Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ยุคใหม่ใส่ใจเพศ รู้เท่าทันยาเสพติด

ยุคใหม่ใส่ใจเพศ รู้เท่าทันยาเสพติด

Published by nookfilmsuksorn, 2021-07-28 07:27:05

Description: ยุคใหม่ใส่ใจเพศ รู้เท่าทันยาเสพติด

Search

Read the Text Version

ยคุ ใหมใ่ สใ่ จเพศ รู้เทา่ ทนั ยาเสพตดิ

คนยคุ ใหม่ใส่ใจเรื่องเพศ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคาวา่ “เพศ” หมายถงึ “รูปทีแ่ สดง ใหร้ ูว้ า่ หญงิ หรือชาย ทวั่ ไป คาว่า “เรือ่ งเพศ” หรอื ในภาษาอังกฤษเรยี กว่า เซ็กส์ (sex) เซ็กส์ (sex) หมายถงึ ลกั ษณะทางกายภาพท่ีบอกว่าเป็นเพศชาย หรอื หญงิ บางครงั้ หมายถึงแรงขบั หรอื สัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ทแ่ี สดงออกเปน็ พฤตกิ รรม บางครง้ั หมายถงึ พฤตกิ รรมทางเพศ หรอื การมีเพศสมั พนั ธ์ เพศศกึ ษา หมายถึง กระบวนการเรยี นรู้ที่จะทาให้ผเู้ รยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจ และมี พฤติกรรมทางเพศอย่างถูกต้อง การจัดการเรียนรู้เพศศกึ ษารอบด้าน หมายถงึ การจัดการเรียนรู้ทีม่ ีลกั ษณะดังนี้ 1.สอนให้เห็นวา่ เรือ่ งเพศเปน็ เรื่องธรรมชาติ ความตอ้ งการทางเพศเปน็ เรื่องปกติ และเปน็ สว่ นหนง่ึ ของชวี ิตทม่ี สี ขุ ภาวะ 2.สอนใหเ้ หน็ ว่า การไมม่ ีเพศสัมพันธ์ คือ วธิ ีทไ่ี ด้ผลทีส่ ุดต่อการปอ้ งกันการตั้งครรภไ์ มพ่ ึงประสงค์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมท้ังเอดส์ 3.สอนให้ตระหนกั ถึงการให้คุณคา่ และตระหนกั ถึงส่งิ ที่ตนเองให้คุณคา่ ควบคู่ไปกบั ความเขา้ ใจว่า ครอบครวั และชมุ ชนท่ีเราอยใู่ ห้คุณคา่ ตอ่ ส่ิงนนั้ อยา่ งไร 4.ให้สาระท่หี ลากหลายเกี่ยวกับเรือ่ งเพศ ไมว่ ่าจะเปน็ พัฒนาการ ธรรมชาติในเร่ืองเพศของมนุษย์ สัมพนั ธภาพ ทักษะส่วนบคุ คล การแสดงออกในเรือ่ งเพศ สขุ ภาพทางเพศ มิติดา้ นสังคมวฒั นธรรม ของเรือ่ งเพศ

5.ใหข้ ้อเท็จจรงิ ตรงไปตรงมาไม่ปดิ บงั ในเรือ่ งการทาแทง้ การสาเรจ็ ความใคร่ดว้ ยตนเอง ความพึง พอใจ และรสนิยมทางเพศแบบต่างๆ 6.ให้ข้อมูลทางบวกเกยี่ วกับเรอื่ งเพศ การแสดงออกทางเพศ ควบคู่ไปกบั ผลดขี องการรักษา พรหมจรรย์ 7.สอนใหร้ ้วู ่า การใช้ถงุ ยาง และสารหลอ่ ล่นื อย่างถูกตอ้ ง จะทาให้สามารถลดความเส่ยี งต่อการ ต้งั ครรภไ์ มพ่ ึงประสงค์ และการเกิดโรคติดทางเพศสัมพนั ธ์ แมว้ ่าจะไม่ประกันความเส่ียงได้ 100% 8.สอนใหร้ ู้วา่ การใช้วธิ ีการคมุ กาเนิดสมยั ใหมส่ ามารถป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้อยา่ งไร 9.ให้ข้อมลู ท่ีถกู ตอ้ งชัดเจนเก่ียวกบั โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ และเอดส์ รวมท้ังการหลกี เล่ียงความ เสยี่ งไดอ้ ยา่ งไรบ้าง 10.สอนให้ตระหนักวา่ คาสอน และคณุ ค่าทางศาสนาที่บคุ คลยึดถือมีส่วนกาหนดการดาเนินชวี ิต และการแสดงออกทางเพศของบคุ คลอย่างไร และใหโ้ อกาสผู้เรียนไดส้ ารวจความคิด ความเช่อื ของตน และครอบครวั ต่อเร่อื งนี้ 11.สอนใหเ้ หน็ ว่า เม่ือเดก็ /วัยรนุ่ หญงิ ตั้งครรภ์ไม่ตั้งใจ และไมพ่ ร้อมมีทางเลือกไม่วา่ จะเป็นการอมุ้ ครรภจ์ นครบกาหนดคลอด และเล้ียงดทู ารก หรอื เมื่อคลอดแลว้ หาทางให้ทารกแกผ่ อู้ ปุ ถัมภ์อนื่ หรือ ยตุ ิการตั้งครรภ์ด้วยการทาแทง้ หากไม่พร้อมจริงๆ

การวางตัวตอ่ เพศตรงข้าม การวางตวั ต่อเพศตรงข้าม หมายถงึ การทีช่ ายหรือหญงิ ประพฤตปิ ฏบิ ัตติ อ่ กนั เพอ่ื สร้างสมั พนั ธภาพ ที่ดรี ะหว่างกนั ในแบบเพือ่ น แบบพน่ี อ้ ง หรอื แบบคู่รักภายใต้สภาพแวดล้อมตลอดจนขนบธรรมเนียม ประเพณแี ละวฒั นธรรมใน สงั คมน้นั ๆ การวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามแบบเพอ่ื น การวางตัวต่อเพศตรงขา้ มแบบเพอ่ื น บุคคลควรปฏบิ ัติตอ่ เพศตรงขา้ มในด้านการพดู การ แสดงกิรยิ าทา่ ทาง และความประพฤตอิ ื่น ๆ ท่ใี ห้เกียรตซิ ่ึงกนั และกัน เช่น ฝา่ ยชายไมล่ ่วงเกนิ ฝ่าย หญิงหรือทเี่ รียกว่า แตะ๊ อง๋ั เพราะธรรมชาตขิ องผชู้ ายแลว้ มกั ถูกเน้อื ตอ้ งตวั ผหู้ ญงิ ซงึ่ บางครง้ั ผ้หู ญงิ จะคิดไม่ถึง การพดู คาสุภาพต่อกนั ควรช่วยเหลือกันในสงิ่ ท่พี อจะช่วยกันได้ รูจ้ ักแสดงความขอบคุณ เม่ือไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากเพศตรงข้าม ไม่ทาให้เพ่ือนอับอาย เพราะเราไมเ่ อาเปรียบซึ่งกันและกนั เป็นทป่ี รกึ ษาซ่งึ กนั และกนั มีความจริงใจตอ่ กัน ไมน่ ินทากนั ลับหลัง มีความหว่ งใยและเอื้ออาทรต่อ กัน เปน็ ต้น ถ้าปฏิบตั ติ อ่ กันได้เชน่ น้จี ะทาให้มีสมั พันธภาพทด่ี ีระหว่างเดียวกันและ เพศตรงขา้ ม การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ มแบบพ่ีน้อง มที ้งั ฝา่ ยชายเปน็ พ่ีฝา่ ยหญิงเป็นน้องและฝา่ ยชายเปน็ นอ้ งฝา่ ยหญงิ เป็นพ่ซี ่งึ การปฏิบตั ิ โดย ทว่ั ไปกเ็ หมอื น ๆ กบั การวางตัวแบบเพอื่ น แตค่ นเป็นพีต่ ้องเสียสละมากกว่า มีความเอ็นดตู ่อนอ้ ง ปกปอ้ งนอ้ ง ชว่ ยเหลือนอ้ ง ใหค้ าแนะนาสั่งสอนน้องตามสมควร ทาตัวเป็นแบบอยา่ งท่ีดีแก่น้อง วางตวั ให้เป็นที่เคารพนับถอื ของนอ้ ง สาหรับคนท่ีเป็นนอ้ งกต็ อ้ งใหค้ วามเคารพนบั ถือพี่ เชื่อฟงั ชว่ ยเหลอื พ่ีเมื่อมโี อกาสนอกจากนแี้ ลว้ ยังมกี ารคบกันแบบคู่รักท่ีแฝงมาในคราบของพ่นี อ้ ง ซึ่งฝา่ ยหนึ่ง อาจไมร่ วู้ า่ อีก ฝ่ายหนึง่ ไม่ไดค้ ิดแบบพ่นี อ้ ง หรืออาจจะรู้กนั ทั้งสองฝา่ ย แตบ่ อกวา่ เปน็ พีน่ อ้ งเพอื่ ปิดบงั

ผ้ใู หญ่ แต่การคบกันแบบพน่ี ้องหรอื แบบคูร่ ักนน้ั ผู้ใหญจ่ ะมองออกเพราะพฤตกิ รรมท่ี แสดงออกตอ่ กนั น้นั จะมีความแตกตา่ งกนั อย่างชัดเจน การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบครู่ ัก การคบกันแบบคู่รกั อาจจะเร่มิ ตน้ มาจากการคบกันแบบเพ่ือนหรือการคบกนั แบบพ่นี ้อง มากอ่ น แลว้ กแ็ ปรเปลีย่ นมาเปน็ แบบคู่รกั หรอื อาจจะคบกันแบบคู่รกั เลยก็ได้ อาจจะชอบพร้อม ๆ กัน หรือฝ่ายหนึง่ ฝ่ายใดเป็นฝ่ายชอบกอ่ น แต่สว่ นมากฝา่ ยชายมักจะแสดงออกก่อน เพราะมีความ กล้ามากกวา่ ฝ่ายหญงิ แตใ่ นสังคมปัจจบุ นั เรม่ิ แปรเปล่ยี นไปมากแลว้ เพราะฝา่ ยหญิงมีความกลา้ ข้นึ ความเขินอายน้อยลง ซงึ่ ถือเปน็ สงิ่ ทไี่ มถ่ ูกต้อง เพราะเปน็ การทาลายจารตี ประเพณีอนั ดงี ามของ สงั คมไทย การวางตวั โดยท่ัวไปกจ็ ะเหมอื นกับการวางตัวแบบเพ่อื น แต่กจ็ ะมีความพเิ ศษ ความละเอยี ด ลกึ ซงึ้ เพิ่มขนึ้ ไป เช่น ชว่ ยเหลือต่อกนั มากขน้ึ เสียสละตอ่ กนั มากข้ึน ห่วงใยเออื้ อาทรกันมากขึ้น คานงึ ถึงความรสู้ ึกของอีกฝ่ายหนงึ่ มากขึ้น เป็นต้น

การเปลย่ี นแปลงทางร่างกาย 1. ขนาดและความสงู : ในวยั เดก็ ทั้งเด็กผู้หญงิ และเดก็ ผชู้ ายจะมีความกว้างของไหลแ่ ละ สะโพกใกล้ เคียงกัน แต่ เมอ่ื เข้าสูว่ ัยรุ่น ผูช้ ายจะมีอัตราเร็วในการเจรญิ เติบโตของไหล่มากที่สุด ทา ใหว้ ยั รุ่นผชู้ ายจะมีไหลก่ วา้ งกวา่ ในขณะทว่ี ยั รุน่ ผหู้ ญิงมอี ัตราการเจริญเตบิ โตของสะโพกมาก กว่า ผู้ชาย นอก จากน้กี ารที่วัยนมี้ กี ารเจรญิ เติบโตสงู ใหญไ่ ด้รวดเร็ว โดยเฉพาะที่ คอ แขน ขา มากกวา่ ที่ ลาตัว จะทาใหว้ ยั รนุ่ ร้สู กึ ว่าตวั เองมีรปู ร่างเก้งกา้ งน่าราคาญ และการเจริญเติบโตหรอื การขยายขนาด ของร่างกายในแตล่ ะส่วน อาจเกิดข้ึนไม่พรอ้ มกัน หรือไม่เป็นไปตามขั้นตอน เช่น รา่ งกายซีกซ้ายและ ซกี ขวาเจรญิ เตบิ โตมีขนาดไม่เท่ากันในระยะแรกๆ ซ่ึงเป็นเหตทุ าให้เดก็ ตกอยูใ่ นความวิตกกงั วลสงู ได้ จึงควรให้ความม่นั ใจกบั วัยน้ี 2. ไขมันและกล้ามเนอ้ื : เด็กผชู้ ายและเดก็ ผูห้ ญงิ มคี วามหนาของไขมันท่ีสะสมอยู่ใต้ ผิวหนงั ใกลเ้ คียงกัน จนกระทั่งอายปุ ระมาณ 8 ปี จะเร่มิ มกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเร็ว วัยร่นุ ชายจะ มีกาลังของกลา้ มเน้อื มากกวา่ วยั รนุ่ ผหู้ ญงิ พละกาลังของกลา้ มเน้ือจะแข็งแรงขนึ้ หลัง จากนั้นวัยรุน่ ชายจะมีไขมันใต้ผวิ หนงั บางลง พรอ้ มๆกับมกี ลา้ มเน้ือเพ่มิ มากขึ้นและแขง็ แรงข้ึน ซง่ึ จะทาใหว้ ัยรุ่น ชายดผู อมลงโดยเฉพาะที่ขา นอ่ ง และแขน สาหรบั วัยรนุ่ หญิงถึงแม้ว่าจะมกี ารเพิม่ ขนึ้ ของกล้ามเน้อื แตข่ ณะเดียวกันจะมกี ารสะสมของไขมนั ใต้ผวิ หนงั เพม่ิ ขน้ึ อีกโดยที่น้าหนักจะ เพมิ่ ได้ถงึ รอ้ ยละ 25 ของน้าหนกั โดยเฉพาะไขมันท่ีสะสมที่เตา้ นมและสะโพก ประมาณรอ้ ยละ 50 ของ วัยรุ่นหญงิ จะร้สู ึก ไมพ่ อใจในรปู ลกั ษณข์ องตน และมกั คิดว่าตัวเอง \"อว้ น\" เกินไป มีวัยรุ่นหลายคนทีพ่ ยายามลดน้าหนกั จนถึงขั้นทมี่ รี ปู รา่ งผอมแหง้ 3. โครงสรา้ งใบหน้า ช่วงนก้ี ระดกู ของจมกู จะโตขึ้น ทาใหด้ ้งั จมกู เป็นสนั ขึน้ กระดูกขากรร ไกลบนและ ขากรรไกรลา่ งเติบโตเรว็ มากในระยะนี้ เช่นเดียวกบั กล่องเสยี ง ลาคอ และกระดกู อยั ลอยด์ และพบวา่ ในวัยร่นุ ชายจะเจรญิ เติบโตเร็วกว่าวยั รุ่นหญงิ ชัดเจน เป็นเหตุให้วัยร่นุ ชายเสียงแตก 4. การเปลยี่ นแปลงของระดบั ฮอร์โมน ทง้ั ฮอรโ์ มนการเตบิ โต (growth hormone) และ ฮอรโ์ มนจาก ตอ่ มธัยรอยด์มีอทิ ธพิ ลต่อการเจรญิ เติบโต รวมท้ังฮอร์โมนทางเพศ นอกจากระดบั ฮอร์โมนจะมีผลโดยตรงต่อการเจรญิ เติบโตทางร่างกาย และอวัยวะเพศในวัยรุ่นแล้ว ตัวของมันเองยงั สง่ ผลถึงความรู้สึกทางอารมณ์และจิตใจ ปฏิกิรยิ าการเรยี นรู้ ฯลฯ ในวัยร่นุ อกี ด้วย วยั รนุ่ ท่ีจะผา่ นชว่ ง วกิ ฤตน้ไี ด้ นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพร่างกายที่เปล่ยี นไปแลว้ ยงั ตอ้ งเขา้ ใจและควบคมุ อารมณค์ วามรสู้ กึ ที่พลุง่ พล่านข้ึน จากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่างๆ อกี ด้วยโดยเฉพาะ ต่อมไขมนั ใต้ผวิ หนัง และต่อมเหง่อื จะทาหน้าทีเ่ พมิ่ มากขึน้ เปน็ สาเหตทุ าให้เกดิ ปญั หาเรอ่ื ง \"สวิ \" และ \"กลิ่นตวั \" แต่เน่อื งจากวัยน้ีจะให้ความสนใจเก่ยี วกับร่างกายท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยา่ ง รวดเร็ว และมี ความระแวดระวังตัวเองมาก จงึ ทาใหว้ ัยรุ่นพยายามท่จี ะรักษา \"สวิ \" อย่างเอาเปน็ เอาตาย ท้ังๆท่ี \"สวิ \" จะเป็นปัญหาในชว่ งวยั น้แี ค่ระยะสน้ั ๆ เทา่ น้ัน

5. การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ วัยรนุ่ หญิง มกี ารเจริญเติบโตอย่างรวดเรว็ ในชว่ งระยะ 1 ปี กอ่ นท่ี จะมปี ระจาเดือน โดยเฉพาะการเจริญเตบิ โตของเตา้ นม ซ่งึ เรม่ิ มกี ารขยายในขนาดเมื่ออายปุ ระมาณ 8-13ปี และจะใช้ เวลา 2-2 ปีครึ่ง จงึ จะเจริญเตบิ โตเตม็ ท่ี ในชว่ งอายุ 11-13 ปี วยั รุน่ หญงิ สว่ นใหญ่ (รอ้ ยละ 80) จะ มี รปู รา่ งเปน็ สาวเต็มตัว ดงั น้ันในชน้ั ประถมตอนปลายหรือมธั ยมตน้ จะเหน็ วา่ วัยรนุ่ สาวจะมี รปู ร่างสูงใหญ่เปน็ สาวน้อยแรกรุ่น ในขณะท่ีพวกผูช้ ายยังดเู ป็นเด็กชายตัวเล็กๆ ทั้งๆ ทเ่ี ดก็ ผูห้ ญงิ เคย ตัวเลก็ กว่าเดก็ ผูช้ ายมาตลอด ทาให้เด็กสับสนและเป็นกังวลกับสภาพร่างกายได้ การมรี อบเดือนครั้งแรก จะมเี มอื่ อายุประมาณ 12-13 ปี การทม่ี ปี ระจาเดอื นแสดงใหเ้ ห็นวา่ มดลกู และช่องคลอดได้เจรญิ เติบโตเต็มท่ี แตใ่ นระยะ 1-2 ปี แรกของการมปี ระจาเดือน มักจะเปน็ การมปี ระจาเดอื นโดยไม่มไี ข่ตก รอบเดือนในช่วงปแี รกจะมาไม่สม่าเสมอ หรือขาดหายไปได้ และ เมอ่ื มีประจาเดือนแลว้ พบวา่ เดก็ ผูห้ ญิงยงั สูงตอ่ ไปอีกเลก็ นอ้ ยไปได้อกี ระยะหนึ่ง และจะเติบโตเต็มที่ เมอ่ื ประมาณอายุ 15-17 ปี การมีรอบเดอื นครัง้ แรกอาจทาใหร้ สู้ ึกพอใจและภมู ใิ จทีเ่ ปน็ ผ้หู ญิงเตม็ ตัว หรืออาจจะรูส้ กึ ในทางลบ คอื หวัน่ ไหว หวาดหว่ันหรือตกใจไดเ้ ชน่ กัน โดยทวั่ ไปการมรี อบเดือนครง้ั แรกจะเพม่ิ ความใกล้ชดิ ระหวา่ งวัยรุน่ หญิงกับ มารดาถา้ เคยไว้วางใจกันมาก่อน แตว่ ยั รนุ่ หญิงบางคน จะปกปิดไม่กล้าบอกใคร เพราะเข้าใจไปว่าอวัยวะเพศฉกี ขาด หรอื เปน็ แผลจากการสารวจตวั ของ วัยรุ่นเอง ในชว่ งนี้วัยรุ่นจะกังวลหมกมุ่นกับรูปรา่ งหนา้ ตา และมักใช้เวลาอยหู่ น้ากระจกนานๆ เพื่อ สารวจรูปรา่ ง ส่วนเว้าส่วนโค้งหรือใชก้ ระจกสง่ ดบู รเิ วณอวัยวะเพศด้วยความอยากรู้ อยากเหน็ ซ่ึงก็ ไมใ่ ช่พฤติกรรมที่ผิดปกติแต่อย่างใด

สาหรบั วยั รนุ่ ชาย ซ่ึงจะเริ่มมกี ารเจรญิ เติบโตของลกู อัณฑะ เม่อื เข้าสชู่ ่วงอายุ 10-13 ปี ครึง่ และจะใช้เวลานาน 2 - 4 ปี กวา่ ทจี่ ะเติบโตและทางานไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ ในขณะที่รูปรา่ งภายนอกจะมี การเจรญิ เติบโตเปลย่ี นแปลงชา้ กวา่ วัยร่นุ หญงิ ประมาณ 2 ปี คอื ประมาณอายุ 12-14 ปี ในขณะท่ี เพอ่ื นผหู้ ญงิ ที่เคยตวั เลก็ กว่า กลับเจริญเติบโตแซงหนา้ ทาให้วัยร่นุ ชายมีความวิตกกงั วลเกีย่ วกบั รปู รา่ ง ความสูง ไดม้ าก เมอ่ื เตบิ โตเขา้ สู่วัยรนุ่ ตอนกลางช่วงวัย 14-16 ปี ลูกอัณฑะเจรญิ เติบโตและ ทางานได้เตม็ ท่ีจงึ สามารถพบภาวะฝันเปียกได้ บางคนเข้าใจผิดคิดวา่ ฝันเปยี กเกดิ จากการสารวจ ความใครด่ ้วยตัวเอง หรอื เป็นความผิดอยา่ งแรง หรอื ทาให้สภาพจติ ผิดปกติ หรือบางรายวิตกกงั วลไป กับจนิ ตนาการหรอื ความฝัน เพราะบางครัง้ จะเป็นความคิด ความฝันเก่ยี วขอ้ งกับคนในเพศเดียวกัน ซึง่ ก็ไมถ่ ือว่าเปน็ เร่อื งทผี่ ดิ ปกติอย่างใด การเปลีย่ นแปลงทางอารมณ์ สงั คม ผลจากการเปล่ียนแปลงทางร่างกายจะทาให้เกดิ ผลกระทบตอ่ อารมณ์และจิตใจไดอ้ ยา่ ง ตรงไปตรง มา ท้งั ความวิตกกังวล หงุดหงิด หมกมุ่น ไม่พอใจในรปู ร่างที่เปลยี่ นไป 1. ความวติ กกงั วลเกยี่ วกับการเปลีย่ นแปลงของร่างกาย เดก็ ผู้ชายทเี่ ข้าสู่วัยรนุ่ ช้า จะมคี วาม วติ กกงั วลสงู เกี่ยวกับความแขง็ แรงของรา่ งกาย ซงึ่ อาจจะไม่ม่นั ใจในความเป็นชาย รู้สกึ ว่าตวั เองไม่ สมบูรณ์มักลกู ล้อเลยี น กล่ันแกล้งจากเพือ่ นๆ ท่ีรูปร่างใหญโ่ ตกว่า มีความภาคภูมใิ จในตนเองในระดับ ต่าและรสู้ ึกว่าตวั เองมปี มด้อยฝังใจไปไดอ้ กี นาน วัยรุ่นหญงิ ทโ่ี ตเร็วกว่าเพอ่ื ในวัยเดยี วกนั (early mature) มักจะรู้สึกอึดอดั และรสู้ ึกเคอะเขิน ประหม่าอายต่อสายตาและคาพูดของเพศตรงข้าม ในขณะท่ีสภาพอารมณ์ จิตใจยงั เป็นเด็ก 2. ความวติ กกงั วลกบั อารมณเ์ พศที่สงู ขึน้ การ เปลี่ยนแปลงของระดบั ฮอร์โมนทางเพศ ซึ่งจะ สง่ ผลทาให้วัยรุน่ เกดิ อารมณ์เพศข้ึนมาได้บอ่ ย วัย รุ่นหลายคนทีม่ กี จิ กรรมส่วนตวั ที่เบี่ยงเบนความ

สนใจ ทาใหส้ ามารถควบคุมอารมณ์ไดอ้ ยา่ งดี โดยเฉพาะในวยั รนุ่ ท่ชี อบเล่นกีฬากลางแจง้ เป็นประจา วยั นี้จะมีความสนใจ อยากรู้อยากเห็นอยแู่ ล้วเป็นทุน และเมื่อมาผสมกับการที่มีระดับฮอร์โมนทาง เพศเพ่มิ สูงขึ้น จะทาให้เดก็ เรียนรู้ที่จะหดั สาเรจ็ ความใคร่ดว้ ยตนเอง อยากรอู้ ยากเห็นกิจกรรมทาง เพศผใู้ หญ่ควรเขา้ ใจถึงความรู้สกึ นกึ คดิ รว่ มกบั ความอยากรอู้ ยากเหน็ ของวยั รุ่น ควรใหค้ วามร้ใู นเรอื่ ง เพศทถี่ กู ตอ้ ง และถือวา่ ความรสู้ กึ ในวัยนี้เปน็ เรือ่ งธรรมดา เป็นธรรมชาตอิ ย่างหน่ึงการที่วัยรุ่นจะ สาเร็จความใครด่ ว้ ยตนเองน้นั ไมม่ อี นั ตรายตอ่ ร่างกาย และไม่ถือว่าเป็นเรื่องท่ีผิดศลี ธรรม ถ้ากระทา อยา่ งระมดั ระวงั เป็นส่วนตวั และไม่ทาให้ผอู้ ื่นเดอื ดร้อน เปน็ ตน้ 3. ความวติ กกังวลกลวั การเป็นผู้ใหญ่ วัยนีจ้ ะมีความคิดวติ กกงั วล กลัวจะไมเ่ ป็นทีย่ อมรบั จาก คนรอบข้าง มักจะ กลวั ความรับผดิ ชอบ ซง่ึ จะรู้สึกว่าเป็นภาระที่หนกั หนา ยงุ่ ยาก บางคร้ังอยากจะ เปน็ เดก็ อยากแสดงอารมณส์ นกุ สนาน รา่ เริง เบกิ บาน 4. ความวติ กกังวลในความงดงามทางร่างกาย ไม่วา่ วัยรุ่นหญงิ หรือชายก็จะมคี วามรสู้ ึก ต้องการให้คนรอบข้าง ชนื่ ชมเกยี่ วกับรูปลักษณภ์ ายนอกของตน สมเพศ สมวัย นนั่ เปน็ เพราะวา่ เด็ก จะสานกึ ว่าความสวยงามทางกายเปน็ แรงจงู ใจ ทาให้คนยอมรบั ทาให้เพอ่ื นยอมรบั เขา้ ไปในกลมุ่ ได้ งา่ ย เป็นวิถที างหนึ่งที่จะเขา้ สสู่ ังคมและเป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้าม ช่วงนี้จะเห็นว่าวัยรนุ่ จะสนอก สนใจ พิถพี ิถนั ในการเลือกเสอ้ื ผา้ การหวีผม เอาใจใส่ตอ่ การออกกาลังกาย สนใจคุณคา่ ทางอาหาร เคร่ืองประดบั สขุ ภาพอนามัย การวางตวั ให้สมบทบาททางเพศ การวางตวั ในสังคม และความสนใจ ในแตล่ ะเรอ่ื งอาจอย่ไู ดไ้ มน่ าน

การเปล่ียนแปลงทางจิตใจ 1.ความรกั และความหว่ งใย ความร้สู ึกอยากทีจ่ ะถกู รกั และยังอยากไดร้ บั ความเอาใจใส่ หว่ งใยจากบคุ คลทม่ี คี วามสาคัญตอ่ เด็ก แต่มักจะมขี อ้ แมว้ ่าจะต้องไม่ใชก่ ารแสดงออกของพอ่ แมท่ ี่ทา กบั เขาราวกับเดก็ เลก็ ๆ ไม่ตอ้ งการความเจา้ ก้เี จ้าการ ไมต่ อ้ งการใหแ้ สดงความหว่ งใยอยูต่ ลอดเวลา 2. เปน็ อิสระอยากทาอะไรไดด้ ้วยตวั ของตัวเอง อยากทาในสิ่งที่ตัวเองคดิ แลว้ ว่าดี อยากมี สว่ นในการตัดสินใจ อยากท่ีจะทาตวั หา่ งจากพอ่ แม่ ห่างจากคาสั่งการเจริญเติบโตในการทางานของ สมอง ทาใหเ้ ดก็ วัยนี้เร่มิ มีความคิดอา่ นเป็นของตนเอง เรม่ิ มคี วามคิดแบบนามธรรม (abstract thinking) การแยกจากพอ่ แม่ในเกือบทุกรปู แบบ บางครง้ั อาจทาใหว้ ัยรุ่นเกดิ ความร้สู กึ สบั สน สองจติ สองใจ และอาจมคี วามรู้สึก \"สญู เสยี \" ในความรัก ความเอาใจใสจ่ ากพอ่ แม่ แต่ถ้าพวกเขายอมรบั การ ดแู ลหรอื ยอมทาตามคาส่งั ของพ่อแม่ กจ็ ะไปขดั กับความตอ้ งการท่จี ะเปน็ เด็กโต เปน็ อสิ ระของตนเอง ทีต่ อ้ งการพงึ่ พาตนเอง การใหก้ ารเลี้ยงดูจงึ ต้องอาศัยความเขา้ ใจ และเคารพในสิทธิส่วนบคุ คลดว้ ย 3. ตอ้ งการเปน็ ตวั ของตวั เอง ความ ตอ้ งการที่ ยอมรบั ในสิ่งทีม่ าจากตวั ของตวั เขาทาให้ พวกเขามัน่ ใจในตวั เอง พ่อแมค่ งต้องสง่ เสริมให้เดก็ ได้ช่วยเหลอื ตัวเองใหม้ ากท่สี ุดเทา่ ทจ่ี ะทาได้ ตาม วยั เพราะในการฝกึ เด็กน้ัน นอกจากจะทาให้เด็กไดใ้ ช้มอื ไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ แลว้ ยังชว่ ยทาใหเ้ ด็กได้ หัดคิด หัดตัดสินใจในการกระทาสิ่งตา่ งๆ ด้วย 4. อยากรู้, อยากเหน็ , อยากลอง การ ลองผิดลองถูก และคอยสังเกตดูจากปฏิกริ ยิ าของคน รอบข้าง เพอื่ ตัดสนิ ว่าสิง่ ท่ีทานั้น ดีเลวเปน็ อย่างไรวัยทโี่ ตขนึ้ เมือ่ ความสามารถเพม่ิ ขึ้น ร่างกาย เจริญเตบิ โตข้ึนมา สง่ิ รอบตัวตา่ งๆ ท่นี ่าสนใจ และท้าทายความสามารถก็จะเริ่มเขา้ มาเพ่ือทดลองการ สนับสนุนสง่ เสริมเด็กใหค้ ง สภาพอยากรู้ อยากเห็น อยากลองและได้มโี อกาสทดลองสงิ่ แปลกๆ ใหม่ๆ ในขอบเขตทเี่ หมาะสมเพ่มิ ข้ึนตามวัย จะทาให้เด็กกา้ วเข้าส่วู ยั รุ่นด้วยความภาคภูมิใจท่ตี นเองเคยมี ประสบการณ์ ตา่ งๆ มาบ้างสงิ่ เหล่านจ้ี ะมาเสรมิ ความภาคภมู ใิ จในตนเองดังน้ันจะเห็นวา่ การฝึกสอน และใหโ้ อกาสเด็กได้ทดลองทาในส่ิงทถ่ี ูกตอ้ ง ควรฝกึ สอนมาต้ังแตเ่ ดก็ และควรคอ่ ยๆ สอนถงึ อนั ตรายในหลายส่งิ หลายอยา่ งทมี่ ีอย่ใู นสังคม และวิธกี ารแกไ้ ข เรียนรู้ทงั้ สง่ิ ท่ดี ีและเลว การฝึกให้เดก็ ได้ลองในสงิ่ ท่นี ่าลอง แตส่ นอให้หดั ย้ังตัวเองในส่ิงทอี่ ันตรายจึงเปน็ วธิ ีที่สาคญั มาตงั้ แต่วยั เรยี น แต่ ในทางตรงกนั ขา้ มในกลมุ่ วยั รนุ่ ที่ไม่เคยถกู ฝึกให้ลองคดิ ลองทากอ่ น จะเกิดความสับสน วนุ่ วายใจ ขาดความรู้ ขากทักษะ ขาดการฝกึ ฝน ขาดการลองทาผิดทาถูกมากอ่ น จึงทาให้กลุม่ น้ีตกอยใู่ นกลุ่มท่ี มีอันตรายสูง และในกลมุ่ เดก็ วัยรุน่ ที่พ่อแมป่ ลอ่ ยปละละเลย หรือไม่เคยสอนให้ยบั ยง้ั ชง่ั ใจมากอ่ น นึก อยากทาอะไรก็จะทา ไม่เคยต้องผดิ หวัง ไม่เคยสนใจวา่ การกระทาของตัวจะส่งผลกระทบตอ่ ผู้คนรอบ ขา้ งอยา่ งไร พฤติกรรม อยากลองของ มกั จะมสี ูงสุดในชว่ งวัยรนุ่ ตอนกลาง เปน็ เดก็ ก็ไม่ใช่ เปน็ ผู้ใหญ่ ก็ไมเ่ ชงิ แนวความคิดและการยับย้งั ตวั เองมไี มม่ ากพอ 5. ความถกู ต้อง ยตุ ิธรรม โดยเฉพาะเมื่อเข้าส่วู ยั รนุ่ ตอนกลาง มกั จะถอื วา่ ความยตุ ิธรรมเป็น ลักษณะหนึง่ ของความเป็นผูใ้ หญ่ วัยร่นุ จงึ ให้ความสาคญั อยา่ งจรงิ จงั กับความถูกตอ้ ง ยตุ ิธรรมตาม

ทศั นะของตนเปน็ อยา่ งยิง่ และอยากจะทาอะไรหลายๆ อยา่ ง เพอ่ื เรยี กร้องความยุติธรรม ท้ังในแง่ บคุ คลและสงั คมส่วนรวม จงึ มักจะเห็นภาพวยั รนุ่ ถกเถียงกันเร่ืองของสิง่ ต่างๆ ทีเ่ กดิ ข้นึ รอบตวั 6. ความตืน่ เตน้ ท้าทาย ความตอ้ งการหาประสบการณแ์ ปลกๆ ใหมๆ่ เกลยี ดความจาเจ ซ้าซาก วัย รนุ่ กลุ่มน้จี ะสร้างความตื่นเตน้ ท้าทายกับการทีก่ ระทาผดิ ต่อกฎเกณฑต์ า่ งๆ ของทางบ้าน และกฏของสังคมน่ันเปน็ เพราะว่าเปน็ ความตืน่ เต้นและความรู้สกึ ว่า ถูกทา้ ทาย แนวทางการเลย้ี งดู เด็กฝึกใหเ้ ดก็ ไดม้ ี โอกาสทางานท่ีท้าทายความสามารถทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา จะสง่ ผลทาให้เดก็ ได้ พัฒนาความเช่ียวชาญขนึ้ มาได้ แกป้ ัญหาได้ 7. ตอ้ งการการยอมรบั วา่ เปน็ สว่ นหนึ่งของบ้าน ของกลุ่มเพื่อน พน้ื ฐานการเล้ียงดทู ี่ยอมรับ และมคี วามรักความผูกพนั ระหวา่ งพ่อแมเ่ ด็ก จะมผี ลทาให้เดก็ เกดิ ความร้สู ึก ดงั ทีก่ ลา่ วมาน้อี ยา่ ง ง่ายดาย จากการฝึกฝนให้โอกาสเดก็ ในการตดั สินใจลงมือกระทาหรือแสดงความคดิ เหน็ ใน เรอ่ื งต่างๆ และรบั ฟงั พยายามทาความเข้าใจตาม ถา้ เบีย่ งเบนก็ชว่ ยแก้ไข ถา้ ถูกตอ้ งกช็ มเชยและช่นื ชม สิง่ เหลา่ นี้จะไปกระตุ้นใหเ้ ดก็ เกิดความรู้สึกเปน็ ทย่ี อมรับจากบคุ คลภายใน บ้าน ซึง่ จะสง่ ผลทาให้เด็ก อยากเป็นทยี่ อมรับจากเพ่ือน จากครูและจากคนอืน่ ๆ ต่อๆ ไป จึงเป็นเหตุผลจูงใจกระทาความดีมาก ขึ้นๆ แต่ในกรณตี รงกันข้าม ถ้าเด็กคนใดเกดิ มาในครอบครัวท่ียุ่งเหยงิ ทาให้พ่อแมไ่ ม่มีปัญหาพอที่จะ ดแู ลเดก็ กลับจะตอ้ งสง่ เดก็ มาฝากให้ญาตเิ ล้ียงเป็นภาระ ไมม่ ใี ครเปน็ ธุระจดั การอะไรให้อย่างออก นอกหนา้ ถา้ ไมจ่ าเป็นก็ไม่คอ่ ยอยากจะรับรู้ รับฟังเร่ืองของเดก็ ถงึ เวลาจะนานกไ็ ม่รูว้ า่ ใครจะให้ความ อบอนุ่ เมตตาหรอื รักได้ มคี วามร้สู ึกโดดเดีย่ ว ไม่เปน็ ที่ตอ้ งการของใครแมแ้ ตค่ นเดียวในบา้ นไม่วา่ จะ ถูกหรอื ทาผดิ ทาดหี รือทาชัว่ กไ็ ม่มคี นเห็นคนทัก หาคนทห่ี วังดีจริงจงั ในการแนะนาตกั เตือนอดทน ช่วยฝึกสอนก็ไม่มี ในลักษณะเชน่ นเี้ ด็กจะมีชวี ติ ท่เี ลื่อนลอย ไม่รู้สกึ ว่าตัวเองเป็นสมาชิกภายในบ้าน เป็นคนหน่งึ ภายในครอบครัว ไม่มีใครรับฟงั ปัญหา หรอื ไม่รูว้ ่าจะปรึกษาใคร เม่ือเตบิ โตไปโรงเรยี นก็ มักจะพกพาเอาความร้สู กึ โดดเด่ียว วา้ เหวน่ ้ีไปทีโ่ รงเรียน ความท่ที กั ษะไมไ่ ด้ถกู ฝึกสอนมาต้ังแตท่ ีบ่ า้ น จึงทาให้ผลการเรียนไม่ดี และมักจะแยกตวั ออกจากกลมุ่ เพ่ือน

การควบคมุ อารมณท์ างเพศ การจัดการกับอารมณเ์ พศอาจแบง่ ตามความรนุ แรงได้เป็น 3 ระดบั ดังนี้ ระดับที่ 1 การควบคุมอารมณท์ างเพศ อาจทาได้ 2 วธิ ี คือ 1. การควบคมุ จิตใจตนเอง พยายามข่มใจตนเอง มิให้เกดิ อารมณ์ทางเพศได้ หรอื ถ้าเกิด อารมณ์ทางเพศ ก็ใหพ้ ยายามข่มใจไว้ไมใ่ หเ้ กิดอารมณท์ างเพศ เพื่อใหอ้ ารมณ์ทางเพศค่อยๆ ลดลงจน ส่สู ภาพอารมณ์ทป่ี กติ 2. การหลกี เล่ียงจากสง่ิ เร้า ส่งิ เรา้ ภายนอกท่ีย่วั ยุอารมณ์ทางเพศหรือยั่วกเิ ลส ยอ่ มทาให้ เกิดอารมณ์ทางเพศได้ ดังนน้ั การตดั ไฟเสยี แตต่ ้นลม คอื หลีกเลย่ี งจากสิง่ เรา้ เหลา่ นนั้ เสียก็จะช่วยให้ ไมเ่ กิดอารมณไ์ ด้ เช่น ไม่ดูสอ่ื ลามกตา่ งๆไม่เที่ยวกลางคนื เปน็ ต้น ระดับที่ 2 การเบ่ียงเบนอารมณ์ทางเพศ ถ้า เกิดอารมณ์ทางเพศจนไม่อาจควบคมุ ไดค้ วรใช้วธิ ีการเบี่ยงเบนเปลี่ยนให้ไปสนใจ ในสง่ิ อืน่ แทนท่ีจะหมกม่นุ อยกู่ บั อารมณ์ทางเพศเช่น ไปออกกาลังกาย ประกอบกจิ กรรมนันทนาการตา่ งๆ ให้สนุกสนานเพลดิ เพลนิ ไปทางานต่างๆเพอื่ ให้จติ ใจมุ่งทงี่ าน ไปพดู คยุ สนทนากับคนอนื่ เปน็ ต้น ระดับที่ 3 การปลดปลอ่ ยหรือระบายอารมณ์ทางเพศ ถ้าเกดิ อารมณ์ทางเพศระดับมากจนเบี่ยงเบนไมไ่ ด้ หรือสถานการณ์นั้นอาจทาให้ไม่มี โอกาส เบยี่ งเบนอารมณ์ทางเพศก็อาจปลดปลอ่ ย หรือระบายอารมณ์ทางเพศดว้ ยวิธกี ารที่เหมาะสมกบั สภาพ ของวยั รุน่ ซ่ึงเป็นนกั เรียนโดยทาได้ 2 ประการ คอื 1. โดยการฝันนน่ั ก็คอื การฝนั เปียก (Wet Dream)ในเพศชาย ซงึ่ การฝนั นเี้ ราไมส่ ามารถ บงั คบั ใหฝ้ ันหรือไม่ให้ฝนั ได้ แตจ่ ะเกดิ ขึ้นเองเม่ือเราสนใจหรือมคี วามร้สู กึ ในทางเพศมากจนเกนิ ไป หรอื อาจเกดิ การสะสมของนา้ อสจุ มิ ีมากจนลน้ ถุงเก็บนา้ อสุจธิ รรมชาติกจ็ ะระบายนา้ อสจุ ิออกมาโดย การให้ฝนั เกี่ยวกบั เรอื่ งเพศจนถงึ จุดสดุ ยอด และมีการหลัง่ น้าอสุจิออกมา 2. การสาเรจ็ ความใครด่ ว้ ยตนเองหรืออาจเรียกอีกอยา่ งหนึง่ ว่าการชว่ ยเหลอื ตัว เอง (Masturbation)ทาได้ทัง้ ผู้หญิงและผูช้ าย ซึง่ ผ้ชู ายแทบทกุ คนมักมปี ระสบการณ์ในเร่อื งนี้แตผ่ ้หู ญงิ นั้นมีเป็นบางคนทีม่ ปี ระสบการณ์ ในเรื่องน้ี การสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นเร่ืองธรรมชาตขิ อง คนเรา เมื่อเกดิ อารมณ์ทางเพศจนหยุดยัง้ ไม่ได้ เพราะการสาเร็จความใคร่ด้วยตนเองไม่ ทาให้ตนเอง และผู้อ่นื เดือดรอ้ น แตไ่ มค่ วรกระทาบอ่ ยนัก วิธคี วบคุมอารมณท์ างเพศ 1. ใหค้ วามสนใจกบั การศกึ ษาเล่าเรยี น เพือ่ ความกา้ วหน้า และ ความสาเรจ็ ในการดาเนนิ ชีวติ ในอนาคต 2. หลีกเลย่ี งการกระตนุ้ อารมณท์ างเพศจากสื่อตา่ งๆที่เป็นส่ิงเร้าทาให้เกิด อารมณ์ทางเพศ เช่นหนังสือตา่ งๆ การดูภาพยนตรห์ รอื วดี ีโอท่ียัว่ ยุอารมณท์ างเพศ หรอื ไม่ควรอยูต่ ามลาพังกับเพอ่ื น ตา่ งเพศในท่ีลับตาคน

3. สนใจเข้าร่วมกจิ กรรมตา่ งๆเชน่ ดนตรี กฬี า หรอื วาดรปู เพ่อื จะไดเ้ บยี่ งเบนความสนใจ จากอารมณ์ทางเพศและยังทาให้สุขภาพกายและสุขภาพ จติ ดดี ว้ ย ขอ้ คดิ ดๆี เก่ยี วกบั ความสัมพนั ธเ์ รื่องเพศ การมีเพศสมั พนั ธ์ นอกจากเปน็ วถิ ที างธรรมชาตอิ ย่างหนึง่ ของมนษุ ย์ ยงั มผี ลพลอยได้เกดิ ข้นึ ตามมาอกี ดว้ ย นกั วิชาการทีช่ า่ งสรรหาเรอ่ื งวจิ ัยระบุว่า ผลพลอยได้จากการมีเพศสมั พนั ธ์ สะทอ้ น ออกมาทางกระบวนการทางชวี วิทยา ดงั นี้ 1. เซ็กซ์คอื การบารงุ ความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าขณะผู้หญงิ มเี พศสัมพันธ์ เธอจะ หล่งั ฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก ซง่ึ ทาใหเ้ สน้ ผมเปน็ เงางามและผิวพรรณน่มุ นวล 2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลาย ช่วยลดการอักเสบทางผวิ หนัง เช่น สวิ และผ่นื ตา่ งๆ เหง่อื ที่ไหลออกมาเป็นตวั ชะลา้ งรูขมุ ขน ทาให้ผิวผ่องใส 3. เพศสมั พันธช์ ่วยเผาผลาญแคลอรีทีค่ ณุ กนิ เขา้ ไปช่วงมอ้ื ค่าอันโรแมนตกิ 4. เซก็ ซค์ ือการออกกาลังกายทีป่ ลอดภัยที่สดุ ท้ังช่วยยืดเสน้ ยดื สายและทาให้กล้ามเนื้อตึงในทุกๆ ส่วนของร่างกาย อีกทั้งนา่ สนุกกว่าจ๊อกกงิ้ หรือว่ายน้าสัก 20 เที่ยวเปน็ ไหนๆ แถมยังไม่ตอ้ งใช้รองเท้า กฬี าแพงๆ 5. เซ็กซ์ช่วยลดความตึงเครยี ดได้ดีย่งิ กจิ กรรมทางเพศชว่ ยทาให้ร่างกายหลงั่ สารเอนดอร์ฟินสใ์ น กระแสเลอื ดทาใหค้ ุณรูส้ ึกดีขึน้

6. มเี ซก็ ซบ์ อ่ ยๆ คณุ ยง่ิ ไดร้ บั สารเคมีที่ชอ่ื ฟีโรโมนส์ (Pheromones) มากยิ่งข้ึน 7. กล่ินตวั ทีถ่ ูกขับออกมาขณะมคี วามต้องการทางเพศ เป็น 'น้าหอม' ทชี่ ว่ ยกระตุ้นให้เพศตรงข้าม คกึ คักไดอ้ ยา่ งเหลือเชอ่ื 8. จูบกนั ทกุ วนั ลดอาการฟนั ผุ การจบู กระตุน้ น้าลายให้ขบั น้าลายออกมา จึงช่วยชะล้างฟนั ของคณุ ให้สะอาด 9. เซก็ ซ์แก้ปวดหวั ตลอดกระบวนการทางเพศจะชว่ ยผ่อนคลายความตึงเครียดซง่ึ ไปปดิ กน้ั หลอด เลือดในสมองไว้ 10. รว่ มเพศบอ่ ยๆ ช่วยแกอ้ าการคดั จมกู เพราะเซก็ ซเ์ ปน็ ยาแอนตีฮ้ สิ ตามนี จากธรรมชาติ แก้ อาการแพ้ฝนุ่ แพล้ ะอองได้ดี 11. เซ็กซ์จะเปน็ ยานอนหลับที่มปี ระสิทธภิ าพดกี ว่า แวเลยี่ ม (Valium) หลายเท่า วัฒนธรรมทางเพศ หมายถึง วฒั นธรรมที่มอี ิทธพิ ลต่อพฤตกิ รรมทางเพศ ไดแ้ ก่ ระเบยี บ จารีต ประเพณี ศีลธรรมและจริยธรรมอนั ดงี ามของคนไทยในด้านความประพฤตเิ ก่ียวกบั เพศซงึ่ เปน็ ท่ี ยอมรบั นับถอื และสืบทอดปฏิบตั ติ ่อเน่ืองกนั มายาวนาน ตง้ั แตส่ มัยโบราณจนถึงปจั จุบนั ซ่ึงไดส้ ่งผลให้ ครอบครัวและสงั คมไทยมีความสงบสุขรม่ เย็น

รเู้ ท่าทันยาเสพตดิ ความหมายของยาเสพติด ยาเสพติด หมายถงึ สารใดก็ตามทเี่ กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ หรือสารท่ีสงั เคราะห์ขนึ้ เมีอ่ น าเขา้ สู้ ร่างกายไม่ว่าจะโดยวธิ ีรับประทาน ดม สูบ ฉดี หรือดว้ ยวธิ กี ารใด ๆแลว้ ทาให้เกิดผลตอ่ ร่างกายและ จิตใจนอกจากนยี้ งั จะทาใหเ้ กิดการเสพตดิ ได้ หากใชส้ ารนัน้ เปน็ ประจาทุกวนั หรอื วันละหลาย ๆ ครัง้ ลกั ษณะสาคญั ของสารเสพตดิ จะทาให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผเู้ สพดงั น้ี 1. เกิดอาการดอื้ ยา หรอื ตา้ นยา และเม่อื ตดิ แล้ว ต้องการใช้สารน้นั ในประมาณมากข้นึ 2. เกดิ อาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมอ่ื ใช้สารนั้นเทา่ เดมิ ลดลง หรอื หยดุ ใช้ 3. มีความตอ้ งการเสพทง้ั ทางร่างกายและจติ ใจ อย่างรนุ แรงตลอดเวลา 4. สขุ ภาพรา่ งกายทรุดโทรมลง เกดิ โทษตอ่ ตนเอง ครอบครวั ผู้อน่ื ตลอดจนสังคม และ ประเทศชาติ ประเภทของยาเสพติด ยาเสพติด แบง่ ได้หลายรูปแบบ ตามลักษณะตา่ ง ๆ ดังนี้ 1. แบง่ ตามแหล่งท่เี กดิ ซ่ึงจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 ยาเสพติดธรรมชาต(ิ Natural Drugs) คือยาเสพติดท่ีผลติ มาจากพชื เช่น ฝ่ิน กระทอ่ ม กญั ชา เป็นต้น 1.2 ยาเสพติดสงั เคราะห์ (Synthetic Drugs) คอื ยาเสพติดท่ผี ลติ ข้ึนด้วยกรรมวธิ ที าง เคมีเช่น เฮโรอีน แอมเฟตามีน เปน็ ต้น 2. แบ่งตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.2522 ซ่งึ จะแบง่ ออกเป็น 5 ประเภท คือ 2.1 ยาเสพติดใหโ้ ทษ ประเภทที่ 1 ได้แก่ เฮโรอนี แอลเอสดีแอมเฟตามนี หรือยาบา้ ยาอีหรือยาเลิฟ 2.2 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภทที่ 2 ยาเสพติดประเภทนีส้ ามารถนามาใช้เพ่ือประโยชน์ทางการแพทย์ ได้ แตต่ ้องใชภ้ ายใตก้ ารควบคุมของแพทย์ และใชเ้ ฉพาะกรณที ่จี าเปน็ เท่าน้นั ได้แก่ ฝนิ่ มอร์ฟนี โคเคน หรือโคคาอีน โคเคอนี และเมทาโดน

2.3 ยาเสพตดิ ให้โทษ ประเภทที่ 3 ยาเสพติดประเภทน้เี ปน็ ยาเสพติดใหโ้ ทษทมี่ ียาเสพตดิ ประเภทที่ 2 ผสมอยดู่ ้วย มีประโยชน์ทางการแพทย์ การนาไปใชเ้ พือ่ จุดประสงคอ์ ื่น หรอื เพอื่ เสพติด จะมีบทลงโทษกากบั ไว้ ยาเสพตดิ ประเภทนี้ ได้แก่ ยาแกไ้ อ ท่ีมีตวั ยาโคเคอนี ยาแก้ทอ้ งเสยี ทม่ี ฝี ่ิน ผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงบั ปวดตา่ ง ๆ เชน่ มอร์ฟนี เพทดิ นี ซงึ่ สกัดมาจากฝนิ่ 2.4 ยาเสพติดให้โทษ ประเภทท่ี 4 คือสารเคมีท่ีใชใ้ นการผลติ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 หรือ ประเภทท่ี 2 ยาเสพติดประเภทนี้ไมม่ ีการนามาใช้ประโยชนใ์ นการบาบดั โรคแต่อย่างใด และมี บทลงโทษกากบั ไวด้ ว้ ย ไดแ้ ก่น้ายาอะเซตคิ แอนไฮไดรย์ และ อะเซตลิ คลอไรด์ ซ่ึงใช้ในการเปล่ียน มอร์ฟีน เปน็ เฮโรอีน สารคลอซไู ดอเี ฟครนี สามารถใช้ในการผลติ ยาบ้าได้ และวัตถอุ อกฤทธิ์ต่อจิต ประสาทอกี 12 ชนดิ ทีส่ ามารถนามาผลติ ยาอแี ละยาบ้าได้ ผสมผสาน เห็ดขีค้ วาย 2.5 ยาเสพตดิ ให้โทษประเภทที่ 5 เปน็ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทม่ี ิไดเ้ ขา้ ข่ายอยู่ในยาเสพติดประเภทท่ี 1 ถึง 4 ไดแ้ ก่ ทุกส่วนของพืชกญั ชา ทกุ สว่ นของพชื กระท่อม เห็ดขคี้ วาย เป็นตน้ 3. แบ่งตามการออกฤทธติ์ อ่ จติ ประสาท ซึง่ แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภท คือ 3.1 ยาเสพติดประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝ่ิน มอรฟ์ ีน เฮโรอนี สารระเหย และยา กลอ่ มประสาท 3.2 ยาเสพตดิ ประเภทกระต้นุ ประสาท ไดแ้ ก่ แอมเฟตามีน กระท่อม และ โคคาอีน 3.3 ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท ไดแ้ ก่ แอลเอสดีดีเอม็ พีและ เห็ดขค้ี วาย 3.4 ยาเสพติดประเภทออกฤทธผิ์ สมผสาน กล่าวคอื อาจกดกระตนุ้ หรือ หลอนประสาท ไดพ้ ร้อม ๆ กนั ตวั อย่างเช่น กัญชา

4. แบง่ ตามองคก์ ารอนามัยโลก ซ่ึงแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 9 ประเภท คือ 4.1 ประเภทฝิน่ หรอื มอรฟ์ ีน รวมทงั้ ยาทีม่ ีฤทธ์คิ ล้ายมอร์ฟีน ได้แก่ ฝ่ิน มอรฟ์ นี เฮโรอีน เพทิดนี 4.2 ประเภทยาปิทูเรท รวมทัง้ ยาที่มีฤทธ์ิท านองเดียวกนั ไดแ้ ก่ เซโคบาร์ปิตาล อะโมบาร์ ปติ าล พาราลดีไฮด์ เมโปรบาเมท ไดอาซีแพม เปน็ ต้น 4.3 ประเภทแอลกอฮอล ไดแ้ ก่ เหลา้ เบยี ร์ วิสก้ี 4.4 ประเภทแอมเฟตามีน ไดแ้ ก่ แอมเฟตามนี เมทแอมเฟตามีน 4.5 ประเภทโคเคน ไดแ้ ก่ โคเคน ใบโคคา 4.6 ประเภทกญั ชา ไดแ้ ก่ ใบกัญชา ยางกญั ชา 4.7 ประเภทใบกระทอ่ ม 4.8 ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดดี เี อ็นที เมสตาลีน เมลัดมอน่งิ กลอรี่ ต้นลาโพง เหด็ เมา บางชนดิ 4.9 ประเภทอืน่ ๆ นอกเหนือจาก 8 ประเภทขา้ งตน้ ได้แก่ สารระเหยต่าง ๆ เช่น ทินเนอร์ เบนซนิ นา้ ยาล้างเล็บ ยาแก้ปวด และบุหร่ี วิธีการเสพยาเสพตดิ กระทาไดห้ ลายวิธี ดังนคี้ ือ 3.1 สอดใต้หนังตา 3.2 สูบ 3.3 ดม

3.4 รับประทานเข้าไป 3.5 อมไวใ้ ตล้ น้ิ 3.6 ฉีดเขา้ เหงอื ก 3.7 ฉีดเข้าเส้นเลือด 3.8 ฉีดเขา้ กล้ามเนื้อ 3.9 เหน็บทางทวารหนกั ยาเสพติดทีแ่ พร่ระบาดในประเทศไทย ไดแ้ ก่ 4.1 ยาบา้ 4.2 ยาอียาเลฟิ หรือ เอก็ ซ์ตาซี 4.3 ยาเค 4.4 โคเคน 4.5 เฮโรอนี 4.6 กัญชา 4.7 สารระเหย 4.8 แอลเอสดี 4.9 ฝิน่ 4.10 มอรฟ์ ีน 4.11 กระท่อม 4.12 เห็ดขค้ี วาย

สาเหตุของการตดิ ยาเสพติด มีหลายประการ ดงั น้คี ือ 5.1 อยากลอง อยากรู้ อยากเห็น อยากสัมผัส ซึ่งเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของ มนุษย์ โดยคิดวา่ \"ไมต่ ิด\" แตเ่ ม่อื ลองเสพเขา้ ไปแลว้ มกั จะติด 5.2 ถูกเพือ่ นชักชวน สว่ นใหญ่พบในกลุ่มเยาวชน ท าตามเพ่ือน เพราะตอ้ งการ การยอมรับจาก เพื่อนฝูง หรือถูกชกั จงู ว่าใช้แลว้ ทาใหส้ มองปลอดโปรง่ หรอื ใชแ้ ลว้ ทาให้ขยนั จึงเหมาะแกก่ ารเรียน และการทางาน 5.3 ถกู หลอกลวง โดยอาศยั รูปแบบสีสันสวยงาม ทาให้ผรู้ บั ไมอ่ าจทราบไดว้ า่ ส่ิงทต่ี นไดร้ ับเป็นยา เสพติด 5.4 ใช้เพื่อลดความเจบ็ ปวดทางกาย อันเนอ่ื งมาจากโรคภัยไขเ้ จ็บ จนเกดิ การตดิ ยา เพราะใช้เป็นประจา 5.5 เกดิ จากความคะนอง และขาดสติย้งั คิด ท้งั ๆ ทร่ี ู้ว่าเป็นยาเสพตดิ แตอ่ ยากแสดง ความเก่งกล้า อวดเพ่อื น จงึ ชวนกันเสพจนตดิ 5.6 ภาวะสง่ิ แวดลอ้ มรอบตัว เออ้ื อานวยทจี่ ะสง่ เสรมิ และผลกั ดันใหห้ ันเข้าหายาเสพติด เชน่ ครอบครวั แตกแยก สมาชิกในครอบครัวขาดความเขา้ ใจซง่ึ กันและกนั ภาวะเศรษฐกจิ บีบบังคับ ให้ทาเพ่อื ความอยู่รอด อยากรวยเรว็ หรือพักอาศัยอยู่ ในแหล่งทีม่ ีการเสพและคา้ ยาเสพตดิ

โทษ/พิษภยั ของยาเสพติด การใช้ยาเสพติด มโี ทษและพษิ ภยั รอบตวั นอกจากจะสง่ ผลกระทบในทางไม่ดีโดยตรงต่อตัวผูเ้ สพ แล้ว ทง้ั ทางร่างกายและจิตใจ ยงั สง่ ผลกระทบทางอ้อมไปยังครอบครวั ผู้เสพ ตลอดจนเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาตอิ กี ด้วย วธิ สี งั เกตอาการผู้ติดยาเสพตดิ จะสังเกตวา่ ผู้ใดใช้หรอื เสพยาเสพตดิ ให้สงั เกตจากอาการและการเปลีย่ นแปลงทงั้ ทางร่างกาย และจิตใจดังต่อไปน้ี 1 การเปล่ยี นแปลงทางร่างกาย จะสังเกตไดจ้ าก 1.1 สขุ ภาพรา่ งกายทรดุ โทรม ซูบผอม ไม่มแี รง ออ่ นเพลยี 1.2 รมิ ฝีปากเขยี วคล้า แหง้ และแตก 1.3 รา่ งกายสกปรก เหงื่อออกมาก กล่นิ ตัวแรงเพราะไมช่ อบอาบนา้ 1.4 ผวิ หนงั หยาบกร้าน เป็นแผลพพุ อง อาจมีหนองหรอื นา้ เหลือง คล้ายโรคผิวหนัง 1.5 มีรอยกรีดด้วยของมคี ม เปน็ รอยแผลเปน็ ปรากฏท่ีบริเวณแขน และ/หรอื ทอ้ งแขน 1.6 ชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และสวมแว่นตาดาเพอ่ื ปดิ บังมา่ นตาทีข่ ยาย 2 การเปล่ียนแปลงทางจิตใจ ความประพฤตแิ ละบคุ ลกิ ภาพ สังเกตได้จาก 2.1 เปน็ คนเจ้าอารมณ์ หงดุ หงดิ ง่าย เอาแต่ใจตนเอง ขาดเหตผุ ล 2.2 ขาดความรับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ 2.3 ขาดความเชอื่ ม่ันในตนเอง 2.4 พูดจากา้ วร้าว แม้แต่บดิ ามารดา ครู อาจารย์ ของตนเอง 2.5 ชอบแยกตวั อยคู่ นเดียว ไม่เข้าหน้าผอู้ น่ื ทาตัวลึกลบั 2.6 ชอบเข้าห้องนา้ นาน ๆ 2.7 ใช้เงนิ เปลอื งผดิ ปกติ ทรัพย์สนิ ในบา้ นสูญหายบ่อย 2.8 พบอปุ กรณเ์ กยี่ วกับยาเสพติด เช่น หลอดฉดี ยา เขม็ ฉีดยา กระดาษตะกัว่ 2.9 ม่ัวสุมกับคนทมี่ ีพฤติกรรมเกยี่ วกับยาเสพตดิ 2.10 ไมส่ นใจความเปน็ อยู่ของตนเอง แต่งกายสกปรก ไม่เรยี บร้อย ไม่คอ่ ยอาบนา้ า 2.11 ชอบออกนอกบา้ นเสมอ ๆ และกลับบา้ นผดิ เวลา 2.12 ไมช่ อบทางาน เกียจครา้ น ชอบนอนตืน่ สาย 2.13 มีอาการวติ กกงั วล เศร้าซึม สีหนา้ หมองคลา้ 3 การสงั เกตอาการขาดยา ดงั ต่อไปนี้ 3.1 นา้ มกู น้าตาไหล หาวบ่อย 3.2 กระสบั กระสา่ ย กระวนกระวาย หายใจถ่ี ปวดท้อง คล่นื ไสอ้ าเจยี น เบ่อื อาหาร น้าหนักลด อาจ มีอจุ าระเปน็ เลือด 3.3 ขนลกุ เหงื่อออกมากผิดปกติ

3.4 ปวดเมอ่ื ยตามร่างกาย ปวดเสียวในกระดูก 3.5 ม่านตาขยายโตขน้ึ ตาพร่าไม่สแู้ ดด 3.6 มีอาการสัน่ ชกั เกรง็ ไขข้ ึ้นสูง ความดนั โลหติ สงู 3.7 เป็นตะคริว 3.8 นอนไมห่ ลับ 3.9 เพอ้ คลุ้มคลงั่ อาละวาด ควบคุมตนเองไมไ่ ด้ การตรวจพิสูจนห์ าสารเสพติดในร่างกาย การตรวจหาสารเสพตดิ ในร่างกาย แบง่ ออกเป็น 2 ขน้ั ตอน 1 การตรวจข้ันต้น : ราคาถกู ได้ผลเรว็ มชี ดุ ตรวจสาเร็จรูป ความแม่นยาในการตรวจ ปานกลาง สะดวกในการนาไปตรวจนอกสถานท่ี 2 การตรวจขั้นยนื ยนั : เปน็ การตรวจทใี่ ห้ผลแมน่ ยา แต่ใช้เวลาตรวจนาน ค่าใชจ้ ่ายสูง การบาบัดรกั ษาผตู้ ดิ ยาเสพตดิ การบาบดั รกั ษาผ้ตู ดิ ยาเสพตดิ หมายถงึ การดาเนนิ งานเพอ่ื แก้ไขสภาพร่างกาย และจติ ใจของผู้ตดิ ยาเสพตดิ ให้เลิกจากการเสพ และสามารถกลบั ไปดารงชีวิตอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งปกติการบาบัดรกั ษาผู้ ตดิ ยาเสพตดิ แบ่งออกเปน็ 3 ระบบคอื 1 ระบบสมัครใจ หมายถึง ผู้ตดิ ยาเสพตดิ สมัครใจเขา้ รับการบาบัดรกั ษาในสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง ของภาครัฐและเอกชน 2 ระบบตอ้ งโทษ หมายถึง ผ้ตู ดิ ยาเสพติดทกี่ ระทาความผดิ และถูกคมุ ขงั จะไดร้ ับการ บาบัดรกั ษา ในสถานพยาบาลทก่ี าหนดได้ตามกฎหมาย เช่น ทัณฑสถานบาบัดพเิ ศษ กรมราชทณั ฑ์

กระทรวงมหาดไทย, สานักงานคมุ ประพฤติ กระทรวงยตุ ธิ รรมหรือสถานพินจิ และคมุ้ ครองเดก็ กลาง กระทรวงยุติธรรม 3 ระบบบงั คับบาบดั หมายถงึ ผทู้ ี่ทางราชการตรวจพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จะต้องถกู บงั คับบาบดั ตาม พ.ร.บ. ฟนื้ ฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2534 ในสถานพยาบาลที่จัด ขึน้ ตาม พ.ร.บ. ดังกลา่ ว เปน็ ระยะเวลา ๖ เดอื น และขยายได้จนถึงไมเ่ กิน 3 ปีระบบน้ยี งั ไมเ่ ปดิ ใชใ้ น ขณะนี้ การบาบัดรกั ษา และฟื้นฟูสมรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพติด มี 4 ข้นั ตอน คือ 1 ขน้ั เตรียมการก่อนบาบัดรกั ษา (Pre - admission) เพ่ือศกึ ษาประวัตภิ มู ิหลังของผู้ ติดยาเสพติดท้งั จากผู้ขอรับการรกั ษา และครอบครัว 2 ขั้นถอนพิษยา (Detoxification) เป็นการบาบดั รักษาอาการทางกายที่เกิดจากการใช้ ยาเสพติด โดยผู้ขอรบั การรกั ษา สามารถเลือกใช้บริการแบบผู้ป่วยนอก หรอื ผู้ปว่ ยใน กไ็ ดต้ ามสะดวก 3 ข้นั การฟน้ื ฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation) เปน็ การบาบัดรักษาเพอ่ื ปรบั เปลี่ยน ลักษณะนิสัย บุคลกิ ภาพ พฤตกิ รรม เพ่ือใหร้ จู้ ักตนเอง และมคี วามเขม้ แข็งในจิตใจ เพอื่ ให้ผู้รบั การบาบดั มีความ เชือ่ ม่ันในการกลับไปดาเนินชีวติ ในสังคมได้อย่างปกติ โดยไม่หวนกลับไปเสพซ้าอกี 4 ขั้นตดิ ตามดแู ล (After - case) เปน็ การติดตามดแู ลผู้เลกิ ยาเสพติดทีไ่ ดผ้ ่านการบาบัดครบทั้ง 3 ขน้ั ตอนขา้ งตน้ แลว้ เพ่อื ให้คาแนะนา แกไ้ ขปัญหาและให้กาลังใจผูเ้ ลกิ ยาเสพตดิ ให้ดาเนินชวี ิตอย่าง ปกตสิ ุขในสงั คมไดย้ งิ่ ขึ้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook