Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาศาสนพิธีธ.ศ.ตรี

วิชาศาสนพิธีธ.ศ.ตรี

Published by suttasilo, 2021-07-06 11:30:53

Description: วิชาศาสนพิธีธรรมศึกษาตรี

Keywords: ธรรมศึกษาตรี,วิชาศาสนพิธี

Search

Read the Text Version

˹§Ñ Ê×ÍàÃÂÕ ¹ ÇÔªÒÈÒʹ¾¸Ô Õ ¸ÃÃÁÈ¡Ö ÉÒµÃÕ

ศาสนพิธี ธรรมศึกษาช้นั ตรี หนา้ ๗๕ วชิ าศาสนพธิ ี ธรรมศกึ ษาชนั้ ตรี ศาสนพธิ ี คอื พิธีกรรมอนั เก่ยี วกบั ทางศาสนา ซง่ึ ทกุ ศาสนากม็ ี เหตทุ ่ีใหเ้ กิดพทุ ธศาสนา กเ็ นอ่ื งจากพระ พทุ ธองคไ์ ดท้ รงตรสั สอนสาวก และพทุ ธบรษิ ัท ไม่ใหท้ าํ ความช่วั ใหท้ าํ แตค่ วามดี และใหช้ าํ ระจิตใจของตนให้ ผอ่ งใส ซึ่งเรียกวา่ “โอวาทปาฏโิ มกข”์ เมอ่ื พทุ ธบรษิ ัทพยายามปฏิบตั ิตามคาํ สอนนนั้ และสรา้ งกศุ ลใหเ้ กดิ ขนึ้ แก่ ตน จึงเป็นการพยายามทาํ ความดี ซ่งึ เรยี กว่าทาํ บญุ การทาํ บญุ นีพ้ ระพทุ ธองคไ์ ดท้ รงแสดงไว้ ๓ ประการ คอื ทาน ศลี ภาวนา ในการตอ่ มาพทุ ธบริษทั ไดน้ ยิ มทาํ บญุ กนั มากขนึ้ ไม่วา่ จะปรารภเหตใุ ด ๆ กต็ าม กร็ วมอยใู่ นหลกั ๓ อย่างนที้ งั้ นน้ั พธิ ีกรรมใดเป็นท่ี นิยมปฏบิ ตั ิกนั สบื ๆ มาจนกลายมาเป็นประเพณี พธิ ีกรรมนน้ั ก็กลายมาเป็นศา สนพิธีขนึ้ ฉะนนั้ ศาสนพิธีจึงมมี ากมาย เม่ือแยกออกไปแลว้ ก็สงเคราะหไ์ ด้ ๔ หมวด คอื ๑. หมวดกศุ ลพธิ ี ว่าดว้ ยการบาํ เพญ็ กศุ ล ๒. หมวดบญุ พธิ ี ว่าดว้ ยพธิ ีทาํ บญุ ๓. หมวดทานพิธี ว่าดว้ ยพิธีถวายทาน ๔. หมวดปกณิ ณะ ว่าดว้ ยพธิ ีเบ็ดเตลด็ หมวดที� ๑ กุ ศลพิ ธี กศุ ลพิธี หมายถึง พธิ ีทาํ ความดใี หแ้ ก่ตนตามหลกั การทางพทุ ธศาสนา ซ่งึ มี ๓ อย่างดว้ ยกนั คือ แสดง ตนเป็นพทุ ธมามกะ เวยี นเทยี นและรกั ษาศลี พธิ ีแสดงตนเป็ นพุทธมามกะ การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะนน้ั คือเม่ือบุคคลผเู้ ลือ่ มใสในพระรตั นตรยั แลว้ จะยอมรบั นบั ถือเป็นท่พี ่งึ ต่อไป จึงไดม้ าแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะตอ่ หนา้ พระสงฆ์ โดยการนาํ เอาดอกไมธ้ ปู เทียนมาสกั การะพระอาจารย์ ผเู้ ป็นพยานในการแสดงตน เสรจ็ แลว้ กลา่ วคาํ นมสั การพระรตั นตรยั (นะโม...) ๓ จบ แลว้ กลา่ วคาํ ปฏญิ าณตน ต่อไปว่า เอสาหงั ภนั เต, สจุ ิระปรนิ พิ พตุ มั ปิ, ตงั ภะคะวนั ตงั สะระณัง คจั ฉามิ, ธัมมญั จะ สงั ฆญั จะ พทุ ธะมามะโกติ มงั สงั โฆ ธาเรต.ุ เมือ่ ผปู้ ฏญิ าณกล่าวคาํ ปฏิญาณจบแลว้ พระสงฆท์ งั้ หมดประนมมือรบั “สาธ”ุ พรอ้ มกนั ตอ่ จากนนั้ ให้ ผปู้ ฏิญาณน่งั ราบแบพบั เพยี บกบั พืน้ ประนมมอื ฟังโอวาทตอ่ ไป เมอื่ ทา่ นใหโ้ อวาทจบลง ผปู้ ฏญิ าณพงึ รบั ว่า “สาธ”ุ แลว้ คกุ เข่าประนมมอื กลา่ วคาํ อาราธนาศีล และสมาทานศลี ตามคาํ ท่ปี ระสงคผ์ เู้ ป็นประธานให้ ครนั้

หนา้ ๗๖ ศาสนพธิ ี ธรรมศึกษาช้ันตรี พระสงฆใ์ หศ้ ีลและบอกอานสิ งสศ์ ีลจบลงแลว้ ผปู้ ฏิญาณกราบ ๓ ครงั้ แลว้ ถวายไทยธรรมเสรจ็ แลว้ เตรียม กรวดนาํ้ เมอ่ื พระสงฆผ์ เู้ ป็นประธานวา่ ยถา...ใหร้ ินนา้ํ ลงยงั ภาชนะทีเ่ ตรยี มไว้ พอพระสวดบทวา่ สพพฺ ีตโี ย ววิ ชชฺ นฺต.ุ .. ใหเ้ ทนาํ้ ลงใหห้ มด ประนมมอื รบั พรไปจนจบ แลว้ กราบพระรตั นตรยั ดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์ ๓ ครง้ั เป็นอนั เสร็จพธิ ี. คำอาราธนาเบญจศลี อะหงั ภนั เต, วิสงุ วิสงุ รกั ขะนตั ถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจาม.ิ ทตุ ิยมั ปิ, อะหงั ภนั เต, วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะนตั ถายะ, ตสิ ะระเณะน สะหะ, ปัญจะ สลี านิ ยาจาม.ิ ตะตยิ มั ปิ, อะหงั ภนั เต, วิสงุ วสิ งุ รกั ขะนตั ถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สลี านิ ยาจาม.ิ (ถา้ รบั หลายคน ใหเ้ ปลี่ยน อะหงั เป็น มะยงั , ยาจามิ เป็น ยาจามะ) คำสมาทานศลี เบญจศลี (พระอาจารยเ์ ป็นผบู้ อก ผปู้ ฏิบตั กิ ล่าวตาม) นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะรหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ ธมั มงั สะระณัง คจั ฉามิ สงั ฆงั สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ พทุ ธงั สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ยิ มั ปิ ธมั มงั สะระณัง คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ สงั ฆงั สะระณัง คจั ฉามิ ตติยมฺปี พทุ ธงั สะระณงั คจั ฉามิ ตะตยิ มั ปิ ธมั มงั สะระณัง คจั ฉามิ ตะตยิ มั ปิ สงั ฆงั สะระณงั คจั ฉามิ (พระอาจารยว์ า่ ตสิ รณคมนงั นิฏฐิตงั ผปู้ ฏญิ าณว่า “อามะ ภนั เต”พระอาจารยว์ ่าต่อไป ผปู้ ฏญิ าณวา่ ตาม) ปาณาตปิ าตา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ มสุ าวาทา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ สรุ าเมระยะมชั ชะปะมาทฏั ฐานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ ฯ อมิ านิ ปัญจะ สกิ ขาปะทานิ สะมาทยิ าม.ิ

ศาสนพธิ ี ธรรมศึกษาช้นั ตรี หน้า ๗๗ (พระอาจารยบ์ อกบทนจี้ บเดยี ว ผปู้ ฏญิ าณพงึ วา่ ซา้ํ ๓ จบ ) สดุ ทา้ ยพระอาจารยบ์ อกอานิสงสศ์ ีล ตอ่ ไปวา่ สีเลนะ สคุ ะตงิ ยนั ติ สีเลนะ โภคะสมั ปะทา สเี ลนะ นิพพตุ ิง ยนั ติ ตสั มา สีลงั วโิ สธะเย. พธิ รี กั ษาอโุ บสถ อโุ บสถ แปลว่า การเขา้ จาํ เป็นอบุ ายขดั เกลากเิ ลสอยา่ งหยาบใหเ้ บาบางลง เป็นทางแหง่ ความสงบ ระงบั อนั เป็นความสขุ อยา่ งสงู สดุ ในทางพระพทุ ธศาสนา การรกั ษาศีลอโุ บสถนน้ั ในวันอโุ บสถผจู้ ะรกั ษาพงึ ลกุ ขึน้ แตเ่ ชา้ ชาํ ระรา่ งกายใหบ้ ริสทุ ธิ์ เปลง่ วาจา อธิษฐานอโุ บสถดว้ ยตนเองกอ่ นหรือไปถงึ ทวี่ ดั กล่าวตอ่ หนา้ พระสงฆ์ วา่ อมิ งั อฏั ฐังคะสะมนั นาคะตงั พทุ ธ ปัญญตั ตงั อโุ ปสะถงั อมิ ญั จะ รตั ติง อิมญั จะ ทิวะสงั สมั มะเทวะ อะภิรกั ขิตงุ สะมาทิยามิ. ตอ่ จากนน้ั จงึ ประกาศองคอ์ โุ บสถต่อหนา้ พระสงฆท์ ี่วดั โดยประกาศองคอ์ โุ บสถขนึ้ ก่อนแลว้ จงึ กล่าวคาํ อาราธนาอโุ บสถศีล ตอ่ ไปว่า มะยงั ภนั เต ตสิ ะระเณนะ สะหะ อฏั ฐังคะสะมนั นาคะตงั อโุ บสะถงั ยาจามะ. (ว่า ๓ จบ) ตอ่ ไปพึง ประนมมอื ตงั้ ใจรบั สรณคมนแ์ ละศลี โดยเคารพ โดยกลา่ วตามคาํ ท่ีพระสงฆบ์ อกเป็นตอน ๆ ไปดงั นี้ นะโม...............(๓ จบ) พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ ธัมมงั สะระณงั คจั ฉามิ สงั ฆงั สะระณัง คจั ฉามิ ทตุ ยิ มั ปิ .... ฯลฯ....... ตะติยมั ปิ สงั ฆงั สะระณัง คจั ฉามิ เม่อื พระสงฆว์ า่ “ติสะระณะคะมะนงั นิฏฐิตงั ” พงึ รบั พรอ้ มกนั วา่ “อามะ ภนั เต” แลว้ ทา่ นจะใหศ้ ลี ตอ่ ไป คอยรบั พรอ้ มกนั ตามระยะท่ีท่านหยดุ ดงั นี้ ปาณาติปาตา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ อะทนิ นาทานา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทิยามิ อะพรหั ม จะรยิ า เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ มสุ าวาทา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ สรุ าเมระยะมชั ชะปะมาทฏั ฐานา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ วิกาละโภชะนา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทิยามิ นจั จะคตี ะวาทิตะวิสกู ะทสั สะนะมาลาคนั ธะวเิ ลปะนะธารณะมณั ฑะนะวิภสู ะนฏั ฐานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ อจุ จาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทิยามิ

หน้า ๗๘ ศาสนพธิ ี ธรรมศึกษาชน้ั ตรี อมิ งั อฏั ฐังคะสะมนั นาคะตงั , พทุ ธะปัญยตั ตงั อโุ ปสะถงั อมิ ญั จะ รตั ตงิ อมิ ญั จะ ทิวะสงั , สมั มะเทวะ อะภิรกั ขิตงุ สะมาทิยาม.ิ หยดุ รบั เพียงเท่านี้ ต่อไปพระสงฆจ์ ะวา่ “อมิ านิ อฏั ฺฐะสกิ ขาปะทานิ อโุ บสะถะวะเสน มะนะสกิ ะริตวา, สาธุกงั อปั ปะมาเทนะ รกั ขิตพั พานิ ” พึงรบั พรอ้ มกนั ว่า “อามะ ภนั เต” และพระสงฆจ์ ะวา่ อานิสงสศ์ ีลต่อไปวา่ สเี ลนะ สคุ ะตงิ ยนั ติ สีเลนะ โภคะสมั ปะทา สีเลนะ นพิ พตุ ิง ยนั ติ ตสั มา สลี งั วโิ สธะเย. พอท่านว่าจบพึงกราบพรอ้ มกนั ๓ ครงั้ ตอ่ ไปพึงน่งั พบั เพียบกบั พืน้ ประนมมอื รอฟังธรรม ซงึ่ ทา่ นจะ แสดงเป็นลาํ ดบั ไป เมอื่ พระแสดงธรรมจบแลว้ ทกุ คนพึงใหส้ าธุการ และสวดประกาศตนพรอ้ มกนั พอจบแลว้ พงึ กราบอกี ๓ ครง้ั เป็นอนั เสร็จพธิ ี. พิธเี วยี นเทียนในวนั สาํ คัญทางพระพทุ ธศาสนา วนั สาํ คญั ในทาง พระพทุ ธศาสนาทพ่ี ทุ ธศาสนิกชนนิยมประกอบพธิ ีกรรมมกี ารบูชาเป็นตน้ เพอ่ื ระลกึ คณุ พระรตั นตรยั เป็นพเิ ศษแตเ่ ดมิ นน้ั กาํ หนดไว้ ๓ วนั คอื วนั วสิ าขบชู า วนั อฏั ฐมบี ชู า และวนั มาฆบชู าแตภ่ ายหลงั ได้ เพมิ่ วนั อาสาฬหบูชาเขา้ มาจงึ รวมเป็น ๔ วนั พิธีกรรมเก่ยี วกบั วนั สาํ คญั ทงั้ ๔ วนั นีม้ ีระเบยี บปฏิบตั เิ หมอื นกนั ทงั้ หมดตา่ งแตเ่ พยี งคาํ บชู ากอ่ นเวยี น เทยี นเท่านัน้ เม่ือถึงเวลาเวยี นเทยี นทางวดั จะตรี ะฆงั เป็นสญั ญาณใหพ้ ทุ ธบรษิ ทั ไดท้ ราบโดยท่วั กนั ครนั้ ทกุ คน พรอ้ มเพยี งกนั แลว้ หวั หนา้ สงฆจ์ ดุ เทยี นและธูปทกุ คนก็จดุ ตามแลว้ หวั หนา้ สงฆจ์ ะนาํ วา่ คาํ นมสั การ ๓ จบ ( นะ โม .......) และคาํ บชู าเทยี นในวนั นน้ั พอเสรจ็ แลว้ หวั หนา้ สงฆก์ จ็ ะเดนิ นาํ หนา้ ประนมมือถอื ดอกไมธ้ ปู เทยี นดว้ ย อาการที่สงบไปทางขวาของสถานท่ีเวยี นเทียนนนั้ คอื เวียนไปใหม้ อื ขวาของตนหนั เขา้ หาสถานที่เวียนเทียนนนั้ พอครบ ๓ รอบแลว้ กน็ าํ ดอกไมธ้ ปู เทียนนน้ั ไปวางไวต้ ามท่ที างวดั ไดจ้ ดั ไวใ้ ห้ ต่อจากนนั้ จึงเขา้ ไปประชมุ กนั ณ พระอโุ บสถหรือสถานทีท่ ่ีทางวดั ไดจ้ ดั ไวโ้ ดยเรมิ่ ทาํ วตั รค่าํ และสวดมนตท์ งั้ บรรพชติ และคฤหสั ถเ์ หมอื นในวนั พระ ธรรมดา เสร็จแลว้ มีเทศนา ๑ กณั ฑ์ เพอ่ื แสดงเร่อื งราวเก่ียวกบั วนั นนั้ ๆกเ็ ป็นอนั เสรจ็ พิธี . หมวดที� ๒ บุ ญพิ ธี บญุ พธิ ีนนั้ ไดแ้ กพ่ ิธีทาํ บุญอนั เก่ียวกบั ประเพณีของคนไทยท่วั ไปท่ีนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาเป็นเร่ือง เก่ยี วกบั งานฉลองบา้ ง งานเพื่อเป็นศิริมงคลบา้ ง เรอ่ื งการตายบา้ ง เมอื่ สรุปมาแลว้ แยกออกไดเ้ ป็น ๒ อยา่ ง คือ ๑. ทาํ บญุ งานมงคล ๒. ทาํ บุญงานอวมงคล การทาํ บุญ นมี้ ีระเบยี บท่วั ไปที่จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ แบง่ ออกเป็น ๒ ฝ่าย คอื ฝ่ายเจา้ ภาพ และฝ่ายสงฆ์

ศาสนพิธี ธรรมศึกษาช้นั ตรี หน้า ๗๙ ฝ่ายเจา้ ภาพตอ้ งจดั เตรยี มสถานทีแ่ ละสิง่ ของต่าง ๆ สาํ หรบั พธิ ีและการปฏบิ ตั ิในพิธีนน้ั ๆ เชน่ การ นิมนตพ์ ระสงฆห์ รอื แขกที่มาในงาน ตลอดถึงการเตรยี มอาหารไวส้ าํ หรบั ถวายพระและเลยี้ งดผู คู้ นทม่ี ารว่ มใน งานเป็นตน้ ฝ่ายสงฆ์ นนั้ ตอ้ งเตรียมตวั เก่ียวกบั การประกอบพธิ ีกรรมตามท่ีไดร้ บั นิมนตไ์ วแ้ ละศกึ ษารายละเอียด เก่ยี วกบั พธิ ีเจรญิ พระพทุ ธมนต์ พธิ ีสวดพระพทุ ธมนต์ พธิ ีสวดอภธิ รรม-สวดมาติกา-สวดแจง-สวดถวายพรพระ เป็นตน้ . หมวดท�ี ๓ ทานพิ ธี พธิ ีถวายทานตา่ ง ๆ เรยี กว่า ทานพธิ ี ซง่ึ มีทงั้ ทานพธิ ีสามญั ที่จาํ เป็นและทน่ี ยิ มบาํ เพญ็ กนั อยโู่ ดยท่วั ไป และรายละเอียดของทานพธิ ีต่าง ๆ ซงึ่ มีผลประวตั ิและวธิ ีการถวาย ซึง่ จะตอ้ งทราบทงั้ ฝ่ายผถู้ วายและทงั้ ฝ่ายผรู้ บั คอื พระภกิ ษุสงฆอ์ กี ดว้ ย การถวายทานคอื การถวายวตั ถทุ ี่ควรใหเ้ ป็นทานเรยี กวตั ถทุ ี่ควรใหเ้ ป็นทาน นวี้ ่า ทานวตั ถุ เชน่ ถวาย ภตั ตาหาร ถวายผา้ เคร่ืองน่งุ ห่ม ถวายเสนาสนะเป็นตน้ การถวายนน้ั นยิ มทาํ กนั ๒ แบบคือ การถวาย เจาะจงเฉพาะภกิ ษุรูปนนั้ รูปนีเ้ ป็นตน้ เรียกวา่ ปาฏิปคุ คลิกทาน และถวายไมเ่ จาะจงเฉพาะภกิ ษุรูปใดรูปหนึง่ ลง ไป คอื มอบเป็นกลางใหส้ งฆจ์ ดั เฉลย่ี ใชส้ อยกนั เอง เรยี กว่าสงั ฆทาน . คำถวายทานตา่ ง ๆ การถวายทานวตั ถดุ งั ทีไ่ ดก้ ล่าวมาแลว้ มีคาํ ถวายแตกต่างกนั ออกไปดงั จะ ไดแ้ สดงเป็นอยา่ ง ๆ ไป ดงั ตอ่ ไปน.ี้ คำถวายสงั ฆทาน อิมานิ มะยงั ภนั เต ภตั ตาน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขสุ งั โฆ, อมิ าน,ิ ภตฺตานิ, สปรวิ ารานิ, ปฏคิ คณั หาต,ุ อมั หากงั , ทีฆะรตั ตงั , หิตายะ, สขุ ายะ. ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย ภตั ตาหาร กบั ทงั้ ของท่เี ป็นบรวิ ารเหลา่ นี้ แก่ พระภกิ ษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ภตั ตาหาร กบั ทงั้ ของทเ่ี ป็นบรวิ ารทงั้ หลายเหลา่ นี้ ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลายเพ่ือ ประโยชน์ และความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย สนิ้ กาลนานเทอญ ฯ คาํ ถวายสงั ฆทาน ( ประเภทมตกภตั อทุ ิศใหแ้ ก่ผตู้ าย ) อิมานิ มะยงั ภนั เต มะตะกะภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ ภิกขสุ งั ฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภกิ ขสุ งั โฆ อมิ านิ มะตะกะภตั ตานิ สะปะรวิ ารานิ ปฏคิ คณั หาตุ อมั หากญั เจวะ มาตาปิตอุ าทนี ญั จะ าตะกานงั กาละกะตานงั ทีฆะรตั ตงั หติ ายะ สขุ ายะ.

หน้า ๘๐ ศาสนพิธี ธรรมศึกษาชั้นตรี ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย มตกภตั ตาหารกบั ทงั้ ของบริวารเหลา่ นี้ แก่ พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั มตกภตั ตาหารกบั ทงั้ ของบริวารเหล่านี้ ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย เพือ่ ประโยชน์ และความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลายดว้ ย แกญ่ าติของขา้ พเจา้ ทงั้ หลายมมี ารดาบดิ าเป็นตน้ ผทู้ าํ กาละล่วงลบั ไปแลว้ ดว้ ย สนิ้ กาลนานเทอญ ฯ คำถวายสลากภัต อิมานิ มะยงั ภนั เต, สะลากะภตั ตานิ , สะปะริวารานิ, อะสกุ ฏั ฐาเน, ฐะปิตาน,ิ ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต ภิกขสุ งั โฆ, เอตานิ, สะลากะภตั ตาน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ปฏคิ คณั หาต,ุ อมั หากงั , ทฆี ะรตั ตงั ,หิตายt, สขุ ายะ. ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จรญิ ภตั ตาหารกบั ทงั้ บริวารทงั้ หลาย ซึ่งไดต้ งั้ ไว้ ณ ที่โนน้ นนั้ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลายขอนอ้ ม ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ซึง่ ภตั ตาหารกบั ทงั้ บริวารเหลา่ นน้ั ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย เพ่ือ ประโยชน์ และความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย สิน้ กาลนานเทอญ ฯ คำถวายผา้ วสั สกิ สาฎก อิมานิ มะยงั ภนั เต, วสั สิกะสาฏกิ าน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ภกิ ขสุ งั ฆสั สt, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขสุ งั โฆ, อิมานิ, วสั สกิ สาฏิกาน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ปะฏคิ คณั หาต,ุ อมั หากงั ทฆี ะรตั ตงั , หติ ายะ, สขุ า ยะ. ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย ผา้ อาบนา้ํ ฝน กบั ทงั้ บรวิ ารเหลา่ นี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ผา้ อาบนาํ้ ฝน กบั ทงั้ บริวารทงั้ หลายเหล่านี้ ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย เพื่อประโยชนแ์ ละ ความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย สนิ้ กาลนาน เทอญ .ฯ คำถวายผา้ จำนำพรรษา อิมานิ มะยงั ภนั เต, วสั สาวาสกิ ะจวี ะราน,ิ สะปะริวาราน,ิ ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยาม, สาธุ โน ภนั เต, ภิกขสุ งั โฆ, อมิ านิ, วสั สาวาสกิ ะจวี ะราน,ิ สะปะริวารานิ, ปะฏคิ คณั หาต,ุ อมั หากงั , ทฆี ะรตั ตงั , หติ ายะ, สขุ ายะ. ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย ผา้ จาํ นาํ พรรษากบั ทงั้ บรวิ ารเหลา่ นี้ แก่พระภกิ ษุ สงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ผา้ จาํ นาํ พรรษา กบั ทงั้ บริวารเหล่านี้ ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย เพ่อื ประโยชนแ์ ละความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย สนิ้ กาลนาน เทอญ .ฯ คำถวายผา้ ปา่ อิมานิ มะยงั ภนั เต, ปังสกุ ูละจวี ะราน,ิ สะปะรวิ าราน,ิ ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุโน ภนั เต ภกิ ขสุ งั โฆ, อมิ านิ ปังสกุ ลู ะจวี ะราน,ิ สะปะริวาราน,ิ ปะฏิคคณั หาต,ุ อมั หากงั ทฆี ะรตั ตงั , หิตายะ สขุ ายะ.

ศาสนพิธี ธรรมศึกษาชัน้ ตรี หน้า ๘๑ ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย ผา้ บงั สกุลจีวร กบั ทงั้ บริวารเหล่านีแ้ กพ่ ระภกิ ษุสงฆ์ ขอพระภกิ ษุสงฆจ์ งรบั ผา้ ป่าบงั สกุลจีวรกบั ทงั้ บรวิ ารเหล่านี้ ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย เพือ่ ประโยชน์ และความสขุ แก่ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลายสนิ้ กาลนาน เทอญ .ฯ คาํ ถวายผ้ากฐนิ ( แบบท่ี ๑ ) อมิ งั , สะปะรวิ ารงั กะฐินะจีวะระทสุ สงั สงั ฆสั สt, โอโณชะยามะ. ( วา่ ๓ จบ . ) ขา้ พเจา้ ทงั้ หลายขอนอ้ มถวาย ผา้ กฐินจีวรกบั ทงั้ บริวาร นีแ้ กพ่ ระสงฆ์ .ฯ คาํ ถวายผา้ กฐิน ( แบบท่ี ๒ ) อมิ งั , ภนั เต สะปะริวารงั , กะฐินะจวี ะระทสุ สงั , สงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, สงั โฆ, อมิ งั สะปะริวารงั , กะฐินะทสุ สงั , ปะฏคิ คณั หาต,ุ ปะฏิคคะเหตวาจะ, อิมานิ ทสุ เสนะ, กะฐินงั , อตั ถะระต,ุ อมั หากงั , ทีฆะรตั ตงั , หติ ายะ, สขุ ายะ. ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย ผา้ กฐินจีวรกบั ทงั้ บริวารนี้ แกพ่ ระสงฆ์ ขอพระสงฆ์ จงรบั ผา้ กฐินกบั ทงั้ บริวารนขี้ องขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ครน้ั รบั แลว้ จงกรานกฐิน ดว้ ยผา้ นี้ เพอื่ ประโยชน์ และความสขุ แก่ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย สนิ้ กาลนาน เทอญ . ฯ หมวดท�ี ๔ ปกิณณกะ ปกณิ กะนีห้ มายถงึ พิธีตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วกบั วธิ ีปฏบิ ตั บิ างประการในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่กล่าว มาแลว้ ขา้ งตน้ ทา่ นไดน้ าํ มาชีแ้ จงเพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจและปฏิบตั ิไดถ้ กู ตอ้ งอีก ๕ ประการ คอื ๑. วธิ ีแสดงความเคารพพระ ๒. วธิ ีประเคนของพระ ๓. วธิ ีทาํ หนงั สอื อาราธนา และทาํ ใบปวารณาถวายจตปุ ัจจยั ๔. วิธีอาราธนาศลี อาราธนาพระปริตร อาราธนาธรรม ๕. วิธีกรวดนา้ํ รายละเอียดจะไดแ้ สดงไปเป็นลาํ ดบั ดงั ตอ่ ไปนี้ คอื -: วธิ แี สดงความเคารพพระ การแสดงความเคารพนเี้ ป็นการแสดงถึงว่าผนู้ น้ั เป็นคนออ่ นนอ้ ม ต่อผทู้ ่ีควรเคารพดว้ ยกายใจอยา่ ง แทจ้ ริง ผทู้ คี่ วรเคารพในทน่ี ไี้ ดแ้ ก่ พระพทุ ธรูปหรอื ปชู นียวตั ถแุ ละพระภิกษุสามเณร การแสดงความเคารพนีม้ ี ๓ อยา่ ง คือ ๑. การประนมมอื (อญั ชลี) ๒. การไหว้ (วนั ทา) ๓. การกราบ (อภิวาท)

หน้า ๘๒ ศาสนพิธี ธรรมศกึ ษาชนั้ ตรี การประนมมือ คอื การทาํ กระพ่มุ มอื ทงั้ สองประนมใหฝ้ ่ามือทงั้ สองประกบกนั นวิ้ ทกุ นวิ้ ของมอื ทงั้ สอง แนบชดิ ตรงกนั ไมเ่ หลอ่ื มลา้ํ กวา่ กนั หรือการใหต้ งั้ ไวร้ ะหว่างอก ใหต้ งั้ ขนึ้ ขา้ งบนมลี กั ษณะคลา้ ยดอกบวั ตมู แนบ ศอกทงั้ สองขา้ งชิดชายโครง เป็นการแสดงความเคารพเวลาสวดมนต์ หรอื ฟังพระสวดและฟังเทศนเ์ ป็นตน้ ทาํ เหมอื นกนั ทงั้ หญิงทงั้ ชาย การไหว้ คอื การยกมอื ทป่ี ระนมขนึ้ พรอ้ มกบั กม้ ศรี ษะลงเลก็ นอ้ ย ใหม้ ือทีป่ ระนมจรดหนา้ ผาก นวิ้ หวั แม่มอื ทงั้ สองอยรู่ ะหวา่ งคิว้ เป็นการแสดงความเคารพพระในขณะน่งั บนเกา้ อหี้ รอื ยืนอยทู่ าํ เหมอื นกนั ทงั้ หญิงชาย การกราบ คือ การแสดงอาการกราบลงกบั พืน้ ดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์ ไดแ้ ก่น่งั คกุ เข่าประนมมือไหว้ แลว้ หมอบลงทอดฝ่ามือทงั้ สองลงท่ีพนื้ แหวกช่องระหวา่ งฝ่ามอื ทวี่ างราบนนั้ ใหห้ า่ งกนั เลก็ นอ้ ยแลว้ กม้ ลงตรง ระหวา่ งนนั้ ใหห้ นา้ ผากจรดกบั พืน้ เรยี กวา่ กราบใหพ้ รอ้ มดว้ ยองค์ ๕ คอื หนา้ ผาก ๑ ฝ่ามอื ทงั้ ๒ และเขา่ ทงั้ ๒ จดกบั พืน้ . วธิ ปี ระเคนของพระ การประเคน คือ การถวายของแกพ่ ระสงฆ์ โดยการถวายนีม้ ีองคป์ ระกอบอยู่ ๕ อยา่ งดว้ ยกนั คอื ๑. ของทีจ่ ะประเคนนนั้ ไม่ใหญห่ รือหนกั เกนิ ไป ๒. ผปู้ ระเคนตอ้ งอยภู่ ายในหตั ถบาส ๓. นอ้ มของท่ีจะประเคนนนั้ เขา้ ไปโดยความเคารพ ๔. นอ้ มเขา้ ไปถวายเลยก็ได้ หรอื จะตกั สง่ ให้ เชน่ ใชท้ พั พีตกั ถวายก็ได้ ๕. พระสงฆจ์ ะรบั ดว้ ยมอื กไ็ ด้ จะเอาผา้ รบั ก็ได้ หรือเอาภาชนะรบั เชน่ เอาบาตรหรือจานรบั ส่งิ ของทเี่ ขา ตกั ถวายกไ็ ด้ วิธีประเคนนน้ั ถา้ เป็นชายน่งั กบั พืน้ พงึ คกุ เขา่ ถวาย หรือถา้ น่งั บนเกา้ อี้ พงึ ยนื ขนึ้ ถวายโดยนอ้ มของเขา้ ไปหาพระ สาํ หรบั ผหู้ ญิงกเ็ ช่นเดียวกนั แตพ่ ระสงฆจ์ ะรบั เลยไมไ่ ด้ ถา้ จะมีผา้ ทอดมารบั ใหว้ างลงทบั ผา้ นนั้ ท่ีท่าน จบั ขา้ งหน่งึ อยู่ เมอ่ื เสรจ็ แลว้ พงึ ไหวห้ รือกราบตามแตส่ ถานท่จี ะเหมาะสม วธิ อี าราธนาและทำใบปวารณา การอาราธนาพระ ไดแ้ ก่ การนมิ นตพ์ ระสงฆไ์ ปประกอบพธิ ีต่างๆ น่นั เอง ในสมยั ก่อนนยิ มนิมนตด์ ว้ ย วาจา แต่ในปัจจบุ นั นยิ มทาํ เป็นหนงั สือเพ่ือแจง้ กาํ หนดงาน และรายการใหพ้ ระสงฆท์ ราบ หนงั สือนิมนตน์ ี้ เรยี กว่า ฎกี านมิ นตพ์ ระ มีขอ้ ความทจี่ ะแสดงดงั นี้ ขออาราธนาพระคณุ เจา้ (พรอ้ มพระสงฆใ์ นวดั นอี้ กี ..... รูป) เจริญพระพทุ ธมนต์ (หรือสวดมนต์ หรอื แสดงพระธรรมเทศนา แลว้ แต่กรณี) ในงาน ...... ทบ่ี า้ นเลขท่ี.... ตาํ บล ..... อาํ เภอ...... กาํ หนดวนั ที่..... เดือน..... พ.ศ. ....... เวลา.... น. ถา้ หากจะนมิ นตใ์ หร้ บั บิณฑบาตเชา้ หรอื เพล ใหบ้ อกดว้ ย ถา้ ตอ้ งการตกั บาตรหรอื ป่ินโต ก็ตอ้ งบอกไวใ้ น ฎีกาใหน้ าํ ไปดว้ ย และถา้ งานนน้ั มรี ถหรือเรอื รบั สง่ ใหห้ มายเหตบุ อกไวด้ ว้ ย

ศาสนพิธี ธรรมศึกษาชนั้ ตรี หนา้ ๘๓ การถวายไทยธรรมนนั้ ถา้ ทายกถวายจตปุ ัจจยั มาอีกสว่ นหน่งึ ดว้ ยนยิ มทาํ ใบปวารณามอบถวายดว้ ย ทงั้ นีก้ เ็ พือ่ จะสงเคราะหใ์ หภ้ ิกษุไดร้ บั ค่าจตปุ ัจจยั นน้ั โดยชอบดว้ ยพระวินยั ใบปวารณานนั้ ยอ่ มทาํ แบบนี้ คือ ขอถวายจตปุ ัจจยั อนั ควรแกส่ มณบริโภค แด่พระคณุ เจา้ เป็นจาํ นวน............... บาท ……..ส.ต. หากพระคณุ เจา้ ตอ้ งประสงคส์ ิ่งใดอนั ควรแก่สมณบรโิ ภคแลว้ ขอไดโ้ ปรดเรียกรอ้ งจากกปั ปิยการผปู้ ฏิบตั ิของ พระคณุ เจา้ เทอญฯ วธิ อี าราธนาศลี อาราธนาพระปรติ ร อาราธนาธรรม การอาราธนา คือ การเชือ้ เชิญพระสงฆใ์ นพธิ ีใหศ้ ีล ใหส้ วดพระปริตร หรือใหแ้ สดงธรรม เป็นธรรม เนยี มมีมาตงั้ แตน่ านที่จะตอ้ งอาราธนาก่อน พระสงฆจ์ งึ จะประกอบพธิ ีกรรมนน้ั ๆ และการอาราธนาทถ่ี ือเป็น ธรรมเนยี มกนั มามี ๓ กรณีเทา่ นน้ั วิธีอาราธนานี้ นยิ มกนั วา่ ถา้ พระสงฆน์ ่งั บนอาสนะยกสงู เจา้ ภาพและแขกน่งั บนเกา้ อี้ ผอู้ าราธนาเขา้ ไปยนื ระหว่างเจา้ ภาพกบั แถวพระสงฆต์ รงกบั รูปที่ ๓ หรือท่ี ๔ หา่ งแถวพระสงฆพ์ อสมควรหนั หนา้ ไปทางโต๊ะท่ี บูชา ประนมมือไหวพ้ ระพทุ ธรูปก่อน แลว้ ยืนประนมมือตงั้ ตวั ตรงกลา่ วคาํ อาราธนาตามแบบท่ีตอ้ งการ ถา้ พระสงฆน์ ่งั อาสนะตา่ํ ธรรมดาเจา้ ภาพและแขกอน่ื น่งั กบั พนื้ ผอู้ าราธนาตอ้ งเขา้ ไปน่งั คกุ เข่าต่อหนา้ แถวพระสงฆ์ ตรงหวั หนา้ กราบประทโี่ ตะ๊ บชู า ๓ ครน้ั ก่อน แลว้ ประนมมอื ตงั้ ตวั ตรง กล่าวอาราธนาตามแบบทีต่ อ้ งการ อนึ่งการเทศนา ถา้ ต่อจากสวดมนต์ ตอนสวดมนตไ์ มต่ อ้ งอาราธนาศีล เร่มิ ตน้ ดว้ ยอาราธนาพระปรติ ร แลว้ อาราธนาศีลตอนพระขึน้ เทศนร์ บั ศีลแลว้ อาราธนาธรรมต่อ แต่ถา้ สวดมนตก์ บั เทศนไ์ ม่ไดต้ ่อเนอื่ งกนั ถอื ว่า เป็นคนละพธิ ี ตอนสวดมนตก์ อ็ าราธนาตามแบบพธิ ีสวดมนตเ์ ยน็ ตามทกี่ ลา่ วแลว้ ตอนเทศนก์ ็เรมิ่ ตน้ ดว้ ย อาราธนาศลี กอ่ น จบรบั ศีลแลว้ จึงอาราธนาธรรมเป็นลาํ ดบั ไป คำอาราธนาศลี ๕ มะยงั ภนั เต วสิ งุ วิสงุ รกั ขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สลี านิ ยาจามะ ทตุ ิยมั ปิ มะยงั ภนั เต วิสงุ วิสงุ รกั ขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ตะตยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต วิสงุ วสิ งุ รกั ขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สลี านิ ยาจามะ คำอาราธนาพระปรติ ร วิปัตติปะฏพิ าหายะ สพั พะสมั ปัตติสทิ ธิยา, สพั พะทกุ ขะวินาสายะ ปะรติ ตงั พะรูถะ มงั คะลงั วปิ ัตตปิ ะฏพิ าหายะ สพั พะสมั ปัตติสทิ ธิยา, สพั พะภะยะวินาสายะ ปะริตตงั พะรูถะ มงั คะลงั

หนา้ ๘๔ ศาสนพิธี ธรรมศกึ ษาชน้ั ตรี วิปัตติปะฏิพาหายะ สพั พะสมั ปัตตสิ ิทธิยา, สพั พะโรคะวนิ าสายะ ปะริตตงั พะรูถะ มงั คะลงั คำอาราธนาธรรม พะรหั มา จะ โลกาธิปะติ สะหมั ปะติ กตั อญั ชะลี อนั ธิวะรงั อะยาจะถะ สนั ตธี ะ สตั ตาปปะระชกั ขะชาติกา เทเสตุ ธมั มงั อนกุ มั ปิมงั ปะชงั ฯ คำกรวดนำ้ อยา่ งสน้ั อิทงั โน ญาตีนงั โหตุ สขุ ติ า โหนตุ ญาตะโย ฯ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook