หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 ฉาก6.1 ฉากช่างกล ในงานด้านเคร่ืองกลฉากเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ตรวจสอบมุมของช้ินงานว่าได้ฉากหรือไม่ (ทามุม 90องศา) ลักษณะสร้างของฉากและชื่อเรียกจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน(ดงั ภาพที่ 6.1) 6.1.1 ชนิดของฉาก 1. ฉากแบน 2. ฉากตงั้ 3. ฉากปีก 4. ฉากที 5. ฉากคมมดี ภาพที่ 6.1 แสดงลักษณะสรา้ งของฉากในลกั ษณะตา่ ง ๆ กัน ฉากทีด่ มี คี ณุ ภาพสงู จะทาจากเหล็กเคร่ืองมือ และชุบผิวแข็งเพื่อให้คงทนต่อการใช้งานไม่สึกหรอไดง้ า่ ย สว่ นสาคัญของฉากมี 2 ส่วน คือใบฉาก และฐานฉาก ใบฉากอาจจะบางกว่า หรือเท่ากับฉากก็ได้ ฉากบางแบบทใ่ี บฉากอาจจะเป็นมุม 60 องศา เรียกว่า “ ฉากคมมีด” ใบฉากจะยาวกว่าฐานฉากประมาณ 3 :2 เท่าใบฉากอาจจะเป็นเหล็กชิ้นเดียวกันกับฐาน หรือทาคนละช้ิน แล้วนามาประกอบกันภายหลังก็ได้ นอกจากน้ีใบฉากยังเป็นตัวกาหนดขนาดของฉากอีกด้วย เช่น ฉากขนาด 10 ซม. ใบฉากจะยาว 10 ซม. หรือฉากขนาด20 ซม. ใบฉากยาว 20 ซม. กอ่ นใชค้ วรจะเลอื กขนาดของฉากใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดของช้ินงาน ส่วนฐานฉากจะสั้นกว่าใบฉากและผิวสัมผัสมากกว่า เพ่ือบังคับใบฉากให้อยู่ตาแหน่งที่ถูกต้องเว้นตรงรอยต่อระหว่างใบฉาก และฐานฉากจะทาเป็นร่องเพื่อหลบรอยเยนิ ของช้ินงาน 6.1.2 รูปรา่ งลักษณะของฉาก 1. ฐานฉาก 2. ใบฉาก 3. ผวิ สัมผสั ในของฐานฉาก 4. ผิวสมั ผัสในของใบฉาก 5. ร่อง 6. ผวิ สมั ผัสนอกของฉาก 7. ผวิ สมั ผัสนอกของใบฉาก ภาพท่ี 6.2 แสดงรูปร่างลกั ษณะของฉาก
จากภาพท่ี 6.2 แสดงให้เห็นรูปร่างลักษณะของฉากโดยจะมี 2 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้ คือ ใบฉาก และฐานฉาก ท้ังใบฉาก และฐานฉากกจ็ ะมผี ิวสมั ผสั นอก และผวิ สัมผสั ในเพ่อื สมั ผัสชนิ้ งานในการตรวจสอบมุมส่วนรอ่ งมไี ว้เพอ่ื หลบรอยเยิน หรอื ครบี ทีม่ ุมของชนิ้ งาน 6.1.3 หลกั การใชฉ้ าก ฉากเปน็ เครื่องมอื ตรวจสอบมุมของช้ินงานว่ามีความฉากอยหู่ รือไม่นนั้ ทราบได้โดยการดูว่ามีแสงลอดผ่านจากผิวสัมผสั ของฉากกบั ผิวงานอยา่ งสมา่ เสมอ ถ้าแสงท่ลี อดผ่านมีความสม่าเสมอหรือขนานกันถือไดว้ า่ ช้นิ งานมีความฉาก (ดงั ภาพที่ 6.3) จากภาพที่ 6.3 เป็นการตรวจสอบ ความฉากของช้ินงานโดยดูจากการลอดผ่าน ของแสง ถ้าขนาดของแสงมีความขนานกัน หรือมีขนาดเท่ากันตลอดแสดงว่าช้ินงานน้ัน ได้ฉาก (มุมของชิ้นงานมีขนาดเท่ากับ 90 องศา) ภาพที่ 6.3 การตรวจสอบความฉากโดยดูแสงที่ลอดผ่าน 6.1.4 การใชฉ้ าก การใช้ฉากตรวจสอบมุมของช้ินงานทาได้ 3 วธิ ี ดงั นค้ี อื เพ่อื ต้องการตรวจสอบมุมภายนอก ควรเลือกขนาดของฉากให้เหมาะสมกับขนาดของชิ้นงานควรใช้มือซ้ายจับช้ินงานมือขวาจับฉาก ยกฉากขนึ้ และวางลงตามภาพท่ี 6.4 และสงั เกตลาแสงทีล่ อดผ่านระหวา่ งฉากกับช้ินงาน ภาพที่ 6.4 การใชฉ้ ากตรวจสอบมมุ ภายนอกช้นิ งาน
เพ่อื ตอ้ งการตรวจสอบมุมภายใน วิธกี ารตรวจสอบคล้ายกับการตรวจสอบมุมภายนอกของชิ้นงาน คือวางฉากลงบนชิ้นงานเล่ือนผิวสมั ผสั ภายนอกใบฉากสัมผสั กบั ผวิ ช้นิ งาน (ดงั ภาพที่ 6.5) ภาพที่ 6.5 การใชฉ้ ากตรวจสอบมมุ ภายในของช้ินงาน ใชต้ รวจสอบงานบนแทน่ ระดบั เช่น บนแท่นเคร่ืองกัด, เคร่ืองเจาะ, เครื่องไส ฯลฯ และใช้ตรวจสอบช้ินงานท่ีมีปริมาณมาก ๆ ซึ่งอาศยั การบงั คบั ฉากกบั ผวิ หรอื แทน่ ระดบั (ดังภาพที่ 6.6) ภาพที่ 6.6 การใช้ฉากร่วมกับแทน่ ระดบั 6.1.5 เทคนคิ การใช้ฉากตรวจสอบช้ินงาน ฉากเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการตรวจสอบมุมของชิ้นงาน แต่ไม่สามารถตรวจสอบ เป็นค่าตัวเลขออกมาได้ ค่าที่ไดจ้ ากการตรวจสอบถกู ตอ้ งหรือไม่ จงึ ขึน้ อยู่กับความชานาญและวธิ ีการใช้ท่ีถูกต้องเป็นหลักซึ่งมวี ิธกี ารดงั นี้ คือ ตาแหน่งของแนวเล็ง ตาแหน่งของแนวเล็งจะต้องอยู่ในตาแหน่งที่ถูกต้อง คือ ขนานกับผิวชิ้นงาน หรือตาแหนง่ ทส่ี ามารถมองเห็นลาแสงที่ลอดเข้ามาระหวา่ งฉากกบั ผิวชน้ิ งานไดม้ ากท่ีสดุ (ดังภาพท่ี 6.7)
จากภาพที่ 6.7 ในการ ต ร ว จ ส อ บ มุ ม ฉ า ก ที่ ถู ก ต้ อ ง ล า แ ส ง จ ะ ต้ อ ง อ ยู่ ใ น แ น ว ร ะ ดั บ ส า ย ต า (ตาแหน่ง B) การตรวจสอบจึงถือได้ว่า ถูกต้องท่ีสุด เม่ือเปรียบเทียบกับ ตาแหนง่ A และ C ภาพท่ี 6.7 ตาแหน่งของแนวเลง็ แสงสวา่ ง ขณะใชฉ้ ากตรวจสอบชิ้นงานจะต้องมีแสงสว่างท่ีเพียงพอ ซึ่งแสงสว่างน้ีอาจมาจากแสงธรรมชาติ หรอื แสงท่ีทาขึ้นเองก็ได้ เช่น แสงสว่างของหลอดไฟฟ้าภายในห้องขณะวัดจะต้องหันหน้าเข้าหาแสงสวา่ งดังกล่าว แสงสวา่ งจะสามารถลอดผ่านหรือมองเห็นได้ ในบางกรณีในห้องที่ไมม่ แี สงสว่างเพียงพออาจจะใช้กระดาษสีขาว หรือกระดาษสะท้องแสงชว่ ยวางเปน็ ฉากหลังกไ็ ด้ แต่ถา้ เป็นงานท่ตี อ้ งการความละเอียดมาก ๆ อาจจะใช้กระจกสะท้อนแสงและถ้าเปน็ การตรวจสอบงานท่ีมีจานวนมาก ๆ จะใช้กล่องไฟสีเหลืองเป็นฉากหลังเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดและผ้ตู รวจสอบไมเ่ สียสายตาเพราะสีเหลอื งเปน็ สีทีไ่ มม่ ีการสะท้องแสงและแยกตวั ออกจากสีอน่ื ๆ ไดด้ ี ลกั ษณะการวางฉากบนช้นิ งาน ขณะใช้ฉากตรวจสอบช้ินงานจะต้องวางให้ต้ังฉากกับผิวของชิ้นงานไม่ควรวางฉากเอียง(ดังภาพท่ี 6.8) ภาพท่ี 6.8 ตาแหน่งการวางฉากบนชน้ิ งาน
การวัดชิ้นงานท่ีไม่มีแสงสวา่ งเปน็ ฉากหลัง งานบางอย่างไม่สามารถถอดออกจากเคร่ือง และไม่สามารถให้แสงสว่างเป็นฉากหลังได้ให้ใช้กระดาษสอดเข้าไประหว่างผิวช้ินงานกับฉาก ทดลองดึงกระดาษออกดูว่าใช้แรงดึงเท่ากันตลอดหน้างานหรอื ไม่ ถ้าไม่เท่ากันแสดงวา่ มมุ ของช้ินงานนน้ั ไมฉ่ าก 6.1.6 การตรวจสอบความเที่ยงตรงของฉาก ฉากที่ใช้ไปนาน ๆ หรือฉากท่ีทาขึ้นเอง และฉากที่ทาหล่นพื้นบ่อย ๆ ควรจะนามาตรวจสอบความเทยี่ งตรง ซ่งึ สามารถตรวจสอบด้วยวิธงี า่ ย ๆ ได้ 3 วธิ ี คอื ตรวจสอบดว้ ยเกจแท่งกลม จากภาพที่ 6.9 วิธีตรวจสอบคือ ให้ทา ความสะอาดผิวของแท่นระดับและเกจแท่งกลม วางเกจแท่งกลมบนแท่นระดับ วางฐานฉากบน แทน่ ระดบั แล้วเล่อื นฉากเขา้ หาผวิ สัมผัสของเกจ แท่งกลมโดยหันหน้าเข้าหาแสงสว่าง สังเกต ลาแสงที่ลอดผ่านมาระหว่างฉากกับเกจแท่ง กลม ภาพท่ี 6.9 ตรวจสอบฉากด้วยเกจแทง่ กลม ตรวจสอบกับฉากคณุ ภาพดกี ว่า (ฉากมาตรฐาน) จากภาพท่ี 6.10 วิธีตรวจสอบคือ ให้ทา ค ว า ม ส ะ อ า ด ผิ ว ข อ ง แ ท่ น ร ะ ดั บ แ ล ะ ฉ า ก มาตรฐาน วางฉากมาตรฐานบนแท่นระดับวาง ฐานฉากท่ีจะตรวจสอบบนแท่นระดับเล่ือนฉาก เข้าหาผิวสัมผัสของฉากมาตรฐาน โดยหันหน้า เข้าหาแสงสว่างและสังเกตลาแสงที่ลอดผ่านมา ระหว่างฉากมาตรฐานกับฉากทจ่ี ะตรวจสอบ ภาพท่ี 6.10 ตรวจสอบฉากกับฉากมาตรฐาน
ตรวจสอบด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบมุม a. แผ่นฐาน b. สลกั เกลยี วปรับตาแหนง่ c. ฉากทตี่ ้องการตรวจสอบ d. แกนทรงกระบอกกลมภาพที่ 6.11 ตรวจสอบฉากดว้ ยอุปกรณ์ชว่ ยตรวจสอบมุม จากภาพที่ 6.11 ลกั ษณะทีส่ าคญั ของอุปกรณช์ ่วยตรวจสอบมมุ คอื มีสลกั เกลียวปรับตาแหน่ง 2ตัว ช่วยปรับแกนทรงกระบอกกลมให้เอนได้ตามท่ีต้องการ และความโตของแกนทรงกระบอกกลมจะโตเท่ากันตลอด วธิ ตี รวจสอบให้วางฉาก ใหช้ ดิ กบั แกนทรงกระบอกกลม ปรับสลักเกลียวทั้งสองข้างจนฉากในตาแหน่งท่ี 1 แนบสนิทกับแกนทรงกระบอกกลมเสร็จแล้วจึงยกฉากขึ้นมาวางฝั่งตรงข้าม (ตาแหน่งที่ 2)สังเกตลาแสงท่ีลอดผ่านมาระหว่างใบฉากกับแกนทรงกระบอกกลม ถ้ามุมของฉากถูกต้อง ใบฉากจะแนบสนิทกบั ผวิ ของแกนทรงกระบอกพอดี และลาแสงทีล่ อดผา่ นจะมีขนาดเท่ากนั ตลอด 6.1.7 การเก็บและบารุงรักษา 1. ไมค่ วรเกบ็ ฉากรวมไว้กบั เครื่องมอื อื่น 2. อย่าใช้วัดช้นิ งานผิวดิบ (หยาบ) หรือชนิ้ งานทไี่ มไ่ ดล้ บคม 3. อยา่ เอียงฉากเม่ือใชข้ อบตรวจสอบความราบผิวชน้ิ งาน เพราะขอบอาจจะกระแทกกบั ผวิ ชนิ้ งาน และเกดิ รอยเยินได้ 4. เม่ือต้องการจะเปล่ียนจดุ ทจ่ี ะตรวจสอบใหย้ กฉากข้นึ มาพน้ ผิวงาน หา้ มเลือ่ นฉากไป – มา บนผิวงาน เพราะอาจจะทาให้ผวิ สัมผสั ของฉากสกึ 5. หา้ มทาฉากหล่นพื้น 6. หลังจากใชฉ้ ากเสร็จแล้ว ก่อนเกบ็ ให้ทาน้ามันกนั สนมิ ทุกครัง้ 7. ถา้ เกดิ รอยเยินบนผวิ ฉาก ให้แจ้งผูเ้ กยี่ วข้องทราบ เพ่ือสง่ ไปตรวจสอบ
6.2 ฉากผสม ฉากผสมเป็นเครื่องมือท่ีมีประโยชน์ ใช้งานได้หลายอย่าง เช่น ใช้ในงานร่างแบบ วัดมุมฉาก วัดมุมหรอื หาศนู ยก์ ลางงาน 6.2.1 สว่ นประกอบและหนา้ ทีข่ องฉากผสม ภาพท่ี 6.12 ฉากผสม ฉากผสมประกอบดว้ ยส่วนต่าง ๆ ดังน้ี 1. บรรทดั เหลก็ มลี ักษณะเหมือนบรรทัดเหล็ก แต่มีความหนามากกว่าบรรทัดเหล็กทั่ว ๆไป ตรงกลางของบรรทัดเหลก็ จะมรี ่องตลอดความยาว สาหรับประกอบกบั ส่วนอื่น ๆ เมอ่ื ตอ้ งการใช้ 2. หวั ฉาก ใชป้ ระกอบกบั บรรทัดเหลก็ โดยจะมีร่องอยู่ในตัวสาหรับให้บรรทัดเหล็กสอดเข้าไป โดยจะมีลิ่มเป็นตัวยึดเม่ือสอดบรรทัดเข้าไป และจะมีสลักเกลียวสาหรับยึดบรรทัดเหล็กให้แน่นกับหัวฉาก หัวฉากน้ีจึงเล่ือนไปมาตามร่องบรรทัดเหล็กได้ สามารถวัดฉากหรือวัดเป็นมุม 45 องศารวมทั้งวัดความสงู และความลกึ ของงานได้ ดังภาพที่ 6.13
ก. ลากเส้นฉาก ข. ลากเสน้ เป็นมุม 45 องศา ค. ลากเส้นขนาน ง. วัดความลกึภาพท่ี 6.13 การใช้หัวฉาก 3. หัวหาศูนย์ ลักษณะของหัวหาศูนย์ เหมือนรูปตัว V ทามุมกัน 90 องศา ท่ีแขนทั้งสองจะมีร่องสาหรับสอดใส่บรรทัดเหลก็ โดยจะมีล่ิมเป็นตัวยึด เช่นเดียวกับหัวฉาก ใช้สาหรับหาศูนย์กลางของเพลากลมดังภาพที่ 6.14 ภาพที่ 6.14 การขีดหาศูนยก์ ลางของงานกลม
4. หัววัดมุม ลักษณะเป็นรูปวงกลม มีขีดแบ่งจาก 0 – 180 องศา โดยหัววัดมุมน้ีจะมีฐานเป็นฉาก และมีร่องสาหรับใส่บรรทัดเหล็ก เช่นเดียวกับหัวหาศูนย์ และหัวฉาก ใช้สาหรับวัดมุมต่าง ๆ หรือขีดเส้นเอียงเปน็ มุมดังภาพที่ 6.15 ภาพท่ี 6.15 การเขียนเสน้ เอียงขนานหรือเอยี งเป็นมมุ ดว้ ยหัววัดมมุ 6.2.2 ขอ้ ควรระวังในการใชฉ้ ากผสม ฉากผสม เป็นเคร่ืองมือตรวจสอบท่ีละเอียดและมีราคาแพง เม่ือชารุดเสียหายไม่สามารถปรับใหถ้ ูกตอ้ งหรอื ใชไ้ ด้อกี ดงั น้นั ขอ้ ควรระวงั มดี งั นี้ 1. อย่าเก็บฉากหรอื ฉากผสมไว้รวมกับเคร่อื งมืออน่ื 2. อยา่ ใชว้ ดั งานผิวดบิ หรือหยาบหรืองานท่ไี ม่ได้ลบคม 3. อย่าเอียงหรือใช้ขอบตรวจสอบความราบผิวงาน เพราะขอบอาจจะกระแทกกับผิวงานและเกิดรอยเยนิ 4. เมอ่ื ตอ้ งการจะเปล่ียนจุดที่ตรวจสอบให้ยกฉาก หรือฉากผสมข้ึนพ้นงาน ห้ามเลื่อนไปมาบนผิวงาน เพราะอาจจะทาให้ผวิ สมั ผัสงานของฉากหรอื ฉากผสมสึก 5. อยา่ ทาหล่นพื้น 6. หลังจากใช้แล้ว ให้ทาน้ามันบาง ๆ 7. ถา้ เกดิ รอยเยินบนผวิ ฉากหรือฉากผสม ใหใ้ ชห้ นิ น้ามันฝนออกเท่าน้ัน ห้ามใช้ตะไบ
6.3 ระดับน้าชา่ งกล (Precision Leveler) ระดับน้าชา่ งกลถือเปน็ เครือ่ งมอื วัดแบบมีขีดสเกล มีทงั้ แบบสเกลเมตริกและสเกลอังกฤษ ระดับน้าจะถูกใช้ในการวดั ระดับเพ่ือทาการติดตั้งเคร่ืองมือเคร่ืองจักรในโรงงานให้อยู่ในแนวระดับที่ต้องการโดยอาศัยกฎการเคล่ือนท่ีของของเหลว ซึ่งอุปกรณ์ท่ีเรียกว่า ระดับน้าช่างกล นี้สามารถทาการวัดได้ท้ังแนวดิ่งและแนวนอน ดงั ตัวอย่างภาพท่ี 6.16 รายละเอยี ดของระดบั นา้ สกรูปรับฟองอากาศ ขดี สเกล หลอดแกว้ ฐาน ภาพที่ 6.16 สว่ นประกอบของระดบั นา้ เครื่องกล 6.3.1 สว่ นประกอบของระดับนา้ เคร่ืองกล 1. ฐาน (Base) เป็นส่วนท่ีจะวางสัมผัสผิวงานท่ีต้องการตรวจสอบระดับ ถ้าเป็นแบบวัดได้ในแนวนอนเพียงอย่างเดยี ว กจ็ ะมีหนา้ เพียงอย่างเดยี ว ถ้าหากเป็นแบบที่ใช้วัดได้ท้ังแนวด่ิงและแนวนอน จะทาเป็นกรอบสเี่ หล่ยี มจัตุรัส มีผิวสัมผัสงานได้ 4 ด้าน ตรงกลางของฐานจะถูกทาเป็นร่องตัววี เพ่ือให้วางบนพื้นราบ และบนพ้ืนงานรปู ทรงกระบอกได้ 2. หลอดแก้ว (Vial) ทาด้วยหลอดแก้วใส สาหรับใส่ของเหลวทาให้สามารถเห็นการเคลื่อนท่ีของเหลวท่ีอยภู่ ายในได้อย่างชัดเจนส่วนระดับน้า 1 ตัว จะมีหลอดแก้ว 2 หลอด โดยหลอดใหญ่จะวางอยู่ในแนวยาวตามรูปของฐาน ส่วนหลอดเล็กจะอยู่ขวางในแนวต้ังฉากกับหลอดใหญ่ ทาให้สามารถตรวจสอบได้ 2 ทิศทาง 3. ขีดสเกล (Scale) ขีดสเกลจะอยูด่ ้านบนของหลอดแก้วจะถูกขีดเพ่ือแสดงให้ทราบว่าการเคลื่อนของฟองอากาศที่เคลื่อนท่ี แสดงถึงพ้ืนท่ี ท่ีมีความเอียงกี่มิลลิเมตรต่อความยาว 1 เมตร หรือก่ีน้ิวต่อความยาว 1 ฟตุ 4. ฟองอากาศ (Bubble) เกิดจากการเติมของเหลวเข้าไปในหลอดไม่เต็ม ประโยชน์เพ่ือเป็นตัวบอก ความเที่ยงตรงหรือความผิดพลาด โดยเทียบจากสเกลที่ผิวหลอดแก้ว ถ้าฟองอากาศท่ีอยู่ใน
หลอดแก้วมีความยาวมาก แสดงว่าระดับน้าตัวนั้นมีความละเอียดมาก เพราะถ้าฟองอากาศยาวแสดงว่าภายในมชี ่องว่างมาก ทาใหข้ องเหลวเคลื่อนตัวไดเ้ รว็ 5. สกรูปรับ (Adjustment Screw) ปกติระดับน้าทุกตัวจะผ่านการตรวจสอบเช็คประสิทธิภาพด้วยการไขสกรูปรับตั้งความเที่ยงตรงมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจทาให้ประสทิ ธิภาพของการใช้งานไมเ่ ทีย่ งตรง ก็สามารถปรบั ระดับน้าใหมโ่ ดยไขปรบั ทีส่ กรู 6. รายละเอียดของระดับน้า (Name Plate) จะบอกชื่อของบริษัทผู้ผลิต และบอกค่าความละเอยี ดของระดับน้าแตล่ ะตัว เช่น สามารถวัดความลาดเอยี งได้ 0.02 มลิ ลิเมตรต่อความยาว 1 เมตร 6.3.2 วธิ ีการใช้งานระดับน้าช่างกล 1. จัดวางระดบั นา้ ช่างกลตามแนวที่ตอ้ งการตั้งระดับ 2. สังเกตดูฟองอากาศท่ีเกิดข้ึนบนระดับน้าว่าอยู่ในตาแหน่งกึ่งกลางหรือไม่ ถ้าอยู่ในตาแหน่งกง่ึ กลางแสดงวา่ ผวิ งานไดร้ ะดบั พอดี 3. ถ้าฟองอากาศไม่อยู่ในตาแหน่งกงึ่ กลาง ใหป้ รับระดับของพ้ืนท่ีตอ้ งการต้ังให้อยู่กึ่งกลางโดยสงั เกตทิศทางฟองอากาศ ถ้าฟองอากาศอยู่เอียงไปในทิศทางใดแสดงว่าทิศทางน้ันมีความสูงมากกว่าอีกทิศทางหนึ่ง 4. ทาการปรับระดับแนวระดับ จนกระท่ังให้ฟองอากาศของระดับน้าช่างกลอยู่ตาแหน่งกงึ่ กลางพอดที ุกตาแหน่งที่ต้องการวัด และควรต้องระวังทิศทางในการมองฟองอากาศ ต้องได้ระดับเป็นมุมฉากพอดีกับ ผิวโลกตาแหน่งขีดใดแล้วเทียบกับค่าความละเอียดที่มีของระดับน้า เช่น ถ้าระดับน้า 1 ขีดแสดงความเอียง 0.3 มม./ม. และฟองอากาศเอียงไปทิศทางนั้น 1 ขีด แสดงว่าด้านน้ันมีความลาดเอียงสูงกว่าอกี ด้านหน่งึ เทา่ กับ 0.3 มม./ม. A B A ระดบั ดา้ น B สงู กว่าดา้ น Aระดับด้าน A สูงกว่าดา้ น Bภาพที่ 6.17 แสดงวิธีการตรวจสอบฟองอากาศของระดับนา้ ช่างกล
ตัวอย่าง จากภาพ ระยะ 0.3 มม. เกิดจากสเกลบนระดับน้ามีความละเอียด 0.3 มม./ม. เล่ือนไป 1 ขีดแสดงว่า มีความสูงด้าน AC เท่ากับ 0.3 มม. ต่อด้าน BC 1 ม. ดังนั้น ถ้าต้องการทราบค่ามุม ก็สามารถหาได้จาก tan = AC / BC = 0.3 มม. / 1,000 มม. tan = 0.0003 = tan-1 0.0003 = 0.0171 X 60 = 1.031 = 1 ลิปดา 6.3.3 ข้อควรระวังในการใช้ระดับน้าเคร่อื งกล 1. ทาความสะอาด บรเิ วณท่ตี ้องการวางระดบั นา้ เครือ่ งกลเพือ่ ตรวจสอบ 2. เช็ดคราบน้ามนั ทีต่ ิดอยู่ และดูแลความเรยี บร้อยก่อนใช้งาน 3. ค่อย ๆ วางระดบั นา้ เคร่ืองกลบริเวณท่ีตอ้ งการหาระดับ 4. การมองฟองอากาศท่ีเล่ือนไปมา ตามองต้งั ฉากกับตาแหนง่ ที่อา่ น 5. ไม่ควรลากระดับน้าเคร่อื งกลไปมา ควรใช้ยกเปลี่ยนตาแหนง่ 6. ขณะปรับสกรูยึดฐานของเคร่ืองจักรให้ค่อย ๆ ปรับ และสังเกตการเคล่ือนที่ของ ฟองอากาศ 7. ควรมีการตรวจสอบความเทยี่ งตรงระดับน้าเครือ่ งกล เพือ่ ปอ้ งกนั ความผดิ พลาด
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: