Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 31 บกพร่องการพูด_พฤติกรรม_ออทิสติก_ซ้อน -ครูลูกชาวนา

31 บกพร่องการพูด_พฤติกรรม_ออทิสติก_ซ้อน -ครูลูกชาวนา

Published by M D, 2021-04-05 07:23:51

Description: 31 บกพร่องการพูด_พฤติกรรม_ออทิสติก_ซ้อน -ครูลูกชาวนา

Search

Read the Text Version

คอรส์ ปลดล็อกชีวิต สอบเขา้ สศศ. 64 ครูอภิชาติ บวั จรญู ครูอภชิ าติ บัวจรูญ 6. เทคนิคการสอน คคล ความบกพ องทางการ ดและภาษา บคุ คล มีความบกพรอ่ งทางการพดู และภาษา Speech and Language Impairment ไ แ คคล ความบกพ องในการเป งเ ยง ด เ น เ ยง ดปก ตรา ความเ วและ งหวะการ ด ดปก ห อ คคล ความบกพ อง ในเ องความเ าใจห อการใ ภาษา ด การ เ ยนห อระบบ ญ กษ น ใ ในการ ด อ อสาร งอาจเ ยว บ ป แบบ เ อหาและห า ของภาษา เ ยง ด ความเ าใจภาษา ้ขูพีสจ่ีท้น้ืนูรัก่ีก่ึซ่ืส่ติต้ช่ีท่ือ์ณัลัสืรีขูพ้ชืร้ข่ืร่รีม่ีทุบืริติผูพัจ็รัอิติผีส่ชูพีส่ล่รีม่ีทุบ่ก้ดูพ่รีม่ีทุบ ที่

การพูด (Speech) ความบกพร่องทางการพูดแบง่ ได้ 3 ประเภท การพูด คือ การ อความหมายโดยวิธกี ารเปล่งเสียง ง 1. การเปล่งเสียงบกพรอ่ ง (Articulator Disorders) เ นหนทาง อิสระและสะดวก สุดและ มปี ระสิทธภิ าพสูง 2. เสียงพูดบกพร่อง (Voice Disorders) 3. พูดจังหวะผิดปกติ (Fluency Disorders) จ : เปล่ง+พูด+จงั หวะ ทดสอบ ความหมายแต่ละประเภท Omission ตรงกบั ความหมายในขอ้ ใดต่อไป 1. การเปล่งเสียงบกพรอ่ ง (Articulator Disorders) เ นความผิดปกติทางการพูด ก. เสียงบางส่วนของคาขาดหายไป เ ยวกบั การเปล่งเสียงสระและพยัญชนะ เช่นออกเสียง อ แทน ก แบ่งเ น 4 ข. เสียงพูดบกพร่อง ลักษณะ คอื ค. พูดจังหวะผดิ ปกติ 1. เสียงบางส่วนของค ขาดหายไป (Omissions) เช่น\"ผดิ \"เ น \"ผ\"ิ (ข้อสอบ 1/61) ง. อัตราการพูดเร็วหรือชา้ เกนิ ไป 2. ออกเสียงของตัว นแทนตัว ถกู ตอ้ ง (Substitutions) เชน่ \"กนิ \" \"จนิ \" 3. เ มเสียง ไม่ใชเ่ สียง ถกู ตอ้ งลงไปดว้ ย (Additions) เช่น \"หกล้ม\"เ น\"หก-กะ-ล้ม” 4. เสียงเ ยนหรือแปรง่ ไป (Distortions) เชน่ \"แลว้ \" เ น \"แล่ว\" จ : ขาด+แทน+เ ม+เ ยน ่ ่ิิ ็พำ ็ป็ ็ ็ป ำป ปปพ ็ปำพอททททกนพทสซทืีีีีีีี่้่่่ี่ี่ีึื้้่่่่

2. เสียงพูดบกพรอ่ ง (Voice Disorders) หมายถึง การเปลง่ เสียง ผดิ ปกติ ไม่ ทดสอบ เหมาะสมกับเพศและวัย แบ่งเ น 3 ลักษณะ คอื เดก็ อายุ 3 ขวบค ง พูดพยัญชนะตวั ใดได้ 1. ความบกพร่องของระดบั เสียง เชน่ เสียงสูงหรอื ตลอดเวลา หรือ ก. ฟ ต ท ด ล จ ง เสียง พูดอยู่ ในระดับเดียวตลอด เสียงพูดผิดเพศ ผดิ วัย ข. ม น ห ย ค อ ค. พ ช ส 2. เสียงดังหรือค่อยเกนิ ไป คล้ายๆ กบั ตะโกนหรอื กระซิบอย่ตู ลอดเวลา ง. ร 3. คณุ ภาพของเสียงไม่ดี เชน่ เสียงแตกพร่า เสียงกระด้าง เสียงแหบ แหง้ ตลอดเวลา 3. พูดจังหวะผดิ ปกติ (Fluency Disorders) เ นความผิดปกตเิ ยวกับความ คลอ่ งและจังหวะในการพูด อาการพูดผิดปกติ พบมากคอื พูดตดิ อา่ ง การประเมนิ การพูดไม่ชดั ภาษา Language อายุ ( /เดอื น) เสียงพยญั ชนะ พูดได้ชัด ภาษา คือ รหัส คนในสังคมใช้รว่ มกนั อยา่ งเ นระบบ 2 – 2 6 เดอื น มนหยคอ เ น ง แทนความคิดของมนุษยโ์ ดยการใช้สัญลักษณ์ 2 6 เดือน – 3 ตา่ ง ๆ สรา้ งโดยเจ้าของภาษา มกี ฎเกณฑ์หรอื 3 - 3 6 เดอื น เ มเสียง ว บ ก ป ไวยากรณ์ ควบคุมก หนดการใชภ้ าษานั้นๆ 3 6 เดอื น – 4 เ มเสียง ฟ ต ท ด ล จ ง งส คญั ของภาษาคือผสู้ ่งภาษาต้องใช้รหัสรว่ มกบั ผ้รู บั ภาษาได้การ อ อายุ 7 นไป เ มเสียง พ ช ส ความหมายจงึ จะเกิด น ตวั อยา่ งเช่น ถ้าเด็กออกเสียง “อา คา อา ดา” เ มเสียง ร เราไม่เรยี กวา่ เ นภาษา เพราะรหสั เด็กแสดงออกมาไม่สามารถใชเ้ น รหสั ร่วมในสังคมได้ ่่่่่่ิิิิิิ ็ำีปสำ็ ำ ส็ป็ปป็ พ ีปป็พีปีป พีปีป ปพีป ปีปีปปีทกขททททสขรทททททีึีีีีีึืึ่่้่่่ีีีีี่่้่่่่่่ต่

ความ ดปก ของภาษา ความ ดปก ของภาษา 1. ความผิดปกติของภาษาช่วงวัยพัฒนา 2. ภาวะเสียการ อความ (Aphasia) เ นความผิดปกติ เ ยวขอ้ งกับพัฒนาการทางด้านภาษา และการพูดในชว่ ง เ นความบกพร่องทางภาษาเ องจากการมีพยาธสิ ภาพของ เดก็ มีพัฒนาการด้านภาษาอย่างต่อเ อง เชน่ เดก็ เ มพูดช้ามลี ักษณะ สมองส่วน ควบคุมภาษา ท ให้มี ญหาทางการ อความหมาย ดา้ นการ ง การพูด การอ่าน และการเขียน อยา่ งใดอย่างห ง หรือหลายอยา่ งรวมกัน เชน่ เดก็ ไมเ่ คยพูด ความบกพร่อง สังเกต หรือใชภ้ าษาเลย หรือเด็กเคยพูดหรือใชภ้ าษามา กอ่ นแตส่ ูญเสีย ความสามารถดัง กล่าวในเวลาต่อมา เดก็ อาจจะเ น Motor aphasia คือ ไมอ่ าจจะพูด อ ความหมายได้ เด็กพูดช้ามีสาเหตุจาก ญหาตา่ ง ๆ ต่อไป หรือเ น Sensory aphasia คอื ไม่สามารถเข้าใจภาษาพูดได้ 1. ประสาทหพู ิการ 2. ญญาออ่ น 3. สมองพิการ 4. ออทิสติก 5. ขาดการกระตนุ้ ทางภาษาและการพูด เหมาะสม ทดสอบ การ กพูดและแก้ไขการพูด (Speech Therapy) เดก็ ประเภทใดควรได้รบั การแกไ้ ขการพูดอันดับแรก ผเู้ ยวชาญ กและแกไ้ ขการพูด ก. บกพรอ่ งทางดา้ นการไดย้ นิ คือ “ นักแกไ้ ขการพูด ” ข. บกพรอ่ งทางด้านการภาษาและการพูด หรือ “ นักอรรถบ บดั ” ค. ออทศิ ตกิ ง. บกพร่องทางการเรียนรู้ ่ิ ำึฝ็ิ ติรึฝ ป ็ป็ัำ็ป ิัฟป ผัปต ิ ัผปปนทสนสททกทนนทสชทีืืึืืีีีีีีืีี่่่่่่่่่่่้่่่

การจดั การเรียนการสอน ทดสอบ 1. เด็ก มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา ควรเข้าเรยี นรว่ มใน นเรยี น โปรแกรมแกไ้ ขการพูด (Speech therapy) เหมาะสม ปกตมิ าก สุดเทา่ จะมากได้ กับเดก็ ประเภทใด 2. หลักสูตร ใช้ คือ หลกั สูตรปกติ ก. เดก็ มคี วามบกพรอ่ งทางการไดย้ นิ 3. อาจปรับกจิ กรรมพิเศษในหลกั สูตรเ นการสอนเ อแก้ไขการพูด ข. เดก็ มีความบกพรอ่ งทางรา่ งกายฯ 4. การแกไ้ ขการพูดควรให้บรกิ ารแก่เด็กเรว็ สุดเทา่ จะเร็วได้ งแตเ่ ม ค. เด็ก มีความบกพร่องทางการพูดเเละภาษา คน้ พบความผิดปกติ ก่อน ความผดิ ปกติ นจะเ มความรุนแรงมาก น ง. เดก็ ออทิสติก 5. การแกไ้ ขการพูดควรให้บริการควบค่กู ันไปกับการศึกษา เทค คการสอน ด หลกั ในการ กพูด การ ก ง 1. ค นงึ ถงึ อารมณ์ และความพร้อมของเด็กในการสอนพูด เค องมอื และอุปกรณ์การสอน การ ก งเ น ง เ น ห บการเ ยนภาษา เ นการ ก ใ นเคย บเ ยง าง ๆ 2. สอนความเขา้ ใจก่อนสอนการพูด เค องมอื และอุปกรณก์ ารสอน เ ยงสระและเ ยงพ ญชนะ การจะออกเ ยงพ ญชนะและสระแ ละเ ยง น อ างไร 3. ใหโ้ อกาสเดก็ ได้เปลง่ เสียงออกมาบ้าง ขณะ พูดกบั เด็ก ผู้ เ อแก้ไขการพูด ไดแ้ ก่ ใ อ ยวะ วนใด าง เ น เ ยง ป ใ ม ปาก งสอง าง เ ยง ง ใ โคน น 1. กระจกเงา สอนควรเว้นระยะให้เดก็ ตอบบา้ ง 2. เค องบนั ทึกเสียง การบ หาร น นเ นอ ยวะ ญมากในการ ด การ านออกเ ยงพ ญชนะแทบ ก ว 4. สอนพูดค เ ยว และเลือกค ออกเสียงไดง้ า่ ยก่อน 3. บัตรค องใ น ง ความ เ น องบ หาร น กระ ไ โดยการ ก วน นไปมา วน น เช่น ค นตน้ ดว้ ยเสียง พยญั ชนะ ม ไดแ้ ก่ แม่ ม้า หมา 4. เค อง กจังหวะการพูด การเ นเกม ธรรมชา ของเ กชอบเ นอ แ ว เกม ใ กเ ยง ป ไ แ เกม การเ า เสียงพยญั ชนะ ป ไดแ้ ก่ ปู ปลา ปาก เสียงพยญั ชนะ ว ได้แก่ 5. คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน าง ๆ เ น เ ากระดาษ เ ายาง ด เ า น ฯลฯ ววั หวี เ นตน้ 5. สอนเดก็ ให้พูดโดยใชค้ นาม มองเหน็ เ นรปู ธรรม จดจ ไดง้ า่ ย คุน้ เคยและอย่ใู กลต้ ัว 6. ผู้ กเ นแบบอย่างในการพูด ดี เ องจากขณะ เด็กพูด เด็กจะลอกเลยี นแบบจากผู้ พูด ่่ิิ ส ำ ำ ป็ ้รึ ฝรพ นิพ็ปึฝ ำ ็ปูฝึำ ็ปฟัฝึฟัำ ป็สำิ่จำ ำป็ ำึฝุ่น่ปืย่ป่ป่ช่ต่ป์ส่ก้ดีสึฝ้ช่ีท์ส้ลู่ย่ล็ดิต์ส่ล้ิล้ม้ิล้มึฝ้ดำทัิลิร้ต็ปำจีมึจ้ิล้ช้ตัตุทัยีส่อูพัคำส่ีทัว็ป้ิล้ิลิร้ิล้ชีส้ข้ัทีฝิร้ชีส่ช้บ่สัว้ช่ยำท้ันีส่ตัยีสัยีสีส่ตีสักุ้ค้หูหึฝ็ปีรตนชรรรรพทดททททนทขทัททัขัททททพทททท้้้ืืืืืีีีีีีึืีีืีีีีึีีีีีี่่่่่้่่่่่่่่่่่่่่่่่้่่่

7. เทคนิคการสอน คคล ความบกพ องทางพฤ กรรม ห ออารม บุคคล มีความบกพร่องทางพฤตกิ รรม (Behavioral and Emotional Disorders) หรืออารมณ์ ไ แ คคล พฤ กรรมเ ยงเบนไปจากปก เ นอ างมาก และ ญหา ทางพฤ กรรม นเ นไปอ าง อเ อง งเ นผลจากความบกพ องห อ ความ ดปก ทาง ตใจห อสมองใน วนของการ บ อารม ห อความ ด เ น โรค ตเภท โรค มเศ า โรคสมองเ อม เ น น พฤ กรรม ความ ดปก ตใจ สมอง ทดสอบ ลักษณะและประเภทของเด็ก มีความบกพรอ่ งทางพฤติกรรมฯ เดก็ ชายปรีดาไดร้ ับการรับรองจากแพทยว์ า่ มสี มาธิ น 1. การก้าวรา้ ว - ก่อกวน เดก็ ชายปรดี ามคี วามบกพร่องประเภทใด? 2. การเค อนไหว ผดิ ปกติ ก. ความบกพร่องทางการเรยี นรู้ 3. การวิตกกงั วลและปมดอ้ ย ข. ออทิสตกิ 4. การหนีสังคม ค. ความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรอื อารมณ์ 5. ความผดิ ปกติในการเรยี น มผี ลการเรียนไม่คอ่ ยดี มี ญหา ง. ความบกพร่องทางด้านสติ ญญา ในการเรียน ปรบั ตัวไมไ่ ด้ 6. โรคสมาธิ น าว เค อน ปม ห เ ยน น ้ัสีรีน่ืล้รจ ริ ัป บุตทีร ่มีัป ร่ืิจิติผิตจ้ต็ป่ืส้รึซิจ่ชิคืร์ณู้รัร่สืณิจิติผืร่ร็ป่ึซ่ืน่ต่ย็ป้ันิตัป่ย็ปิต่ีบิตีม่ีทุบ่ก้ด์สสทลัทั้ท้ืีี่่่ี ่

ทดสอบ สาเหตุ เ นบุคคลมคี วามบกพรอ่ งทางพฤตกิ รรมหรอื อารมณ์ เดก็ หญิงสมศรีมี IQ ในระดับ 70 และแพทยย์ นื ยนั วา่ เด็กหญงิ 1. อาจเกดิ จากความผดิ ปกตทิ างร่างกาย เชน่ ไดร้ ับบาดเจ็บทางสมอง หรือ สมศรเี นโรคสมาธิ นอีกด้วย เดก็ หญิงสมศรมี คี วามบกพรอ่ ง ความผิดปกตทิ างกายภาพ น ๆ ประเภทใด ? ก. ความบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้ 2. สาเหตุทางจติ วิทยา เ นสาเหตุเฉพาะตัวบุคคล อาจไม่สามารถปรบั ข. พิการซ้อน อารมณ์และปรับตวั ให้เขา้ กับสังคมได้ ค. ความบกพรอ่ งทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ง. ความบกพรอ่ งทางด้านสติ ญญา 3. สาเหตุมาจากสภาพแวดล้อม ไมส่ ามารถปรบั ตัวให้เขา้ กับสังคมไดเ้ ชน่ คน น ๆ สภาพครอบครวั ไมอ่ บอนุ่ แตกแยก ขาดความสุข การอบรมเ ยงดู ขาดการเอาใจใส่หรือรงั เกียจ เดก็ มีความคบั ขอ้ งใจ มีความ เกบ็ กดทางอารมณ์ งแตเ่ กิด ปล่อยให้คน นดแู ล ทอด ง กาย ยา อม ทดสอบ โรคสมา น หอ ภาวะ ผู้ วยมีพฤตกิ รรม หนุ หันพลนั แล่น ไมม่ สี มาธิ และซน หมายถงึ นกั เรยี นใน โรคสมาธิ น แบง่ เ น 4 ประเภท ข้อใด 1. สมาธิ น (Inattention) จะมีอาการไมส่ นใจเ องใดเ องห งไดน้ าน ไมว่ ่าจะเ นเ อหาสาระ ก. แดง เ นภาวะออทสิ ซมึ Autistic Spectrum Disorder : ASD หรือรายละเอยี ด วอกแวก ถูกรบกวน จากตัวกระตนุ้ หรือ เรยี กว่า \" งเร้า\" ภายนอกไดง้ ่าย ข. ด เ นโรค เกิดจากความบกพรอ่ งทาง ญญา Cerebral Palsy : CP ท ให้ขาดความ รบั ผิดชอบจงึ เ นอุปสรรคในการเรียนและการท งานในวัยผู้ใหญ่ ค. เขยี ว เ นโรคสมาธิ น Attention de cit hyperactivity disorder : ADHD 2. ซกุ ซน/อยไู่ ม่ ง (Hyperactivity) มีอาการชกุ ชนมากผิดปกติ อยู่ไม่ ง รบกวนผู้ น ง. ถูกทุกข้อ สามารถ เค อนไหวหรือทาอะไรได้ งวันโดยไม่เหนด็ เห อย ในวยั ผใู้ หญอ่ าการซุกชนจะหายไป แตจ่ ะอยู่ไม่ ง ้่่่่ิิิิิ ็สf ป ็็ ็ป ็ปปทปจล้ป ำปน ่ั ปั ็ ำป็ำน นืร้ัสิธ i็ปปป็ทสตสสทัรอนลรันนอออลัททททัั้้้้ืืืึีืืื้ืืีืีีีี่่่่่้่่่่้่่่่่สั้

โรคสมา น หอ ทดสอบ 3. หุนหนั พลนั แล่น (Impulsiveness) มอี าการไม่ งคดิ ไม่อดทน รอคอยไมเ่ น ไม่คิดก่อน ลกั ษณะเดน่ ของเดก็ สมาธิ น ข้อใดไม่ถูกตอ้ ง พูด หรอื ก่อนทา เ องา่ ย ควบคมุ ตนเองใหอ้ ยู่ในกฎกตกิ าหรือระเบียบได้ยาก หงุดหงิด ก. ไม่กล้าพูดหรอื แสดงออกใน นเรยี น โมโหง่าย ทาให้อย่รู ่วมใน ครอบครวั สังคมโรงเรียน และสังคมภายนอกไดย้ าก ข. หนุ หันพลันแลน่ ไมม่ ีสมาธิ และซน ค. แสดงออกถงึ ความโหดร้าย ชกตอ๋ ย ทารณุ สัตว์ 4. อาการผสม 2 แบบ หรอื 3 แบบ ตามข้างต้น งมอี าการมาก น เกดิ ความยาก ง. ไมต่ อบสนองเ อเรยี ก ไม่พูด มกั แสดงทา่ ทาง ล บาก ในการชว่ ยเหลอื มาก น จ : น + ซน+ หัน + ผสม การจดั การเรียนร้สู หรบั บคุ คล มคี วามบกพรอ่ งทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ทดสอบ หลกั สูตร นักเรียน มพี ฤติกรรมแยกออกจากห้องเรยี น เรยี กวา่ .... หลักสูตรส หรบั บุคคล มคี วามบกพร่องทางพฤติกรรมหรอื อารมณ์ควรมี ก. Shaping ลักษณะสอดคล้องกบั ญหา และความต้องการของเดก็ ประเภท จึงมคี วาม ข. Punishment จาเ นในการปรับปรุงหลักสูตรสาหรับนักเรียน วไปให้ เหมาะสมกับเดก็ ค. Modeling ประเภท โดยเฉพาะหลักสูตรส หรับบุคคล มีความบกพร่องทางพฤตกิ รรม ง. Timeout หรืออารมณ์ ควรมีเ อหาครอบคลมุ ดัง 1. วิชาสามญั 2. การพัฒนาความคิดรวบยอดตอ่ ตนเอง 3. พฤตกิ รรมทางสังคม เหมาะสม 4. กลวิธใี นการจดั การกบั ความบกพรอ่ งทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ ธำำ ิป็ สำ ัำ ้ ปำร ั็ปื ยทชสสซบัขขทททนนนทนัมทัั้่ัึึืึ้้ีืีีีีีีีื้่้้่่้่่้้่้่่

เทคนิคการปรับพฤตกิ รรม(Behavior Modi cation) 8. เทคนคิ การสอน 1. แรงเสรมิ ทางบวก (Positive Reinforcement) เดก็ ออทสิ ตกิ Autistic Disorder 2. แรงเสริมเชงิ ลบ (Negative Reinforcement) 3. การหยดุ ง (Extinction) 4. เ ยอรรถกร (Token Economy) 5. การแก้ไขให้ถกู ต้องเกินกว่า ท ผดิ (Overcorrection) 6. การใชเ้ วลานอก (Timeout) เวลา2-5 นาที ไม่ควรเกิน 5 นาที 7. การท สัญญากับเดก็ (Behavioral Contract) 8. การลงโทษ (Punishment) 9. การหลอ่ หลอมพฤตกิ รรม (Shaping) 10. การเ นแบบอยา่ ง ดี (Modeling) ทดสอบ คคลออ ส ก บคุ คลออทสิ ตกิ จะพบความผิดปกตทิ างด้านสังคม ไ แ คคล ความ ดปก ของระบบการ งานของสมองบาง วน อารมณแ์ ละพฤติกรรม ชดั เจน ตอนอายุ ? ง งผล อความบกพ องทาง ฒนาการ านภาษา าน งคมและการป ม น ก. กอ่ นอายุ 1 ข. ก่อนอายุ 2 ทาง งคม และ อ ด านพฤ กรรม ห อ ความสนใจ ดเฉพาะเ องใดเ อง ค. ก่อนอายุ 3 ห ง โดยความ ดปก น นพบไ อนอา เ อน ง. กอ่ นอายุ 4 สมองบาง วน ภาษา งคม เฉพาะ อน เ อน ไ สบตา ไ พา ไ ว ไ ชอบการเป ยนแปลง ่ีล่ม้ิน้ีช่มีท่ม่มืด่กัส่สจืดุย่ก้ด้ค้ันิติผ่ึน่ืร่ืรักำจีมืริต้ดักำจ้ขีมัส์ธัพัสิฏัส้ด้ดัพ่ร่ต่ส่ึซ่สำทิติผีม่ีทุบ่ก้ดิติทุบีป ีป ีป ีป ีปf ำi ็ป ำ ยทบัททก้ีีีีี้่่่่

ทดสอบ สาเหตขุ องออทซิ มึ บุคคลออทิสติกมคี วามบกพร่องส่วนใด เห็นไดช้ ดั เจน? ยังไม่ทราบสาเหตุ แนช่ ดั ก. การเขา้ สังคม แตจ่ ากงานวจิ ัยล่าสุดไดพ้ บว่า ออทิซึมมีความเ ยวข้องกับชวี วทิ ยาหรือ ระบบประสาท ข. การ อสาร ค. การคิดวิเคราะห์ แตกต่างกนั ในสมอง จากการใช้ “Magnetic Resonance Imaging (MRI) and ง. ถกู ทกุ ขอ้ Positron Emission Tomography (PET)” สแกนแสดงให้เห็น 1. ความผิดปกตดิ ้านโครงสร้างภายในสมองส่วนซีรเี บลลัม (Cerebellum) งมคี วามแตก ต่างในดา้ นขนาดและจ นวนของ “Purkinje cells” 2. พันธกุ รรม (Genetic) แตใ่ น จจบุ นั ยงั ไมส่ ามารถบ่ง ได้ว่ายีนตวั ใด เ ยวขอ้ งกับออทิซึม ประเภทของออทซิ ึม กลุ่มโรคออทสิ ตกิ ออทิซมึ เ นห งใน ‘Spectrum disorder’ ความบกพรอ่ งของพัฒนาการแบบรอบดา้ น หรอื พีดีดี น แบ่งออกเ น 5 กลุ่ม  ประกอบดว้ ย หมายถงึ อาการหรือลักษณะของออทซิ มึ มีความ หลากหลาย ผสมผสานกัน จากระดับน้อยจนถึงรุนแรง 1. ออทิสติก (Autistic Disorder) 2. เร็ทท์ (Rett's Disorder) สมาคมจติ แพทย์แหง่ สหรฐั อเมรกิ าจดั ให้โรคออทิสติกอยูใ่ นกล่ม 3. ซดี ีดี (Childhood Disintegrative Disorder) พีดีดี (Pervasive Developmental Disorders : PDD) 4. แอสเพอรเ์ กอร์ (Asperger's Disorder) หรือความบกพรอ่ งของพัฒนาการรอบด้าน งแสดงออกอยา่ งชัดเจนใน 5. พีดดี ี เอน็ โอเอส (Pervasive Developmental วยั เด็ก ท ใหพ้ ัฒนาการด้านพฤติกรรม  ความสนใจ  ทกั ษะการใช้ Disorder Not Otherwise Speci ed; PDD-NOS) ภาษา และทักษะทางสังคมปฏิสัมพันธ์กบั ผู้ นไม่เ นไปตามชว่ งวัยปกติ if ็ป ็ ็ป ัำปป ำ นชกททซทกทซอันทสีีีีีีึ้ีึื่ึ่่่่้่่ีื่่่่่

1. Low-functioning คือ กลมุ่ มคี วามสามารถในการพูด การใช้ภาษา ทดสอบ และการปรับตวั ใหเ้ ข้ากับคน นๆ ไดน้ อ้ ย เดก็ สติ ญญากับเดก็ ออทิสตกิ แตกตา่ งกันอย่างไร? 2. High-functioning คอื กลุ่ม สามารถพูด ใชภ้ าษาและปรับตวั ใหเ้ ข้า กับคน นๆ ได้ดี 3. Autistic tendencies คอื กลมุ่ มอี าการคลา้ ยออทสิ ติค 4. Pervasive developmental disorder คือ กล่มุ มี ญหาทางด้าน พัฒนาการผดิ ปกติ ท อะไร ๆ คดิ ท การจัดการศึกษาส หรับเดก็ ออทสิ ตกิ ในประเทศไทย การจดั การศึกษาส หรับเดก็ ออทิสตกิ ในประเทศไทย ใน การศึกษา 2545 นกั เรียนออทิสติกรุ่นแรกส เร็จการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใน พ.ศ. 2546 มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ได้จดั ง “ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาการจัดการศึกษา พิเศษแบบ การเรียนรวมส หรบั เดก็ ออทิสตกิ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น” การศึกษา 2554 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไดส้ นองนโยบายของส นกั งานคณะกรรมการ การอดุ มศึกษา (สกอ.) กระทรวงศึกษาธกิ าร ในการให้ความชว่ ยเหลอื นิสิตกลมุ่ โดยเ ดโอกาส ให้นกั เรยี น ออทิสติกและนกั เรยี น มคี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ ศึกษาในสถาบนั นๆ นอก เหนอื จากโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้าศึกษาตอ่ ในโครงการรบั ตรง (โควตาพิเศษ) ำ ำ ำปัปิปำำัำีป ำำำปีีปำตอททนัททททออ้ีืีีีืีีืี่้่่่่่่่่ยซย้้้

การจดั การศึกษาส หรับเด็กออทิสตกิ ในประเทศไทย ทดสอบ การศึกษา2547 ส นกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษได้พัฒนาครปู ระจ หอ้ งเรียนคู่ TEACCH เ นวิธกี ารสอนของนกั เรียน มคี วามบกพรอ่ งประเภทใด ขนานใหม้ ี ความรู้ ความสามารถและทักษะในการพัฒนาบคุ คลออทิสติก เ อประจ ก. เด็กออทสิ ตกิ ห้องเรยี นคขู่ นานห้องเรยี นละ 2 คน ข. เดก็ พิการ ซ้อน จัดท หลกั สูตรและแนวทางการจดั การเรยี นรูต้ ามกลมุ่ ทกั ษะ 6 ทกั ษะ ได้แก่ ค. เด็ก มคี วามบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ 1. ทักษะทางภาษาและการ อสาร ง. เดก็ มคี วามบกพร่องทางสติ ญญา 2. ทกั ษะทางพฤตกิ รรมและอารมณ์ 3. ทกั ะทางสังคม ทดสอบ 4. ทกั ษะทางการรบั รูแ้ ละเค อนไหว 5. ทักษะการดแู ลช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบตั ิกิจวัตรประจ วนั Picture Exchange Communication System (PECS) มคี วามหมาย 6. ทกั ษะทางวชิ าการ ตรงกบั ขอ้ ใด? ก. ระบบการ อสารด้วยการแลกเป ยนรปู ภาพ ให้กบั ครหู ้องเรียนคู่ขนานใช้เ น แนวทางในการพัฒนานักเรียนออทสิ ตกิ ข. ระบบ อสารการไดย้ ิน ค. ระบบ อสารอเิ ล็กทรอนิกส์ TEACCH ง. ถูกทกุ ขอ้ โปรแกรม TEACCH (Treatment and Education of Autistic and related Communication handicapped Children) พัฒนา นโดย Eric Schopler และ คณะ ในช่วงตน้ ของ 1970 เ น โปรแกรม ให้บรกิ ารส หรับเดก็ และผใู้ หญอ่ อทิซึม และผู้ มี ญหาทาง ดา้ น การ อสาร เ นโปรแกรม ใชช้ ุมชนเ นฐาน งประกอบดว้ ย การให้ บริการโดยตรง การใหค้ ปรกึ ษา การศึกษาวิจยั และการ กอบรม TEACCH ได้รบั การสนบั เงนิ ทนุ จากรัฐ สันนบิ าต และการบรจิ าคจาก ประชาชน ัำ ำ ป ึฝำ ำ ็ปปีำ็ปำำำัปป็ปำ็ ็ปีป พสลสสลสขทสซทททททืืืืืืีีึีืีึีีี่่่่่่่้่่่่่่่่ซ้

การแลกเป ยนรูปภาพเ นการ อสาร หรือ นตอนของการสอน “PECS” PECS (Picture Exchange Communication System) แบ่งออกเ น 6 น พัฒนาโดย Dr.Bondy การแลกเป ยนรูปภาพเ นตัวกระต้นุ ให้เดก็ อสารออกมาเ นค พูด โดย 1. นกั เรียนจะไดเ้ รียนร้กู ารเ นผเู้ มต้น การ อสาร จะไม่ใช้การพูดของครูผู้สอนหรอื ผปู้ กครอง 2. พัฒนาสู่การน ไปใช้ 3. การเลอื กขอ้ มลู ต้องการ อสาร เ อเดก็ มองเห็นรปู ภาพจะไดร้ ับการกระตุน้ ใหเ้ ขาพูด เดก็ ก็จะสามารถเ มพูดได้ ส่งเสริม 4. สอนการสร้างประโยคง่าย ๆ ใน น เราเ มสอนใหน้ ักเรยี นมกี าร อสาร ง พัฒนาการด้านการ อสารในเดก็ ออทสิ ติก เ อ อสารบอกความต้องการกบั ผู้ นได้ ตนเองตอ้ งการ มีความเฉพาะเจาะจง โดยสอน ใหน้ กั เรียนใชค้ ณุ ลกั ษณะของ ช่วยลดความเครยี ดจากการ คน นไม่เขา้ ใจตนเองได้ งหวั ใจส คัญ ท ให้เดก็ มีพัฒนาการด้าน งของ ตนเองต้องการ การ อสารด้วย PECS ดี นคือการ ผู้ปกครองต้องมีความมุ่ง นอดทนในการ ก 5. สอนการตอบค ถาม เชน่ หนตู ้องการอะไร ในขณะ 6. เ นการสอนใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเหน็ หรอื อธบิ ายเ ยวกับวตั ถหุ รือ กิจกรรมต่าง ๆ ทดสอบ ทดสอบ “สอนการสรา้ งประโยคงา่ ยๆ” คือ นตอนใดของการสอน PECS การ กฝนทักษะในชีวิตประจ วันเดก็ ออทิสติก หมายถึงข้อใด ก. น 1 ก. Activity of Daily Living Training ข. น 2 ข. Social Skill Training ค. น 3 ค. Social Story Training ง. น 4 ง. Occupational Therapy Training ่่่่่ิิิิิ ป็ ส ป็ ป็ำ ำ รร ฝ ็ ำ ึ ป ำ ็ป ำร็ส ำป ฝึมขขขขขขขขลอสสมทขสซพสอททัทสสกทสททนทััลสัััััททท่ทั้้ืืืีีึืึีืืีืื้้้้้้ีีืีีีืืีีีื่่่่่้ีี่่่่่ี่ี่่่้่่่่่่่่่่่่่่

การ กฝนทกั ษะในชวี ติ ประจ วัน การ กฝน กษะ งคม (Activity of Daily Living Training) ทกั ษะสังคม เ นความบกพร่อง ส คัญของเดก็ ออทสิ ติก ดัง นจึงต้องใหก้ าร การจดั กระบวนการเรียนรู้ในเ องกิจวัตรประจ วนั ให้เด็ก กฝนด้าน เ นพิเศษ งท ไดโ้ ดยจ ลองเหตกุ ารณ์ หรือสถานการณ์ทางสังคม สามารถท ได้ดว้ ยตนเองเต็มความสามารถ เขามอี ยู่ โดยต้องการความ ชว่ ยเหลอื นอ้ ย สุด ในการ กฝน เด็กจ เ นต้องเรยี นรู้จนสามารถ ตา่ ง ๆ เ อใหท้ ดลองปฏิบัติจนเกดิ ความช นาญ หรือการสอนโดยให้จดจ รูปแบบ ปฏิบัติได้ และเกดิ เ นความเคยชิน ติดตัวไปใชใ้ นชวี ติ ประจ วันได้ บทสนทนาในสถานการณต์ ่าง ๆ การสอนโดยการแสดงบทบาทสมมติ  (Role Playing)  คอื   เทคนิคการสอน ใหผ้ เู้ รียนแสดงบทบาทในสถานการณ์ สมมติ น  9. เทคนิคการสอน ทดสอบ บคุ คลพิการซอ้ น ขอ้ ใดหมายถึงบุคคลพิการซอ้ น (Multiple Disabilities) ตามประกาศกระทรวง ศึกษาธกิ าร? ก. บุคคล มลี ักษณะความพิการมากกวา่ ห งประเภทในบคุ คลเดียวกนั ข. บุคคล มลี กั ษณะความพิการมากกว่าห งความพิการเกิด นพร้อมกนั ค. บุคคล มสี ภาพความบกพรอ่ งหรอื ความพิการห งประเภทในบุคคลเดียวกนั ง. บคุ คล มีสภาพความบกพรอ่ งหรือความพิการมากกว่าห งประเภทในบุคคล เดียวกัน ฝึ ึำป ำ็ป ็ำ ฝึทัสำัป ำ็ำฝำป ำฝำึำ็นททขัทซนพทททนนทนทรขนท้ึีีืีีึีีึึืีึีีีึึ่้่่่่้่่่่่่่้่่่่

คคล การ อน ทดสอบ ไ แ คคล สภาพความบกพ องห อความ การมากก า “Negative prenatal environmental in uences” เ นสาเหตขุ อง ห งประเภทใน คคลเ ยว น ความพิการซ้อนตามข้อใด ? ก. ความผดิ ปกตขิ องโครโมโซม ความบกพ อง การ มากก า ข. ความบกพรอ่ งของพัฒนาการทางสมอง ค. การคลอดก่อนกาหนด เกิดจากอทิ ธพิ ลของสภาพแวดล้อมในครรภ์ ง. โรคทางเมตาบอลิก สาเหตุของความพิการซ้อน ทดสอบ ประมาณรอ้ ยละ 50 ของเด็ก เกดิ มามคี วามพิการซ้อนยังไม่พบสาเหตุ ชดั เจน อกี บุคคลขอ้ ใด มคี วามส คญั ตอ่ การจดั การศึกษา ร้อยละ 50 ของเดก็ เกดิ มามีความพิการซอ้ น มีสาเหตุจาก ส หรบั บคุ คลพิการซ้อนมาก สุด ? ก. ครูผสู้ อน 1. ความผดิ ปกติของโครโมโซม (Chromosomal abnormalities) ข. นักกิจกรรมบาบดั 2. ความบกพรอ่ งของพัฒนาการทางสมอง (Developmental disorders of the ค. พ่อแมผ่ ปู้ กครอง/ครอบครวั ง. ผดู้ ูแลบุคคลพิการซอ้ น brain) 3. โรคทางเมตาบอลกิ (Metabolic disorders) 4. การคลอดก่อนก หนด เกิดจากอทิ ธพิ ลของสภาพแวดล้อมในครรภ์ (Negative prenatal environmental in uences) บว้ำำุพิlfด้ีำ ก่พบุรที่ ิ่ร ็ปlf่ซมื่รจักีดุบ่ึน่วิพทททททททีีีีี่่่่ีี่่่

ทดสอบ ทดสอบ ขอ้ ใดเ นการจัดหลกั สูตร เหมาะสมกับบคุ คลพิการซอ้ นมาก สุด ข้อใดคือเ าสูงสุดของการจดั การศึกษาส หรับบคุ คลพิการซอ้ น? ก. การเรียนรู้กจิ วตั รประจ วนั ในสภาพแวดลอ้ ม โรงเรยี น ก. การเตรียมความพร้อมด้านอาชีพ ข. การเรยี นร้ทู กั ษะ อสารในสภาพแวดลอ้ ม ชุมชนของเดก็ และครอบครวั ข. การเตรยี มความพร้อมใหม้ ีชีวติ อสิ ระ งพาตนเองได้ ค. การเรยี นร้ทู ักษะสังคมในสภาพแวดล้อม เ นธรรมชาตขิ องเด็กและ ค. การเตรยี มความพรอ้ มด้านพัฒนาการรา่ งกาย ครอบครัว ง. การเตรยี มความพรอ้ มดา้ นทักษะการ อสาร ง. การเรยี นรู้กิจวตั รประจ วนั ในสภาพแวดล้อม เ นธรรมชาตขิ องเดก็ และครอบครัว ทดสอบ ทดสอบ ข้อใดคอื เทคนิคการสอนเ อน บุคคลพิการซอ้ นเข้าร่วมทากิจกรรมต่างๆ ข้อใดคือวธิ กี ารสอน เหมาะสม สุดส หรบั นกั เรยี นพิการซอ้ น ก. เทคนิค Hand to Hand ก. การสอน ใช้การรบั รู้หลายชอ่ งทาง (Multisensory approach) ข. เทคนคิ Hand to Face ข. การสอนด้วยการวเิ คราะห์งาน (Task Analysis) ค. เทคนิค Face to Face ค. การสอนดว้ ยการท กายภาพบ บัด (Physical Therapy) ง. เทคนคิ Mouth to Hand ง .การสอนใหน้ ักเรยี นพิการมีความสามารถในการท กิจวัตร เคยท ได้ ก่อน จะพิการ ป็ ำำ ำ ำำ ป็ ำำป็ป้ำ ำ ทสทพททพทสททททททืีีีีีีีีึืีีีื่่่่่่่่่่่่่่่

ทดสอบ แบบ ดกรอง แบบคัดกรอง KUS-SI Rating Scales ไมเ่ หมาะสมกับเด็ก เ นแบบคัดกรอง สรา้ ง นดว้ ยความรว่ มมอื กันของ 2 หน่วยงาน คือ ตามขอ้ ใด? - โรงเรียนสาธติ แหง่ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนาการศึกษา (Kasetsart University ก. ADHD Laboratory School,Center for Educational Research and Development-KUS) และ ข. LD - สาขาวชิ าจิตเวชเด็กและวัยรุน่ ภาควิชาจติ เวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิรริ าชพยาบาล (Faculty of Medicine ค. Autism ง. Blind Siriraj Hospital-SI) ใน พ.ศ. 2547 - โดยมี ผศ.ดร. ดรุ ณี อทุ ัยรัตนกิจ เ นหัวหนา้ โครงการวจิ ัย ใชใ้ นการคดั กรองนักเรยี น งแต่ นประถมศึกษา 1-6 อายรุ ะหวา่ ง 6-13 11 เดอื น - มภี าวะสมาธิ น (Attention Defcit Hyperactivity Disorder-ADHD) - บกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Dissorders-LD) - และออทิสซมึ (Autism and Pervasive Developmental disorders-PDDs)” ขอบพระคุณ ขอให้ทุกทา่ นจงสอบตดิ ได้บรรจุอย่าง หวัง “ งใจอย่างไร จะได้อย่าง นเสมอ” ปี ี ค ัปป ็ป็ชตสขทตนททัััึี้้้ทััีี่้้้่่ี่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook