Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือทั่วไป-กำเนินใหม่ไดโนเสาร์ในไทย

หนังสือทั่วไป-กำเนินใหม่ไดโนเสาร์ในไทย

Description: หนังสือทั่วไป-กำเนินใหม่ไดโนเสาร์ในไทย

Search

Read the Text Version

1

ชื่อหนังสือ กำ�เนดิ ใหม่ไดโนเสาร์ในไทย ๒๐๑๖ เจ้าของ กรมทรพั ยากรธรณี ผลิตเมอ่ื ตุลาคม 2559 เพื่อเผยแพร่ให้เกิดความเข้าใจถึงซากดึกดำ�บรรพ์ของสัตว์ท่ีเคยครองโลกเม่ือนับร้อยล้านปี และกระบวนศึกษาค้นคว้าถึงซากดึกดำ�บรรพ์ของไดโนเสาร์ จนค้นพบสายพันธุ์ใหม่ของโลก ในประเทศไทย ๙ สายพนั ธุ์ เพอื่ เกดิ ความภาคภมู ใิ จการการเปน็ แหลง่ ศกึ ษาหาความรทู้ ที่ รงคณุ คา่ ทางด้านธรณวี ิทยาและซากดึกด�ำ บรรพ์ กรมทรัพยากรธรณ ี กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม www.dmr.go.th 22

คำ�นำ� ไดโนเสารเ์ คยมชี วี ติ แพรห่ ลายหลากหลายชนดิ และเผา่ พนั ธุ์ เคยอยอู่ าศยั บนโลกใบนม้ี าชา้ นาน เม่อื ๑๖๐ ล้านปกี อ่ น ไดโนเสารเ์ พิง่ จะมาสูญพนั ธ์ไปจากโลกเมื่อ ๖๕ ล้านท่ผี ่านมา หลังจาก ไดโนเสารส์ ญู พนั ธไ์ุ ปแลว้ ๖๐ ลา้ นปี ตน้ ตระกลู ของมนษุ ยจ์ งึ เรมิ่ อบุ ตั ขิ น้ึ บนโลกใบนี้ สว่ นเผา่ พนั ธ์ุ ของมนุษย์ปัจจบุ นั นนั้ เพิง่ จะมมี าไม่ถึงหนง่ึ แสนปีมาน่เี อง เรอ่ื งราวของไดโนเสารท์ อ่ี ยา่ วา่ แตเ่ ราทจี่ ะไมท่ นั ยคุ นนั้ ไมม่ โี อกาสเหน็ ไดโนเสารต์ วั เปน็ ๆ แมแ้ ต่ ตน้ ตระกลู ของมนษุ ยเ์ องกย็ งั อบุ ตั ขิ น้ึ บนโลก กต็ อ่ เมอ่ื ไดโนเสารส์ ญู พนั ธไ์ุ ปแลว้ ถงึ ๕ ลา้ นป ี การขุด ค้นพบซากไดโนเสารท์ ่ถี กู ฝงั ซ่อนในชนั้ หนิ ของประเทศไทย จงึ เปน็ เรื่องทีช่ วนตืน่ เตน้ และน่ายนิ ดี ในประเทศต่างๆ มีการขุดค้นหาซากไดโนเสาร์ เพื่อศึกษาค้นคว้า ถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ท่ี เคยครองโลก หากินอย่ทู ั่วไป เหมอื นมนษุ ย์ในปจั จบุ นั ท่ีกา้ วหนา้ เจริญรงุ่ เรืองถือเป็นชว่ งทม่ี นุษย์ ครองโลกเชน่ กนั ซากฟอสซลิ ของไดโนเสารจ์ งึ เปน็ เหมอื นชปิ ขอ้ มลู ทถ่ี กู ฝงั ซอ่ นไวถ้ งึ กวา่ ๖๕ ลา้ น ปกี อ่ น และเมอ่ื ถกู ขดุ คน้ ในปจั จบุ นั จงึ ถกู น�ำ ไปศกึ ษาคน้ ควา้ และแปลความ การศกึ ษาเรยี นรเู้ รอื่ ง ราวบรรพชวี นิ ท�ำ ให้เรารู้วา่ โลกและส่งิ มีชีวิตในอดตี อยแู่ ละเติบโตอยา่ งไรและสญู พันธุไ์ ปอย่างไร เพื่อการคาดเดาและเตรยี มการณใ์ นปจั จบุ นั ประเทศไทยในอดีตมีไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ เดินหากินอยู่ทั่วไป เราจึงค้นพบท้ังซากฟอสซิล และรอยตนี อยู่หลายแห่ง การค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลก เป็นที่แรกในประเทศไทยถงึ ๙ สายพันธ์ุ จึงเปน็ ความภาคภมู ใิ จทีเ่ ราควรจะมีรว่ มกนั กรมทรพั ยากรธรณนี อกจากจะเปน็ หนว่ ยงานทศ่ี กึ ษา คน้ ควา้ ส�ำ รวจทรพั ยากรทางธรณขี อง ประเทศไทย ใหข้ อ้ มลู ปรากฏการณท์ างธรณตี า่ งๆ แตท่ ง้ั หนว่ ยงานของรฐั และสาธารณะชนแลว้ แลว้ ยงั ไดค้ น้ ควา้ วจิ ยั ในเรอ่ื งบรรพชวี นิ สง่ิ มชี วี ติ ในอดตี และน�ำ จดั แสดงเพอ่ื ใหส้ าธารณะชนไดเ้ รยี นร ู้ หนงั สอื กำ�เนดิ ใหม่ไดโนเสารใ์ นประเทศไทย ๒๐๑๖ เปน็ เพียงการบอกกลา่ ววา่ ในชว่ งเวลา มาจนถงึ ปี ๒๐๑๖ เราคน้ พบไดโนเสารช์ นดิ ใหมข่ องโลกในประเทศไทยแลว้ ๙ สายพนั ธ์ุ ซง่ึ แนน่ อน วา่ เมอ่ื มกี ารขดุ คน้ และศกึ ษาคน้ ควา้ ไปเรอื่ ยๆ เราจะพบไดโนเสารช์ นดิ อนื่ ๆ เพม่ิ ขน้ึ แนน่ อน หนงั สอื นจ้ี ึงเหมือนเป็นเครอ่ื งบนั ทึกในชว่ งเวลาหนงึ่ เพ่ือจะได้บอกกล่าวให้รว่ มไดร้ บั รแู้ ละยินดีรว่ มกัน ดร.ทศพร นชุ อนงค์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ 33

๒กได�ำ ๐เโนน๑ดิ เใส๖หมา่ร์ในไทย อะไรคอื ...ไดโนเสาร์ ? ไดโนเสาร์ เป็นสัตว์ท่ีเคยอยู่บนโลกใบนี้ อย่างเฟื่องฟู จนถือเป็นช่วงท่ีไดโนเสาร์ครอง โลก อยเู่ หมอื นคนเราบนโลกใบนใ้ี นปจั จบุ นั จาก หลักฐานการขุดค้นซากฟอสซิลของไดโนเเสาร์ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าไดโนเสาร์เป็นสัตว์เลื้อย คลานโบราณ ที่ว่าโบราณเพราะไดโนเสาร์พวก แรกปรากฏตัวข้ึนมาบนโลกในช่วงตอนปลาย ของยุคไทรแอซิก (เมื่อกว่า ๒๒๕ ล้านปีมาแล้ว) ซ่ึงช่วงน้ันแผ่นดินที่เป็นทวีปทั้งหลายท่ีเรา เหน็ ในปจั จบุ นั ยงั เชอื่ มตอ่ เปน็ ผนื เดยี วกนั สตั วพ์ วกนด้ี �ำ เนนิ ชวี ติ และมวี วิ ฒั นาการมาตลอดระยะ เวลา ๑๖๐ ลา้ นปี ท่คี รอบครองโลกใบน้ี กระจายพนั ธุก์ ันอยู่ทั่วโลก ไดโนเสารม์ ีหลายชนดิ พันธุ์ มี ขนาด รปู รา่ ง แตกต่างกนั ออกไปหลากหลายชนิด ขนาดก็มตี ัง้ แต่ขนาดใหญ่โต น้ําหนกั เป็นตนั ๆ จนถึงขนาดตวั เลก็ จิ๋ว เลก็ กว่าไกก่ ็ยังมี ไดโนเสาร์บางชนิดกินพชื เปน็ อาหาร ในขณะทีบ่ างชนดิ ก็ 44

กนิ สัตว์ บางชนดิ เดินดว้ ย ขา ๔ ขา แต่บางชนดิ กเ็ ดนิ ด้วยขา ๒ ข้าง นี่คือรปู ลักษณก์ ว้างๆ ของ ไดโนเสาร์ การขุดค้นพบซากไดโนเสาร์ท่ีเพิ่มข้ึนเรื่อยๆ จากทุกมุมโลก ทำ�ให้นักวิทยาศาสตร์ได้ รูจ้ ักไดโนเสารช์ นิดใหม่เพม่ิ ข้นึ เรอ่ื ยๆ นั่นจงึ ยืนยนั ว่า ในช่วงท่ยี คุ ไดโนเสารค์ รองโลก ไดโนเสารม์ ี มากมายหลายสายพนั ธ์ุ หลายรปู ลกั ษณ ์ แตท่ ส่ี �ำ คญั ไดโนเสารอ์ ยกู่ ระจายกนั ทวั่ จงึ เรยี กกนั แบบ ใหเ้ ขา้ ใจกันวา่ เป็นยคุ ของไดโนเสารค์ รองโลก แต่แล้วไดโนเสาร์ก็สูญพันธ์ไุ ปจากโลกน้จี นหมดส้นิ ในปลายยุคครีเทเชียส หรือ ๖๕ ล้านปี ที่ผ่านมา เมื่อไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว ๖๐ ลา้ นปี ตน้ ตระกลู มนษุ ยจ์ งึ ไดป้ รากฏบนโลกใบน้ี เมื่อ ๕ ล้านปีก่อน ส่วนเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ใน ปัจจุบัน เพิ่งจะเริ่มต้นมาเมื่อไม่เกินหนึ่งแสนปี มานี่เอง ดงั น้นั ....มนุษย์ จึงไมม่ โี อกาสไดพ้ บเจอกับ ไดโนเสาร์ตัวเป็นๆ มนุษย์เกิดกันคนละช่วงยุค กบั ไดโนเสาร์ โลกในปจั จบุ นั วา่ กนั วา่ เปน็ ยคุ ของ 55

มนุษย์ครองโลก แตม่ นษุ ยเ์ ราครองโลกก็เมอื่ หลงั จากไดโนเสารส์ ูญพันธ์ไุ ปแลว้ ในโลกปัจจุบัน เราเรียนรู้และศึกษาเรื่องราวของไดโนเสาร์ผ่านซากดึกดำ�บรรพ์ที่ขุดพบ เจอในทุกๆ แหล่งทั่วโลก และนักวิทยาศาสตร์ได้รู้ว่า ในยุคไดโนเสาร์ครองโลก ไดโนเสาร์ ได้เจริญเติบโตและแพร่หลาย เป็นสกุลต่างๆ มากมาย เท่าที่ค้นพบและจำ�แนกแล้วได้มากกว่า ๑,๕๐๐ ชนิด แต่ก็คาดว่าจะมีที่ยังไม่ได้ค้นพบอีกมากมาย นกั โบราณชวี วทิ ยา แบง่ ไดโนเสารเ์ ปน็ ๒ กลมุ่ ใหญ่ โดยอาศยั ความแตกตา่ งของกระดกู เชงิ กราน เปน็ ตวั แบ่ง คือ.... ๑. พวกซอริสเซียน (Saurischians) พวกนี้มีกระดูกเชิงกรานแบบพวกสัตว์เล้ือยคลาน คือ กระดูกพิวบิส และอิสเซยี ม แยกออกจากันเป็นมุมกว้าง หรืออกด้านข้าง ๒. พวกออนิธิสเซียน (Ornithiscians) มีกระดูกเชิงกรานเป็นแบบนก คือกระดูกทั้ง ๒ (พิวบสิ และอสิ เซยี ม) ชไี้ ปทางดา้ นหลงั เมือ่ เกดิ ไมท่ ันยคุ น้ันสกั คน แล้วรู้ไดอ้ ยา่ งไรว่ามนั ชอื่ ไดโนเสาร์ ? ในตา่ งประเทศ มกี ารขดุ คน้ พบซากฟอสซลิ ของสตั วด์ กึ ด�ำ บรรพน์ มี้ านาน และกม็ กี ารศกึ ษา คน้ ควา้ เกยี่ วกบั ซากสตั วด์ กึ ด�ำ บรรพน์ ม้ี าตลอด ศ.รชิ ารด์ โอเวน นกั วทิ ยาศาสตรช์ าวองั กฤษ ผซู้ ง่ึ ศกึ ษาซากดึกดำ�บรรพ์มานานและมชี ่อื เสียงไดร้ บั การยอมรบั จากนกั วิทยาศาสตร์ท่วั โลก เปน็ คน ตง้ั ชอ่ื ไดโนเสาร์ เปน็ คนแรก โดยเรียกชอื่ นีข้ ้ึนมาในการประชุมของสมาคมวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ในองั กฤษ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๑๘๔๑ (พ.ศ. ๒๓๘๔) จากการศกึ ษาซากดึกด�ำ บรรพข์ องสัตวเ์ ลอ้ื ยคลาน ขนาดใหญท่ ่ีพบในอังกฤษ โดยเฉพาะซากดกึ ดำ�บรรพข์ อง อกี ัวโนดอน และ ไฮลโี อซอรัส ซง่ึ พบ 66

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๖๓ - ๒๓๗๒ ก็ได้เห็นถึงข้อแตกต่างจากสัตว์เล้ือยคลานท่ีมีขาออกจากลำ�ตัว อย่างจระเข้ หรือเต่า ที่คลานไปบนพื้น แต่ซากดึกดำ�บรรพที่ศึกษานี้กลับมีขาขนาดใหญ่เพื่อ รองรบั นํ้าหนักของร่างกายทกี่ ดลงโดยตรงเหมอื นพวกช้าง เพอ่ื จะไดจ้ �ำ ไดว้ า่ สตั วต์ วั ทศ่ี กึ ษาน้ี ทม่ี ขี นาดใหญจ่ นนา่ กลวั จงึ ตง้ั ชอ่ื จากภาษากรกี ซง่ึ เปน็ ภาษา ทม่ี กั นยิ มน�ำ มาตง้ั ชอ่ื ของพชื และสตั วว์ า่ ไดโนเสาร์ (Dinosaur) ไดโน Deinos ในภาษากรกี แปลวา่ นา่ กลวั มาก สว่ น Sauros นน้ั หมายถงึ สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน ตง้ั แตน่ นั้ มาเมอ่ื มกี ารขดุ คน้ พบซากสตั วด์ กึ ด�ำ บรรพใ์ นชน้ั หนิ ตา่ งๆ ทกุ คนจงึ เรยี กเปน็ ไดโนเสาร์ ทงั้ หมด และเมอื่ การขดุ คน้ พบชนดิ ทห่ี ลากหลายและมลี กั ษณะแตง่ ตา่ งมากขน้ึ ไมไ่ ดม้ แี ตข่ นาดที่ ใหญโ่ ตจนนา่ กลวั เทา่ นนั้ แตช่ อื่ ไดโนเสาร์ กเ็ ปน็ ทย่ี อมรบั ในการใชช้ อ่ื นก้ี บั เจา้ ของซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ไปแลว้ โดยไม่มขี ้อโตแ้ ย้ง ยคุ ไดโนเสาร์ครองโลกเมื่อไหร่ ? จากตารางอายทุ างธรณี จะเหน็ วา่ ไดโนเสารม์ กี นั อยใู่ น ๓ ยคุ คอื ยคุ ไทรแอสซกิ ยคุ จแู รสสกิ และ ยุคครีเทเชียส ๓ ยุคนี้ รวมระยะเวลาทั้ง ๓ ยุคได้ ๑๖๐ ล้านปี ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน มากที่ไดโนเสาร์ครองโลก เมื่อไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว ๖๐ ล้านปี ต้นตระกูลของมนุษย์จึงถือ กำ�เนิดขึ้นบนโลกเมื่อ ๕ ล้านปีก่อน ในขณะที่มนุษย์ในปัจจุบัน เพิ่งอาศัยบนโลกใบนี้ได้เพียง ๑๐๐,๐๐๐ ปเี ทา่ นั้น จงึ จะเหน็ ไดว้ า่ ถ้าเทียบช่วงระยะเวลาที่มไี ดโนเสารบ์ นโลกนี้ ๑๖๐ ล้านปี กับการที่มนุษย์ในปัจจุบัน เพิ่งจะมีมาไม่ถึงแสนปี ยังเทียบกันไม่ได้แม้แต่น้อย 77

ตารางธรณกี าล 88

จากท่ีวา่ ครองโลก เดินกันใหเ้ กลื่อนโลก แลว้ ไดโนเสารห์ ายไปไหนหมด? ไดโนเสาร์สูญสิ้นไปจากโลกแล้ว ๖๐ ล้านปี ต้นตระกูลของมนุษย์ (ซ่ึงยังไม่ใช่มนุษย์แบบ ในปัจจบุ นั ) เพง่ิ จะอุบัติข้นึ มาบนโลก แต่ไดโนเสาร์หายไปหมดแล้ว หายไปแบบสิ้นสูญ หายไปได้ อยา่ งไร ? มีคนเสนอทฤษฏีเพื่อมาอธิบายการหายไปของไดโนเสาร์ไว้หลายทฤษฏี แต่ดูเหมือนว่าที่ ได้รับการยอมรับกันมากมีเพียง ๒ ทฤษฏีเท่านั้นคือ... สญู หายล้มตายไปอย่างฉับพลันในเวลาอันส้ัน คนที่เขาเชื่อในทฤษฏีนี้ เขาก็เชื่อว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลา ไม่นานมาก โดยมีอุกาบาตขนาดใหญ่จากนอกโลกพุ่งเข้ามาชนโลก ส่งผลทำ�ให้โลกเกิดการ กระแทกและระเบิดอย่างรุนแรง ทำ�ให้เกิดเป็นฝุ่นและไอนํ้าจำ�นวนมหาศาล กระจายฟุ้งขึ้น ไปบนอากาศปกคลุมอยู่โดยทั่ว จนหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์เป็นเวลานานนับแรมเดือนแรม ปี จนทำ�ให้โลกมืดและเย็นลง เมื่อไม่มีแดด อูณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปในเวลาอันสั้น สิ่งมี ชีวิตที่ไม่ได้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ก็ปรับตัวไม่ได้ และทยอยตายลงจนหมดสิ้น 99

นนั่ คอื ทฤษฏแี รกทพ่ี ยายามจะอธบิ ายวา่ ท�ำ ไมไดโนเสารต์ อ้ งสญู หายไปจากโลกชนดิ ไมเ่ หลอื หลอแบบนี้ แตก่ ม็ อี ีกทฤษฏีท่ีออกมาอธิบายคือ คอ่ ยๆ หายไปอย่างช้าๆ ทฤษฏีนี้อธิบายว่าไดโนเสาร์ไม่ได้สูญพันธุ์ไปแบบฉับพลัน แต่ใช้เวลานานนับพันนับหมื่นปี โดยที่ทวปี ตา่ งๆ มกี ารเคลื่อนตวั คอื แผน่ เปลอื กโลกทเี่ หมือนเป็นเปลือกบางๆ ท่ีปกคลุมภายใน โลกไวน้ ั้น ภายในของโลกยงั รอ้ นไหลเปน็ ลาวา ลาวาเหลา่ ทก่ี จ็ ะร้อนอยูภ่ ายในไหลวนไปมา แลว้ จะดึงเปลือกทวีปให้วนหรือกินแผ่นเปลือกทวีปไปด้วย แผ่นเปลือกโลกท่ีถูกวนไปก็จะเคล่ือนตัว ไปโดยปริยาย ไดโนเสาร์ท่ีเคยอยู่บนเปลือกโลกที่ค่อนข้างอบอุ่นเหมาะกับการอยู่อาศัยของมัน เมือ่ แผน่ เปลอื กโลกเคลือ่ นที่ไปอยา่ งช้าๆ จนเขา้ สู่ปลายยุคไดโนเสาร์ ก็พบวา่ อุณหภมู ิมนั เปลยี่ น เพราะมกี ารพบพชื ทคี่ อ่ ยๆ เปลยี่ นสภาพ จากทเ่ี คยเปน็ พชื ในเขตรอ้ น กป็ รบั สภาพกลายเปน็ พวก ทช่ี อบอากาศทเ่ี ยน็ ขน้ึ อกี ทง้ั พบเหน็ สตั วท์ ช่ี อบอากาศเยน็ เพมิ่ ขน้ึ เรอื่ ยๆ เชน่ พบสตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ย นมทม่ี ขี นหนามากกวา่ พวกทไี่ มม่ ขี น นน่ั แสดงวา่ สภาพอากาศของโลกคอ่ ยๆ เยน็ ลงอยา่ งชา้ ๆ เปน็ สภาพอากาศทไี่ ดโนเสารไ์ มช่ อบ อยยู่ ากล�ำ บากขน้ึ ในชว่ งเวลา ๑๖๐ ลา้ นปที ไี่ ดโนเสารเ์ คยอยอู่ ยา่ ง สขุ ส�ำ ราญ โลกเคลอื่ นทจ่ี นสภาพอากาศเปลย่ี นจนไดโนเสารอ์ ยไู่ ดอ้ ยา่ งล�ำ บากและท�ำ ใหไ้ ดโนเสาร์ สญู พันธ์ไุ ปในทีส่ ดุ 1100

จะเห็นว่าทั้งสองทฤษฏีแตกต่างกันอย่างมาก ทฤษฏีแรกเกิดการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว และไดโนเสารล์ ม้ ตายไปในบดั ดล เพราะไมม่ กี ารพบไดโนเสารอ์ กี เลยหลงั จากยคุ ครเี ทเชยี ส และพบ ชน้ั ดนิ ทสี่ ะสมตวั ในชว่ งปลายยคุ ครเี ทเชยี สทมี่ สี ว่ นประกอบของแรต่ วั หนงึ่ ทมี่ ธี าตอุ ริ เิ ดยี มอยมู่ าก เปน็ พเิ ศษ นกั วทิ ยาศาสตรท์ ส่ี นบั สนนุ ทฤษฏนี อี้ ธบิ ายวา่ ธาตอุ ริ เิ ดยี มจะมมี ากไดแ้ บบนเ้ี ปน็ พเิ ศษ ได้ทางเดียวเท่านั้นคอื อุกาบาตจากนอกโลกพงุ่ ชนโลกและเกดิ การระเบิดขนานใหญ่ ธาตอุ ิรเิ ดียม น่าจะมาจากฝุ่นทเี่ กิดจากการระเบิดท่ีอกุ าบาตพ่งุ ชนนั่นเอง แต่นักวิทยาศาสตร์ที่เห็นวา่ ไดโนเสาร์ไม่ได้สูญพันธุ์ไปแบบทันทีทันใดแบบน้ัน แต่มันค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆในระยะเวลาหลายล้านปี โดยตัวอย่างพืชหลายชนิดที่เปลี่ยนลักษณะจากสภาพ แวดลอ้ มแบบอนุ่ ไปเปน็ สภาพแวดลอ้ มทโ่ี ลกเยน็ ลง ในเรอื่ งธาตอุ ริ เิ ดยี มนน้ั ไมไ่ ดม้ าจากการระเบดิ ทีเ่ กดิ จากอกุ าบาตพุ่งชน หากแตม่ าจาก การระเบดิ ข้ึนของภูเขาไฟท่เี กดิ ขึน้ มากมายในชว่ งสิ้นยุค ครเี ทเชยี ส ธาตอุ ริ เิ ดยี มทเ่ี คยอยใู่ นหนิ หลอมละลายภายในโลก จงึ ถกู พน่ ขน้ึ มาตามการระเบดิ ของ ภูเขาไฟน่นั เอง น่ีคือสองทฤษฏีที่พยายามอธิบายว่าทำ�ไม ไดโนเสาร์จึงสูญพันธ์ุไปแบบไม่เหลือเชื้อพันธ์ุ แม้แตน่ ้อย แลว้ ปจั จุบัน มีญาติไดโนเสาร์อยูบ่ า้ งไหม ? จากการขดุ คน้ พบซากไดโนเสารใ์ นปจั จบุ นั การค้นพบกระดูกหรือรอยตีน แม้กระท่ังพบไข่ ไดโนเสาร์ทำ�ให้รู้ไปถึงลักษณะของไดโนเสาร์ว่า มนั เดนิ อยา่ งไร ชว่ งหา่ งของรอยตนี บอกขนาดล�ำ ตวั การอยู่ อาหารการกนิ หรอื แมก้ ระทง่ั รปู รา่ ง ลักษณะที่ควรจะเป็น เหล่าน้ีพอสันนิษฐานหรือเทียบเคียงกับชนิดท่ีมีการพิสูจน์มาแล้วได้ แต่ท่ี ต้องสันนิษฐานคือ แล้วตัวมันมีสีอะไร มันร้องอย่างไร จากการศึกษาเรื่องรอยตีนของไดโนเสาร์ ฟัน กระดูก หนังหรอื ไขข่ องไดโนเสารท์ ่คี ้นพบ รอยตนี มนั คล้ายคลงึ กบั รอยตนี ของนกบางชนดิ ท่ี มใี นปัจจุบนั อยา่ งนกกะจอกเทศหรอื นกอนื่ ๆ ท่ีมขี นปกคลมุ สว่ นขาทม่ี เี กลด็ และรอยนว้ิ ตนี ทไ่ี ม่ ไดผ้ ดิ แผกจากรอยตนี ไดโยเสารท์ พ่ี บเหน็ มากนกั นกั วทิ ยาศาสตรจ์ งึ สนั นษิ ฐานวา่ ญาตไิ ดโนเสารท์ ่ี นา่ จะหลงเหลอื มาถงึ ปจั จบุ นั นน้ั กน็ า่ ทจ่ี ะเปน็ นกนเ่ี อง ซากไดโนเสาร์ อย่มู าเปน็ ลา้ นๆ ปีจนถึงทกุ วนั น้ีได้อยา่ งไร ? อยมู่ าไดก้ เ็ พราะมนั เปน็ หนิ หนิ ทค่ี งเปน็ รปู รา่ งของชนิ้ สว่ นกระดกู หรอื อนื่ ๆ ทเี่ รยี กวา่ ฟอสซลิ ซง่ึ กระบวนการเกดิ ฟอสซลิ นนั้ ตอ้ งมนี า้ํ มาเกย่ี วขอ้ งแนน่ อน บรเิ วณทจ่ี ะเกดิ เปน็ ซากฟอสซลิ นนั้ มกั 1111

จะตอ้ งใกลแ้ หลง่ นา้ํ แมน่ าํ้ ชายทะเลหรอื รมิ ทะเลสาบ หรอื ในโพรงหนิ เวลาทเี่ ราเหน็ ซากฟอสซลิ ในปจั จบุ นั อยบู่ นภเู ขาสงู บา้ ง หา่ งจากแหล่งนํา้ บ้าง อยา่ เพ่งิ คดิ วา่ มันไมใ่ ช่ น้ําไมเ่ กยี่ ว ขอให้เรา ลองจินตนากาลย้อนกลบั ไปเมื่อเป็นลา้ นๆ ปี หลายล้านปีกอ่ น สภาพตรงที่พบซากฟอสซลิ ตอ้ ง ไม่ใช่ที่หา่ งนํ้าแนน่ อน ในสมยั เมอ่ื โลกนบั ลา้ นปี ยงั เกดิ การปรวนแปรสภาพแวดลอ้ มอยา่ งมาก แมน่ า้ํ โบราณสายใหญ่ ไหลบา่ บางครงั้ ไหลแรง บางครง้ั ไหลเออ่ื ย เมอ่ื ไดโนเสารต์ ายลงถา้ ตายในนา้ํ กจ็ ะถกู พดั พาไป จน ลอยไปติดกับพ้ืนดินริมฝั่ง ที่เป็นทรายหรือดินร่วน ส่วนท่ีเป็นเนื้อหนังก็จะเน่าเป่ือย แล้วหลุด หายไปกบั สายนา้ํ กจ็ ะเหลอื แตส่ ว่ นทแี่ ขง็ ๆ เชน่ กระดกู ฟนั ทไี่ มถ่ กู นา้ํ พดั กจ็ ะตดิ อยกู่ บั ดนิ โคลน รมิ ตลิ่ง หลงั จากนนั้ ดนิ โคลนท่ีถูกนํา้ พัดพามากจ็ ะมากลบทบั ถมกระดูกเหลา่ นน้ั ไป ถา้ โคลนหรอื ทรายมาทบั ถมเร็ว ชน้ิ ส่วนต่างๆ ของกระดกู ก็จะยังคงเป็นรปู รา่ งอยา่ งที่เคยเป็นก่อนตาย แต่ถา้ ทรายหรือโคลนมาทับถมช้า กระดูกหรือฟันหรือชิ้นส่วนอื่นๆ ก็จะถูกพัดพากระจัดกระจายออก ไปจนไมเ่ ปน็ รูปรา่ ง บางทีเวลาขดุ ค้น จงึ เจอฟันบา้ ง กระดกู ขา ส่วนขอ้ ตอ่ หาง อะไรแบบน้ีกม็ ี น่ัน เพราะสว่ นเหลา่ น้ีถกู นํา้ พัดให้หลุดออกมา ก่อนทจี่ ะถูกดินโคลนกลบฝงั 1122

การทบั ถมของทรายหรือโคลนนี้ก็จะปิดทับพอกกระดูกหรือฟันไว้ อากาศและออกซิเจน ทเี่ ปน็ ตัวทำ�ให้เกิดแบคทเี รยี กไ็ ม่สามารถเข้าไปถึงซากได้ ในขณะเดียวกัน ในทรายหรอื โคลน ก็จะมแี รธ่ าตุตา่ งๆ มากมายอยู่นนั้ ก็จะถูกนํา้ ละลายแร่ ธาตุต่างๆ ในทรายหรือโคลนนั้น ให้ค่อยๆ ซึมเข้าไปในเน้ือกระดูกเข้าไปในโพรงและช่องว่างที่มี อยู่ด้วยธาตุแคลไซค์ เหล็ก ซัลไฟล์และซิลิกา ท�ำ ให้กระดูกเหล่าน้ี เหมือนถูกเช่อื มประสาน จนแขง็ แกรง่ ขน้ึ จนสามารถรบั นา้ํ หนกั ของหนิ ดนิ โคลนทที่ บั ถมไดโ้ ดยยงั คงสภาพเหมอื นเดมิ บางครั้งแร่ธาตุต่างๆ ก็เข้าไปกัดกร่อน ละลายกระดูก และทิ้งลักษณะกระดูกไว้เป็น โพรง โพรงของซากดึกดำ�บรรพ์เหล่านี้ก็จะ กลายเป็นแม่พิมพ์ ต่อมาเมื่อมีแร่ธาตุอื่นเข้า มาอยู่จนเต็มโพรงนั้น ก็จะกลายเป็นรูปหล่อของชิ้นกระดูก บางครั้งไดโนเสาร์ท่ีตายใหม่ๆ ถูก ทับถมดว้ ยโคลน สว่ นทเ่ี ป็นเน้อื หนังน่าเปื่อยไป กลายเป็นโพรง แมพ่ มิ พ์นนั้ ก็จะเกิดรอยรูปหลอ่ เปน็ รอยผิวหนังไดโนเสารอ์ ยา่ งท่ีเคยมกี ารขุดเจอในบางพืน้ ที ่ ในบางพ้ืนท่ี มีซากไดโนเสาร์หลายตัวถูกพัดพามาทับถมอยู่ด้วยกันทำ�ให้เกิดเป็นช้ันสะสม กระดกู มกี ระดกู จำ�นวนมากสะสมอยูใ่ นชนั้ หิน การเกดิ ไมก้ ลายเปน็ หนิ กเ็ ปน็ ปรากฏการณไ์ ม่ต่างจากนี้ 1133

ก�ำ เนดิ ใหม่...ไดโนเสาร ์ เมือ่ ไดโนเสารต์ ายและทิง้ ซาก จนกระท่ังกลายเปน็ ฟอสซลิ ถูกหนิ ดิน ทบั ถม เหมอื นถกู เก็บ ซากไว้ในชน้ั หิน ผ่านไปเป็นลา้ นปี ในขณะทผ่ี วิ โลกกย็ ังคงมีการเคลอ่ื นตวั เบียด ชนกัน ดนั เอา ช้นั หินส่วนที่เก็บซากฟอสซลิ นั้นถกู ยกตัวสงู ขึ้นเปน็ ภูเขาบ้าง เป็นที่รายสงู บา้ ง ฟอสซลิ จากทเ่ี คย อยรู่ มิ นาํ้ ในทะเล กถ็ กู ยกขนึ้ มาตามแผน่ ดนิ ทซี่ ากมนั ถกู ฝงั ตวั อยู่ พอขนึ้ มาแลว้ ความรอ้ นจากดวง อาทิตย์ ความเย็นจากน้ําแข็ง ฝนและลมกัดกร่อน ทำ�ลายช้ันหินเหล่าน้ีก็ผุกร่อนลงเร่ือยๆ จน กระท่งั ถงึ ชั้นท่มี ีซากดึกดำ�บรรพฝ์ ังอยู่ ท�ำ ใหช้ ้ินสว่ นของไดโนเสาร์สว่ นใดสว่ นหน่ึงโผลอ่ อกมาจน เหน็ รอ่ งรอย กระบวนการกวา่ ทไ่ี ดโนเสารจ์ ะปรากฏขน้ึ มาจากชน้ั หนิ นน้ั กนิ เวลาเปน็ หมน่ื แสนลา้ นปี แต่การปรากฏข้ึนของช้นิ สว่ นไดโนเสาร์นีเ่ องทีท่ �ำ ใหเ้ กิดการขุดคน้ ในเวลาต่อมา ถอื เปน็ การปลกุ ชพี ไดโนเสาร์ ใหก้ ลับมาเปน็ ท่ีรับรู้ในปัจจุบันอีกครง้ั หนึง่ เราตคี วามจากรอยเท้าหรอื ซาก ดึกด�ำ บรรพเ์ หลา่ นี้ทำ�ใหร้ อู้ ะไรบา้ ง ? จากรอยตีนไดโนเสาร์ที่ปรากฏเหล่าน้ี ท�ำ ใหเ้ รารวู้ า่ ไดโนเสารเ์ จา้ ของรอยนนั้ เดนิ ๒ ขา หรือ ๔ ขา เคลอื่ นทีอ่ ยา่ งรวดเรว็ หรือ คอ่ ยๆ เดนิ อยู่เป็นฝงู หรือแบบเด่ยี วๆ บาง ครงั้ กม็ กี ารพบมลู ไดโนเสารท์ ถ่ี า่ ยทง้ิ ไว้ กลาย เปน็ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ทเ่ี รยี กวา่ คอปโปรไลต์ 1144

ซากมลู ไดโนเสารน์ ที้ �ำ ใหเ้ รารจู้ กั ขนาดและ ลกั ษณะของลำ�ไส้ สว่ น ไขไ่ ดโนเสาร์ทพี่ บ จากหลายๆ แหลง่ นน้ั ท�ำ ใหร้ วู้ า่ ไดโนเสาร์ ออกลกู เปน็ ไข่ บางครง้ั กพ็ บตวั ออ่ นอยใู่ นไข่ ท�ำ ใหร้ วู้ า่ เปน็ ไขข่ องไดโนเสารช์ นดิ ใด บาง ครง้ั คน้ พบกระดกู ของไดโนเสารก์ �ำ ลงั กกไข่ อย่ใู นรัง ก็ท�ำ ให้รู้วา่ ไดโนเสาร์บางชนิด มี การเลยี้ งลูกออ่ นดว้ ย ไม่ใช่ไขแ่ ล้วท้ิงไป ไดโนเสาร์ในไทยอยทู่ ่ีไหน กันบา้ ง ? ไดโนเสารเ์ ปน็ สตั วบ์ กทมี่ ชี วี ติ ในยคุ มโี ซโซอกิ ประมาณ ๒๒๕ ลา้ นปมี าแลว้ และสญู พนั ธไุ์ ปใน ยคุ ครเี ทเชยี ส (ราว ๖๕ ลา้ นปมี าแลว้ ) ซากดกึ ด�ำ บรรพข์ องไดโนเสารท์ พี่ บเหน็ อยใู่ นชน้ั หนิ ตะกอน ทเี่ กดิ การสะสมตวั บนบก และมอี ายอุ ยใู่ นชว่ งทไี่ ดโนเสารม์ ชี วี ติ ชน้ั หนิ ตะกอนทมี่ ซี ากไดโนเสาร์ นี้ ในประเทศไทย นกั ธรณพี บว่ามนั แผก่ ระจายอยูท่ ัว่ ไปในบริเวณท่รี าบสงู โคราช และกระจายตัว เปน็ แหง่ ๆ ในบริเวณหนิ ตะกอนสแี ดง ในภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกและภาคใต้ของไทย ชั้นของหินตะกอนเหล่านี้ประกอบไปด้วยหินโคลน หินทรายแป้ง หินทราย หินกรวดมน สีนาํ้ ตาลแดงเปน็ สว่ นใหญ่ ตอนบนของหินชุดน้ีมชี ั้นของเกลอื หินและยิบซมั อยดู่ ว้ ย และด้วยด้วยลักษณะของหินตะกอนท่ีปรากฏมักจะเป็นสีแดงเกือบท้ังหมด ทำ�ให้บางครั้ง เรยี กหนิ กลุ่มนีว้ า่ ชั้นหนิ ตะกอนแดง ซ่ึงรู้จกกันในนาม กลมุ่ หินโคราช 1155

ตารางแสดงช้นั หนิ ของกลมุ่ หนิ โคราช ซึ่งแบ่งออกเป็น ๗ หมวดหนิ ยอ่ ย ในชว่ งเวลาตัง้ แต่ ยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (๒๑๐ ล้านป)ี ถึงครีเทเชียสตอนต้น (๑๐๐ ลา้ นป)ี หมวดหิน อาย ุ ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ ่ีพบ โคกกรวด ครเี ทเชียสตอนต้น (ประมาณ ๑๐๐ ล้านป)ี - ไดโนเสารป์ ากนกแกว้ ชิตตะโกซอรสั - ไดโนเสารอ์ กิ ัวโนดอน สยามโมดอน นิ่มงามมิ - ไดโนเสารอ์ กิ ัวโนดอน ราชสมี าซอรัส สรุ นารีอิ - ไดโนเสารอ์ กิ วั โนดอน สริ นิ ธรนา่ โคราชเอนซสิ - ฉลาม ไทยโอดัส รจุ าอิ - รอยตีนไดโนเสารเ์ ทอโรพอด ภพู าน ครเี ทเชียสตอนต้น (ประมาณ ๑๒๐ ล้านป)ี - ไดโนเสาร์ ภูเวียงโกซอรสั สยามโมไทรนั นสั เสาขัว ครีเทเชียสตอนต้น (ประมาณ ๑๓๐ ลา้ นป)ี - ไดโนเสาร์ สยามโมซอรสั - ไดโนเสารก์ นิ รีมมี ัส - ไดโนเสาร์ คอมพซ์ อกนาธัส - รอยตีนไดโนเสาร์เทอโรพอด - ไดโนเสาร์ซอโรพอด - ไดโนเสารเ์ ทอโรพอด พระวิหาร ครเี ทเชียสตอนตน้ (ประมาณ +๔๐ ลา้ นปี) - ไดโนเสาร์ฮบิ ซโิ ลโฟดอน - ไดโนเสาร์สเตโกซอร์ ภูกระดึง จแู รสสคิ ตอนปลาย (ประมาณ ๑๕๐ ลา้ นปี) - เทอโรซอร์ - ปลา ไทยอิกธิส พทุ ธบตุ รเอนซิส - ปลา อสิ านอิกธสิ พาลัสทริส - ไดโนเสาร์ซอโรพอด อิสานโนซอรสั - ไดโนเสารโ์ ปรซอโรพอด - รอยตนี ไดโนเสาร์เทอโรพอด - รอยตีนไดโนเสาร์ซอโรพอด - เต่าโบราณ โปกาโนเซลีส น้าํ พอง ไทรแอสสิกตอนปลาย (ประมาณ ๒๑๐ ลา้ นป)ี - สตั วส์ ะเทนิ นา้ํ สะเทนิ บกไซโคลโคซอรสั - ปลามปี อด - ไฟโตซอร์ หว้ ยหนิ ลาด ไทรแอสสกิ ตอนปลาย (ประมาณ ๒๒๐ ลา้ นปี) 1166

กลมุ่ หินโคราช....ผู้เก็บซ่อนซากไดโนเสาร์ในไทย... กลมุ่ หนิ โคราชเปน็ ชน้ั หนิ ตะกอนทมี่ ตี น้ ก�ำ นดิ บนแผน่ ดนิ ในยคุ เดยี วกบั ทไี่ ดโนเสารค์ รองโลก มรี ายงานการส�ำ รวจหนิ ตะกอนน ้ี โดยนกั ธรณี ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๔๖๖ (ค.ศ. ๑๙๒๓) ถงึ ปจั จบุ นั พบวา่ ชน้ั ตะกอนมคี วามหนาทง้ั สน้ิ กวา่ ๔๐๐ เมตร ตะกอนเหลา่ นส้ี ว่ นใหญเ่ กดิ จากการสะสมตวั ในสภาพ แวดล้อมที่มีออกซิเจนหรอื เกิดบนแผ่นดินเหนือระดบั นา้ํ ทะเล เช่น ตามแมน่ ํา้ ลำ�ธาร ทะเลสาบ และปากแม่นํ้า บริเวณที่มีภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ซากดึกดำ�บรรพ์ท่ีพบในหินตะกอน เช่น ซากดึกด�ำ บรรพ์ของหอยนํ้าจืด ของพืช ฟนั ของสตั ว์เลอื้ ยคลาน และเศษกระดูก ซ่ึงเปน็ ของสตั ว์ ทมี่ อี ายอุ ยรู่ ะหวา่ งยคุ ไทรแอสซคิ ตอนปลาย จแู รสซกิ และครเี ทเชยี ส ดงั นน้ั กลมุ่ ของซากชดุ น ้ี เมอ่ื มีชวี ติ จงึ ถอื วา่ อยูใ่ นยุคนน้ั เชน่ กนั กลมุ่ หนิ โคราชจดั แบง่ ออกเปน็ หมวดหมตู่ า่ งๆ โดยนกั ธรณหี ลายๆ ทา่ น แตท่ นี่ ยิ มใชก้ นั อยแู่ บง่ ล�ำ ดบั ของหนิ และอายุของชน้ั หนิ ได้ ๗ หมวดหนิ ย่อย ดงั ท่เี หน็ ในตาราง ซ่งึ แบง่ อายุโดยประมาณ และชนิดของซากดึกดำ�บรรพ์สัตว์มีกระดูกสนั หลงั ที่พบในหมวดหินยอ่ ยแต่ละชนดิ นัน้ ดว้ ย กลุ่มหินโคราชนั้นกระจายตัวกันคลุมพ้ืนท่ี ๑ ใน ๓ ของพ้ืนท่ีประเทศไทย โดยเห็นชัดเจน และครอบคลมุ พื้นท่ีภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื หรือทีร่ าบสูงโคราชมากท่ีสดุ นจี่ งึ เปน็ เหตผุ ลวา่ ท�ำ ไมเราจงึ พบเหน็ ซากดกึ ด�ำ บรรพข์ องไดโนเสารแ์ ละสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั อ่ืนๆ ในยคุ นั้นในบรเิ วณภาคอสี านมากทสี่ ดุ น่ันเอง ขบวนการฟน้ื ชพี ไดโนเสาร์ในไทย ในต่างประเทศมีการขุดค้นและศึกษาค้นคว้าซากไดโนเสาร์มานาน ส่วนในไทยนั้นเพิ่งจะมี จุดเริ่มต้นในปี ๒๕๑๙ โดยเร่ิมแรกนายสุธรรม แย้มนิยม ที่เข้ามาสำ�รวจในโครงการสำ�รวจแร่ ยเู รเนยี ม ของกรมทรพั ยากรธรณี ไดพ้ บเหน็ กระดกู ขนาดใหญท่ อ่ นหนงึ่ จากภเู วยี ง จงั หวดั ขอนแกน่ กระดกู ชนิ้ นไี้ ดร้ บั ความสนใจจากนกั โบราณชวี วทิ ยาชาวฝรง่ั เศสเปน็ อยา่ งมาก ไดม้ กี ารตรวจสอบ และวจิ ยั ในเวลาตอ่ มาโดยผลการวจิ ยั ไมอ่ าจจะระบไุ ดว้ า่ เปน็ ไดโนเสารก์ ลมุ่ ไหน บอกไดแ้ ตเ่ พยี ง เปน็ ไดโนเสารซ์ อโรพอด เปน็ พวกที่กินพืช เดนิ ๔ ขา คอยาว หางยาว และมคี วามยาวประมาณ ๑๕ เมตร น่เี ปน็ การรายงานการคน้ พบไดโนเสาร์อยา่ งเปน็ ทางการเปน็ ครง้ั แรกในประเทศไทย ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีคณะสำ�รวจทางธรณีของไทย ได้ออกสำ�รวจทางธรณีทางภาคอีสาน ได้พบซากดึกดำ�บรรพ์ของไดโนเสาร์และจระเข้ จากหลายๆ พื้นที่ ประเทศฝรั่งเศสเลยส่ง ทีมสำ�รวจเข้ามาร่วมมือกับคณะสำ�รวจของไทย มีการตั้งเป็นคณะสำ�รวจโบราณชีววิทยาไทย- ฝรั่งเศสขึ้น โดยฝา่ ยไทยมี นางรจุ า อิงคะวตั ิ นายนเรศ สตั ยารักษ์ และนายวราวุธ สุธธี ร ฝ่าย ฝรง่ั เศสมี ดร.ฟลิ ลปิ จองเวยี ร ์ ดร. อริ คิ บพุ โต ดร.เลยี วนารด์ กนิ สเบอรก์ และ ดร.มเิ ชล มารแ์ ตง เปน็ คณะรว่ มส�ำ รวจ แลว้ เรม่ิ ออกเกบ็ ตวั อยา่ งซากดกึ ด�ำ บรรพข์ องสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั หลายแหง่ 1177

ทัง้ ภาคเหนือและอสี าน พบชิ้นสว่ นซากดึกดำ�บรรพ์มากมายหลายแห่ง หลายช้นิ ส่วน ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ คณะส�ำ รวจไดข้ ้นึ ไปส�ำ รวจบนภเู วยี ง จ.ขอนแกน่ โดยขึ้นไปทีบ่ ริเวณภูประตู ตหี มา และไดพ้ บกระดกู ทอ่ นขาไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ ๒ ทอ่ น ฟนั ของไดโนเสาร์กินเน้ือและฟนั ของสัตว์อื่นๆอีกหลายชนิด ท้ังจระเข้ ปลา กระดองเต่า จากการค้นพบคร้ังนี้ทำ�ให้มีการขุดค้น เพิ่มเติมต่อมา พอปี ๒๕๒๕ คณะสำ�รวจก็ได้พบกระดูกซ่ีโครงชิ้นหนึ่งฝังอยู่ในหิน และเมื่อตาม ขุดต่อไป จึงพบว่าเป็นกระดูกไดโนเสาร์จำ�นวนมากเรียงรายกันอยู่ในช้ันหิน บริเวณแหล่งขุดค้น ทเ่ี รยี กวา่ หลุมท่ี ๑ ในปัจจุบัน และนั่นจึงเป็นจดุ เร่ิมตน้ ของการขุดค้นหาซากไดโนเสารใ์ นที่ต่างๆ ในประเทศไทยในเวลาต่อมา จงึ ถอื ไดว้ า่ แหลง่ ขดุ คน้ โนเสารภ์ เู วยี ง (ปจั จบุ นั คอื บรเิ วณ อ.เวยี งเกา่ ) จ.ขอนแกน่ เปน็ แหลง่ ขดุ คน้ ไดโนเสารแ์ หง่ แรกของประเทศไทย และไดเ้ ปน็ บนั ไดกา้ วแรกของการขดุ คน้ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ในที่อ่นื ๆ ของไทยตามมานัน่ เอง..... ไดโนเสารช์ นดิ ใหมข่ องโลก ทพี่ บเจอ คร้งั แรกในไทย...... อย่างท่ีบอกแต่ต้นว่าในยุคที่ไดโนเสาร์ ครองโลก ไดโนเสาร์อยู่กันท่ัว และมีหลาก หลายสายพนั ธห์ุ ลายชนิด หลายรูปร่าง หลาย ขนาด เม่ือไดโนเสาร์สูญพันธ์ุลง จึงทิ้งซากไป 1188

ท่ัวไป เมื่อโลกผ่านมาเป็นล้านๆ ปี มาจนถึงยุคปัจจุบัน มีการขุดค้นพบซากไดโนเสาร์ก็ต้องมา ศกึ ษาค้นควา้ ระบุชนดิ แตเ่ ม่ือมีการขุดคน้ เร่ือยๆ กจ็ ะตอ้ งน�ำ ไปตรวจสอบเทียบเคียงกับชนิดที่มี การพิสูจน์แล้ว ถ้าช้ินส่วนท่ีพบเจอมีลักษณะใกล้เคียงกับท่ีพิสูจน์แล้ว แต่มีรายละเอียดแตกต่าง เล็กนอ้ ย กอ็ าจจะเปน็ สกลุ เดยี วกัน แตเ่ ป็นชนิดใหม่ เมอ่ื การขดุ คน้ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ โดยเฉพาะไดโนเสารไ์ ดเ้ รมิ่ ตน้ และมแี หลง่ ขดุ คน้ มากขน้ึ ท�ำ ให้ นกั ธรณีของไทย เกิดความชำ�นาญเพม่ิ มากขน้ึ และการขุดคน้ ตามแหล่งตา่ งๆ กม็ ีความก้าวหนา้ ค้นพบซากไดโนเสาร์และซากดึกดำ�บรรพ์เพิ่มขึ้นมากมาย รวมทั้ง มีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิด ใหม่ของโลกในไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย มีการค้นพบไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลกถึง ๘ สายพันธุ์ เมอ่ื คน้ พบไดโนเสารช์ นดิ ใหม่ ทีย่ ังไมม่ ีช่อื มาก่อน เม่ือคน้ พบในประเทศไทย จงึ มีการตัง้ ชอ่ื ไดโนเสาร์ ทีค่ น้ พบเกย่ี วกบั ประเทศไทยและบคุ คลเพื่อเป็นเกียรตใิ นการค้นพบ อาจสงสยั ตอ่ มาวา่ จากซากชนิ้ สว่ นเลก็ ๆ นกั วทิ ยาศาสตรร์ ไู้ ดอ้ ยา่ งไรวา่ ไดโนเสารเ์ จา้ ของชน้ิ สว่ นนน้ั หนา้ ตาเปน็ อยา่ งไร เม่ือเขาเจอชิ้นส่วนส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็จะมีการเทียบเคียงกับไดโนเสาร์ที่มีการศึกษาค้นคว้า กันแล้วซึ่งไดโนเสาร์ที่ได้ศึกษาค้นคว้าแล้วจะรู้ท้ังขนาดตัว รูปร่าง ลักษณะ จึงเป็นต้นแบบให้ได้ น�ำ ชน้ิ สว่ นไปเทียบเคยี ง แต่หากช้นิ สว่ นฟอสซิลนน้ั ไม่เคยพบมากอ่ น ก็จะดูความคล้ายคลึง กับชนิดทีศ่ ึกษาค้นควา้ ไดร้ ปู แบบรายละเอยี ดไวแ้ ลว้ วา่ คลา้ ยกนั บา้ งหรอื ไม่ ถา้ คลา้ ยกอ็ าจจะไดร้ ปู รา่ งทมี่ ตี น้ แบบ แตถ่ า้ ไม่คล้ายเลย กอ็ าจเปน็ แบบใหม่ ชนิดใหมไ่ ปเลย ประเทศไทย ถอื เปน็ ท�ำ เลหนงึ่ ทค่ี น้ พบซากฟอสซลิ สตั วด์ กึ ด�ำ บรรพค์ อ่ นขา้ งมาก นอกจาก ไดโนเสารแ์ ลว้ ยงั พบฟอสซลิ ฉลาม ปลา เตา่ จระเข ้ เทอโรซอร์ อกิ ธโิ อซอร์ สสุ านหอยโบราณมากมาย รวมทัง้ รอยเทา้ ไดโนเสารห์ ลาก หลายสายพนั ธุ์ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประเทศไทยคน้ พบไดโนเสารส์ ายพนั ธใุ์ หมข่ อง โลก ถงึ ๙ ชนดิ และในอนาคต อาจจะมีการขุดค้นพบชนิด ใหม่ๆเพิ่มขึ้นเร่ือยๆ ก็อาจจะ เป็นไปได้ g 1199

ไดโนเสาร์ ๙ สายพันธุ์ใหมข่ องโลก ทีพ่ บในไทย..... ๑. กระดกู ขาหลงั อีสานโนซอรสั อรรถวภิ ชั นช์ ิ อ(Iิสsaาnนoโนsซaอuรruสั sอaรtรtaถvวipิภaชั cนhช์ i)ิ เปน็ ไดโนเสาร์ที่กินพืชที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มคี วามยาว ๑๒-๑๕ เมตร เดนิ ๔ ขา มชี ีวติ อยู่ในยคุ ไทรแอสซกิ ตอนปลาย เมอ่ื ประมาณ ๒๑๐ ลา้ นปีก่อน ขดุ พบกระดูกตน้ ขาหลัง ในชั้นหินทรายสีแดงของหมวดหนิ นาํ้ พอง ที่ อ.หนองบวั แดง จังหวดั ชัยภมู ิ ไดต้ ้ังช่ือนเ้ี พอื่ เปน็ เกยี รติแก่ นายปรีชา อรรถวภิ ัชน์ อดตี อธบิ ดกี รมทรัพยากรธรณี 2200

๒. โครงกระดูกเกือบสมบูรณ์ของ ภเู วยี งโกซอรัส สริ นิ ธรเน ภ(Pเู วhยีuงwโiกaซnอgรoัสsaสuิรrนิuธsรsเiนrindhornae) เปน็ ไดโนเสารก์ นิ พชื เดนิ 4 เทา้ ความยาวประมาณ ๑๕-๒๐ เมตร คอและหางยาว มกั อยู่ รวมกนั เปน็ ฝงู เปน็ ไดโนเสารส์ กลุ ใหมแ่ ละชนดิ ใหมข่ องโลก มชี วี ติ อยใู่ นยคุ ครเี ทเซยี สตอนตน้ เมอ่ื ประมาณ ๑๓๐ ล้านปีกอ่ น พบคร้งั แรกในหมวดหนิ เสาขวั ซ่งึ ตอนทข่ี ุดเจอน้นั ยังเป็น อ.ภเู วียง จ.ขอนแกน่ และไดต้ ง้ั ชอ่ื สริ นิ ธรเน เปน็ ชอ่ื ชนดิ ของไดโนเสาร์ ตง้ั ขน้ึ เพอ่ื ถวายพระเกยี รตแิ ดส่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ผทู้ รงสนพระทยั ในงานดา้ นบรรพชวี นิ วทิ ยาเปน็ อยา่ ง มาก ตอ่ มาในปี ๒๕๕๐ จงึ ไดม้ กี ารยกพน้ื ท่ี ต.เวยี งเกา่ ซง่ึ เดมิ อยใู่ นเขต อ.ภเู วยี ง ขน้ึ เปน็ อ�ำ เภอ หลมุ ขดุ คน้ นน้ั จงึ อยใู่ นเขต อ.เวยี งเกา่ ในปจั จบุ นั แตย่ งั คงใชช้ อ่ื ไดโนเสารช์ นดิ นว้ี า่ ภเู วยี งโกซอรสั สิรนิ ธรเน เชน่ เดมิ โครงกระดกู ชองไดโนเสารช์ นดิ นนี้ บั เปน็ โครงกระดกู ทค่ี อ่ นขา้ งครบสมบรู ณท์ งั้ ล�ำ ตวั และพบ ว่าไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัสสิรินธรเนน้ี แพร่หลายอยู่ในภาคอีสานของไทย ในอดีตยุคไดโนเสาร์ ครองโลก ไดโนเสารส์ ายพนั ธ์นุ คี้ งเดินกันให้เกลอ่ื นภาคอีสานของเรา ๓. ฟัน (Teeth) ส(Sยiaามmโoมsซaอuรrัสusสุธsuธี tรeนeิ thorni) เปน็ ไดโนเสารก์ นิ เนอ้ื ขนาดใหญช่ นดิ แรกทพ่ี บในประเทศไทย เดนิ ๒ ขา ความยาวประมาณ 2211

๗ เมตร ซากดกึ ด�ำ บรรพท์ ข่ี ดุ เจอทแ่ี รกทขี่ อนแกน่ คอื ฟนั ซง่ึ ลกั ษณะเปน็ ทรงกรวย มแี นวรอ่ งและ สันเรียงสลับตลอด คล้ายฟันของจระเข้ จึงสันนิษฐานว่า ไดโนเสาร์ชนิดนี้น่าจะมีแหล่งหากินอยู่ ริมน้ําและกินปลาเป็นอาหาร มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเซียสตอนต้น หรือเม่ือประมาณ ๑๓๐ ล้านปี มาแล้ว หลังจากน้ันก็ขุดพบช้ินส่วนของไดโนเสาร์ชนิดน้ีอีกหลายจังหวัดท้ังขอนแก่นท่ีเจอทีแรก กาฬสินธุ์ ชัยภมู ิ อุบลราชธานี สกลนคร อุดรธานีและจงั หวัดนครราชสมี า ตั้งชื่อเพ่อื เป็นเกียรตแิ ก่ นายวราวุธ สธุ ธี ร นักธรณีผู้มีส่วนรว่ มในการสำ�รวจซากดกึ ดำ�บรรพ์ มานาน ๔. กระดกู โคนหางและสะโพก (Proximal tail and left hip) ส(Sยiaามmโoมtไyทrรaันnนnัสusอสิisาaนnเeอnนsซiิสs) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ เดิน ๒ ขา ความยาวประมาณ ๖.๕ เมตร มีขาหลัง ที่ใหญ่และแข็งแรง ค้นพบทีแรกที่ขอนแก่นนั้น พบเฉพาะส่วนกระดูกโคนหางและกระดูกสะโพก ซึ่งทั้งสะโพกและหางอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ฝังอยู่ในชั้นหินทราย เป็นไดโนเสาร์วงศ์ไท รันโนซอริเดที่เก่าแก่ที่สุด มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเซียสตอนต้น เมื่อประมาณ ๑๓๐ ล้านปีก่อน สันนิษฐานว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้เริ่มวิวัฒนาการครั้งแรกในทวีปเอเชีย แล้วจึงแพร่กระจายไปยัง เอเชียเหนือและอเมริกาเหนือ ก่อนที่จะสูญพันธ์ หลังจากตั้งชื่อไปแล้ว ก็มีการค้นพบชิ้นส่วน ไดโนเสาร์ชนิดนี้ในภายหลังในจังหวัดต่างๆ อีกเช่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ สกลนคร อุดรธานี และ จังหวัดนครราชสีมา 2222

กระดกู อุ้งตนี ขอ้ ท่สี าม (Third left metatarsal) ๕. (กKนิ inรnีมaิมrสั eeขอmนimแกu่นsเอKนhซoิสnkaenesis) ไดโนเสารน์ กกระจอกเทศ ทีว่ งิ่ เรว็ ปราดเปรียว และไมม่ ีฟัน กินทัง้ พชื และสตั ว์เปน็ อาหาร ความยาวประมาณ ๑-๒ เมตร มีชวี ิตอยู่ในยุคครีเทเซยี สตอนตน้ เมื่อประมาณ ๑๓๐ ลา้ นปกี ่อน พบกระดกู องุ้ ตนี ในหมวดหนิ เสาขวั ทจ่ี งั หวดั ขอนแกน่ เมอ่ื ตรวจสอบวา่ เปน็ ชนดิ ใหมข่ องโลกและ ต้ังชอื่ แล้ว จึงมาคน้ พบซากดกึ ดำ�บรรพ์ของไดโนเสาร์ชนดิ นเ้ี พิ่มอีกที่กาฬสินธุ์ ๖. ฟันกรามล่างของ ซติ ตะโกซอรัส สตั ยารักษก์ ิ ซ(Pติ sตitะtโaกcซoอsรaสั urสuัตsยsาaรtกัtaษy์กaิ raki) เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็ก ความยาวประมาณ ๑ เมตร จัดอยู่ในกลุ่มเซอราทอปเซียน (ไดโนเสารป์ ากนกแกว้ ) มชี วี ติ อยใู่ นยคุ ครเี ทเซยี สตอนกลาง เมอ่ื ประมาณ ๑๐๐ ลา้ นปกี อ่ น ในอดตี 2233

พบไดโนเสารป์ ากนกแกว้ แพรห่ ลายอยเู่ ฉพาะแถบเอเชยี กลาง บรเิ วณมณฑลชานตงุ มองโกเลยี และ ไซบีเรีย การพบซากดึกดำ�บรรพ์นี้ในประเทศไทยจึงเป็นการยืนยันว่า เมื่อยุคครีเทเซียส แผน่ ดนิ อนิ โดจนี เปน็ สว่ นหนง่ึ ของแผน่ ดนิ ใหญข่ องทวปี เอเชยี แลว้ พบกระดกู ฟนั กรามลา่ งของชนดิ นที้ จ่ี งั หวดั ชยั ภมู ิ จงึ ตงั้ ชอื่ เพอ่ื เปน็ เกยี รตแิ กน่ ายนเรศ สตั ยารกั ษ์ นกั ธรณผี คู้ น้ พบซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ของไดโนเสาร์ชนดิ นี้เปน็ คนแรก ๗. กรามบน (Upper jaw) ส(Sยiaามmโoมdดoอnนnนim่ิมงnาgมaมmิ i) เป็นไดโนเสาร์ออร์นิโธพอดสกุลใหม่ ชนิดใหม่ของโลกจากประเทศไทย โดยขุดพบกระดูก กรามบนทไ่ี ดม้ าจากเหมอื งหนิ ทราย บา้ นสะพานหนิ จงั หวดั นครราชสมี า อยใู่ นหมวดหนิ โคกกรวด มีอายชุ ่วงครเี ทเซียสตอนกลาง ประมาณ ๑๐๐ ลา้ นปี นอกจากนัน้ ยังพบฟันและชิ้นสว่ นกะโหลก ทเี่ ปน็ ของไดโนเสารช์ นดิ นอี้ กี ดว้ ยทม่ี า ของสกลุ Siamodon มาจาก Siam ชอ่ื เดมิ ของประเทศไทย odoust เปน็ ภาษากรกี แปลวา่ ฟนั โดยสะกดเปน็ odon เพอ่ื เนน้ ความคลา้ ยคลงึ กนั กบั Iguanodon ทม่ี าของช่ือชนิด เพอ่ื เปน็ เกียรตแิ ก่นายวทิ ยา นิม่ งาม ที่มอบตัวอย่างใหเ้ พื่อการศึกษา 2244

๘. กระดูกขากรรไกร (Upper jaw) ราชสีมาซอรัส สรุ นารีเอ (Rachasimasaurus suranareae) ไดโนเสาร์อิกัวโนดอนอีกหนึ่งชนิด ที่พบเจอในจังหวัดนครราชสีมา ค้นพบตัวอย่างกระดูก ขากรรไกรล่างด้านซ้ายโดยที่ฟันหลุดออกไปหมดแล้ว ในหมวดหินโคกกรวด มีอายุอยู่ในช่วง ครีเทเซยี สตอนกลาง ประมาณ ๑๐๐ ลา้ นปี ทีบ่ า้ นโป่งแมลงวนั อ�ำ เภอเมือง จงั หวดั นครราชสีมา กระดูกขากรรไกรส่วนบน (Upper jaw) ๙. กระดูกขากรรไกรสว่ นลา่ ง (Lower jaw) สิรนิ ธรนา โคราชเอนซีส เป็นไดโนเสาร์ชนิดใหม่ล่าสุดที่พบในประเทศไทย โดยค้นพบกระดูกขากรรไกรบนและล่าง เมอื่ น�ำ ไปศกึ ษาเพมิ่ เตมิ แลว้ จงึ รวู้ า่ เปน็ ไดโนเสารก์ นิ พชื กลมุ่ อกิ วั โนดอน สงู ประมาณ ๒ เมตร ยาว ประมาณ ๖ เมตรมอี ายอุ ยใู่ นชว่ งยคุ ครเี ทเชยี สตอนกลาง เมอ่ื ประมาณ ๑๒๐ ลา้ นปกี อ่ น พบในชน้ั หนิ กรวดมนปนปนู หมวดหนิ โคกกรวด ทบ่ี ้านตะพานหิน ต.สรุ นารี อ.เมอื ง จ.นครราชสมี า 2255

พพิ ิธภัณฑ์ธรณวี ทิ ยา และซากดกึ ดำ�บรรพ์ ในประเทศไทย กรมทรพั ยากรธรณี เหน็ ความส�ำ คญั ของศกึ ษา หาความรจู้ ากเรอ่ื งธรณวี ทิ ยาและซากดกึ ด�ำ บรรพ์ ท่ีขุดค้นพบและได้นำ�มาจัดแสดงให้เข้าใจในเรื่องการก่อเกิดธรณีวิทยาและซากดึกดำ�บรรพ์ต่างๆ จึงได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้เร่ืองธรณีวิทยาและซากดึกดำ�บรรพ์ เพ่ือเปิดโอกาส ให้ประชาชนผทู้ ่สี นใจเขา้ เทย่ี วชม โดยแตล่ ะแหง่ ไดม้ กี ารรอ้ ยเรยี งเรอื่ งราวของธรณตี ง้ั แตจ่ กั รวาล การก�ำ เนดิ โลก โลกในยคุ เรม่ิ แรก จนกระทงั่ โลกในปจั จบุ นั หนิ แร่ ตา่ งๆ การกอ่ เกดิ ซากดกึ ด�ำ บรรพต์ า่ งๆ ตงั้ แตส่ ตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั มาจนถงึ ยคุ ไดโนเสารค์ รองโลกและถงึ ยคุ ของมนษุ ยป์ จั จบุ นั อกี ทงั้ การเกดิ ปรากฏการทาง ธรณตี า่ งๆ แผน่ ดนิ ไหว ซอื นามิ หลมุ ยบุ การเกดิ ภเู ขา การเกดิ ถาํ้ รวมทง้ั มกี ารน�ำ ซากดกึ ด�ำ บรรพ์ และโครงกระดกู ไดโนเสารท์ ีม่ กี ารขุดคน้ พบในประเทศไทย มาจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ สามารถเขา้ สืบหาขอ้ มลู เพ่ือการเยยี่ มชมไดท้ ี่ www.dmr.go.th พิพิธภณั ฑด์ ้านธรณีวทิ ยา ภายใตก้ ารกำ�กบั ดูแลของกรมทรัพยากรธรณี พิพิธภัณฑ์สริ นิ ธร จงั หวดั กาฬสนิ ธุ์ โทรศัพท์ ๐-๔๓๘๗-๑๐๑๔ ๑๖.๖๙๓๖๗, ๑๐๓.๕๒๒๔๙ พพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาตธิ รณวี ทิ ยาเฉลมิ พระเกยี รติ จงั หวดั ปทมุ ธานี โทรศพั ท์ ๐-๒๙๐๒-๗๖๖๑ ๑๔.๐๗๐๔๐, ๑๐๐.๗๐๒๕๐ ศูนยว์ จิ ัยทรพั ยากรแร่และหิน จงั หวดั ระยอง โทรศพั ท์ ๐-๓๘๖๔-๗๕๖๙ ๑๒.๖๔๓๕๔, ๑๐๑.๕๐๓๓๖ 2266

พิพิธภัณฑ์แร-่ หิน ถนนพระรามหก กรงุ เทพมหานครฯ โทรศัพท์ ๐-๒๖๒๑-๙๖๔๔ ๑๓.๗๖๐๒๘๐, ๑๐๐.๕๒๔๗๔ ศูนยศ์ ึกษาวิจยั และพพิ ธิ ภณั ฑ์ไดโนเสารภ์ ูเวยี ง จงั หวดั ขอนแกน่ โทรศพั ท์ ๐-๔๓๔๓-๘๒๐๔ ๑๖.๖๗๘๐๔, ๑๐๒.๒๖๔๘๖ พิพิธภัณฑซ์ ากดึกด�ำ บรรพ์ ธรณีวทิ ยา และธรรมชาตวิ ทิ ยา จงั หวัดล�ำ ปาง โทรศพั ท์ ๐-๕๔๒๘-๒๑๕๙ ๑๘.๑๙๒๒๔, ๙๙.๔๐๔๕๔ พิพธิ ภณั ฑซ์ ากดกึ ด�ำ บรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี โทรศัพท์ ๐-๗๗๔๐-๕๓๒๓ ๙.๑๑๓๐๐๖๐, ๙๙.๒๓๒๙๗๔๐ 2277

กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม 28