Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสำรวจพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ

การสำรวจพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ

Published by Nattaporn Yawinchan, 2021-09-29 10:18:16

Description: การสำรวจพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ

Search

Read the Text Version

โครงงาน การสำรวจพนั ธ์ไุ มด้ อกไม้ประดับ จดั ทำโดย 1.นายธนกฤต ไชยยะ เลขที่ 7 2.นางสาวนปภชั เตชนันท์ เลขที่ 16 3.นางสาวณัฐฐิกานต์ อนจุ ร 4.นางสาวณัฐพร ยะวญิ ชาญ เลขท่ี 19 5.นางสาววรรณพร วาลี เลขที่ 25 เลขท่ี 34 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5/8 เสนอ คณุ ครูดำรงค์ คนั ธะเรศย์ ภาคเรยี น 1 ประจำปีการศึกษา 2564 โรงเรียนปัว อำเภอปัว จงั หวัดน่าน สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาน่าน



โครงงาน การสำรวจพันธ์ุไม้ดอกไม้ประดับ จัดทำโดย 1.นายธนกฤต ไชยยะ เลขที่ 7 2.นางสาวนปภัช เตชนนั ท์ เลขที่ 16 3.นางสาวณฐั ฐิกานต์ อนจุ ร เลขที่ 19 4.นางสาวณัฐพร ยะวิญชาญ เลขที่ 25 5.นางสาววรรณพร วาลี เลขท่ี 34 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5/8 เสนอ คณุ ครดู ำรงค์ คันธะเรศย์ ภาคเรยี น 1 ประจำปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนปวั อำเภอปวั จังหวัดนา่ น สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาน่าน

ก กิตตกิ รรมประกาศ โครงงานนี้สำเรจ็ ลลุ ว่ งได้ดว้ ยความกรณุ าจากคุณครดู ำรงค์ คันธะเรศย์ อาจารยท์ ี่ปรึกษาโครงงาน ทไ่ี ดใ้ หค้ ำเสนอแนะ แนวคดิ ตลอดจนแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งตา่ งๆ มาโดยตลอด จนโครงงานอีบคุ๊ เลม่ น้ีเสรจ็ สมบรู ณ์ ผศู้ กึ ษาจึงขอกราบขอบพระคณุ เปน็ อย่างสูง ขอบคุณเพือ่ นๆทกุ คน คุณครูท่ีให้ความรว่ มมือในการใหค้ ำแนะนำ ซ่ึงเป็นสว่ นหนึ่งทท่ี ำให้โครงงาน สำเร็จลลุ ่วงไปด้วยดี สุดทา้ ยน้ีพวกเราขอขอบพระคณุ ทกุ ท่านทชี่ ่วยเสรมิ สนับสนุน กระต้นุ เตือนและเป็นกำลงั ใจให้ ตลอดมา ให้ผูเ้ ขียนจดั ทำโครงงานในครั้งนี้

ข โครงงานIS1เรือ่ ง การสำรวจพันธ์ไุ มด้ อกไมป้ ระดบั ผู้จัดทํา นายธนกฤต ไชยยะ นางสาวนปภชั เตชนนั ท์ นางสาวณฐั ฐกิ านต์ อนจุ ร นางสาวณัฐพร ยะวิญชาญ นางสาววรรณพร วาลี อาจารยท์ ีป่ รึกษา นายดำรงค์ คนั ธะเรศย์ ทีต่ ง้ั 37/5 ต.ไชยวัฒนา อ.ปวั จ.นา่ น ระยะเวลาดาํ เนนิ การ กรกฎาคม - กันยายน บทคัดยอ่ โครงงานIS1 เรอื่ งการสำรวจพนั ธไ์ุ ม้ดอกไม้ประดบั ได้จดั ทำขึน้ มวี ัตถปุ ระสงค์ คือ 1. เพือ่ ศกึ ษาประวตั ิของไมด้ อกไม้ประดับเเต่ละชนดิ 2. เพ่ือต้องการใหร้ ู้ว่าไมด้ อกไม้ประดับสามารถมาประดบั สถานทตี่ ่างๆได้ 3. เพื่อให้รู้วิธกี ารปลูกไม้ประดบั โดยมีเนื้อหาประกอบไปดว้ ย วิธีการปลกู ไม้ดอกไม้ประดบั ประโยชนข์ องพนั ธไุ์ ม้ดอกไมป้ ระดับ การดแู ลไม้ดอกไม้ประดบั สายพนั ธไ์ุ ม้ดอกไม้ประดับ โดยคณะผูจ้ ัดทำไดเ้ ลอื กใช้ word,pubhtml5 ในการ จดั ทำโครงงานเร่อื งน้ี ผลการจัดทำโครงงาน พบว่า เปน็ ประโยชน์แกผ่ อู้ ่านและผู้ท่ีสนใจเรอ่ื งไม้ดอกไมป้ ระดบั และ นำไปใชใ้ นการศกึ ษา และเป็นแนวทางของนักเรียน นกั ศึกษา

ค สารบญั เร่ือง หน้า บทคดั ยอ่ ................................................................................................................................................ก กิตตกิ รรมประกาศ..................................................................................................................................ข สารบญั ...................................................................................................................................................ค บทท่ี 1 บทนำ.........................................................................................................................................1 ทมี่ าเเละความสำคญั ของโครงงาน......................................................................................................1 วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน........................................................................................................1 สมมตฐิ านของการศึกษา.....................................................................................................................1 ขอบเขตของการทำโครงงาน...............................................................................................................1 แผนการกำหนดเวลาปฏบิ ัติงาน..........................................................................................................1 ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ.............................................................................................................................1 บทที่ 2 เอกสารและโครงงานทีเ่ กีย่ วข้อง..................................................................................................2 ความหมายของพันธ์ุไมด้ อกไม้ประดับ.................................................................................................2 ประโยชน์ของพันธุ์ไมด้ อกไม้ประดบั ....................................................................................................2 วธิ กี ารปลูกของพนั ธุ์ไมด้ อกไมป้ ระดบั ..................................................................................................3 การดแู ลของพันธไ์ุ มด้ อกไมป้ ระดับ......................................................................................................6 สายพนั ธุ์ไมด้ อกไม้ประดับ...................................................................................................................8 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การศึกษาค้นคว้า.................................................................................................. 11 วัสดุอุปกรณ์............................................................................................................................ ....11 วิธีการดำเนนิ งาน........................................................................................................................11 บทท่ี 4 ผลการศึกษา..................................................................................................................... ..12 บทท่ี 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ.................................................................................................... ..13 บรรณานุกรม............................................................................................................................. ......14

1 บทที1่ บทนำ ที่มาเเละความสำคญั ของโครงงาน ในปัจจุบนั มนุษยไ์ ดม้ ีการนำไมด้ อกไมป้ ระดบั มาใช้ในการตกแต่งบ้าน สำนกั งาน หรือองคก์ าร ตา่ งๆ ใหด้ ูสวยงามมากข้นึ ทำใหป้ รมิ าณความต้องการไม้ดอกไม้ประดบั มากขนึ้ และแนวโนม้ ก็จะมากยง่ิ ขึ้น เพราะนอกจากจะผลติ จำหน่ายในประเทศแลว้ ก็ยังได้มีการกนำสู่ไปยงั ตลาดตา่ งประเทศด้วย กย็ ังทำใหไ้ ม้ ดอกไมป้ ระดับมอี นาคตไกล ดว้ ยความเป็นมาและความสำคัญดงั กล่าว ทำให้คณะผู้จัดทำสนใจท่ีจะทำโครงงาน คอมพวิ เตอรเ์ รื่องการสำรวจไม้ดอกไมป้ ระดับ โดยจดั ทำเปน็ pubhtml5 เพ่ือเป็นประโยชน์แก่ผอู้ ่านและผูท้ ี่ สนใจเรือ่ งไมด้ อกไมป้ ระดับและนำไปใชใ้ นการศึกษา และเปน็ แนวทางของนกั เรียน นักศึกษา วัตถปุ ระสงค์ของการทำโครงงาน 1. เพื่อศกึ ษาประวัติของไม้ดอกไมป้ ระดับเเต่ละชนิด 2. เพอ่ื ต้องการให้รวู้ ่าไม้ดอกไม้ประดับสามารถมาประดับสถานทต่ี ่างๆได้ 3. เพื่อใหร้ ู้วิธกี ารปลูกไมป้ ระดบั สมมติฐานของการศกึ ษา 1. ไม้ดอกไม้ประดบั ดดู มี ีราคามากกวา่ ไมย้ นื ตน้ 2. ไมด้ อกไม้ประดบั เเตกตา่ งกบั ไมย้ นื ตน้ 3. คนนิยมปลูกไมด้ อกไม้ประดับมากกวา่ ไมย้ ืนต้น ขอบเขตของการทำโครงงาน โครงงานเร่อื งการสำรวจพันธไ์ุ ม้ดอกไมป้ ระดบั เราจะศกึ ษาเรอ่ื ง ไม้ดอกและไมป้ ระดับ ผ่านอนิ เทอร์เน็ต และจัดทำใช้โปรแกรม word,pubhtml5 เทา่ น้นั แผนการกำหนดเวลาปฏบิ ตั งิ าน กรกฎาคม-กันยายน ผลท่คี าดวา่ จะได้รบั 1. มคี วามรเู้ กย่ี วกบั ประวัติไมด้ อกไมป้ ระดบั แตล่ ะชนิด 2. สามารถนำไมด้ อกไม้ประดับมาประดบั ในสถานท่ีตา่ งๆได้อยา่ งเหมาะสม 3. มคี วามรูเ้ กยี่ วกับการปลูกไมด้ อกไมป้ ระดับแต่ละชนดิ

2 บทที2่ เอกสารและโครงงานทีเ่ กีย่ วขอ้ ง การทำโครงงานเรอ่ื ง การสำรวจพนั ธไ์ุ ม้ดอกไม้ประดบั คณะผู้จัดทำได้ศึกษาคน้ คว้าเอกสาร ท่ีเกย่ี วข้อง เพ่ือเป็นพื้นฐานในการศึกษาคน้ คว้า ประกอบด้วยหวั ข้อดังนี้ 1. ความหมายของพันธ์ุไม้ดอกไมป้ ระดับ 2. ประโยชน์ของพนั ธ์ุไม้ดอกไมป้ ระดบั 3. วธิ กี ารปลกู ของพนั ธุ์ไม้ดอกไมป้ ระดบั 4. การดูแลของพนั ธุไ์ ม้ดอกไม้ประดบั 5. สายพนั ธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ 1. ความหมายของไมด้ อกไมป้ ระดบั ไมด้ อก หมายถงึ พันธุ์ไม้ท่ีปลูกเพื่อประโยชนใ์ นดา้ นความสวยงามหรือความเป็นสิริมงคลโดยมี ลักษณะของดอกทโี่ ดดเดน่ สวยงาม และมีเอกลักษณ์ ไม้ดอกประดบั คือ พนั ธุไ์ มด้ อกทุกชนิดที่ปลูกไวเ้ พ่อื ประดบั บ้านเรือนอาคารสถานท่โี ดยให้ดอกบาน ตดิ อยกู่ บั ตน้ เพ่ือเพ่มิ บรรยากาศให้สถานท่นี นั้ น่าอยอู่ าศยั หรือนา่ ทำงาน ได้แก่ เขม็ ญ่ีปุ่น พิทเู นีย แพงพวย พุทธรักษา บานช่นื ปทมุ มา บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนดิ สามารถนำไปปลกู เปน็ ไม้ตัดดอกได้ ดงั นน้ั ไม้ดอกไมป้ ระดับ จงึ หมายถึงพันธไ์ุ ม้ทป่ี ลูกข้ึนเพอ่ื ทำให้เกดิ ความสวยงามทงั้ ภายในบรเิ วณ บา้ น เชน่ ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบา้ น และตัง้ ประดับไวต้ ามสว่ นตา่ ง ๆ ภายนอก ตวั บา้ นหรืออาคาร เป็นต้น 2. ประโยชนข์ องพนั ธไุ์ มด้ อกไม้ประดบั • สรา้ งความสดชน่ื ให้แกผ่ ้อู าศยั ในบรเิ วณบา้ น หรอื บริเวณทพี่ กั อาศัย • ใชป้ ระดบั ตกแต่งอาคาร สถานท่ใี ห้เกิดความสวยงาม • ใช้ในงานพิธแี ละโอกาสตา่ งๆ เช่น งานแตง่ งาน งานไหวค้ รู งานศพ เป็นตน้ 2.1 การใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั 2.1.1 ใช้เพอื่ ก่อให้เกิดความสวยงาม เชน่ ร้อยพวงมาลัย ตกแตง่ อาคารสถานที่ 2.1.2 ใชไ้ ม้ดอกไม้ประดับเพื่อความสดช่นื สบายใจ หรอื ฟน้ื ฟู สภาพจิตใจ เช่น การจัดกระเช้าดอกไม้ หรือจัดแจกนั ให้ผ้ปู ว่ ยเกดิ ความสดชื่น 2.1.3 ช่วยลดการเกิดวัชพชื ไมด้ อกไม้ประดบั บางชนดิ สามารถปลูกคลมุ ดินได้เปน็ อยา่ งดี ช่วยรักษาระดับ อณุ ภูมิและความชืน้ ภายในดนิ 2.1.4 ใช้ไม้ดอกไม้ประดับเพอื่ เปน็ ยารักษาโรค 2.1.5 ใช้ไมด้ อกไม้ประดบั ในการประกอบอาหาร เชน่ การใชส้ ีจากใบเตย ฯลฯ

3 2.1.6 ใช้ประดบั ในงานพธิ ตี า่ ง ๆ เชน่ วันเกดิ งานแต่งงาน ฯลฯ 2.1.7 ใชแ้ สดงความยินดแี ละใช้โอกาสต่าง ๆ เช่น รบั ปริญญา ฯลฯ 2.2 การใชป้ ระโยชนท์ ่ีก่อให้เกิดรายได้หรือการประกอบธุรกิจ 2.2.1การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพือ่ เปน็ รายได้เสริม เชน่ การปลกู เปน็ พชื แซม หรือ ในสวนบริเวณบา้ น 2.2.2การปลกู ไม้ดอกไม้ประดบั เพ่อการคา้ หรือจำหนา่ ยทงั้ ภายในประเทศและต่างประเทศ 3. วธิ ีการปลูกของพนั ธุ์ไมด้ อกไม้ประดับ การปลูกไมด้ อก และไม้ประดับ สามารถจำแนกเปน็ คือ 1. การปลกู ในกระถาง เป็นวิธกี ารปลูกไม้ดอก ไม้ประดับดว้ ยการปลูกในกระถาง ซงึ่ อาจเปน็ กระถางพลาสตกิ กระถางดนิ เผา กระถางไม้ หรือกระถางท่ีทำจากวัสดุอ่ืนๆ เหมาะสมหรับไมด้ อก ไมป้ ระดับท่มี ี ลำต้นขนาดเล็ก ไมส่ ูงมาก ทรงพมุ่ ไม่กวา้ ง ต้องการแสงน้อย เชน่ กุหลาบ พลดู ่าง ดาวเรือง แกว้ กาญจนา เปน็ ตน้ ข้อดี – สามารถเคลอื่ นย้ายง่าย – ต้ังประดับไดเ้ กอื บทุกสถานที่ แมใ้ นหอ้ งพักหรอื อาคารสงู ข้อเสีย – ต้องทำการผสมดิน และเคลอื่ นยา้ ยดินใส่กระถาง ซ่ึงอาจต้องเสียค่าใช้จา่ ย ในคา่ วัสดุ อปุ กรณ์ และวัสดดุ ิน รวมถึงสว่ นผสมของดนิ – การเคล่ือนย้ายที่ไมร่ ะมดั ระวัง หรือการใช้กระถางทเ่ี ปราะอาจทำใหก้ ระถางแตกง่าย – ปลกู ไมไ้ ด้เพียงไมก่ ่ีชนิด 2. การปลกู ลงแปลงจัดสวน เปน็ วิธกี ารปลกู ไม้ดอก ไมป้ ระดบั ลงในแปลงปลูกหรือเรียกทวั่ ไปวา่ การจัดสวน ซ่งึ จำเป็นตอ้ งมีท่ีดินหรอื ท่วี ่างเปล่า เชน่ พนื้ ที่หนา้ บ้าน ข้างบา้ นหรอื หลงั บา้ น เหมาะสำหรับการ ปลูกไมด้ อก ไมป้ ระดบั ทกุ ขนาดชนิดตั้งแต่เล็กจนถึงเปน็ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ข้อดี – สามารถปลูกไมไ้ ดห้ ลายชนดิ ผสมกนั – เปน็ ระบบนิเวศที่เอ้อื ตอ่ กนั ของต้นไม้ ดิน นำ้ และจุลนิ ทรีย์ ข้อเสยี – ตอ้ งใช้พืน้ ท่ีดินบางส่วน เหมาะสำหรับบา้ นทม่ี ีพื้นท่วี ่าง – หากไมม่ กี ารจัดการดแู ล อาจเปน็ ทีอ่ ยอู่ าศัยของสตั ว์มีพษิ เชน่ ตะขาบ งู เป็นตน้

4 3. การปลูกตน้ ไม้ลงในหลุม ควรปฎิบัติดงั น้ี ▪ ก่อนที่จะปลกู ต้นไม้ลงในหลุม จะตอ้ งพจิ ารณาดูเสยี ก่อนว่าตน้ ไมท้ จี่ ะนำมาปลกู เป็นตน้ ไม้ที่ ชอบดนิ มีลกั ษณะอยา่ งไร เช่น ตน้ ไม้ทีช่ อบทีล่ ่มุ มีน้ำขงั ถา้ เอาตน้ ไมท้ ่ไี ม่ชอบน้ำชื้นแฉะมาปลูก แลว้ ตน้ ไมน้ น้ั ก็ไมเ่ จรญิ เตบิ โตหรอื อาจตายได้ หรอื ต้นไมท้ ชี่ อบขน้ึ ในเลน น้ำเคม็ หากเอาตน้ ไม้ท่ี ไม่ชอบนำ้ เค็มไปปลกู แลว้ ต้นไม้กอ็ าจตายไดด้ ังน้ี เป็นตน้ ▪ เม่อื เลือกต้นไมท้ ชี่ อบสภาพดนิ และลกั ษณะดินได้แล้ว ก็จะต้องเตรยี มดินปลกู ในหลุมนนั้ โดย การขดุ หลมุ ตามขนาดของตน้ ไม้ ถ้าเปน็ ตน้ ไมเ้ ล็กกข็ ดุ หลมุ เล็ก ถา้ เปน็ ตน้ ไมใ้ หญ่ก็ควรขดุ หลมุ กวา้ งและลกึ ไมต่ ่ำกว่า 50 ซม. หรอื ลึกเท่ากับความยาวของรากแกว้ เมื่อขดุ ดินแล้วกต็ ากดนิ นั้นไว้ ที่ปากหลมุ ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อฆ่าวชั พชื ที่ไม่ตอ้ งการ เมอื่ ตากดนิ ไว้ 1 สัปดาห์แลว้ ก็นำป๋ยุ คอก หรอื ป๋ยุ วทิ ยาศาสตร์ 1 สว่ น ปนู ขาวทที่ ำจากเปลือกหอย 1 ส่วน หรอื จะใชป้ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ (ปยุ๋ กทม.) แทนปยุ๋ คอกก็ได้ผสมกบั ดินใหเ้ ข้ากนั แลว้ นำใส่กน้ หลมุ ▪ นำต้นไม้ท่เี ตรยี มไว้ปลูกวางลงบนดนิ ท่ผี สมไว้ ▪ ปักหลักแล้วผูกต้นไม้น้นั ไมใ่ ห้ล้ม ถ้าเป็นต้นไม้ท่ีมลี ำต้นแข็งแรง อาจจะไมต่ อ้ งปักหลกั กไ็ ด้ ▪ เอาดินทขี่ ดุ ตากไวใ้ ส่ลงในหลมุ ดิน ตอนบนควรใส่ลงไปข้างลา่ ง ส่วนดนิ ลา่ งก้นหลุมควรกลบ ไวข้ า้ งบนกดดินใหแ้ น่น เพอื่ มใิ หต้ ้นไมเ้ อนไปมาหาวัตถุพวกหญ้าแหง้ ฟาง แกลบ คลมุ ดิน เพือ่ รกั ษาความช้ินไว้เสร็จแล้วรดนำ้ ใหช้ มุ่ ▪ ถา้ ต้นไม้นั้น เปน็ ต้นไมท้ ถี่ อนกล้า ตน้ เล็กมาปลกู ก็ตอ้ งทำที่กำบงั แดดจนกวา่ ต้นไมจ้ ะทรงตัว ไดจ้ ึงเอาออก ▪ การปลกู ควรจะปลูกในตอนเยน็ 4. การปลูกต้นไม้ในแปลง ควรปฎิบัติดงั นิ้ ▪ กอ่ นปลกู จะตอ้ งทำแปลงขนาดกวา้ งยาวตามพนื้ ท่ี แตค่ วามกว้างไมค่ วรเกนิ 1 เมตร ถ้าแปลง กวา้ งเกิน 1 เมตร ทำให้ดูแลรกั ษายาก การทำแปลงน้ีกระทำโดยการขดุ ดิน ตามความกวา้ งยาว ของแปลงนนั้ เก็บวัชพืชทีอ่ ย่ใู นดินออกแลว้ ตากไวใ้ หด้ ินแหง้ ประมาณ 1 สปั ดาห์ เมื่อตากดินแห้ง แล้วกย็ อ่ ยดินใหเ้ ปน็ กอ้ นเลก็ ๆ ผสมดนิ นัน้ ด้วยปยุ๋ คอก ปนู ขาว และปยุ๋ อนิ ทรีย์ หรือปุ๋ยเทศบาล กทม. อย่างละ 1 สว่ นบนดนิ นัน้ เม่อื ผสมไดท้ ่แี ลว้ กท็ ำเป็นรปู แปลง เตรยี มที่จะปลกู ตน้ ไม้ต่อไป ▪ กอ่ นทีจ่ ะปลกู ต้องพิจารณาดวู ่าต้นไมท้ ีจ่ ะนำมาปลูกนน้ั จะปลกู เปน็ แถวติดกันหรอื ห่างกัน ถา้ หา่ งกข็ ุดดนิ เปน็ หลุมเล็ก ๆ ไวต้ ามระยะทเ่ี ห็นสมควร ถ้าจะปลกู เป็นแถวกท็ ำดนิ ให้เปน็ ราง ตดิ ตอ่ กัน ▪ การถอนกลา้ มาปลกู ควรใช้ไมง้ ัดให้มีดนิ ติดมาด้วย อยา่ ใหร้ ากขาด ถ้ารากขาดจะทำให้ตน้ ไม้ เจริญเติบโตช้า เมอ่ื ถอนกล้ามาแล้ว ก็นำมาปลูกลงในร่องหรอื หลุมนนั้ การถอนย้ายกล้ามาปลูก ควรทำในตอนเย็น ๆ ▪ เมอ่ื ตงั้ ตน้ กล้าลงในหลุมไดท้ ีแ่ ลว้ กเ็ อาดนิ กลบกดดนิ ใหแ้ นน่ เพ่ือใหร้ ากเกาะกบั ดนิ ▪ หาหญ้าหรือฟางคลุมดนิ แล้วรดนำ้ ใหช้ มุ่ ▪ ถา้ ตน้ ไมน้ ั้นยงั เล็กไม่แข็งแรง กจ็ ะตอ้ งทำรม่ ใหต้ น้ ไม้จนกวา่ ตน้ ไม้จะทรงตวั

5 5. การปลูกตน้ ไม้ลงกระถาง ควรปฎิบัตดิ งั นิ้ ▪ ก่อนทีจ่ ะปลกู ตน้ ไม้ลงในกระถาง จะตอ้ งเลอื กกระถางใหม้ ีขนาดพอเหมาะกับตน้ ไมน้ ัน้ ๆ เมอื่ ไดก้ ระถางมาแลว้ กห็ ากระเบื้องแตกประมาณ 2-3 ชิ้น วางปดิ รูก้นกระถาง ทบุ อฐิ มอญเปน็ ก้อนเล็ก ๆ ใส่ลงก้นกระถางสูงขึ้นมาประมาณ 1 นวิ้ เพ่อื ช่วยในการระบายนำ้ ได้ดขี นึ้ ▪ ผสมดินสำหรบั ปลูกต้นไม้ทั่ว ๆ ไป ดังนี้ ดนิ ร่วน 1 สว่ น ใบไม้ผุ 1 ส่วน ปุ๋ยเทศบาล 1 ส่วน ใส่ลงไปประมาณคร่งึ กระถาง เอาตน้ ไมว้ างลง แลว้ เอาดนิ ท่ีผสมไวใ้ สล่ งเกือบเต็มกระถาง เหลือไว้ ประมาณ 1 นิ้ว กดดนิ ให้แน่นเพื่อไม่ให้ตน้ ไม้ล้ม ▪ รดน้ำให้ชุ่มแลว้ ยกวางในที่รม่ หรอื พักไว้ในเรอื นต้นไมจ้ นกว่าต้นไม้จะทรงตวั แลว้ จงึ ออกวาง เป็นไมป้ ระดบั ได้ ▪ ในการปลกู ต้นไมป้ ระดับชนดิ ไม้ใบ อาจจะปลูกรวมกันหลายชนดิ ในกระถางเดียวกนั ก็ได้ โดยเลือกความสูงของต้น สีของต้นและใบให้ตา่ งกัน ก็จะแลดสู วยงามย่งิ ขน้ึ ▪ ถ้าเปน็ ต้นไมส้ ำหรบั ตกแตง่ อาคาร เช่น นำมาปลกู ไว้ภายในบ้าน ต้องเลือกกระถาง ท่ีสวยงาม พอสมควรหรือนำตน้ ไมท้ ป่ี ลกู ไว้ ในกระถางแล้วมารวมลงในกระถางที่สวยงามนั้นกไ็ ด้ ขอ้ สำคัญ อกี อยา่ งหนง่ึ กระถางนน้ั ต้องมีจานสำหรบั รองน้ำเพ่อื กนั ไมใ่ หน้ ำ้ ไหลออก มาภายนอกเมื่อเวลา รดน้ำ ▪ สำหรับต้นไม้ทน่ี ำมาไวใ้ นอาคาร บางชนิดจะต้องเปลยี่ นอยูเ่ สมอ กลา่ วคอื เมื่อนำมาไวส้ กั 1 สปั ดาหแ์ ล้วต้องเปลย่ี นออกเอา ต้นอืน่ มาแทน ท้งั น้ีเพื่อป้องกันมิใหต้ น้ ไม้โทรม วิธีการปลกู เมือ่ เลอื กกระถางตามความเหมาะสมกบั ตน้ ไมท้ ่จี ะปลูกแล้ว เราเริ่มปลกู ตามข้ันตอนดงั นี้ 1.เอาเศษอิฐ หรอื เศษกระถางแตก อุดท่ีรรู ะบายน้ำท่ีกน้ กระถางเสียก่อน ถา้ จะใหด้ ตี ้องโรยทบั ดว้ ยกรวด อฐิ มอญทุบ หรือถ่านอย่างใดอย่างหนงึ่ ก่อนกไ็ ด้ เพ่ือให้ก้นกระถางโปรง่ และระบายน้ำไดด้ ี 2.จากนั้นเอาดนิ หรือเคร่ืองปลกู ทเ่ี ตรยี มไว้ใสก่ ระถาง และทำมูลดินเปน็ ยอดแหลมเท่ากับความลึกของดินท่ี ปลูก 3.กอ่ นปลูกหากไม้มีรากมากเกนิ ไปควรตัดรากเกา่ ออกบ้าง เพ่ือกระตุ้นให้มีการสร้างระบบรากใหม่ทแ่ี ขง็ แรง และแตกแขนงได้มากขึน้ 4.วางโคนตน้ ไมล้ งบนยอดแหลมของมลู ดนิ และจัดระบบรากให้แผอ่ อก รอบด้าน และทงิ้ ตวั ลงตามแนวลาด ของมลู ดิน 5.เตมิ ดนิ รอบๆโคนต้น เพียงเลก็ นอ้ ยก่อน แลว้ กดดินบรเิ วณรอบๆโคนตน้ เบาๆ เป็นการไล่โพรงอากาศ และ เพอ่ื ให้ดินสมั ผัสรากพชื ไดก้ ระชบั ขึ้น จากน้นั เติมดินและกดเบาๆ จนเกอื บเตม็ กระถาง ใหร้ ะดบั ดนิ อยู่ต่ำกวา่ ขอบกระถางพอประมาณ พยายามอย่าเตมิ ดนิ จนเต็มหรือพนู กระถางจนเกนิ ไป เพราะเวลารดน้ำจะทำให้น้ำ ไหลออกนอกกระถาง แทนท่จี ะซมึ ลงกระถาง และเลอะเทอะพ้ืน แตถ่ ้าเตมิ ดนิ น้อยเกนิ ไป ก็จะทำใหด้ ินยุบตัว จนเกิดรากลอย หรือทำใหบ้ ริเวณโคนต้นชืน้ เกินไป เป็นสาเหตใุ ห้เกิดโรคราไดง้ ่ายข้ึน

6 4.การดแู ลไมด้ อกไม้ประดับ 1.การตดั แต่ง ไม้ดอกส่วนมากควรตดั แต่งหรือเด็ดยอด เพือ่ ให้เกิดการแตกก่ิงใหม่ไดท้ รงพ่มุ แนน่ ลดความสงู ของต้นและเกดิ ตาดอกมากขึ้น สามารถทำไดโ้ ดยการใช้มือเด็ดบรเิ วณปลายยอดในชว่ งเชา้ ขณะที่เนื้อเยอ่ื ของ พชื ยงั อวบนำ้ ทำให้เวลาเด็ด กิง่ จะหกั งา่ ยกว่าตอนสายหรอื ตอนบ่าย และ ควรรีบเด็ดยอดเม่ือดอกชดุ แรกเร่ิม โรยหรือบอบช้ำ เพื่อไม่ให้แย่งธาตุอาหารจากลำต้นและดอกสมบูรณอ์ ื่นๆ 2.การให้ปุ๋ย ไมด้ อกมรี ะยะการเจรญิ เติบโตแบง่ เปน็ 2 ช่วง ซ่งึ แตล่ ะช่วงมีความตอ้ งการธาตุอาหารทีแ่ ตกต่าง กัน โดยในช่วงแรกเป็นการเจริญเตบิ โตของตน้ ควรเน้นการบำรุงตน้ และใบ โดยอาจให้ใหธ้ าตุสูตรเสมอ 15-15-15 หรอื 16-16-16 เพื่อให้ต้นสมบูรณแ์ ละ ในชว่ งตอ่ มาเปน็ การเจรญิ เตบิ โตของดอก ควรเน้นธาตุ ฟอสฟอรัส (P) เพอื่ ช่วยในการสะสมตาดอกและควรลดธาตุไนโตรเจน (N) เพราะ หากได้รบั ไนโตรเจนมาก เกนิ ไป จะทำให้ลำตน้ อวบ ผลใิ บมาก และ ไมอ่ อกดอก สำหรบั วิธีการใหป้ ยุ๋ นยิ มใชป้ ๋ยุ ฟอสเฟตหรือหิน ฟอสเฟตบดละเอียดรองพื้นหรอื กน้ หลุมกอ่ นปลกู สำหรบั ไม้ดอกทม่ี ีอายเุ กนิ 1 ปี เชน่ กุหลาบ เยอบีร่า หรอื ใสเ่ ป็นแถบระหวา่ งรอ่ งปลกู สำหรับไมด้ อกท่ีปลูกเป็นแปลง เชน่ เบญจมาศ ดาวเรือง และอาจใหป้ ุ๋ยพน่ ทางใบ เปน็ ครงั้ คราวรว่ มกับการพ่นสารป้องกันโรคและแมลง 3.การรดนำ้ ปริมาณน้ำมผี ลต่อการดูดซมึ ธาตุอาหารจากในดนิ ยงิ่ ในชว่ งออกดอกหากต้นไมไ้ ด้รบั นำ้ และธาตุ อาหารมากเกินไป อาจทำใหไ้ มอ่ อกดอกตามตอ้ งการ ดงั นัน้ ช่วงก่อนออกดอกจะมีการอดนำ้ ประมาณ 9-15 วัน เพอ่ื ปอ้ งกันรากดดู ธาตไุ นโตรเจนข้ึนมา หลงั จากดอกเร่มิ บานจึงจะเริม่ ใหน้ ำ้ ใหม่ เพอ่ื ชว่ ยยืดอายุดอกให้ ยาวนาน หรือ ในบางกรณี เช่น ถ้าดอกมีขนาดใหญม่ ีการคายนำ้ มาก อาจจะตอ้ งรดนำ้ เพิ่มขึ้น และ ไมค่ วรรด นำ้ ถกู ดอก เพราะ จะทำให้ดอกช้ำหรือเนา่ ได้ วิธกี ารดแู ลรกั ษา หลงั จากทำการปลูกไมด้ อกประดบั ลงในแปลงใหม่ ๆ ควรทำร่มบังแดดให้กบั ต้นกล้าทีป่ ลูกประมาณ 7 - 10 วนั เพอื่ ช่วยใหต้ ้นกล้านน้ั ตง้ั ตัวได้เรว็ ข้ึน สำหรับการดูแลรกั ษาท่ีควรปฏบิ ตั ิ คือ 1. การใหน้ ้ำ เมอื่ ทำการปลูกใหม่ ๆ ควรรดน้ำให้วันละ 2 คร้ัง คือในตอนเช้าและตอนเยน็ หรือตามความ ต้องการของพันธไ์ุ มท้ ี่ปลกู เช่น บางวนั ลมแรง แดดจัด อากาศรอ้ น การคายน้ำยอ่ มมีมากอาจต้องมีการใหน้ ำ้ เพม่ิ ขึ้น สภาพของดินกม็ ีส่วนสำคญั ตอ่ การใหน้ ำ้ ดินบางชนิดอาจต้องรดน้ำบอ่ ย ๆ เน่ืองจากดินไมส่ ามารถเก็บ กกั น้ำไวไ้ ด้ ดงั น้นั ผูป้ ลูกจึงตอ้ งเรียนรู้ถึงความต้องการนำ้ ของพชื ที่ปลูกด้วยตวั เองในระยะแรกของการปลกู ซ่ึง จะทำให้ทราบว่าจะต้องให้น้ำวันละก่คี รง้ั หรอื ก่วี นั ครงั้ 2. การพรวนดนิ เพื่อกำจดั วชั พืชควรทำทกุ 10 วัน ถา้ เปน็ พน้ื ท่ีขนาดเล็ก เช่น แปลงขนาด 4 X 4 เมตร อาจ ใช้เสียมมือ หรือ ส้อมพรวน คอ่ ย ๆ พรวนดนิ ระหวา่ งแถวท่ีปลกู พชื แตถ่ า้ เป็นพืน้ ทีข่ นาดใหญ่ก็ควรใช้จอบ พรวน การพรวนดินบริเวณทีม่ ีรากฝอยจะชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ กิดการสรา้ งรากฝอยมากขนึ้ แต่ตอ้ งระวงั อย่าไปตดั รากพืชโดยเฉพาะรากแกว้ เพราะจะทำใหพ้ ชื ชะงักการเจรญิ เติบโตได้ 3. การใหป้ ุย๋ ถึงแม้วา่ เวลาเตรยี มดินจะมีการใส่ปุ๋ยลงในแปลงแลว้ กต็ ามแต่ก็ควรใหป้ ๋ยุ ท่เี ป็นธาตอุ าหารแก่พชื เพิย่ ง เร่งในส่วนทเี่ ราต้องการ เช่น ปุ๋ยยูเรีย เพอื่ เรง่ การเจรญิ เตบิ โต

7 การรดนำ้ ให้นำ้ อยา่ งเพียงพอ ▪หน้ารอ้ น อากาศร้อน ต้นไม้จะมกี ารคลายน้ำมาก ทำใหไ้ ม้ดอกไมป้ ระดับจะต้องการน้ำท้งั จากใต้ดนิ และ ในอากาศมากขน้ึ จะตอ้ งรดน้ำสม่ำเสมอมากเป็นพเิ ศษ และมากกว่าฤดอู ื่นๆ ▪ช่วงเวลาที่เหมาะรดนำ้ ตน้ ไม้ แนะนำใหร้ ดช่วงเช้า 6 โมง – 8 โมงเช้า ช่วงเยน็ ประมาณ 5 โมงเยน็ ควรจะใหน้ ้ำเปน็ ละอองฝอย ท่ัวท้ังบรเิ วณ ทงั้ อากาศ และดินชุ่ม ▪การหาวัสดคุ ลมุ ดนิ ท่ีชว่ ยลดการระเหยของนำ้ จากผิวดนิ อย่างเช่น กาบมะพร้าวสบั ไว้ท่ี กระถาง โคนตน้ ไม้ ใสป่ ยุ๋ พรวนดิน ▪หนา้ ร้อน ดนิ จะแห้ง นำ้ ในดินระเหยหายไปอยา่ งรวดเร็ว เพราะอากาศร้อน แก้ปัญหาดว้ ย การ หม่ันพรวนดนิ เพื่อให้รว่ นซยุ บริเวณโคนต้นไม้ เพ่อื ให้น้ำและอากาศไหลลงสพู่ น้ื ดิน ▪ใสป่ ยุ๋ เพ่ือเพ่มิ พูนอนิ ทรยี ว์ ตั ถุในดนิ ยงิ่ ดินอุดมสมบูรณ์ ก็จะดดู น้ำได้ดียิง่ ขึ้น ▪ควรใหป้ ุ๋ยบริเวณโคนของต้นไม้และใหร้ ดนำ้ ตามเพือ่ ใหป้ ุ๋ยละลายลงส่พู นื้ ดนิ ▪ไมค่ วรหว่านปุ๋ยให้ไปตกหล่นบรเิ วณใบของตน้ ไม้ เนอื่ งจากความรอ้ นและสารเคมจี ะทำให้ใบ ของต้นไม้เกิดการไหมไ้ ด้ ตดั แต่งกิ่ง ▪ตัดเพื่อกระตุ้นใหเ้ กิดการออกผล ตัดเพอื่ ทำลายก่ิงท่ีเสียและปอ้ งกันการลกุ ลามของโรค แมลงและศัตรพุ ืช ▪ตดั เฉพาะกงิ่ ทอี่ ่อนแอ และเกบ็ ก่งิ ท่ีแขง็ แรงไว้ ▪ตัดแต่งเพ่ือความสวยงาม เพอ่ื ผลยิ อดอ่อน แตกกิง่ ออกดอก ออกผลสมบรู ณอ์ ีกครั้งสำหรับ ตน้ ทอี่ ายุมาก ▪ตัดแต่งใบ ชว่ ยตน้ ไม้ลดการคายนำ้ ทางใบออก กำจดั ศัตรุพืช ▪หน้ารอ้ นนัน้ เหมาะตอ่ การกำจดั การระบาดและเพม่ิ ปรมิ าณของแมลงศตั รูพชื ซงึ่ มอี ยหู่ ลาย ชนดิ เชน่ เพลี้ยไฟ เพล้ยี แป้ง แมลงหวี่ขาว และไรแดง เพราะ สภาพบรรยากาศมีความช้ืนต่ำ ติดต่อกนั หลายเดอื น ใหก้ ำจดั โดยวธิ ใี ชม้ อื ขยีท้ ำลาย หรือฉดี พน่ ด้วยนำ้ ในตอนเชา้ เมอ่ื มี จำนวนน้อยๆ การป้องกนั แดดส่องไมด้ อกไมป้ ระดับ ▪หน้าร้อนแดดจะลงตรงๆ ไม่เหมือน หน้าหนาวทพ่ี ระอาทิตย์จะออ้ มใต้ ถ้าไม้ที่ปลูกใน กระถาง ใหย้ า้ ยเข้าไปในรม่ หรอื หาไมก้ ระถางที่ชอบแดดมาตั้งบังและตกแตง่ สวนใหมไ่ ปในตัว ▪สำหรบั ดนิ ทีเ่ ปน็ ดินทรายในชว่ งหน้ารอ้ น จะสะสมความรอ้ นระอุเอาไวม้ าก ควรรดนำ้ ตงั้ แต่ ตอนเช้ามืด และ ตอนบา่ ยส่โี มงถึงตอนกลางคืน

8 5.สายพันธุไ์ ม้ดอกไม้ประดบั ต้นนางกวกั ตน้ นางกวัก มีช่ือทางวทิ ยาศาสตรว์ ่า Alocasia cucullata (Lour.) G.Don เปน็ พืชในวงศ์ Araceae โดยมชี อ่ื เรียกทัว่ ไปเป็นองั กฤษว่า Buddha’s Hand, Chinese Taro, Elephant Ear สำหรับในไทยรจู้ กั กันในชือ่ นางกวักใบโพธ์ิ ว่านกวักศรมี หาโพธิ์ ว่านทรหด และว่านเศรษฐใี บโพธ์ิ ไม่ทราบถิ่นกำเนิดแน่ชดั แต่ไดร้ บั ความ นยิ มมาเนน่ิ นานตง้ั แตส่ มัยโบราณ เพราะตน้ นางกวกั เปน็ ต้นไม้ท่ีมีชื่อมงคล โดยเชอื่ กันว่าหากบ้านไหนปลูกไว้ จะชว่ ยเรยี กโชคลาภและความรำ่ รวยมาส่ผู ู้คนในบ้าน แถมชาวจีนยังเช่ืออกี วา่ ถา้ หากปลกู เอาไวจ้ ะทำใหม้ ีอายุ ยืนยาวดว้ ย นอกจากนีย้ ังว่ากนั อกี ว่าถ้าหากใครกินหวั และใบของตน้ นางกวักเข้าไป จะทำใหค้ งกระพันชาตรี และมีเมตตามหานิยม ไผ่กวนอิม ไผก่ วนอมิ คือ ไม้ประดบั ประเภทไม้พมุ่ จัดอยใู่ นตระกูล Dracaena Sanderiana แมจ้ ะมชี ื่อเหมือนไผ่ แต่อยู่ คนละตระกลู กัน เพราะต้นไผจ่ ัดเป็นไม้พมุ่ วงศ์หญา้ ผคู้ นนิยมปลูกไผก่ วนอิมเปน็ อย่างมาก เพ่ือคลายเครียด รวมทงั้ เอาไว้เสรมิ ดวงตามความเชื่อเรอื่ งฮวงจุ้ยของชาวจีนอีกดว้ ย ไผก่ วนอิม ทำไมตอ้ งปลูกในบ้าน

9 ช่วยเสรมิ ฮวงจุ้ยอยา่ งไรเหตผุ ลทต่ี อ้ งปลกู ไผก่ วนอมิ ในบ้านนั้น นอกจากจะเป็นต้นไม้ขนาดกะทดั รัด เหมาะแก่ การต้ังประดบั ภายในบ้านใหด้ ูร่มรน่ื สวยงาม เปน็ ไอเดยี จดั สวนบนระเบยี งคอนโด เลย้ี งงา่ ย และไมจ่ ำเปน็ ตอ้ ง ออกแดดมากแลว้ ยังมีความเชื่อวา่ ไผก่ วนอมิ มีสว่ นช่วยในการเสริมฮวงจุ้ยบา้ นอกี ดว้ ย โดยการปลูกและจดั วางไผ่กวนอมิ ไว้แตล่ ะจดุ ภายในบ้านจะชว่ ยเสรมิ เรอ่ื งตา่ ง ๆ เช่อื วา่ ไผ่กวนอมิ คงเปน็ อีกหนึง่ ส่งิ ทค่ี นรักตน้ ไม้ สนใจซือ้ หามาปลกู กนั อย่ไู มน่ อ้ ย เพราะจดั เป็นไม้พมุ่ ที่เลยี้ งง่าย โตไว รวมทง้ั ได้รบั ความนยิ มนำมาปลกู เพื่อ ประดบั ภายในบ้านดว้ ย แต่ก่อนเลือกซอ้ื ไผก่ วนอมิ มาปลกู สกั ต้น ลองมาทำความรู้จกั กบั ไม้พุม่ ชนิดนี้ วิธกี าร ปลูก และการดแู ลรกั ษา รวมถงึ การปลูกให้เสรมิ ฮวงจ้ยุ ใหก้ บั บ้าน ผเี สอื้ ราตรี เปน็ ไม้ล้มลุก มหี ัว มใี บประกอบคล้ายนิ้วมือ มักจะหบุ ใบในเวลากลางคนื ใบมีลกั ษณะประกอบคล้าย สามเหลย่ี ม โดยมีมมุ แหลมชนกัน มสี ีชมพู - มว่ ง ออกดอกเป็นดอกเด่ียว โดยกา้ นดอกออกจากกา้ นลำต้น มีสี ชมพมู ่วง มกี ลบี ดอก 5 กลีบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีเกสรตัวผู้ 5-6 ตวั ดอกคุณนายตนื่ สาย ชนดิ ท่ีปลูกประดับกนั ทุกวนั นี้ มที ั้งพันธ์แุ ท้และพันธผุ์ สม เปน็ ไม้ดอกท่ีเลยี้ งงา่ ย ปลูกง่ายอีกชนดิ หนึ่ง ไม่ ตอ้ งการการดแู ลเอาใจใสม่ ากนกั เหมาะกบั สภาพฟ้าอากาศของประเทศไทยเปน็ อยา่ งยิ่ง มีถน่ิ กำเนดิ ในแถบ ประเทศบราซิล

10 สบั ปะรดสี ถน่ิ กำเนิด ทวปี อเมริกา ใต้ กลาง เหนอื กระจายตามปา่ ตามคาคบไม้ ระดบั สูงเทียมเมฆ ตามหนา้ ผาสงู ชนั หรอื ทรี่ าบชายฝง่ั ทะเล ความนิยม สับปะรดสไี ดเ้ รมิ่ นิยมในทวีปยุโรปก่อน แล้วเรมิ่ แพรก่ ระจายในเอเชยี ในยุคปจั จุบันโดยใชต้ กแต่งท่วั ไปตามลกั ษณะของสายพนั ธุ์ สับปะรดสีช่วยเพิ่มบรรยากาศความสดชื่น จะปลูกไวใ้ กลห้ น้าต่าง บนโตะ๊ รมิ ผนงั ในครัว ใต้ต้นไม้ ในหอ้ งน้ำ ได้เปน็ อย่างดี เพราะเป็นพชื ทนทาน ต่อสภาพแสงน้อย ลักษณะเด่น มชี ่อดอกยาวสูง สกี ลีบดอก กลบี เล้ยี ง และใบทีฉ่ ูดฉาดคงอยนู่ านหลาย สัปดาห์หรอื อยไู่ ด้หลายเดือน ทนแลง้ เหมาะสำหรบั จดั สวนท่ีไมต่ ้องดแู ลมาก บางสกลุ ช่อดอกสน้ั อย่ใู นปลายยอด แต่มกั จะมีใบเลยี้ งหรอื ใบทัว่ ไปทมี่ ี สีสันสวยงาม การขยายพนั ธุ์ ทีน่ ยิ มมากที่สุดคือ การแยกหนอ่ รองลงมาคอื การเพาะเมลด็ เหมาะ สำหรบั ผสมพันธใ์ุ หม่ ไดล้ กู ผสมท่อี าจสวยกว่าเดิม หรอื ดอ้ ยกว่า ซึง่ ตอ้ งคดั ตอ่ ไปเร่อื ยๆ ใหไ้ ดล้ กู ผสมทีม่ ีลักษณะท่สี วยชดั เจน

11 บทท่ี3 วธิ ดี ำเนินการศึกษาคน้ ควา้ ในการศกึ ษาครง้ั นี้โครงงานIS1 เร่ือง การสำรวจพนั ธไุ์ ม้ดอกไม้ประดบั ผจู้ ัดทําโครงงานได้ดาํ เนนิ การดังน้ี 1.วัสดอุ ปุ กรณ์ - โนต๊ บุ๊ค - อนิ เทอรเ์ น็ต - word - เว็บ pubhtml5 2.วิธีการดำเนินงาน ที่ ข้นั ตอนในการดำเนนิ งาน ระยะเวลาดำเนินการ กรกฎาคม สงิ หาคม กันยายน 1 คดิ หวั ข้อโครงงาน 2 ศึกษาค้นควา้ รวบรวมขอ้ มลู √ 3 จดั ทำเค้าโครงงานเสนอครทู ่ีปรึกษา √ 4 สมัครและลองใช้โปรแกรม pubhtml5 5 นำเค้าโครงงานมาพิมพล์ ง word √ 6 จัดทำโครงงานมาใส่ pubhtml5 √ √ เรอื่ ง การสำรวจพันธไ์ุ มด้ อกไมป้ ระดบั √ 7 นำเสนอผ่านโปรแกรม pubhtml5 √

12 บทท4่ี ผลการศึกษา โครงงานIS1 เรอ่ื ง การสำรวจพันธไ์ุ มด้ อกไม้ประดับ ผู้ศกึ ษาได้กำหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละขอบเขตของ การศึกษาไวด้ ังน้ี 1. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อศึกษาประวตั ิของไมด้ อกไมป้ ระดับเเต่ละชนดิ 2. เพื่อตอ้ งการให้รวู้ ่าไม้ดอกไมป้ ระดบั สามารถมาประดบั สถานทีต่ ่างๆได้ 3. เพือ่ ใหร้ วู้ ธิ ีการปลกู ไม้ประดบั 2. ขอบเขตการศึกษา โครงงานเรื่องการสำรวจพนั ธ์ุไมด้ อกไมป้ ระดบั เราจะศึกษาเรือ่ ง ไมด้ อกและไมป้ ระดับ ผา่ นอินเทอร์เนต็ และ จัดทำใชโ้ ปรแกรม word,pubhtml5 เท่าน้ัน 3. ผลการดำเนินงาน 1. ไดเ้ รยี นรู้เกยี่ วกบั พันธไ์ุ มด้ อกไมป้ ระดบั แต่ละชนดิ 2. ไดเ้ รียนรู้วิธีการปลกู ของพนั ธ์ไุ ม้ดอกไม้ประดับ 3. ไดเ้ รียนร้วู ่าการปลูกพนั ธไ์ุ มด้ อกไม้ประดับ สามารถต่อยอดโดยการนำไปขาย

13 บทท5่ี สรุปผลและข้อเสนอแนะ จากการทำโครงงานคอมพวิ เตอร์เรอื่ ง การสำรวจพนั ธุ์ไม้ดอกไมป้ ระดบั น้สี ามารถสรปุ ผลการดำเนิน โครงงาน และขอ้ เสนอแนะ ดังน้ี 1 การดำเนนิ งานจดั ทำโครงงาน 1.1 วัตถุประสงคข์ องโครงงาน 1. เพอื่ ศกึ ษาประวัตขิ องไมด้ อกไมป้ ระดับเเต่ละชนดิ 2. เพอ่ื ตอ้ งการใหร้ ้วู ่าไมด้ อกไมป้ ระดับสามารถมาประดบั สถานที่ต่างๆได้ 3. เพ่อื ให้รวู้ ธิ กี ารปลกู ไม้ประดบั 1.2 วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือหรือโปรแกรมหรือท่ีใชใ้ นการพฒั นา - โน๊ตบคุ๊ - อนิ เทอรเ์ น็ต - Word - เวบ็ pubhtml5 1.3 สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน จากการทค่ี ณะผู้จดั ทำได้มีความสนใจศกึ ษาการสำรวจพันธ์ุไมด้ อกไม้ประดับตาม วัตถุประสงค์คือ เพอื่ ศึกษาประวตั ขิ องไม้ดอกไม้ประดับเเตล่ ะชนดิ และเพือ่ ต้องการให้รู้วา่ ไม้ดอกไมป้ ระดับ สามารถมาประดับสถานท่ีต่างๆได้และเพื่อให้รูว้ ิธกี ารปลูกไม้ประดบั ซง่ึ พบว่ามพี ันธไ์ุ มด้ อกไมป้ ระดับมากมาย หลายชนิด และสามาถนำมาใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ ซ่ึงปัจจุบนั มีการนำไมด้ อกไม้ประดบั มาใชป้ ลกู ในสถานท่ี ต่างๆมากมาย 1.4 ปัญหาและอปุ สรรค - มดทำรังบนกระถางต้นไม้ - อินเทอร์เนต็ มคี วามลา่ ช้า

14 บรรณานุกรม สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชนฯ.ความหมายของไมด้ อกไม้ประดบั และการจำแนกประเภท.สืบค้นเม่ือ 6 สงิ หาคม 2564,จาก https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=30&chap=5&page=t30-5- infodetail02.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook