Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นาฬิกาวัดและคอมพาเรเตอร์

นาฬิกาวัดและคอมพาเรเตอร์

Published by vichaya1978, 2017-03-22 05:58:19

Description: Unit_8

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 นาฬิกาวัดและคอมพารามิเตอร์8.1 นาฬกิ าวดั (Dial Gauge) นาฬิกาวัดเป็นเครื่องมือวัดที่อ่านค่าระยะทางการเคลื่อนท่ีของแกนวัดด้วยเข็มซ่ึงติดอยู่กับหน้าปัทม์โดยอา่ นคา่ ความแตกต่างที่ได้จากการอ้างอิงค่ามาตรฐานใด ๆ ใช้วัดระดับความเป็นระนาบ ความขนาน ระยะเยอื้ งศูนย์ เชน่ วดั เพื่อหาศูนยใ์ นงานกลงึ ไดล้ ะเอยี ดมาก 8.1.1 ชนิดของนาฬกิ าวัด (Type of Dial Gauge) นาฬิกาวัดท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน พอท่ีจะจาแนกตามหลักการทางานได้ 2 ชนิด คือ นาฬิกาวัดชนดิ มาตรฐานและนาฬกิ าวัดชนดิ คาน  นาฬิกาวดั ชนิดมาตรฐาน (Standard Type) ค่าความละเอียดของนาฬิกาวัดชนิด น้ี มีท้ังแบบ 0.01 มม. และ 0.001 มม. เม่ือหัว สัมผัสถูกดันขึ้นเข็มยาวของหน้าปัทม์จะหมุน ตามเข็มนาฬิกา เมื่อเข็มยาวหมุนครบ 1 รอบ เข็มสั้นจะหมุนไป 1 ช่องสเกล เม่ือมองดู ที่หนา้ ปทั ม์ของเขม็ สน้ั จะทราบทันทีว่าเข็มยาว หมนุ ไปกี่รอบ ภาพท่ี 8.1 แสดงลกั ษณะของนาฬกิ าวัดชนดิ มาตรฐาน

8.1.2 ส่วนประกอบและหนา้ ทีข่ องนาฬกิ าวัด ภาพท่ี 8.2 ส่วนประกอบของนาฬิกาวัดชนดิ มาตรฐาน ชื่อสว่ นประกอบ หนา้ ท่ี1. หัววดั2. แกนเลอื่ น - เป็นตวั สมั ผสั วัด หรอื ตรวจสอบชน้ิ งานโดยตรง3. เขม็ ยาว - เป็นตัวจับยดึ หัววัด เม่อื หัววัดถกู ดัน โดยผิวชนิ้ งาน แกนเลอ่ื นข้นึ – ลง - บอกค่าความคลาดเคล่ือนของชิ้นงาน ภายหลังการสัมผัสชิ้นงานของ4. เขม็ วดั รอบ5. แผน่ สเกล หัววดั - บอกจานวนรอบของเข็มว่าเคลอ่ื นทไ่ี ปเป็นระยะทางเทา่ ไร (มม.)6. กรอบนอก - บอกค่าความละเอียด โดยแบ่งออกเป็น 100 ช่องเท่า ๆ กัน เมื่อเข็มยาว7. ขีดพิกัด หมนุ ไป 1 รอบ จะอา่ นค่าได้ 1 มม.8. สกรูลอ็ ค - หมุนปรับให้จุดศูนย์ (ขีด 0) ของแผ่นสเกลตรงกับเข็มยาวพอดีเพ่ือที่จะ9. กระจกหนา้ ปัทม์ กาหนดจดุ เร่ิมตน้ ในการอ่านค่า หรือตรวจสอบชิ้นงานในขนั้ ตอนตอ่ ไป10. ตวั เรอื น - กาหนดคา่ ของพิกดั ทีย่ อมรบั หรือคลาดเคล่ือนจากค่าทกี่ าหนด11. กา้ น - ลอ็ คตาแหนง่ สเกลของหน้าปัทม์ - ป้องกันฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทาความเสียหายให้อุปกรณ์ หรือ ส่วนประกอบอนื่ ๆ - ป้องกัน หรือครอบอปุ กรณ์ (กลไกภายใน) ไม่ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย - สาหรบั จับยดึ อปุ กรณ์ (ขาตัง้ ) ใช้ในการตรวจสอบ หรอื วัดงาน

8.1.3 หลักการทางานของนาฬกิ าวัด หลักการทางานของนาฬิกาวดั ชนดิ มาตรฐาน ภาพท่ี 8.3 แสดงกลไกการทางานของนาฬิกาวัดชนิดมาตรฐาน การส่งผ่านการเคล่อื นที่ จากหัววัดไปยังเข็มยาว จะใช้กลไกของเฟืองเป็นตัวส่ง จากภาพที่8.3 เม่ือแกน S เคล่ือนท่ีข้ึนลง เฟืองแรค (เฟืองสะพาน) ที่แกนจะดันให้เฟืองพิเนียนหมายเลข 1a นั้นหมุนเฟือง 1a จะมีแกนร่วมกับเฟืองหมายเลข 1b เฟือง 1b จะขบอยู่กับเฟืองพิเนียนหมายเลข 2c ซ่ึงติดอยู่กับเข็มยาว หรือหนา้ ปัทม์ ระยะทางการเคลื่อนท่ีของแกน และการเคล่ือนที่ของเข็ม สามารถกาหนดเป็นค่าคงท่ี ที่ถูกต้องด้วย สัดสว่ นจานวนเฟือง และช่วงฟันของแรค (เฟืองสะพาน) ตัวอย่างเช่น เมื่อ S เคล่ือนที่ไป 1มม. เข็มยาวจะหมุนไป 1 รอบ แล้วแบ่งสเกลออกเป็น 100 ช่องเท่ากันจะได้ความกว้างของช่องสเกลเป็น0.01 มม. นอกจากนีเ้ ข็มส้นั จะติดอยกู่ ับฟนั เฟอื ง 1b ดังน้นั เมื่อเขม็ ยาวหมนุ ไป 1 รอบ เข็มสั้นจะหมุนไป 1 ช่อง (1/10 รอบ) ถ้ากาหนดให้สัดส่วนจานวนฟันระหว่างฟันเฟือง 1b และพิเนียนหมายเลข 2c เป็น10:1 เพื่อป้องกนั การถอยหลงั (Back Lash) ของฟนั เฟือง เนื่องจากเฟืองแรค และพิเนียนน้ันจะมีช่วงถอยหลัง (การคลอนตัว) อยู่ จึงมีฟันเฟืองซ่ึงมีขนาดและจานวนฟันเฟืองเท่ากับฟันเฟืองหมายเลข 1

เรียกว่า ฟันเฟืองหมายเลข 2 ขบอยู่กับพิเนียน c แล้วมีสปริงก้นหอยติดอยู่เพ่ือยันรับช่วงถอยหลังของฟนั เฟืองท้ังหมดทาให้หน้าฟันเฟอื งทุกตัวสัมผัสกันเพียงด้านเดยี วตลอดเวลา 8.1.4 นาฬิกาวดั ชนดิ คาน (Cantilever Principle Type) ภาพท่ี 8.4 แสดงสว่ นประกอบของนาฬิกาวัดชนิดคาน ชอ่ื สว่ นประกอบ หนา้ ที่1. หัววดั - สมั ผสั วัด หรือตรวจสอบโดยตรง2. ร่องหางเหย่ยี ว - เปน็ รอ่ งเพ่ือประกอบกับแกนจับยึดในตาแหน่งตา่ ง ๆ3. หนา้ ปทั ม์ - ตวั เรือนแสดงค่าวัด4. ขดี สเกล - บอกค่าความละเอยี ด โดย 1 ชอ่ งจะเทา่ กบั 0.01 มม.5. แกนจับยดึ - ยดึ กบั ขาต้ังนาฬกิ าวัด6. เข็มชี้ - บอกค่าวัด7. ตัวเรอื น - เปน็ โครงครอบกลไกภายในของนาฬกิ าวดั ภาพที่ 8.5 ทิศทางการหมุนของหัวสมั ผัสวดั

หลักการทางานของนาฬกิ าวัดชนดิ คาน ภาพท่ี 8.6 กลไกการทางานนาฬกิ าวดั ชนดิ คาน จากภาพท่ี 8.6 เมื่อหัววัดสัมผัสกับช้ินงานจะเกิดการเคล่ือนท่ีไปยังเฟืองรูปพัด ทาให้เฟืองรูปพัดขับเฟืองพิเนียนหมายเลข 1 ซึ่งจะมีแกนร่วมกับเฟืองกลมทาให้เฟืองกลมหมุนไปขับเฟืองพิเนียนหมายเลข 2 ทาให้เขม็ หน้าปัทมเ์ กดิ การเคลอ่ื นที่ นาฬกิ าวดั ชนิดคานจะมสี ปริงก้นหอยที่รบั ช่วงถอยหลังของฟันเฟืองเช่นเดียวกับนาฬิกาวัดชนดิ มาตรฐาน 8.1.5 การอ่านคา่ จากการวัด ภาพที่ 8.7 ส่วนประกอบในการอา่ นค่าการวดั

การอา่ นค่าบนหน้าปัทม์ของนาฬิกาวัด ภาพท่ี 8.7 ให้อ่านจานวนมิลลิเมตรด้วยเข็มวัดรอบ กอ่ น แลว้ อา่ นจานวนความละเอียด 0.01 มม. ดว้ ยเขม็ ยาว โดยแผน่ สเกล  เม่อื แกนวัดเคล่ือนท่ีขึ้นให้อ่านค่าจากตัวเลขด้านนอก  ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้าแกนวัดเลอ่ื นเคล่อื นที่ลงใหใ้ ชต้ วั เลขด้านใน  ของหนา้ ปัทม์อา่ นคา่ ในทศิ ทางทวนเขม็ นาฬกิ า  แกนวัดเคล่ือนท่ีขึ้น อ่านค่าได้ในทิศ ทางบวกเมื่อเทยี บกบั ตาแหนง่ อ้างองิ จากภาพท่ี 8.8 เข็มวดั รอบอ่านค่าได้ 1.00 มม. ทเ่ี ข็มวดั ละเอียด 0.01 มม. อ่านค่าได้ 0.91 มม. คา่ รวม 1.91 มม. ภาพที่ 8.8 ระยะการเคลอ่ื นทขี่ องเขม็ ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา  แกนวัดเคล่ือนที่ลง อ่านค่าได้ใน ทิศทางลบเมือ่ เทียบกบั ตาแหนง่ อ้างองิ จากภาพท่ี 8.9 เขม็ วดั รอบอา่ นค่าได้ –1.00 มม. ที่เขม็ วดั ละเอียดอ่านคา่ ได้ –0.54 มม. ค่ารวม –1.54 มม. ภาพที่ 8.9 ระยะการเคลอ่ื นที่ของเข็มในทศิ ทางทวนเข็มนาฬกิ า

การใช้นาฬกิ าวดั ชนิดมาตรฐานและชนิดคาน ภาพที่ 8.10 ขาตงั้ นาฬกิ าวัด นาฬิกาวัดทั้ง 2 ชนิดไม่สามารถจะใช้ได้เองโดยลาพัง จะต้องจับยึดโดยใช้ขาตั้ง (ภาพที่ 8.10) ซึ่งขาตั้งนาฬิกาวัดมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน คือ ขาตั้งบนราง (ดังภาพ A) เคล่ือนที่วัดความเป็นระนาบ และระดับความขนานได้อย่างสะดวก ขาตั้งฐานเป็นแท่นแม่เหล็ก (ดังภาพ B) ขาตั้งชนิดนี้สามารถติดในแนวดิ่งแนวนอน และแนวเอยี งได้ ถา้ แท่นตง้ั เปน็ เหลก็ สามารถติดตั้งเป็นมุมตา่ ง ๆ ไดม้ าก การใช้นาฬกิ าวัดเปรยี บเทียบกบั ค่ามาตรฐานแล้วอา่ นความแตกต่าง คือวดั ความแตกต่างของขนาดระหวา่ งชิ้นงานท่ีวัดกบั คา่ มาตรฐาน คา่ มาตรฐานนั้นมักจะใชเ้ กจบลอ็ คเป็นหลักมากท่ีสดุ ภาพท่ี 8.11 การวดั เปรียบเทียบกบั เกจบลอ็ ค

จากภาพท่ี 8.11a เคลอื่ นหัววดั กระทบกับเกจบล็อค จากภาพที่ 8.11b หมุนแผ่นสเกลใหจ้ ุด 0 มาอยทู่ ปี่ ลายเขม็ หลังจากหัววัดกระทบกับเกจบล็อค จากภาพที่ 8.11c ถา้ เข็มหมุนไปทางดา้ นขวา (ตาแหนท่ ี่1) ของ 0 ความคลาดเคลือ่ นเป็นบวก และถ้าเข็มหมนุ ไปทางด้านซา้ ย (ตาแหนง่ ท่ี 2) ของ 0 ความคลาดเคล่อื นเป็นลบ การใชน้ าฬิกาวดั วัดคา่ ความราบเรยี บ และความขนานแล้วอา่ นคา่ ความแตกต่างคือวดั ความราบเรียบของผิว เช่น ความเรียบผิวในแนวราบ ความเรียบผวิ ในแนวตงั้ ฉาก โดยให้ช้ินงาน ท่ีถกู วดั อยกู่ ับโต๊ะงาน(Table) และยดึ นาฬกิ าวดั ตดิ กับโครงเครื่อง หรอื ส่วนที่ไมไ่ ด้เคล่อื นทไี่ ปกับโต๊ะงาน หลงั จากนัน้ ก็หมนุเลือ่ นโตะ๊ งานไปในทิศทางที่ต้องการวดั และในขณะเดยี วกนั ก็อ่านค่าความแตกตา่ งทห่ี นา้ ปทั มข์ องนาฬิกาวดั ภาพท่ี 8.12 การวดั ความราบเรยี บและความขนาน การใชน้ าฬกิ าวดั หาระยะเยอื้ งศูนย์ของเพลา การจับงานเข้ากับยันศูนย์ท้ังสอง เสียบด้ามจับของนาฬิกาวัดเข้ากับรูเสียบของแขนจับ ปรับตาแหน่งของเสาต้ังจนหมุดสัมผัสของนาฬิกาวัดอยู่เหนือผิวลูกเบ้ียว หมุนงานให้ผิวเพลาลูกเบี้ยวอยู่ในตาแหนง่ ต่าสดุ ลดแขนวัดลงจนหมุดสมั ผสั สัมผัสกับผิวงาน และเข็มหมุนไปประมาณ 1 รอบของหน้าปัทม์กวดแป้นเกลียวยึดแขนจับนาฬิกาวัดกับเสาตั้งให้แน่น หมุนช้ินงานใหม่เพ่ือหาตาแหน่งต่าสุดของผิวเพลาลูกเบ้ียว โดยสังเกตจากการกระดิกของเข็ม ค่อยๆ หมุนเพลาลูกเบ้ียวจนผิวเพลาลูกเบี้ยวอยู่ในตาแหน่งสงู สุดโดยสงั เกตจากการเคลื่อนทีข่ องเข็ม ระยะตา่ งของผิวท้งั สองตาแหน่งทราบไดจ้ ากการเคล่ือนที่ของเข็มเชน่ เข็มหมนุ ไป 5 รอบ แสดงว่าคา่ ต่างระดับของผิวเท่ากับ 5 มม. หรือเรียกวา่ “ชว่ งขยับเทา่ กบั 5 มม. สมมุติเพลาลกู เบี้ยวมรี ะยะเย้ืองศูนย์เทา่ กับ “e” และชว่ งขยับของนาฬกิ าวัดเทา่ กบั “H” จากรูป 2e = H e = H/2 หรอื “ระยะเยื้องศูนย์เท่ากบั ช่วงขยบั หารด้วยสอง

ภาพที่ 8.13 ชว่ งขยับ (H) เมื่อผวิ ลูกเบยี้ วอยู่ตา่ กวา่ (M1) และสูงสุด (M2)ตัวอย่าง งานเพลาลกู เบ้ยี วชน้ิ หนง่ึ มีช่วงขยับที่เกดิ ข้ึนเทา่ กับ 5.4 มม. จะมรี ะยะเยื้องศูนยเ์ ท่าใด จากสตู ร e = H/2 e = 5.4 / 2 = 2.2 มม. งานนม้ี ีระยะเย้ืองศูนย์เทา่ กับ 2.2 มม. ตอบหมายเหตุ วธิ วี ัดระยะเย้อื งศูนย์ดว้ ยวธิ นี ี้มขี อ้ จากัดอยู่ 2 ประการ คือ ประการท่ี 1 ระยะท่ีตา่ งกนั ของผวิ เพลาลกู เบย้ี วทต่ี าแหน่งต่าสุดและสูงสดุ จะตอ้ งไม่มากกวา่ ระยะท่ีแกนวดั ของนาฬกิ าวดั สามารถเล่ือนท่ขี น้ึ ลงได้ ประการท่ี 2 ขนาดความยาวของแทง่ ยนั ศูนยก์ บั ช้ินงาน การใช้นาฬกิ าวัดความเรียวของงานเรียว คอื วดั ค่าความแตกตา่ งของขนาดระหวา่ งโคนเรียวด้านโต และโคนเรียวด้านเล็กโดยจับยึดช้ินงานท่ีจะวัดบนเคร่ืองกลึงด้วยวิธียันศูนย์หัวท้าย และยึดนาฬิกาวัดบนแคร่เล่ือนต่อมาหมุนมือหมุนพาแคร่เลื่อนเคลอ่ื นท่ีไป แล้วอ่านค่า ภาพท่ี 8.13 การวัดความเรยี วของงาน

หลกั การใชน้ าฬิกาวัดท้ังสองชนิดไม่แตกต่างกัน แต่นาฬิกาวัดชนิดคานจะใช้ในกรณีท่ีนาฬิกาวัดแบบมาตรฐานใชง้ านไดย้ าก เช่นกรณีของรอ่ งแคบ ๆ 8.1.6 เทคนคิ และข้อควรระวงั ในการใชน้ าฬิกาวัด ควรใหแ้ กนวัดตัง้ ฉากกบั ผิวชิ้นงานทวี่ ัด ภาพท่ี 8.14 การวัดผิวงานที่มักเกดิ ขนึ้ จากภาพที่ 8.14 ก. ไม่ว่าจะมองจากด้านหน้า หรือด้านข้างนั้น จะอยู่ในแนวตั้งฉากเทียบกับผิวที่วัดและช่วงระหว่างขาต้ังกบั นาฬิกาวดั จะต้องส้ันที่สุดเทา่ ทจ่ี ะทาได้ จากภาพที่ 8.14 ข. แกนทีอ่ ยูใ่ นแนวเอียงทาให้ไม่สามารถเคล่ือนทใี่ นแนวแกนได้ตรง แต่จะเอียงไปตามด้านขา้ งทาให้ไดค้ า่ วัดทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง แม้แกนวดั จะอยู่ในแนวตั้งฉากกับผิวที่วัด แต่ขาที่ย่ืนออกมาของแท่นตั้ง (ขาต้ัง) ยาวเกินไปดังภาพท่ี 8.14 ค. จะทาใหน้ าฬิกาวดั สน่ั สะเทอื นได้งา่ ย เป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความผิดพลาดจากการวัดได้

การวดั ผิวด้านนอกของชิน้ งานทรงกระบอกก. ถูกต้อง ข.ผิด 3. หวั วดั พลาดจากจุดสูงสุด 1.เอยี ง ของทรงกระบอก 2. เอยี ง ภาพที่ 8.15 การวัดผิวด้านนอกของชนิ้ งานทรงกระบอก จากภาพที่ 8.15 มีลักษณะเดียวกับการวัดระนาบ จากภาพท่ี 8.15 ก. เนื่องจากด้านหน้าและดา้ นขา้ งจะต้องให้แกนวัดตั้งฉากกับแกนทรงกระบอกและหัววัดจะต้องแตะอยู่ที่จุดสูงสุดของทรงกระบอกการวัดแนวเอียงดังภาพที่ 8.15 ข.1 และ 8.15 ข.2 หรอื พลาดจากจดุ สงู สุดของทรงกระบอกดังภาพท่ี 8.15 ข.3จะทาให้คา่ ทว่ี ัดไดไ้ มถ่ กู ต้อง การวดั ความราบเรียบของผวิ ภาพท่ี 8.16 การวัดผิวช้ินงานในแนวตรงและแนวด่ิง จากภาพที่ 8.16 การวดั ระดับความราบเรียบส่ิงท่ีสาคัญท่ีสุด คือ หัวสัมผัสควรจะขนานกับผิวของชนิ้ งานทีจ่ ะวดั กล่าวคือ อย่ใู นแนวขนานใหม้ ากท่ีสดุ

8.1.7 การบารุงรักษานาฬกิ าวดั 1. วางหรอื เก็บนาฬิกาวัดแยกออกจากเครือ่ งมอื ชนิดอื่น และวางบนวัสดอุ อ่ นนุ่ม 2. จับยดึ นาฬกิ าวัดให้มั่นคงเพ่อื ป้องกนั การหลน่ กระแทก 3. นาฬิกาวัดท่ีไม่ใช้งานแล้วจะต้องรีบเก็บเข้าสู่สภาพเดิมทันที เพราะถ้าไม่เก็บเข้าที่แลว้ หากหลน่ หรอื มขี องแขง็ มากระทบเขา้ จะทาให้เกิดการชารดุ หรือเสยี หายได้8.2 คอมพาเรเตอร์ (COMPARATOR) คอมพาเรเตอร์ เป็นชุดจับจึดนาฬิกาวัดที่มีฐานขนาดใหญ่ ซึ่งทาด้วยเหล็กหล่อหรือหินแกรนิต และเสาลักษณะเป็นเพลาทรงกระบอก ซึ่งสามารถปรับขึ้นลงได้ในแนวด่ิง ในการวัดขนาดงานจะใช้ร่วมกับนาฬิกาวัดลักษณะการใช้งานใช้สาหรับตรวจสอบเปรียบเทียบขนาดชิ้นงานที่ต้องการวัดจานวนมาก ๆ ให้ได้ขนาดท่ถี ูกตอ้ งและรวดเรว็ ภาพท่ี 8.17 คอมพาเรเตอรฐ์ านทาด้วยเหล็กหลอ่

รายละเอยี ดของชุดคอมพาเรเตอร์ 1. ทาจากหินแกรนติ มขี นาดความกวา้ ง x ยาว ไม่นอ้ ยกว่า 160 x 240 มม. 2. ระยะในการวัดได้สูงไมน่ ้อยกว่า 200 มม. 3. ระยะหา่ งจากจดุ ศูนยก์ ลางการวัดถึงผิวของเสา (COLUM) ไม่นอ้ ยกว่า 100 มม. 4. มชี ุดปรับเล่ือนขนึ้ – ลง แบบละเอียดไม่นอ้ ยกวา่ 12 มม. 8.2.1 ขน้ั ตอนการใชค้ อมพาเรเตอร์ 1.นานาฬิกาวดั มาประกอบเข้ากับชุดจับยึดนาฬกิ าวดั ภาพท่ี 8.19 การประกอบนาฬกิ าวดั กบั ชดุ จับยดึ นาฬิกาวัด 2.นาเกจบล๊อก ที่มีขนาดเท่ากับช้ินงาน มาต้ังท่ีนาฬิกาวัดแล้วปรับนาฬิกาวัดให้เท่ากับศนู ย์ (0) กาหนดพกิ ดั ความเผื่อโตสุด และเลก็ สดุ ขนึ้ อยกู่ ับขนาดความต้องการของผใู้ ช้งานจากนั้นนาเกจบล๊อกออก ภาพที่ 8.20 การใชค้ อมพาเรเตอรต์ รวจสอบขนาดงาน

3. นาชิ้นงานที่ต้องการวัดมาวางที่ชุดนาฬิกาวัดเพื่อวัดค่าถ้าตัวเลขท่ีหน้าปัดนาฬิกาวัดแสดงค่าอยใู่ นพิกดั ความเผ่ือที่ตั้งไว้ แสดงว่าชิน้ งานนนั้ ขนาดถกู ต้อง ภาพที่ 8.21 การใชค้ อมพาเรเตอร์วัดขนาดงาน 8.2.2 ขอ้ ควรระวังในการใชค้ อมพาเรเตอรว์ ัดงาน หลังจากต้ังขนาดพิกัดความเผื่อของนาฬิกาวัดของชิ้นงานได้ตามต้องการแล้ว เม่ือจะนา ชิ้นงานเข้ามาวัดขนาดควรยกแกนวัดของนาฬิกาวัดข้ึนก่อน ไม่ควรใช้ชิ้นงานดันแกนวัดให้ยกข้ึน เพราะอาจจะทาให้ปลายแกนวดั สกึ หรอ หรือชารุดได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook