Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สงครามโลกครั้งที่2

สงครามโลกครั้งที่2

Published by Buchita.pk, 2020-01-29 19:28:53

Description: เพื่อเป็นแนวทางศึกษาเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่2

Search

Read the Text Version

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 1 สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 (World War II) สงครามโลกครงั้ ที่ 2 (World War II) กรณขี องสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 อาจนบั ไดว้ า่ เป็นสงครามครงั้ รนุ แรงและยง่ิ ใหญ่ทส่ี ดุ เท่าทเ่ี คย อุบตั ขิ น้ึ เพราะสงครามครงั้ น้ไี ดข้ ยายสมรภูมริ บออกไปทวั่ โลกในระยะเวลาอนั รวดเร็ว โดยครอบคลุม อาณาบรเิ วณทงั้ ในยโุ รป แอฟรกิ าเหนือ เอเชยี ตะวนั ออก และมหาสมทุ รแปซฟิ ิก เป็นความขดั แยง้ ในวง กวา้ ง ครอบคลมุ ทุกทวปี และประเทศสว่ นใหญ่ในโลก เรม่ิ ตน้ ในปี พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) และดาเนนิ ไป จนกระทงั่ สน้ิ สดุ ในปี พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) ไดช้ ่อื วา่ เป็นสงครามทม่ี ขี นาดใหญ่และทาใหเ้ กดิ ความ สญู เสยี ครงั้ ใหญ่ทส่ี ุดในประวตั ศิ าสตรโ์ ลก ข้อมลู ทวั่ ไป ช่วงเวลา : การรบเกดิ ขน้ึ เมอ่ื 1 กนั ยายน พ.ศ. 2482(ค.ศ. 1939) - 2 กนั ยายน พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) วนั เรม่ิ ตน้ สงคราม ทอ่ี าจเป็นไปไดท้ งั้ - วนั ท่ี 1 กนั ยายน พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) ทเ่ี ยอรมนั รกุ รานโปแลนด,์ -วนั ท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) ทญ่ี ป่ี นุ่ รกุ รานจนี (วนั เรมิ่ ตน้ สงครามจนี -ญป่ี นุ่ ครงั้ ท่ี 2) - ปี พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) ทญ่ี ป่ี นุ่ รกุ แมนจเู รยี วนั สน้ิ สุดสงคราม - สงครามในยโุ รปสน้ิ สุดเมอ่ื เยอรมนยี อมจานนในวนั ท่ี 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - ในเอเชยี ยงั ดาเนินต่อไปจนกระทงั่ ญป่ี นุ่ ยอมจานนในวนั ท่ี 15 สงิ หาคม ปีเดยี วกนั สถานท่ีทาการรบ : ยโุ รป(ยโุ รปตะวนั ตกและตะวนั ออก), เอเชยี อาคเนย(์ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต)้ , ตะวนั ออกกลาง, ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน และแอฟรกิ า ตงั้ แต่มหาสมทุ รแอตแลนตกิ ,มหาสมทุ รแปซฟิ ิก ภมู ภิ าคตะวนั ออกกลาง ผลการรบ : ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รเป็นฝา่ ยชนะสงคราม ประเทศที่มีส่วนรว่ มในสงครามครงั้ นี้ : สองฝา่ ยคอื ฝา่ ยอกั ษะ และ ฝา่ ยพนั ธมติ ร โดยประเทศเลก็ ๆ ส่วนใหญ่แลว้ ประเทศจะเขา้ รว่ มฝา่ ยตาม ประเทศเพอ่ื นบา้ นทแ่ี ขง็ แกรง่ เป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายอกั ษะ (Axis Powers) ฝ่ายพนั ธมิตร ฝา่ ยทก่ี ่อสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง ฝา่ ยพนั ธมติ รประกอบไปดว้ ย องั กฤษ ฝา่ ยอกั ษะประกอบไปดว้ ยแกนนาหลกั คอื ฝรงั่ เศส สหภาพโซเวยี ต จนี และ เยอรมนี อติ าลี และ ญป่ี นุ่ ในนามของกลุ่มอกั ษะ สหรฐั อเมรกิ า โรม-เบอรล์ นิ -โตเกยี ว (Rome-Berlin-Tokyo ซง่ึ ประเทศทงั้ 5 น้ตี ่อมาไดเ้ ป็นสมาชกิ ถาวร

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 2 Axis)ทม่ี กี ารแถลงวตั ถุประสงคห์ ลกั ในตอนตน้ วา่ ของคณะมนตรคี วามมนั่ คงแห่งสหประชาชาติ เพ่อื ต่อตา้ นขบวนการคอมมวิ นสิ ตส์ ากล (UN) ประเทศแกนนา แกนนาหลกั อติ าลี (นาโดย เบนโิ ต มสุ โซลนิ ี) สหราชอาณาจกั ร(องั กฤษ) นาโดยวนิ สตนั นาซเี ยอรมนี (นาโดย อดอลฟ์ ฮติ เลอร)์ เชอรช์ ลิ ล์ ญป่ี นุ่ (นาโดย สมเดจ็ พระจกั รพรรดฮิ โิ ระฮโิ ตะ) สหภาพโซเวยี ต (รสั เซยี ในปจั จบุ นั ) ประเทศอื่นท่ีสนับสนุน ฝรงั่ เศส สหรฐั อเมรกิ า โรมาเนีย สาธารณรฐั ประชาชนจนี ฮงั การี ประเทศอื่นท่ีสนับสนุน บลั แกเรยี ประเทศลเิ บยี ออสเตรเลยี ประเทศอื่นที่ให้ความรว่ มมอื แคนาดา สเปน โครเอเชยี โปรตุเกส ฟินแลนด์ ฟิลปิ ปินส์ ไทย (นาโดย จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม) อนิ เดยี สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 เป็นสงครามทม่ี ขี นาดใหญ่และทาใหเ้ กดิ ความสญู เสยี ครงั้ ใหญ่ทส่ี ดุ ในประวตั ศิ าสตร์ โลก จานวนผเู้ สยี ชวี ติ ในสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ความสญู เสยี ทหารเสยี ชวี ติ พลเรอื นเสยี ชวี ติ เสยี ชวี ติ ทงั้ หมด ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร 17,000,000 นาย 33,000,000 คน 50,000,000 คน ฝา่ ยอกั ษะ (Axis Powers) 8,000,000 นาย 4,000,000 คน 12,000,000 คน รวม 21,000,000 นาย 37,000,000 คน 62,000,000 คน สาเหตขุ องสงคราม 1) ความไม่ยตุ ธิ รรมของสนธสิ ญั ญา ขอ้ บกพรอ่ งของสนธสิ ญั ญาสนั ตภิ าพหลงั สงครามโลก ครงั้ ท่ี 1 มสี าเหตุมาจากประเทศชนะสงคราม และประเทศทแ่ี พส้ งครามต่างกไ็ มพ่ อใจในขอ้ ตกลง เพราะ สญู เสยี ผลประโยชน์ ไมพ่ อใจในผลประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั โดยเฉพาะสนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายสท์ เ่ี ยอรมนั ไมพ่ อใจใน สภาพทต่ี นตอ้ งถูกผกู มดั ดว้ ยสญั ญาและตอ้ งการไดด้ นิ แดน ผลประโยชน์และเกยี รตภิ มู ทิ ส่ี ญู เสยี ไปกลบั คนื มา (ความไมพ่ อใจของฝ่ายผแู้ พใ้ นสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ต่อขอ้ ตกลงสนั ตภิ าพ โดยเฉพาะสนธสิ ญั ญา สนั ตภิ าพแวรซ์ ายส)์ สนธสิ ญั ญาสนั ตภิ าพทไ่ี มเ่ ป็นธรรม ระบใุ หป้ ระเทศทแ่ี พส้ งครามโลกครงั้ ท่ี 1 ชดใช้ ค่าเสยี หาย คา่ ปฏกิ รรมสงครามและเสยี ดนิ แดน เชน่ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ เยอรมนี ตอ้ งเสยี อาณานคิ ม ตอ้ งคนื แควน้ อลั ซาล – ลอเรนแก่ฝรงั่ เศส โปเซนและปรสั เซยี ตะวนั ตกใหโ้ ปแลนด์ มอรสเนท ยเู พนและมลั เมดใี หเ้ บลเยย่ี ม ชเลสวคิ และโฮลสไตน์ใหเ้ ดนมารก์ แควน้ ซเู ดเตนใหเ้ ชคโกสโลวาเกยี และ เมเมลให้

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 3 ลทิ วั เนีย จา่ ยคา่ ปฏกิ รรมสงคราม ปีละ 5 พนั ลา้ นดอลลาร์ ถกู จากดั กาลงั ทหารมที หารไดไ้ มเ่ กนิ 100,000 คน หา้ มเกณฑท์ หารเป็นตน้ จากเหตุการณ์ดงั กล่าวเป็นการกระตุน้ ใหเ้ กดิ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ข้นี ฮติ เลอรแ์ ละพรรคนาซไี ดป้ ลุกระดมต่อตา้ นการเสยี ค่าปฏกิ รรมสงคราม และนาความอดยาก ยากจนมาให้ ประชาชนอยา่ งต่อเน่อื ง สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ (Versailles Treaty) เมอ่ื วนั ท่ี 28 มถิ ุนายน ค.ศ.1919 ซง่ึ นบั เป็นวนั ยตุ ิ สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 แต่สนธสิ ญั ญาฉบบั น้ไี ดร้ ะบุใหเ้ ยอรมนีตอ้ งรบั ผดิ ชอบจา่ ยค่าปฏกิ รรมสงครามจานวน มาก ถูกลดกาลงั ทหารและอาวุธ ถูกยดึ ดนิ แดนอาณานิคม ทาใหเ้ ศรษฐกจิ เยอรมนั ตกต่า ประชาชนตกงาน เกดิ ภาวะขา้ วยากหมากแพงทวั่ ประเทศ ชาวเยอรมนั โกรธแคน้ มาก ฮติ เลอร์ (Adolf Hitler) ไดก้ า้ วขน้ึ สู่ อานาจในชว่ งน้ี สรา้ งกระแสชาตนิ ิยม ฉีกสนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ และพฒั นาอุตสาหกรรมและการทหาร จน กลายเป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ของ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 (World War II) ** เงอ่ื นไข ของ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ เยอรมนีตอ้ งรบั ผลจากการสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 อยา่ งรุนแรง ดงั ต่อไปน้ี 1. เยอรมนีตอ้ งสญู เสยี ดนิ แดนของตนคอื อลั ซาสลอเรน(Alsace Larraine)ใหแ้ ก่ฝรงั่ เศส ตอ้ งยอมยกดนิ แดนภาคตะวนั ออกใหโ้ ปแลนดไ์ ปหลายแห่ง 2. ตอ้ งยอมใหส้ นนบิ าตชาตเิ ขา้ ดแู ลแควน้ ซารเ์ ป็นเวลา 10 ปี 3. เกดิ ฉนวนโปแลนด์ (Polish Corridor) ผา่ นดนิ แดนภาคตะวนั ออกของเยอรมนีเพอ่ื ให้ โปแลนดม์ ที างออกไปส่ทู ะเลบอลตกิ ทเ่ี มอื งดานซกิ ซง่ึ เยอรมนถี ูกบงั คบั ใหย้ กดนิ แดนดงั กล่าวใหโ้ ปแลนด์ เพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ทางเศรษฐกจิ ยงั ผลใหป้ รสั เซยี ตะวนั ออกถูกแยกออกจากส่วนอ่นื ของเยอรมนี ซง่ึ ฮติ เลอร์ ถอื ว่าเป็นสง่ิ ทเ่ี ขาไมอ่ าจยอมรบั ไดต้ ่อไป 4. ตอ้ งสญู เสยี อาณานคิ มทงั้ หมดของตนใหแ้ ก่องคก์ ารสนั นบิ าตชาตดิ แู ลฐานะดนิ แดนใน อาณตั ิ จนกว่าจะเป็นเอกราช 5. ตอ้ งยอมจากดั อาวุธ และทหารประจาการลงอยา่ งมาก 6. ตอ้ งชดใชค้ า่ เสยี หายเป็นจานวนมหาศาลใหแ้ ก่ประเทศทช่ี นะสงคราม 2) ความขดั แยง้ ทางดา้ นอุดมการณ์ทางการเมอื ง ระหว่างระบอบประชาธปิ ไตยกบั ระบอบ เผดจ็ การ ปญั หาทางการเมอื ง และเศรษฐกจิ หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ทาใหห้ ลายประเทศหนั ไปใชร้ ะบอบ เผดจ็ การเพอ่ื แกป้ ญั หาภายใน เช่น เยอรมนแี ละอติ าลี นาไปส่กู ารแบ่งกลุ่มประเทศ เพราะประเทศทม่ี ี ระบอบการปกครองเหมอื นกนั จะรวมกลุ่มกนั ความแตกต่างทางดา้ นการปกครอง กล่มุ ประเทศฟาสซสิ ตม์ คี วามเขม้ แขง็ มากขน้ึ ไดร้ วมกนั เป็น มหาอานาจอกั ษะ (Berlin-Rome-Tokyo Axis) จดุ ประสงคแ์ รก คอื เพ่อื ต่อตา้ นรสั เซยี ซง่ึ เป็น คอมมวิ นิสต์ ต่อมาไดข้ ยายไปส่กู ารต่อตา้ นชนชาตยิ วิ และนาไปสคู่ วามขดั แยง้ กบั ประเทศฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร 3) ลทั ธิชาตินิยมในประเทศเยอรมนี อิตาลี และญ่ีปุ่น เน่ืองจากความไม่เป็นธรรมของ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ และเยอรมนีพฒั นาตนเองจนแขง็ แกร่งเป็นอาณาจกั รเยอรมนีท่ี 3 และมนี โยบายบุก รุกดนิ แดน (นโยบายสร้างชาติภายใต้ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ในอิตาลี นาซีในเยอรมนั และเผด็จ การทหารในญป่ี นุ่ ) 4) ลทั ธนิ ยิ มทางทหาร ไดแ้ ก่ การสะสมอาวุธเพอ่ื ประสทิ ธภิ าพของกองทพั ทาใหเ้ กดิ ความเครยี ดระหว่างประเทศมากขน้ึ และเกดิ ความไมไ่ วว้ างใจซง่ึ กนั และกนั

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 4 5) นโยบายต่างประเทศทไ่ี มแ่ น่นอนขององั กฤษ การใชน้ โยบายออมชอมขององั กฤษเมอ่ื เยอรมนีละเมดิ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ เช่น การเพมิ่ กาลงั ทหารและการรกุ รานดนิ แดนต่างๆ ทาใหเ้ ยอรมนี และพนั ธมติ รไดใ้ จและรกุ รานมากขน้ึ 6) ความอ่อนแอขององคก์ ารสนั นิบาตชาติ เน่อื งจากไมม่ กี องทพั ขององคก์ าร ทาใหข้ าด อานาจในการปฏบิ ตั กิ ารและอเมรกิ าไมไ่ ดเ้ ป็นสมาชกิ จงึ ทาใหอ้ งคก์ ารสนั นิบาต เป็นเครอ่ื งมอื ของประเทศ ทช่ี นะใชล้ งโทษประเทศทแ่ี พส้ งคราม (ความลม้ เหลวขององคก์ ารสนั นิบาตชาตใิ นการเป็นองคก์ รกลางเพ่อื เจรจาไกล่เกลย่ี ขอ้ พพิ าทระหว่างประเทศ) และความอ่อนแอ่ของ องคก์ ารสนั นบิ าตชาติ ทไ่ี มส่ ามารถบงั คบั ประเทศทเ่ี ป็นสมาชกิ และไม่ปฏบิ ตั ติ ามสตั ยาบนั ได้ 7) บทบาทของสหรฐั อเมรกิ า สหรฐั ปิดประเทศโดดเดย่ี ว สมยั ประธานาธบิ ดมี อนโร ตาม แนวคดิ ในวาทะมอนโร(Monroe Doctrine) สหรฐั จะไมแ่ ทรกแซงกจิ การประเทศอ่นื และไมย่ อมใหป้ ระเทศ อ่นื มาแทรกแซงกจิ การของตนเมอ่ื เกดิ วกิ ฤตเศรษฐกจิ หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 และรฐั บาลไมส่ ามารถ แกป้ ญั หาได้ ประชาชนจงึ เลอื กพรรคเดโมแครต(Democratic Party)เขา้ มาเป็นรฐั บาลปกครองประเทศโดย ประธานาธบิ ดี แฟรงคลนิ ดี รสุ เวลท์ ไดร้ บั เลอื กต่อกนั ถงึ สส่ี มยั ( ค.ศ.1933 – 1945 ) 8) สภาวะเศรษฐกจิ ตกต่าทวั่ โลกในชว่ งทศวรรษ 1920 – 1930 โดยเฉพาะชว่ ง ในปี ค.ศ. 1929-1931 ( ภายหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ) วิกฤตการณ์สาคญั ก่อนสงคราม 1. เยอรมนียกเลกิ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายส์ ค.ศ. 1936 และสนธสิ ญั ญาโลคารโ์ ดยการเขา้ ครอบครองแควน้ ไรน์ และ การเพม่ิ กาลงั อาวุธของเยอรมนั 2. สงครามอติ าลรี กุ รานเอธโิ อเปีย ค.ศ. 1936 (พพิ าทระหวา่ งอติ าลกี บั องั กฤษ ในกรณที ่ี อติ าลบี ุกเอธโิ อเปีย) 3. สงครามกลางเมอื งสเปน ค.ศ. 1936 – 1939 4. เยอรมนรี วมออสเตรยี ค.ศ. 1938 5. เยอรมนรี วมเชคโกสโลวาเกยี ค.ศ. 1938 6. อติ าลยี ดึ ครองแอลเบเนีย ค.ศ. 1939 7. ปญั หาฉนวนโปแลนด์ ค.ศ. 1939 8. การขยายอานาจของญป่ี นุ่ ในเอเชยี ค.ศ. 1931 – 1939 (ญป่ี นุ่ รกุ รานแมนจเู รยี แลว้ ตงั้ เป็น รฐั แมนจกู วั เพอ่ื เป็นแหลง่ อุตสาหกรรมและแหล่งทาทุนใหมส่ าหรบั ตลาดการคา้ ของญป่ี นุ่ ) ชนวนระเบิดของสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ชนวนทน่ี าไปส่สู งครามโลกครงั้ ท่ี 2 ฉนวนโปแลนด(์ Polish Corridor) มชี าวเยอรมนีอาศยั อยู่ มาก เยอรมนเี สยี ดนิ แดนสว่ นน้ใี หแ้ ก่โปแลนดต์ ามสนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย์ และฉนวนโปแลนดย์ งั แบง่ แยก ดนิ แดนเยอรมนเี ป็นสองส่วน คอื ส่วนปรสั เซยี ตะวนั ตกและปรสั เซยี ตะวนั ออก ฮติ เลอร์ ขอสรา้ งถนนผ่าน ฉนวนโปแลนดไ์ ปปรสั เซยี ตะวนั ออก องั กฤษและฝรงั่ เศสคดั คา้ น ฮติ เลอรจ์ งึ ยกเลกิ สญั ญาทเ่ี ยอรมนีจะไม่ รกุ รานโปแลนด์ และทาสญั ญาไมร่ กุ รานกบั สหภาพโซเวยี ต เยอรมนีเรมิ่ สงครามดว้ ยการบกุ โปแลนด์ 1 กนั ยายน ค.ศ. 1939 แบบสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg)

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 5 กองทพั เยอรมนีบุกโปแลนดเ์ มอ่ื 1 กนั ยายน ค.ศ. 1939 เน่อื งจากโปแลนดป์ ฏเิ สธทจ่ี ะยก เมอื งท่า ดานซกิ และฉนวนโปแลนดใ์ นเยอรมนี องั กฤษและฝรงั่ เศส ซง่ึ มสี ญั ญาค้าประกนั เอกราชของ โปแลนด์ องั กฤษและฝรงั่ เศสจงึ ยน่ื คาขาดไดเ้ ยอรมนั ถอนทหารออกจากโปแลนด์ เมอ่ื ฮติ เลอรไ์ มป่ ฏบิ ตั ิ ตาม ทงั้ สองประเทศจงึ ประกาศสงครามกบั เยอรมนี เมอ่ื เรมิ่ สงครามนนั้ ประเทศค่สู งครามแบ่งออกเป็น สองฝา่ ย คอื 1. ฝา่ ยอกั ษะ ไดแ้ ก่ เยอรมนี อติ าลแี ละญป่ี นุ่ 2. ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร ไดแ้ ก่ องั กฤษ ฝรงั่ เศสและรสั เซยี ต่อมาประเทศต่าง ๆ กเ็ ขา้ กบั ฝา่ ยใดฝา่ ยหน่ึงจนสงครามไดแ้ ผ่ขยายกลายเป็นสงครามโลก ในปี ค.ศ. 1942 ฝา่ ยอกั ษะ (ญป่ี นุ่ เยอรมนั อติ าล)ี ไดบ้ ุกยดึ ยทุ ธภมู สิ าคญั คอื รสั เซยี แอฟรกิ าเหนือ และแปซฟิ ิก ซง่ึ กป็ ระสบความสาเรจ็ เกอื บทกุ แห่ง โดยเฉพาะญป่ี ุ่นซง่ึ ไดร้ บั ชยั ชนะมาก ทส่ี ุดในการยดึ ครองจกั รวรรดแิ ปซฟิ ิก ทงั้ น้อี าจเน่อื งมาจากอาณานคิ มของตะวนั ตกไมต่ กสกู้ บั ญป่ี นุ่ เพ่อื ชาวยโุ รป ซง่ึ ผดิ กบั ญป่ี นุ่ ทถ่ี อื ประโยชน์จากคาขวญั ทว่ี า่ \"เอเชยี เพอ่ื ชาวเอเชยี \" สาหรบั สงครามในโลกตะวนั ออกนนั้ เรมิ่ ตน้ ขน้ึ ในราว ค.ศ. 1941 เมอ่ื ญป่ี นุ่ โจมตฐี านทพั เรอื ของสหรฐั อเมรกิ าทอ่ี ่าวเพริ ล์ ฮาเบอร์ ในวนั ท่ี 7 ธนั วาคม ปี ค.ศ. 1941 สหรฐั อเมรกิ าจงึ ประกาศสงคราม กบั ญป่ี นุ่ และหลงั จากนนั้ เพยี งไมก่ ว่ี นั เยอรมนีและอติ าลกี ป็ ระกาศสงครามกบั สหรฐั อเมรกิ า เน่อื งจากทงั้ สองประเทศไดท้ าสญั ญาพนั ธมติ รกบั ญป่ี ุ่น จงึ เท่ากบั เป็นแรงผลกั ดนั ใหส้ หรฐั อเมรกิ าเขา้ รว่ มกบั ฝา่ ย สมั พนั ธมติ รอยา่ งเตม็ ตวั รวมทงั้ ประเทศต่าง ๆ ในทวปี อเมรกิ าใตต้ ่างประกาศสงครามตามสหรฐั อเมรกิ า เกอื บทงั้ สน้ิ เหตกุ ารณ์ของสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 - เยอรมนโี จมตโี ปแลนด์ เมอ่ื 1 กนั ยายน ค.ศ. 1939 - วนั ท่ี 3 กนั ยายน ค.ศ. 1939 องั กฤษและฝรงั่ เศสประกาศสงครามกบั เยอรมนี เยอรมนที าการลบแบบสายฟ้าแลบ ไดช้ ยั ชนะอยา่ งรวดเรว็ ไดด้ นิ แดนโปแลนด์ เนเธอรแ์ ลนด์ เบลเยย่ี ม เดนมารก์ และฝรงั่ เศส โจมตอี งั กฤษ รสั เซยี ทางอากาศ ซง่ึ เป็นสงครามทางอากาศทย่ี ง่ิ ใหญ่ ทส่ี ุด สงครามในระยะแรกสมั พนั ธมติ รแพท้ ุกสนามรบ องั กฤษและฝรงั่ เศสประกาศเขา้ รว่ มสงคราม ดา้ นมหาสมทุ รแปซฟิ ิก ญป่ี นุ่ บุกแมนจเู รยี (จนี ) ในปี ค.ศ.1931 และเสนอแผนการทจ่ี ะสถาปนา “วงไพบลู ยแ์ หง่ มหาเอเชยี บูรพา” เพ่อื ผลประโยชน์ ทางดา้ นเศรษฐกจิ และดา้ นอ่นื ๆ ญป่ี นุ่ โจมตฐี านทพั เรอื สหรฐั อเมรกิ าท่ี อ่าวเพริ ล์ ฮารเ์ บอร์ เมอ่ื วนั ท่ี 7 ธนั วาคม ค.ศ. 1941 สหรฐั จงึ เขา้ ส่สู งครามโลกครงั้ ทส่ี อง โดยประกาศสงครามเขา้ รว่ มกบั ฝา่ ยพนั ธมติ ร ขณะเดยี วกนั ญป่ี นุ่ เปิดสงครามในตะวนั ออกเฉียงใตห้ รอื เรยี กว่า “สงครามมหาเอเชยี บรู พา” เมอ่ื เรม่ิ สงคราม สหรฐั อเมรกิ าวางตวั เป็นกลาง แต่เมอ่ื ญป่ี นุ่ โจมตอี ่าวเพริ ล์ ฮาเบอรซ์ ง่ึ เป็น ฐานทพั ของสหรฐั อเมรกิ า ในมหาสมุทรแปซฟิ ิก เมอ่ื วนั ท่ี 7 ธนั วาคม ค.ศ. 1941 สหรฐั อเมรกิ าจงึ เขา้ รว่ ม ในสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 กบั องั กฤษและฝรงั่ เศส ทาใหฝ้ า่ ยพนั ธมติ รมชี ยั ชนะ เมอ่ื วนั ท่ี 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ในระยะแรกของสงครามฝ่ายอักษะได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากวัน D-Day (Decision - Day) ซง่ึ เป็นวนั ทส่ี มั พนั ธมติ รยกพลขน้ึ บกทม่ี อรม์ งั ดี (Nomandy)ประเทศฝรงั่ เศสดว้ ยกาลงั

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 6 พลนับล้านคน เคร่อื งบนิ รบ 11,000 เคร่อื ง เรอื รบ 4,000 ลา วถิ ีของสงครามจงึ ค่อย ๆ เปล่ยี นด้าน กลายเป็นฝา่ ยสมั พนั ธมติ รไดเ้ ปรยี บ การรบในแปซฟิ ิก ญป่ี นุ่ เป็นคสู่ งครามกบั สหรฐั อเมรกิ า สงครามกย็ ตุ ลิ งอยา่ งเป็นรปู ธรรมดว้ ย ชยั ชนะของฝา่ ยสมั พนั ธมติ รโดยการทง้ิ ระเบดิ ปรมาณูลกู แรกช่อื ลติ เตลิ บอย ทเ่ี มอื งฮโิ รชมิ า เมอ่ื วนั ท่ี 6 สงิ หาคม 1945 และลกู ท่ี 2 ชอ่ื แฟตแมน ทเ่ี มอื งนางาซากิ เมอ่ื วนั ท่ี 9 สงิ หาคม ค.ศ. 1945 และวนั ท่ี 14 สงิ หาคม ค.ศ. 1945 ประเทศญป่ี นุ่ ประกาศยอมแพ้ เม่อื ญป่ี นุ่ เซน็ ตส์ ญั ญาสงบศกึ กบั สหรฐั อเมรกิ าบนเรอื รบมสิ ซรู ี ในวนั ท่ี 14 สงิ หาคม ค.ศ. 1945 การยตุ ิลงของสงครามโลกครงั้ ที่ 2 - สมั พนั ธมติ รยกพลขน้ึ บกท่ี ชายฝงั่ แควน้ นอรม์ งั ดี ในวนั ทเ่ี รยี กวา่ “ วนั D-DAY ” - สงครามโลกในยโุ รปสน้ิ สดุ ลงเมอ่ื กองทพั สมั พนั ธมติ รบุกเขา้ เบอรล์ นิ ในเดอื นมถิ ุนายน ค.ศ. 1944 - เม่อื สหรฐั อเมรกิ าท้งิ ระเบิดปรมาณูท่เี มอื งฮโิ รชิมาและเมอื งนางาซากิ ในวนั ท่ี 6และ 9 สงิ หาคม ค.ศ.1945 ใน ค.ศ. 1943 สมั พนั ธมติ รไดป้ ระชุมกนั ทเ่ี มอื งควเิ บก ประเทศแคนาดา ประเดน็ สาคญั ของ การประชุมคอื กองกาลงั ของสมั พนั ธมติ รจะบุกเขา้ ไปถงึ ใจกลางของเยอรมนีและทาลายกองทพั เยอรมนีลง ใหไ้ ด้ โดยมนี ายพลไอเซนเฮาว์ (Eisenhower) เป็นผูบ้ ญั ชาการของสมั พนั ธมติ รในยุโรปตะวนั ตก การ ปฏบิ ตั กิ ารโอเวอรล์ อรด์ (Operation Overlord) นับเป็นการบุกฝรงั่ เศสครงั้ สาคญั ทส่ี ุดในประวตั ศิ าสตร์ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รประกอบดว้ ยทหารสหรฐั อเมรกิ า องั กฤษ แคนาดา และฝรงั่ เศส จานวน 155,000 คน บุก ขน้ึ ฝงั่ นอรม์ งั ดี ทางเหนือของฝรงั่ เศส ในวนั ท่ี 6 มถิ ุนายน ค.ศ. 1944 เรยี กว่าวนั D – Day (Decision Day) ผลของสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 1. มกี ารจดั ตงั้ องค์การสหประชาชาติ(UN : United Nations)เพ่อื ดาเนินงานแทนองคก์ าร สนั นิบาตชาติ ดว้ ยวตั ถุประสงคเ์ พ่อื รกั ษาสนั ตภิ าพของโลกและให้กลุ่มสมาชกิ ร่วมมอื ช่วยเหลอื กนั และ สนับสนุนสนั ตภิ าพของโลก รวมทงั้ การพฒั นาประเทศในด้านต่าง ๆ ซ่งึ นับว่ามคี วามเขม้ แขง็ กว่าเดิม เพราะสหรฐั อเมรกิ าเขา้ รว่ มเป็นสมาชกิ ผกู้ ่อตงั้ และมกี องทหารของสหประชาชาติ(UN) 2. ทาใหเ้ กดิ สงครามเยน็ (Cold War) ตงั้ แต่หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 โดยทป่ี ระเทศสหภาพโซ เวียต(USSR) ในสมยั สตาร์ลินมีนโยบายขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ไปสู่ ยุโรปตะวันออก และเยอรมนี ตะวนั ออก ซ่งึ มที หารรสั เซยี เข้าปลดปล่อยดนิ แดนเหล่าน้ีจากอานาจฮติ เลอร์ในสงครามโลกครงั้ ท่สี อง ขณะทส่ี หรฐั อเมรกิ าต้องการสกดั กนั้ การขยายตวั ดงั กล่าว และเผยแผ่การปกครองแบบเสรปี ระชาธปิ ไตย ในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะดนิ แดนอาณานิคมทป่ี ระกาศเอกราช เป็นประเทศใหม่หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 จนเกดิ สภาวการณ์ทเ่ี รยี กว่า สงครามเยน็ (Cold War) 3. มกี ารนาอาวธุ ทท่ี นั สมยั และระเบดิ ปรมาณูมาใชท้ าใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อชวี ติ และ ทรพั ยส์ นิ มากกว่าสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 4. การเกดิ ประเทศเอกราชใหมๆ่ (ประเทศทเ่ี คยตกเป็นอาณานคิ มของชาตติ ะวนั ตกต่าง

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 7 ประกาศเอกราชของตนเอง ทวั่ โลก โดยเฉพาะในเอเชยี และ แอฟรกิ า และบางประเทศถูกแบง่ ออกเป็น 2 สว่ น เชน่ เยอรมนี เกาหลี เวยี ดนาม 5. สภาพเศรษฐกจิ ตกต่าทวั่ โลก(Great Depression) 6. ความสญู เสยี ทางดา้ นสงั คมและทางจติ วทิ ยา อยา่ งกวา้ งขวาง 7. เกดิ มหาอานาจของโลกใหม่ คอื สหรฐั อเมรกิ า และ สหภาพโซเวยี ต(USSR) หลงั จากสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ซง่ึ ยดื เยอ้ื ยาวนานเกอื บ 6 ปียตุ ลิ ง ลทั ธเิ ผดจ็ การฟาสซสิ ตใ์ น อติ าลี นาซใี นเยอรมนั และเผดจ็ การทหารในญ่ปี นุ่ กล็ ่มสลายลงอยา่ งสน้ิ เชงิ ขณะเดยี วกนั ตาแหน่งชาติ ผนู้ ามหาอานาจของโลกกม็ กี ารปรบั เปลย่ี นไปดว้ ยเช่นกนั กล่าวคอื ในโลกเสรหี รอื โลกประชาธปิ ไตย นนั้ สหรฐั อเมรกิ าไดก้ ้าวขน้ึ สคู่ วามเป็นอภมิ หาอานาจเหนอื องั กฤษและฝรงั่ เศส มใิ ชเ่ พยี งเพราะ สหรฐั อเมรกิ ามยี ทุ โธปกรณ์ทท่ี รงอานุภาพเท่านนั้ แต่เพราะองั กฤษและฝรงั่ เศสไดร้ บั ความบอบช้าจากผล พวงของสงครามครงั้ น้อี ยา่ งมหาศาล จงึ ไมอ่ าจจรรโลงโครงสรา้ งความสมั พนั ธเ์ ชงิ อานาจเดมิ เอาไวไ้ ดอ้ กี ต่อไป อยา่ งไรกต็ าม สหรฐั อเมรกิ ากม็ ไิ ดเ้ ป็นอภมิ หาอานาจเดย่ี วโดยปราศจากค่แู ขง่ เพราะอกี ขวั้ หน่งึ คอื สหภาพโซเวยี ต(USSR) กไ็ ดก้ า้ วขน้ึ สตู่ าแหน่งมหาอานาจในค่ายคอมมวิ นิสต์(โลกสงั คมนยิ ม) ทงั้ ยงั เป็นแกนนาในการเผยแพรอ่ ุดมการณ์การเมอื งแบบสงั คมนิยมออกไปยงั พน้ื ทต่ี ่าง ๆ ทวั่ โลก 8. เกดิ การแบ่งขวั้ อยา่ งชดั เจนของสองมหาอานาจจนนาไปส่เู กดิ ภาวะสงครามเยน็ และการ แบ่งกลมุ่ ประเทศระหวา่ งโลกเสรปี ระชาธปิ ไตยกบั โลกคอมมวิ นสิ ต์ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 สน้ิ สดุ ลงดว้ ย ความพา่ ยแพข้ องฝา่ ยอุดมการณ์ฟาสซสิ ตท์ งั้ ในยโุ รปและเอเซยี และไดเ้ กดิ อุดมการณ์ใหมข่ น้ึ เมอ่ื มกี าร เผชญิ หน้ากนั ระหว่างสหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวยี ต โลกถกู แบ่งแยกออกเป็นสองค่าย กล่าวคอื สหรฐั อเมรกิ าเป็นผนู้ าคา่ ยประชาธปิ ไตย สว่ นสหภาพโซเวยี ตเป็นผู้นาค่ายคอมมวิ นิสต์ ต่างฝา่ ยต่าง พยายามนาเสนอระบบการเมอื งทต่ี นยดึ มนั่ เพ่อื ใหป้ ระเทศอ่นื ๆ รบั ไปใชเ้ ป็นแมแ่ บบการปกครอง และ พยายามแขง่ ขนั กนั เผยแพรอ่ ุดมการณ์ทางลทั ธกิ ารเมอื งของตนในกลุ่มประเทศทเ่ี กดิ ใหมห่ ลงั สงคราม เงอ่ื นไขน้เี องจงึ ก่อใหเ้ กดิ การแขง่ ขนั ขดั แยง้ ทางอุดมการณ์การเมอื งการปกครอง และค่อย ๆ ลุกลาม รนุ แรงจนอยใู่ นสภาพทเ่ี รยี กวา่ “สงครามเยน็ ” (Cold War) 9. เกดิ ปญั หาเกย่ี วกบั ประเทศทแ่ี พส้ งคราม หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ไดเ้ กดิ ปญั หาขน้ึ ในกลุ่ม ประเทศทแ่ี พส้ งคราม เช่น เยอรมนถี ูกแบ่งแยกออกเป็น 1) เยอรมนตี ะวนั ตก ใหอ้ ยใู่ นอารกั ขาของชาตสิ มั พนั ธมติ ร ไดแ้ ก่ สหรฐั อเมรกิ า องั กฤษ และฝรงั่ เศส ฝา่ ยหน่งึ 2) เยอรมนีตะวนั ออกใหอ้ ยใู่ นความอารกั ขาของ สหภาพโซเวยี ต จนกระทงั่ ค.ศ. 1949 ฝา่ ยสหรฐั อเมรกิ าไดจ้ ดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ เสรขี น้ึ ในเยอรมนีตะวนั ตก และตงั้ เป็นสหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนั (เรยี กเยอรมนั นตี ะวนั ตก) ส่วนสหภาพโซเวยี ตกไ็ ดจ้ ดั ตงั้ รฐั สภา ประชาชนขน้ึ ในเยอรมนีตะวนั ออกและปกครองดว้ ยระบอบคอมมวิ นิสต์ จดั ตงั้ เป็นสาธารณะรฐั ประชาธปิ ไตยเยอรมนั ทาใหเ้ ยอรมนถี กู แบง่ ออกเป็น 2 ประเทศ ซง่ึ ปจั จบุ นั ไดต้ กลงมารวมกนั เป็น ประเทศเยอรมนนี บั แต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นตน้ มา หมายเหตุ - ตามขอ้ ตกลงปอตสดมั (Potsdam Declairation) ทาใหเ้ ยอรมนั ถกู แบง่ ออกเป็น 4 เขต

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 8 และถูกยดึ ครองจากกลุ่มประเทศทแ่ี บ่งเป็น 2 ฝา่ ย คอื สหรฐั ฯ องั กฤษ และฝรงั่ เศส ฝา่ ยหน่งึ และสหภาพ โซเวยี ต อกี ฝา่ ยหน่ึง - ความขดั แยง้ เรอ่ื งผลประโยชน์ของสหภาพโซเวยี ตกบั สหรฐั ฯ สง่ ผลใหเ้ ยอรมนั ถูกแบง่ ออกเป็น 2 ส่วนคอื เยอรมนั ตะวนั ตก และเยอรมนั ตะวนั ออก 10. สหรฐั ฯไดเ้ ขา้ ปกครองญป่ี นุ่ เป็นเวลานานถงึ 6 ปี ญป่ี นุ่ ทถ่ี กู ยดึ ครองโดยฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร ทม่ี สี หรฐั อเมรกิ าเป็นผมู้ อี านาจเตม็ แต่เพยี งผเู้ ดยี วใน การวางนโยบายครองญป่ี ่นุ แต่ยงั คงใหญ้ ป่ี นุ่ มรี ฐั บาลและมจี กั รพรรดเิ ป็นประมขุ ของประเทศ สหรฐั อเมรกิ าประสบความสาเรจ็ ในการเปลย่ี นอุดมการณ์ของคนญป่ี นุ่ ใหห้ นั มายอมรบั ฟงั ระบอบการ ปกครองแบบประชาธปิ ไตยและสนั ตภิ าพ ในช่วงทเ่ี กดิ สงครามเกาหลสี หรฐั อเมรกิ าไดเ้ ขา้ ไปช่วยฟ้ืนฟู พฒั นาเศรษฐกจิ ญป่ี นุ่ และช่วยเหลอื ใหญ้ ป่ี นุ่ เปลย่ี นเป็นประเทศอุตสาหกรรม จนกลายเป้นมหาอานาจทาง เศรษฐกจิ ของโลกในปจั จบุ นั 11. ประเทศทเ่ี คยเป็นอาณานิคมไดร้ บั เอกราช บรรดาดนิ แดนทเ่ี คยเป็นอาณานคิ มของชาติ มหาอานาจตะวนั ตกและญ่ปี ่นุ ต่างกท็ ยอยกนั ไดร้ บั เอกราชและแสวงหาลทั ธกิ ารเมอื งของตนเอง ทงั้ ใน เอเชยี และ แอฟรกิ า เช่น ยุโรปตะวนั ออกอยใู่ นคา่ ยคอมมวิ นิสต์ ยโุ รปตะวนั ตกเป็นกลมุ่ ประชาธปิ ไตย สว่ นในเอเชยี นนั้ จนี และเวยี ดนามอยใู่ นค่ายคอมมวิ นสิ ต์ แต่การไดร้ บั เอกราชของชาตติ ่าง ๆ ไดก้ ่อใหเ้ กดิ ปญั หามากมาย เช่น เกาหลภี ายหลงั ไดร้ บั เอกราชภายหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ถกู แบ่งเป็นเกาหลเี หนอื และ เกาหลใี ต้ และไดท้ าสงครามระหวา่ งกนั ค.ศ. 1950 – 1953 (สงครามเกาหล)ี โดยเกาหลเี หนอื ซง่ึ ไดร้ บั ความช่วยเหลอื จากสหภาพโซเวยี ตและจนี คอมมวิ นสิ ตเ์ ป็นผรู้ กุ รานเกาหลใี ต้ องคก์ ารสหประชาชาติ (UN)ไดส้ ่งทหารสมั พนั ธมติ รทน่ี าโดยสหรฐั อเมรกิ าเขา้ ปกป้องเกาหลใี ตไ้ วไ้ ด้ จนต่อมาไดม้ กี ารลงนามใน สญั ญาสงบศกึ ทห่ี มบู่ า้ นปนั มนุ จอมในเขตเกาหลเี หนือ ปจั จบุ นั เกาหลเี หนอื และเกาหลใี ตไ้ ดแ้ ยกออกเป็น 2 ประเทศ โดยแบง่ กนั ทเ่ี สน้ ขนานท่ี 38 องศาเหนือ เวยี ดนามตอ้ งทาสงครามเพอ่ื กอู้ สิ ระภาพของตนจากฝรงั่ เศส และถงึ แมจ้ ะชนะฝรงั่ เศสในการ รบทเ่ี ดยี นเบยี นฟูใน ค.ศ. 1954 แต่เวยี ดนามกถ็ กู แบง่ ออกเป็นเวยี ดนามเหนอื และเวยี ดนามใต้ ทงั้ สอง ประเทศไดต้ ่อสกู้ นั เพราะความขดั แยง้ ในอุดมการณ์ทแ่ี ตกต่างกนั ระหวา่ งคอมมวิ นิสตก์ บั เสรปี ระชาธปิ ไตย ในทส่ี ดุ เมอ่ื สหรฐั อเมรกิ าผสู้ นบั สนุนเวยี ดนามใตย้ ตุ กิ ารใหค้ วามช่วยเหลอื และถอนทหารกลบั ประเทศ เวยี ดนามกร็ วมประเทศไดส้ าเรจ็ ใน ค.ศ. 1975 ในเวลาเดยี วกนั ลาวและกมั พชู าซง่ึ ปกครองโดยรฐั บาล คอมมวิ นสิ ตก์ ต็ กอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลทางการเมอื งของเวยี ดนาม แต่สามารถจดั ตงั้ รฐั บาลของตนเองไดใ้ น เวลาต่อมา รายละเอียดการส้รู บ 1) สมรภมู ิทางตะวนั ตก สมรภมู ทิ างตะวนั ตก ซง่ึ มเี ยอรมนีเป็นฝา่ ยรบั ผดิ ชอบ โดยยงั สามารถแยกยอ่ ยใหเ้ ป็นกลมุ่ ยอ่ ยไดอ้ กี คอื

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 9 1.1 สมรภมู ิในทวีปยโุ รปตะวนั ตก การรบแบบสายฟ้าแลบของเยอรมนี เป็นการพุ่งเป้าหมายการบกุ ของเยอรมนีไปยงั ประเทศ ต่าง ๆ เยอรมนโี จมตที ง้ิ ระเบดิ เครอ่ื งบนิ ของฝา่ ยขา้ ศกึ จานวนมาก หน่วยจโู่ จมทเ่ี รยี กว่า panzer division ของเยอรมนอี นั ประกอบดว้ ย รถถงั ทหารมา้ และทหาราบ - กองทพั นาซเี ขา้ ถลม่ ออสเตรยี และผนวกเขา้ กบั เยอรมนี ลม้ ลา้ งระบอบกษตั รยิ ใ์ นออสเตรยี ลงและนากองทพั เขา้ โจมตฮี งั การี ฮงั การเี กรงกลวั จงึ ประกาศยอมแพแ้ ก่นาซี บกุ โจมตปี ระเทศเบเนลกั ซ(์ เบลเยยี ม เนเธอรแ์ ลนด์ และลกั เซมเบอรก์ ) - เนเธอรแ์ ลนดถ์ กู กองทพั นาซบี ุกทาใหส้ มเดจ็ พระราชนิ ีนาถวลิ เฮลมนี าแหง่ เนเธอรแ์ ลนด์ เสดจ็ ลภ้ี ยั ไปยงั องั กฤษ - นาซบี ุกวนั เบลเยย่ี มและลกั เซมเบอรก์ และทาการผนวก - นาซสี ามารถเขา้ ผนวกฝรงั่ เศสไดอ้ ย่างงา่ ยดาย จากนนั้ เขา้ ถล่มเมอื งเกอเออนคี าแหง่ สเปน ทเ่ี ป็นกลางดว้ ยระเบดิ รวมถงึ โปรตุเกสดว้ ย - ในสแกนดเิ นเวยี โดยการบกุ โจมตเี ดนมารก์ และนอรเ์ วย์ และบบี บงั คบั ใหส้ วเี ดนทเ่ี ป็นกลาง มอบทรพั ยากรทางธรรมชาตใิ หเ้ ยอรมนี ส่วนฟินแลนดเ์ ขา้ รว่ มกบั นาซเี พ่อื เขา้ โจมตดี นิ แดนทเ่ี สยี ใหก้ บั สหภาพโซเวยี ต ซง่ึ เยอรมนีประสบความสาเรจ็ ในการยดึ ครอง - การยทุ ธแห่งเกาะบรเิ ตน(เกาะองั กฤษ)ทไ่ี มป่ ระสบความสาเรจ็ เน่อื งจากการเปลย่ี น ยทุ ธศาสตรข์ องฮติ เลอรท์ ห่ี นั ไปใหค้ วามสาคญั กบั ยโุ รปตะวนั ออกและสหภาพโซเวยี ต - สมรภมู สิ าคญั ของสงครามอกี ครงั้ หลงั จากการยกพลขน้ึ บกทน่ี อรม์ งั ดี ประเทศฝรงั่ เศส และ การยกพลขน้ึ บกทอ่ี ติ าลขี องกองทพั ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รตามปฏบิ ตั กิ ารแอนซโิ อ . เคล่อื นพลอยา่ งชา้ ๆ เขา้ บกุ ประเทศเดนมารก์ นอรเ์ วย์ เนเธอรแ์ ลนด์ เบลเยยี ม ลกั เซมเบริ ก์ และ ฝรงั่ เศส สว่ นองั กฤษยนื หยดั ต่อตา้ นการทง้ิ ระเบดิ จากฝ่ายเยอรมนไี ดส้ าเรจ็ โดยเยอรมนีไมส่ ามารถบกุ เกาะองั กฤษได้ 1.2 สมรภมู ิในทวีปยโุ รปตะวนั ออก ไดแ้ ก่ ในโปแลนด์ กรซี (บางสว่ น) ยโู กสลาเวยี โรมาเนีย และสหภาพโซเวยี ต โรมาเนียนนั้ เขา้ รว่ มกบั นาซแี ละเขา้ ผนวกบลั แกเรยี โดยนายพลเซาเซสคแู หง่ โรมาเนยี ซง่ึ ถ้าไม่นบั รวมโปแลนดแ์ ลว้ ประเทศเหล่าน้ตี อ้ งเผชญิ การรกุ รานจากเยอรมนหี ลงั จากสมรภมู ใิ นทวปี ยุโรปตะวนั ตก ซง่ึ เยอรมนไี ดบ้ ุก เขา้ ไปจนกนิ เน้ือทจ่ี านวนมาก แต่ทว่ากไ็ มอ่ าจเอาชนะฝา่ ยสมั พนั ธมติ รในสมรภมู นิ ้อี ยา่ งถาวร เน่อื งจาก แนวรบทก่ี วา้ งขวางตงั้ แต่ทะเลบอลตกิ (เลนินกราด หรอื เซนตป์ ีเตอรส์ เบริ ก์ ) จนถงึ ล่มุ แมน่ ้าโวลกา้ (สตา ลนิ กราด) และแหลมไครเมยี สภาพอากาศทโ่ี หดรา้ ย และการตอบโตอ้ ย่างหนกั จากสหภาพโซเวยี ต จนทา ใหโ้ ดนฝา่ ยสหภาพโซเวยี ตตโี ตก้ ลบั ไปจนถงึ กรงุ เบอรล์ นิ ในทส่ี ุด สว่ นอติ าลไี ดท้ าการผนวกแอลเบเนยี แต่ ไมส่ ามารถผนวกกรซี ได้ ฮติ เลอรย์ กทพั เขา้ บุกสหภาพโซเวยี ตตามแผนปฏบิ ตั กิ ารรบทม่ี ชี อ่ื ว่าบารบ์ ารอสสา (Operation Barbarossa) ปรากฏว่าในเดอื นมกราคม ค.ศ. 1942 อากาศอนั หนาวเยอื กเยน็ ของมอสโคว์ กระหน่าซ้าเตมิ กองทพั เยอรมนเี หมอื นกบั ทก่ี องทพั ของจกั พรรดนิ โปเลยี นท่ี 1 เคยเผชญิ ใน ค.ศ. 1812

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 10 และตอ้ งพ่ายแพร้ สั เซยี ในสมยั พระเจา้ ซารแ์ ละอะเลก็ ซานเดอรท์ ่ี 1 1.3 สมรภมู ิริมขอบของทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน ไดแ้ ก่ ในไซปรสั กรซี (บางส่วน) ลเิ บยี และอยี ปิ ต์ ซง่ึ พน้ื ทเ่ี หลา่ น้เี คยอยใู่ นอทิ ธพิ ลของ องั กฤษมาก่อน แต่ว่าอติ าลแี ละเยอรมนีตอ้ งการ จงึ ไดเ้ กดิ สมรภมู ทิ ะเลทรายอนั ลอื ลนั่ ขน้ึ จากการทก่ี องทพั อติ าลี ภายใตจ้ อมเผดจ็ การเบนนโิ ต มสุ โสลนิ ี ปราชยั จากการยดึ ครองกรซี และแอฟรกิ าเหนือ ฮติ เลอรจ์ งึ จดั กองทพั เขา้ ชว่ ยทนั ทใี นปี ค.ศ. 1941 ไดเ้ คล่อื นพลจากแนวเกาะครตี ประเทศต่าง ๆ ในแอฟรกิ าเหนอื และตะวนั ออกกลาง ฯลฯ ในตอนแรกนนั้ ฝา่ ยอติ าลไี มส่ ามารถเอาชนะองั กฤษได้ แต่วา่ ต่อมาฮติ เลอรไ์ ดส้ ่งจอมทพั เออรว์ นิ รอมเมลอนั โดง่ ดงั และกองกาลงั Afrika Korp เขา้ มาทาใหส้ ถานการณ์ของฝา่ ยอกั ษะกลายเป็น ฝา่ ยรกุ แต่ในทส่ี ุด เน่อื งดว้ ยฝา่ ยอกั ษะไมส่ ามารถส่งกาลงั บารงุ และทหารมาประจาการในสมรภมู ทิ ะเลเมดิ เตอรเ์ รเนยี นไดม้ าก เน่อื งจากตดิ พนั อยกู่ บั สมรภูมใิ นทวปี ยโุ รปตะวนั ออก และฝา่ ยสมั พนั ธมติ รตอ้ งการ ฐานสนบั สนุนการยกพลขน้ึ บกทอ่ี ติ าลตี ามขอ้ เสนอของนายกรฐั มนตรวี นิ สตนั เชอรช์ ลิ ล์ ดว้ ยความ สนบั สนุนของสหรฐั อเมรกิ า จงึ ไดเ้ กดิ ปฏบิ ตั กิ ารทอรช์ ขน้ึ และสามารถขบั ไลฝ่ า่ ยอกั ษะออกจากแอฟรกิ า เหนือได้ 1.4 การรบในมหาสมทุ รแอตแลนติก การรบในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ นบั เป็นการรบทน่ี องเลอื ด เน่อื งจากเรอื U – boats ของฝา่ ย เยอรมนีสามารถจมเรอื สนิ คา้ ของสมั พนั ธมติ รไดถ้ งึ 3 ลา้ นตนั ไปจนถงึ กลางปี ค.ศ. 1941 ทท่ี างฝา่ ย สมั พนั ธมติ รสามารถสง่ เรอื บนิ คมุ้ กนั เรอื สนิ คา้ จองตนจากการทง้ิ ระเบดิ ของเรอื U – boats ของ เยอรมนี ไดส้ าเรจ็ 2) สมรภมู ิทางตะวนั ออก(เอเชีย) สมรภมู ทิ างตะวนั ออก ซง่ึ รบั ผดิ ชอบโดยญ่ปี นุ่ เป็นดา้ นหลกั โดยมชี อ่ื เรยี กยงั สามารถแยก เป็นกลมุ่ ยอ่ ยไดอ้ กี คอื 2.1 สมรภมู ิในจีน ซง่ึ กองทพั บกญป่ี นุ่ ไดด้ าเนินการมานานก่อนทจ่ี ะเกดิ สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 อยา่ งเป็นทางการ โดยไดท้ าการยดึ ครองเมอื งและบรเิ วณชายฝงั่ ของจนี เป็นสว่ นใหญ่ รวมถงึ การจดั ตงั้ ประเทศแมนจกู วั ซง่ึ มี จกั รพรรดปิ ยู เี ป็นประมขุ และไดท้ าการยดึ ครองกรงุ หนานจงิ (นานกงิ )ทเ่ี ป็นเมอื งหลวงของจนี (ของรฐั บาล ก๊กมนิ ตงั่ ในยคุ นนั้ ) และไดท้ าการสงั หารหมชู่ าวจนี ทโี ดง่ ดงั ขน้ึ ซง่ึ รนุ แรงมากจนกระทงั่ ทาใหส้ มาชกิ พรรค คอมมวิ นิสตใ์ นเมอื งนานกงิ ยงั รบั ไมไ่ ด้ ญป่ี นุ่ ตอ้ งเผชญิ กบั แนวรว่ มต่อตา้ นญ่ปี นุ่ ซง่ึ เป็นการรว่ มมอื ระหว่าง พรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี ซง่ึ มเี หมาเจอ๋ ตงเป็นผนู้ าและพรรคก๊กมนิ ตนั ๋ (ประชาธปิ ไตย)ทม่ี เี จยี งไคเชก็ เป็นผนู้ า หลงั จากเกดิ กรณซี อี นั ขน้ึ ทงั้ ท่ี 2 พรรคน้เี คยเป็นศตั รกู นั มาก่อนโดยพรรคคอมมวิ นิสตไ์ ดท้ าการสู้รบและ ดาเนินการ\"สงครามกองโจร\" ทก่ี ลายเป็นแบบอย่างของสงครามกองโจรยคุ ใหมข่ น้ึ โดยมฐี านทม่ี นั่ หลกั อยทู่ ่ี เยนอาน ตามเขตตอนเหนือและแมนจเู รยี สว่ นพรรคก๊กมนิ ตนั ๋ ไดย้ า้ ยเมอื งหลวงไปอยทู่ ฉ่ี ่งชง่ิ (จุงกงิ )และ

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 11 ไดร้ บั การสนบั สนุนจากสมั พนั ธมติ รทอ่ี ยใู่ นอนิ เดยี บทบาทของพรรคก๊กมนิ ตนั ๋ และพรรคคอมมวิ นิสตจ์ นี ในเรอ่ื งบทบาทความสาเรจ็ ในการต่อตา้ นญป่ี ุ่น พรรคก๊กมนิ ตนั ๋ มงุ่ การปราบคอมมวิ นิสตม์ ากกวา่ การรบกบั ญป่ี นุ่ การรบชนะจนี ซง่ึ เป็นประเทศทไ่ี ดช้ ่อื ว่ายงิ่ ใหญ่ทส่ี ดุ ในเอเชยี นนั้ ยงิ่ ทาใหช้ าตญิ ป่ี นุ่ มคี วาม เชอ่ื มนั่ ในการทหารของตนเอง ทาการรกุ รานประเทศอ่นื ๆอยา่ งไมเ่ กรงกลวั และยงั ประกาศสงครามกบั สหรฐั อเมรกิ าโดยการส่งเคร่อื งบนิ ไประเบดิ เรอื อรโิ ซน่าทอ่ี ่าวเพริ ล์ เป็นชนวนจดุ ระเบดิ สงครามโลกครงั้ ท่ี สองในภมู ภิ าคเอเชยี 2.2 สมรภมู ิในแปซิฟิ คและเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ สมรภมู ดิ า้ นน้ไี ดเ้ รมิ่ ตน้ ขน้ึ เมอ่ื ญป่ี นุ่ โจมตฐี านทพั เรอื หลกั ของกองทพั เรอื สหรฐั อเมรกิ าทอ่ี ่าว เพริ ล์ ฮาเบอร์ และการบกุ ยดึ ประเทศต่างๆในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตร้ วมถงึ ไทยในเดอื นธนั วาคม ค.ศ. 1941 ซง่ึ กองทพั ญป่ี ่นุ ไดบ้ กุ ไปถงึ พมา่ นิวกนิ ี และเกาะกวั ดาคาแนล ซง่ึ ปรากฏว่าหลงั จากสมรภมู ทิ ม่ี ดิ เวย์ การรบทางทะเลแถวหมเู่ กาะโซโลมอนและทะเลปะการงั และการรบทก่ี วั ดาคาแนลแลว้ ปรากฏว่า กองทพั เรอื ญป่ี นุ่ ตอ้ งสญู เสยี อยา่ งหนกั ส่วนกองทพั บกกไ็ มส่ ามารถหากาลงั พลและยทุ โธปกรณ์ได้ เพยี งพอเพอ่ื ปกป้องดนิ แดนทย่ี ดึ ไดใ้ หม่ ในทส่ี ดุ จงึ ถกู กองกาลงั พนั ธมติ รทม่ี สี หรฐั อเมรกิ า องั กฤษ และ ออสเตรเลยี ตโี ตก้ ลบั ไปจนนาไปสคู่ วามพ่ายแพใ้ นทส่ี ดุ 2.3 รายละเอียดการรบครงั้ สาคญั ๆ ในเอเชียแปซิฟิ ก 1. กองทพั จากกวางตุง้ ของญป่ี นุ่ 10,000 คน เขา้ ยดึ ครองสทิ ธเิ หนือดนิ แดน แมนจเู รยี ใกล้ เมอื งมกุ เดน ในค.ศ. 1931 อกี 2 ปีต่อมา ทหารญ่ปี นุ่ กวา่ 100,000 คนเขา้ มาเสรมิ กาลงั ในแมนจเู รยี ของ จนี มากขน้ึ 2. พลเรอื เอกเชสเตอร์ นิมมซิ ไดน้ ากองกาลงั เขา้ ตเี กาะกวั ดาคานลั อย่างดเุ ดอื ด และ ปฏบิ ตั กิ ารรบทม่ี ชี อ่ื ว่า คารต์ เวลล์ (Operation Cartwhell) ทาใหส้ ามารถยดึ เกาะโซโลมอนได้ ในขณะท่ี นายพลดกั ลาส แมกอาเธอร์ ทถ่ี ูกญป่ี นุ่ ขบั ออกจาก ฟิลปิ ปินสไ์ ดย้ กกองกาลงั มาสกดั ญป่ี นุ่ ทเ่ี กาะนิวกนี ี ตามแผนปฏบิ ตั กิ ารคารต์ เวลล์ ทาใหส้ มั พนั ธมติ รสามารถยดึ ฐานทพั ญป่ี ่นุ ทเ่ี มอื งราโบลได้ 3. การรบทอ่ี ่าวเลเต ทซ่ี ง่ึ ทหารญป่ี นุ่ พลชี พี เพ่อื ชาตถิ งึ 50,000 คน ฝา่ ยทหารอเมรกิ นั เสยี ชวี ติ เพยี ง 3,504 คน การรบทางเรอื ทอ่ี ่าวเลเตนนั้ ถอื วา่ เป็นการรบทส่ี าคญั มากทส่ี ดุ ญป่ี นุ่ ตอ้ งสญู เสยี เรอื พฆิ าตถงึ 4 ลา ทหารญ่ปี นุ่ เรม่ิ ปฏบิ ตั กิ ารคามกิ าเซะ (Kamikaze) ทน่ี กั บนิ ยอมสละชวี ติ นาเรอื บนิ ท่ี บรรทกุ ระเบดิ เขา้ ชนเรอื ของฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร 4. การทง้ิ ระเบดิ ปรมณูของสหรฐั อเมรกิ า ทเ่ี มอื งฮโิ รชมิ า ในวนั ท่ี 6 สงิ หาคม ค.ศ. 1945 และ วนั ท่ี 9 สงิ หาคม ค.ศ. 1945 ทเ่ี มอื งนางาซากิ ทาใหค้ นญป่ี นุ่ เสยี ชวี ติ ทนั ทถี งึ 100,000 คน และทาใหญ้ ป่ี นุ่ ตอ้ งยอมจานน สมั พนั ธมติ รไดต้ งั้ ขอ้ หาทหารญป่ี ุ่นจานวน 5,000 คน เป็นอาชญากรสงครามปรากฏว่า ทหารญป่ี นุ่ จานวน 900 คน ถกู ตดั สนิ ประหารชวี ติ ในขอ้ หาทารณุ โหดรา้ ยและคมุ ขงั เชลยศกึ สรปุ ภาพ สถานการณ์การรบในยโุ รป

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 12 สงครามโลกครงั้ ทห่ี น่งึ ยตุ ลิ งในปี ค.ศ. 1918 ดว้ ยความพ่ายแพข้ องเยอรมนั ฝา่ ยพนั ธมติ รใน ขณะนนั้ ประกอบดว้ ย อติ าลี ฝรงั่ เศส องั กฤษและสหรฐั อเมรกิ า ไดร้ ว่ มกนั รา่ งสนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย (the Varsailles treaty) เพ่อื จากดั สทิ ธขิ องเยอรมนั ในอนั ทจ่ี ะเป็นภยั คกุ คามอกี ครงั้ สนธสิ ญั ญาแวรซ์ ายลงนาม ในวนั ท่ี 28 ม.ิ ย. ค.ศ. 1919 สง่ ผลใหก้ องทพั เยอรมนั ถูกจากดั ขนาดใหเ้ ลก็ ลง ดนิ แดนต่างๆ ถูกรบิ หรอื ยดึ ครอง อาทิ ฝรงั่ เศสเขา้ ครอบครองอลั ซาส ลอเรนน์ (Alsace-Lorranine) เบลเยย่ี มยดึ อูเปนและมาลเมดี (Eupen, Malmedy) โปแลนดเ์ ขา้ ครอง Posen และปรสั เซยี ตะวนั ออกบางส่วน ดานซกิ (Danzig) กลายเป็นรฐั อสิ ระ ฝรงั่ เศสเขา้ ควบคมุ เหมอื งถ่านหนิ ในแควน้ ซาร์ (Saar) แลกกบั การทเ่ี ยอรมนั ทาลาย เหมอื งถ่านหนิ ของตน ทางตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ระหวา่ งสงครามโลกครงั้ ทห่ี น่ึง ฝงั่ ตะวนั ออกของแมน่ ้า ไรน์ กลายเป็นเขตปลอดทหาร (Demilitarized) และยดึ ครองโดยฝา่ ยพนั ธมติ รลกึ เขา้ ไป 30 ไมล์ นอกจากน้เี ยอรมนั ยงั ตอ้ งชดใชค้ ่าปฏกิ รรมสงครามเป็นเงนิ อกี 6,600 ลา้ นปอนด์ ในเดอื นมกราคม ค.ศ. 1933 อดอฟ ฮติ เลอร์ ผนู้ าพรรคนาซี ไดข้ น้ึ ดารงตาแหน่ง Chancellor ของประเทศเยอรมนั และเป็นผนู้ าสงู สดุ ของประเทศในทส่ี ดุ (Fuhrer) ในปี ค.ศ. 1935 ฮติ เลอรไ์ ดเ้ รม่ิ ฟ้ืนฟูเศรษฐกจิ ของประเทศทก่ี าลงั ตกต่าอยา่ งรวดเรว็ และในวนั ท่ี 16 มนี าคม ค.ศ. 1935 ฮติ เลอรก์ ็ ประกาศเสรมิ สรา้ งกองทพั เยอรมนั ขน้ึ ใหม่ ซง่ึ เทา่ กบั เป็นการฉีกสนธสิ ญั ญาแวรซ์ าย แต่เน่อื งจากนโยบาย ต่างประเทศของเขา ทพ่ี ยายามแสดงใหพ้ นั ธมติ รเหน็ ว่า เขาไมใ่ ชภ่ ยั คุกคามต่อพนั ธมติ ร และเป็นผทู้ ่ี ตอ้ งการสนั ตภิ าพเช่นเดยี วกบั องั กฤษและฝรงั่ เศส เพยี งแต่ตอ้ งการฟ้ืนฟูประเทศเยอรมนั ทต่ี กต่าเท่านนั้ ทาใหพ้ นั ธมติ รนิ่งเฉยต่อการดาเนินการของฮติ เลอร์ ในเดอื นมนี าคม ค.ศ. 1936 กส็ ่งทหารกลบั เขา้ ไปยดึ ครองแควน้ ไรน์ ทต่ี ามสนธสิ ญั ญาแวร์ ซายกาหนดใหเ้ ป็นเขตปลอดทหาร - ส่งทหารเยอรมนั เขา้ สนบั สนุนกองกาลงั ชาตนิ ิยมของนายพลฟรงั โก ในสงครามกลางเมอื ง ในสเปน - ลงนามเป็นพนั ธมติ รกบั มสุ โสลนิ ีของอติ าลี - เดอื นมนี าคม ค.ศ. 1938 ผนวกออสเตรยี เขา้ เป็นสว่ นหน่งึ ของเยอรมนั ซง่ึ ถอื เป็นจดุ กาเนิด อาณาจกั รใหมข่ องเยอรมนั นนั่ คอื อาณาจกั รไรซท์ ส่ี าม (the Third Reich - new German Empire) - เขา้ ยดึ ครองตอนเหนือของเชคโกสะโลวะเกยี ในเดอื นกนั ยายน ค.ศ. 1938 และยดึ ครองทงั้ ประเทศใน มนี าคม 1939 - เขา้ ยดึ คองเมอื งทา่ เมเมล (Memel) ของลธิ วั เนีย ซง่ึ ประชากรสว่ นใหญ่เป็นคนเชอ้ื สาย เยอรมนั - ยดึ ดานซกิ และส่วนทแ่ี บง่ แยกเยอรมนั กบั ปรสั เซยี ตะวนั ออกของโปแลนด์ เชา้ ของวนั ท่ี 1 กนั ยายน ค.ศ. 1939 เครอ่ื งบนิ ของกองทพั อากาศเยอรมนั หรอื ลุฟวาฟ (Luftwaffe) กเ็ รม่ิ ตน้ การทง้ิ ระเบดิ ถล่มจดุ ยทุ ธศาสตรใ์ นประเทศโปแลนด์ พรอ้ มๆกบั กาลงั รถถงั และทหาร ราบ กเ็ คล่อื นกาลงั ผ่านชายแดนโปแลนดเ์ ขา้ ไปอยา่ งรวดเรว็ เป็นครงั้ แรกทโ่ี ลกไดเ้ หน็ สงครามสายฟ้าแลบ (Blitzkeieg) วนั ท่ี 2 กนั ยายน องั กฤษและฝรงั่ เศส ในฐานะประเทศพนั ธมติ รของโปแลนด์ ยน่ื คาขาดต่อ ฝา่ ยเยอรมนั ใหถ้ อนทหารออกจากโปแลนด์ แต่ฮติ เลอรป์ ฏเิ สธ วนั ท่ี 3 กนั ยายน 1939 ฝรงั่ เศสและ องั กฤษ ประกาศสงครามกบั เยอรมนั ซง่ึ ถอื เป็นจดุ เรม่ิ ต้นของสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 13 ทหารเยอรมนั กาลงั รกุ เขา้ ส่โู ปแลนด์ ภาพน้ถี ่ายเมอ่ื วนั ท่ี 18 ก.ย. ค.ศ. 1939 โดยกองทพั เยอรมนั แบ่งออกเป็นสองส่วน คอื กลุ่มกองทพั เหนอื (Army Group North) รกุ ลงใตจ้ าก Pomerania และ จากปรสั เซยี ตะวนั ออก และ กลุ่มกองทพั ใต้ (Army Group South) รกุ เขา้ ไปทางชายแดนดา้ นตะวนั ตก ของโปแลนด์ ภายในเวลาสองวนั กองทพั อากาศเยอรมนั กส็ ามารถครองน่านฟ้าเหนอื โปแลนดไ์ ด้ กองทหารโปแลนดถ์ กู เยอรมนั รกุ แบบสายฟ้าแลบ โปแลนดป์ ระกาศยอมแพใ้ นวนั ท่ี 27 กนั ยายน 1939 สงครามครงั้ น้ี ชาวโปแลนดท์ งั้ ทหารและพลเรอื นเสยี ชวี ติ กวา่ 66,000 คน บาดเจบ็ 200,000 คน ถกู จบั เป็นเชลย 700,000 คน ฝา่ ยเยอรมนั สญู เสยี น้อยกวา่ มาก โดยมผี เู้ สยี ชวี ติ 10,500 คน และ บาดเจบ็ 30,300 คน อยา่ งไรกต็ าม ฝนั รา้ ยของชาวโปแลนดเ์ พง่ิ จะเรมิ่ ตน้ เพราะต่อจากน้ไี ปอกี 5 ปีแห่งการยดึ ครอง ชาวโปแลนดจ์ ะถูกปฏบิ ตั เิ ยย่ี งทาส เพราะแนวความคดิ ของนาซเี ยอรมนั ทม่ี ตี ่อชาวโปแลนด์ คอื ชน ชาตชิ นั้ ทาส (a slave nation) ดงั นนั้ การยดึ ครองโปแลนดจ์ งึ ไมใ่ ชแ่ ค่การยดึ ครองแต่เพยี งดนิ แดน หากแต่ ตอ้ งการทาลายเอกลกั ษณ์ของชาตโิ ปแลนดอ์ ยา่ งสน้ิ เชงิ อกี ดว้ ย ภาพการสวนสนามทเ่ี หน็ น้ี นาซเี ยอรมนั ใชใ้ นการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ หรอื ทฝ่ี า่ ยสมั พนั ธมติ รเรยี กวา่ การโฆษณาชวนเช่อื (propaganda) เพ่อื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเขม็ แขง็ ของทหารเยอรมนั ซง่ึ ผลจากการเผยแพรภ่ าพเหล่าน้ี ทาใหป้ ระเทศต่างๆ เกดิ ความเกรงกลวั ศกั ยภาพของนาซเี ยอรมนั เป็นอย่างมาก อยา่ งไรกต็ ามคงไมม่ ใี ครปฏเิ สธวา่ ตามความ เป็นจรงิ แลว้ กองทพั นาซเี ยอรมนั ในขณะนนั้ นบั เป็นกองทพั ทม่ี คี วามเขม้ แขง็ ทส่ี ุดกองทพั หน่งึ ของโลก ภายหลงั ทพ่ี ชิ ติ โปแลนดแ์ ลว้ ฮติ เลอรก์ ม็ องต่อไปทน่ี อรเ์ วย์ ในฐานะทจ่ี ะใชเ้ ป็นฐานของ กองทพั อากาศ สง่ เครอ่ื งบนิ เขา้ โจมตเี กาะองั กฤษ 4 เมษายน ค.ศ. 1940 เยอรมนั กร็ กุ เขา้ กรงุ ออสโล เมอื งหลวงของนอรเ์ วย์ ท่ามกลางการ ต่อตา้ นอยา่ งเหนียวแน่น แต่ไมน่ านออสโลกย็ อมแพ้ วนั ท่ี 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 กองทพั เยอรมนั กร็ กุ ขา้ มแม่น้าเมริ ส์ (Meuse) ทเ่ี มอื งซดี าน (Sedan) ลอ้ มทหารองั กฤษและฝรงั่ เศส ทอ่ี ยใู่ นเบลเยย่ี มและฝรงั่ เศสตอนเหนือ ในการโจมตเี กาะองั กฤษของฮติ เลอร์ ตามแผนยทุ ธการสงิ โตทะเล (Sea-Lion) ซง่ึ เรมิ่ ขน้ึ เมอ่ื วนั ท่ี 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 ในแนวรบดา้ นรสั เซยี ภายหลงั ยกเลกิ ยทุ ธการสงิ โตทะเลในการบกุ เกาะองั กฤษแลว้ ฮติ เลอร์ เตรยี มบกุ รสั เซยี แต่กต็ อ้ งสง่ กาลงั เขา้ บุกยโู กสลาเวยี ใน 6 เมษายน ค.ศ. 1941 และกรซี (Greece) ก่อน เพราะรฐั บาลยโู กสลาเวยี ทเ่ี ป็นฝา่ ยเยอรมนั ถกู โค่นลม้ โดยฝา่ ยปฏวิ ตั ทิ ส่ี นบั สนุนโดยทหารองั กฤษทก่ี รซี ซง่ึ ทาใหแ้ ผนการบุกรสั เซยี ตอ้ งลา่ ชา้ ออกไป เยอรมนั ใชเ้ วลาเพยี ง 10 วนั ในการยดึ ยโู กสลาเวยี และใชเ้ วลากว่าสองสปั ดาห์ ยดึ กรซี ได้ สาเรจ็ หลงั จากตอ้ งเสยี เวลาในการจดั การกบั ประเทศในบอลขา่ นแลว้ ฮติ เลอรก์ เ็ ปิดฉากบุกรสั เซยี ในเวลา 03.30 รงุ่ อรณุ ของวนั ท่ี 22 มถิ ุนายน ค.ศ. 1941 ในยทุ ธการบารบ์ ารอส ภายหลงั จากทเ่ี ยอรมนั พชิ ติ เบลเยย่ี ม เนเธอรแ์ ลนด์ และฝรงั่ เศสแลว้ กองทพั เยอรมนั กร็ กุ มา อยทู่ ช่ี ายฝงั่ ของฝรงั่ เศสตรงขา้ มกบั เกาะองั กฤษ ฮติ เลอรก์ ว็ างแผนทจ่ี ะบกุ เกาะองั กฤษ เป็นขนั้ ตอนต่อไป โดยมงุ่ บกุ ไปทางตอนใตข้ องเกาะ ภายใตช้ ่อื ยทุ ธการ สงิ โตทะเล (Sea-Lion) การโจมตที ห่ี นกั ทส่ี ดุ มขี น้ึ ในวนั ท่ี 16 เมษายน ค.ศ. 1941 จนเกดิ คาศพั ทใ์ หมใ่ นพจนานุกรม

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 14 ว่า Blitz ซง่ึ การโจมตคี รงั้ น้สี ่งผลใหถ้ นนหน่งึ ในสามของลอนดอนถกู ทาลาย ครอบครวั 160,000 ครอบครวั ไมม่ นี ้าปะปา ไฟฟ้า และแก๊สใช้ ปลายเดอื นมถิ ุนายน ภายหลงั จากสญู เสยี ครอ่ื งบนิ ไปเป็นจานวนมาก เยอรมนั กเ็ รมิ่ อ่อนลา้ ประกอบกบั ฮติ เลอรเ์ รมิ่ มองไปทแ่ี นวรบดา้ นตะวนั ออก พรอ้ มทงั้ เตรยี มการบกุ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1941 ฮติ เลอรก์ เ็ ล่อื นยทุ ธการสงิ โดทะเลออกไปอยา่ งไมม่ กี าหนด และหนั ไป เปิด แนวรบดา้ นตะวนั ออก กบั รสั เซยี แทน ปลอ่ ยใหอ้ งั กฤษมเี วลาฟ้ืนตวั และกลายเป็นฐานทพั ของฝา่ ย พนั ธมติ รในการส่งกองทพั อากาศเขา้ โจมตเี ยอรมนั และเป็นฐานในการยกพลขน้ึ บกครงั้ สาคญั ใน วนั ดี เดย์ ซง่ึ ส่งผลใหเ้ ยอรมนั ตกเป็นฝา่ ยพ่ายแพใ้ นทส่ี ุด ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ไทย กบั สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ทาง ดา้ น เอเชยี ญป่ี นุ่ ประกาศสงครามกบั สมั พนั ธมติ ร เมอ่ื วนั ท่ี 7 ธนั วาคม พ.ศ. 2484( ค.ศ. 1941) ต่อ มา วนั ท่ี 8 ธนั วาคม พ.ศ. 2484(ค.ศ. 1941) กอง ทหาร ญป่ี นุ่ ก็ เขา้ เมอื งไทย ทาง สงขลา ปตั ตานี ประจวบครี ขี นั ธ์ นครศรธี รรมราช สรุ าษฎร์ และ สมทุ รปราการ ขณะ เดยี วกนั ญป่ี นุ่ ก็ เขา้ โจม ตี เกาะ ฮาวาย, ฟิลปิ ปินส์ และ ส่ง ทหาร ขน้ึ บก ท่ี มลายู และ โจม ตี สงิ คโปร์ ทาง เครอ่ื งบนิ สงครามโลกครงั้ ทส่ี องเกดิ ขน้ึ ในเดอื นกนั ยายน พ.ศ. 2482(ค.ศ. 1939)ในรชั สมยั ของรชั กาลท่ี 8 (ขณะนนั้ เสดจ็ ประทบั อยใู่ นประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด)์ หลวงพบิ ลู สงคราม(จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม)เป็น นายกรฐั มนตรี เมอ่ื เรมิ่ สงครามนนั้ ไทยประกาศตนเป็นกลาง แต่ในวนั ท่ี 8 ธนั วาคม พ.ศ. 2484(ค.ศ. 1941) ญป่ี นุ่ นาเรอื รบบุกขน้ึ ชายทะเลภาคใตข้ องไทยโดยไมท่ นั รตู้ วั รฐั บาลตอ้ งยอมใหญ้ ป่ี ่นุ ผ่าน ทาพธิ เี คารพ เอกราชกนั และกนั กลุ่มคนไทยบางสว่ นโดยเฉพาะในต่างประเทศไทยไดจ้ ดั ตงั้ ขบวนการเสรไี ทย (Free Thai Movement) ดาเนินชว่ ยเหลอื ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร จงึ ช่วยใหไ้ ทยรอดพน้ จากการแพส้ งคราม ซง่ึ ในวนั ท่ี 25 มกราคม พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942)ไทยไดป้ ระกาศสงครามกบั องั กฤษและอเมรกิ า แต่ทตู ไทยใน สหรฐั อเมรกิ า ทน่ี าโดยหมอ่ มราชวงศเ์ สนีย์ ปราโมช ไมย่ อมรบั ทราบในการกระทาของรฐั บาล จงึ ได้ รว่ มมอื กนั ตงั้ เสรไี ทยขน้ึ ตดิ ต่อกบั นายปรดี ี พนมยงค์ ในเมอื งไทย เมอ่ื สงครามสงบในวนั ท่ี 16 สงิ หาคม พ.ศ. 2488(ค.ศ. 1945) ไทยประกาศสงครามเป็นโมฆะ ซง่ึ สหรฐั อเมรกิ ารบั รอง ต่อมาไทยไดเ้ จรจาเลกิ สถานะสงครามกบั องั กฤษ เมอ่ื วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2489(ค.ศ. 1946) และกบั ฝรงั่ เศสเมอ่ื วนั ท่ี 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2489(ค.ศ. 1946) ความมงุ่ หวงั ทญ่ี ป่ี นุ่ จะอาศยั ประเทศไทยเป็นทางผา่ นไปยงั พม่าเพอ่ื ยดึ ครองอนิ เดยี ก่อใหเ้ กดิ โศกนาฏกรรมครงั้ ยงิ่ ใหญ่ขน้ึ เหนอื แมน่ ้าแคว จงั หวดั กาญจนบุรี เมอ่ื เรมิ่ สรา้ งทางรถไฟสาย มรณะในเดอื นกนั ยายน พ.ศ. 2485(ค.ศ. 1942) ทงั้ คนงานและเชลยศกึ จานวนหมน่ื ถกู เกณฑม์ าสรา้ งทาง รถไฟยาว 415 กโิ ลเมตร ตอ้ งโหมทางานตลอดวนั ตลอดคนื บกุ เบกิ เขา้ ไปในปา่ กวา้ งทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยสตั วร์ า้ ย และโรคภยั คนงานและเชลยศกึ เหล่านนั้ มที งั้ พมา่ ชวา มลายู องั กฤษ ออสเตรเลยี ฮอลแลนด์ ตอ้ งประสบ ความทกุ ขท์ รมาน เจบ็ ปวดลม้ ตายเป็นจานวนมาก ทางรถไฟพงั ทลายเพราะน้าเซาะคนั ดนิ และสะพานขา้ ม แมน่ ้าแควถกู ระเบดิ ครงั้ แลว้ ครงั้ เล่า จนถงึ วนั ท่ี 25 ธนั วาคม พ.ศ. 2486(ค.ศ. 1943) กองทพั ญป่ี นุ่ จงึ ไดท้ า พธิ เี ปิดทางรถไฟสายน้อี ย่างเป็นทางการ

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 15 สาเหตุทไ่ี ทยเขา้ รว่ มสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง เหตุเพราะเรามกี าลงั น้อยเมอ่ื ญป่ี ุน่ บุกจงึ ไมส่ ามารถต่อตา้ นได้ และเพ่อื ป้องกนั มใิ หต้ กอยใู่ ต้ อทิ ธพิ ลของญป่ี นุ่ ในดา้ นเศรษฐกจิ และการเมอื ง ผลของสงครามต่อไทย คอื 1. ไทยตอ้ งส่งทหารไปช่วยญป่ี นุ่ รบ 2. ไดด้ นิ แดนเชยี งตุง และสจ่ี งั หวดั ภาคใตท้ ต่ี อ้ งเสยี แก่องั กฤษกลบั มา แต่ตอ้ งคนื กลบั คนื ให้ เมอ่ื สงครามสงบลง 3. เกดิ ขบวนการเสรไี ทย ซง่ึ ใหพ้ น้ จากการยดึ ครอง 4. ไทยไดร้ บั เกยี รตเิ ป็นสมาชกิ องคก์ ารสหประชาชาติ สาหรบั ประเทศไทยนนั้ เราไดเ้ ขา้ รว่ มสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง เป็นเพยี งประเทศเดยี วในทวปี เอเชยี และแปซฟิ ิกไมน่ ับรวมญป่ี นุ่ ทเ่ี ขา้ รว่ มกบั พวกอกั ษะ สาเหตุการเขา้ รว่ มนนั้ สบื เน่อื งมาจากการลา่ อาณานิคมของชาตติ ะวนั ตกในสมยั รชั กาลท่ี 5 ทุกประเทศในฝงั่ ทะเลแปซฟิ ิกและทะเลอนั ดามนั ถูกเป็น เมอื งขน้ึ กนั หมด เหลอื แต่ไทยและญป่ี นุ่ เท่านนั้ และจากการทส่ี ยามโดนยดึ ดนิ แดนรอบนอกสว่ นต่างๆ (ซง่ึ เดมิ เป็นของไทย)เช่น เขมร ลาว บางส่วนของพมา่ บางสว่ นของจนี และสว่ นเหนือของมาเลเซยี ทค่ี รงั้ หน่ึง เคยเป็นของสยาม ทาใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ชาตนิ ิยมขน้ึ มา ประกอบกบั จอมพล ป. พบิ ลู ยส์ งคราม ทต่ี อ้ งการนา สว่ นทเ่ี คยเสยี ไปกลบั คนื มา จงึ ทาใหเ้ ราโจมตอี นิ โดจนี ของฝรงั่ เศส เราจงึ รว่ มกบั ฝา่ ยญป่ี นุ่ ญป่ี นุ่ และไทย มมุ มองของญ่ปี นุ่ ต่อไทยสมยั นนั้ ถอื ว่าเราเป็นเมอื งทค่ี ่อนขา้ งเจรญิ และไมเ่ คยถูก ชาวต่างชาตคิ รอบงาเหมอื นประเทศหลายๆประเทศในแถบน้ี จงึ ตอ้ งการใหไ้ ทยเขา้ รว่ มกบั ฝา่ ยอกั ษะ เพราะนโยบายของญป่ี นุ่ คอื ต่อตา้ นและขบั ไลช่ าวตะวนั ตก ใหอ้ อกไปจากแผน่ ดนิ เอเชยี ใหห้ มด ประเทศ ต่างๆ ทเ่ี ป็นเมอื งขน้ึ จงึ ถูกโจมตี ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------- สหรฐั อเมริกา แฟรงคลิน ดี. รสู เวลท์ (Franklin D. Roosevelt) เป็นประธานาธบิ ดคี นท่ี 32 แหง่ สหรฐั อเมรกิ าตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1933 แนวคดิ ของเขาก่อใหเ้ กดิ องคก์ รระหวา่ งประเทศ คอื สหประชาชาติ ถงึ แมว้ า่ เขาจะประสบปญั หาดา้ นสุขภาพในชว่ งวกิ ฤตของประเทศกต็ าม รสู เวลทเ์ สยี ชวี ติ ขณะยงั ดารง ตาแหน่งเมอ่ื ปี ค.ศ.1945 สองสปั ดาหก์ ่อนการยอมแพข้ องเยอรมนี แฮรร์ ี เอส. ทรแู มน (Harry S. Truman) เป็นประธานาธบิ ดคี นท่ี 33 ของสหรฐั อเมรกิ า ตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1945 ถงึ 1951 เขาเป็นคนอนุมตั ใิ หท้ ง้ิ ระเบดิ ปรมาณูทป่ี ระเทศญป่ี นุ่ เป็นผนู้ าในแผนการ มารแ์ ชลเพอ่ื ฟ้ืนฟูทวปี ยโุ รปหลงั สงคราม และเป็นผนู้ าในการก่อตงั้ สหประชาชาติ(Unitef Nations : UN) ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ (Dwight D. Eisenhower) เป็นผบู้ ญั ชาการสงู สุดของฝา่ ย สมั พนั ธมติ รในทวปี ยโุ รป และเป็นผวู้ างแผนและควบคุมการบุกฝรงั่ เศสและเยอรมนี(ต่อมาไดเ้ ป็น ประธานาธบิ ดคี นท่ี 34 ของอเมรกิ า)

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 16 จอรจ์ มารแ์ ชลล์ (George Marshall) เป็นจอมพลแหง่ กองทพั บกสหรฐั ฯและหวั หน้า นายทหาร และ หลงั จากสงคราม เขาดารงตาแหน่งรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่ง สหรฐั อเมรกิ า ชอ่ื เสยี งโดง่ ดงั ในฐานะเป็นผนู้ าชยั ชนะมาส่กู องทพั พนั ธมติ รในสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 และเป็น ผรู้ เิ รมิ่ แผนการมารแ์ ชลล์ (Marshall Plan) ดกั ลาส แมกอารเ์ ทอร์ (Douglas Mac Arthur) เป็นจอมพลแห่งกองทพั บกสหรฐั ฯ ใน ภาคพน้ื มหาสมทุ รแปซฟิ ิก และเป็นผบู้ ญั ชาการกองกาลงั สหรฐั ฯ ในการรบในตะวนั ออกไกล เขา บญั ชาการกองกาลงั สหรฐั ในฟิลปิ ปินสก์ ่อนทจ่ี ะยา้ ยไปบญั ชาการกองกาลงั ทอ่ี อสเตรเลยี เจา้ ของวาทะทว่ี ่า “ทหารแก่ไม่มวี นั ตาย เพยี งแต่จะคอ่ ยๆ เลอื นรางหายไป”(The old soldiers never die,They just fade away.) โอมาร์ แบรดลีย์ (Omar Bradley) เป็นจอมพลแหง่ กองทพั บกสหรฐั ฯ ในแอฟรกิ าเหนอื และ ยโุ รป และเป็นผนู้ ากองทพั สหรฐั ทห่ี น่งึ ระหว่างยุทธการโอเวอรล์ อรด์ และระหวา่ งการบกุ ยโุ รป จอรจ์ เอส. แพตตนั (George S. Patton) เป็นหวั หน้านายพลระหว่างยทุ ธนาการใน แอฟรกิ าเหนอื , เกาะซซิ ลิ ,ี ฝรงั่ เศส, เยอรมนีและทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน ชารลส์ ดบั บลิว. นิมิทซ์ (Charles W. Nimitz) เป็นพลเรอื เอกบญั ชาการกองเรอื แปซฟิ ิก แหง่ สหรฐั อเมรกิ า และเป็นผบู้ ญั ชาการทหารสงู สดุ ของกองกาลงั ภาคพน้ื แปซฟิ ิกของสหรฐั อเมรกิ าและ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร สหรฐั อเมริกาเข้าร่วมฝ่ายพนั ธมิตรหลงั จากการโจมตเี พริ ล์ ฮาเบอร์ เมอ่ื วนั ท่ี 7 ธนั วาคม ค.ศ. 1941 ในแถลงการณ์ของสหประชาชาติ เมอ่ื 1 มกราคม ค.ศ. 1942 มปี ระเทศต่างๆ เขา้ รว่ มฝ่าย พนั ธมติ รอย่างเป็นทางการจานวน 26 ประเทศ (แถลงการณ์น้เี ป็นพน้ื ฐานของการก่อตงั้ สหประชาชาตใิ น ภายหลงั ) ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ลทั ธิชาตินิยม(Nationalism) ลทั ธชิ าตนิ ิยมในชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษท2่ี 0ซง่ึ ไดเ้ กดิ ขน้ึ ในหลายๆประเทศรวมทงั้ เยอรมนดี ว้ ย เป็นลกั ษณะของลทั ธชิ าตนิ ิยมมลี กั ษณะยา้ การดาเนินนโยบายของชาตขิ องตน การดารงไวซ้ ง่ึ บูรณภาพ ของชาติ การเพม่ิ อานาจของชาติ ขณะเดยี วกนั เน้นความยงิ่ ใหญ่ของอารยธรรมของตน มคี วามพยายามท่ี จะรกั ษาและเพมิ่ พูนความไพศาล ศกั ดศิ ์ รแี ละผลประโยชน์ของชาตติ นไว้ มกี ารเน้นความสาคญั ของเชอ้ื ชาติ เผ่าพนั ธุข์ องตน ว่าเหนอื เชอ้ื ชาตหิ รอื เผ่าพนั ธุอ์ ่นื ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ลทั ธิฟาสซิสม(์ Fascism) เป็นคาทม่ี าจากภาษาละตนิ \"fasces\" มคี วามหมายกวา้ งๆ วา่ เป็นลทั ธชิ าตนิ ิยมขวาจดั กบั การใชอ้ านาจสงู สดู ของผนู้ าทร่ี บั ผดิ ชอบแต่ผเู้ ดยี ว พรรคฟาสซสิ มท์ ร่ี จู้ กั กนั มาก คอื พรรคของมสุ โสลนิ ที ่ี เรมิ่ ตน้ การปกครองแบบสาธารณรฐั ต่อตา้ นนายทุน เคล่อื นไหวทางศาสนาอย่างแขง็ ขนั มากแลว้ เปลย่ี นไป สกู่ ารสนับสนุนระบบตลาดเสรี ระบอบกษตั รยิ ์ และยงั รวมถงึ ศาสนาดว้ ย อยา่ งไรกต็ าม ขบวนการณ์ ฟาสซสิ มท์ งั้ หลาย (Oswald Mosley's Black-shirts ในบรเิ ทน Iron Guard ในโรมาเนยี Croix de Feu ใน ฝรงั่ เศส และทม่ี แี นวทางคลา้ ยกนั ในยโุ รป) จะมนี โยบายทไ่ี มต่ ่างกนั คอื การคกุ คามกบั การสรา้ งลทั ธิ

ส33161 : สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 : Satit UP 17 ชาตนิ ิยมอยา่ งไมจ่ ากดั ขอบเขต ไมย่ อมรบั สถาบนั ประชาธปิ ไตย และเสรใี ดๆ ทไ่ี มย่ นิ ยอมใหพ้ วกตนใช้ อานาจเบด็ เสรจ็ แต่ถา้ เป็นหนทางทจ่ี ะไดม้ าซง่ึ อานาจ แลว้ ผปู้ กครองฟาสซสิ มจ์ ะไมส่ นใจเรอ่ื งการปกครอง ระบอบใดมากนกั ลทั ธฟิ าสซสิ ม์ เป็นศตั รสู าคญั ของลทั ธสิ งั คมนิยม มลี กั ษณะการเน้นทบ่ี ทบาทของผนู้ า คนเดยี ว และมคี วามสมั พนั ธก์ บั กองทพั อยา่ งลกึ ซง้ึ พรรคฟาสซสิ มก์ บั นาซจี ะมแี นวนโยบายเหมอื นกนั มาก และพรรคนาซนี นั้ ไดใ้ ชร้ ปู แบบของพรรคฟาสซสิ ม์ มาพฒั นาใหผ้ นู้ ามอี านาจสงู สดุ อยา่ งไรกต็ ามแมพ้ รรค ฟาสซสิ มจ์ ะมนี โนบายต่อตา้ นต่างชาติ แต่ฟาสซสิ มอ์ ติ าลไี มไ่ ดต้ ่อตา้ นพวกเซมติ คิ อยา่ งจรงิ จงั เหมอื นนาซี พรรคฟาสซสิ มอ์ ่อนแอลงมากหลงั สงครามโลกครงั้ ทส่ี อง แต่กย็ งั มพี รรคการเมอื งทม่ี แี นวนโยบาย คลา้ ยคลงึ คอื พรรคสงั คมอติ าเลยี น (Italian Social Movement) กบั พรรคแนวหน้ารกั ชาตใิ นองั กฤษกบั ฝรงั่ เศส (National Front in Britain and France) ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ วนั D-Day (Decision Day) วนั ท่ี 6 มถิ ุนายน ค.ศ. 1944 ถอื ว่าเป็นวนั ดี เดย์ เป็นวนั ทฝ่ี า่ ยสมั พนั ธมติ รกองทพั อเมรกิ นั และสมั พนั ธมติ รยกพลขน้ึ บกทช่ี ายฝงั่ นอรม์ งั ดขี องฝรงั่ เศส ซง่ึ ถอื เป็นยทุ ธศาสตรส์ าคญั มากของสงคราม ตอนนนั้ โจมตปี ้อมปราการยุโรปของฮติ เลอร์ (Fortress Europe) ดว้ ยกาลงั มหาศาลเทา่ ทเ่ี คยมมี า เพ่อื เปิด สงครามดา้ นทส่ี องของเยอรมนั ซง่ึ กาลงั เผชญิ กบั รสั เซยี ทางดา้ นตะวนั ออก โดยกาลงั ของฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร ทงั้ หมดกอ็ อกจากองั กฤษ มงุ่ หน้าส่นู อรม์ งั ดี (Normandy) นบั จากวนั ดี เดยเ์ ป็นต้นไป เยอรมนั กเ็ รม่ิ เป็นฝา่ ยถอย ชยั ชนะทม่ี มี าแต่ตน้ การเรม่ิ ตน้ ของ การปลดปล่อย ฝรงั่ เศส กเ็ รมิ่ ตน้ ขน้ึ พรอ้ มๆกบั การเรม่ิ ตน้ ของการล่มสลายของระบอบนาซใี นปี ค.ศ. 1945 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) อดอลฟ์ ฮติ เลอร์ เกดิ 20 เม.ย. ปี ค.ศ.1889 ทเ่ี มอื งเบราเนา ประเทศออสเตรยี ตดิ ชายแดน เยอรมนี ทงั้ พอ่ -อาลวั ส์ และแมค่ ารา่ มาจากครอบครวั เกษตรกรทย่ี ากจน แต่พอ่ เป็นคนฉลาดและ ทะเยอทะยาน จงึ กา้ วขน้ึ มาเป็นเจา้ หน้าทภ่ี าษี ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ “สงครามเยน็ ” (Cold War) ซง่ึ หมายสงครามลทั ธทิ เ่ี ป็นการต่อสกู้ นั ระหวา่ งฝา่ ยโลกเสรปี ระชาธปิ ไตยกบั ฝา่ ยคอมมวิ นิสต์ ในทุก ๆ วถิ ที าง ยกเวน้ การเผชญิ หน้ากนั ทางทหาร ดงั นนั้ ลกั ษณะของสงครามเยน็ จงึ เป็นการแสวงหา พรรคพวกรว่ มอุดมการณ์ และแขง่ ขนั กนั เป้นมหาอานาจทางการเมอื ง การทหาร และเศรษฐกจิ โดยไม่ ตอ้ งการทาสงครามกนั อยา่ งเปิดเผย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook