Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการใช้ยาและสมุนไพร

คู่มือการใช้ยาและสมุนไพร

Published by darknestbenz, 2021-10-04 06:57:13

Description: คู่มือการใช้ยาและสมุนไพร โดยวิทยากร ภญ.สุพัตรา แก้วมา เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลลำปาง
โดยคู่มือการใช้ยา และสมุนไพรเป็นการจัดทำขึ้นของกลุ่ม U2T ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

Keywords: คู่มือ,การใช้ยา,สมุนไพร,U2T,สวนดอก

Search

Read the Text Version

กลุ่มยาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ แมลงกัดต่อย ยาหม่อง ชนิดขี้ผึ้ง สรรพคุณ บรรเทาอาการปวด บวม อักเสบเนื่องจากแมลงกัดต่อยหรือปวดกล้ามเนื้อ ขนาดและวิธีใช้ ท า แ ล ะ น ว ด บ ริเ ว ณ ที่ มี อ า ก า ร คำเตือน ห้ า ม รั บ ป ร ะ ท า น การเก็บรักษา ปิ ด ฝ า ใ ห้ ส นิ ท แ ล ะ ป้ อ ง กั น ไ ม่ ใ ห้ ถู ก แ ส ง แ ด ด

กลุ่มยาสำหรับโรคผิวหนัง ย า รั ก า หิ ด เ ห า เ บ น ซิ ล เ บ น โ ซ เ อ ต สรรพคุณ รักษา เหาและโลน ขนาดและวิธีใช้ เขย่าขวดก่อนใช้ยา สำหรับเด็กเล็กให้แบ่งยา มาเติมน้ำเท่าตัว แล้วผสมให้เข้ากัน สำหรับรักษาหิด อาบน้ำให้สะอาด ใช้ผ้าหรือแปรงอ่อนๆถูตรงบริเวณที่มีผื่นคันแล้ว ทายานี้ให้ทั่วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วจึงอาบน้ำ วันรุ่งขึ้นให้ทาซ้ำใหม่อีกครั้ง ตามวิธี เดิม สำหรับรักษาเหาและโลน ใส่ยานี้ให้ทั่วศรีษะหรือบริเวณ ที่มีเหาหรือโลน ทิ้งไว้ 1 วัน ถ้าเป็นมากให้ใช้ยา 2 ครั้งต่อวัน วันต่อมาจึงสระให้สะอาด เมื่อครบ 7 วันให้ ตรวจดูอีกครั้งหนึ่ง ถ้ายังไม่หาย ให้ใส่ยาซ้ำตามวิธีเดิม คำเตือน ร ะ วั ง อ ย่ า ใ ห้ ย า เ ข้ า ต า การเก็บรักษา เก็บในที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสและป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด

ยารักษาหิด ขี้ผึ้งกำมะถัน สรรพคุณ รั ก ษ า โ ร ค หิ ด ขนาดและวิธีใช้ ใช้ทาบริเวณที่เป็นหิด วันละ 2-3 ครั้ง คำเตือน ถ้ า เ กิ ด อ า ก า ร ร ะ ค า ย เ คื อ ง ต่ อ ผิ ว ห นั ง ใ ห้ ห ยุ ด ใ ช้ ย า การเก็บรักษา เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส

ยารักษากลากเกลื้อน น้ำกัดเท้า สรรพคุณ รักษากลากเกลื้อน และโรคน้ำกัดเท้า ขนาดและวิธีใช้ ใช้ทาบริเวณที่เป็นโรค วันละ 2-3 ครั้ง คำเตือน ถ้ า เ กิ ด อ า ก า ร ร ะ ค า ย เ คื อ ง ต่ อ ผิ ว ห นั ง ใ ห้ ห ยุ ด ใ ช้ ย า การเก็บรักษา เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส

ย า รั ก ษ า โ ร ค ผิ ว ห นั ง เ รื้ อ รั ง สรรพคุณ รักษาโรคผิวหนังเรื้อรังบางชนิด เช่น เรื้อนกวาง ผิวหนังเป็นผื่นคัน ขนาดและวิธีใช้ ใช้ทาบริเวณที่เป็นโรค วันละ 2-3 ครั้ง คำเตือน ถ้ า เ กิ ด อ า ก า ร ร ะ ค า ย เ คื อ ง ต่ อ ผิ ว ห นั ง ใ ห้ ห ยุ ด ใ ช้ ย า การเก็บรักษา เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส

ยาทาแก้ผดผื่นคัน คาลาไมน์ สรรพคุณ บรรเทาอาการคันเนื่องจากผดผื่นคัน ลมพิษ ขนาดและวิธีใช้ เขย่าขวดก่อนใช้ยา ทาบริเวณที่เป็นวันละ 3-4 ครั้ง คำเตือน ห้ า ม รั บ ป ร ะ ท า น การเก็บรักษา ป้ อ ง กั น ไ ม่ ใ ห้ ถู ก แ ส ง แ ด ด

ยารักษาเกลื้อน โซเดียม ไทโอซัลเฟต สรรพคุณ รั ก ษ า เ ก ลื้ อ น ขนาดและวิธีใช้ เติมน้ำสะอาดจนถึงคอขวด เขย่าผสมกัน จนตัวยาละลายหมด (จะได้ความเข้มข้น ประมาณ 25%) ใช้ทาบริเวณที่เป็นเกลื้อน หลังอาบน้ำ วันละหลายครั้ง คำเตือน ยาที่ผสมน้ำแล้วควรใช้ภายใน 15 วัน การเก็บรักษา ป้ อ ง กั น ไ ม่ ใ ห้ ถู ก แ ส ง แ ด ด

กลุ่มยาบำรุงร่างกาย ย า เ ม็ ด วิต า มิ น บี ร ว ม สรรพคุณ ป้องกันการขาดวิตามินบี และบำรุ งร่างกาย ขนาดและวิธีใช้ ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด เด็ก 6-12 ปี รับประทานครั้งละ 1 เม็ด คำเตือน การเก็บรักษา เก็บในที่แห้งและเย็น และป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด

ย า เ ม็ ด วิต า มิ น ซี สรรพคุณ ป้ อ ง กั น ก า ร ข า ด วิต า มิ น ซี ขนาดและวิธีใช้ รับประทานวันละ 1 ครั้งผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 2 เม็ด เด็ก 6-12 ปี รับประทานครั้ง ละ 1 เม็ด คำเตือน ห้ า ม ใ ช้ เ มื่ อ เ ม็ ด ย า เ ป ลี่ ย น สี การเก็บรักษา เก็บในที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส และป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด

ยาเม็ดบำรุ งโลหิต เฟอร์รัส ซัลเฟต สรรพคุณ รั ก ษ า โ ร ค โ ล หิ ต จ า ง เ นื่ อ ง จ า ก ข า ด ธ า ตุ เ ห ล็ ก ใ น ผู้ ใ ห ญ่ ขนาดและวิธีใช้ รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร คำเตือน 1 . ใ น ช่ ว ง รั บ ป ร ะ ท า น ย า อุ จ จ า ร ะ จ ะ มี สี ดำ 2.หากเกิดอาการไม่สบายท้อง คลื่นไส้ ควรรับประทานยาพร้อมอาหารหรือค่อยๆเพิ่ม ข น า ด ข อ ง ย า จ น ถึ ง ข น า ด ที่ แ น ะ นำ ใ ห้ ใ ช้ การเก็บรักษา เก็บในที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส

ย า เ ม็ ด วิต า มิ น ร ว ม สรรพคุณ ป้ อ ง กั น ก า ร ข า ด วิต า มิ น สำ ห รั บ ผู้ ใ ห ญ่ ขนาดและวิธีใช้ รับประทานวันละ 1 เม็ด คำเตือน ยานี้อาจสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดอันตรายได้ จึงไม่ควรใช้เกินขนาดที่กำหนด ไว้หรือ ใช้ติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน นอกจากแพทย์สั่ง การเก็บรักษา เก็บในที่แห้งและเย็น และป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด

น้ำ มั น ตั บ ป ล า ช นิ ด แ ค ป ซู ล สรรพคุณ ป้องกันการขาดวิตามิน A และ D ขนาดและวิธีใช้ ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 1 เม็ด คำเตือน ยานี้อาจสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดอันตรายได้ จึงไม่ควรใช้เกินขนาดที่กำหนด ไว้หรือ ใช้ติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน นอกจากแพทย์สั่ง การเก็บรักษา เก็บในที่แห้งและเย็น และป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด

น้ำ มั น ตั บ ป ล า ช นิ ด น้ำ สรรพคุณ ป้องกันการขาดวิตามิน A และ D ขนาดและวิธีใช้ เ ข ย่ า ข ว ด ก่ อ น ใ ช้ เด็กอายุตั้งแต่4 ปีขึ้นไป รับประทานวันละ 1 ช้อนชา เด็กอายุ 1-4 ปี รับประทานวันละ 1/2 ช้อนชา เด็กแรกเกิด -1 ปี รับประทานวันละ 1/4 ช้อนชา คำเตือน ยานี้อาจสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดอันตรายได้ จึงไม่ควรใช้เกินขนาดที่กำหนด ไว้หรือ ใช้ติดต่อกัน เป็นระยะเวลานาน นอกจากแพทย์สั่ง การเก็บรักษา เก็บในที่แห้งและเย็น และป้องกันไม่ให้ถูกแสงแดด

ข้อมูลอ้างอิง รายการยาสามัญประจําบ้านแผนปัจจุบัน 52 (ปรับปรุงล่าสุดตามประกาศ กระทรวง สาธารณสุข เรื่องยาสามัญประจําบ้านแผนปัจจุบัน (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ.2550) ยาสามัญประจำบ้านแผนปัจจุบัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2555 ยาสามัญประจำบ้านแผนปัจจุบัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555 ยาสามัญประจำบ้านแผนปัจจุบัน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2561

สมุนไพร “สมุนไพร” หมายถึง ยาที่ได้มาจากพืช สัตว์ แร่ธาตุจาก ธรรมชาติที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพโครงสร้างภายใน สามารถนำ มาใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ และบำรุงร่างกายได้ ประเภทของ สมุนไพร สมุนไพรที่ได้จากส่วนของพืชโดยตรง (พืชวัตถุ) โดยส่วน ต่างๆ ที่นำมานั้นมีสารที่สามารถใช้เป็นยาได้ ได้แก่ ใบ ดอก ผล เปลือกผล เมล็ด เปลือกเมล็ด รากหรือหัว ต้น แก่น กระพี้ เนื้อไม้ เปลือกไม้ สมุนไพรที่ได้จากอวัยวะของสัตว์ (สัตว์วัตถุ) ได้แก่ ตับ ดี นอ เขา เอ็น เลือด น้ำมัน มูล ฯลฯ เช่น ขี้ผึ้ง รังนก น้ำมันตับปลา สมุนไพรที่ได้จากแร่โดยธรรมชาติหรือสิ่งที่ประกอบขึ้นจากแร่ธาตุ ต่างๆ ตามกรรมวิธี (ธาตุวัตถุ) นำมาใช้เป็นยา เช่น เกลือ กำมะถัน น้ำประสานทอง ดีเกลือ สารส้ม

หลักการใช้สมุนไพร ใช้ให้ถูกต้น ถูกส่วน ถูกขนาด ถูกวิธี ถูกโรค ถูกต้น ถูกส่วน - ชื่อพ้องหรือซ้ำกัน - ส่วนไหนต้องนำมาใช้ : - ชื่อท้องถิ่น ราก ดอก ใบ เปลือก ผล -ชื่อแตกต่างกันแต่อาจ หรือเมล็ด เป็นพืชชนิดเดียวกัน - ความสุก แก่ อ่อน ดิบ หรือเหมือนกันแต่เป็น ของสมุนไพร พืชคนละชนิด ถูกขนาด ถูกวิธี - ขนาด/ปริมาณที่รับประทาน - วิธีการใช้ : กิน/ทา/พอก/แช่ - ช่วงอายุวัย - วิธีการเตรียม : ต้ม/เคี้ยว/ดอง/สกัด - ระยะเวลาในการใช้ ถูกโรค - สมุนไพรใด รักษา โรคใด - สมุนไพรใด แสดง กับโรคใด ข้อควรระวัง - ศึกษาส่วนประกอบของยาและผลิตภัณฑ์ - ควรปรึกษาผู้เชียวชาญเฉพาะทางก่อนการเลือกใช้ - คนระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และเด็ก - สังเกตอาการผิดปกติจากการใช้และควรหยุดใช้ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ

ผักสมุนไพรพื้นบ้านกินเพื่อ รักษาสุขภาพ มะรุม : บำรุงสายตา ผักคราดหัวแหวน : แก้ปวดฟัน เตยหอม : บำรุงหัวใจ หญ้าปักกิ่ง : รักาาโรคมะเร็งตับ

ผักเชียงดา : แก้เบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด หญ้าหนวดแมว : รักษาโรคนิ่วและขับปัสสาวะ คาวตอง : รักษาโรคมะเร็งรังไข่ ระดูขาว ฟักข้าว : รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ผักกูด : บำรุงสมรรถภาพมางเพศ ย่านาง : รักษาโรคเกาท์

ตะไคร้ : บรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ขมิ้นชัน : ป้อนกันโรคมะเร็งลำไส้ หนุมานประสานกาย : รักษาโรคหืดหอบ มะแว้นต้น : รักษาคออักเสบ แก้ไข้ ขับเสมหะ วัณโรคปอด ค้างคาวดำ : รักษาโรคกระเพาะ ท้องอืดเฟ้อ กระเจี๊ยบแดง : ป้องกันสมองเสื่อม

สมุนไพรใกล้ตัวต้าน ไวรัสช่วย เสริมภูมิคุ้มกัน มารู้จักสรรพคุณทางยาของ \"สมุนไพร\" รอบรั้วบ้านที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะเรามักนำมาเป็นส่วน ประกอบของอาหารไทยอยู่แล้ว มีข้อมูลจากสถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ระบุว่า การบริโภคอาหาร ที่มีสมุนไพรเหล่านี้เป็นประจำ มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ดีขึ้นได้ กะเพรา ใบกะเพรามีกลิ่นหอมฉุน เผ็ดร้อน มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยมีผลยับยั้งเอนไซม์ Neuraminidase ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ ทั้งยังช่วยแก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุ และช่วยขับลม โหระพา มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีผลยับยั้งการหลั่งสารอักเสบ หลายชนิด ช่วยแก้หวัด ขับเหงื่อ ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกัน การเกิดเซลล์มะเร็ง แก้วิงเวียน และช่วยให้เจริญอาหาร ขมิ้น ขมิ้นมีสาร Curcuminoids ที่โดดเด่นด้านการลดอักเสบ มีงานวิจัยในหลอดทดลองพบว่า ขมิ้น ชัน ช่วยยับยั้งการหลั่งสารอักเสบ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ไม่ให้ปอดถูกทำลายหรือเกิด ความเสียหายจากการติดเชื้อไวรัส แก้แพ้ แก้หวัด แก้ไอ ลดอาการคัดจมูก ช่วยให้หายใจสะดวก มี สารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอวัย ตะไคร้ คนสมัยก่อนใช้ตะไคร้รักษาปอดบวม แก้ไข้ แก้หวัด รักษามาลาเรีย และยังพบอีกว่าฤทธิ์ต้านการ ไอ และยังใช้คลายเครียด

พริก พริกเป็นยาขับเสมหะที่ดีมาก สังเกตจากที่เวลาเรากินพริกจะมี น้ำตาไหล น้ำมูกไหล อาหารที่ เหมาะกับการฟื้ นฟูปอดและระบบ ทางเดินหายใจ มักจะมีส่วนประกอบของพริก กระเทียม และ เครื่องเทศ ข่า เป็นสมุนไพรพื้นบ้านกลิ่นหอม รสเผ็ดปร่า ในอดีตหมอไทยพื้นบ้านใช้รักษาหลอดลมอักเสบ ข่ามี สาร Quercetin ซึ่งเป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอล พบในพืชหลายชนิดโดยเฉพาะใน \"ข่า\" สารดังกล่าวมี ฤทธิ์ลดการอักเสบในเซลล์ของร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส และต้านมะเร็ง หอมแดง/หัวหอม ในหัวหอมมีสาร Quercetin สูง ช่วยบลดการอักเสบ ใช้รักษาหลอดลมอักเสบ และอาการไอ เห็ด (เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม เห็ดไมตาเกะ) เห็ดต่างๆ ส่วนใหญ่มีสารเบต้ากลูแคน (Beta-Glucans) ที่จะจับตัวกับผนังเซลล์เม็ดเลือดขาว เพิ่มความเคลื่อนตัวในการดักจับเชื้อโรคแปลกปลอมในร่างกาย

ยาแผลไทยและยาสมุนไพรที่มีโอกาสใช้แทนยา แผนปัจจุบัน : ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ข มิ้ น ชั น ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ เหง้า : บรรเทาอาการแน่นจุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล ยาเม็ด : รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม - 1 กรัม วันละ 4 ครั้ง ห ลั ง อ า ห า ร แ ล ะ ก่ อ น น อ น อาการไม่พึ่งประสงค์ : ข้อห้ามใช้ ผิวหนังอักเสบจากการแพ้ : ห้ามใช้กับผู้ที่ท่อน้ําดีอุดตัน หรือผู้ที่ไวต่อยานี้ คำเตือนและข้อควรระวัง - ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ําดี ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์ - ควรระวังการใช้กับหญิงตั้งครรภ์ ยกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์ - ควรระวังการใช้กับเด็ก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย

ขิ ง ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ เหง้า : - บรรเทาอาการท้องอืด ขับลม แน่นจุกเสียด - ป้องกันและบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่มีสาเหตุจากการเมารถ เมาเรือ - ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังการผ่าตัด รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล ยาชง ยาผง : - บรรเทาอาการท้องอืด ขับลม แน่นจุกเสียด รับประทานวันละ 2–4 กรัม - ป้องกันและบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการเมารถ เมาเรือ รับประทานวัน ละ 1–2 กรัม ก่อนเดินทาง 30 นาที –1 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการ - ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังการผ่าตัด รับประทานครั้งละ 1 กรัม ก่อน การผ่าตัด 1 ชั่วโมง อาการไม่พึ่งประสงค์ อาการแสบร้อนบริเวณทางเดินอาหาร อาการระคายเคืองบริเวณปากและคอ ข้อห้ามใช้ - คำเตือนและข้อควรระวัง - ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ําดียกเว้นภายใต้การดูแลของแพทย์ - ไม่แนะนําให้รับประทานในเด็กอายุต่ํากว่า 6 ขวบ

ย า ธ า ตุ อ บ เ ช ย ส่วยประกอบ : ข้อบ่งใช้ เปลือกอบเชยเทศ เปลือกสมุลแว้ง ลูกกระวาน ดอกกานพล รากชะเอมเทศ เกล็ดสะระแหน่ การบูร : ขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาน้ํา : รับประทานครั้งละ 15-30 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร อาการไม่พึ่งประสงค์ - ข้อห้ามใช้ - คำเตือนและข้อควรระวัง ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มี ความผิดปกติของตับ ไต เ นื่ อ ง จ า ก อ า จ เ กิ ด ก า ร ส ะ ส ม ข อ ง ก า ร บู ร แ ล ะ เ กิ ด พิ ษ ไ ด้

มะขามแขก ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ ใบ : บรรเทาอาการท้องผูก รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล ยาเม็ด ยาชง : - ชนิดชง รับประทานครั้งละ 2กรัม ชงน้ําร้อนประมาณ 120-200 มิลลิลิตร ก่อนนอน - ชนิดแคปซูลและชนิดเม็ด รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม –1.2 กรัม ก่อนนอน อาการไม่พึ่งประสงค์ ปวดมวนท้อง ผื่นคัน ข้อห้ามใช้ ผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินอาหารอุดตัน หรือปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ คำเตือนและข้อควรระวัง - ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ํากว่า 12ปี หรือในผู้ป่วย inflammatory bowel disease - การรับประทานยาในขนาดสูง อาจทําให้เกิดไตอักเสบ - ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะจะทําให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ําและ เ ก ลื อ แ ร่ ม า ก เ กิ น ไ ป โ ด ย เ ฉ พ า ะ โ พ แ ท ส เ ซี ย ม แ ล ะ ก า ร ใ ช้ ติ ด ต่ อ กั น เ ป็ น ร ะ ย ะ เ ว ล า น า น จ ะ ทํ า ใ ห้ ลําไส้ใหญ่ชินต่อยา ถ้าไม่ใช้ยาจะไม่ถ่าย - ควรระวังการใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร

ฟ้ า ท ะ ล า ย โ จ ร ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ ส่วนเหนือดิน : บรรเทาอาการเจ็บคอ บรรเทาอาการของโรคหวัด เช่น เจ็บคอ ปวด เ มื่ อ ย ก ล้ า ม เ นื้ อ รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล ยาเม็ด ยาลูกกลอน : บรรเทาอาการหวัด เจ็บคอ รับประทานครั้งละ 1.5–3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร และก่อนนอน อาการไม่พึ่งประสงค์ อาจทําให้เกิดอาการผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้เบื่อ อาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษได ข้อห้ามใช้ - ห้ามใช้กับผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร - ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรเนื่องจากอาจทําให้เกิดทารกวิรู ได้ - ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรสําหรับแก่เจ็บคอในกรณีต่างๆ ต่อไปนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการ เจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรู ห์มาติค ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติด เชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุ นแรงเช่นมีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูงแลหนาสั่น คำเตือนและข้อควรระวัง - หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทําให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง - หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3วัน แล้วไม่หาย หรือ มีอาการรุ นแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ค ว ร ห ยุ ด ใ ช้ แ ล ะ พ บ แ พ ท ย์

ต รีผ ล า ส่วนประกอบ : ข้อบ่งใช้ มะขามป้อม สมอไทย และสมอพิเภก อย่างละเท่าๆกัน : บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาเม็ด ยาลูกกลอน ยาแคปซูล ยาชง : - ชนิดชง รับประทานครั้งละ 1-2 กรัม ชงน้ําร้อนประมาณ 120–200 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 3-5 นาที ดื่มในขณะยังอุ่น เมื่อมีอาการไอ ทุก 4 ชั่วโมง - ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน รับประทานครั้งละ 300-600 มิลลิกรัม เมื่อมีอาการไอ วันละ 3-4 ครั้ง อาการไม่พึ่งประสงค์ ท้ อ ง เ สี ย ข้อห้ามใช้ - คำเตือนและข้อควรระวัง ค ว ร ร ะ วั ง ก า ร ใ ช้ ใ น ผู้ ป่ ว ย ที่ ท้ อ ง เ สี ย ง่ า ย

เ ถ า วั ล ย์ เ ป รีย ง ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ เถา : ยาเถาวัลย์เปรียง บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ยาสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียง บรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง และอาการปวดจาก ข้ อ เ ข่ า เ สื่ อ ม รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล : ยาเถาวัลย์เปรียง รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม–1 กรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารทันที ยาสารสกัดจากเถาวัลย์เปรียง รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารทันที อาการไม่พึ่งประสงค์ ปวดท้อง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย คอแห่ง ใจสั่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อุจจาระเหลว ข้อห้ามใช้ ห้ า ม ใ ช้ ใ น ห ญิ ง ตั้ ง ค ร ร ภ์ คำเตือนและข้อควรระวัง - ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคแผลเปื่ อยเพปติก เนื่องจากเถาวัลย์เปรียงออกฤทธิ์คล้ายยา แก่ปวดกลุ่มยาต้านการ อักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์ - อาจทําให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร

ย า ส หั ศ ธ า ร า ส่วยประกอบ : ข้อบ่งใช้ พริกไทยล่อน รากเจตมูลเพลิงแดง ดอกดีปลี หัศคุณเทศ เนื้อลูกสมอไทย ราก ตองแตก เหง้าว่านน้ํา ดอกจันทน์ เทียนแดง ลูกจันทน์ เทียนตาตั๊กแตน เทียนสัต ตบุษย์ เทียนดํา มหาหิงคุ์ โกฐกักกรา โกฐเขมา โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลาการบูร : ขับลมในเส้น แก้โรคลมกองหยาบ รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด ยาลูกกลอน : รับประทานครั้งละ 1 –1.5 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่ อ น อ า ห า ร อาการไม่พึ่งประสงค์ ร้อนท้อง แสบท้อง คลื่นไส้ คอแห้ง ผื่นคัน ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีไข้ คำเตือนและข้อควรระวัง - ควรระวังการบริโภคในผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปื่ อยเพปติก และ โรคกรดไหลย้อน เนื่องจากเป็น ตํารับยารสร้อน - ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับ ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของ การบูรและเกิดพิษได้

ไพล ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ เหง้า : บรรเทาอาการบวม ฟกช้ํา เคล็ดยอก รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาครีม ยาน้ํามัน : ทาและถูเบา ๆ บริเวณที่มีอาการวันละ 2-3 ครั้ง อาการไม่พึ่งประสงค์ - ข้อห้ามใช้ - ห้ามทาบริเวณขอบตาและเนื้อเยื่ออ่อน - ห้ามทาบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด คำเตือนและข้อควรระวัง -

พ ริก ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ ผล : บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาเจล ยาครีม ยาขี้ผึ้ง : ทาบริเวณที่ปวด 3 - 4 ครั้ง ต่อวัน อาการไม่พึ่งประสงค์ ผิวหนังแดง ปวด และแสบร้อน ข้อห้ามใช้ - ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ capsaicin - ห้ามสัมผัสบริเวณตา - ระวังอย่าทายาพริกบริเวณผิวที่บอบบางหรือบริเวณผิวหนังที่แตก เ นื่ อ ง จ า ก ทํ า ใ ห้ เ กิ ด อ า ก า ร ร ะ ค า ย เ คื อ ง คำเตือนและข้อควรระวัง - การใช้ร่วมกับยารักษาโรคหัวใจ กลุ่ม angiotensin-converting enzyme inhibitor (ACE inhibitor) อาจทําให้ เกิดอาการไอเพิ่มขึ้น - อาจเพิ่มการดูดซึมของยาโรคหอบหืด คือ theophylline ชนิดออกฤทธิ์เนิ่นนาน

ยาประสะไพล ส่วยประกอบ : ข้อบ่งใช้ ไพล ผิวมะกรู ด เหง้าว่านน้ํา กระเทียม หัวหอม พริกไทย ดอกดีปลี ขิง ขมิ้นอ่อย เทียนดํา เกลือสินเธาว์ การบูร : ระดูมาไม่สม่ําเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ บรรเทา อาการปวดประจําเดือน ขับน้ําคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด ยาลูกกลอน : - กรณีระดูมาไม่สม่ําเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ ชนิดผง รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละลายน้ําสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3-5 วัน เมื่อระดูมา ให้หยุด รับประทาน ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3-5 วัน เมื่อระดูมาให้ ห ยุ ด รั บ ป ร ะ ท า น - กรณีปวดประจําเดือน ในกรณีที่มีอาการปวดประจําเดือนเป็นประจํา ให้รับประทาน ยาก่อนมีประจําเดือน 2-3 วันไปจนถึงวันแรกและ วันที่สองที่มีประจําเดือน ชนิดผง รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละลายน้ําสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ชนิดแคปซูล ชนิด เม็ด และชนิดลูกกลอน รับประทานครั้งละ 1 กรัมวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร - กรณีขับน้ําคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร ชนิดผง รับประทานครั้งละ 1 กรัม ละ ลายน้ําสุก วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ให้รับประทานจนกว่าน้ําคาวปลาจะหมด แต่ไม่ เกิน 15 วัน ชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด และชนิดลูกกลอน รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ให้รับประทานจนกว่าน้ําคาวปลาจะหมด แต่ไม่เกิน 15 วัน (ต่อ)

อาการไม่พึ่งประสงค์ - ข้อห้ามใช้ - ห้ามใช้ในหญิงตกเลือดหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีไข้ - ห้ามรับประทานในหญิงที่มีระดูมากกว่าปกติเพราะจะทําให้มีการขับระดูออกมามากขึ้น คำเตือนและข้อควรระวัง - ควรระวังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับ ไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของ การบูรและเกิดพิษได้ - กรณีระดูมาไม่สม่ําเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 1 เดือน - กรณีขับน้ําคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 15 วัน

พญายอ ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ ใบ : - ยาครีม บรรเทาอาการของเริมและงูสวัด - สารละลาย (สําหรับป้ายปาก) รักษาแผลในปาก (aphthous ulcer) แผลจาก ก า ร ฉ า ย รั ง สี แ ล ะ เ ค มี บํ า บั ด - ยาโลชัน บรรเทาอาการผดผื่นคัน ลมพิษ ตุ่มคัน - ยาขี้ผึ้ง บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมจากแมลงกัดต่อย - ยาทิงเจอร์บรรเทาอาการของเริม และงูสวัด รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาครีม สารละลาย (สําหรับป้ายปาก) ยาโลชัน ยาขี้ผึ้ง ยาทิงเจอร์ : ทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 5 ครั้ง อาการไม่พึ่งประสงค์ - ข้อห้ามใช้ - คำเตือนและข้อควรระวัง -

ห ญ้ า ด อ ก ข า ว ส่วยที่ใช้เป็นยา : ข้อบ่งใช้ ต้น ใบ ดอก : ลดความอยากบุหร รูปแบบ : ขนาดและวิธีใช้ ยาชง : รับประทานครั้งละ 2 กรัม ชงน้ําร้อนประมาณ 120-200 มิลลิลิตร หลังอาหาร วันละ 3-4 ครั้ง อาการไม่พึ่งประสงค์ ปากแห้ง คอแห้ง ข้อห้ามใช้ - คำเตือนและข้อควรระวัง ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต เนื่องจากยาหญ้าดอกขาวมีโพแทสเซียมสูง

ขอบคุณ ผักสมุนไพรพื้นบ้านเพื่ อรักษาสุขภาพ แหล่งที่มา / เอกสารอ้างอิง: โครงการศึกษาศักยภาพต้นลิงลาวในการอนุรักษ์และฟื้ นฟูระบบนิ เวศ คุณค่าทางโภชนาการ สำหรับประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชน (สวิง และคณะ 2558) ยาแผลไทยและยาสมุนไพรที่มีโอกาสใช้แทนยา แผนปั จจุบัน : ย า ใ น บั ญ ชี ย า ห ลั ก แ ห่ ง ช า ติ รวบรวมข้อมูลโดย : กลุ่มงานวิชาการเภสัชกรรมแผนไทย สถาบัน ก า ร แ พ ท ย์ แ ผ น ไ ท ย สมุนไพรใกล้ตัวต้าน ไวรัสช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ที่มา : สถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร, springnews


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook