เอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 2 หลักการและกระบวนการบริหารการพยาบาล รายวิชาบรหิ ารการพยาบาลและแนวโนม้ วชิ าชพี (พรภ. 310) (Nursing Administration and Trends in Nursing Profession: NID 310) โดย อาจารยท์ ิพวรรณ์ เอี่ยมเจรญิ ภาคการศึกษาฤดรู ้อน ปีการศึกษา 2563 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ
คานา เอกสารประกอบการสอนเร่อื ง หลกั การและกระบวนการบริหารการพยาบาล จดั ทาขนึ้ เพ่ือประกอบการ บรรยายในรายวชิ าบริหารการพยาบาลและแนวโนม้ วิชาชพี : พรภ. 310 (Nursing Administration and Trends in Nursing Profession: NID 310) หน่วยท่ี 2 หลกั การและกระบวนการบรหิ ารการพยาบาล (ครงั้ ที่ 2) ซง่ึ ประกอบด้วยเนือ้ หาเกยี่ วกบั โครงสร้างการบรหิ ารโรงพยาบาลและองค์กรพยาบาล การบรหิ ารงานในหอผ้ปู ่วย ได้แก่ การจดั การหอผู้ปว่ ย การจดั อัตรากาลงั การจัดการพัสดุและเวชภัณฑ์ การบันทึกและรายงานทางการ พยาบาล เพื่อให้นิสติ ได้ใช้ประกอบการเรียนและทบทวนความร้ไู ด้ตามความต้องการ ผู้สอนหวังเป็นอยา่ งยิ่งว่า เอกสารฉบบั นี้จะชว่ ยใหน้ ิสิตเขา้ ใจในเนอ้ื หาได้มากข้นึ และสามารถนาไป ประยุกตใ์ ช้ได้จรงิ ในการฝกึ ปฏบิ ัติการพยาบาล อาจารย์ทพิ วรรณ์ เอ่ยี มเจรญิ สาขาวชิ าการพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ 26 เมษายน 2564 2
สารบัญ หนา้ 4 แผนการสอน 5 เอกสารอา้ งอิง 8 เน้ือหา หวั ข้อที่ 3. โครงสร้างการบรหิ ารโรงพยาบาลและองค์กรพยาบาล 12 3.1 ความหมายขององค์กรและองค์กรพยาบาล 22 3.2 รูปแบบโครงสรา้ งขององค์กรและองคก์ รพยาบาล หัวข้อท่ี 4. การบริหารงานในหอผู้ป่วย 4.1 การจดั การหอผู้ป่วย 4.2 การจดั อัตรากาลัง 4.3 การจัดการพสั ดแุ ละเวชภณั ฑ์ หวั ข้อท่ี 5. การบนั ทกึ และรายงานทางการพยาบาล 5.1 องคป์ ระกอบและลักษณะบนั ทึกทางการพยาบาลท่ดี ี 5.2 รปู แบบของบนั ทกึ ทางการพยาบาล 5.3 ความสาคัญของบนั ทึกทางการพยาบาล 3
แผนการสอน รายวชิ าบริหารการพยาบาลและแนวโนม้ วิชาชีพ: พรภ. 310 (Nursing Administration and Trends in Nursing Profession: NID 310) หลักสูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต ภาคการศึกษาฤดูรอ้ น ปกี ารศึกษา 2563 นสิ ิต ช้ันปีที่ 3 หน่วยที่ 2 หลกั การและกระบวนการบริหารการพยาบาล หวั ข้อ หนว่ ยที่ 2 หลกั การและกระบวนการบรหิ ารการพยาบาล ผูส้ อน อาจารยท์ ิพวรรณ์ เอี่ยมเจริญ เวลา 2 คาบ วัตถุประสงค์เฉพาะ เพอ่ื ใหน้ สิ ิตสามารถ: 1. อธบิ ายโครงสรา้ งการบรหิ ารโรงพยาบาลและองค์กรพยาบาลได้ 2. อธิบายหลักการ การบริหารงานในหอผูป้ ่วยได้ 3. บอกแนวทางการจัดการหอผู้ป่วยได้ 4. วเิ คราะห์สถานการณแ์ ละคานวณอตั รากาลงั พยาบาลในแต่ละเวรได้ 5. บอกหลักการ การจัดการพัสดุและเวชภัณฑ์ในหอผปู้ ่วยได้ 6. บอกหลกั การ การบันทึกและรายงานทางการพยาบาลทม่ี คี ุณภาพได้ 7. วิเคราะห์สถานการณป์ ญั หาเกีย่ วกบั การบนั ทกึ ทางการพยาบาลได้ สงั เขปเน้ือหา หัวข้อที่ 3. โครงสร้างการบริหารโรงพยาบาลและองค์กรพยาบาล 3.1 ความหมายขององค์กรและองคก์ รพยาบาล 3.2 รปู แบบโครงสร้างขององค์กรและองคก์ รพยาบาล หัวขอ้ ที่ 4. การบรหิ ารงานในหอผูป้ ่วย 4.1 การจดั การหอผปู้ ว่ ย 4.2 การจัดอตั รากาลงั 4.3 การจดั การพสั ดุและเวชภณั ฑ์ หัวขอ้ ท่ี 5. การบนั ทึกและรายงานทางการพยาบาล 5.1 องคป์ ระกอบและลกั ษณะบนั ทกึ ทางการพยาบาลท่ีดี 5.2 รูปแบบของบันทึกทางการพยาบาล 5.3 ความสาคญั ของบันทึกทางการพยาบาล 4
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ 5 นาที 1. บอกวัตถปุ ระสงค์ และสังเขปเนอื้ หา 90 นาที 2. บรรยายสรุปเนอื้ หาประกอบกจิ กรรม active learning 10 นาที 3. นิสติ ซกั ถามและตอบข้อซักถาม 15 นาที 4. วเิ คราะหส์ ถานการณ์ปญั หาเกีย่ วกับบันทึกทางการพยาบาล 5. นสิ ิตศึกษาเอกสารความร้เู พ่มิ เติมนอกเวลา (ตามอัธยาศยั ) สอ่ื การสอน 1. เอกสารประกอบการสอน (E-book, PDF file) 2. Power point 3. VDO Clip สรปุ สาระสาคัญก่อนการสอบ 4. Kahoot game/Quizizz/Test in SWU-Moodle การประเมนิ ผล 1. การมีสว่ นรว่ มในการอภปิ รายและตอบข้อซักถาม 2. สงั เกตพฤติกรรมและความสนใจในขณะเรยี น 3. สอบวดั ผล เอกสารอ้างองิ 1. กนกวรรณ สมี า, ภษู ติ า อนทิ รประสงค์ และจรรยา ภทั รอาชาชยั . (2558). ความต้งั ใจออกจากวิชาชพี ของ พยาบาลวชิ าชพี โรงพยาบาลสังกัดสานกั การแพทยก์ รุงเทพมหานคร. วารสารกองการพยาบาล, ปีที่ 42 ฉบบั ที่ 3, กนั ยายน–ธันวาคม: 142-158. 2. กลุม่ ภารกจิ ด้านการพยาบาล โรงพยาบาลขอนแกน่ . (2562). คู่มอื บันทึกทางการพยาบาล (ผู้ปว่ ยใน). [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.kkh.go.th/wp-ontent/uploads/2019/06-.pdf. สืบคน้ เม่อื 30 เมษายน 2564. 3. กานตพ์ ชิ า จนั ทร์หงส์, อรอนงค์ วิชัยคา และฐิติณฏั ฐ์ อัคคะเดชอนันต์. (2563). การวิเคราะห์ สถานการณ์การบรหิ ารความเสีย่ ง หอผูป้ ่วยอายุรกรรมหญิงในโรงพยาบาลแห่งหนง่ึ ในเขตภาคเหนอื ตอนล่างของประเทศไทย. พยาบาลสาร, ปที ี่ 47 ฉบบั ที่ 2 เมษายน-มิถนุ ายน: 406-416. 4. จันทรท์ ิรา เจียรณยั . (2557). การพฒั นาโปรแกรมบนั ทึกทางการพยาบาล. โครงการวิจยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี. 5. ชฎาภรณ์ วฒั นวิไล. (2563). เอกสารประกอบการบรรยาย: หนว่ ยท่ี 2 หลักการและกระบวนการ บริหารการพยาบาล. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. 5
6. เปรมจิตร คล้ายเพช็ ร์. (2557). เอกสารประกอบการบรรยาย: Re-design ระบบบนั ทึกทางการ พยาบาล. ฝา่ ยการพยาบาล โรงพยาบาลศิรริ าช. 7. เปรมิศา บุญเกดิ และรัชนีวรรณ วนชิ ย์ถนอม. (2559). ความสมั พันธร์ ะหว่างทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การรบั รู้การสนับสนุนจากองค์การ และความตงั้ ใจในการลาออกโดยมีความพึงพอใจในงานเปน็ ตัวแปรสอ่ื ในพยาบาลวชิ าชีพโรงพยาบาลศูนย์คัดสรรแหง่ หนึ่งในภาคตะวนั ออก. วารสารสงั คมศาสตรแ์ ละ มนุษยศาสตร์, ปที ่ี 42 ฉบับที่ 2: 148-169. 8. ยุวดี เกตสัมพันธ์. (2556). เอกสารประกอบการบรรยาย เร่อื งบันทึกทางการพยาบาลมุมมองดา้ น วิชาชีพและกฎหมาย. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://www.slideserve.com/moke/focus-charting-patient-center. สืบคน้ เมื่อ 1 พฤษภาคม 2564. 9. สภาการพยาบาล. (2548). ประกาศสภาการพยาบาล เร่อื งมาตรฐานบริการการพยาบาลและการผดงุ ครรภร์ ะดับทตุ ยิ ภูมแิ ละระดบั ตตยิ ภมู .ิ [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.tnmc.or.th/news/124 สบื ค้นเม่อื 26 เมษายน 2564. 10. สภาการพยาบาล. (2562). ประกาศสภาการพยาบาล เรือ่ ง มาตรฐานการพยาบาล พ.ศ. 2562. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก: https://www.tnmc.or.th/news/124. สืบคน้ เมื่อ 26 เมษายน 2564. 11. เสาวลกั ษณ์ จิรธรรมคณุ . (2559). บทท่ี 3 การจดั องคก์ าร ใน เสาวลักษณ์ จริ ธรรมคณุ , อรณุ รตั น์ เทพนา และธญั รัตน์ องคม์ ีเกยี รต.ิ การบริหารพยาบาลยดุ 4G Plus. โรงพิมพ์ TBS Product; กรงุ เทพฯ. หน้า: 44-46. 12. เสาวลกั ษณ์ จิรธรรมคณุ . (2556). บทท่ี 1 แนวคิดและหลักการบริหารการพยาบาล ใน เสาวลักษณ์ จริ ธรรมคุณ, อรุณรตั น์ เทพนา และธญั รตั น์ องคม์ ีเกียรต.ิ การบริหารพยาบาลยดุ 4G Plus. โรงพมิ พ์ TBS Product; กรงุ เทพฯ. หน้า 20. 13. แสงทอง ธีระทองคา และไสว นรสาร. (2561). กฎหมายสาหรับพยาบาล (ฉบับเรียบเรยี งครงั้ ที่ 2). พิมพ์ ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ: คณะแพทยศ์ าสตร์โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. หน้า 2 14. ไสว นรสาร. (2561). บทที่3 ความรบั ผดิ ฐานประมาทในการปฏิบตั กิ ารพยาบาล ใน แสงทอง ธรี ะ ทองคา และไสว นรสาร. กฎหมายสาหรบั พยาบาล (ฉบับเรยี บเรียงครง้ั ท่ี 2). พมิ พ์ครั้งที่ 2, กรงุ เทพฯ: คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลยั มหิดล. หนา้ 48. 15. อรทัย รงุ่ วชริ ะ. (2559). เอกสารประกอบการบรรยาย: บทที่ 5 การบรหิ ารจดั การพยาบาลในหอผู้ป่วย. [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://www.elnurse.ssru.ac.th/orathai_ru/pluginfile.php/16/block_html/content.pdf. 6
สบื คน้ เม่ือ 30 เมษายน 2564. 16. อรณุ รตั น์ เทพนา. (2559). บทท่ี 4.2 การสรรหาและการคดั เลอื ก ใน เสาวลกั ษณ์ จิรธรรมคณุ , อรณุ รัตน์ เทพนา และธญั รตั น์ องค์มีเกียรต.ิ การบรหิ ารพยาบาลยดุ 4G Plus. โรงพมิ พ์ TBS Product; กรงุ เทพฯ. หนา้ 81-90. 17. Canadian Nurse Association. (2021). Nursing Organization. [Online]. Available from: https://www.cna-aiic.ca/en/professional-development/accreditation/nursing-organization. Retrieved April 26 2021. 18. Laitinen, H., Kaunonen, M., and Astedt-Kurki, P. (2010). Patient-focused nursing documentation expressed by nurses. Journal of Clinical Nursing. 19; 489–497. 19. Mancini, M.E., and Benton, K.K. (2019). Chapter10: Healthcare Organizations in Leading and Management in Nursing. Elsevier; Canada. Page: 176-177. 20. Medical dictionary. (2009). Nursing organization. (n.d.) Medical Dictionary. [Online]. Available from: https://medical-dictionary.thefreedictionary.com/nursing+organizatio. Retrieved April 27 2021. 21. Shirey, M.R. (2012). Chapter3: Organizational Behavior and Magnet Hospitals. In Nursing Leadership and Management 3rd Ed by Kelly Patricia, Ed. Cengage Learning; USA. Page: 73-74. 22. Stevenson, J.E., Nilsson, G.C., Petersson, G.I., and Johansson, P.E. (2010). Nurses’ experience of using electronic patient records in everyday practice in acute/inpatient ward settings: A literature review. Health Informatics Journal. 16(1): 63–72. 23. Whitehead, D.K., Weiss, S.A., and Tappen, R.M. (2010). Chapter5 Organizations, Power, and Empowerment. In Essentials of Nursing Leadership and Management. Ed5th. F.A. Davis Company; USA. Page 57-59. 24. Workman. L.L. (2010). Chapter27 Staff Recruitment and Retention in Diane L. Huber,Ed Leadership and Nursing Care Management, Ed4th. Saunders Elsevier; United States of America. Page 604-613. 7
เนอื้ หาหน่วยที่ 2 ครง้ั ท่ี 2 3. โครงสรา้ งการบริหารโรงพยาบาลและองค์กรพยาบาล 3.1 ความหมายขององค์กรและองค์กรพยาบาล องค์กร (Organization) หมายถึง การรวมกล่มุ ของคนตง้ั แต่ 2 คนขึน้ ไป ท่ีมวี ตั ถุประสงคเ์ ดยี วกนั มกี าร จัดการหน่วยงานทเ่ี ป็นระบบ มีการใช้เทคโนโลยี และมีระเบยี บกฎเกณฑ์ในการควบคมุ พฤติกรรมของคนในองค์กร เพื่อใหบ้ รรลุเป้าหมายขององคก์ ร เช่น หนว่ ยงานของรฐั ฯ กลุ่มผูป้ ระกอบการรา้ นคา้ กลุ่มผู้บริโภค หน่วยงาน ผผู้ ลิตสินค้า เป็นตน้ (Shirey, 2012: 73-74; Mancini and Benton, 2019: 176-177) องค์กรสุขภาพ หมายถึง หน่วยงานท่ีประกอบด้วยบุคลากรทางสุขภาพ หลายสาขาวิชาชีพทางาน รว่ มกนั อยา่ งเป็นระบบ มีความต้องการหรือวตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกนั แบง่ ตามวัตถุประสงค์ได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ องค์กรเพื่อการรักษา (restorative) และองค์กรเพื่อการป้องกันและส่งเสริมสขุ ภาพ (preventive) (Mancini and Benton, 2019; 160) แบ่งตามแหลง่ ทุนสนับสนุนได้ 3 ประเภท ได้แก่ องคก์ รเอกชนท่ีไมห่ วังผลกาไร (Private not-for-profit) องค์กรของรัฐ (Publicly supported) และองค์กรเอกชนเพ่ือผลกาไร (Private for-profit) (Whitehead, Weiss and Tappen, 2010; 57-59) องค์กรพยาบาล (Nurse organization) เปน็ องค์กรทางสขุ ภาพทเี่ ป็นการรวมกลุม่ ของพยาบาลระดับ ตา่ งๆ เพ่ือให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วย ครอบครัวและชมุ ชนให้มีสุขภาพและคณุ ภาพชวี ิตที่ดี มีการปฏิบตั ิงานอยา่ ง ตอ่ เนือ่ งตลอด 24 ช่ัวโมง (เสาวลกั ษณ์ จิรธรรมคุณ, 2559: 44-46) องค์กรพยาบาล (Nursing organization) เปน็ กลมุ่ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นสุขภาพที่ไม่แสวงหาผลกาไรโดยมี โครงสรา้ งการกากับดูแลอยา่ งเป็นทางการ องค์กรให้บรกิ ารและรับผดิ ชอบต่อสมาชกิ พยาบาล ผูเ้ ชี่ยวชาญและ สมาชกิ ในองค์กร โดยให้การพัฒนาวชิ าชพี อยา่ งต่อเนือ่ ง ให้การดูแลสุขภาพและสวัสดกิ าร หรอื สนับสนนุ เงนิ ทุนใน การการวิจัยและการศึกษา เช่น คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพยาบาล สมาคมพยาบาล หนว่ ยงานในโรงพยาบาล เป็นต้น (Canadian Nurse Association, 2021) องค์กรพยาบาล (Nursing organization) หมายถงึ กลุ่มพยาบาลวิชาชีพท่ีปฏิบัติงานทางการพยาบาล อย่างต่อเนอ่ื ง นอกจากนี้ยงั หมายรวมถงึ นักวจิ ยั นกั วิชาการทางการพยาบาลและอาจารย์พยาบาล ท่สี ง่ เสริมและ พฒั นาวชิ าชพี พยาบาลอย่างต่อเนื่อง (Medical dictionary, 2009) โดยสรุปองคก์ รพยาบาล หมายถงึ หนว่ ยงานทพ่ี ยาบาลวชิ าชีพมาปฏบิ ตั งิ านร่วมกนั ตั้งแต่ 2 คนข้ึนไป เพอ่ื การดแู ลผูป้ ว่ ยอย่างต่อเนื่อง 24 ช่วั โมง มกี ารทางานที่เป็นระบบ มีกฎระเบียบในการปฏิบตั งิ าน ภายใตก้ าร ดแู ลสนบั สนุนส่ิงอานวยความสะดวกในทุกๆด้านของหนว่ ยงาน ซ่งึ มที ้งั แบบหวงั ผลและไม่หวงั ผลกาไร 8
3.2 รปู แบบโครงสรา้ งขององค์กรและองค์กรพยาบาล โครงสร้างขององคก์ ร โดยสว่ นใหญจ่ ะแสดงออกมาในรูปแบบแผนภมู ิองค์กรหรอื แผนผังภาระงาน ซ่ึง จะแสดงถึงสว่ นประกอบต่างๆขององคก์ ร ใหเ้ ห็นถึงความสัมพันธ์ของบคุ คลในหนว่ ยงาน อานาจและความ รบั ผิดชอบในองค์กร ซง่ึ รูปแบบของโครงสร้างองคก์ รมหี ลายรปู แบบ (Mancini and Benton, 2019: 185-190; เสาวลักษณ์ จริ ธรรมคณุ , 2559: 49-51) ดังน้ี 1. โครงสรา้ งตามหน้าที่ (Functional Structure) เช่น ผงั โครงสร้างฝา่ ยต่างๆ ได้แก่ ฝา่ ย ประชาสมั พันธ์ ฝ่ายการตลาด งานการเงิน งานบริการผู้ปว่ ย ฝา่ ยเทคโนโลยีและสารสนเทศ ฝา่ ยซ่อมบารุง เปน็ ต้น 2. โครงสร้างตามแผนก (Divisional Structure) เช่น แผนกอายุรศาสตร์ แผนกสูติ-นรเี วช วิทยา แผนกศัลยศาสตร์ แผนกดแู ลผ้ปู ว่ ยใน เป็นตน้ 3. โครงสรา้ งตามกระบวนการทางาน (Process Structure) เช่น ในแผนกสูติ-นรีเวชวทิ ยา แบง่ การทางานเป็น หน่วยฝากครรภ์ ห้องคลอด หอ้ งผา่ ตดั คลอด หอ้ งดแู ลหลังผ่าตัด และหนว่ ยหลังคลอด เป็นตน้ 4. โครงสรา้ งหลายมิติ (Matrix Structure) เปน็ โครงสร้างแบบผสมผสานประกอบดว้ ยอานาจ และหน้าท่ีในแผนผังของโครงสร้างท้งั แนวนอนและแนวดง่ิ สมาชิกในองคก์ รมสี ายการบังคบั บญั ชา 2 สายและมี การรวมบุคลกรท่ีมคี วามสามารถหลากหลายไว้ด้วยกนั มักใช้ในการจดั องคก์ รท่ีเฉพาะกิจหรือเฉพาะงาน มี เป้าหมายการทางานระยะสัน้ ๆ 5. โครงสรา้ งตามภมู ิศาสตร์ (Geographic Structure) เปน็ โครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่แสดงถึง หน่วยงานใหญท่ อ่ี ยภู่ ายใต้การดแู ลขององค์กรเดยี วกนั ซึ่งแบง่ เป็นสาขาหรอื ภมู ิภาค เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ มี หลายๆสาขา ในหลายๆภาคของประเทศไทย เป็นต้น 6. โครงสร้างตามผลผลิต (Product Line Structure) การจัดการบรหิ ารองคก์ รเปล่ยี นแปลงไป ตามสินค้าทผ่ี ลิต 7. โครงสร้างแบบผสม (Combination Structure) มโี ครงสรา้ งแบบหลายโครงสร้างรวมใน องค์กรเดียวกัน 8. โครงสร้างแบบทมี (Team Organization) เปน็ โครงสร้างที่นยิ มมากท่สี ุดในการจัด กิจกรรมตา่ งๆ ไม่มีการแบง่ แผนกตา่ งๆ มีการกระจายอานาจลงไปสสู่ มาชกิ ทีมโดยตรงไมต่ ้องผ่านลาดบั ขั้น ทาให้ การทางานมคี วามยืดหยนุ่ และมีประสิทธิภาพ 9. โครงสร้างแบบเครือขา่ ย (Virtual or Network Organization) เป็นโครงสร้างทมี่ ีขนาดเลก็ 9
แตม่ คี วามสาคญั กบั การดาเนินงานขององค์กร มีการจา้ งองคก์ รภายนอก (Outsource) เข้ามาทางานในสว่ นตา่ งๆ ไม่แบง่ กลุม่ งาน ไม่แบ่งแผนกหรอื แบง่ แผนกนอ้ ยมาก และปัจจบุ ันในโรงพยาบาลเริม่ ใช้โครงสรา้ งนม้ี ากข้นึ 10. โครงสรา้ งแบบไร้ขอบเขต (Boundaryless Organization) เป็นโครงสรา้ งทไ่ี ม่มีขอบเขตทง้ั แนวนอนและแนวดิ่ง ไม่มรี ะดับผบู้ งั คบั บญั ชา มอบอานาจและหน้าท่ลี งสู่ทมี และมีการประเมินผลแบบ 360 องศา มกั ใช้กับธรุ กิจ หรือองค์กรการเงินระหว่างประเทศ โครงสร้างองค์กรพยาบาล จากการจัดโครงสร้างองคก์ รท่ีกล่าวมาข้างต้น การจัดโครงสรา้ งองค์กรสุขภาพที่นยิ มมี 3 แบบ ไดแ้ ก่ โครงสร้างตามหน้าท่ี โครงสร้างตามแผนก และโครงสร้างหลายมติ ิ ซึง่ ในองค์กรพยาบาลอาจจะมีหลายๆโครงสรา้ ง รวมกนั ได้ เพอ่ื ให้การปฏิบตั ิงานเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ของหนว่ ยงาน ดังตวั อยา่ งในรปู ท่ี 1-3 รูปท่ี 1 แสดงแผนผังโครงสรา้ งองค์กรสุขภาพ ทีม่ า: เสาวลกั ษณ์ จิรธรรมคณุ , 2559 หน้า 51 รปู ที่ 2 แสดงแผนผังโครงสร้างองค์กรโรงพยาบาล ทมี่ า: เสาวลกั ษณ์ จิรธรรมคณุ , 2554 หน้า 20. 10
รูปท่ี 3 แสดงแผนผงั องค์กรการบริหารการพยาบาล ทมี่ า: https://med.mahidol.ac.th/ramanursing/th/aboutus/organization จากตวั อยา่ งแผนผังโครงสร้างองค์กรท้ัง 3 แบบข้างต้น สว่ นใหญ่มีลักษณะเป็นแบบผสมผสานหลาย รูปแบบในองคก์ รเดยี วกัน ซ่งึ สรปุ ไดว้ า่ ในการจัดโครงสรา้ งองค์กรทางสุขภาพและองค์กรการพยาบาลน้ัน จาเป็นต้องใช้หลายรูปแบบให้สอดคลอ้ งกับวิสยั ทศั น์และพันธกิจขององค์กร เพ่ือการปฏิบัติงานเปน็ ไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เนือ่ งจากในองคก์ รพยาบาลมีหน้าที่รับผดิ ชอบดแู ลผปู้ ว่ ยซ่ึงมีความซบั ซอ้ นในทุกด้านท้ังการเจ็บปว่ ย ทางรา่ งกาย ดา้ นจติ ใจ และด้านสงั คมหรือส่ิงสนับสนุน การจดั องค์กรจึงต้องมคี วามยดื หยุ่นให้มากขึ้นเพื่อ ประสิทธิภาพในการให้บริการผปู้ ่วยและครอบครัว 11
ตารางที่ 1 เปรยี บเทยี บข้อดี/ข้อจากัด ของโครงสร้างองคก์ รพยาบาล 3 แบบ (เสาวลักษณ์ จริ ธรรมคุณ, 2559; 49-54) รปู แบบโครงสร้าง ข้อดี ขอ้ จากัด 1. มคี วามเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะทาง 1. ขาดความชานาญในเรือ่ งทว่ั ๆไป มคี วามรอบรู้ที่ 2. ไมซ่ ับซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพในการจดั จากัด Functional Structure ทรัพยากรไดต้ ามหนา้ ที่ 2. การติดตอ่ สื่อสารในแนวนอนเปน็ ไปไดย้ ากและช้า 3. การตดั สนิ ใจและการควบคุมขน้ึ อย่กู ับผู้บริหาร 3. การประสานงานระหวา่ งแผนกยากม่สะดวก 4. ส่งเสรมิ และพฒั นผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้าน 4. การตัดสินใจช้า และลาบาก 5. การประสานงานภายในหนว่ ยงา่ ยและสะดวก 5. ความจากัดของตาแหนง่ ผ้จู ดั การ 1. การตดั สนิ ใจจากระดับบนสูร่ ะดับลา่ ง 1. การรกั ษาความสมดลุ ของอานาจเปน็ ไปได้ยาก 2. สามารถกาหนดกลยทุ แ์ ตกต่างกันได้ 2. เพม่ิ ขัน้ ตอนของการบรกิ าร Division Structure 3. กาหนดความรบั ผิดชอบและอานาจการ 3. ต้องใชก้ ฎระเบยี บการตัดสนิ ใจ ตดั สินใจได้ 4. มคี วามซ้าซ้อนของหนา้ ทีแ่ ละบริการ 4. มกี ารกระจายอานาจการตดั สนิ ใจ 5. มีการแขง่ ขันกนั เพ่อื แหลง่ ประโยชน์ 1. พฒั นาเป็นผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะดา้ น 1. บริหารจัดการยาก เกดิ ความขดั แยง้ ไดง้ ่าย 2. ใช้ผู้เชย่ี วชาญเฉพาะด้านได้อยา่ มปี ระสิทธิภาพ 2. ขดั ต่อหลักการ “การมีผบู้ งั คับบญั ชาเพียงคนเดยี ว” 3. มีแนวทางและเปา้ หมายการปฏบิ ัติงานชัดเจน 3. เกดิ ปญั หาเกย่ี วกับการประสานงาน หากขาดทักษะ Matrix Structure 4. มีอิสระในการทางาน การสอื่ สารทีด่ ี 5.กระตุน้ บุคลากรใหเ้ กิดการพฒั นา เกิดแรงจงู ใจ 4. ตอ้ งใช้การต่อรองและกระจายหน้าท่ีความ 6. ช่วยในการพัฒนา สร้างสรรค์และเกดิ นวัตกรรม รบั ผดิ ชอบ ใหม่ 5. การจดั ลาดบั ความสาคญั ของงานไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยสรปุ การจดั โครงสร้างขององค์กรใหเ้ หมาะสมกบั งานและเปา้ หมายขององคก์ ร เปน็ สง่ิ สาคญั อย่างย่ิง ที่จะชว่ ยใหก้ ารทางานมปี ระสิทธภิ าพและประสบความสาเร็จตามวัตถปุ ระสงค์ ดังน้ันการจัดองค์กรจงึ ควรมีความ ยดื หยนุ่ เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั วิสัยทศั น์ เปา้ หมายและพันธกิจขององค์กร และควรมกี ารปรบั เปลี่ยนองค์กรให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจบุ ันทเี่ ปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใหท้ นั และองค์กรน้ันจะประสบความสาเร็จ 4. การบริหารงานในหอผู้ป่วย 4.1 การจัดการหอผูป้ ่วย หมายถึง การบริหารจดั การ การทางานในทุกๆดา้ นของหอผปู้ ่วย ไดแ้ ก่ ด้าน อาคารสถานที่และส่ิงแวดล้อม ด้านเวลา ด้านบุคลากร และวสั ดอุ ปุ กรณ์ทางการพยาบาล การบริหารอาคาร สถานที่และสง่ิ แวดล้อม ได้แก่ การจดั การเกี่ยวกบั หอ้ งพักหรอื เตียงผ้ปู ว่ ย โดยยดึ หลักการ มคี วามเปน็ สัดสว่ น มี ความปลอดภัย ป้องกนั และควบคุมการแพร่เชอ้ื โรค และควบคุมเสียงรบกวนผู้ปว่ ย ดงั นัน้ ควรจดั หอ้ งผ้ปู ว่ ยอาการ หนกั ไวใ้ นพ้ืนท่ใี กล้กับเคานเ์ ตอร์พยาบาลเพ่ือการดูแลทีใ่ กล้ชิดและทันทว่ งที ควรจดั ใหห้ ้องผปู้ ่วยติดเชอ้ื อย่บู ริเวณ ท้ายวอรด์ หรอื อยู่ใต้กระแสลมเพ่ือลดความเสี่ยงการพัดพาเช้ือโรคไปยังผู้ป่วยอื่น การบริหารเตียงเพื่อรองรบั 12
ผปู้ ว่ ยในกรณที ่ีเตียงเต็มจะจัดการอย่างไร จดั ทาแนวทางการบรหิ ารจดั การเตยี งผ้ปู ว่ ย เช่น หอผูป้ ่วย ICU หาก เตียงเต็ม จาเปน็ ต้องวางแผนยา้ ยผปู้ ่วยท่มี อี าการดขี ้นึ แลว้ ไปยังหอผู้ปว่ ยสามญั และรับผู้ป่วยอาการหนกั เข้ามา ดูแล เปน็ ตน้ การบรหิ ารจัดการเวลา ได้แก่ การจัดเวลาสาหรับการปฏบิ ัติงานและเวลาในการพักระหวา่ งปฏิบัตงิ าน หรอื ตารางเวรในแตล่ ะวนั โดยพิจารณาจากหลายๆปจั จัย เช่น ตอ้ งให้มีพยาบาลวิชาชีพประสบการณ์สงู ปฏิบัตงิ าน กบั พยาบาลใหม่ ไม่ควรใหพ้ ยาบาลท่ีมีประสบการณ์สงู พักในเวลาเดยี วกันหมด หรือให้พยาบาลประสบการณ์นอ้ ย ปฏิบัตงิ านคกู่ ัน อกี ท้ังตอ้ งจดั การเวลาในการพกั เปน็ ช่วงเวลาทไ่ี ม่มีกจิ กรรมการพยาบาลท่ตี ้องปฏบิ ัติกับผู้ป่วย เชน่ เวลา 11.00-13.00 หรือ 15.00-17.00 น. ซ่ึงเป็นเวลาที่ญาติเยี่ยมผ้ปู ว่ ย ผูป้ ่วยพบปะกับญาติ หรอื รบั ประทาน อาหาร เป็นต้น จากการศึกษาวจิ ยั พบว่าการบรหิ ารหอผปู้ ่วยในดา้ นสถานที่ สง่ิ แวดลอ้ ม เตยี งรับผู้ป่วย และเวลา ในการปฏิบัติงานรวมถึงการบรหิ ารบคุ ลากรมคี วามสาคัญกับความปลอดภยั หรือระบบการบรหิ ารความเส่ยี งของ หอผปู้ ว่ ยอย่างยงิ่ โดยต้องมแี นวทางการบรหิ ารทีช่ ดั เจนตง้ั แตร่ ะดบั นโยบายไปถึงระดับปฏิบัติ ใหค้ รอบคลุมทกุ ด้านทง้ั ดน้ โครงสร้างและกระบวนการ เพือ่ ให้ผลลพั ธเ์ ป็นไปตามเป้าหมาย ดังนัน้ จงึ จาเป็นต้องมีการบริหารจัดการ ท่ดี เี พ่ือไม่ใหเ้ กดิ ความเสย่ี งขึ้นกับผปู้ ว่ ย (กานต์พิชา จนั ทรห์ งส์, อรอนงค์ วิชัยคา และฐติ ิณัฏฐ์ อคั คะเดชอนันต์, 2563) การจดั การด้านบุคลากร หมายถงึ การบรหิ ารจัดการเกีย่ วกับจานวนคน ความรู้ความสามารถหรอื คุณภาพของคนที่ปฏิบตั ิงานในหอผ้ปู ่วย โดยเฉพาะในสถานการณป์ จั จบุ นั บคุ ลากรทางการพยาบาลขาดแคลน อย่างมาก จาเป็นอย่างยง่ิ ทผ่ี ู้บรหิ ารหรอื หัวหน้าหอผ้ปู ว่ ยตอ้ งบรหิ ารจัดการบคุ ลากรในหอผปู้ ่วยของตนให้ดี เพื่อ ลดอัตราการยา้ ยงาน การลาออก และปอ้ งกนั การขาดแคลนพยาบาล ซง่ึ การบริหารบคุ ลากรพยาบาลอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพนัน้ มีปัจจยั ท่เี ก่ียวขอ้ งหลายประการ ได้แก่ ความรคู้ วามสามารถของแต่ละบคุ คล สภาพแวดลอ้ มใน การทางาน ความพึงพอใจส่วนบุคคล ภาระงาน และคา่ ตอบแทน หวั หน้าหอผู้ปว่ ยหรอื ผู้บรหิ ารควรคานึงถึงปจั จยั ต่างๆเหล่าน้ี เพ่ือใหก้ ารบริหารบคุ ลากรพยาบาลเป็นไปอยา่ งราบรน่ื เรมิ่ ตัง้ แต่การสรรหาบลุ ากรเข้าทางานต้องมี การดาเนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบ กาหนดเป้าหมายหรือคุณสมบตั ิของบลุ ากรอย่างชดั เจน เพอ่ื ให้ไดค้ นทมี่ ีคณุ ภาพ ตอ่ มากด็ าเนนิ การคดั เลือก โดยสอบวัดความรู้ สัมภาษณ์ ตามเกณฑท์ ่ีกาหนดไว้แล้วอย่างเที่ยงตรง เม่ือรับบุคลากร เขา้ ทางานแลว้ ก็จาเปน็ ต้องให้การดูแล เพ่ือให้บุคลากรคงอยู่ปฏิบตั งิ านกบองค์กรต่อไปให้นานที่สดุ (อรณุ รัตน์ เทพนา, 2559: 81-90) โดยเฉพาะเรื่องการจดั การภาระงานท่ีเหมาะสม ดงั น้นั ผ้บู รหิ ารควรยึดหลักในการคัดเลอื ก บุคลากรเขา้ ทางานและใชค้ วามสามารถในการดแู ลบุคลากรให้คงทางานอยู่อย่างต่อเน่ือง (Workman, 2010; 604-613) โดยใชก้ ลยทุ ธ์สาคญั ได้แก่ สวสั ดกิ ารของบุคลากร เชน่ ระบบการสอนงานแบบพเี่ ลยี้ ง การสง่ เสริมให้ 13
พัฒนาความรู้อยา่ งต่อเนื่อง การให้โบนสั การช่วยเหลือด้านการเงนิ การจดั บริการที่พักอาศยั แกบ่ ุคลากร ให้ ทุนการศึกษา และการจัดการตารางงานอย่างยดื หยนุ่ เปน็ ตน้ ซง่ึ การจัดสรรอตั รากาลงั พยาบาลกับภาระงานที่ รับผดิ ชอบมคี วามสาคัญต่อการบริหารบุคลากรพยาบาลอย่างย่งิ เนื่องจากปัญหาการยา้ ยงานหรือการลาออกของ พยาบาลวชิ าชีพ จากการศกึ ษาวิจยั ในปจั จบุ ันพบว่าพยาบาลวชิ าชีพสว่ นใหญล่ าออกจากงานเน่ืองจากไม่พงึ พอใจ ในการทางาน เกิดความเครียดจากการทางานและภาระงานที่มากเกินไป (กนกวรรณ สมี า, ภูษิตา อนทิ รประสงค์ และจรรยา ภัทรอาชาชยั , 2558; เปรมิศา บญุ เกิด และรชั นีวรรณ วนชิ ยถ์ นอม, 2559) 4.2 การจัดอัตรากาลัง การจดั อตั รากาลงั หมายถึง การจดั สรรบคุ ลากรการพยาบาลทมี่ ีความร้คู วามสามารถในการพยาบาล ให้มีจานวนเพยี งพอตอ่ การดูแลผู้ป่วยในแตล่ ะหน่วยงาน โดยยดึ หลักความต้องการการดูแลของผปู้ ่วยแตล่ ะ ประเภทเปน็ หลัก ซ่ึงการจดั อัตรากาลังพยาบาลเริม่ ใช้ตั้งแต่ปี 1999 ที่รัฐแคลิฟอรเ์ นยี ประเทศสหรัฐอเมรกิ า การ จัดอตั รากาลงั ถกู นามาใช้อยา่ งแพร่หลายและมกี ฎหมายรองรบั เก่ียวกบั การจดั อัตรากาลังพยาบาลต่อผู้ปว่ ยในปี 2004 โดยมหี ลักการดงั นี้ (Sportman, 2019; 219-220) พยาบาล 1 คน ต่อ ผู้ป่วย 6 คน ในหอผ้ปู ว่ ยจติ เวช พยาบาล 1 คน ต่อ ผ้ปู ว่ ย 5 คน ในหอผปู้ ว่ ยอายุรกรรมและศัลยกรรม พยาบาล 1 คน ต่อ ผู้ป่วย 4 คน ในหอผู้ป่วยกุมารเวช พยาบาล 1 คน ต่อ ผู้ปว่ ย 3 คน ในหนว่ ยห้องคลอด พยาบาล 1 คน ต่อ ผู้ปว่ ย 2 คน ในหอผ้ปู ่วยวิกฤต (ICU) นอกจากนี้ในปี 2014 ทร่ี ฐั แมสซาชเู ซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ไดม้ ีการปรบั แก้กฎหมายเพ่ิมเติม ในหอ ผู้ป่วยวิกฤต (ICU) ใหม้ ีอตั รากาลงั พยาบาลตอ่ ผู้ป่วยเป็น 1:1 หรือ 1:2 โดยใช้เกณฑ์ความสามารถในการดแู ล ตนเองของผปู้ ว่ ยเปน็ หลกั จากเหตุการณเ์ กดิ ความไม่ปลอดภยั ข้นึ กับผ้ปู ว่ ย ประกอบกับปัญหาพยาบาลวชิ าชพี ท่ี ชานาญการไมเ่ พยี งพอจึงได้มีการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑใ์ หม่ เป็นหลักการจดั อัตรากาลังพยาบาลแบบทางเลือก โดย American Nurse Association (ANA) เสนอให้ใชห้ ลกั การพจิ ารณาบนพ้นื ฐานข้อมูลสาคัญ ดงั น้ี 1. ความตอ้ งการของผู้ปว่ ย 2. ประสบการณ์ การทางานของพยาบาล 3. สภาพแวดล้อมการทางานหรือบรบิ ทของหนว่ ยงาน 4. แนวปฏบิ ตั ทิ างการพยาบาลของเจา้ หนา้ ที่พยาบาล 14
ในประเทศไทยโดยมีสภาการพยาบาล ซง่ึ เปน็ หน่วยงานท่ีดูแลควบคุมคุณภาพการบริการ ของพยาบาลวชิ าชีพท่วั ประเทศ ตามพระราชบญั ญตั วิ ชิ าชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ. 2528 (สภาการ พยาบาล, 2548) สภาการพยาบาลไดอ้ อกขอ้ กาหนดและประกาศเกีย่ วกบั มาตรฐานการบรกิ ารการพยาบาลและ การผดงุ ครรภ์ในระดบั ทตุ ิยภูมแิ ละระดับตตยิ ภมู ิ ซง่ึ มีเนือ้ หาเก่ียวข้องกับการจัดองคก์ รและการจัดอัตรากาลงั พยาบาลไว้อย่างชัดเจนในหมวดท่ี 1 มาตรฐานที่ 1 และ 2 ดังนี้ หมวดที่ 1 มาตรฐานการบริหารองค์กรการพยาบาลและการผดงุ ครรภ์ ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน มาตรฐานท่ี 1 การจัดองค์กรและการบริหารองค์กรบริการพยาบาลและการผดุงครรภ์ 1.1 องค์กรพยาบาล/ฝา่ ยการพยาบาล/กลมุ่ งานการพยาบาล อยใู่ นโครงสร้างการบริหาร โรงพยาบาล/สถานบรกิ ารสุขภาพ และขนึ้ ตรงตอ่ ผ้บู ริหารสงู สุดของโรงพยาบาล/สถาน บรกิ ารสุขภาพ 1.2 องค์กรพยาบาลและการผดุงครรภ์มีโครงสรา้ งและบทบาทหน้าทีต่ ามขอบเขตงานของ วิชาชีพ 1.3 องค์กรพยาบาลมผี บู้ รหิ ารสูงสุดเปน็ พยาบาลวิชาชพี 1.4 องค์กรพยาบาลมหี นา้ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบในการกาหนดทิศทางการบรหิ ารและการจัดการ บริการพยาบาลและการผดงุ ครรภ์ 1.5 องค์กรพยาบาลมีนโยบาย เป้าหมาย และแผนพฒั นาคุณภาพบรกิ ารพยาบาล 1.6 ผบู้ รหิ ารสูงสุดขององค์กรพยาบาลมสี ว่ นร่วมในการกาหนดนโยบาย ตัดสินใจ และวางแผน เก่ียวกบั การสนบั สนุนและการพฒั นาคุณภาพของโรงพยาบาล/สถานบริการสุขภาพ 1.7 ผูบ้ ริหารทางการพยาบาลสนับสนุนให้มีระบบและกลไกการบริหารทเี่ นน้ การมีสว่ นรว่ มของ บุคลากรและประสานความร่วมมอื ระหว่างหน่วยงาน มาตรฐานท่ี 2 การบริหารจดั การทรัพยากรบุคคล 2.1 การคดั สรรบคุ ลากรจดั ทาอย่างเปน็ ระบบ 2.2 พยาบาลทุกระดบั มคี ุณสมบัตแิ ละสมรรถนะท่เี หมาะสม 2.3 การจัดอัตรากาลงั เหมาะสมกบั ความต้องการการบริการพยาบาล 2.4 การควบคมุ กากับและการประเมนิ ผลงานของบุคลากรมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.5 ระบบการพัฒนาความรู้ ความสามารถมคี วามทนั สมัย 2.6 ระบบการรักษาบุคลากรมีประสทิ ธิภาพ 15
วัตถปุ ระสงค์ของการจัดอตั รากาลงั เพ่ือให้ผปู้ ว่ ยได้รับการบริการทางการพยาบาลท่ีมปี ระสิทธภิ าพ และเปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนื่องตลอด 24 ชัว่ โมง บคุ ลากรพยาบาลในแต่ละระดับได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนอยา่ ง เตม็ ท่ี และมีเวลาในการปฏบิ ัตงิ านอยา่ งเหมาะสมเท่าเทยี มกัน หลกั การคดิ อัตรากาลังพยาบาลในหอผปู้ ่วย ในการจดั อัตรากาลงั พยาบาลของไทยใชห้ ลักการเดยี วกัน กบั ANA ซึ่งปรับใหม้ ีความเหมาะสมสอดคล้องกบั ผปู้ ่วย ดังนี้ 1. จานวนพยาบาลท่มี ีสมรรถนะและทกั ษะทางการพยาบาลท่ีเหมาะสมกับงาน 2. จัดใหม้ พี ยาบาลท่ีมคี วามรู้ความชานาญและทกั ษะทางการพยาบาลระดับสูง (HN): พยาบาลวชิ าชีพ ท่วั ไป (RN): ผ้ชู ว่ ยพยาบาล (PN) ในสัดส่วนที่เหมาะสม 3. จัดใหม้ พี ยาบาลปฏบิ ัติการดแู ลผปู้ ว่ ยให้ได้รบั การพยาบาลอยา่ งตอ่ เนื่องและปลอดภัย 4. จดั สงิ่ แวดลอ้ มในการทางานใหน้ ่าอยแู่ ละปลอดภยั ทง้ั ต่อพยาบาลและผู้ป่วย 5. จดั ระดับความรุนแรงของผูป้ ว่ ยเพื่อใหป้ ฏิบัติการพยาบาลเป็นไปอยา่ งเหมาะสมกับระดับความ เจ็บปว่ ยท่ีซบั ซ้อนของผปู้ ่วย ข้นั ตอนการจดั อตั รากาลัง มีดงั น้ี 1. สารวจประเภทของผูป้ ว่ ยในหอผ้ปู ่วยนัน้ ๆ ซ่ึงการแบ่งประเภทผปู้ ่วยใช้เกณฑ์ของ Warsler (1970) แบง่ ผู้ปว่ ยเปน็ 5 ประเภท ตามความต้องการการพยาบาลของผปู้ ว่ ย 2. หาคา่ จานวนชวั่ โมงการพยาบาลทผี่ ู้ปว่ ยตอ้ งการ (Nursing Hour per Patient Day: NHPPD) 3. หาค่าผลผลติ ของงาน (Productivity) มหี ลายหนว่ ยงานทาการศึกษาวิจัยเก่ียวกับจานวนชั่วโมงการพยาบาลทีผ่ ้ปู ว่ ย เช่น สภาการ พยาบาล รพ. ศิรริ าช และสานกั การพยาบาล กระทรวงสาธารณสขุ เปน็ ต้น ซง่ึ สรปุ ผลการศึกษา ดังตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 แสดงจานวนช่ัวโมงการพยาบาลทผี่ ู้ปว่ ยตอ้ งการ ประเภทผู้ปว่ ย Warstler (hrs./day) สภาการพยาบาล (hrs./day) สานกั การพยาบาล (hrs./day) 1 1.5 3.83 1.5 2 3.5 4.56 3.5 3 5.5 5.71 5.5 4 7.5 6.83 7.5 5 12.0 10.24 12 16.15 12 ICU4 19.56 14 ICU5 16
ขนั้ ตอนการคิดอตั รากาลังพยาบาลในหอผู้ป่วย มดี งั น้ี 1. คานวณชว่ั โมงความต้องการการพยาบาลของผู้ปว่ ยท้ังหมดในแต่ละวัน ซงึ่ ความต้องการการพยาบาล ของผู้ปว่ ย หมายถึง ชว่ งเวลาที่ผู้ปว่ ยตอ้ งการความชว่ ยเหลือดแู ลหรอื ใหก้ ารพยาบาล ได้แก่ การดแู ลความสขุ สบายดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ เวลาในการใหค้ าแนะนา ให้ยา ทาหตั ถการต่างๆ และรวมถงึ งานท่ัวไป งานเอกสาร ธรุ การ การตดิ ตอ่ ประสานงาน และงานพิเศษอ่นื ๆ 2. กาหนดเวลาทางานของพยาบาลใน 1 เวร = 8 ชวั่ โมง และกาหนดเวลาท่ีพยาบาลจะใช้ในการดูแล ผปู้ ่วย โดยปกตจิ ะใชท้ ี่ 6 ชว่ั โมง/เวร ซ่งึ ยดึ ตามหลกั เกณฑ์การทางาน ดังน้ี 2.1 งานประจา ใชเ้ วลาไม่เกนิ 2/3 ของเวลาปฏบิ ตั ิงานทงั้ หมด (2/3*8=5.33 ชม.) 2.2 งานพเิ ศษหรอื งานสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น งานวจิ ัย งานประกันคุณภาพ ใช้ไม่เกิน 1/3 ของเวลา ปฏบิ ตั ิงานทัง้ หมด (1/3*8=2.66 ชม.) 3. คานวณเวลาท่ผี ปู้ ว่ ยตอ้ งการการพยาบาลในแตล่ ะเวร โดยใช้เกณฑ์ของ Alexander (อรทยั ร่งุ วชริ ะ, 2559) ดังน้ี เวรเช้า ผูป้ ่วยตอ้ งการการพยาบาล 64% เวรบา่ ย ผู้ป่วยตอ้ งการการพยาบาล 24% เวรดกึ ผ้ปู ว่ ยตอ้ งการการพยาบาล 12% 4. คานวณจานวนพยาบาลท่ีใช้ในแต่ละเวรและคิดจานวนพยาบาลชดเชยกรณีลาฉุกเฉินเพ่มิ อกี 25% 5. คิดสดั ส่วนบุคลากรพยาบาลวิชาชพี (RN) : ผู้ช่วยพยาบาล (Non RN) โดยใชเ้ กณฑต์ ามประกาศ ของสภาการพยาบาล กาหนดอตั รากาลงั พยาบาลระดบั ทว่ั ไปข้นั ต่า ดงั ตารางท่ี 3 ตารางที่ 3 แสดงสดั ส่วนพยาบาลต่อผปู้ ่วยในแต่ละหน่วยงาน หนว่ ยงาน สดั สว่ นพยาบาล : ผู้ป่วย (RN : Pt.) ผู้ปว่ ยนอก (OPD) 1 : 100 อบุ ตั เิ หต-ุ ฉุกเฉิน (ER) 1 : 10 หอผู้ป่วยสามัญ: กุมารเวช, สตู ิกรรม, นรีเวช 1:6 : ศลั ยกรรมท่วั ไป, กระดูก, ประสาท, อุบัตเิ หตุ 1:5 : อายุรกรรม, จติ เวช, ผปู้ ว่ ยพิเศษ 1:4 หอผู้ปว่ ยวิกฤต (ICU) เด็ก, ผู้ใหญ่ 1:2 หนว่ ยบาบดั เฉพาะ (ไตเทยี ม, รงั สรี กั ษา, เคมีบาบดั ) 1:2 หอ้ งผ่าตัด, หอ้ งคลอด 2:1 Staff mix อาจมี RN: Non RN ได้เป็น 100%:0, 80%:20%, 70%:30%, 65%:35% หรือ 60%:40% ก็ได้ ตามความซับซ้อนและความรนุ แรงของผู้ป่วยทต่ี ้องการพยาบาล (สภาการพยาบาล, 2548) 17
ตัวอยา่ งการคิดอัตรากาลังพยาบาล กรณีที่ 1 หอผู้ป่วยอายรุ กรรมสามัญ มีผปู้ ว่ ยทัง้ หมด 25 เตียง ผปู้ ว่ ยประเภท 1 ดูแลตัวเองได้ 5 คน ผปู้ ว่ ยประเภท 2 ตอ้ งการการชว่ ยเหลอื เล็กนอ้ ย 8 คน ผปู้ ่วยประเภท 3 ต้องการการชว่ ยเหลอื ปานกลาง 5 คน ผู้ป่วยประเภท 4 ตอ้ งการการดูแลและเฝา้ ระวังปานกลาง 4 คน ผปู้ ่วยประเภท 5 ตอ้ งการการดแู ลและเฝา้ ระวงั อย่างใกลช้ ิด 3 คน ข้นั ตอนการคิดและสูตรคานวณ แสดงวธิ ีคิด ขั้นตอนที่ 1 คานวณจานวนชว่ั โมงที่ผู้ป่วยตอ้ งการการพยาบาล ประเภท 1 : 5x1.5 = 7.5 ช่ัวโมง/วนั สูตร : จานวนผู้ป่วย x จานวนชั่วโมงทผี่ ้ปู ว่ ยแตล่ ะประเภทต้องการการพยาบาล ประเภท 2 : 8x3.5 = 28 ช่ัวโมง/วัน ประเภท 3 : 5x5.5 = 27.5 ชั่วโมง/วัน ประเภท 4 : 4x7.5 = 30 ชัว่ โมง/วัน รวมเวลาทง้ั หมด = 129 ชวั่ โมง ประเภท 5 : 3x12 = 36 ชวั่ โมง/วนั ขั้นตอนท่ี 2 คานวณเวลาความต้องการการพยาบาลของผู้ปว่ ยในแตล่ ะเวร สูตร : จานวนช่วั โมงทัง้ หมดท่ีใช/้ วัน x ความต้องการการพยาบาล/เวร เวรเชา้ ต้องการการพยาบาล 64% เวรเช้า 129 x 64/100 = 82.6 ชัว่ โมง/วนั เวรบ่าย ต้องการการพยาบาล 24% เวรบา่ ย 129 x 24/100 = 31.0 ชว่ั โมง/วัน เวรดกึ ตอ้ งการการพยาบาล 12% เวรดกึ 129 x 12/100 = 15.5 ช่ัวโมง/วนั ขน้ั ตอนที่ 3 คานวณจานวนพยาบาลในแต่ละเวร (เวรละ 6 ชวั่ โมง) เวรเช้า 82.6 /6 = 13.8 คน = 14 คน สตู ร : ชวั่ โมงความตอ้ งการการพยาบาลของผ้ปู ่วยในแตล่ ะเวร เวรบ่าย 31.0 /6 = 5.2 คน = 5 คน จานวนช่วั โมงให้การพยาบาลของพยาบาลในแตล่ ะเวร เวรดึก 15.5 /6 = 2.6 คน = 3 คน รวมทั้งหมด 22 คน ขน้ั ตอนที่ 4 คานวณจานวนพยาบาลกรณีลาฉกุ เฉนิ เพิ่มอีก 25% 22 x 25/100 = 5.5 คน = 6 คน สตู ร : จานวนพยาบาลทคี่ านวณไดท้ ้ังหมด x 25/100 รวมบุคลากรทงั้ หมด 22+6 = 28 คน ขน้ั ตอนที่ 5 คดิ สัดส่วนบคุ ลากรในแตล่ ะเวร (Staff mix 60% : 40%) Staff mix 60% : 40% เวรเช้า 14 คน + 25% : 14+4 = 18 คน RN : Non-RN = 11:7 เวรเชา้ พยาบาลวชิ าชพี = 11 ผูช้ ว่ ยพยาบาล = 4 พนักงานผูช้ ่วย = 3 เวรบา่ ย 5 คน + 25% : 5+1 = 6 คน RN : Non-RN = 4: 2 เวรบา่ ย พยาบาลวชิ าชีพ = 4 ผ้ชู ่วยพยาบาล = 1 พนกั งานผ้ชู ว่ ย = 1 เวรดกึ 3 คน + 25% : 3+1 = 4 คน RN : Non-RN = 3: 1 เวรดกึ พยาบาลวชิ าชพี = 3 ผู้ช่วยพยาบาล = 1 18
กรณที ่ี 2 หอผู้ป่วยวิกฤต มีผปู้ ่วยท้งั หมด 8 เตยี ง ผู้ปว่ ยประเภท 5 ตอ้ งการการดแู ลทกุ อยา่ งและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 8 คน ข้ันตอนการคดิ และสตู รคานวณ แสดงวิธีคดิ ขั้นตอนท่ี 1 คานวณจานวนชั่วโมงท่ีผู้ปว่ ยตอ้ งการการพยาบาล สตู ร : จานวนผู้ปว่ ย x จานวนชว่ั โมงท่ีผปู้ ว่ ยแตล่ ะประเภทตอ้ งการการพยาบาล ประเภท 5 : 8 x 12 = 36 ชัว่ โมง/วนั รวมเวลาทั้งหมด = 96 ชว่ั โมง/วัน ขั้นตอนที่ 2 คานวณเวลาความตอ้ งการการพยาบาลของผู้ป่วยในแตล่ ะเวร สตู ร : จานวนชัว่ โมงทั้งหมดทีใ่ ช/้ วัน x ความตอ้ งการการพยาบาล/เวร เวรเชา้ ตอ้ งการการพยาบาล 64% เวรเช้า 96 x 64/100 = 61.4 ชวั่ โมง/วัน เวรบา่ ย ตอ้ งการการพยาบาล 24% เวรบา่ ย 96 x 24/100 = 23.0 ชั่วโมง/วนั เวรดกึ ตอ้ งการการพยาบาล 12% เวรดกึ 96 x 12/100 = 11.5 ชว่ั โมง/วัน ข้นั ตอนท่ี 3 คานวณจานวนพยาบาลในแตล่ ะเวร (เวรละ 6 ช่ัวโมง) เวรเช้า 61.4 /6 = 10.2 คน = 10 คน สตู ร : ชว่ั โมงความตอ้ งการการพยาบาลของผปู้ ว่ ยในแตล่ ะเวร เวรบา่ ย 23.0 /6 = 3.8 คน = 4 คน จานวนชว่ั โมงใหก้ ารพยาบาลของพยาบาลในแตล่ ะเวร เวรดกึ 11.5 /6 = 1.9 คน = 2 คน รวมทัง้ หมด 16 คน ขน้ั ตอนที่ 4 คานวณจานวนพยาบาลกรณลี าฉกุ เฉนิ เพิ่มอีก 25% 16 x 25/100 = 4 คน สตู ร : จานวนพยาบาลทีค่ านวณได้ทง้ั หมด x 25/100 รวมบคุ ลากรทัง้ หมด 16+4 = 20 คน ขั้นตอนท่ี 5 คิดสดั สว่ นบคุ ลากรในแต่ละเวร โดยปกตใิ น ICU Staff mix 70% : 30% อตั ราสว่ น RN: Non-RN = 2:1 (Staff mix 70% : 30%) เวรเชา้ พยาบาลวชิ าชพี = 9 เวรเช้า 10 คน + 25% : 10+2.5 = 13 คน RN : Non-RN = 9: 4 ผชู้ ว่ ยพยาบาล = 2 พนักงานผ้ชู ว่ ย = 2 เวรบ่าย 4 คน + 25% : 4+ 1 = 5 คน RN : Non-RN = 4 : 1 เวรบ่าย พยาบาลวชิ าชีพ = 4 ผ้ชู ่วยพยาบาล = 1 เวรดกึ 2 คน + 25% : 2+ 1 = 3 คน RN : Non-RN = 2 : 1 เวรดึก พยาบาลวชิ าชีพ = 2 ผ้ชู ว่ ยพยาบาล = 1 การหาค่าผลผลติ ของงาน (Productivity) หมายถึง คา่ ความสามารถในการใช้ทรัพยากรในการสร้าง ผลงาน, ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโดยเปรยี บเทยี บกบั ผลงาน หรอื อัตราส่วนระหวา่ ง Input: Output มีสตู รการคานวณ ดังนี้ Productivity (P) = Required Staff hours X 100 = ผลรวม (ความต้องการ ชม.การพยาบาล) X 100 Provided Staff hours จานวนบคุ ลากรตอ่ วนั (3 เวร) X ชม.การทางาน (7 ชม) 19
ข้อมูลจาก กรณีที่ 1 จานวนชั่วโมงความต้องการการพยาบาลของผู้ปว่ ย = 129 ช่ัวโมง/วนั จานวนบุคลากรตอ่ วนั (3 เวร) = 28 คน เวลาปฏิบัติงานเวรละ 8 ชว่ั โมง คดิ เปน็ เวลาทางานจรงิ 7 ช่ัวโมง พกั 1 ชัว่ โมง แทนคา่ ในสตู ร P = 129 X 100 = 129 X 100 = 65.8% 28 X 7 196 การประเมนิ ประสิทธผิ ลของงาน (Productivity) ของ Kelly-Heidenthal (2003) ได้กาหนดเกณฑ์การ พิจารณาประสิทธผิ ลของงานไว้ ดังนี้ ถา้ Productivity 85-115% แสดงวา่ มีประสิทธภิ าพ ถา้ < 85% แสดงว่า บคุ ลากรมีจานวนมากเกนิ ไป แตถ่ า้ ค่า > 115% แสดงวา่ ปริมาณงานมากเกนิ ไป อตั รากาลงั พยาบาลท่ีมอี ยู่ไม่ เพยี งพอต่อการดูแลผู้ป่วย จากตวั อย่างขา้ งตน้ คา่ ผลผลติ = 65.8% แสดงว่าจานวนพยาบาลในหอผปู้ ว่ ยมจี านวน มากเกินจานวนงาน หากมองอีกด้านหนึ่งการมจี านวนพยาบาลมากเพียงพอจะทาใหผ้ ู้ป่วยได้รับการดูแลอย่าง ใกล้ชดิ และมีประสิทธภิ าพ หากมองในดา้ นของการลงทนุ การมีจานวนพยาบาลมากเกินไปทาให้ผลผลติ ทไ่ี ด้ไมค่ ุม ค่ากบั การลงทุนอาจมกี ารปรับลดอตั รากาลังพยาบาลลงได้ เพ่ือใหเ้ หมาะสมกบั ปริมาณและเปน็ การลดค่าใช้จ่าย ข้อมูลจาก กรณที ่ี 2 จานวนช่ัวโมงความต้องการการพยาบาลของผปู้ ว่ ย ICU = 96 ช่ัวโมง/วัน ถา้ กาหนดให้ จานวนบุคลากรต่อวัน (3 เวร) ในหนว่ ยงานจรงิ มี = 15 คน เวลาปฏิบตั งิ านเวรละ 8 ช่ัวโมง คดิ เปน็ เวลาทางานจรงิ 7 ช่ัวโมง พัก 1 ช่วั โมง แทนค่าในสตู ร P = 96 X 100 = 96 X 100 = 91.4% 15 X 7 105 ค่าผลผลิต = 91.4% แสดงวา่ ผลผลิตของงานมีประสิทธภิ าพ จานวนพยาบาลเหมาะสมกบั ปริมาณงาน 4.3 การจัดการพสั ดแุ ละเวชภัณฑ์ หลักการจดั การพัสดุและเวชภณั ฑใ์ นหอผ้ปู ว่ ย ควรยดึ หลกั การ 4 ประการ ดังนี้ 1. จดั หาให้เพียงพอต่อการใช้งานและไม่เหลือมากเกนิ ไป 2. มกี ารจดั เก็บ การซ่อมบารงุ ที่เป็นเป็นระบบ 3. มีฐานขอ้ มลู เกีย่ วกบั เครอื่ งมือเครอ่ื งใช้ 4. มีการถา่ ยทอดความรใู้ นการใช้งานพัสดแุ ละเวชภัณฑ์อย่างทวั่ ถงึ 20
จดั หาใหเ้ พยี งพอต่อการใช้งานและไม่เหลอื มากเกนิ ไป ในการบริหารพสั ดแุ ละเวชภัณฑ์สาหรับใชใ้ น กิจกรรมการพยาบาลน้นั ผู้บริหารควรยึดหลักการ “มีใช้เพียงพอ ไม่ต้องรอเม่ือฉกุ เฉิน และไม่มากเกนิ ความ จาเป็น” ตวั อย่างเชน่ ควรมีการเบิกเวชภณั ฑ์สนิ้ เปลอื งต่างๆ ไดแ้ ก่ Syringe, หวั เข็ม, สาลีแอลกอฮอล,์ พลาสเตอร์ นา้ ยาฆา่ เชอื้ ชนิดตา่ งๆ ใหม้ ีจานวนเพียงพอตลอด 1 เดือน จัดซอื้ เครื่องมือหรืออปุ กรณ์ทางการแพทยท์ ่จี าเป็น สาหรับหอผปู้ ว่ ย เช่น ในหอ้ งคลอด จัดหาเครื่อง EFM, Drop tone สาหรับฟงั เสยี งหัวใจทารกในครรภ์ เปน็ ตน้ ซ่ึง ผบู้ ริหารต้องมีสถิติจานวนการใชง้ านพัสดุและเวชภัณฑ์ต่างๆ เพอ่ื การคานวณหาคา่ เฉล่ยี จานวนเวชภณั ฑต์ า่ งๆให้ เพียงพอต่อความตอ้ งการ และไม่เบกิ มามากเกินความจาเป็นสดุ ท้ายไม่ไดใ้ ชง้ านจนหมดอายุ และไมส่ ามารถใช้งาน ได้ ซ่ึงจะเป็นการสิ้นเปลอื งเงินทุนได้ มีการจัดเก็บ การซ่อมบารุงทเี่ ป็นเป็นระบบ ในแตล่ ะหอผปู้ ว่ ยต้องมีการจัดระบบการจดั เกบ็ พสั ดุและ เวชภัณฑ์ตา่ งๆใหเ้ ปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย และเป็นระบบ เช่น มีห้องหรอื ตูส้ าหรับการจดั เก็บเวชภณั ฑ์แต่ละประเภท แยกกันเป็นสดั สว่ น มปี า้ ยชื่อบ่งบอกอย่างชัดเจน มีการจดั ระบบ First-in/First-out ในการใชง้ าน มีสมดุ ทะเบยี น บนั ทึกการรบั เข้า-จ่ายออกเวชภณั ฑต์ ่างๆ กรณีเปน็ อปุ กรณ์หรอื เคร่ืองมือทางการแพทย์ ตอ้ งมีการลงทะเบียน หมายเลขเครื่องมือในสมุดทะเบยี นเคร่ืองมอื หรือในระบบคอมพวิ เตอร์ของหนว่ ยงาน มีพยาบาลรบั ผดิ ชอบดแู ล เร่อื งการบารงุ รักษาเครื่องมือพร้อมท้ังมีการวางแผนการซอ่ มบารุงหรอื การประเมนิ ประสิทธภิ าพของเคร่ืองด้วย การเทียบมาตรฐาน (Calibrations) การทางานของเคร่อื งมือและอุปกรณท์ างการแพทย์ตามระยะเวลาอยา่ ง ต่อเน่อื ง เพ่ือใหเ้ คร่ืองมือต่างๆใชง้ านได้อยา่ งถูกต้องแมน่ ยา เพ่อื ความปลอดภยั ของผ้ปู ่วย มฐี านข้อมลู เกี่ยวกับเครอื่ งมือเคร่ืองใช้ มีการจัดทาฐานขอ้ มลู เครอ่ื งมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของหนว่ ยงาน ได้แก่ มีสมุดทะเบยี นรายการ เครอ่ื งมอื หรือมขี ้อมูลในระบบคอมพวิ เตอรเ์ พื่อให้คน้ หาข้อมูลเครื่องมือหรอื อปุ กรณท์ างการแพทยไ์ ด้อยา่ งเป็น ระบบ สะดวกรวดเรว็ เมื่อตอ้ งการใชง้ าน เช่น ทาทะเบียนรายการอปุ กรณ์การแพทย์ในหน่วยงานให้ครบถ้วนตั้งแต่ แรกรับ ลงทะเบยี นเลขประจาเครอ่ื ง วันเวลาทร่ี ับ วนั ทเ่ี รมิ่ ใชง้ าน กาหนดวัน Calibrations/ซอ่ มบารงุ เปน็ ตน้ มกี ารถ่ายทอดความรูใ้ นการใชง้ านพัสดแุ ละเวชภัณฑ์อย่างท่ัวถึง ผบู้ รหิ ารหนว่ ยงานตอ้ งมีการถ่ายทอดความรู้เก่ียวกบั วิธกี ารใช้งานเคร่อื งมอื หรืออปุ กรณ์การแพทย์ให้ บคุ ลากรในหน่วยงานทราบอย่างทว่ั ถึง เชน่ ใหบ้ ริษทั เคร่อื งมือแพทย์มาใหค้ วามรู้ บรรยายหรือสาธติ เก่ยี วกบั วธิ กี ารใช้งาน อธิบายเกย่ี วกับวิธีการดแู ลรักษาเครื่องมอื การแก้ไขปญั หาเบ้ืองตน้ และการติดต่อประสานงาน เม่ือ พบปัญหาในการใช้งาน มีการจัดทาเอกสารค่มู ือการใช้งานฉบบั ยอ่ ติดไว้ทเี่ คร่ืองมือหรอื อุปกรณ์การแพทยน์ ้นั ๆ 21
หรอื มกี ารสอนสาธิตการใช้งานโดยพยาบาลท่มี ีประสบการณส์ ูงแกบ่ ุคลากรอน่ื ๆในหน่วยงานเปน็ ระยะทุกๆ 3-6 เดอื น หรอื มีการสอนสาธิตการใช้งานแก่พยาบาลใหม่เมอ่ื แรกเร่ิมทางานทุกคร้ัง เป็นตน้ 5. การบนั ทึกและรายงานทางการพยาบาล บันทึกและรายงานทางการพยาบาล เปน็ บนั ทกึ ข้อความที่แสดงถึงการพยาบาลท่บี ันทึกไว้เป็นหลกั ฐาน เปน็ การบันทึกส่งิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับตวั ผู้ปว่ ย การเปล่ียนแปลงท่เี กดิ ขึ้นกบั ผู้ปว่ ย สิ่งท่ีพยาบาลปฏบิ ัติท้ังท่เี กยี่ วกบั ผู้ป่วยโดยตรงและโดยอ้อม เพ่ือสื่อสารให้ทีมทีด่ แู ลผปู้ ่วยมีความเขา้ ใจในตวั ผู้ปว่ ยอย่างชัดเจนครบถว้ นเปน็ ไปใน ทศิ ทางเดยี วกนั ซง่ึ ทาให้การดแู ลผ้ปู ่วยเป็นไปอย่างถกู ต้องและตอ่ เนื่อง นอกจากน้ียังใชเ้ ปน็ หลกั ฐานทางกฎหมาย ในการใหบ้ ริการของพยาบาลวชิ าชพี ได้ (กล่มุ ภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลขอนแกน่ , 2562) 5.1 องค์ประกอบและลกั ษณะบันทกึ ทางการพยาบาลทด่ี ี ตามประกาศของสภาการพยาบาล เรอื่ ง มาตรฐานการพยาบาล พ.ศ. 2562 ได้กาหนดมาตรฐานการ พยาบาลไว้ 3 หมวด โดยหมวดที่ 2 เป็นมาตรฐานเชิงกระบวนการ เรอื่ งการปฏิบตั ิการพยาบาล (Nursing Practices) ในมาตรฐานที่ 5 การบนั ทึกและรายงานการพยาบาล มขี ้อกาหนดเกี่ยวกับลกั ษณะบันทึกและรายงาน ทางการพยาบาล 4 ประการ ดงั น้ี ข้อกาหนดท่ี 1 บนั ทึกการพยาบาล ต้องมีข้อมลู สาคญั 4 ส่วน ประกอบด้วย การประเมินภาวะสุขภาพ กาหนดปญั หา/ความต้องการของผู้รบั บรกิ าร กิจกรรมการพยาบาล และการประเมนิ ผลภายหลงั ปฏบิ ัตกิ าร พยาบาล ข้อกาหนดท่ี 2 ต้องบนั ทึกข้อมลู สาคัญทส่ี อดคล้องกบั ปัญหาและความต้องการของผู้รบั บรกิ ารท่ีถูกต้อง เปน็ จริงและมีความต่อเนอื่ ง ขอ้ กาหนดที่ 3 บันทึกและรายงานการพยาบาล สามารถใช้สื่อสารในทมี การพยาบาล และระหวา่ งทีม สขุ ภาพเพื่อการดแู ลผ้รู บั บรกิ ารไดอ้ ย่างต่อเน่ือง ข้อกาหนดท่ี 4 มีการตดิ ตามประเมินและพฒั นาคุณภาพการบันทึกและรายงานการพยาบาลอย่าง ต่อเนอื่ ง โดยสรุปองคป์ ระกอบของบันทึกทางการพยาบาลท่ดี ี ต้องประกอบด้วยข้อมูลท่คี รบถ้วน ตาม กระบวนการพยาบาล คือ การประเมินสภาพผู้ป่วย วินจิ ฉยั ปัญหาหรือความตอ้ งการทางการพยาบาลของผปู้ ว่ ย วางแผนกิจกรรมทางการพยาบาล นากิจกรรมการพยาบาลไปปฏิบัติ และประเมนิ ผลกิจกรรมการพยาบาลนั้นๆ รวมไปถึงแผนการจาหน่ายผูป้ ่วยกอ่ นกลบั บา้ น บันทกึ ทางการพยาบาลทด่ี หี รือบนั ทึกทางการพยาบาลทีม่ ีคุณภาพ ตอ้ งประกอบดว้ ยประเด็นสาคัญ (ยุวดี เกตสมั พันธ์, 2564: ออนไลน)์ ดังนี้ 1. บันทกึ ข้อเท็จจริง (factual) 2. ข้อมลู ตามสภาพทเี่ หน็ ได้ยนิ ได้กล่นิ สามารถวดั หรือสังเกตได้ (objective data) และข้อมลู 22
เกย่ี วกับสิง่ ท่ผี ู้รับบริการพูด (subjective data) 3. ตอ้ งสะทอ้ นข้อมลู หรือการวดั ทีถ่ กู ต้อง ชดั เจน (accurate) 4. มีความสมบูรณ์ (complete) 5. เปน็ ปัจจุบนั (current) 6. ทาอย่างเป็นระบบเป็นลาดับ (organized) แนวทางการบนั ทกึ ทางการพยาบาลให้น่าเช่อื ถือ 1. การแก้ไขขอ้ ความทีบ่ ันทกึ หลังจากบนั ทึกแลว้ ให้ขีดเสน้ ตรงทับบนข้อความท่ีบนั ทึกทนั ทีและ ลงลายมือช่อื กากับ 2. ไมล่ บข้อความที่บนั ทึกไว้แลว้ ไมเ่ วน้ ว่างในการบันทกึ เพราะหากลมื บันทึกข้อความท่ีเวน้ ว่างไว้ อาจ มีผลทางกฎหมาย 3. ไม่บันทึกจากความคดิ เห็นหรือความรู้สึก ให้บันทึกตามความจรงิ ท่ไี ดจ้ ากการสงั เกตดว้ ยสมั ผัสต่างๆ เช่น การมองเหน็ ไดย้ ิน ได้กลนิ่ อย่าพยายามปิดบังสงิ่ ที่เกิดขึ้น และอย่าบันทึกแทนผู้อืน่ 4. ถ้าพบอาการเปลย่ี นแปลงของผู้ป่วย ใหบ้ นั ทกึ เหตุการณท์ นั ที และต้องรายงานแพทย์ด้วยทกุ ครงั้ เพอ่ื ขอความช่วยเหลอื จากแพทย์ พรอ้ มท้ังพยาบาลดแู ลให้ความช่วยเหลือเบือ้ งตน้ ก่อนถ้าแพทย์ไม่มา และถ้า แพทย์ยงั ไม่มาให้ขอความช่วยเหลอื จากผู้ตรวจการ ซง่ึ ต้องพยายามตามแพทย์ และถ้ามีปัญหากับแพทย์ให้รายงาน ไปยงั ผ้บู รหิ ารระดับสูงในภายหลงั 5. เขียนบันทึกด้วยลายมือที่อ่านออก ใชภ้ าษาท่เี ข้าใจง่าย กระชบั ใช้คาศัพท์เทคนิคและอักษรย่อที่ ถูกต้องเป็นสากล การเขยี นบันทึกทางการพยาบาลควรทาควบคู่ไปพร้อมกับกระบวนการดูแลผู้ปว่ ย (ทาไปบนั ทกึ ไป) หรอื บันทกึ หลังจากสนิ้ สดุ การพยาบาล แต่ต้องไมบ่ นั ทึกไว้ลว่ งหน้ากอ่ นการทากจิ กรรมการดูแลผ้ปู ่วย 5.2 รูปแบบการบันทึกทางการพยาบาล ระบบการบนั ทึกทางการพยาบาลมีการพัฒนารูปแบบมาอย่างตอ่ เนื่อง ตัง้ แต่ก่อน พ.ศ.2523 เดิมเป็น การเขยี นสรุปข้อมลู ผปู้ ่วยในสมดุ บนั ทกึ การรับ-ส่งเวร ตอ่ มาพฒั นามาเปน็ แบบบันทึกที่พยาบาลผู้ดแู ลเป็นผ้เู ขยี น ข้อมูลทั้งหมดภายหลังให้การพยาบาล ในช่วงปี พ.ศ. 2523-2542 พฒั นาเป็นระบบการบันทึกแบบ Nursing Kardex ซึง่ ประกอบด้วยกระบวนการพยาบาลทั้ง 4 ขัน้ ตอน บันทกึ แบบส้ันๆ หลงั ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมาไดม้ ี การพฒั นามารูปแบบและคุณภาพบนั ทกึ ทางการพยาบาลเร่ือยๆ เพื่อให้บันทึกทางการพยาบาลมคี ุณภาพและ เหมาะสมกับบริบทของแต่ละหนว่ ยงานมากข้ึน (เปรมจิตร คล้ายเพช็ ร์, 2564: ออนไลน์; Stevenson et al, 2010: 63-72) ปัจจบุ นั รปู แบบของบันทึกทางการพยาบาลทีน่ ิยมใช้เป็นแบบ Problem-orientated record system: PORS มีท้งั การบันทึกในกระดาษและบนั ทึกในระบบคอมพิวเตอร์ (จนั ทร์ทริ า เจยี รณัย. 2557: ออนไลน์) 23
ตวั อย่างบันทกึ ทางการพยาบาล PORS วันท/่ี เวลา ปญั หาหรอื ความตอ้ งการของผปู้ ่วย กิจกรรมการพยาบาล ประเมนิ ผลการพยาบาล -แนะนาตัว สร้างสัมพันธภาพ -ผู้คลอดเขา้ ใจวธิ ีการ 10 พ.ค. 2564 1.พร่องความรูใ้ นการปฏิบตั ิตวั ขณะรอคลอด กับผ้คู ลอด ปฏิบัตติ ัวขณะรอคลอด -ใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกับการปฏิบตั ติ วั -ผ้คู ลอดใชว้ ธิ กี ารผ่อน 9.00 น. และในระยะคลอด ขณะนอนรอคลอด คลายความเครยี ดดว้ ยการ -อธบิ ายแผนการดูแลขณะรอ นั่งสมาธิ และหายใจผ่อน : “ตอนจะคลอดจะปวดท้องมากไหมคะ” คลอด และวิธกี ารคลอดให้ผู้ คลายได้ตามคาแนะนา คลอดทราบโดยละเอยี ด -สหี นา้ กงั วลลดลง บอกได้ : “หมอจะให้คลอดตรงไหนเหรอคะ” -ให้ผูค้ ลอดไดซ้ ักถามขอ้ มลู และ ว่า ต้องนอนรอคลอดใน : G1P0 GA39+2 wks. พดู คุยระบายความรู้สึกวติ ก ห้องรอคลอด และเมอื่ เขา้ กงั วลตา่ งๆ สู่ระยะคลอดต้องไปนอน : สหี น้ากงั วลและถามถึงการคลอดบ่อยๆ -พูดคุยใหก้ าลงั ใจผู้คลอดและให้ คลอดบนเตยี งคลอดใน ความม่นั ใจวา่ แพทยแ์ ละ พ้ืนท่สี ะอาดเพอื่ ไมใ่ หต้ ดิ พยาบาลจะอยู่ดแู ลตลอดเวลาท่ี เช้ือ คลอด ลงชอื่ พว.ทิพวรรณ์ การเขยี นบันทึกทางการพยาบาลแบบ Focus Charting Focus Charting เป็นการพัฒนาแบบบนั ทึกทางการพยาบาลใหพ้ ยาบาลใช้เวลาในการเขยี นนอ้ ยลง ลดความซา้ ซ้อนของการบันทึก แตย่ ังคงมีองค์ประกอบของบนั ทึกทางการพยาบาลอย่างครบถว้ น (Laitinen, et, al., 2010:489-497) ตวั อย่าง รพ. ศริ ริ าช ท่ีรเิ ร่ิมทาการพัฒนาและใชบ้ ันทึกทางการพยาบาลแบบ Focus charting ตัง้ แต่ พ.ศ. 2549 –ปจั จุบนั (เปรมจิตร คล้ายเพ็ชร, 2564: ออนไลน์) ข้อมลู ท่ีบันทึกต้องครบถ้วน ประกอบด้วย F (Focus problem list) A (Assessment data), I (Intervention), E (Evaluation) ดงั ตัวอยา่ งรูปท่ี 4 24
รปู ที่ 4 แสดงรูปแบบบนั ทกึ ทางการพยาบาล Focus charting ที่มา: ยุวดี เกตสมั พันธ์, 2556 https://www.slideserve.com/moke/focus-charting-patient-center 5.3 ความสาคญั ของบนั ทึกทางการพยาบาล บันทกึ ทางการพยาบาลนอกจากจะเป็นบันทกึ ข้อความทใ่ี ห้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การดแู ลรกั ษาผู้ป่วย ทงั้ หมดเพือ่ การดูแลที่ต่อเน่ืองของทมี สขุ ภาพแล้ว ยังมคี วามสาคญั ทางกฎหมายอีกด้วย เน่อื งจากหากเกิดกรณี ฟอ้ งร้องเกย่ี วกับการรักษาหรือบริการทางการพยาบาล บนั ทึกทางการพยาบาลเปน็ หลักฐานสาคญั ทใี่ ชป้ ระกอบใน การพจิ ารณาคดีท้ังคดีอาญาและคดแี พง่ ซึ่งพยาบาลเกี่ยวข้องกับกฎหมายในฐานะประชาชนท่ัวไปและฐานะผู้ ประกอบวชิ าชีพ ซง่ึ ต้องปฏบิ ัติตามกฎหมายวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ (แสงทอง ธีระทองคา และ ไสว นรสาร, 2561: 2) บันทึกทางการพยาบาลกบั ความเกี่ยวข้องทางกฎหมาย กรณตี ัวอย่างความบกพร่องที่เกยี่ วขอ้ งกับบันทึกทางการพยาบาลท่ีพบบ่อยเปน็ ลักษณะลักษณะการ บนั ทึกไม่สมบูรณ์ เช่น ขาดการบนั ทกึ ในเร่ืองความก้าวหนา้ หรืออาการการเปลยี่ นแปลงของผปู้ ว่ ย ขาด รายละเอยี ดของบาดแผล ประวัติการแพ้ยาหรอื สารต่างๆ ไม่บันทกึ คาส่งั การรักษาทร่ี ับทางโทรศพั ท์ หรือบนั ทึกไม่ ครบถว้ นไม่มีสาระสาคัญของคาสัง่ การรกั ษา ไมบ่ ันทึกผลการตดิ ตาม หรอื การตดิ ต่อประสานงานแพทย์ กรณี ตดิ ตอ่ แพทย์ครงั้ แรกไม่ได้ แล้วไดต้ ดิ ต่อแพทยท์ ่านอืน่ ให้มาช่วยรักษาบา้ งหรอื ไม่ เป็นต้น (ไสว นรสาร, 2561: 48) โดยสรปุ ปัญหาทีพ่ บคือ“ไม่ทำ ไม่บนั ทึก” “บันทึก แตไ่ ม่ทำ” 25
ตวั อยา่ งท่ี 1 ทม่ี า: ชฎาภรณ์ วฒั นวิไล, 2563 คาวนิ จิ ฉยั : ใหจ้ าคุกพยาบาล (2) มกี าหนด 1 ปี ไม่รอลงอาญา ตวั อยา่ งที่ 2 ท่ีมา: ชฎาภรณ์ วัฒนวิไล, 2563 26
คาวินิจฉัย: ท่ีมา: ชฎาภรณ์ วฒั นวิไล, 2563 27
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: