PAGE 58บทท่ี 5 : การสบื พนั ธแุ์ ละการเจรญิ เตบิ โต5.1 การสบื พนั ธุ์ การสืบพนั ธ์ุ (Reproduction) : เปน็ การเพิม่ จานวนของสงิ่ มีชวี ติ เพ่อื ให้สามารถดารงเผ่าพันธุต์ อ่ ไปได้การสืบพนั ธข์ุ องสิ่งมีชีวิตเซลลเ์ ดยี วแบ่งเป็น โดยการแบ่งตวั เป็น 2 ส่วน (Binary fission) ได้ลักษณะเหมือนกัน เช่น ยกู ลนี า พารามเี ซยี ม การสืบพนั ธ์ุของสตั ว์ โดยการคอนจูเกชัน (Conjugation) ซ่ึงเป็นการรวมของเซลล์สืบพันธุ์แบ่งเป็น ที่มีลักษณะเหมือนกัน (Isogamete) เซลล์สืบพันธ์ุจะมาจับคู่กันและ มีการแลกเป ล่ีย น สารพั น ธุก รร ม กั น โด ยแต่ ละตั วจะมีนิ วเค ลีย ส คือ Micronucleus/Macronucleus เช่น พารามเี ซยี ม เชน่ - Budding (การแตกหนอ่ ) >> ไฮดรา ฟองนา - Regeneration (การงอกใหม)่ >> ดาวทะเล พลานาเรีย - Parthenogenesis ไข่ที่ไมไ่ ดร้ บั การปฏสิ นธิแล้วกลายเป็นตวั อ่อน >> ผึง มด ต่อ แตน Hermaphrodite เป็นการสืบพันธุ์ของสตั ว์ทมี่ ี 2 เพศอย่ใู นตัวเดยี วกนั เช่น พลานาเรีย ไสเ้ ดอื นดิน ไฮดรา ต้องผสมข้ามตัวเนื่องจากไขแ่ ละอสุจเิ จริญไม่พรอ้ มกนั Fertilization การสบื พันธ์ุของสัตวแ์ ยกเพศโดยอาศัยการปฏสิ นธิ - ปฏิสนธิภายนอก เช่น ปลา กบ - ปฏสิ นธิภายใน ออกลูกเป็นตัว เช่น สตั วเ์ ลยี งลูกด้วยนม ออกลกู เปน็ ไข่ เช่น สตั วป์ ีก สัตวเ์ ลอื ยคลานการสืบพันธขุ์ องมนษุ ย์ Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
PAGE 59 ระบบสืบพนั ธ์เุ พศชาย ตาแหนง่ อวยั วะ หนา้ ท่ีอวัยวะสบื พันธ์ุ องคชาติ ภายนอก (penis)อวัยวะสืบพันธ์ุ ถงุ หมุ้ อัณฑะ ภายใน (scrotum sac) หลอดสร้างตัวอสุจิ (seminiferous tubule) อเิ ตอร์สตเิ ชยี ลเซลล์ (Interstitial cell) หลอดเก็บอสจุ ิ (epididymis) ท่อนาอสจุ ิ (vas deferens) ต่อมสร้างนาเลยี งอสุจิ (seminal vesicle) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) ต่อมคาวเปอร์ (cowper’s gland) การสรา้ งเซลล์สบื พนั ธเ์ุ พศชาย Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 60ภาพแสดงอวัยวะเพศชาย (ดา้ นขา้ ง)ภาพแสดงอวยั วะเพศชาย (ด้านหน้า) ภาพแสดงโครงสร้างของอสจุ ิBio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 61 ระบบสืบพันธุเ์ พศหญงิ ตาแหนง่ อวยั วะ หนา้ ท่ีอวยั วะสบื พนั ธภ์ุ ายนอก ครติ อลิสอวยั วะสบื พนั ธุ์ภายใน (clitoris) แคมใหญ่ (labia majora) แคมเล็ก (labia minorra) รังไข่ (ovary) มดลูก (uterus) ชอ่ งคลอด (vagina) ท่อนาไข่ (oviduct) ภาพแสดงอวัยวะเพศหญงิ (ดา้ นข้าง) Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
PAGE 62 ภาพแสดงอวยั วะเพศหญงิ (ดา้ นหน้า) ภาพแสดงรังไข่ของเพศหญงิBio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 63 การสรา้ งเซลลส์ บื พันธ์เุ พศหญิง Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 64 ภาพแสดงการเปลยี่ นแปลงของรังไขใ่ นแตล่ ะรอบเดือน การปฏสิ นธิ Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
PAGE 65 ขันตอนท่อี สจุ ิจะเข้าไปผสมกบั ไข่ การตงั ครรภ์ ผนงั มดลูกประกอบด้วยเนือเยื่อ 3 ชนั ชนั ในสดุ เรยี กว่า Endometrium : จะพัฒนาร่วมกับเนือเยื่อของ Embryo แลว้ เจรญิ เป็น “รก” (รกจะแลกเปล่ียน Gas และส่งอาหารใหแ้ ก่ Embryo) : จะสลายหลุดออกกลายเปน็ ประจาเดอื นBio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
PAGE 66เม่อื นิวเคลยี สของเซลลไ์ ขแ่ ละอสจุ ริ วมตวั กนั ท่ที ่อนาไข่Zygote แบ่งเซลลเ์ พื่อเพ่มิ จานวนEmbryoฝังตวั ท่มี ดลูก Corpus luteum สร้าง Progesterone ทางานรว่ มกับเจริญตอ่ ไปเปน็ EstrogenFetus ทาให้เยอ่ื บผุ นงั มดลูกชนั ในหนาขึนเจริญเป็น มเี ส้นเลอื ดฝอยจานวนมากBaby ประจาเดือน (Menstruation)มีฮอร์โมนสองชนิด คือ Estrogen และ Progesterone ควบคุมการสร้างและหลุดลอกของเย่ือบุโพรงมดลกู ซึ่งระดับฮอร์โมนทังสองจะมีความสมั พนั ธ์กับการตกไข่จากรังไข่แต่ละรอบเดือนจะมีช่วงเวลาประมาณ 26-30 วันขึนอยู่กับแต่ละบุคคล ทาให้ประจาเดอื นเกิดขนึ เฉลี่ยเดือนละ 1 ครัง Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 67 ฮอร์โมนทเี่ กย่ี วข้องกับรอบเดอื น ระดบั ฮอร์โมน FSH, LH และ Estrogen จะเพ่มิ ขนึ จนสูงสุดในวันตกไข่ จากนันจงึ ค่อย ลดปริมาณลง Progesterone จะเพ่ิมขึนหลังจากมีการตกไข่แล้ว ระหว่างตังครรภ์ Progesterone จะมีระดับสูงกว่า Estrogen จนกระทั่งถึงกาหนดคลอดระดับ Progesterone จะลดลง ในขณะที่ Estrogen จะรว่ มกบั Oxytocin จากต่อมใต้สมองกระต้นุ ให้กลา้ มเนือมดลูกหดตัว ทาใหเ้ กิดการคลอดทารกออกมา ภาพแสดงฮอร์โมนชนิดต่างๆ ในแต่ละรอบเดอื น Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 685.2 การเจริญเตบิ โตของสัตว์ เกิดจาก ; การเพ่มิ จานวนเซลล์ (Cell Multiplication) การขยายขนาดเซลล์ (Growth) การเปลยี่ นแปลงของเซลลไ์ ปทาหน้าทีเ่ ฉพาะ (Cell Differentiation) การเกดิ รูปร่างท่แี นน่ อน (Morphogenesis) การวัดการเจรญิ เตบิ โตของส่ิงมชี วี ิต มหี ลายวธิ ี เช่น การวดั มวลหรือนาหนัก การวดั นาหนักแหง้ การวัดความสูง การนับจานวนเซลล์ กราฟการเจรญิ เตบิ โต เปน็ รปู ตวั เอส S-shape หรือ S-curve 3 2 1 10–12 ปี Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 69ภาพแสดงการเปลีย่ นแปลงของไซโกตขณะมีการเจรญิ เตบิ โต การเจรญิ เติบโตของสัตว์ : การเจริญเติบโตในระยะเอ็มบริโอ เร่ิมจากอสุจปิ ฏิสนธกิ บั ไขก่ ลายเป็นไซโกต (Zygote) ซึง่ จะมีการเปลี่ยนแปลงเปน็ ระยะตา่ งๆ ดังนีระยะคลเี วจ (Cleavage)NOTE : ชนดิ ของคลเี วจ (Cleavage type) แบง่ เปน็ 4 ชนดิ1. Holoblastic & equal พบในกลุ่มไข่แดงน้อย nucleus มักแบ่งตลอดเซลล์ และได้ขนาดเซลล์เท่าๆ กัน(blastomeres)2. Holoblastic & unequal พบในพวกไข่แดงปานกลาง เช่น Amphibian เซลล์ข้างบนแบ่งเร็วกว่าได้เซลล์ขนาดเล็กเรียก micromeres, เซลล์ข้างล่างแบ่งช้าได้เซลล์ใหญ่กว่า เรียก macromeres หรือ yolk cells เพราะภายในมีyolk อยู่3. Meroblastic & discoidal พบในกลุ่มไข่แดงมาก เช่น shark, reptile, chick cytoplasm น้อยมากเป็นแผ่นบางๆ ปิดบน yolk แบ่งเฉพาะ cytoplasm จะได้เซลล์เป็นกลุ่มเป็นแผ่น ไม่เป็นก้อน ได้แผ่น germinal disc การแบ่งจะแบง่ เฉพาะบางส่วน เซลล์เรียงกนั เปน็ วงกลม4. Superficial Cleavage พวกที่มีไข่แดงมาก พบใน Invertebrates และพวก insects ที่มี centrolecithalegg ซ่งึ cytoplasm พอแบง่ ได้บ้าง nucleus แบ่งไดห้ มด ผวิ เป็นเซลล์ชันเดยี วหุ้มไข่แดงไว้ระยะบลาสตูเลช่นั(Blastulation)ระยะแกสตรูเลชนั่(Gastrulation)ระยะออร์แกโนเจเนซสิ(Organogenesis) Ectoderm เจรญิ เปน็ Mesoderm เจริญเป็น Endoderm เจริญ Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
PAGE 70 ชนิดของไข่ มปี ริมาณไขแ่ ดงนอ้ ยหรือไม่มเี ลย เช่น ไข่ของสัตว์เลยี งลกู ด้วยนม มปี รมิ าณไขแ่ ดงปานกลางกระจายไปท่ัวเซลล์ มอี ยหู่ นาแนน่ ที่ขวั หน่งึ อกี ขัวมนี ้อย เช่น ไขก่ บ มีปรมิ าณไขแ่ ดงมาก รวมกนั อยูม่ ากที่ขัวหนงึ่ ของเซลล์ เชน่ ไขป่ ลา ไข่ไก่ ไขเ่ ป็ด มไี ขอ่ ยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วย Cytoplasm และเปลือก เช่น ไขข่ องแมลงตา่ งๆ การเจรญิ เติบโตของกบ Sperm + Egg Zygote = ไขก่ บทไ่ี ดร้ ับการปฏสิ นธิ มวี ุ้นหุม้ ด้านบน : สีเทา มี embryo มกี ารแบ่ง cell เรียกดา้ น “Animal pole” แบง่ เซลล์ Cleavage Blastulation Gastulation Organogenesis ลูกอ๊อด Metamorphosis Adult ดา้ นลา่ ง : สเี หลอื งมีไข่แดง (Yolk) ซง่ึ เปน็ อาหาร เรียกด้าน “Vegital pole” การเจริญเติบโตของไก่ Sperm + Egg Zygote = ไขไ่ ก่ทไ่ี ดร้ บั การปฏสิ นธิ Embryo มีปรมิ าณไขแ่ ดงมาก (Telolecithal egg) มเี ปลือกหุ้ม ปอ้ งกันอันตราย แกป้ ัญหาจากการสญู เสยี นาของ Cell ไข่ มีเย่ือหมุ้ 2 ชัน ชนั นอก = ถงุ คอเรยี น (Chorian) : แลกเปลย่ี นแกส๊ ชันใน ถงุ นาคร่า (Amnion) (มีนาครา่ : ปอ้ งกันการกระทบกระเทอื น ไม่ใหต้ ัวออ่ นแห้ง) ถงุ แอลแลนทอยส์ (Allantois) Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคัญชวี วิทยา
PAGE 71 (แลกเปลย่ี นแกส๊ กับภายนอก เก็บของเสียพวกกรดยรู กิ ) การเจรญิ เตบิ โตของคน Cellไขป่ ฏิสนธิกับ Cell อสุจิ (บริเวณทอ่ นาไขส่ ว่ นตน้ ) Zygote แบง่ Cell ในระยะ Cleavage ไดต้ วั อ่อน เรยี กว่า ....................................................... พัฒนาเป็น .......................................... แลว้ ฝังตวั ทผี่ นงั มดลูกชนั ใน ในวันที่ ............................. Embryo จะสรา้ งถุง ............................... บางสว่ นจะแทรกไปใน ........................................ (เนอื เย่อื ชนั endometrium ของแม่เชอื่ มถงุ คอเรยี นจากลูก) กลายเปน็ ........................... Embryo สรา้ งถงุ หมุ้ ตัวเอง (ถงุ นาครา่ ) = ภายในมีของเหลวเรยี ก ............................................ ป้องกนั การกระทบกระเทือน และ Embryo เคล่ือนตัวอย่างอิสระ Embryo สรา้ งสายสะดือเชอื่ มกบั รก อายุ 2 สัปดาห์ มีการเจรญิ ในระยะ Gastrula เกดิ ........................................... สปั ดาห์ที่ 3 เร่ิมปรากฏร่องรอยของระบบอวยั วะ ไดแ้ ก่........................................... สัปดาห์ที่ 4 Embryo จะเร่มิ มอี วยั วะตา่ งๆ ชดั เจน ครบ 8 สปั ดาห์ มีอวัยวะครบ เรียก ............................................ อายุ 8-9 สปั ดาห์ มนี วิ มอื นิวเท้า เจริญเหน็ ไดเ้ ดน่ ชดั บอกเพศได้ เดือนที่ 4-6 Fetus เคลือ่ นไหวจากมผี ม ขน ฟงั เสียงภายนอกได้ เดอื นท่ี 7-9 Fetus โตมากขนึ มรี ะบบประสาทและเจรญิ ดมี าก หลังจากแมต่ งั ครรภไ์ ด้ 280 วัน (กาหนดคลอด) หัวของทารกออกมากอ่ น หลังจากนนั 1 นาที ทารกเริ่มหายใจและตามด้วยเสยี งรอ้ ง Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
PAGE 72 หากชว่ งตงั ครรภ์ 2 เดือนแรก ไดร้ บั สงิ่ แปลกปลอมอาจทาใหท้ ารกผดิ ปกติได้ เช่น ยากลอ่ มประสาทพวก Thalidomide : ทาให้แขนและขาไมเ่ จรญิ แอลกอฮอล์ : ทาให้อวัยวะผดิ ปกติและแทง้ ได้ หัดเยอรมนั : ทาให้เกดิ อันตรายต่อการเจริญของสมอง หัวใจ เลนสต์ า และหูสว่ นใน รงั สเี อกซ์ : การเจรญิ ผิดปกติ รก (Placenta) มีหน้าท่แี ลกเปล่ยี นแก๊สและรับอาหารจากแม่ ถุงนาครา่ (Amnion) เป็นเยอื่ บางใสบรรจนุ าครา่ (Amniotic Fluid) ช่วยปอ้ งกันการกระทบกระเทือน ควบคมุ อุณหภูมใิ หค้ งทแ่ี ละทาใหเ้ อ็มบริโอเคล่ือนตัวไดส้ ะดวก สายสะดือ (Umbilical Cord) เช่ือมตอ่ ระหวา่ งรกกับเอ็มบริโอ ครบ 280 วัน นบั จากวนั แรกของการมปี ระจาเดือนครังสุดทา้ ย ฮอรโ์ มน Oxytocin จะกระตนุ้ ใหม้ ดลกู บบี ตัว ถ่ขี ึนจนถงุ นาคร่าแตก ทารกจะคลอดออกมา จากนนั จึงมีการหายใจเกิดขนึ เปน็ ครังแรกของชวี ติ กระบวนการ Metamorphosis เป็นการเจริญเตบิ โตทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงรปู รา่ ง แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ คือ… 1. .................................................................................. ไม่มีการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างขณะเจริญเตบิ โต พบในสตั วช์ ันสงู และแมลงบางชนิด เช่น แมลงสามง่าม, แมลงหางดดี 2. .................................................................................. มีการเปลีย่ นแปลงรปู รา่ งทีละนอ้ ยๆ ในขณะเจรญิ เติบโต ตัวออ่ นมีอวยั วะบางอย่างไม่ครบ เรียกว่า .......................................................... พบในแมลงพวกต๊ักแตน แมลงสาบ จงิ หรีด เรือด เหา ไรไก่ ปลวก จกั จน่ั เพลยี 3. .................................................................................. มกี ารเปล่ยี นรูปรา่ งเด่นชัด มตี ัวอ่อนในนา หายใจโดยเหงอื ก เรยี ก ............................ พบในแมลงปอ ชปี ะขาว 4. .................................................................................. มีการเปล่ียนรปู ร่างครบ 4 ขนั (egg lava pupa adult) พบในแมลงส่วนใหญ่ เชน่ ผเี สือ ยุง แมลงวัน ด้วง ผึง ตอ่ แตน มด ไหม ฯลฯ Bio – Absolute By…Aj.Nunnapat ph. สาระสาคญั ชวี วิทยา
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: