ั โลกกวา่ 140 ประเทศและเขตแควน้ แสดงบทบาทยง่ิ ใหญแ่ ก่การรักษาสุขภาพของมวลมนุษย์
13 แบบฝึ กหดั ท้ายบทท่ี 41. ฝังเขม็ มีช่ือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ อะไร ……………………………………………………………………………………………..2. ใครเป็นพระบิดาแห่งแพทยศาสตร์จีน ……………………………………………………………………………………………..3. การรักษาโรคดว้ ยวธิ ีการฝังเขม็ มีเอกลกั ษณ์อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………..4. หนงั สือ \"ทางเดินของเลือดลม\"ไดบ้ นั ทึกเกี่ยวกบั อะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………..5. การฝังเขม็ ไดเ้ ผยแพร่ไปยงั ทว่ั โลกกี่ประเทศ …………………………………………………………………………………………….
14บทท่ี 5 การแพทย์แผนจีนและยาจีน 中医中药 {Zhōngyī zhōngyào}ตานานแพทย์แผนจีนเรียนรู้ก่อนรักษา แพทยแ์ ผนจีนเป็นศาสตร์การแพทยม์ ีประวตั ิศาสตร์มายาวนานกวา่ 5,000 ปี เป็นการผสมผสานระหวา่ งวฒั นธรรมจีนโบราณศาสตร์แห่งธรรมชาติ ศาสนา ปรัชญาโบราณและอ่ืนๆอีกมากมายเขา้ ไว้ดว้ ยกนั เป็นองคร์ วมซ่ึงนบั วา่ เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ที่โดดเด่นของศาสตร์น้ี ความเป็ นมา เบ้ืองตน้ แพทยแ์ ผนจีนถือกาเนิดข้ึนมาจากการสงั เกตและจดบนั ทึกสิ่งต่างๆในชีวติ ประจาวนั ของชาวจีนโบราณท้งั ท่ีไดม้ าดว้ ยความต้งั ใจหรือพบเจอโดยบงั เอิญ เช่น สังเกตชีวติ สตั ว์ตา่ งๆท่ีมีอาการป่ วยแลว้ กินพืชหรือหญา้ แปลกๆที่ตา่ งไปจาอาหารหลกัที่กินเป็นประจา เป็นตน้ และยงั ดึงเอาทฤษฎีของศาสตร์ต่างๆไม่วา่ จะเป็นโหราศาสตร์ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ตรรกศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ชีวศาสตร์ จิตวทิ ยาฯลฯรวมถึงหลกั ปรัชญาต่างๆ เช่นหลกั หยนิ -หยาง ทฤษฎีปัญจธาตุ หรือที่เรารู้จกั กนั ในทฤษฎี 5 ธาตุ มาผสมผสานรวมเป็นทฤษฎีแพทยแ์ ผนจีนในปัจจุบนั ยคุ สมยั จากหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ต่างๆพบวา่ การแพทยข์ องชาวจีนโบราณมีมายาวนานโดยในยคุราชวงศฉ์ ินไดค้ น้ พบการบนั ทึก 16 โรคลงบนกระดองเต่าซ่ึงครอบคลุมโรคทางอายรุ กรรม ศลั ยกรรม โรคระบบประสาทและสมอง โรคเกี่ยวกบั ดวงตา โรคทางระบบหูคอจมูก โรคทางทนั ตกรรม โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรคทางสูตินรีเวชกุมารเวช รวมถึงโรคติดต่อตา่ งๆ เม่ือเข้าสู่ยคุ ของชุนชิว- จ้านกว๋ั ทฤษฎีแพทยแ์ ผนจีนก็มีความเป็นระบบมากยง่ิ ข้ึนจนถึงยคุ ราชวงศ์ฉิน-ฮ่ันไดม้ ีการแตง่ คมั ภีร์ทางการแพทยช์ ื่อ“หวงตี-้ เน่ยจิง”ซ่ึงรวบรวมทฤษฎีปรัชญาและอธิบายการเกิดโรควธิ ีตรวจวนิ ิจฉยั และรักษาตามหลกั แพทยแ์ ผนจีนไวอ้ ยา่ งครบถว้ นเป็นคมั ภีร์ที่เก่าแก่ท่ีสุดซ่ึงมีการสืบทอดความรู้มาจนถึงปัจจุบนั
15 ต่อมาในยคุ ราชวงศ์ฮั่นมีนายแพทยท์ า่ นหน่ึงชื่อ จางจ้งจ่ิง ไดแ้ ตง่ คมั ภีร์ช่ือ“ซางหันจ๋าปิ้ งลุ่น”ข้ึนมาซ่ึงอธิบายถึงโรคต่างๆท้งั โรคท่ีเกิดจากภายในและภายนอกพร้อมบรรยายถึงการดาเนินของโรคการใชย้ ารักษาและการใชเ้ ขม็ รักษาไวอ้ ยา่ งครบถว้ นสมบูรณ์ นอกจากน้ี จางจ้งจ่ิง ยงั ไดค้ ิดคน้ วธิ ีตรวจวนิ ิจฉยั โรคท่ีเป็ นเอกลกั ษณ์เฉพาะของแพทยแ์ ผนจีน ซ่ึงก็คือการ“เปี้ ยน-เจิง้ ลุ่นจื้อ”หมายถึงการแยกแยะวนิ ิจฉยั โรคตามกลุ่มอาการและการวางแผนการรักษาท่ียงั คงยดึ ถือเป็นแบบแผนถึงปัจจุบนั น้ี คมั ภีร์ตา่ งๆเหล่าน้ีเป็นรากฐานสาคญั ที่ทาให้เกิดการพฒั นาต่อยอดความรู้ของแพทยแ์ ผนจีนในยคุ หลงั ๆ นอกจากน้ีในยคุ ราชวงศฮ์ น่ั กม็ ีแพทยอ์ ีกทา่ นหน่ึงซ่ึงเป็ นที่รู้จกั กนั โดยทวั่ ไปเน่ืองจากมีชื่อปรากฏในวรรณกรรมจีนเรื่องสามกก๊ มีการนาชีวประวตั ิทา่ นมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครทีวมี ากมายซ่ึงก็คือนายแพทยฮ์ วา่ ถวั ท่านเป็ นแพทยผ์ เู้ ชี่ยวชาญทางดา้ นศลั ยกรรมและไดค้ ิดคน้ สูตรยาสลบ ยาชา เพ่อื ใชใ้ นการผา่ ตดั แต่น่าเสียดายท่ีคมั ภีร์ที่ท่านไดเ้ ขียนข้ึนถูกเผาทาลายโดยภรรยาของผคู้ ุมเรือนจาหลงั จากที่ทา่ นไดม้ อบใหก้ บั ผคู้ ุมเรือนจาในบ้นั ปลายชีวติ ขณะท่ีถูกคุมขงั อยู่ ในยคุ ราชวงศ์จิน้ ->สุย ->ถังน้นั แพทยแ์ ตล่ ะทา่ นไดน้ าคมั ภีร์ หวงตี้ เน่ยจิง และ คมั ภีร์ซางหนั จาปิ้ งลุ่น มาศึกษาเพื่อเป็ นพ้ืนฐานในการต่อยอดแต่งคมั ภีร์ทางการแพทยเ์ ล่มอื่นๆข้ึนมาอีกมากมายไม่ว่าจะเป็ นคมั ภีร์ช่ือ“ม่ายจิง”แต่งโดยนายแพทยห์ วงั ซูเหอซ่ึงไดก้ ล่าวถึงชีพจรต่างๆไวม้ ากมายคมั ภีร์“เจินจิ่วเจี๋ยอ่ีจิง”แต่งโดยนายแพทยห์ วงผู่ม่ีซ่ึงเป็ นคมั ภีร์ที่อธิบายเก่ียวกบั การฝังเข็มที่เก่าแก่ท่ีสุดที่สืบทอดมาถึงปัจจุบนั โดยไดบ้ นั ทึกจุดฝังเขม็ ไวก้ วา่ 600 จุด ในยคุ ราชวงศ์จิน้ และราชวงศ์ถัง ก็มีการแต่งคมั ภีร์ชื่อ“เชียนจินเย่าฟาง ”และ“เชียนจินอฟี้ ัง”โดยนายแพทยซ์ ุนซือเหม่ียว คมั ภีร์ดงั กล่าวถือไดว้ า่ เป็นสารานุกรมทางการแพทยท์ ี่สมบูรณ์เล่มหน่ึงทีเดียวนอกจากน้ีในยคุ น้ียงั มีการแต่งคมั ภีร์ท่ีเก่ียวกบั โรคทางศลั ยกรรมสูตินรีเวชกมุ ารเวช หูตาคอจมูกและอ่ืนๆอีกมากมายจึงถือไดว้ า่ เป็ นยคุ แห่งการพฒั นาทางการแพทยแ์ ผนจีนท่ีค่อนขา้ งสาคญั ทีเดียว ต่อมาในยุคราชวงศ์ซ่ง ->จิน ->หยวนมีการพฒั นาศาสตร์แพทยแ์ ผนจีนข้ึนไปอีกข้นั หน่ึงซ่ึงแพทย์ต่างๆในยคุ น้ีไดป้ ระยกุ ตพ์ ้นื ฐานทฤษฎีแพทยแ์ ผนจีนผนวกเขา้ กบั ประสบการณ์ต่างๆของตวั เองและได้ก่อต้งั สานกั การแพทยต์ า่ งๆข้ึนมากมายโดยในยคุ น้ีมีนายแพทยท์ ่ีมีช่ือเสียงถึง 4 ทา่ นซ่ึงมีสานกั เป็นของตวั เอง
16 ในยุคราชวงศ์หมิง ->ชิง มีการแตง่ คมั ภีร์เก่ียวกบั โรคที่มีความร้อนโรคระบาดตา่ งๆและมีสานกั การแพทยท์ ี่มีชื่อเสียงเกิดข้ึน 4 สานกั ตอ่ มาหลงั สงครามฝ่ิ นของจีนเป็นช่วงที่มีการเผยแพร่การแพทยแ์ ผนตะวนั ตกมายงั ประเทศจีนมีนายแพทยท์ ่านหน่ึงชื่อจางซีฉุนไดก้ ล่าววา่ “การแพทยไ์ ม่ควรหยดุ อยทู่ ี่คมั ภีร์หวงตเี้ น่ยจิงแตค่ วรนาจุดเด่นของแพทยต์ ะวนั ตกมาพฒั นาแพทยแ์ ผนจีนต่อไป”ท่านจึงไดแ้ ต่งคมั ภีร์ช่ือ“อเี สว๋จงจงชันซีลู๋” หลงั จากค.ศ.1956 เป็นตน้ มาประเทศจีนรณรงคใ์ หผ้ สมผสานองคค์ วามรู้ระหวา่ งแพทยแ์ ผนจีนกบัแพทยแ์ ผนตะวนั ตกและไดน้ าเทคโนโลยตี า่ งๆท่ีทนั สมยั มาวจิ ยั ศาสตร์แพทยแ์ ผนจีนอีกดว้ ยจึงทาใหร้ ะบบทฤษฎีแพทยแ์ ผนจีนไดร้ ับการพฒั นาต่อเนื่องอยา่ งรวดเร็ว จากบทความขา้ งตน้ ทาให้รู้วา่ ประวตั ิศาสตร์จีนมีแพทยจ์ ีนที่มีชื่อเสียงจานวนมากซ่ึงแตล่ ะทา่ นช่วยกนั คิดคน้ และพฒั นาการแพทยใ์ นแต่ละยคุ สมยั จึงทาใหร้ ะบบทฤษฎีตา่ งๆของแพทยแ์ ผนจีนมีความสมบูรณ์มากข้ึนเรื่อยๆปัจจุบนั แพทยแ์ ผนจีนเป็นระบบการแพทยท์ ่ีมีองคค์ วามรู้สมบูรณ์และมีประวตั ิเก่าแก่ที่สุดสาขาหน่ึงซ่ึงการตรวจวนิ ิจฉยั ทาได้ 4 วธิ ีคือการ“มองฟังถามจบั ”และมีวธิ ีรักษาท้งั การใชส้ มุนไพรจีนการฝังเขม็ การรมยาการนวดทุยหนาช่ีกงและการรักษาโดยใชอ้ าหารเป็ นยา เป็นตน้
17 แบบฝึ กหดั ท้ายบทที่ 51. หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์การแพทยข์ องชาวจีนโบราณไดม้ ีการบนั ทึกไวก้ ี่โรค อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………2.ยคุ ราชวงศใ์ ดท่ีมีการแต่งคมั ภีร์ทางการแพทยช์ ่ือ“หวงตี-้ เน่ยจิง” และมีการรวบรวมทฤษฎีปรัชญาและอธิบายเกี่ยวกบั อะไร …………………………………………………………………………………………………3.หลงั จากค.ศ.1956 เป็นตน้ มาระบบทฤษฎีแพทยแ์ ผนจีนไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………4.คมั ภีร์เล่มใดที่ไดน้ าจุดเด่นของแพทยต์ ะวนั ตกมาพฒั นาแพทยแ์ ผนจีน …………………………………………………………………………………………………5.การตรวจวนิ ิจฉยั ของแพทยแ์ ผนจีนสามารถทาไดก้ ี่วธิ ี อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………
18 กจิ กรรมการเรียนรู้บทท่ี 1 - แบบฝึกหดั ทา้ ยบท - ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่มออกเป็ น 4 กลุ่ม เท่าๆกนั ส่งตวั แทนแต่ละกลุ่มมาจบั ฉลากหวั ขอ้ บทท่ี 1ในเรื่องส่ี ส่ิงประดิษฐท์ ี่ยงิ่ ใหญ่แลว้ ให้ช่วยกนั สรุปทาเป็นมายแมพลงในกระดาษชาร์ทตามหวั ขอ้ ที่ไดจ้ ากน้นั ให้ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียนบทที่2 - แบบฝึกหดั ทา้ ยบท - ใหผ้ เู้ รียนสรุปความรู้บทท่ี 2 ในเร่ืองจางเหิงกบั เครื่องมือวดั แผน่ ดินไหวและเครื่องมือบอกตาแหน่ง ของดวงดาว ลงในกระดาษA4บทที่3 - แบบฝึกหดั ทา้ ยบท - ใหผ้ เู้ รียนจบั คูก่ นั สรุปความรู้บทท่ี 3 ในเรื่องลูกคิดและจู่ซ่าน(การคิดเลขดว้ ยลูกคิด) ลงในกระดาษA4บทที่4 - แบบฝึกหดั ทา้ ยบท - ใหผ้ ูเ้ รียนแบ่งกลุ่มเท่าๆกนั หาขอ้ มูล บทท่ี 4ในเรื่องของวิชาการฝังเข็มและสมุนไพรจากน้นั ให้ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียนดว้ ยส่ือเพาเวอร์พอ้ ยบทที่5 - แบบฝึกหดั ทา้ ยบท - ใหผ้ เู้ รียนแบง่ กลุ่มเทา่ ๆกนั หาขอ้ มูล บทที่ 5 ในเร่ืองการแพทยแ์ ผนจีนและยาจีนในแต่ละยคุ วา่ เป็น อยา่ งไรกระดาษแลว้ เขียนลงในกระดาษชาร์ทจากน้นั ใหอ้ อกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน
จ บรรณานุกรมFU HE NAN, CHANG QIANG (บรรณาธิการ).(2548).คูม่ ือการเรียนการสอนภาษาจีน.พมิ พ์ คร้ังท่ี 2.หา้ งหุน้ ส่วนจากดั รุ่งเรืองสาส์นการพิมพ.์ แมนดาริน เอดูเคชน่ัTheOffice Language Council Intermational.(2549).ความรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั วฒั นธรรมประเทศจีน. กรุงเทพฯ:สานกั พิมพส์ ุขภาพใจ บริษทั ตถาตา พบั ลิเคชน่ั จากดั
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: