Present perfect รูปประโยคและความหมาย
1. ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า โครงสร้าง : Subject + have , has + Verb 3 ตัวอย่าง : 1. I have studied English for 5 years. (ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ) 2. He has lived in Bangkok since 1990. ( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ) 2. ประโยค Present Perfect Tense เชิงปฏิเสธ เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้ โครงสร้าง : Subject + have , has + not + Verb 3 ตัวอย่าง : 1. I have not studied English for 5 years. ( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 5 ปี ) 2. He has not lived in Bangkok since 1990. ( เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )
3. ประโยค Present Perfect Tense เชิงคำถามและการตอบ เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ Verb to have มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้ โครงสร้าง : Have, Has + Subject + Verb 3 ? (Have, Has + ประธาน + กริยาช่อง 3 ? ) ตัวอย่าง : 1.Have you studied English for 5 years ? ( คุณเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้วใช่หรือไม่ ) -Yes, I have. ( ใช่ ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ) -No, I haven’t. ( ไม่ ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 5 ปี ) 2. Has he lived in Bangkok since 1990 ? ( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ใช่หรือไม่ ) -Yes, he has. (ใช่ เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 ) -No, he hasn’t. ( ไม่ เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )
4. หลักการใช้ Present Perfect Tense 1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น - Somchai has studied English for 5 years. ( สมชายเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ ) - I have worked in this company since 1990. ( ฉันทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 1990 ขณะนี้ก็ยังทำอยู่ ) 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งมิได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้ และมักจะมีคำวิเศษณ์ คือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ เช่น - I have never seen him before. ( ฉันไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน ) - Have you ever been abroad ? ( คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า ) - She has been to Bangkok twice. ( หล่อนเคยไปกรุงเทพฯ 2 ครั้ง )
5. กริยา 3 ช่อง กริยา 3 ช่องมีที่มาดังนี้ 1. มีรูปมาจากการเติม ed ที่ท้ายคำกริยา เช่น ช่องที่ 1 ช่องที่ 2 ช่องที่ 3 ช่องที่ 4 walk walked เดิน walked moved เคลื่อน move moved opened opene open เปิด clean cleadned cleaned ทำความสะอาด
2. มีรูปมาโดยการผัน ซึ่งมีการกำหนดไว้โดยเจ้าของภาษา เช่น ช่องที่ 1 ช่องที่ 2 ช่องที่ 3 ช่องที่ 4 see saw seen เห็น make made made ทำ speak spoke spoken พูด sell sold sold ขาย ไป go went gone
Thank you
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: