Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน4

แผน4

Published by nookfilmsuksorn, 2021-03-29 08:24:08

Description: แผน4

Search

Read the Text Version

3.การวิเคราะหส์ ถานการณพ์ ลังงานไฟฟูาของประเทศไทย ขน้ั ที่ 3 การปฏิบตั แิ ละการนาไปประยกุ ต์ใช้ (I : Implementation) 1.ครูและผเู้ รยี นรว่ มกันสรุป และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั สถานการณพ์ ลงั งานไฟฟาู ของ ประเทศไทย และแหล่งทีม่ า 2.ครูใหผ้ ู้เรยี นไปศึกษาค้นควา้ ในเรื่องสถานการณ์พลังงานไฟฟาู ของประเทศไทย และแหล่งทม่ี า โดยจดั ทาเปน็ รปู เลม่ รายงาน ขน้ั ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1.สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 2.การสงั เกตจากการนาเสนอ 3.การซักถามผู้เรียน 4.ใบงาน 7. แผนการจัดการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง คน้ ควา้ หาความรเู้ พ่ิมเตมิ ดังน้ี 1.บอกการกาเนดิ ของไฟฟูา 2.บอกสัดส่วนเช้อื เพลิงทีใ่ ชใ้ นการผลติ ไฟฟูาของประเทศไทย 3. ตระหนกั ถึงสถานการณข์ องเชื้อเพลิงทใ่ี ชใ้ นการผลติ ไฟฟูาของประเทศไทย 4. วิเคราะห์สถานการณพ์ ลังงานไฟฟาู ของประเทศไทย 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สบื คน้ ใน Internet 8.2 หนังสือแบบเรยี นรายวชิ า พว 22002 รายวชิ าการใชไ้ ฟฟูาในชีวติ ประจาวัน 2 ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ 8.3 ใบความรู้ 8.4 ส่ือสง่ิ พมิ พ์ 9. กระบวนการวัดผลประเมนิ ผล 9.1 วิธีการวัดและประเมินผล 9.1.1 สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ 9.1.2 สงั เกตพฤติกรรมการทางานของผู้เรยี นรายบุคคล 9.2 เครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล . 9.2.1 แบบฝกึ หดั . 9.2.2 ใบงาน 9.2.3 การนาเสนอผลงานกลุม่ 9.2.4 การสงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นรวม

ชื่อ....................................................................รหสั นักศึกษา..........................................ม.ต้น ใบงาน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง สถานการณ์พลงั งานไฟฟ้ าของประเทศไทย และแหล่งทม่ี า จงเลือกชนิดและปริมาณเช้ือเพลิงท่ีใชใ้ นการผลิตไฟฟ้ าของประเทศไทยในปี 2558ใส่ลงในตารางใหถ้ ูกตอ้ ง ชนิดของเชื้อเพลงิ : น้ามนั ดีเซล พลงั งานหมุนเวยี น ซ้ือไฟฟ้ าจากประเทศมาเลเซีย ก๊าซธรรมชาติ น้ามนั เตา ถ่านหินนาเขา้ และถ่านหินในประเทศ (ลิกไนต)์ ปริมาณเชื้อเพลงิ ทใี่ ช้ในการผลติ ไฟฟ้ า : 18.96, 0.62, 11.02, 0.07, 69.19, 0.13 อนั ดบั ท่ี ชนิดของเชื้อเพลงิ ปริมาณเชื้อเพลงิ ทใ่ี ช้ ในการผลติ ไฟฟ้ า 1 2 3 4 5 6 7

ชื่อ....................................................................รหสั นักศึกษา..........................................ม.ต้น ใบงาน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง สถานการณ์พลงั งานไฟฟ้ าของประเทศไทย และแหล่งทม่ี า เร่ือง เชื้อเพลงิ และพลงั งานทใ่ี ช้ในการผลติ ไฟฟ้ า เรื่อง ผลติ ไฟฟ้ าอย่างไรดี 1) บอกเช้ือเพลิงท่ีใชใ้ นการผลิตไฟฟ้ าวา่ มีอะไรบา้ ง ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... 2) เปรียบเทียบขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของเช้ือเพลิงท่ีใชใ้ นการผลิตไฟฟ้ าแต่ละชนิด ลงในตารางท่ี กาหนดให้ แหล่งพลงั งาน ข้อดี ข้อจากดั ถ่านหิน น้ามนั กา๊ ซธรรมชาติ พลงั งานลม พลงั งานน้า พลงั งานแสงอาทิตย์ พลงั งานชีวมวล พลงั งานความร้อน ใตพ้ ภิ พ พลงั งานนิวเคลียร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ สาระการเรยี นรู้ อุปกรณ์ไฟฟาู และการประหยดั พลังงานไฟฟูา รหัสวชิ า พว 22002 รายวิชา การใช้ไฟฟูาในชวี ิตประจาวนั 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง อปุ กรณ์ไฟฟูาและการประหยดั พลังงานไฟฟูา ระยะเวลา 6 ชวั่ โมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเห็นคุณค่าเกยี่ วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีสิ่งมีชีวิต ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมในทอ้ งถ่ินและประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการ เปล่ียนแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ และนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนนิ ชีวิต 2.ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั นักศึกษาสามารถบอกสถานการณ์พลังงานไฟฟูาของประเทศไทย และประเทศในอาเซียนได้อย่าง ถกู ตอ้ ง 3.สาระสาคญั พลังงานไฟฟาู เป็นพลงั งานรปู แบบหนึ่งท่กี ่อใหเ้ กดิ พลงั งานอืน่ ๆ ได้ เช่น ความรอ้ น และแสงสวา่ ง เปน็ ตน้ จึงเป็นเหตใุ ห้พลงั งานไฟฟูากลายเปน็ สิง่ จาเปน็ ตอ่ การดาเนินชีวิตประจาวนั ของมนษุ ย์ในปจั จบุ นั จาก อดตี จนถึงปัจจบุ ันประเทศไทยมีแนวโนม้ การใชพ้ ลงั งานไฟฟูาเพิม่ มากข้นึ อย่างต่อเนือ่ ง โดยความสมั พันธ์ ระหว่างสง่ิ มีชีวติ กบั สิง่ แวดลอ้ มในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งาน การแกป้ ัญหา การดูแลรักษาและการ อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของทอ้ งถ่นิ และประเทศ รวมถึงพลงั งานไฟฟาู การตอ่ วงจรไฟฟูา เครือ่ งใชไ้ ฟฟูาในชวี ติ ประจาวัน แสงและสมบตั ิของแสง เลนส์ ประโยชนแ์ ละโทษจากแสง การเปลย่ี นรปู พลงั งาน พลังงานความรอ้ นและแหลง่ กาเนดิ การนาพลังงานไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวัน และการอนุรักษ์ พลังงานได้ 4.สาระการเรยี นรู้/เนือ้ หา 1. อธบิ ายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกบั ส่งิ แวดลอ้ มในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลงั งาน การแก้ปัญหา การดแู ลรักษาและการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมของทอ้ งถิ่นและประเทศ 2. อธิบายเกี่ยวกบั พลงั งานไฟฟูา การตอ่ วงจรไฟฟาู เครือ่ งใช้ไฟฟาู ในชวี ิตประจาวนั แสงและสมบตั ิ ของแสง เลนส์ ประโยชนแ์ ละโทษจากแสง การเปลย่ี นรูปพลงั งาน พลังงานความรอ้ นและแหลง่ กาเนดิ การนา พลงั งานไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน และการอนุรักษพ์ ลงั งานได้ 3. อธบิ าย ออกแบบ วางแผน ทดลอง ทดสอบ ปฏบิ ัตกิ ารเรือ่ งไฟฟูาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย คดิ วเิ คราะห์ เปรียบเทียบขอ้ ดี ข้อเสยี ของการตอ่ วงจรไฟฟาู แบบอนุกรม แบบขนาน แบบผสม ประยกุ ต์และ เลือกใชค้ วามรู้ และทกั ษะอาชีพช่างไฟฟาู ใหเ้ หมาะสมกับดา้ นบรหิ ารจัดการและการบริการเพอ่ื นาไปสกู่ ารจดั ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 5.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักศึกษาสามารถบอกความสาคญั ของอุปกรณไ์ ฟฟาู แตล่ ะชนิดได้ 2. นกั ศึกษาสามารถเลอื กใชอ้ ุปกรณไ์ ฟฟาู ไดอ้ ย่างถกู วธิ ี

6.กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ONIE MODEL ขั้นที่ 1. กาหนดสภาพปัญหา (O : Orientation) ครสู นทนากบั ผเู้ รียนถึงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสิง่ มชี ีวติ กับสง่ิ แวดลอ้ มในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอด พลงั งาน การแก้ปัญหา การดแู ลรกั ษาและการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม รวมถงึ พลังงาน ไฟฟาู การตอ่ วงจรไฟฟาู เครื่องใช้ไฟฟาู ในชวี ติ ประจาวนั แสงและสมบตั ขิ องแสง เลนส์ ประโยชนแ์ ละโทษจาก แสง การเปลย่ี นรูปพลังงาน ขน้ั ที่ 2. แสวงหาข้อมลู และจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้(N : New ways of learning) ครูมอบหมายให้ผเู้ รยี นไปศกึ ษาเก่ยี วกบเร่ืองดังนี้ 1.ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่งิ มชี ีวติ กบั ส่งิ แวดลอ้ มในระบบนเิ วศ 2.การถ่ายทอดพลังงาน การแกป้ ญั หา การดแู ลรักษาและการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 3.พลงั งานไฟฟาู การต่อวงจรไฟฟาู เครือ่ งใช้ไฟฟาู ในชวี ิตประจาวัน 4.แสงและสมบัติของแสง เลนส์ ประโยชน์และโทษจากแสง การเปล่ยี นรปู พลงั งาน ขั้นที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนาไปประยุกตใ์ ช้ (I : Implementation) - ครบู อกถึงแหลง่ เรียนรทู้ ่ใี ชใ้ นการศึกษาหาข้อมลู - ครูมอบหมายงานให้ผู้เรยี นไปทาการศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง -แจกใบงาน กรต.ให้ผูเ้ รียนศึกษาต่อเนื่อง ขั้นที่ 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (E : Evaluation) 1.สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 2.การสงั เกตจากการนาเสนอ 3.การซักถามผ้เู รยี น 4.ใบงาน 7. แผนการจดั การเรียนร้ดู ้วยตนเอง ค้นควา้ หาความรู้เพ่ิมเติมดงั นี้ 1.ความสาคัญของอปุ กรณไ์ ฟฟูาแต่ละชนดิ ได้ 2. การเลือกใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟาู ได้อย่างถูกวธิ ี 8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สบื คน้ ใน Internet 8.2 หนงั สือแบบเรียนรายวิชา พว 22002 รายวชิ าการใชไ้ ฟฟูาในชวี ิตประจาวนั 2 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 8.3 ใบความรู้ 8.4 สือ่ สิง่ พิมพ์ 9. กระบวนการวดั ผลประเมินผล 9.1 วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล 9.1.1 สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม 9.1.2 สงั เกตพฤติกรรมการทางานของผเู้ รียนรายบุคคล

9.2 เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล . 9.2.1 แบบฝึกหัด . 9.2.2 ใบงาน 9.2.3 การนาเสนอผลงานกลุ่ม 9.2.4 การสังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรวม

ช่ือ....................................................................รหัสนักศึกษา..........................................ม.ต้น ใบงาน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง อปุ กรณ์ไฟฟ้ าและวงจรไฟฟ้ า ใหผ้ เู้ รียนบอกช่ือและหนา้ ที่ของอุปกรณ์ไฟฟ้ า อุปกรณ์ไฟฟ้ า ชื่ออุปกรณ์ไฟฟ้ า หน้าท่ี

แผนการจัดการเรียนรู้ ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น สาระการเรียนรู้ การใชแ้ ละการประหยดั พลงั งานไฟฟูา รหัสวิชา พว 22002 รายวชิ า การใช้ไฟฟาู ในชีวติ ประจาวนั 2 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรือ่ ง การใชแ้ ละการประหยดั พลงั งานไฟฟูา ระยะเวลา 6 ชว่ั โมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเหน็ คณุ คา่ เกย่ี วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มในท้องถิ่นและประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการ เปลย่ี นแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจติ วทิ ยาศาสตร์ และนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในการดาเนนิ ชีวติ 2.ผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวัง นักศกึ ษาสามารถบอกสถานการณ์พลังงานไฟฟาู ของประเทศไทย และประเทศในอาเซียนไดอ้ ย่าง ถูกต้อง 3.สาระสาคญั ปัจจบุ นั มนษุ ยพึง่ พาสง่ิ อานวยความสะดวกมากมาย โดยเฉพาะเครอ่ื งใช้ ไฟฟูา จงึ ทาให้ พลงั งานไฟฟู าเป็นสง่ิ จาเป็นในการดาเนนิ ชีวติ ดังนน้ั เพอ่ื ให้ การใช้พลงั งานไฟฟูามคี วามปลอดภัย ผู้ใช้จึงต้องรูจกั เคร่ืองใช้ ไฟูฟา พรอ้ มท้งั เลอื กใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม และเพอ่ื ให้การใช้ พลงั งานไฟฟูา เกดิ ความคุมคาและประหยดั ผู้ ใช้ต้ องรู้จกั วิธีการประหยัดพลงั งานไฟฟู า รวมถึงรู้ จักการคานวณ ค่าไฟฟูาท่ใี ช้ในครัวเรอื นอย่างถกู ต้ องเพื่อวาง แผนการใช้พลังงานไฟฟาู ในครวั เรือนได้อย่างคมุ้ คา่ 4.สาระการเรียนรู้/เนอ้ื หา 1. อธิบายเกี่ยวกับเคร่ืองใชไฟฟูา จงึ ทาให้ พลังงานไฟฟูาเป็นสิง่ จาเป็นในการดาเนินชีวิต 2. อธิบายเกี่ยวกับการใช้พลงั งานไฟฟูามคี วามปลอดภัย 3. อธิบาย วิธกี ารประหยัดพลงั งานไฟฟูา รวมถึงรู้จกั การคานวณ ค่าไฟฟูา 5.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักศกึ ษาสามารถบอกเกีย่ วกับเคร่อื งใช้ไฟฟูา จงึ ทาให้พลงั งานไฟฟูาเป็นสิ่งจาเป็นในการดาเนนิ ชีวติ 2. นักศกึ ษาสามารถเลอื กใช้พลงั งานไฟฟูาทมี่ คี วามปลอดภัย 6.กระบวนการจัดการเรียนรู้ ONIE MODEL ขนั้ ท่ี 1. กาหนดสภาพปัญหา (O : Orientation) ครสู นทนากบั ผู้เรยี นถึงวิธีการศกึ ษาดว้ ยตนเองในเร่ืองเครื่องใชไฟฟูาและการประหยัดพลงั งานไฟฟูา ข้นั ท่ี 2. แสวงหาขอ้ มูลและจัดกิจกรรมการเรยี นรู้(N : New ways of learning) ครูมอบหมายใหผ้ ูเ้ รียนไปศึกษาเก่ียวกบเรื่องดงั นี้ 1.ความหมายความสาคญั และความจาเปน็ เคร่อื งใชไฟฟูา 2.พลังงานไฟฟูาเป็นส่งิ จาเป็นในการดาเนนิ ชวี ิต 3.วิธกี ารประหยัดพลงั งานไฟฟูา รวมถึงรู้จกั การคานวณ ค่าไฟฟูา ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนาไปประยุกต์ใช้ (I : Implementation) 1.ครบู อกถงึ แหล่งเรยี นรูท้ ี่ใช้ในการศกึ ษาหาข้อมลู

2.ครูมอบหมายงานให้ผเู้ รยี นไปทาการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง 3.แจกใบงาน กรต.ให้ผูเ้ รยี นศึกษาต่อเนอ่ื ง ข้ันท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (E : Evaluation) 1.สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล 2.การสงั เกตจากการนาเสนอ 3.การซักถามผู้เรียน 4.ใบงาน 7. แผนการจดั การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ค้นคว้าหาความรเู้ พิม่ เตมิ ดังนี้ 1.ความสาคญั ของอปุ กรณ์ไฟฟาู แต่ละชนดิ ได้ 2.การเลือกใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟูาได้อย่างถกู วธิ ี 8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สบื ค้นใน Internet 8.2 หนงั สอื แบบเรยี นรายวิชา พว 22002 รายวชิ าการใชไ้ ฟฟูาในชวี ิตประจาวนั 2 ระดบั มัธยมศกึ ษา ตอนต้น 8.3 ใบความรู้ 8.4 ส่ือสงิ่ พิมพ์ 9. กระบวนการวดั ผลประเมินผล 9.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 9.1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9.1.2 สังเกตพฤติกรรมการทางานของผเู้ รียนรายบุคคล 9.2 เครือ่ งมอื วดั และประเมินผล . 9.2.1 แบบฝึกหัด ใบงาน . 9.2.2 การสังเกตพฤตกิ รรมการมีส่วนรวม 9.2.3 การนาเสนอผลงานกลุ่ม

ช่ือ.................................................................รหสั นักศกึ ษา........................................ม...ต้น ใบงาน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง การใชแ้ ละการประหยัดพลังงานไฟฟาู 1.การประหยดั พลังงานไฟฟูา คอื อะไร ............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................... ................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. 2.กลยุทธ์ อ.1 คอื อะไร ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................... ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 3.การประหยัดพลงั งานไฟฟูาในอาคารสามารถดาเนินการได้อยา่ งไรบ้าง ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ .............................................................................. ..............................................................................................

แผนการจดั การเรียนรู้ ระดับ มัธยมศึกษาตอนตน้ สาระการเรยี นรู้ ไฟฟูามาจากไหน รหสั วิชา พว 22002 รายวิชา การใชไ้ ฟฟาู ในชวี ิตประจาวัน 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง ไฟฟูามาจากไหน ระยะเวลา 6 ช่ัวโมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเห็นคุณค่าเกีย่ วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ิง่ มชี ีวติ ระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ และประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการ เปล่ยี นแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจติ วทิ ยาศาสตร์ และนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนนิ ชีวติ 2.ผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั นกั ศกึ ษาสามารถบอกคณุ ค่าเกี่ยวกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ่ิงมีชีวติ ระบบนเิ วศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถิน่ และประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปล่ียนแปลงของ โลกและดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์ และนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนนิ ชวี ิต 3.สาระสาคัญ ไฟฟูาสามารถผลติ ได้จากเช้อื เพลงิ หลายประเภท เช่น ถา่ นหิน ํน้ามนั ก๊าซธรรมชาติ เป็นตน เชื้อเพลิง เหล่าน้ีเป็นเชอื้ เพลิงประเภทฟอสซิล ซึ่งกาลงั จะหมดไปในอนาคตอนั ใกล้ ทาใหต้ ้องมกี ารแสวงหาเช้อื เพลงิ อน่ื ๆ มาทดแทน เพ่ือให้เพียงพอตอความต้องการพลังงานไฟฟาท่ีเพ่มิ มากข้นึ อยา่ งต่อเนื่อง เรยี กว่า พลงั งานทดแท น แต่อย่างไรกต็ ามการผลิตไฟฟู ายงั ตองคานึงถงึ ผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้ อม จงึ ต้องมี การจัดการดา้ นสิ่งแวดล้อมทเี่ หมาะสมภายใต้ข้อกาหนดและกฎหมาย 4.สาระการเรยี นรู้/เนือ้ หา สามารถบอกคุณคา่ เก่ียวกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ง่ิ มชี วี ิต ระบบนเิ วศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมในท้องถน่ิ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการเปลี่ยนแปลงของ โลกและดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์ และนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนินชวี ิต 5.จุดประสงค์การเรียนรู้ นักศึกษาสามารถบอกเกี่ยวกบั คุณค่าเกีย่ วกับไฟฟูามาจากไหน และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ง่ิ มชี ีวิต ระบบนเิ วศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมในทอ้ งถ่นิ และประเทศ สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในการ ดาเนนิ ชีวิตประจาวนั 6.กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ONIE MODEL ขัน้ ท่ี 1. กาหนดสภาพปญั หา (O : Orientation) - ครูสนทนากบั ผู้เรียนถึงวธิ กี ารศกึ ษาดว้ ยตนเองในเรอ่ื งคุณคา่ เกี่ยวกบั กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ง่ิ มชี ีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ และประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปลีย่ นแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจติ วิทยาศาสตร์ และนาความรูไ้ ปใช้ ประโยชนใ์ นการดาเนนิ ชีวติ ไฟฟูามาจากไหน -รว่ มกับผูเ้ รยี นวางแผนการเรียนรู้ แจ้งกรอบรายละเอียดเนือ้ หา ไฟฟูามาจากไหน ขัน้ ท่ี 2. แสวงหาขอ้ มลู และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (N : New ways of learning)

ครมู อบหมายใหผ้ ้เู รียนไปศกึ ษาเกยี่ วกับเรือ่ งดังน้ี ความหมายความสาคัญและความจาเปน็ ในคณุ ค่าเก่ียวกบั ไฟฟูามาจากไหน และกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีสงิ่ มีชีวติ ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มในท้องถน่ิ และประเทศ สาร แรง พลังงานกระบวนการเปล่ียนแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มจี ิตวิทยาศาสตร์ และนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ในการดาเนนิ ชวี ติ ข้ันท่ี 3 การปฏิบัตแิ ละการนาไปประยุกตใ์ ช้ (I : Implementation) - ครูบอกถงึ แหลง่ เรียนรูท้ ีใ่ ชใ้ นการศึกษาหาข้อมลู - ครมู อบหมายงานให้ผเู้ รยี นไปทาการศึกษาคน้ คว้าด้วยตนเอง -แจกใบงาน กรต.ให้ผเู้ รียนศกึ ษาต่อเน่อื ง ขน้ั ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1.สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 2.การสังเกตจากการนาเสนอ 3.การซักถามผ้เู รยี น 4.ใบงาน 7. แผนการจัดการเรยี นรู้ด้วยตนเอง คน้ ควา้ หาความรเู้ พ่ิมเตมิ ดงั นี้ คุณคา่ เก่ียวกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ่งิ มชี ีวติ ระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่ และประเทศ สาร แรง พลงั งานกระบวนการเปลีย่ นแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจิต วทิ ยาศาสตร์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สืบค้นใน Internet 8.2 หนงั สอื แบบเรยี นรายวชิ า พว 22002 รายวิชาการใชไ้ ฟฟาู ในชวี ติ ประจาวัน2 ระดับมธั ยมศึกษา ตอนต้น 8.3 ใบความรู้ 8.4 ส่อื ส่งิ พิมพ์ 9. กระบวนการวัดผลประเมนิ ผล 9.1 วิธกี ารวัดและประเมินผล 9.1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 9.1.2 สงั เกตพฤติกรรมการทางานของผเู้ รียนรายบุคคล 9.2 เครอ่ื งมอื วัดและประเมินผล . 9.2.1 แบบฝึกหัด . 9.2.2 ใบงาน 9.2.3 การนาเสนอผลงานกลุม่ 9.2.4 การสงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นรวม

ช่อื ................................................................ร. หัสนักศึกษา........................................ม...ตน้ ใบงาน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่อื ง ไฟฟาู มาจากไหน 1.จงบอกประเภทเชอ้ื เพลิงและพลงั งานท่ใี ช้ในการผลติ ไฟฟาู ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. 2.จงเปรียบเทยี บขอ้ ดี ข้อจากดั ของเชื้อเพลงิ และพลงั งานทใ่ี ชใ้ นการผลิตไฟฟาู ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ 3.จงยกตวั อยา่ งพลงั งานทดแทนท่มี ใี นสังคมปัจจบุ นั .......................................................................................................................................................... ................. ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................

แผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น สาระการเรียนรู้ การพฒั นาสังคม รหัสวชิ า สค 22004 รายวชิ า การพัฒนาจิตและปญั ญา หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง การพัฒนาจติ และปญั ญา ระยะเวลา 6 ชวั่ โมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจเห็นคณุ คา่ สบื ทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของประเทศในทวีปเอเซีย 2.ผลการเรยี นรูท้ ค่ี าดหวัง อธิบายและตระหนกั การเจริญสตดิ ้วยการพิจารณา อนิจจงั ทกุ ข์ขงั อนตั ตา 3.สาระสาคญั ปญั หาทางจติ ของประชาชนในสังคมปจั จบุ นั มสี าเหตมุ าจากสภาพของสังคมทีเ่ จรญิ กา้ วหนา้ ด้วย เทคโนโลยที ่ไี มห่ ยดุ ยง้ั รวมทงั้ ปญั หาประชากร ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและอ่นื ๆ แต่ปัญหาดังกลา่ วสามารถแก้ไขได้ ดว้ ยหลกั ธรรมทางพทุ ธศาสนา มีการพัฒนาจติ และปญั ญา รจู้ กั อริ ยิ าบถสาหรับการทาสมาธิ การเจริญสติด้วย การพิจารณาอนจิ จา ทุกขข์ งั อนัตตา นาความรเู้ กีย่ วกบั การพฒั นาจติ และปัญญามาปรับใชใ้ นการดารงชีวติ และการอยู่ร่วมกนั อย่างสนั ตสิ ุขและแนะนาการทาสมาธอิ ย่างงา่ ยให้กบั กลุม่ /ชุมชนได้ 4.สาระการเรยี นรู้/เนอื้ หา การพัฒนาจติ และปัญญา 4.1 การเจรญิ สติตามหลกั ไตรลกั ษณ์อนิจจัง ทกุ ข์ขงั อนตั ตา - การพจิ ารณาธาตุ 4 - การละขันธ์ 5 - จติ -วิมุตติ-พระนิพพาน 5.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 5.1 ผเู้ รยี นสามารถบอกการเจรญิ สตติ ามหลักไตรลกั ษณ์ อนิจจัง ทุกข์;ขัง อนัตตาได้ 5.2 ผู้เรยี นสามารถวเิ คราะห์การเจริญสติตามหลักไตรลกั ษณ์ อนิจจงั ทุกข์;ขัง อนตั ตาได้ 5.3 ผเู้ รยี นนาความรู้เกย่ี วกับการทาสมาธิเพื่อพฒั นาจิตและปญั ญาไปเผยแพร่ในชุมชนของตนเองได้ 6.กระบวนการจัดการเรียนรู้ ONIE MODEL ขน้ั ท่ี 1. กาหนดสภาพปญั หา (O : Orientation) 6.1 ครสู นทนากับผ้เู รยี นทบทวนขนั้ ตอนการทาสมาธิ พร้อมทง้ั ให้ผู้เรียนนั่งสมาธิ 10 นาที และเมื่อนงั่ เสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ 6.2 ครนู าภาพ เดก็ ผใู้ หญ่ วยั ชรา มาใหผ้ ู้เรยี นร่วมอภิปรายถึงการเปลี่ยนแปลงของบคุ คลแตล่ ะวัย ว่ารูปท่ผี เู้ รยี นเห็น มลี ักษณะเปลีย่ นแปลงอยา่ งไรตามหลักไตรลักษณ์อย่างไร ข้ันที่ 2. แสวงหาขอ้ มูลและจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 6.3 ครูใหผ้ ู้เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 3 กล่มุ แลว้ แสวงหาความรใู้ นเรื่อง การเจริญสติตามหลกั ไตร ลกั ษณ์ อนจิ จัง ทุกขข์ ัง อนตั ตา ตามหัวขอ้ การพิจารณาธาตุ 4, การละชนั ธ์ 5, จติ –วิมตุ ต-ิ พระนพิ พาน โดย

สืบค้นข้อมูลจากเอกสารประกอบการเรยี นวชิ าการพฒั นาจติ และปัญญา สค 22004 /อินเตอรเ์ น็ต แลว้ สรปุ ประเดน็ สาคญั พร้อมบันทึกผลลงในกระดาษ (แบบบันทึก) ข้ันท่ี 3 การปฏบิ ัติและการนาไปประยุกตใ์ ช้ (I : Implementation) 6.4 ผ้เู รียนแต่ละกลมุ่ ฝึกยกตัวอย่างการเจริญสติตามหลกั ไตรลักษณ์ มากลุ่มละ 1 ตวั อยา่ ง มาเลา่ ให้ เพือ่ นกลมุ่ อ่นื ฟงั 6.5 ผู้เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันวิเคราะหต์ ามหลกั ไตรลกั ษณ์ ขนั้ ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1.สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 2.การสงั เกตจากการนาเสนอ 3.การซกั ถามผูเ้ รยี น 4.ใบงาน 7. แผนการจัดการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง คน้ ควา้ หาความร้เู พิ่มเติมดงั น้ี 1.การพฒั นาจติ และปญั ญา 2.การเจริญสติตามหลักไตรลักษณ์อนจิ จงั ทกุ ขข์ ัง อนตั ตา - การพิจารณาธาตุ 4 - การละขนั ธ์ 5 - จิต-วิมตุ ติ-พระนพิ พาน 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สบื ค้นใน Internet 8.2 หนังสือแบบเรยี นรายวิชาการพัฒนาจติ และปัญญา สค 22004 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 8.3 ใบความรู้ 8.4 สอื่ ส่ิงพมิ พ์ 9. กระบวนการวดั ผลประเมินผล 9.1 วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล . 9.1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม 9.1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานของผเู้ รยี นรายบคุ คล 9.2 เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล . 9.2.1 แบบฝึกหัด . 9.2.2 ใบงาน 9.2.3 การนาเสนอผลงานกลุ่ม 9.2.4 การสังเกตพฤติกรรมการมีสว่ นรวม

การวัดผลและการประเมินผลการเรียนรู้ สงิ่ ท่ตี ้องการวดั การวดั ผลการเรยี นรู้ เครอ่ื งมอื วดั ผล (วัดตามจดุ ประสงค์การเรียนร)ู้ วธิ ีวดั ผล (สอดคลอ้ งกบั วธิ ีวัดผล) ดา้ นความรู้(K) (สอดคล้องกับสิง่ ทีต่ ้องการวดั ) แบบประเมินใบงานที่สรุปแผ่นชาร์ด 1.ร้แู ละเขา้ ใจเรื่องการฟัง การดู ตรวจใบงานที่สรปุ แผน่ ชารด์ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ(P) ตรวจใบงาน แบบประเมนิ การนาเสนอ 2 สรุป และวเิ คราะหเ์ ร่ืองท่ศี กึ ษาลงใน 1.ใบงาน.เรอื่ ง.การฟงั ดู........ แผ่นชาร์ด แบบประเมนิ พฤติกรรมดา้ น ตรวจใบงาน คณุ ธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์(A) 3. เห็นความสาคัญของการฟงั การดู อนั พึงประสงค์ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 8-10 คะแนน =3 (ดมี าก) เกณฑก์ ารประเมินผล ได้คะแนน ได้คะแนน 4-7 คะแนน = 2 (ด)ี ได้คะแนน 0-3 คะแนน = 1 (พอใช้) ผลการประเมิน (สอ*ดเกคณล้อฑง์กกาับรวปิธรวี ะดั เมผลนิ )ต้องได้คะแนนระดบั 2 (ด)ี ขนึ ้ ไป ด้านความร(ู้ K) ดา้ นทกั ษะ/การบวนการ(P) ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค(์ A) จากการตรวจใบงานนกั ศึกษาไดร้ ะดับ จากการตรวจใบงานนักเรยี นได้ จากการสังเกตพฤตกิ รรมด้าน คณุ ภาพ ระดับคุณภาพ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะ ระดับ 3 จานวน................คน ระดบั 3 จานวน................คน อนั พึงประสงค์ ระดบั 2 จานวน................คน ระดบั 2 จานวน................คน นักเรียนไดร้ บั ระดบั คุณภาพ ระดับ 1 จานวน................คน ระดับ 1 จานวน................คน ผา่ นเกณฑ์ จานวน................คน ไมผ่ า่ นเกณฑ์ จานวน...........คน

แผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ สาระการเรียนรู้ การพฒั นาสงั คม รหัสวชิ า สค 22004 รายวิชา การพัฒนาจติ และปัญญา หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง การพัฒนาจติ และปญั ญา ระยะเวลา 6 ชว่ั โมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเข้าใจเหน็ คณุ ค่า สบื ทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณขี องประเทศ 2.ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั อธิบายและตระหนักการเจรญิ สตดิ ้วยการพิจารณา 3.สาระสาคัญ ปัญหาทางจิตของประชาชนในสังคมปจั จบุ ันมสี าเหตมุ าจากสภาพของสงั คมท่ีเจรญิ ก้าวหนา้ ด้วย เทคโนโลยีที่ไมห่ ยุดยง้ั รวมทง้ั ปัญหาประชากร ปญั หาส่ิงแวดลอ้ มและอ่ืน ๆ แต่ปัญหาดงั กล่าวสามารถแก้ไขได้ ด้วยหลกั ธรรมทางพทุ ธศาสนา มีการพฒั นาจิตและปญั ญา รจู้ ักอิรยิ าบถสาหรบั การทาสมาธิ การเจริญสตดิ ว้ ย การพจิ ารณาอนิจจา ทกุ ข์ขงั อนตั ตา นาความร้เู ก่ยี วกบั การพฒั นาจิตและปัญญามาปรับใช้ในการดารงชวี ติ และการอยรู่ ่วมกันอย่างสันตสิ ุขและแนะนาการทาสมาธิอย่างงา่ ยใหก้ ับกลุ่ม/ชุมชนได้ 4.สาระการเรียนรู้/เนอื้ หา การพัฒนาจิตและปญั ญา 5.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 5.1 ผูเ้ รียนสามารถบอกการเจรญิ สติได้ 5.2 ผู้เรยี นสามารถวเิ คราะห์การเจริญสติได้ 5.3 ผเู้ รยี นนาความรู้เกีย่ วกับการทาสมาธเิ พื่อพัฒนาจิตและปัญญาได้ 6.กระบวนการจัดการเรียนรู้ ONIE MODEL ขนั้ ท่ี 1. กาหนดสภาพปัญหา (O : Orientation) 6.1 ครูสนทนากบั ผเู้ รยี นทบทวนขั้นตอนการทาสมาธิ 6.2 ครนู าภาพ เดก็ ผู้ใหญ่ วยั ชรา มาให้ผูเ้ รยี นรว่ มอภิปรายถึงการเปลีย่ นแปลงของบคุ คลแต่ละวัย ขั้นที่ 2. แสวงหาข้อมลู และจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 6.3 ครูให้ผูเ้ รียนแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ 3 กลุ่ม แล้วแสวงหาความรู้ในเรอ่ื ง การเจรญิ สติ แลว้ สรุปประเด็น สาคญั พรอ้ มบนั ทึกผลลงในกระดาษ (แบบบันทกึ ) ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละการนาไปประยกุ ต์ใช้ (I : Implementation) 6.4 ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ฝกึ ยกตวั อยา่ งการเจริญสติ มากล่มุ ละ 1 ตัวอยา่ ง มาเล่าใหเ้ พ่ือนกลุ่มอ่ืนฟงั 6.5 ผูเ้ รียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั วิเคราะหก์ ารเจรญิ สติ ขัน้ ท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) 1.สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล 2.การสงั เกตจากการนาเสนอ 3.การซักถามผู้เรยี น

4.ใบงาน 7. แผนการจดั การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง คน้ ควา้ หาความรู้เพ่ิมเตมิ ดังน้ี การพัฒนาจิตและปญั ญา 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สืบคน้ ใน Internet 8.2 หนังสือแบบเรียนรายวิชาการพัฒนาจิตและปัญญา สค 22004 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 8.3 ใบความรู้ 8.4 ส่อื สิง่ พมิ พ์ 9. กระบวนการวดั ผลประเมนิ ผล 9.1 วิธกี ารวัดและประเมินผล 9.1.1 สงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ 9.1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานของผ้เู รยี นรายบคุ คล 9.2 เครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล . 9.2.1 แบบฝึกหัด . 9.2.2 ใบงาน 9.2.3 การนาเสนอผลงานกลมุ่ 9.2.4 การสังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรวม

แบบประเมนิ ใบงาน วชิ า...........................................................ร.ะดับ.....................................กลุ่ม............................ คาช้ีแจง : ประเมนิ ใบงานของนกั ศกึ ษา ขดี / ลงในช่องทต่ี รงกับคะแนน เลขที่ ชอื่ – สกุล ความถูกต้องเหมาะสม ของผูร้ ับการประเมนิ ของเนื้อหา ใช้ภาษาที่ถูกต้อง ความเป็นระเบียบ เรียบร้อย ความสวยงามของผลงาน ส่งงานตรงเวลาท่ีกาหนด รวมคะแนน 10 คะแนน 210210210210210 ได้คะแนน 8-10 คะแนน = 3 (ดมี าก) ลงชื่อ............................................................ผ..ู้ประเมิน ได้คะแนน 4-7 คะแนน = 2 (ดี) (.........................................................................................) ได้คะแนน 0-3 คะแนน = 1 (พอใช้) *นกั ศกึ ษาทีม่ คี ะแนนอยใู่ นระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

แบบประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ วชิ า.................................................ร. ะดบั ...........................................ก..ลุ่ม................................ เลขท่ี ช่อื – สกุล เห็นความสาคัญของ ร้อยละ สรุปผลการประเมิน ของผูร้ บั การประเมิน สินค้าและที่ใช้ใน ชีวิตประจาวัน รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย มุ่งมั่นในการทางาน มีจิตสาธารณะ ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน *นกั ศกึ ษาทมี่ ีคะแนนร้อยละ 80 ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ลงชอื่ .......................................................ผ...ู้ประเมนิ (................................................................................)

แบบประเมินการนาเสนอ กลุม่ ท.่ี ......................................................................... คาชแี้ จง ให้ขีดถูกในช่วงท่ีต้องการ สาระ/รายละเอียดการประเมิน 543 2 1 กระบวนการกลุม่ 1. ความสามัคคี 2.การส่วนร่วม/แบง่ หนา้ ที่ เนอ้ื หาสาระ 3.ถูกต้องครบถว้ นตามหลกั การ การนาเสนอ 4.น่าสนใจเขา้ ใจง่าย 5.เนื้อหาถูกต้องครบถว้ น รวม เกณฑ์การประเมนิ 5 = ดมี าก 4 = ดี 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = ปรับปรงุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook