ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑๐ นําเสนอคุณครูชมัยพร แก้วปานกัน
เรื่อง ขัตติยพันธกรณี จัดทำโดย 1) ธนิษฐา พรวิศณุกูล เลขที่ ๖ 2) ศุภรดา ภัทรเสน เลขที่ ๑๙ 3) สุนิสา ใจแสน เลขที่ ๒๑ 4) บุณสิตา สินชัย เลขที่ ๒๙ 5) วรรณรัชต์ รินทรึก เลขที่ ๓๐ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑๐ นําเสนอ คุณครูชมัยพร แก้วปานกัน วารสารเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย (ท๓๓๑๐๑) ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนสงวนหญิง จังหวัดสุพรรณบุรี
คำนำ วารสารเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑๐ เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง ขัตติยพันธกรณี และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็น ประโยชน์ต่อการเรียน ผู้จัดทำหวังว่า วารสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่ กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับ ไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ คณะผู้จัดทำ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ก
สารบัญ หน้า เรื่อง ก ข คำนำ ๑ สารบัญ ๓ ความเป็นมา ๕ ประวัติผู้แต่ง ๖ ลักษณะคำประพันธ์ ๘ เนื้อเรื่องเต็ม (แบบย่อ) ๑๕ เนื้อเรื่องเต็ม (เฉพาะตอนที่เรียน) ๒๗ วิเคราะห์คุณค่า ๒๘ บรรณานุกรม ภาคผนวก ข
ความเป็นมา ๑
ความเป็นมา ๒
ประวัติผู้แต่ง ๑. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓
ประวัติผู้แต่ง ๒. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ๔
ลักษณะคำประพันธ์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เป็นคำประพันธ์ประเภท ๑. โคลงสี่สุภาพ จำนวน ๗ บท ๒. อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ จำนวน ๔ บท พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์เป็นคำประพันธ์ประเภท ๑. อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ จำนวน ๒๖ บท ขัตติยพันธกรณีมีการใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลายรูปแบบ เช่น บทพระราชนิพนธ์ที่ ทรงใช้โคลงสี่สุภาพนำและตามด้วยอินทรวิเชียรฉันท์อีกทั้งมีการเล่นสัมผัสนอก-ใน รวมถึงการเล่นสัมผัสสระและอักษร อีกทั้งยังมีการเล่นคำซ้ำ เหตุผลที่ใช้โคลงสี่ สุภาพและอินทรวิเชียรฉันท์ เพราะเวลาอ่านทำให้รู้สึกว่าคำสละสลวย การสัมผัสคำ ที่มีลูกเล่นเหมาะกับพวกที่จะบรรยายอารมณ์หรือพรรณา แผนผังโคลงสี่สุภาพ แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๕
เนื้อเรื่องเต็ม (แบบย่อ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องขัตติย พันธกรณี ด้วยโคลงสี่สุภาพจำนวน ๗ บทด้วยกัน โดยบรรยายความกังวลใจ ที่ทรง ประชวรอย่างหนักเป็นเวลานาน ด้วยโรคฝีสามยอด และไข้ส่า ทำให้เป็นที่หนักใจของผู้ที่ ดูแลรักษา อีกทั้งยังบรรยายถึงความเจ็บปวดพระวรกายจากพระอาการประชวร จึงมี พระราชประสงค์ที่จะเสด็จสวรรคต แต่พระองค์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากเป็น กษัตริย์ที่มีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ คือการปกป้องรักษาบ้านเมืองจากประเทศฝรั่งเศส นั่นเอง หลังจากนั้น รัชกาลที่ ๕ ทรงบรรยายความรู้สึกด้วยอินทรวิเชียรฉันท์ โดย บรรยายถึงความรู้สึกเบื่อหน่าย หมดกำลังพระทัย เนื่องจากพระอาการประชวรที่ ยาวนาน และยังมีความเจ็บทางใจที่เกิดจากการต้องป้องกันรักษาบ้านเมืองเอาไว้ อีก ทั้งยังมีความกังวลใหญ่หลวงในพระทัย และทรงหวั่นเกรงว่าจะทรงกลายเป็นพระมหา กษัตริย์ที่ราษฎรจะกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุทำให้เสียบ้านเสียเมืองแก่ต่างชาติเช่นเดียวกับ สมเด็จพระมหินทราธิราช และสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ (คำประพันธ์ใช่ว่า “ทวิราช” แปลว่า กษัตริย์สองพระองค์) ในช่วงที่เสียกรุงศรีอยุธยาทั้ง ๒ ครั้ง รัชกาลที่ ๕ ไม่ต้องการจะ เป็นกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่ทำให้เราต้องสูญเสียเอกราชไป ๖
เนื้อเรื่องเต็ม (แบบย่อ) ในส่วนของพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุ ภาพ แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทอินทรวิเชียรฉันท์ โดยแต่งเพื่อถวายกำลังพระทัย รัชกาลที่ ๕ และถวายข้อคิดให้ตระหนักถึงสัจธรรม โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรม พระยาดำรงราชานุภาพเปรียบประเทศไทยเป็นเรือลำใหญ่ลำหนึ่ง อันมีรัชกาลที่ ๕ เป็น กัปตัน ซึ่งเป็นผู้ที่เป็นใหญ่ในเรือ มีอำนาจสั่งลูกเรือ ซึ่งหมายถึงชาวสยาม โดยรัชกาลที่ ๕ ในฐานกัปตันมีหน้าที่นำพาลูกเรือให้รอดพ้นจากพายุคลื่นลมมรสุมต่างๆ ส่วนสัจธรรมที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรง กล่าวถึงคือเรื่องของการทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นทั้งนั้น อีกทั้ง ยังทรงอาสาที่จะถวายชีวิตรับใช้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรงกับ สุภาษิตโบราณที่ว่า “อาสาเจ้าจนตัวตาย” นอกจากนั้น ยังได้ถวายพระพรให้รัชกาลที่๕ ทรงฟื้นจากอาการประชวรโดยเร็ว ๗
เนื้อเรื่องเต็ม (เฉพาะตอนที่เรียน) พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเขษม ทรงประชวรมานาน อยากหายจากอาการป่วยและความทุกข์ให้หมดไป เพื่อความเหนื่อยจะ ได้ลดลง อยากลาตาย ไปสู่ภพหน้าที่มีความสุขกายมากกว่านี้ เป็นฝีสามยอดแล้ว ยังราย ส่านอ ปวดเจ็บใครจักหมาย เชื่อได้ ใช่เป็นแต่ส่วนกาย เศียรกลัด กลุ้มแฮ ใครต่อเป็นจึ่งผู้ นั่นนั้นเห็นจริง ทรงประชวรด้วยโรคฝีสามยอดแล้ว ยังมีไข้ส่าเป็นระยะ ส่งผลให้พระองค์ทรงเจ็บปวด ทรมานมาก ไม่ใช่ปวดเพียงร่างกาย แต่ปวดศีรษะด้วย ผู้ที่เป็นจะรู้ถึงความเจ็บปวดว่ามัน มากขนาดไหน ตะปูดอกใหญ่ตรึ้ง บาทา อยู่เฮย จึง บ อาจลีลา คล่องได้ เชิญผู้ที่เมตตา แก่สัตว์ ปวงแฮ ชักตะปูนี้ให้ ส่งขาอันขยม เหมือนมีตะปูตอกกับเท้า (เปรียบตะปูคือภาระหน้าที่) เดินไม่คล่อง เคลื่อนไหวไม่สะดวก ขอให้ คนมาช่วยชักตะปูออกจากเท้าให้ที (ช่วยสะสางภาระหน้าที่ ให้เบาลง) ๘
ชีวิตมนุษย์นี้ เปลี่ยนแปลง จริงนอ ทุกข์ และสุขพลิกแพลง มากครั้ง โบราณท่านจึงแส เป็นเยี่ยง อย่างนา ชั่วนับเจ็ดทีทั้ง เจ็ดข้างฝ่ายดี ชีวิตนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีทั้งทุกข์และสุขสลับกันไปดั่งคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน เป็นเด็กมีสุขคล้าย ดีรฉาน รู้สุกรู้ทุกข์ หาญ ขลาดด้วย ละอย่างละอย่างพาล หย่อนเพราะ เผลอแฮ คล้ายกับผู้จวนม้วย ชีพสิ้นสติสูญ เป็นเด็กมีความสุขคล้ายเดรัจฉาน รู้สุข ทุกข์ กล้า ขลาด ภาระแต่ละอย่างย่อหย่อนไปเพราะ เผลอคล้ายคนใกล้ตาย ฉันไปปะเด็กห้า หกคน โกนเกศนุ่งขาวยล เคลิบเคลิ้ม ถามเขาว่าเป็นคน เชิญเครื่อง ไปที่หอศพเริ้ม ริกเร้าเหงาใจ ฉันไปพบเด็ก ๕-๖ คน โกนศีรษะนุ่งขาว ไต่ถามได้ความว่าเป็นคนเชิญเครื่องที่หอศพ ทำให้ รู้สึกเศร้าใจ กล้วยเผาเหลืองแก่ก้ำ เกินพระ ลักษณ์นา แรกก็ออกอร่อยจะ ใคร่กล้ำ นานวันยิ่งเครอะคระ กลืนยาก ทนจ่อซ่อมจิ้มจ้ำ แดกสิ้นสุดใบ กล้วยเผาจนเหลือง เหลืองยิ่งกว่าสีผิวของพระลักษณ์ ครั้งแรกอร่อย ใครๆ ก็อยากจะกิน แต่พอหลายวันเข้าก็แข็งกลืนยาก จะเอาซ่อมจิ้มสักกี่ที ก็ไม่อ่อนลงได้ ๙
เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์ มะนะเรื่องบำรุงกาย ส่วนจิต บ มีสบาย ศิระกลุ้มอุราตรึง แม้หายก็พลันยาก จะลำบากฤทัยพึง ตริแต่จะถูกรึง อุระรัดและอัตรา เจ็บมานานนัก นึกเบื่อหน่ายเรื่องการบำรุงรักษาร่างกาย จิตใจก็ไม่สบายกลัดกลุ้มอัดอั้น ตันใจ ยากที่จะหาย มันลำบากใจ ต้องคอยครุ่นคิดกังวล ใจถูกบีบคั้นอดอั้น กลัวเป็นทวิราช บ ตริป้องอยุธยา เสียเมืองจึงนินทา บ ละเว้น ฤ วางวาย คิดใดจะเกี่ยงแก้ ก็ บ พบซึ่งเงื่อนสาย สบหน้ามนุษย์อาย จึงจะอุดแลเลยสูญฯ กลัวจะเหมือนกษัตริย์ทั้งสอง (หมายถึง พระมหาจักรพรรดิ และพรเจ้าเอกทัศน์) ที่ไม่คิด ปกป้องอยุธยา จนเสียเมืองถูกนินทาไม่เว้น คิดหาทางออกไม่ได้ จะสบหน้าใครก็รู้สึกอาย ไม่ อยากเสวยยา ขอก้มหน้าตายไป ๑๐
พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขอเดชะเบื้องบาท วรราชะปกศี- โรตม์ข้าผู้มั่นมี มะนะตั้งกตัญญู ได้รับพระราชทาน อ่านราชนิพันธ์ดู ทั้งโคลงและฉันท์ตู ข้าจึงตริดำริตาม ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าผู้มีใจกตัญญู ได้รับ ราชทานอ่านพระราชนิพนธ์ดูทั้งโคลงและฉันท์ ข้าฯ จึงคิดตาม อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย อันพระประชวรของพระองค์ ปวงชนชายไทยและข้าพระบาทรู้สึกวิตกเกินกว่าจะกล่าวได้ ตามประสาที่อยู่ใกล้ชิด คิดว่าคงไม่หนักหนา หากเอาเลือดเนื้อมาเจือยาได้ก็จะถวาย ทุกหน้าทุกตาตู บ พบผู้จะพึงสบาย ปรับทุกข์ทุรนทุราย กันมิเว้นทิวาวัน ดุจเหว่าพละนา- วะเหว่ว้ากะปิตัน นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางแคลง ทุกคนหน้าตาไม่สบาย ได้แต่ปรับทุกข์กันไม่เว้นแต่ละวัน เหมือนพวกชาวเรือที่ขาดกัปตัน นายท้ายก็สงสัย ไม่รู้จะไปทางไหน นายกลประจำจักร จะใช้หนักก็นึกแหนง จะรอก็ระแวง จะไม่ทันธุรการ อึดอัดทุกหน้าที่ ทุกข์ ทวีทุกวันวาร เหตุห่างบ่ดียาน อันเคยไว้น้ำใจชน ช่างกลประจำเครื่องจักรเรือ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะมัวรีรอก็จะไม่ทันการ อึดอัดทุกหน้าที่ ทุกข์เพิ่มขึ้นทุกวัน เหตุเพราะขาดผู้นำเรือ ๑๑
ถ้าจะว่าบรรดารกิจ ก็ไม่ผิด ณ นิยม เรือแล่นทะเลลม จะเปรียบต่อก็พอกัน ธรรมดามหาสมุทร มีคราวหยุดพายุผัน มีคราวสลาตัน ตั้งระลอกกระฉอกฉาน ถ้าจะเปรียบว่าบรรดากิจการงานทั้งหลาย เหมือนการเดินเรือก็ไม่ผิด เป็นธรรมดา มหาสมุทร ก็มีคราวที่เกิดพายุสลาตัน พัดคลื่นสูง ผิวพอกำลังเรือ ก็แล่นรอดไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกลำไป ชาวเรือก็ย่อมรู้ ฉะนี้อยู่ทุกจิตใจ แต่ลอยอยู่ตราบใด ต้องจำแก้ด้วยแรงระดม หากเรือพอมีกำลังก็จะต้านลมได้ ทำให้แล่นไปได้รอด หากกรรมบันดาลก็คงล่มทุกลำไป ชาวเรือย่อมรู้กันทุกคน แต่ตราบใดยังคงลอยลำอยู่ ก็จำต้องร่วมแรงร่วมใจแก้ไขไป ด้วยกัน แก้รอดตลอดฝั่ง จะรอดทั้งจะชื่นชม เหลือแก้ก็จาจม ให้ปรากฏว่าถึงกรรม ผิวทอดธุระนิ่ง บ วุ่นวิ่งเยียวยาทา ที่สุดก็สูญลา เหมือนที่แก้ไม่หวาดไหว แก้รอดตลอดรอดฝั่ง ก็จะชื่นชม แก้ไม่ได้ก็ต้องจม คิดว่าเป็นกรรม ถ้าทอดธุระนิ่งเฉย ไม่ ขวนขวายเยียวยาแก้ไขทำอะไรในที่สุดจะสูญเสียเรือทั้งลำ เหมือนกับที่แก้ไขไม่ไหว ผิดกันแต่ถ้าแก้ ให้เต็มแย่จึงจมไป ใคร่ห่อนประมาทใจ ว่าขลาดเขลาและเมาเมิน เสียทีก็มีชื่อ ได้เลื่องลือสรรเสริญ สงสารว่ากรรมเกิน กาลังดอกจึงจมสูญ แต่ต่างกันตรงที่ถ้าแก้ไขเต็มที่แล้วเรือจม ใคร ๆ ก็ไม่อาจมาสบประมาทว่าขลาด และโง่ เขลา ถึงจะพลาดท่าเสียที แต่ยังมีชื่อเสียงเลื่องลือ ได้รับการสรรเสริญ สงสารแต่ว่า กรรมมากเหลือกำลังจะต้านทานได้ เรือจึงจมสูญไป ๑๒
นี้ในน้าใจข้า อุปมาบังคมทูล ทุกวันนี้อาดูร แต่ที่พระประชวรนาน เปรียบตัวเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนยาน ผูกเครื่องบังเหียนอาน ประจาหน้าพลับพลาชัย ในใจข้าพระพุทธเจ้า เปรียบเทียบบังคมทูล ทุกวันนี้มีความรู้สึกเดือดร้อนใจ ตั้งแต่พระองค์ทรงพระประชวรมานาน เปรียบตัวข้าพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนะ ผูกเครื่องบังเหียนอานประจำพร้อมหน้าพลับพลา คอยพระประทับอาสน์ กระหยับบาทจะพาไคล ตามแต่พระทัยไท ธ จะชักไปซ้ายขวา ไกลใกล้ บ ได้เลือก จะกระเดือกเต็มประดา ตราบเท่าจะถึงวา ระชีวิตมลายปราณ คอยพระองค์ขึ้นประทับ ขยับเท้าจะพาไป ตามแต่พระทัยของพระองค์จะเสด็จไปทางซ้ายหรือ ทางขวา ไกลใกล้ไม่เลือกจะพยายามเต็มที่ทราบชีวิตจะหาไม่ ขอตายให้ตาหลับ ด้วยชื่อนับว่าชายชาญ เกิดมาประสบภาร ธุระได้บาเพ็ญทา ด้วยเดชะบุญญา ภินิหาระแห่งคา สัตย์ข้าจงได้สัม ฤทธิดังมโนหมาย ขอให้ตายตาหลับ ให้ชื่อว่าลูกผู้ชาย เกิดมาได้ทำภาระธุระที่สำคัญ ขอผลบุญญาอภินิหารแห่งคำสัตย์ของข้าพระพุทธเจ้า จงสัมฤทธิ์ผลดังใจหมาย ขอจงวราพาธ บรมนาถเร่งเคลื่อนคลาย พระจิตพระวรกาย จะผ่องพ้นที่หม่นหมอง ขอจงสาเร็จรา ชะประสงค์ที่ทรงปอง ปกข้าฝ่าละออง พระบาทให้สามัคคี ขออาการพระประชวรของพระองค์จงบรรเทาเบาบางจางหายไป พระหทัยและพระวรกาย จงผ่องพ้นความหม่นหมอง ขอพระองค์จงทำงานสำเร็จตามพระราชประสงค์ ปกเกล้าข้าฝ่า ละอองธุลีพระบาทให้สามัคคี ๑๓
ขอเหตุที่ขุ่ นขัด จะวิบัติพระขันตี จงคลายเหมือนหลายปี ละลืมเลิกละลายสูญ ขอจงพระชนมา ยุสถาวรพู น เพิ่มเกียรติอนุกูล สยามรัฐพิพัฒน์ผลฯ ขอให้เหตุที่ขุ่นข้องขัดใจจงวิบัติด้วยพระขันติ จงคลายและสูญสลายไป ขอให้พระชนมายุ ยืนยาว เพิ่มเกียรติยศ ช่วยเหลือประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง ๑๔
วิเคราะห์คุณค่า ๑. ด้านเนื้อหา : รูปแบบการแต่ง ในส่วนแรกใช้โคลงสี่สุภาพและส่วนที่สองใช้อินทรวิเชียรฉันท์มีการใช้อุปมาโวหาร อุปลักษณ์ โวหาร รสวรรณคดี การเล่นสัมผัสต่างๆ รวมถึงการให้คำราชาศัพท์ให้เหมาะสมกับเนื้อหา ส่วนมาก ใช้พรรณนาโวหาร แทรกด้วยเทศนาโวหาร เด่นที่การใช้อุปลักษณ์และอุปมา จินตภาพด้านภาพ บุคคลวัต นามนัย อติพจน์ เป็นต้น ทั้งยังมีการใช้รสวรรณคดีในการแต่ง โคลงสี่สุภาพ เด็กมีสุขคล้าย ดีรฉาน รู้สุกรู้ทุกข์ หาญ ขลาดด้วย ละอย่างละอย่างพาล หย่อนเพราะ เผลอแฮ คล้ายกับผู้จวนม้วย ชีพสิ้นสติสูญ ในบทนี้มีการใช้อุปมาโวหารเปรียบเด็กว่าชีวิตของเด็กนั้นเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน คือรู้แก่ สุข ทุกข์ ด้วยสัญชาติญาณอันบริสุทธิ์ โดย ร.๕ ทรงพระราชนิพนธ์บทนี้เพราะหวังจะกลับไปเป็นเด็ก ที่ไม่ต้อง มานั่งกังวลถึงปัญหา ไม่ต้องแก้ไข หรือมีความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ อินทรวิเชียรฉันท์ กลัวเป็นทวิราช บ ตริป้องอยุธยา เสียเมืองจึงนินทา บ ละเว้น ฤ วางวาย คิดใดจะเกี่ยงแก้ ก็ บ พบซึ่งเงื่อนสาย สบหน้ามนุษย์อาย จึงจะอุดแลเลยสูญฯ ในบทนี้มีการใช้อุปลักษณ์โวหารว่า ร.๕ ทรงกลัวว่าตัวพระองค์เองจะกลายเป็นเช่นเดียวกับสมเด็จ พระมหินทราธิราช และสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ซึ่งประเทศไทยเราสูญเสียเอกราชในช่วงที่ พระมหากษัตริย์ ๒ พระองค์นี้ขึ้นครองราชย์ ไม่ว่าพระองค์จะทรงครุ่นคิดแก้ไขปัญหานี้เพียงใด ก็ไม่ พบทางออก ทำให้ทรงกลัวว่าจะเป็นที่น่าอับอายในสายตาของประชาชนทั่วไป ๑๕
วิเคราะห์คุณค่า โครงเรื่อง การเขียนจดหมายโต้ตอบระหว่างพระมหากษัตริย์และคนสนิทของพระองค์ โดยเนื้อหาของจดหมาย ส่วนแรก กล่าวถึงอาการป่วย ความหนักใจ และความอึดอัดใจของพระองค์เองที่ไม่สามารถละทิ้งบ้าน เมืองไปได้ และเนื้อหาในส่วนหลังเป็นการโต้ตอบกลับมาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ดำรงราชานุภาพ ซึ่งมีเนื้อความให้กำลังใจ และถวายชีวิตรับใช้พระมหากษัตริย์ของตน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแสดงให้เห็นถึงความกังวลพระทัยที่ทรง พระประชวรเป็นเวลานานประกอบกับความเจ็บทั้งวรกายและพระทัยของพระองค์ เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเขษม ในส่วนของกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเริ่มต้นด้วยการถวายกำลังพระทัยในฐานะที่ทรงปฏิบัติ งานอย่างใกล้ชิด ทรงมีความกังวลและห่วงใยรวมถึงประชาชนหลังจากนั้นเป็นการถวายข้อคิดโดย การใช้อุปมาโวหารพระนิพนธ์จบลงด้วยการถวายพระพรให้ทรงหายจากอาการพระประชวรพร้อมทั้ง ถวายคำให้กำลังพระทัยให้กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอจงวราพาธ บรมนาถเร่งเคลื่อนคลาย พระจิตพระวรกาย จะผ่องพ้นที่หม่นหมอง ขอจงสาเร็จรา ชะประสงค์ที่ทรงปอง ปกข้าฝ่าละออง พระบาทให้สามัคคี ตัวละคร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความรักและห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมากแม้จะ ทรงประชวร ทรงพบเจอเด็กจำนวน ๕-๖ คน ซึ่งทุกคนโกนผมและใส่เสื้อสีขาว ทำหน้าที่เชิญเครื่องที่หอ ศพ การพบปะเด็กในครั้งนี้ ทำให้ ร.๕ ทรงรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ฉันไปปะเด็กห้า หกคน โกนเกศนุ่งขาวยล เคลิบเคลิ้ม ถามเขาว่าเป็นคน เชิญเครื่อง ไปที่หอศพเริ้ม ริกเร้าเหงาใจ ๑๖
วิเคราะห์คุณค่า มีนิสัยรักประเทศชาติและประชากรของตนเอง แม้ประชวรหนักก็นึกถึงส่วนรวมก่อน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของกษัตริย์ที่ต้องดูแลประชาชนในแผ่นดิน และปกป้องบ้านเมืองไม่ให้ใคร มารุกรานได้ คำประพันธ์ได้เปรียบความเจ็บป่วยของพระองค์ดั่งถูกตรึงด้วยตะปู อันแสดงให้เห็นว่า ไม่สามารถกระทำกิจอันใดได้อย่างแต่ก่อน อีกทั้งยังวิงวร ให้หายจากพระอาการประชวร เพื่อจะได้ กลับมาปกครองบ้านเมือง ดังเดิม พระองค์ยังมีความกังวลต่อบ้านเมืองและราษฎร ทรงมิอาจทิ้งให้ ประเทศชาติขาดผู้ปกครองไปในยามที่กำลังถูกรุกรานได้ ตะปูดอกใหญ่ตรึ้ง บาทา อยู่เฮย จึง บ อาจลีลา คล่องได้ เชิญผู้ที่เมตตา แก่สัตว์ ปวงแฮ ชักตะปูนี้ให้ ส่งข้าอัญขยม แสดงถึงความจงรักภักดีของกรมพระยาดำรงราชาภาพและประชาชนที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี รักชาติและพระมหากษัตริย์ของตนเอง ของกรมพระยาดำรงราชานุ ภาพที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยเปรียบตนเป็นม้าที่พร้อมรับใช้พระองค์ ทุกเมื่อแม้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย นี้ในน้ำใจข้า อุปมาบังคมทูล ทุกวันนี้อาดูร แต่ที่พระประชวรนาน เปรียบตัวเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนยาน ผูกเครื่องบังเหียนอาน ประจำหน้าพลับพลาชัย ๑๗
วิเคราะห์คุณค่า ฉากท้องเรื่อง เหตุการณ์กรุงรัตนโกสินทร์ในวิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๖) เหตุการณ์ครั้งนี้มาจาก ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศสเกี่ยวกับเขตแดนทางด้านหลวงพระบาง ซึ่ง เริ่มต้นจากการกระทบกระทั่งกันของกำลังทหารทั้งจากฝั่งไทยและฝรั่งเศส และทวีความรุนแรงขึ้น ไปเรื่อย ๆ เมื่อผู้แทนทางการทูตของทั้ง ๒ ประเทศเจรจาเพื่อหาทางออกไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์ครั้งนี้จบลงเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม รศ. ๑๑๒ ด้วยการลงนามในสนธิสัญญากรุงเทพฯ ซึ่ง มีผลทำให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงไป และเสียอำนาจการปกครองคนในบังคับชาวอิน โดจีนให้แก่ฝรั่งเศส เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสียพระราชหฤทัยเป็น อย่างยิ่งจนทรงประชวรหนักไม่ยอมเสวยพระโอสถ ในระหว่างนี้ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทโคลงและ ฉันท์ เพื่อระบายความเจ็บปวดความทุกข์ทรมานแสนสาหัสจนไม่ทรงปรารถนาที่จะดำรงพระชนม์ ชีพอีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงส่งบทพระราชนิพนธ์ไปอำลาเจ้านาย พี่น้องบางพระองค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่ง เป็นพระเจ้าน้องยาเธอในขณะนั้น เมื่อทรงได้รับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุ ภาพก็ทรงนิพนธ์บทประพันธ์ถวายตอบทันที เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเขษม เป็นการตัดพ้อถึงความทุกข์ต่างๆ ความเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ถึงขนาดกล่าวได้ว่าจะหลุดพ้นจาก ทุกข์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไปสู่โลกเบื้องหน้า ๑๘
วิเคราะห์คุณค่า ๒. ด้านวรรณศิลป์ : มีการใช้ฉันทลักษณ์ที่หลากหลาย การเล่นเสียงวรรณยุกต์ ใครต่อเป็นจึ่งผู้ นั่นนั้นเห็นจริง คำว่า นั่นนั้น เป็นการเล่นเสียงวรรณยุกต์ แบบผันเสียงวรรณยุกต์ โท ตรี ตามลำดับ การเล่นสัมผัสพยัญชนะ ขอเหตุที่ขุ่ นขัด จะวิบัติพระขันตี จงคลายเหมือนหลายปี ละลืมเลิกละลายสูญ เล่นสัมผัสพยัญชนะ ล.ลิง เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง เล่นสัมผัสพยัญชนะ น.หนู และ ป.ปลา ถามเขาว่าเป็นคน เชิญเครื่อง ไปที่หอศพเริ้ม ริกเร้าเหงาใจ เล่นสัมผัสพยัญชนะ ร.เรือ เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์ มะนะเรื่องบำรุงกาย ส่วนจิต บ มีสบาย ศิระกลุ้มอุราตรึง เล่นสัมผัสพยัญชนะ น.หนู ผิวพอกำลังเรือ ก็แล่นรอดไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกลำไป เล่นสัมผัสพยัญชนะ ร.เรือ ๑๙
วิเคราะห์คุณค่า การเล่นเสียงสระ ได้รับพระราชทาน อ่านราชนิพันธ์ดู ทั้งโคลงและฉันท์ตู ข้าจึงตริดำริตาม มีการสัมผัสสระ อิ คำว่า ตริและดำริ เป็นสัมผัสในวรรค ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย มีการสัมผัสสระ เอือ คำว่า เลือด, เนื้อและเจือ สระ อา คำว่า หายและถวาย ไกลใกล้ บ ได้เลือก จะกระเดือกเต็มประดา ตราบเท่าจะถึงวา ระชีวิตมลายปราณ มีการสัมผัสเสียงสระ ไอ ใอ คำว่า และไกลใกล้ สระ อะ คำว่า จะ, กระและประดา การซ้ำคำและการเล่นคำ แก้รอดตลอดฝั่ง จะรอดทั้งจะชื่นชม เหลือแก้ก็จาจม ให้ปรากฏว่าถึงกรรม มีการซ้ำคำว่า แก้ ที่แปลว่าการแก้ไข้ปรับปรุง ทุกหน้าทุกตาตู บ พบผู้จะพึงสบาย ปรับทุกข์ทุรนทุราย กันมิเว้นทิวาวัน มีการเล่นคำว่า ทุก แปลว่าทั้งหลาย และ ทุกข์ที่แปลว่าความไม่สบายกายไม่สบายใจ ๒๐
วิเคราะห์คุณค่า การใช้รสในวรรณคดี ฉันไปปะเด็กห้า หกคน โกนเกศนุ่งขาวยล เคลิบเคลิ้ม ถามเขาว่าเป็นคน เชิญเครื่อง ไปที่หอศพเริ้ม ริกเร้าเหงาใจ สัลลาปังคพิสัย คำว่าเหงาใจแสดงความรู้สึกไปในทางหดหู่, เศร้า เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์ มะนะเรื่องบำรุงกาย ส่วนจิต บ มีสบาย ศิระกลุ้มอุราตรึง แม้หายก็พลันยาก จะลำบากฤทัยพึง ตริแต่จะถูกรึง อุระรัดและอัตรา สัลลาปังคพิสัย ความรู้สึกลำบากใจ ความรู้สึกอึดอัดใจ การใช้โวหาร ชีวิตมนุษย์นี้เปลี่ยนแปลง จริงนอ ทุกข์และสุขพลิกแพลง มากครั้ง โบราณท่านจึงแส เป็นเยี่ยง อย่างนา ชั่วนับเจ็ดทีทั้ง เจ็ดข้างฝ่ายดี สาธกโวหาร ยกตัวอย่างคำพูดของคนโบราณที่ว่า \"ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน\" แปลว่า ชีวิตนั้นไม่เที่ยงมีทั้งสุขและทุกข์ ปะปนกันไป การใช้ภาพพจน์ กล้วยเผาเหลืองแก่ก้ำ เกินพระ ลักษณ์นา แรกก็ออกอร่อยจะ ใคร่กล้ำ ใช้ภาพพจน์อุปมา เปรียบผิวสีเหลืองกว่าพระลักษณ์กับสีเปลือกกล้วย ๒๑
วิเคราะห์คุณค่า เปรียบตัวเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนยาน ผูกเครื่องบังเหียนอาน ประจาหน้าพลับพลาชัย ใช้ภาพพจน์อุปมา เปรียบตนเองเหมือนม้าที่จะเป็นพาหนะของพระมหากษัตริย์ ดุจเหว่าพละนา- วะเหว่ว้ากะปิตัน นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางแคลง ใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์เปรียบข้าราชบริพารเป็นลูกเรือเปรียบพระมหากษัตริย์เป็นกัปตันเรือ ตะปูดอกใหญ่ตรึ้ง บาทา อยู่เฮย จึง บ อาจลีลา คล่องได้ เชิญผู้ที่เมตตา แก่สัตว์ ปวงแฮ ชักตะปูนี้ให้ ส่งขาอันขยม ใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์ เปรียบตะปูเป็นภาระงานที่ติดอยู่กับตัว ถ้าจะว่าบรรดารกิจ ก็ไม่ผิด ณ นิยม เรือแล่นทะเลลม จะเปรียบต่อก็พอกัน ธรรมดามหาสมุทร มีคราวหยุดพายุผัน มีคราวสลาตัน ตั้งระลอกกระฉอกฉาน ใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์ การทำงานต่าง ๆ ก็เหมือนกับการเดินเรือ โดยตามธรรมชาติแล้ว มหาสมุทรย่อมมีทั้งคราวที่สงบเงียบ และคราวที่มีพายุและคลื่นสูง เปรียบได้กับปัญหา ในการทำงาน ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย ใช้ภาพพจน์อติพจน์ ถวายเลือดเนื้อเพื่อผสมเป็นยา เป็นสิ่งที่กล่าวเกินความเป็นจริง ๒๒
วิเคราะห์คุณค่า ๓. ด้านสังคม : เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเขษม การเชื่อเรื่องโลกหน้าหลังความตาย ชีวิตมนุษย์นี้ เปลี่ยนแปลง จริงนอ ทุกข์และสุขพลิกแพลง มากครั้ง โบราณท่านจึงแสดง เป็นเยี่ยง อย่างนา ชั่วนับเจ็ดทีทั้ง เจ็ดข้างฝ่ายดี สะท้อนความเชื่อเรื่องชีวิตไม่แน่นอน หรือ อนิจจัง (บาลี : อนิจฺจํ) แปลว่า ไม่เที่ยง ไม่ ยั่งยืน ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน เป็นฝีสามยอดแล้ว ยังราย ส่านอ ปวดเจ็บใครจักหมาย เชื่อได้ ใช่เป็นแต่ส่วนกาย เศียรกลัด กลุ้มแฮ ใครต่อเป็นจึ่งผู้ นั่นนั้นเห็นจริง โรคในสมัยนั้นที่ยังไม่มีการรักษา และเป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดต่อผู้ที่ป่วย ฉันไปปะเด็กห้า หกคน โกนเกศนุ่งขาวยล เคลิบเคลิ้ม ถามเขาว่าเป็นคน เชิญเครื่อง ไปที่หอศพเริ้ม ริกเร้าเหงาใจ พิธีงานศพ ที่ต้องโกนศีรษะนุ่งขาว ๒๓
วิเคราะห์คุณค่า กล้วยเผาเหลืองแก่ก้ำ เกินพระ ลักษณ์นา แรกก็ออกอร่อยจะ ใคร่กล้ำ นานวันยิ่งเครอะคระ กลืนยาก ทนจ่อซ่อมจิ้มจ้ำ แดกสิ้นสุดใบ กล้วยเผานั้นมีสีเหลืองแก่ยิ่งกว่าสีผิวของพระลักษณ์ (ตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ หมายถึง มีการเสนอนำตัวละครจากวรรณคดี) กลัวเป็นทวิราช บ ตริป้องอยุธยา เสียเมืองจึงนินทา บ ละเว้น ฤ วางวาย คิดใดจะเกี่ยงแก้ ก็ บ พบซึ่งเงื่อนสาย สบหน้ามนุษย์อาย จึงจะอุดแลเลยสูญฯ ภาระหน้าที่ของกษัตริย์ ในการปกป้องประเทศชาติ กลัวว่าตัวพระองค์เองจะกลายเป็น เช่นเดียวกับสมเด็จพระมหินทราธิราช และสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ (ทวิราช) ซึ่ง ประเทศไทยเราสูญเสียเอกราชในช่วงที่พระมหากษัตริย์ ๒ พระองค์นี้ขึ้นครองราชย์ ทำให้ทรงกลัวว่าจะเป็นที่น่าอับอายในสายตาของประชาชนทั่วไป ขอเดชะเบื้องบาท วรราชะปกศี- โรตม์ข้าผู้มั่นมี มะนะตั้งกตัญญู ได้รับพระราชทาน อ่านราชนิพันธ์ดู ทั้งโคลงและฉันท์ตู ข้าจึงตริดำริตาม การเคารพพระมหากษัตริย์ และการรับหน้าที่ในการอ่านราชนิพนธ์ของข้าราชการ อันพระประชวรครั้ง นี้แท้ทั้งไผทสยาม เหล่าข้าพระบาทความ วิตกพ้นจะอุปมา ประสาแต่อยู่ใกล้ ทั้งรู้ใช่ว่าหนักหนา เลือดเนื้อผิเจือยา ให้หายได้ชิงถวาย การเจ็บป่วยของพระมหากษัตริย์ครั้งนี้ เป็นที่ทุกข์ใจของประชาชน ๒๔
วิเคราะห์คุณค่า ทุกหน้าทุกตาตู บ พบผู้จะพึงสบาย ปรับทุกข์ทุรนทุราย กันมิเว้นทิวาวัน ดุจเหว่าพละนา- วะเหว่ว้ากะปิตัน นายท้ายฉงนงัน ทิศทางก็คลางแคลง การนำเข้าอิทธิพลตะวันตก ภาษาต่างประเทศ เช่น กะปิตัน หมายถึงกัปตันในภาษา อังกฤษ เป็นผู้นำเรือซึ่งเปรียบกับ พระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้นำทิศทางของประเทศ และ ประเทศเหมือนเรือลำหนึ่งที่ขาดกัปตันไม่ได้ การคมนาคมในสมัยนั้นที่ยังมีเรือในการเดิน ทาง นายกลประจำจักร จะใช้หนักก็นึกแหนง จะรอก็ระแวง จะไม่ทันธุรการ อึดอัดทุกหน้าที่ ทุกข์ ทวีทุกวันวาร เหตุห่างบ่ดียาน อันเคยไว้น้ำใจชน ช่างกลเปรียบเสมือนข้าราชการที่ต้องช่วยเหลือในการจัดการปัญหาแทนพระมหา- กษัตริย์เพื่อไม่ให้ปัญหามีมากขึ้น ถ้าจะว่าบรรดารกิจ ก็ไม่ผิด ณ นิยม เรือแล่นทะเลลม จะเปรียบต่อก็พอกัน ธรรมดามหาสมุทร มีคราวหยุดพายุผัน มีคราวสลาตัน ตั้งระลอกกระฉอกฉาน ผิวพอกำลังเรือ ก็แล่นรอดไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกลำไป ชาวเรือก็ย่อมรู้ ฉะนี้อยู่ทุกจิตใจ แต่ลอยอยู่ตราบใด ต้องจำแก้ด้วยแรงระดม เปรียบเทียบปัญหาบ้านเมืองเหมือนกับพายุในทะเล หากช่วยกันแก้ไขปัญหาก็จะทำให้ บ้านเมืองสงบสุขได้ ๒๕
วิเคราะห์คุณค่า แก้รอดตลอดฝั่ง จะรอดทั้งจะชื่นชม เหลือแก้ก็จาจม ให้ปรากฏว่าถึงกรรม ผิวทอดธุระนิ่ง บ วุ่นวิ่งเยียวยาทา ที่สุดก็สูญลา เหมือนที่แก้ไม่หวาดไหว ผิดกันแต่ถ้าแก้ ให้เต็มแย่จึงจมไป ใคร่ห่อนประมาทใจ ว่าขลาดเขลาและเมาเมิน เสียทีก็มีชื่อ ได้เลื่องลือสรรเสริญ สงสารว่ากรรมเกิน กาลังดอกจึงจมสูญ การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้สุดความสามารถ ถ้าหากแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ถือว่ามีกรรม มากเกินที่จะแก้ไขปัญหา นี้ในน้าใจข้า อุปมาบังคมทูล ทุกวันนี้อาดูร แต่ที่พระประชวรนาน เปรียบตัวเหมือนอย่างม้า ที่เป็นพาหนยาน ผูกเครื่องบังเหียนอาน ประจาหน้าพลับพลาชัย คอยพระประทับอาสน์ กระหยับบาทจะพาไคล ตามแต่พระทัยไท ธ จะชักไปซ้ายขวา ไกลใกล้ บ ได้เลือก จะกระเดือกเต็มประดา ตราบเท่าจะถึงวา ระชีวิตมลายปราณ เปรียบประชาชนเหมือนม้าที่เป็นพาหนะให้พระมหากษัตริย์แก้ไขปัญหาบ้านเมือง ๒๖
บรรณานุกรม ครูกิ่งกาญจน์. ๒๕๕๘ ขัตติยพันธกรณี (ออนไลน์). https://sites.google.com/ pdp.ac.th/bobysuwicha, ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕. โครงการจุฬาลงกรณ์ราชบรรณาลัย. ๒๕๖๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัว (ออนไลน์). https://kingchulalongkorn.car.chula.ac.th/th/history /rama5_bio, ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕. admin. ๒๕๖๕ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ออนไลน์). http://www.damrong.org/?p=3834, ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕. อดุลย์ บุสสา. ๒๕๕๑. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๖. พิมพ์ครั้งที่ ๑๓. กรุงเทพมหานคร: สกสค. ลาดพร้าว. ๒๗
ภาคผนวก ๒๘
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: