ก คำนำ คมู่ อื ประจำฐาน / กจิ กรรมการเรียนร้ตู ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดา้ นการศึกษา ฐานการ เรียนรู้/การเล้ียงปลาดุก คูม่ ือฐานการเรยี นร้หู ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เลม่ นี้ จัดทำขึน้ เพอื่ ใช้ ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ในคาบเรยี นรู้ชมุ นุมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของโรงเรียน มธั ยมดงยาง อำเภอนาดูน จังหวดั มหาสารคาม เพื่อใช้เปน็ แนวทางในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ และเป็นคู่มือ ให้นกั เรยี นได้ใชป้ ระกอบการเรยี นรใู้ นกิจกรรมการเลีย้ งปลาดกุ ผ้จู ดั ทำหวังเปน็ อยา่ งยิ่งว่า คูม่ ือฐานการเรียนรู้ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กิจกรรมการเลยี้ งไก่พ้นื บ้าน เลม่ น้ี จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ นักเรยี น ครู และผู้ท่สี นใจอย่างแนน่ อน
สารบญั ข คานา สารบญั ก วิสยั ทศั นโ์ รงเรยี นมธั ยมดงยาง ข แผนผงั ท่ตี งั้ บานการเรยี นรู้ ๑ รุปบบการขบั เคล่ือนปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสฐู่ านการเรยี นรู้ ๒ แผนภมู ิการขบั เคลื่อนปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๓ ความหมายของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๔ ขน้ั ตอนการศกึ ษาฐานการเรียนรู้ ๕ การวเิ คราะหห์ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งกจิ กรรมเลยี้ งปลาดกุ ๗ ใบความรู้ ๘ ภาคผนวก ๑๒ ภาพกจิ กรรม ค บนั ทกึ การถอดบทเรยี น ๑๗ คณะกรรมการฐานจดั ทาบานการเรยี นรุ้ ๒๐ ๒๔
๑ เอกลกั ษณโ์ รงเรยี นมธั ยมดงยาง “คนดีศรดี งยาง” อัตลักษณโ์ รงเรยี นมธั ยมดงยาง “สืบสานวฒั นธรรม นำกีฬา เสรมิ ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ” วสิ ยั ทัศน์โรงเรยี นมัธยมดงยาง “จัดการศึกษาขน้ั พ้นื ฐานอยา่ งมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษา บริหารงานอยา่ งเปน็ ระบบตรวจสอบได้ บุคลากรมีคุณภาพนำส่ือและเทคโนโลยมี าใชจ้ ดั การเรียนการสอน ผเู้ รยี นมี คณุ ธรรมนำความรสู้ ู่การพฒั นาเสรมิ ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ น้อมนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง” พนั ธกิจโรงเรียนมัธยมดงยาง ๑. จดั การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานทีร่ องรับสิทธิและโอกาสทางการศกึ ษาอยา่ งท่วั ถึงทุก กลุ่มเป้าหมายอย่างเสมอภาคตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการศึกษา ๒. จัดการบรหิ ารงานอยา่ งเป็นระบบ ๓. พฒั นาบคุ ลากรใหม้ ีศักยภาพและคุณภาพตามแนวปฏริ ปู การเรยี นรู้ที่เน้นผู้เรยี น เปน็ สำคัญโดยนำส่อื และเทคโนโลยที ี่ทนั สมัยมาใช้ในการจดั การเรยี นการสอน ๔. พฒั นาผู้เรยี นให้เปน็ คนดี คนเกง่ ภมู ิใจ ในความเป็นไทย อยูใ่ นสังคมอย่างมคี วามสขุ ๕. ชุมชนมีสว่ นรว่ มในการส่งเสริมและสนบั สนนุ การจัดการศกึ ษาสงิ่ แวดลอ้ ม ๖. นกั เรยี นเปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรคู้ ู่คณุ ธรรม ภมู ใิ จในความเป็นไทย อยูใ่ นสังคมอย่างมคี วามสขุ ๗. มรี ะบบประกันคุณภาพการศกึ ษาอย่างมคี ณุ ภาพ ๘. ชุมชนมีสว่ นรว่ มและสนบั สนุนในการจดั การศึกษา
๒ แสดงแผนผังทต่ี ั้งฐานการเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง ฐานการเรยี นรู้ กจิ กรรมเล้ียงปลาดุก หอประชมุ ๑ โรงจอดรถ อาคารเรยี นชั่วคราว อาคารเรยี น ๑ ฐานการเรยี นรู้ เกษตรพอเพยี ง กจิ กรรมเลีย้ งไก่พ้ืนบา้ น หอ้ ง ปกครอง สนามตะกร้อ เสาธง อาคารเรยี น ๒ โรงอาหาร สนามฟุตบอล สนาม บาสเกตบอล โรงฝึกงาน หอประชุม๒ อาคารเรยี น๑ ฐานการเรยี นรู้ ฐานการเรยี นรู้ ศูนย์การทอ่ งเที่ยว สคู่ วามเปน็ เลิศ งานประดิษฐ์ หมายเหตุ : ฐานการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง (กิจกรรมเลีย้ งปลาดกุ ) อยเู่ ย้ืองด้านหลังอาคาร ๑
๓ รูปแบบการขบั เคลื่อนหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สฐู่ านการเรียนรู้ / กิจกรรมการเรยี นรู้ โรงเรยี นมัธยมดงยาง ................................................................................................................... รปู แบบการขบั เคลื่อน หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สูฐ่ านการเรียนรู้ โรงเรียนมัธยม ดงยาง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เริ่มจากการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งเข้าสโู่ รงเรียน แลว้ โรงเรยี นตัง้ คณะกรรมการขับเคลื่อนหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของโรงเรียน ซ่ึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างความเข้าใจใน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แกน่ ักเรียน ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาของโรงเรยี น เพ่อื ให้นักเรียนเข้าใจ และครูนำความรู้มา บูรณาการกับแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำสู่ห้องเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทุกรายวิชา โดย โรงเรียนมีนโยบายให้ครูผู้สอนบูรณาการ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ห้องเรียน บทเรียน และนกั เรียนสามารถถอดบทเรียน และสามารถนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมได้ ตลอดทั้งสามารถแนะนำ ให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจ โดย มงุ่ เน้นใหเ้ กิดผลกับผู้เรยี นอย่างยัง่ ยนื จนเปน็ วิถีชีวิต
๔ แผนภมู กิ ารขับเคลือ่ นหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สฐู่ านการเรียนรู้ โรงเรียนมธั ยมดงยาง …………………………………………………………………………………………… ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คณะกรรมการขับเคลอ่ื นหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ภาษาต่างประเทศ การงานอาชีพ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ศิลปะ
๕ เศรษฐกิจพอเพยี ง ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) เศรษฐกจิ พอเพียง หมายถึง ปรชั ญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ไดท้ รงมพี ระราชดำรสั ช้ีแนะแนวทางทค่ี วรดำรงอย่แู ละปฏบิ ัติตนแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๓๐ ปี ตง้ั แต่ ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ๒๕๕๐ ใหใ้ ช้เป็นแนวทางการแกไ้ ข เพอ่ื ใหร้ อดพ้นวิกฤต และสามารถ ดำรงอยไู่ ดอ้ ย่างม่ันคง และยั่งยนื ภายใต้ความเปล่ยี นแปลงต่าง ๆ ลักษณะปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑. เปน็ วิถีการดำเนินชีวิต ท่ใี ชค้ ุณธรรมกำกบั ความรู้ ๒. เป็นการพัฒนาตัวเอง ครอบครัว องค์กร สงั คม ประเทศชาติ ใหก้ า้ วหน้าไปพร้อมกบั ความ สมดุล มนั่ คง ยง่ั ยืน ๓. เปน็ หลักคิดและหลักปฏบิ ัติ เพอ่ื ใหค้ นสว่ นใหญพ่ อมี พอกิน พอใช้ สามารถพึ่งตนเองได้ เพ่ือใหค้ นกับคนในสังคม สามารถอยู่ร่วมกนั อย่างสันติสุข เพือ่ ให้คนกับธรรมชาติ อยู่รว่ มกันอยา่ งสมดลุ ย่ังยนื และให้แตล่ ะคนดำรงตนอย่างมี ศักด์ิศรี และรากเหง้าทางวัฒนธรรม องค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบดว้ ย ๒ ๓ ๔ คือ ๒ เงื่อนไข ๓ หลักการ ๔ มติ ิ คือ กอ่ นทจี่ ะลงมือทำกจิ กรรม ใด ๆ นนั้ ตอ้ งมี เงือ่ นไขสำคัญท่จี ะทำให้การตดั สินใจ และการกระทำ เปน็ ไปพอเพียง จะต้องอาศัยท้ังคุณธรรมและความรู้ ดังน้ี เง่อื นไขความรู้ ประกอบด้วยการฝกึ ตนให้มคี วามรอบร้เู ก่ียวกับวิชาการต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง อยา่ งรอบดา้ น มคี วามรอบคอบ และความระมัดระวงั ทจ่ี ะนำความรูต้ า่ ง ๆ เหลา่ นัน้ มาพิจารณาให้ เชอื่ มโยงกัน เงื่อนไขคณุ ธรรม ทจี่ ะตอ้ งสร้างเสริมให้เปน็ พนื้ ฐานจิตใจของคนในชาติ ประกอบดว้ ย ด้านจิตใจ คือการตระหนกั ในคุณธรรม รผู้ ิดชอบชั่วดี ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ใชส้ ตปิ ญั ญาอย่างถกู ต้องและ เหมาะสมในการดำเนินชวี ิต และดา้ นการกระทำ คือมคี วามขยันหมนั่ เพยี ร อดทน ไมโ่ ลภ ไมต่ ระ หนี้ รู้จักแบง่ ปนั และรับผิดชอบในการอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนในสงั คม ระหวา่ งดำเนนิ การให้ใช้ ๓ หลักการเป็นตัวกำกบั ในการทำกจิ กรรม คือ
๖ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อความจำเป็น และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม รวมท้งั วฒั นธรรมในแต่ละท้องถิ่น ไม่มากเกนิ ไป ไมน่ ้อยเกนิ ไป และต้องไม่เบียดเบยี นตนเองและ ผอู้ ืน่ ความมเี หตุผล หมายถึง การตัดสินใจดำเนินการเรื่องต่าง ๆ อยา่ งมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลัก กฎหมาย หลกั ศีลธรรมจรยิ ธรรม และวัฒนธรรมทดี่ ีงาม โดยพจิ ารณาจากเหตปุ ัจจยั ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน คำนึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทำน้นั ๆ อยา่ งรอบรแู้ ละรอบคอบ ระบบภูมิคุ้มกนั ในตัวที่ดี หมายถึง การเตรยี มตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงใน ด้านตา่ ง ๆ ไมว่ ่าจะเปน็ ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดล้อม และวัฒนธรรม เพ่ือให้สามารถปรับตัวและรับมือได้ อยา่ งทันทว่ งที เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรชั ญาท่ีเป็นทั้งแนวคิด หลักการ และแนวทางปฏบิ ตั ติ นของแต่ละบุคคล และองค์กร โดยคำนึงถงึ ความพอประมาณกบั ศักยภาพของตนเอง และสภาวะแวดล้อม ความมเี หตมุ ีผล และ การมีภมู คิ ุ้มกนั ที่ดีในตวั เอง โดยใช้ความรู้อยา่ งถูกหลักวิชาการด้วยความรอบคอบและระมัดระวงั ควบคู่ไปกับ การมีคุณธรรม ซือ่ สัตยส์ ุจริต ไมเ่ บียดเบียนกนั แบ่งปัน ช่วยเหลือซ่งึ กนั และกนั และรว่ มมือปรองดองกันใน สังคม ซึง่ จะช่วยเสริมสรา้ งสายใยเชอื่ มโยงคนในภาคสว่ นตา่ ง ๆ ของสงั คมเข้าด้วยกนั สรา้ งสรรคพ์ ลังใน ทางบวก นำไปสู่ความสามัคคี การพัฒนาทสี่ มดุลและยงั่ ยนื พรอ้ มรบั ต่อการเปล่ียนแปลงภายใตก้ ระแส โลกาภวิ ฒั น์ได้ การนำเศรษฐกจิ พอเพียงไปประยุกตใ์ ช้ ต้องคำนงึ ถึง ๔ มติ ิ ดงั น้ี ด้านวัตถุ ลดรายจ่าย / เพ่มิ รายได้ / ใช้ชีวิตอย่างพอควร / คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ / มภี ูมคิ ุ้มกัน / ไม่เส่ียงเกนิ ไป / การเผื่อทางเลือกสำรอง ด้านสงั คม ช่วยเหลือเกือ้ กลู / รรู้ กั สามัคคี / สรา้ งความเขม้ แข็งให้ครอบครัวและชุมชน ดา้ นสงิ่ แวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอยา่ งฉลาดและรอบคอบ / เลอื กใช้ทรัพยากรท่มี ีอยอู่ ย่างรคู้ ่าและเกิดประโยชนส์ งู สดุ / ฟ้นื ฟูทรัพยากรเพ่ือใหเ้ กิดความยัง่ ยนื สงู สดุ ดา้ นวฒั นธรรม รกั และเห็นคุณคา่ ในความเป็นไทย เอกลกั ษณ์ไทย / เห็นประโยชนแ์ ละคุ้มคา่ ของภมู ปิ ัญญาไทย ภูมิ ปัญญาท้องถ่ิน / รู้จักแยกแยะและเลือกรับวัฒนธรรมอื่น ๆ
๗ ข้ันตอนการศกึ ษาฐานการเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ฐานการเรยี นรู้ กิจกรรมเลยี้ งปลาดุก ........................................................................................ ๑. นักเรยี นลงช่ือเขา้ ร่วมกจิ กรรมประจำฐาน ๒. นักเรียนศึกษาเอกสาร ตำรา รูปภาพ และป้ายนิเทศเกี่ยวกบั ฐานการเรยี นรู้ โดยการสงั เกต สอบถาม และเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ๓. นักเรยี นรับแบบบันทกึ ผลการศึกษาฐานการเรยี นรู้ ๔. นักเรยี นรบั แบบประเมินผลการศกึ ษาฐานการเรียนรู้ ๕. นักเรยี นซกั ถามปญั หา วิพากษ์ และสรปุ ร่วมกนั กบั นักเรยี นประจำฐานการเรียนรู้ และครปู ระจำฐาน การเรียนรู้ ๖. สิ้นสดุ กระบวนการเรียนรู้ ..................................................................................
๘ ฐานการเรียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง กิจกรรมเลี้ยงปลาดกุ ๑. วตั ถปุ ระสงค์ ๑.๑ วตั ถุประสงคก์ จิ กรรมการเรยี นรู้ ๑.๑.๑ เพอ่ื ศึกษาเรยี นรู้เกยี่ วกบั ศาสตร์พระราชา ศาสตร์ท้องถิน่ ศาสตร์สากลและกจิ กรรมเล้ยี งปลาดุก ๑.๑.๒ เพอ่ื วิเคราะห์หลักความสอดคล้องของหลกั ทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั กบั กิจกรรมเล้ียง ปลาดกุ ๑.๑.๓ เพ่อื ถอดบทเรียนความสอดคล้องของหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกับกจิ กรรมเลี้ยงปลาดกุ ๑.๑.๔ เพื่อนำความรู้ ประสบการณ์ ท่ีได้จากกิจกรรมเล้ียงปลาดุก ไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ๒ วัตถปุ ระสงค์ของฐาน ๒.๑. เพอื่ เปน็ การสร้างรายได้ให้ตนเอง และใหค้ วามรู้แกน่ ักเรยี นในเร่ืองการเลย้ี งปลาดุกใหโ้ ตเร็ว สนอง ความตอ้ งการของตลาด ๒.๒ เพ่อื ใหน้ กั เรียนมจี ิตสำนกึ และตระหนักในเรื่องความสะอาด และการรกั ษาสิ่งแวดลอ้ มภายในโรงเรียนและ ชุมชน ๒.๓ เพ่อื นำผลกำไรจากการซื้อขายปลาดุก มาใชป้ ระโยชนท์ างการศกึ ษาแกน่ ักเรยี น ๒.๔ เพอื่ ให้นกั เรยี นมีรายได้ระหว่างเรยี น ๓. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓.๑ ศกึ ษาความร้จู ากเอกสาร ใบความรู้ของกิจกรรมเล้ียงปลาดุก ๓.๒ วทิ ยากรใหค้ วามรู้ (ครปู ระจำฐาน และนกั เรียนแกนนำ) ๓.๓ ศึกษาจากป้ายนเิ ทศในฐานการเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมเล้ียงปลาดุก ๓.๔ สงั เกตรปู แบบ บทบาท หนา้ ท่แี ละวิธีการดำเนินงานของกจิ กรรมเล้ียงปลาดุก เชน่ ทบี่ า้ นของตนเอง จาก บ่อซเี มนต์ทบี่ า้ น จากปราชญ์ชาวบ้าน ๓.๕ ผูท้ ีม่ าศกึ ษารว่ มซักถาม และแลกเปล่ยี นเรียนรู้กับวิทยากรประจำฐานการเรียนรู้ กิจกรรมเลีย้ งปลาดุก ๓.๖ รว่ มกนั ระดมความคดิ แลว้ สรปุ สาระความรูล้ งในใบงานของตนเอง ๓.๗ ผมู้ าศกึ ษา อภปิ ราย สนทนา แลกเปลีย่ นเรยี นร้ซู ึ่งกันและกนั
๙ ๓.๘ รว่ มกนั ถอดบทเรียนความสอดคล้องของหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงานของ พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยูห่ ัว และ ๓ ศาสตร์ กับกจิ กรรมเล้ยี งปลาดกุ ๓.๙ ร่วมกนั สรุปและบนั ทกึ สาระความร้ทู ี่ได้ลงในสมดุ บนั ทึก ๓.๑๐ นำความร้แู ละประสบการณท์ ่ีได้ไปประยกุ ต์ใช้และขยายผลตอ่ ไป ๔. ส่ือ/อปุ กรณ์ ๔.๑ สมดุ บันทึก เอกสารแนะนำฐานการเรยี นรู้เศรฐกิจพอเพียง กิจกรรมเลยี้ งปลาดกุ ๔.๒ แบบบันทึกการเรยี นรขู้ องฐานการเรยี นรู้เศรฐกิจพอเพียง กจิ กรรมเล้ยี งปลาดุก ๕. ความสอดคล้องกับหลกั การทรงงาน - ปลูกจิตสำนึก - ศึกษาข้อมูลอย่างเปน็ ระบบ - การมสี ่วนรว่ ม - ทำตามลำดับข้ัน คำนึงถงึ ภูมิสังคม - คิดอย่างเป็นองค์รวม มองอยา่ งครบวงจร - พ่ึงพาตนเองจากการพออยู่พอกนิ - ไมต่ ิดตำรา ประหยดั เรยี บง่ายไดป้ ระโยชนส์ ูงสดุ ๖. ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (๒:๓:๔) การใช้ความรู้ เงอ่ื นไขสูค่ วามพอเพียง - การสร้างโรงเรือน การเสริมสรา้ งคุณธรรม - การคัดเลือกซอ้ื สายพนั ธุ์ปลาดุก - การใหอ้ าหาร - ความอดทน - การให้วคั ซนี - ความรบั ผิดชอบ - การจำหนา่ ย - ความขยนั - การประกอบอาหาร - ความซื่อสัตย์ - รกั /สามัคคี - การเสยี สละ/การชว่ ยเหลือกนั
๑๐ พอประมาณ หลักความพอเพียง มีภมู ิค้มุ กนั ในตวั ท่ีดี การให้อาหารปลาดุกใหเ้ หมาะสม มเี หตุผล นักเรยี นมีความรู้การเตรยี มบ่อท่ี กับการลงทุน จำนวนปลาดุก สะอาด แต่งกายใหเ้ หมาะสมกอ่ น เหมาะสมกบั โรงเรือน ปลาดุก เพอ่ื เป็นการเรยี นรู้วัฏจักรการ การลงบอ่ ปลา นักเรียนมีความ เหมาะสมกับจำนวนนักเรียน และ เลย้ี งปลาดกุ เพื่อสง่ เสรมิ พนั ธ์ุ เขา้ ใจในการทำความสะอาดอ่าง การใชน้ ำ้ ในการล้างอ่างปลาดุก ปลาดกุ บ้าน เพ่ือฝึกทกั ษะชีวติ ให้ ปลาดุก สภาพท่ีพืน้ ทเี่ หมาะสม อยา่ งประหยัด และคุม้ คา่ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สภาพแวดลอ้ มของโรงเรือนมี รวมถึงการดแู ลอา่ งปลาดุกให้ ความปลอดภยั สะอาดตลอดเวลา ชว่ ยทำให้ โรงเรือนเลยี้ งปลาดุกไมม่ ีกลน่ิ เหม็น ไม่มีมลพษิ ทางอากาศ และ สามารถนำมาทำเปน็ อาหารได้ เปา้ หมายสมดลุ และพรอ้ มรับการเปล่ยี นแปลงใน ๔ มิติ ดา้ นวัตถุ ด้านสงั คม ด้านสงิ่ แวดล้อม ดา้ นวัฒนธรรม - การใช้อุปกรณใ์ นการ -นักเรยี นมสี ่วนรว่ มใน -ทำความสะอาดบ่อให้ -ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบ เลี้ยงปลาดุก การทำ การเลีย้ งปลาดุก มีการ สะอาดอยู่เสมอ ใช้น้ำ การเข้า - ออก บ่อเลยี้ ง ความสะอาดอ่างปลาดกุ แบง่ งานกันทำ มีความ หมักดับกล่นิ และล้างบ่อ ปลาตามข้อตกลง อย่างถูกวธิ ี เหมาะสม เก้ือกูลซ่งึ กันและกัน ไม่ให้ส่งกลิ่นเหมน็ ปลอดภัย อากาศถ่ายเท ได้สะดวก อาหารปลาดุกใชเ้ ศษ แหนแดงและอาหารเม็ด หรอื รำมาผสมกับอาหาร ปลาดุก
๑๑ ๗. การนำไปประยุกต์ใช้ ๗.๑ การประยุกตใ์ ช้ในการดำเนินชีวติ - นำความรู้เกีย่ วกับการการเลีย้ งปลาดกุ ไปประยุกต์ใชใ้ หต้ รงกบั บริบทของตนเอง - นำความรูเ้ กี่ยวกบั การเลย้ี งปลาดุก ไปใช้ในการเพิ่มรายได้ใหก้ ับครอบครวั และชุมชน - นำความรู้ หลักคดิ หลักทรงงาน ไปประยุกตใ์ ช้และดำเนินชวี ติ อยา่ งพอเพียง ๗.๒ การประยุกต์ใชใ้ นภารกจิ ตามหนา้ ท่ี นำไปประยุกตใ์ ช้ในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน และมกี ารบรู ณาการในกลุ่มสาระการเรยี นร้ตู าม ธรรมชาติของแตล่ ะวชิ า และการจัดภมู ิทศั น์ในโรงเรยี นใหเ้ ป็นแหล่งเรียนรอู้ ยา่ งเหมาะสม ๘. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้และข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ สังเกตพฤตกิ รรมขณะทำกิจกรรมของฐานการเรียนรู้ เช่น สงั เกตจากการสนทนา ซักถาม การจด บนั ทกึ แลกเปล่ยี นเรียนรู้
๑๒ องคค์ วามร้เู กย่ี วกบั การเลี้ยงปลาดุกบกิ๊ อุย ปลาดกุ บกิ๊ อยุ เป็นปลาท่ีคนไทยรู้จกั กนั ดี และมคี วามนยิ มบรโิ ภค ในอัตราที่สงู สามารถ ทำรายได้ใหก้ ับผู้เพาะเลี้ยงอยา่ งงดงาม เพยี งแตม่ ีน้ำดี สภาพพ้ืนทด่ี มี กี ารเอาใจใสด่ ูแลให้อาหารดี รวมท้งั ผูเ้ ลีย้ งขยันศึกษาหาความรู้เพอื่ ประยุกต์ใช้กับกิจการของตน และเพือ่ สนองตอบปจั จยั ใน การเลีย้ งปลาดุกอย่างมีประสทิ ธิภาพ ปลาดุกบก๊ิ อยุ ( Clarias macrocephalus ) เป็นปลาพืน้ บ้านของไทยชนิดไม่มี เกลด็ รปู รา่ งเรียวยาว มีหนวด 4 เสน้ ท่รี ิมฝีปาก สีของ ผวิ หนังค่อนขา้ งเหลอื ง มีจุดประตามตวั และบรเิ วณด้านขา้ งของลำตัวอย่างเดน่ ชัด เนือ้ สอี อก เหลือง มีมนั มาก ลำคัวค่อนขา้ งทู่ สว่ นปลายของกระดกู ทา้ ยทอยจะป้านและสน้ั ปลาดุกบิก๊ อุย เป็นปลา ลูกผสม ระหว่างพอ่ พันธุ์“ปลาดกุ เทศ” (Clarias gariepinus ) กับแมพ่ นั ธ์ุ“ปลาดกุ อุย” ( Clarias macrocephalus ) มลี ักษณะทวั่ ไป คล้ายกับปลาดุก ด้าน แต่มสี ว่ นหวั ยาวกว่าด้านบนกะโหลกขรุขระกวา่ เม่ือมอง ดา้ นบนจะเห็นหัวเปน็ เหลยี่ ม ท้าย ทอยแหลมเป็นโคง้ 3 โค้ง โดยส่วนกลาง ย่นื ยาวมากท่สี ดุ ลำตวั ยาว ครีบหลัง ครีบก้นยาว ลำตวั ด้านบนมีสคี ลำ้ น้ำตาลอมเหลืองและมีลายแตม้ แบบลายหินออ่ นบนตัวแก้มและทอ้ งมสี ีจาง ครบี มีสีเข้มกวา่ ลำตัวเลก็ น้อยและอาจมีขอบเป็นสีแดงส้ม ทโ่ี คนครบี หางมแี ถบตามแนวตั้งสจี าง ลักษณะนสิ ยั ของปลาดกุ ปลาดกุ มลี ักษณะทีต่ า่ งจากปลาอ่ืนอยา่ งเหน็ ได้ชัดคอื ปลาดกุ ไมม่ เี กล็ด รูปร่างเรยี วยาว มี หนวด 4ค่อู ยูท่ ร่ี ิมฝปี าก ตามขี นาดเลก็ มาก ใช้หนวดในการหาอาหาร เพราะหนวดปลาดุกมี ประสาทรับความรสู้ ึกท่ดี กี วา่ ตา ปลาดุกชอบหากนิ ตามหนา้ ดิน มนี ิสัยว่องไว สามารถจะขนึ้ มาอยู่ บนบกได้ทนนานกว่าปลาชนดิ อน่ื ๆ รวมถงึ สามารถท่จี ะอาศัยอยใู่ นดิน โคลน เลน และในน้ำทมี่ ี ปริมาณออกซเิ จนต่ำไดน้ าน เนอ่ื งจากมีอวยั วะพิเศษช่วยในการหายใจน่ันเอง อาหารทป่ี ลาดุกชอบ กนิ สว่ นมากเป็นอาหารจำ พวกเนอ้ื สตั ว์ แตถ่ า้ นำมาเล้ียงในบ่อก็สามารถฝกึ ให้กินอาหารจำพวก พชื ได้รวมถึงสามารถฝกึ นิสยั ให้ปลาดุกขึ้นมากินอาหาร บริเวณผวิ นำ้ แทนการหาอาหารกนิ ตามหน้าดินไดเ้ ชน่ เดยี วกัน อาหารปลาดกุ ปลาดกุ กนิ อาหารจำพวกโปรโตซวั ไรน้ำขนาดเลก็ โรติเฟอร์และแพลงค์ตอนพชื ปลาดุกท่ีมขี นาดโต ขน้ึ จะกินอาหารจำ พวกตวั อ่อนของแมลงลกู กงุ้ ลกู ปู หนอนและอินทรยี ส์ ารทีอ่ ยู่ตามพืน้ โคลน นอกจากน้ยี ัง
๑๓ สามารถฝกึ ให้กินอาหารสมทบทัง้ ประเภทจมน้ำ หรืออาหารชนดิ เมด็ ลอยน้ำไดซ้ ึ่งมสี ่วนผสมของ อาหารประเภทปลายขา้ ว รา กากถั่ว ปลาป่น เป็นต้น ปลาดกุ กินอาหารได้ทั้งพืชและสตั ว์ (Omnivorous) มีนสิ ัยชอบหาอาหารกินในเวลากลางวัน ตามบริเวณพน้ื ก้นบอ่ และจะข้ึนมากินอาหารบริเวณพนื้ ผิวน้ำเป็นบางขณะ ในบางครงั้ ก็ถอื วา่ ปลาชนิดนี้เป็นพวก Scavengers เนื่องจากเปน็ ปลาท่ีมนี ิสยั ชอบกนิ อาหารจำพวกเศษเน้ือทก่ี ำลงั สลายตัว ปลาดุกมนี ิสยั ชอบกนิ อาหารจำพวกเน้อื สัตวม์ ากกว่าอาหารจำพวกพืชหรืออาหารจำพวกแป้ง อาหารตา่ งๆ เหลา่ นี้ ท้ังทม่ี ีตาม ธรรมชาติทง้ั ทผี่ สมใหก้ ินโดยการทำเองมีสารอาหารตา่ งๆซ่ึงจำเปน็ ต้องให้ปลาดุกอยา่ งครบถ้วน ตามที่ปลาดุก ตอ้ งการ ปลาดกุ จึงเจริญเติบโตไดด้ ี คุณค่าทางอาหารทีป่ ลาดกุ ต้องการและจำเป็น การเตรยี มบอ่ เล้ยี งปลา การอนุบาลลกู ปลาดกุ ในบ่อซีเมนต์ สามารถดแู ลรักษาได้งา่ ยขนาดของบ่อซีเมนตค์ วรมี ขนาดประมาณ 2-5 ตารางเมตร ระดบั ความลกึ ของน้ำทีใช้อนุบาลลกึ ประมาณ 15-30 เซนติเมตร การอนุบาลลกู ปลาดุกท่ี มีขนาดเลก็ (อายุ 3 วนั ) ระยะแรกควรใสน่ ้ำในบ่ออนุบาลลึกประมาณ 10 -15 เซนติเมตร เมือ่ ลูกปลามขี นาดใหญ่ขน้ึ จงึ ค่อย ๆเพมิ่ ระดับน้ำใหส้ ูงข้ึน การอนุบาลใหล้ ูกปลา ดกุ มขี นาด 2-3เซนติเมตรจะใชเ้ วลาประมาณ 10-14 วนั น้ำทใี่ ชใ้ น การอนุบาลจะต้องเปลีย่ นถา่ ย ทุกวัน เพ่อื เร่งใหล้ ูกปลาดกุ กนิ อาหารและมกี ารเจริญเตบิ โตดี อกี ท้งั เป็นการป้องกันการเน่าเสยี ของน้ำดว้ ย อาหารทใ่ี ชค้ ือ ไรแดงเป็นหลกั ในบางคร้ังอาจให้อาหารเสริมบ้าง เชน่ ไข่ต๋นุ บดละเอียด เต้าห้อู ่อนบดละเอียด หรืออาจใหอ้ าหารเรง่ การเจรญิ เตบิ โต ซ่งึ หากใหอ้ าหารเสรมิ จะต้องระวังเก่ียวกับการย่อยของลกุ ปลาและการเน่าเสียของน้ำในบอ่ อนุบาลให้ดีด้วย สารเคมีและยาปฏชิ ีวนะทน่ี ิยมใช้ป้องกนั และรกั ษาโรคปลา ชนิดของ วัตถปุ ระสงค์ ปริมาณทใี่ ช้ สารเคมี/ยา เกลือ กำจดั แบคทเี รยี บางชนิดเช้ือราและ 0.1-0.5% แช่ตลอด 0.5-1.0 % แชภ่ ายใต้ ปรสติ การดูแลอยา่ งใกลช้ ิด บางชนิดลดความเครยี ดของปลา ปนู ขาว ฆ่าเชือ้ ก่อนปลอ่ ยปลาปรบั PH ของ 60-100 กิโลกรมั /ไร่ ละลายน้ำแล้วสาดให้ ดินและนำ้ ท่วั บ่อ
คลอรนี ฆา่ เชือ้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ทใ่ี ช้กบั บ่อ 10 พีพีเอม็ แช่ 30 นาที แลว้ ลา้ งดว้ ยน้ำ ดพิ เทอร์เร็กซ์ เลี้ยงปลา สะอาดก่อนใช้ กำจดั ปลิงใส เห็บปลา หนอนสมอ 0.25-0.5 พพี เี อม็ แชต่ ลอด ยาทใ่ี ชค้ วรเป็น ผงละเอียดสีขาวถ้ายาเปลี่ยนเปน็ ของเหลว ฟอรม์ าลนิ กำจดั ปรสติ ภายนอกทั่วไป ไม่ควรใช้ ออกซีดเตตร้าซยั คลิน กำจดั แบคทเี รีย 25-50 พีพีเอม็ แช่ตลอด ระหว่างการใช้ ควรระวงั การขาดออกซเิ จนในนำ้ คลอแรมฟินิคอล กำจัดแบคทีเรีย ผสมกับอาหารในอตั รา 3-5 กรมั /อาหาร 1 กิโลกรมั ใหก้ ินนาน 7-10 วนั ติดตอ่ กนั แช่ ในอัตรา 10-20 กรมั ตอ่ น้ำ 1 ตนั นาน 5-7 วนั ผสมกบั อาหารอตั รา 1 กรัมอาหาร 1 กิโลกรมั หน่งึ สปั ดาหบ์ างคร้ังกใ็ ช้ไม่ไดผ้ ล เน่อื งจากเชื้อแบคทเี รียดอ้ื ยา ในการเลี้ยงปลานักเรียนตอ้ งมีความรบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่ี ท่ไี ด้รับมอบหมาย มีความสามคั คี ขยันอดทน มุ่งมน่ั ในการทำงาน ใหอ้ าหารปลาในปริมาณที่พอดีกับขนาดของปลา และจำนวนปลา ทปี่ ล่อยในบอ่ และใช้เปน็ แหล่งศึกษาหาความรู้ สามารถนำไปประกอบเปน็ อาชพี สร้างรายได้ ให้กับตนเอง ครอบครัว ชุมชน โดยน้ำทใี่ ช้เลี้ยงปลาสามารถนำไปรดผักได้ เป็นการชว่ ยรกั ษา ส่ิงแวดล้อม และเห็นคุณค่าของการนำปราชญ์ชาวบ้าน และภูมิปญั ญาของทอ้ งถ่ินไปใช้ในการ เลย้ี งปลาดกุ
๑๕ ฐานการเรยี นรู้เศรฐกจิ พอเพียง กิจกรรมเลี้ยงปลาดกุ คำสง่ั : จงตอบคำถามในแต่ละข้อต่อไปน้ี ๑. ผเู้ รียนไดเ้ รียนรูอ้ ะไรบ้างจากฐานการเรยี นร้เู ศรฐกิจพอเพยี ง กจิ กรรมเล้ียงปลาดกุ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ผ้เู รียนชอบอะไรมากที่สุดในฐานการเรียนร้เู ศรฐกจิ พอเพียง กจิ กรรมเล้ียงปลาดุก ทำไม และเพราะอะไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................... ................................................................................................ ....................... ๓. ผู้เรียนคิดวา่ ฐานการเรยี นร้เู ศรฐกิจพอเพียง กจิ กรรมเลี้ยงปลาดุก มคี วามเหมาะสม พอเหมาะพอดกี ับภูมิ สงั คมหรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................. ............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................ ๔. ผู้เรียนคดิ วา่ อะไร/สงิ่ ใด/การดำเนนิ การใด ทเี่ ป็นภูมิค้มุ กันในตัวทีด่ ขี องฐานการเรยี นรูเ้ ศรฐกิจพอเพยี ง กิจกรรมเล้ยี งปลาดุก ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................ .............................................................. ๕. ใหน้ ักเรียนวิเคราะห์วา่ ฐานการเรยี นรเู้ ศรฐกิจพอเพียง กิจกรรมเลยี้ งปลาดุก ไดน้ ำหลกั ๒ : ๓ : ๔ ไปใช้ ตรงไหนบ้างและใช้อย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................... ................................................... ........................................................................................................................... ................................................... .
๑๖ ๗. ผู้เรยี นจะนำองค์ความที่ได้รบั จากฐานการเรียนรู้เศรฐกจิ พอเพียง กิจกรรมเล้ียงปลาดุก ไปประยุกตใ์ ชใ้ น การดำเนนิ ชีวติ ได้อยา่ งไรบา้ ง .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ............................................
๑๗ ภาพกจิ กรรมการเรียนการสอน การเตรยี มโรงเรอื น
18
19 การเลยี้ งและจำหนา่ ย
ค ภาคผนวก ๑๙
๒๐ บันทึกการถอดบทเรยี นการดำเนนิ การจดั กิจกรรม ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ใหเ้ ออ้ื ต่อการบ่มเพาะอุปนิสัยนักเรยี น “อยู่อย่างพอเพยี ง” งานกจิ กรรม / ฐานเรยี นรู้ / ชมุ นุม............................................................. ชื่อ........................................................................... หอ้ ง ม.............. เลขที่.................... คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นบันทกึ การเรยี นรู้ จากประเด็นคำถามตอ่ ไปน้ี ๑. นักเรยี นมีเหตผุ ลอะไร ในการเลอื กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมนี้ .................................................................................................................................... .......................................... ......................................................................................... ..................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. บทบาทหน้าท่ีของนกั เรียน ในการจัดกจิ กรรมคร้ังนี้ คือ (ตอบได้มากกว่า ๑ บทบาท) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๓. บทบาทหน้าทด่ี งั กลา่ วมีที่มาท่ีไปอยา่ งไร (อาทิ อาสา/เสนอตนเอง/ได้รบั การเสนอชื่อจากผู้อ่ืน เชน่ ครู เพ่ือน/ขาดผูร้ บั ผดิ ชอบ/ขาดผู้ทถี่ นัดด้านน/้ี ไม่ถนัดแต่อยากฝกึ ฝนตนเอง ฯลฯ) ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................ .................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ๔. นักเรยี นมีวธิ ที ำงาน/ดำเนินการ ตามบทบาทหนา้ ที่อยา่ งไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ .................................................................................................................. ............................................................ ..........................................................................................................................................................
๒๑ ๕. นกั เรยี นมีความรูเ้ พยี งพอกับเร่ืองท่ีศกึ ษาหรอื ไม่ ถ้ามไี ม่เพียงพอจะสามารถหาทางแก้ปัญหานั้นได้ หรือไม่อยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................... .......................................................................... ๖. นักเรียนใช้หลักความพอประมาณ/ทางสายกลาง ในการทำงานอย่างไรบา้ ง ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ๗. ในการดำเนินกิจกรรมตามบทบาทหนา้ ท่ี นักเรียนได้ใช้ความรูอ้ ะไรบ้าง (กรณุ าระบุใหค้ รอบคลมุ ทง้ั หมด) ............................................................................................................................... ............................................... .................................................................................... .......................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ๘. นกั เรยี นได้รับความรู้อะไรบ้าง จากการทำงานตามบทบาทหนา้ ท่ขี องตน .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๙. นักเรยี นไดใ้ ชค้ ณุ ธรรมอะไรบา้ งในการทำงานตามบทบาทหน้าทข่ี องตนจนงานประสบความสำเรจ็ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ........................................................................... ................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..........................................................................................................................................................
๒๒ ๑๐. ขณะเตรยี มงานและเม่ือลงมอื ทำงาน นักเรียนพบอปุ สรรคและปญั หาอะไรบา้ ง ............................................................................................. ................................................................................. ......................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ๑๑. นักเรยี นมวี ิธีการแก้ปัญหาอุปสรรคท่ีเกดิ ข้นึ อย่างไรบ้าง ................................................................................................................................................ .............................. ..................................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ๑๒. นักเรยี นคิดว่าการทำกิจกรรมคร้ังน้ี สรา้ งคุณประโยชนแ์ กน่ กั เรยี นและสว่ นรวมอย่างไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๑๓. ถ้านกั เรยี นไดม้ ีโอกาสฝึกทำกิจกรรมเปน็ หมูค่ ณะภายในโรงเรยี นอีกคร้ัง สิ่งแรกทีน่ ักเรียนคำนึงถึงคือ อะไรและเพราะเหตใุ ดจึงต้องคำนงึ ถึงเปน็ สิ่งแรก ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ ความคดิ เหน็ ของครผู รู้ บั ผดิ ชอบประจำกิจกรรม / ฐานเรยี นรู้ / ชมุ นมุ .............................................................................................................................................. ................................ ................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................... ..................................................... ลงช่ือ ครูผู้รับผิดชอบประจำกจิ กรรม / ชุมนมุ (...............................................) ตำแหนง่ ................................................. ลงช่ือ ครผู ูร้ บั ผดิ ชอบประจำกิจกรรม / ชุมนมุ (...............................................) ตำแหน่ง ................................................
๒๓ การวิเคราะหฐ์ านการเรยี นรูส้ หู่ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงด้านการศึกษา กิจกรรม / ฐานการเรยี นรู้ / ชุมนมุ .............................................................................................. ชอ่ื .................................................................................ช้นั ....................................... โรงเรียนมัธยมดงยาง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดมหาสารคาม เงอ่ื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม ............................................... .................................................. .............................................. .................................................. ............................................. .................................................... พอประมาณ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….............................…… …………………………………………………………………………........................................…………………………………………… มเี หตุผล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………........................................……………………… ภูมคิ มุ้ กันในตวั ที่ดี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………........................................………………………
๒๔ การเชอื่ มโยงสู่ ๔ มติ ิส่คู วามย่ังยนื วตั ถุ – ............................................................................................................................. ........................................... สงั คม – ..................................................................................................................................................................... ส่งิ แวดลอ้ ม – ............................................................................................................................. ............................. วฒั นธรรม – ............................................................................................................................. ...............................
๒๕ คณะกรรมการการจดั ทำฐานการเรียนร/ู้ กิจกรรมการเรียนรู้ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และตอนปลาย โรงเรียนมธั ยมดงยาง อำเภอนาดนู จงั หวดั มหาสารคาม ๑. คณะกรรมการทป่ี รึกษา ๑.๑ นายศภุ ชาติ ชาวพงษ์ ผ้อู ำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ ๑.๒ นายมังกร นอ้ ยเมล์ รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียน รองประธานกรรมการ ๒. ฐานการเรียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี ง กจิ กรรมเลี้ยงปลาดุก ๒.๑ นางปนิ่ สคุ นธ์ ภวาระศรี ครทู ปี่ รกึ ษา ๒.๒ นางจันทร์ยงค์ แสนบุสดี ครทู ปี่ รกึ ษา ๒.๓ นายประณม ไปปา่ ครูทปี่ รกึ ษา ๓. นักเรยี นแกนนำ ฐานการเรียนร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี ง กิจกรรมเลีย้ งปลาดกุ ๓.๑ นางสาวปาริฉตั ร ปะนามะทัง ๓.๒ นางสาวปารชิ าติ ปะนามะทัง ๓.๓ นางสาวชลลธิดา พลเย่ียม ๓.๔ นางสาวจริ ะพร พรชัย ๓.๕ นางสาวจริ าพร ปะนาตา ๓.๖ นางสาวป่นิ มณี บุตรแล
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: