Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาศิลปการให้บริการ

วิชาศิลปการให้บริการ

Published by Sasira Somros, 2021-02-28 13:40:05

Description: นางสาวศศิรา สมรส

Search

Read the Text Version

สารบัญ เร่อื ง หน า คาํ นํา ก สารบัญ ค การจัดการและรกั ษาความสัมพันธ 1-7 ในทีท่ าํ งานอยางมีประสทิ ธภิ าพ การสรา งและรกั ษาแนวทางการทาํ งาน 8-16 เป็ นทมี การดูแลและควบคมุ การปฏบิ ัตงิ านตอนรบั 17-18 และบริการ การส่อื สารทางโทรศัพทและ เทคโนโลยสี ารสนเทศไดอยา งมีประสิทธภิ าพ 19-22 การนําเสนอสนิ คา และบริการแกลกู คา 23 การจัดการและแกไ ขปัญหา 24 ความขัดแยง ในสถานการณตา ง ๆ

จดั การและรกั ษาความสมั พนั ธ์ ในทที ํางานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประเดน็ นา่ สนใจ (มHนUุ ษMยAสัNมพRั นEธL์ A T I O N ) แ ป ล ว่ า ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ใ น มนษุ ยสมั พนั ธ์ (HumanRelation)เปนเครอื งมอื ท า ง สั ง ค ม ร ะ ห ว่ า ง ม นุ ษ ย์ สาํ คัญทีจะทําใหท้ กุ คนสามารถทํางานรว่ มกันไดอ้ ยา่ ง ซึ ง จ ะ ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม เ ข้ า ใ จ อั น ดี ต่ อ กั น  ปกติสขุ เกิดความรว่ มแรงรว่ มใจ ทํางานราบรนื ไมเ่ กิด ปญหา ทําใหอ้ งค์กรประสบความสาํ เรจ็ *  : อ้ า ง อิ ง จ า ก พ จ น า นุ ก ร ม . . 2 5 5 4ฉ บั บ ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ถ า น การสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธท์ ีดใี นองค์กรไดจ้ ะต้องอยูบ่ น พศ   องค์ประกอบที เขา้ ใจตนเอง เขา้ ใจผอู้ ืน และยอมรบั ความแตกต่างระหวา่ งกันได้ องค์กรไหนมมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ีดี สามารถทําใหบ้ ุคลากร เกิดความภักดตี ่อองค์กรได้ ลดปญหาอัตราการลา  ออก คนภายนอกใหค้ วามเชอื ถือ แล้วยงั ดงึ ดดู ใหค้ นมี ศักยภาพอยากมารว่ มงานกับองค์กรไดอ้ ีกดว้ ย PN

องค์ประกอบสาํ คัญของมนษุ ยสมั พนั ธ์ ม นุ ษ ย สั ม พั น ธ์ ที ดี เ ป น บ่ อ เ กิ ด ข อ ง ก า ร ทํา ง า น ที มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ที ทํา ใ ห้ อ ง ค์ ก ร ป ร ะ ส บ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ ก า ร ที  3  ม นุ ษ ย สั ม พั น ธ์ จ ะ เ กิ ด ขึ น ไ ด้ นั น ต้ อ ง มี อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก ๆ ป ร ะ ก า ร ด้ ว ย กั น นั น คื อ 1. :เขา้ ใจตนเอง ทกุ คนต้องรจู้ กั ตัวเราเองใหม้ ากทีสดุ  รวู้ า่ อะไรคือจุดอ่อน จุดแขง็ ควรจะปรบั แก้จุดอ่อน อยา่ งไรใหด้ ขี นึ ควรจะใชจ้ ุดแขง็ ของตนใหเ้ ปน   ประโยชนอ์ ยา่ งไร ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ของตนเองคืออะไร อะไรทีจะทําใหก้ ารทํางานไมเ่ กิดปญหา อะไรทีเราโดด เดน่ ทีจะชว่ ยเพมิ ความสาํ เรจ็ ของงานไดด้ ี เมอื เรารจู้ กั ตนเองดอี ยา่ งถ่องแท้แล้ว เราก็จะสามารถประเมนิ สถานการณต์ ่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมวา่ อะไรควรหรอื ไม่  ควรทํา อะไรทีเกิดประโยชน์ อะไรทีทําแล้วจะสรา้ งผลก ระทบ เปนต้น 2. :เขา้ ใจผอู้ ืน เมอื เรารจู้ กั ตนเองอยา่ งดแี ล้วเราก็ควร ทีจะเรยี นรกู้ ารรจู้ กั ผอู้ ืนดว้ ยเชน่ กัน การเรยี นรนู้ ยี งั  หมายถึงการใสใ่ จ ใหค้ วามสาํ คัญระหวา่ งกัน รวมไปถึง การเคารพซงึ กันและกันดว้ ย การรจู้ กั ความสามารถ  จุดอ่อน จุดแขง็ ของผอู้ ืน ทําใหเ้ ราสามารถปรบั ตัวใน การทํางานรว่ มกันไดด้ ี หรอื ชว่ ยสนบั สนนุ เกือกลู กันได้ ชว่ ยอุดชอ่ งโหวใ่ หแ้ ก่กัน ตลอดจนรขู้ อ้ บกพรอ่ งทีนาํ ไปสกู่ ารชว่ ยกันแก้ปญหาไดด้ ี เปนต้น

3. :ยอมรบั ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล เมอื รเู้ ขารเู้ รา แล้ว ก็ควรทีจะเรยี นรคู้ วามแตกต่างระหวา่ งบุคคล ไมม่ ใี ครในโลกนที ีเหมอื นกัน ทกุ คนยอ่ มมคี วามคิดเปน ของตัวเอง แต่ทกุ คนก็ต้องเรยี นรทู้ ีจะฟงความคิด เหน็ ของผอู้ ืน และยอมรบั ในความแตกต่างระหวา่ งกัน การยอมรบั ความแตกต่างไมใ่ ชก่ ารทีจะต้องปรบั ความ คิดใหเ้ หมอื นกันหรอื ไปในทิศทางเดยี วกันเสยี หมด การเหน็ ต่างนนั ไมใ่ ชส่ งิ ผดิ แต่การยอมรบั ฟงจะทําให้ เราสามารถเหน็ ขอ้ มูลไดร้ อบดา้ นขนึ วเิ คราะหไ์ ดห้ ลาย มติ ิขนึ และอาจไดห้ นทางการแก้ปญหาทีดที ีสดุ ก็ได้ แล้วก็ต้องเขา้ ใจวา่ ความแตกต่างไมใ่ ชก่ ารแบง่ พวก แบง่ ฝกแบง่ ฝาย แต่เปนการแสดงความคิดเหน็ ทีมี  เหตผุ ลคนละรปู แบบ เหน็ ต่างได้ แต่ก็ต้องยอมรบั ความเหน็ ต่างระหวา่ งกัน และท้ายทีสดุ ต้องยอมรบั ขอ้ สรปุ สดุ ท้ายรว่ มกันใหไ้ ด้ เพอื ทีจะดาํ เนนิ รว่ มกันใน ทิศทางเดยี วกัน

เคลด็ ลบั การสรา้ ง มนษุ ยสมั พนั ธใ์ นองคก์ ร 1. พูดจาไพเราะ ทักทายดว้ ยไมตรี   ใครๆ ก็อยากใหท้ กุ คนพูดดๆี กับตนเอง นเี ปนเคล็ดลับแรกสดุ ทีง่ายทีสดุ ทีจะสรา้ ง   มนษุ ยสมั พนั ธอ์ ันดรี ะหวา่ งกัน ควรพูดจาไพเราะ พูดจาดี และสอื สารกันอยา่ งเปนมติ ร   กล่าวทักไทยดว้ ยไมตรี หรอื แมแ้ ต่เพยี งแค่มอบรอยยมิ ใหแ้ ก่กัน เมอื เรามอบสงิ ดๆี ต่อ กันดว้ ยคําพูดทีดกี ็ยอ่ มเปนการเรมิ ต้นสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธท์ ีดไี ด้ ซงึ การสอื สารกันดว้ ย คําพูดนนั ก็ถือวา่ เปนหวั ใจสาํ คัญของมนษุ ยสมั พนั ธเ์ ลยทีเดยี ว 2.จรงิ ใจต่อกัน  การมอบความจรงิ ใจต่อกันเปนสงิ ทีควรทําอยา่ งยงิ ไมใ่ ชต่ ่อหนา้ ทําอีกอยา่ ง ลับหลังทํา  อีกอยา่ ง การซอื สตั ยต์ ่อการกระทํานนั จะทําใหเ้ กิดความไวเ้ นอื เชอื ใจ การมอบความ จรงิ ใจใหแ้ ก่กันจะทําใหเ้ กิดความไวว้ างใจกัน และเปนบอ่ เกิดมนษุ ยสมั พนั ธท์ ีแนน่ แฟน ได้ 3.ไมน่ นิ ทาวา่ รา้ ย การนนิ ทาวา่ รา้ ยอาจเปนการกระทําทีตรงกันขา้ มกับความจรงิ ใจต่อกัน เราไมค่ วรนนิ ทา  เพอื นรว่ มงาน หากมอี ะไรเปดอกพูดคยุ หรอื เคลียรป์ ญหากันไดก้ ็ควรทํา การพูดจา นนิ ทาวา่ รา้ ยกันหากอีกฝายรกู้ ็อาจทําใหเ้ กิดความไมพ่ อใจ นาํ ไปสกู่ ารทะเลาะเบาะแวง้  แบง่ ฝกแบง่ ฝาย และอาจทําใหเ้ กิดผลเสยี กับการทํางานไดใ้ นทีสดุ และสรา้ งรอยรา้ ว ระหวา่ งกันจะทําใหม้ นษุ ยสมั พนั ธแ์ ยล่ ง PN

4.ใหค้ วามรว่ มมอื หลักการทํางานรว่ มกันทีดกี ็คือการใหค้ วามรว่ มมอื กัน   ในการทํางาน ไมเ่ กียงงานกันทํา รว่ มแรงรว่ มใจ รบั ผดิ ชอบในสงิ ทีตัวเองทําใหด้ ที ีสดุ เมอื มมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ีดี ต่อกันแล้วก็ยอ่ มทําใหเ้ กิดความรว่ มมอื ในการทํางานที ดดี ว้ ย ในขณะเดยี วกันการใหค้ วามรว่ มมอื ทีดใี นการ ทํางานก็สง่ ผลใหส้ รา้ งมนษุ ยสมั พนั ธท์ ีแนน่ แฟนขนึ ได้ ดว้ ย และนาํ ไปสคู่ วามสาํ เรจ็ รว่ มกัน 5.ชว่ ยเหลือซงึ กันและกัน เมอื ทกุ คนมมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ีดตี ่อกันยอ่ มทําใหอ้ ยาก ชว่ ยเหลือซงึ กันและกัน โดยเฉพาะยามทีอีกฝายเกิด  ปญหาอีกฝายก็สามารถใหค้ วามชว่ ยเหลืออยา่ งเต็มใจ ได้ หรอื ยามไมเ่ กิดปญหาใดๆ การชว่ ยเหลือซงึ กันและ กันก็อาจเปนการชว่ ยกันอุดรอยรวั ขอ้ บกพรอ่ งของ แต่ละฝายได้ ทําใหก้ ารทํางานสาํ เรจ็ ไดด้ ว้ ยดี

6. กล่าวคําชมเชยเมอื สาํ เรจ็ ปลอบประโลมเมอื ล้มเหลวมนษุ ยม์ กั ชอบถกู ชมเชย ใน  องค์กรนนั หากเกิดการทําดี สรา้ งผลสาํ เรจ็ ก็ควร  ชมเชยซงึ กันและกัน ใหก้ ําลังใจซงึ กันและกัน รวมถึง สรา้ งแรงจูงใจในการทํางานไดด้ ว้ ย การชมเชยนนั ไมใ่ ชก่ ารยกยอปอปนจนเกิดเหตุ ไมช่ มเชยโดยไมม่ ี  เหตผุ ล ไมช่ มเชยโดยขดั จากความเปนจรงิ ควรชมเชย  ตามเนอื ผา้ ทีดี และไมช่ มเชยในแบบประชด ควร ชมเชยจากการยนิ ดดี ว้ ยใจบรสิ ทุ ธิ คําชมเชยนนั ก็ เปรยี บไดก้ ับนาํ ทีรดต้นไมใ้ หเ้ ติบโต ทําใหเ้ พอื นรว่ ม งานมกี ําลังใจในการทํางานต่อไป ในขณะเดยี วกันหาก  เกิดความล้มเหลว ผรู้ ว่ มงานทีดกี ็ไมค่ วรอยูเ่ ฉย ต้อง  รจู้ กั กันพูดคยุ ปลอบประโลม หรอื ใหก้ ําลังใจใหเ้ ขาลกุ ขนึ สตู้ ่อไดด้ ว้ ย 7.ใหค้ ําปรกึ ษาชว่ ยเหลือเมอื ยามแย่ เมอื ยามเกิดปญหา นอกจากการพูดคยุ เพอื ใหก้ ําลังใจ แล้ว การทีผรู้ ว่ มงานสามารถใหค้ ําปรกึ ษาในการแก้ไข ปญหาไดย้ อ่ มทําใหเ้ กิดความประทับใจระหวา่ งกัน และ นาํ มาซงึ ความสมั พนั ธท์ ีแนน่ แฟนขนึ ได้ การใหค้ ํา ปรกึ ษาทีดจี ะทําใหเ้ พอื นรว่ มงานเกิดความไวว้ างใจ และก้าวขา้ มผา่ นปญหาไดโ้ ดยไมเ่ กิดความทกุ ข์ PN

8.รบั ฟงความคิดเหน็ ในขณะเดยี วกันก็ต้องรบั ฟง  ความคิดเหน็ ของคนอืนใหเ้ ปน เปนผฟู้ งทีดี บาง สถานการณก์ ารเปนผฟู้ งทีดอี าจดกี วา่ การเปนผพู้ ูดที ดกี ็ได้ การรบั ฟงปญหาใหถ้ ้วนถีอาจนาํ มาซงึ การหาวธิ ี แก้ปญหาไดร้ อบคอบและถกู ต้องมากขนึ อยา่ งทีบอก ไปแล้ววา่ องค์กรทีประกอบดว้ ยคนหลายคนยอ่ มมี ความเหน็ ทีหลากหลายและแตกต่าง เราต้องรจู้ กั ฟงไป จนถึงยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืนดว้ ย ไมเ่ อาตนเอง เปนใหญ่ เมอื เกิดการรบั ฟงระหวา่ งกันยอ่ มสรา้ งความ สมั พนั ธท์ ีดไี ดอ้ ีกดว้ ย 9.มคี วามรบั ผดิ ชอบความรบั ผดิ ชอบเปนสงิ สาํ คัญ  ทีสดุ อยา่ งหนงึ ในการทํางาน หากเปนคนทีพูดดี คิดดี  ทําดี มสี มั พนั ธท์ ีดกี ับเพอื นฝูง แต่ขาดความรบั ผดิ ชอบในการทํางาน ท้ายทีสดุ แล้วก็ทําใหง้ านไมเ่ สรจ็ ภาระกิจไมส่ าํ เรจ็ และก่อใหเ้ กิดความเสยี หายกับ องค์กรไดใ้ นทีสดุ แล้วก็เปนบอ่ เกิดของความสมั พนั ธ์ ทีแยต่ ามมาได้ ฉะนนั การมคี วามรบั ผดิ ชอบในทกุ ๆ เรอื งจงึ เปนคณุ สมบตั ิสาํ คัญของทกุ คน เพราะการมี ความรบั ผดิ ชอบทีดจี ะไมก่ ่อใหเ้ กิดความเสยี หายกับผู้ อืน 10.รจู้ กั การใหอ้ ภัย ทกุ คนยอ่ มมโี อกาสทีจะทําอะไรผดิ พลาด แล้วทกุ คนก็ ยอ่ มจะมโี อกาสในการแก้ตัวไดเ้ ชน่ กัน หากเราไมใ่ ห้  โอกาส ไมใ่ หอ้ ภัยในขอ้ ผดิ ผลาดในอดตี ไมร่ จู้ กั มอง ขา้ มสงิ ทีแยท่ ีแก้ไขแล้ว การเชอื มต่อความสมั พนั ธก์ ็  ยอ่ มไมเ่ ปนผล หากเรารจู้ กั ทีจะใหอ้ ภัย มองขา้ มบาง  เหตผุ ลไปได้ เพอื รกั ษาผลทีดซี งึ มมี ากกวา่ ไว้ ก็จะ เปนการดสี าํ หรบั การทํางานรว่ มกันตลอดจนความ สมั พนั ธร์ ว่ มกันดว้ ย เรอื งทีดเี หมอื นง่ายแต่ก็ทําไมไ่ ด้ ง่ายนกี ็สามารถสรา้ งและทําลายความสมั พนั ธท์ ีดไี ดใ้ น คราวเดยี วกันเหมอื นกัน

การสรา้ ง และรกั ษา แนวทางการ ทํางานเปน ทีมเพืองาน บรกิ าร

มิติของการสรา้ ง มนุษยสัมพันธ์ใน องค์กร มิติมนุษยสัมพันธ์กับผู้บังคับ บัญชาการสรา้ งมนุษยสัมพันกับผู้บังคับ บัญชานันอาจต่างจากการสรา้ งความสัมพันธ์ กับเพือนรว่ มงานในระดับเดียวกัน เราควรให้ ความสาํ คัญในการใช้ภาษาใหไ้ พเราะ ถูกกาละ เทศ การใหค้ วามเปนกันเองระหว่างเจ้านาย และลูกน้องนันมีผลดีต่อการสรา้ งความ สัมพันธ์ระหว่างกัน แต่ก็ต้องดูใหด้ ีด้วยว่า ควรมีความเปนกันเองระดับไหน เพราะเจ้า นายแต่ละคนก็ซเี รยี สเรอื งนีไม่เหมือนกัน หากเจ้านายทีไม่ต้องการสรา้ งความเปน กันเองมากนัก เราก็อาจต้องใหค้ วามเคารพ มากเปนพิเศษ การรูจ้ ักกาละเทศะทีดีย่อม สรา้ งมนุษยสัมพันธ์ทีดีกับผู้บังคับบัญชาได้ดี กว่าการไม่รูก้ าละเทศะ 04

มิติมนุษยสัมพันธ์กับเพือนร่วมงาน สาํ หรบั ผู้ทีทํางานในระดับเดียวกัน การสรา้ งมนุษยสัมพันธ์ ระหว่างกันนันต้องอยู่บนพืนฐานมอบความจรงิ ใจใหแ้ ก่กัน และ สรา้ งความไว้เนือเชือใจกัน ช่วยเหลือเกือกูลกัน ไม่เอาเปรยี บซงึ กันและกัน เปนทีปรกึ ษาใหก้ ับและกัน และสรา้ งความสนิทสนมให้ มากทีสุด มิติมนุษยสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา การบรหิ ารผู้ใต้บังคับบัญชาอาจเปนเทคนิคของแต่ละคนทีไม่ เหมือนกัน แต่การสรา้ งความสัมพันธ์กับคนทีอยู่ใต้การบังคับ บัญชานันผู้ทีบังคับบัญชาควรจะต้องสรา้ งความไว้เนือเชือใจกัน ใหไ้ ด้ แล้วก็ต้องรูจ้ ักการบรหิ ารคนใหเ้ ปน ผู้บังคับบัญชาทีดีจะ ต้องรูจ้ ักการสังการ ควบคุมการทํางาน ผู้ใต้บังคับบัญชาส่วน ใหญ่มักต้องการผู้บังคับบัญชาทีเก่ง เข้าใจงาน เข้าใจลูกน้อง สัง งานเปน ตรวจงานได้ และใหค้ วามเปนธรรมในทุกๆ เรอื ง สือสาร กันใหเ้ ข้าใจ

ข้อดีของการมี มนุษยสัมพันธ์ใน องค์กร เมือองค์กรสามารถสรา้ ง มนุษยสัมพันธ์ทีดีใหก้ ับบุคลากรได้ สาํ เรจ็ องค์กรนันก็มักจะทํางานได้ ราบรนื ไม่ประสบปญหาใดๆ หรอื เมือเจอปญหาก็สามารถแก้ไขได้ อย่างรวดเรว็ ก้าวข้ามผ่านปญหา ไปได้ และทําใหอ้ งค์กรประสบความ สาํ เรจ็ ในทีสุด ซงึ การมี มนุษยสัมพันธ์ทีดีนันก่อใหเ้ กิดผล ดีกับองค์กรดังนี

1.เกิดความสามัคคีในองค์กร เมือทุกคนมีมนุษยสัมพันธ์ทีดีต่อกัน ย่อมทําใหเ้ กิดความสามัคคี ขึนในองค์กรได้ง่าย เมือองค์กรไหนทีทํางานด้วยความสามัคคีกัน อย่างเหนียวแน่นแล้วย่อมก่อพลังใหเ้ กิดการทํางานทีประสบความ สาํ เรจ็ ได้ดีเช่นกัน และความสามัคคีนีเองก็ถือเปนปจจัยสาํ คัญ ทีสุดอย่างหนึงของการทํางานในระบบทีม ตลอดจนการขับเคลือน องค์กรใหก้ ้าวไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน 2.องค์กรทํางานอย่างมีประสิทธิภาพ การทํางานอย่างราบรนื ไม่เกิดปญหานันย่อมทําใหอ้ งค์กรเกิด ประสิทธิภาพได้สูง หากความสัมพันธ์ของพนักงานองค์กรไม่ดีแม้ จุดใดจุดหนึงก็ตามก็ย่อมส่งผลต่อการทํางานไม่มากก็น้อย ก็ เหมือนกับเฟองของเครอื งจักรทีหากมีเฟองไหนหกั ไปแม้เพียง เล็กน้อยก็อาจทําใหเ้ ครอื งจักรนันเดินมีปญหาหรอื หยุดเดินได้ใน ทีสุด เมือการทํางานมีประสิทธิภาพแน่นอนว่าย่อมทําใหอ้ งค์กร บรรลุเปาหมายทีวางไว้ได้อย่างงดงามด้วย

3 . บุ ค ล า ก ร เ กิ ด ก า ร พั ฒ น า เ มื อ อ ง ค์ ก ร ไ ม่ ต้ อ ง ม า นั ง ป ว ด หั ว แ ก้ ป ญ ห า เ รือ ง ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ก็ ทํา ใ ห้ อ ง ค์ ก ร ต ล อ ด จ น บุ ค ล า ก ร มี เ ว ล า ที จ ะ พั ฒ น า ต น เ อ ง ไ ด้ ดี ยิ ง ขึ น แ ล ะ เ มื อ ทุ ก ค น ใ ห้ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ กั น ย่ อ ม ทํา ใ ห้ ทุ ก ค น ช่ ว ย กั น พั ฒ น า ร ะ ห ว่ า ง กั น ไ ป ด้ ว ย เ มื อ ทุ ก ค น มุ่ ง ผ ล สาํ เ ร็จ ข อ ง ง า น ร่ว ม กั น ก็ ย่ อ ม ทํา ใ ห้ เ กิ ด ศั ก ย ภ า พ ใ น ก า ร ทํา ง า น ที เ พิ ม ขึ น เ รือ ย ๆ เ กิ ด ก า ร พั ฒ น า ที ไ ม่ ห ยุ ด ยั ง 4.องค์กรประหยัดงบประมาณ มีผล ประกอบการทีดีขึน หากเกิดปญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรใน องค์กรหลายคนอาจไม่คาดคิดว่าปญหาเพียบ เล็กๆ น้อยๆ นีก็สรา้ งความเสียหายใหญ่หลวงได้ เช่นกัน ตัวอย่างง่ายๆ หากบุคลากรมีปญหา ความสัมพันธ์กันจนทําใหเ้ กิดการลาออก บรษิ ัทก็ จะต้องจัดหาพนักงานใหม่ คัดสรรพนักงานใหม่ สอนงานใหม่ และอีกมากมายหลายอย่างเพือมา ทดแทนคนเดิมใหไ้ ด้ ซงึ นันหมายถึงงบประมาณที งอกมามากมายอย่างไม่น่าเชือทีเดียว หรอื การมี ปญหาระหว่างกันทําใหก้ ารทํางานเสีย แน่นอนว่า ย่อมส่งผลมหาศาลต่อองค์กร สรา้ งความเสีย หายได้เช่นกัน หากองค์กรใดทีสามารถจัดการ ปญหาต่างๆ เหล่านีได้ ก็ย่อมทําใหป้ ระหยัดงบ ประมาณได้เช่นกัน และทําใหผ้ ลประกอบการดีขึน ได้อย่างไม่น่าเชืออีกด้วย

5.พนักงานเกิดความภักดีในองค์กร มากคนยิงมากความ ประโยคนีเปนจรงิ เสมอ และเปนจรงิ กับการ ทํางานทุกองค์กร ฉะนันพนักงานทุกคนอยากทํางานในทีทีมี ปญหาเรอื งคนน้อยทีสุด เพราะปญหาเรอื งงานนันจัดการได้ไม่ ยาก แต่ปญหาเรอื งคนนันอาจสรา้ งผลกระทบได้อย่างไม่น่าเชือที เดียว และปญหานีก็เปนปญหาหลักอันดับต้นๆ ทีทําใหเ้ กิดการลา ออก เปลียนงาน ได้มากทีสุดด้วย การทีองค์กรสรา้ งความ สัมพันธ์ทีดีในการทํางานได้จะทําใหบ้ ุคลากรรกั ใครก่ ลมเกลียวกัน ไม่เกิดปญหาเรอื งบุคคล ทํางานองค์กรได้ยาวนานขึน และมีความ จงรกั ภักดีกับองค์กรขึนได้ ทุ่มเทการทํางานใหก้ ับองค์กรขึนได้ และช่วยเพิมศักยภาพใหก้ ับองค์กรได้เช่นกัน

6.เกิดการถ่ายทอด วฒั นธรรมทีดีระหวา่ งกัน เมือองค์กรใดมีวัฒนธรรมองค์กรที ดีและแข็งแกรง่ นันย่อมเปนเสมือน สมบัติลําค่าทีทุกคนในองค์กรมัก หวงแหนและฟูมฟกรกั ษาอย่างดี ใน ขณะเดียวกันก็รว่ มกันทีจะรกั ษารวม ถึงถ่ายทอดวัฒนธรรมองค์กรทีดีให้ กับคนรุน่ ต่อๆ ไป เมือสืบทอดสิงดีๆ แล้วย่อมทําใหอ้ งค์กรแข็งแกรง่ ยิง ขึนเรอื ยๆ และทําใหช้ ือเสียงของ องค์กรดี องค์กรมีความน่าเชือถือ ทังทางธุรกิจและด้านอืนๆ รวมถึง ทําใหผ้ ู้คนนอกองค์กรอยากทีจะเข้า มารว่ มงานกับองค์กรทีดีอีกด้วย

7.เปนเครืองดึงดูดใจให้คนเก่งและดีอย่างมา ร่วมงานกับองค์กร คนเก่งและดีส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดสินมารว่ มงานกับองค์กรใดองค์กร หนึงด้วยเรอื งเงินเพียงอย่างเดียวเท่านัน และมีหลายปจจัยทีเงิน ไม่สามารถซอื ได้ แต่ใจสามารถซอื คนได้ดีกว่า องค์กรทีอาจให้ ความสาํ คัญในการสรา้ งองค์กรในมิติอืนๆ ใหด้ ีขึน โดยเฉพาะมิติ มนุษยสัมพันธ์นันย่อมทําใหใ้ ครหลายคนอยากมารว่ มงานกับ องค์กรทีมีแต่ความสุข ไม่ค่อยมีปญหาเรอื งคนระหว่างกัน ทังยัง ใหค้ วามช่วยเหลือในการทํางานกันอย่างดีอีก หากเปนเช่นนีใครๆ ก็อยากมารว่ มงานด้วย และทําใหอ้ งค์กรมีตัวเลือกของพนักงานที มีคุณภาพมากขึนอีกด้วย และแน่นอนว่าเมือองค์กรได้คนทีเก่ง และดีมารว่ มงานแล้วก็ย่อมจะทําใหอ้ งค์กรมีโอกาสประสบความ สาํ เรจ็ ได้สูงเช่นกัน

การดแู ลและ ควบคมุ การปฏิบตั ิ งานต้อนรบั และ บรกิ าร บริการทีดี จะส่งผลให้ผู้รับ บริการมีทัศนคติอันได้แก่ ความคิดและความรู้สึกทังตัวผู้ ใ ห้ บ ริ ก า ร แ ล ะ ห น่ ว ย ง า น ที ใ ห้ บริการเปนไปในทางบวก คือ ความชืนชมตัวผู้ให้บริการ นิยมในหน่วยงาน ระลึกนึกถึง ตลอด มีความประทับใจทีดี บอกกล่าวบอกต่อ มีการพู ดถึง หน่วยงานและผู้ให้บริการใน ท า ง ที ดี

ต้อนรบั และบรกิ ารทีเปนเลิศ การต้อนรบั เปนจุดเรมิ ต้นของความสมั พนั ธ์ นอกจากจะทําใหเ้ กิดความรูส้ กึ ทีดตี ่อผตู้ ้อนรบั แล้ว ยงั เชอื มโยงไปถึงความรูส้ กึ ทีดตี ่อหนว่ ยงาน ทําให้ เกิดภาพลักษณ์ทีดตี ่อหนว่ ยงาน มที ัศนคติทีดีต่อ หนว่ ยงานรวมทังผบู้ รกิ าร เปนการสรา้ งชอื เสยี ง สรา้ งศัทธาต่อหนว่ ยงานโดยรวม ทําใหม้ คี วามรูส้ กึ ที ดีต่อการบรกิ าร และหากมใี ครโจมตีหนว่ ยงานหรอื บรกิ ารก็จะออกรบั แก้ต่างใหด้ ้วยสงิ สาํ คัญการ ต้อนรบั และบรกิ าร คือ รูจ้ กั ตนเอง รูจ้ กั องค์กรหรอื หนว่ ยงาน รูจ้ กั สนิ ค้าหรอื บรกิ าร รูจ้ กั ลกู ค้าหรอื ผใู้ ช้ บรกิ ารหนงั สอื เล่มนี มกี ล่าวไวห้ ลายเรอื งทีนา่ สนใจ เชน่ หลักในการใหก้ ารต้อนรบั วธิ กี ารต้อนรบั ทีสรา้ ง ความพอใจ การปฎิบตั ิต่อลกู ค้า การติดต่อทาง โทรศัพท์ หลักการใหบ้ รกิ าร วธิ กี ารใหบ้ รกิ ารเพอื สรา้ งความพอใจ วธิ จี ดั การกับคําบน่ ของผรู้ บั บรกิ าร และขอ้ ควรระวงั ในการต้อนรบั และการบรกิ าร เปนต้น

การนาํ เสนอ สินค้าและ บริการแก่ ลูกค้า การสือสาร ทางโทรศัพท์ และเทคโนโลยีสารสนเทศได้ อย่างประสิทธิ

Facebook มกี ารสอื สาร ทังขอ้ มูลขา่ วสาร และการโปรโมท โรงแรม

มีการโปรโมท Instagram การโพาลง ใน Instagram เพอื โปรโมท โรงแรม และ ประชาสมั พนั ธโ์ รงแรมใหร้ ูจ้ กั กันมากขนึ

การเข้าร่วมโครงการคนละครึง เพอื ใหบ้ รกิ ารลกู ค้าสะดวกขนึ และเพมิ ชอ่ งทางเลือกใหก้ ับ ลกู ค้า ทางโรงแรมจงึ มกี ารเขา้ รว่ มโครงการคนละครงึ

การสอื สารทาง โทรศัพท์และ เทคโนโลยสี ารสนร เทศได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ 1.การใหบ้ รกิ ารและปฏิบตั ิดว้ ยความ เต็มใจ บรกิ ารดว้ ยใจ 2. การมีมนุษย์สัมพันธ์ทีดี 3.การมีข้อมูลทีถูกต้อง และ ชดั เจน 4.มีความสุภาพ ทังการพูด และการใชว้ าจา

การจดั การและแก้ไข ปญหาความขดั แยง้ ใน สถานการณต์ ่าง ๆ  LHaontnelaOriental 1. ลูกค้าขโมยของในโรงแรม มี การเก็บเงินค่าประกันห้องพัก และ เช็คห้องก่อนเช็คเอาท์ทุก ครัง 2. พนักงานไม่เพียงพอ มีการจ้าง พนักงานแคชชวลทํางาน 3.  การทานอาหารเช้า ลูกค้า ไม่ อยากทานอาหารเช้าจึง มีการ ขยายเวลาในการทานอาหาร






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook